คลังเก็บป้ายกำกับ: HP_SPECTRE_X360

แนะนำ Notebook 2020 ทำงานบางเบา 5 รุ่น ได้พอร์ต Thunderbolt 3 แรงลื่นล้ำที่ดีที่สุด ราคาเริ่ม 13,900 บาท

Notebook ปี 2020 เกือบทั้งหมด 100% จะมาพร้อมกับพอร์ตอย่าง USB Type-C กันแล้ว ซึ่งถึงแม้จะใช้เป็นฟอร์มนี้ แต่มาตรฐานการรองรับก็จะแตกต่างกันออกไป โดยมีทั้ง USB 2.0/ 3.0/ 3.1 / 3.2 ซึ่งสังเกตว่ารูปข้างพอร์ตจะเป็นสัญลักษณ์ปกติเหมือนกับที่เราเห็นใน USB Type-A ที่ถ้าจะให้ชัวร์เราต้องดูจากหน้าสเปกของ Notebook รุ่นนั้นๆ อีกที อีกทั้งยังมี USB Type-C มาตรฐาน 3.1 / 3.2 ที่มีสามารถเอามาต่อจอแยกผ่านสาย Type-C ได้ รวมถึงชาร์จไฟโน้ตบุ๊คได้ ด้วยฟีเจอร์ PD (Power Delivery) โดยใช้สายเพียงเดียว (โดยปกติส่วนใหญ่จะมีสัญลักษณ์เหมือนรูปด้านขวามากกว่า ตัว D ย่อมาจาก Display Port)

แต่ที่ล้ำหน้ายิ่งกว่าก็คือพอร์ต Thunderbolt 3 ที่มีฟอร์มหรือหน้าตาภายนอกเหมือนกับ USB Type-C เลย แต่เป็นพอร์ตเทพที่สามารถทำได้ทุกอย่างจากที่กล่าวมาบนก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นเพราะตัวเครื่องภายในจะมีคอนโทรลเลอร์พิเศษไว้ควบคุมเฉพาะตัว ซึ่งสามารถจ่ายไฟชาร์จได้สูงสุดถึง 100W รับส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูงสุดถึงระดับ 40GB/s แน่นอนว่าต่อจอแยก 4K ก็ยังได้ และยังสามารถต่อ eGPU หรือกล่องการ์ดจอแยกได้อีกด้วย ปกติแล้วพอร์ตนี้จะอยู่ในเฉพาะ Notebook ระดับสูงเท่านั้น สัญลักษณ์จะใช้เป็นรูปสายฟ้าชัดเจน

ซึ่งในบทความนี้เราก็จะมาแนะนำ Notebook ปี 2020 เน้นเพื่อการทำงาน ดีไซน์บางเบาจำนวน 5 รุ่น 5 แบรนด์ ที่ได้ติดตั้งพอร์ต Thunderbolt 3 แรงลื่นล้ำที่ดีที่สุด ซึ่งมาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10U รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ได้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีกว่าเดิมในทุกๆ ด้าน รวมไปถึงแบตเตอรี่และความร้อนที่เกิดน้อยลงด้วย ในส่วนของสเปกอื่นๆ ก็สมกับเป็น Notebook ระดับสูง เพราะมาพร้อมหน่วยความจำแรม 16GB และได้ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB ได้ความเร็วสูงสุด การเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi 6 AX เป็นมาตรฐาน ส่วนหน้าจอได้ความละเอียดเริ่มต้นเป็น Full HD / Quad HD / Ultra HD ในราคาเริ่มเพียง 13,900 บาทเท่านั้น จะมีรุ่นอะไรบ้างไปชมกันต่อเลย

Acer Swift 3 ราคา 13,900 – 28,900 บาท

Acer Swift 3 เป็นโน้ตบุ๊คบางเบาที่จัดเต็มเรื่องความคุ้มค่า การพกพา งานประกอบ และสิทธิภาพที่ดีเยี่ยม โดยรุ่นใหม่ได้เปิดตัวมาตั้งแต่ช่วงปลายปีในปี 2019 นี้ จนถึงตอนนี้ปี 2020 ก็ยังนับว่าเป็นโน้ตบุ๊คประเภท Ultrabook ที่คุ้มค่าที่น่าจับตามองที่สุด ในราคาเริ่มต้น 13,900 บาท กับสเปกที่เพิ่งออกมาให้เป็นสเปก i3-1005G1 / i5-1035G1 /  i7-1065G7 + MX 250 / MX350 ได้ฟีเจอร์ครบครันครบเครื่อง พร้อมมีพอร์ต Thunderbolt 3 ที่รองรับการใช้งานที่ดีที่สุด นอกจากนี้ยังได้การเชื่อมต่อไร้สายเป็น Wi-Fi 6 AX ที่ใหม่ที่สุดด้วย พร้อมได้โปรแกรม Office Home & Student 2019 (มูลค่า 4,299 บาท) ไปใช้งานติดเครื่องแบบฟรีๆ ไม่ต้องซื้อเองไปใช้งานด้วย

 

Acer Swift 3 จะเลือกใช้ชิปประมวลผล Intel  Core i Gen 10 สถาปัตยกรรม Ice Lake เทคโนโลยีการผลิตที่ 10 นาโนเมตร  ที่แรงกว่าเดิม จัดเต็มเรื่องความคุ้มค่า การพกพา ซึ่งมีน้ำหนักเพียง 1.19 กก. และบางเพียง 15.95มม. เท่านั้น เหมาะกับนักเรียน นักศึกษา คนทำงาน ที่ต้องการโน้ตบุ๊คคุ้มค่า หรูหรา บางเบา จบครบในเครื่องเดียว ได้ประกันระยะ 3 ปี โดยปีแรกจะเป็นแบบ On-site Service พร้อมบริการซ่อมเครื่องด่วนภายใน 3 ชั่วโมง ทั้งหมดนี้เลยทำให้ Acer Swift 3 เป็นโน้ตบุ๊คในตลาดปี 2020 ที่น่าซื้อจริงๆ โดยมีสีสันให้เลือกถึง 3 สีด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น Steel Gray / Glacier Blue / Millennial Pink

สเปก ดีไซน์การออกแบบ พร้อมฟีเจอร์ต่างๆ นั้น เป็นการต่อยอดจากรุ่นเดิมที่ดูลงตัว เพราะดูแล้ว Acer ทำการบ้านมาเป็นอย่างดีกับโน้ตบุ๊คบางเบาราคาคุ้มค่า ที่ราคาไม่แพง แต่ได้สเปกแรงขึ้นด้วยการ์ดจอแยก MX350 เหมาะมากๆ สำหรับคนทำงานจริงจังพนักงานออฟฟิศ หรือนักเรียนนักศึกษา ที่เน้นใช้งานทั่วไปให้ประสิทธิภาพพอตัว รวมไปถึงเล่นเกม 3 มิติบ้าง แต่พกพาไปที่นู้นที่นั่นบ่อยๆ ซึ่งรองรับการทำงานได้ยาวนานกว่าโน้ตบุ๊คปกติ ทำให้เราสามารถพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้อย่างคล่องตัวเหมือนอย่างที่ Ultrabook ราคาแพงหลายหมื่นบาทสมัยก่อนทำได้เลยล่ะ

พอร์ตเชื่อมต่อนั้นก็ยังมีพอร์ตมาตรฐานซึ่งมาให้ค่อนข้างครบ อย่าง Thunderbolt 3 (เป็น USB 3.1 Type-C + DisplayPort + Power Delivery), USB 3.1 Type-A, USB 2.0 Type-A, HDMI สำหรับเชื่อมต่อจอภายนอก ที่สำคัญยังมาพร้อม Dual-Band Intel Wi-Fi 6 (GIG+) 802.11ax ที่แรงขึ้น 3 เท่า และการเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth 5.0 ใหม่ล่าสุด แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน พร้อมยังสามารถชาร์จได้รวดเร็วด้วยการชาร์จเพียง 30 นาที ก็สามารถใช้งานได้ถึง 4 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือแบบใหม่ที่เพียงแตะเท่านั้น คล้ายๆ ใช้งานพวกสมาร์ทโฟน ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่ใช้งานได้ง่ายและสะดวกมากๆ

Lenovo Yoga Slim 7 14  ราคา 31,990 – 39,990 บาท

ดีไซน์การออกแบบโดยรวมของ Lenovo Yoga Slim 7 14 นั้นจะดูเล็กกว่าโน้ตบุ๊คหน้าจอ 14″ แบบสมัยก่อนอยู่พอสมควร เนื่องด้วยขอบจอที่บางกว่าปกติ ทำให้ตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพา แต่ทั้งนี้ถึงแม้ว่าตัวเครื่องจะเล็กพอๆ กับโน้ตบุ๊คจอ 13.3″ ส่งผลให้ Lenovo Yoga Slim 7 14 เป็นอีกหนึ่ง Ultrabook ปี 2020 ที่ดูเล็กกระทัดที่สุด โดยมีน้ำหนักอยู่ที่ 1.4 ด้วยดีไซน์ออกมาได้ขอบหน้าจอบาง ส่วนของตัวเครื่องทั้งหมดจะใช้เป็นอะลูมิเนียมเป็นส่วนประกอบ ทำให้ได้ข้อดีมาก็คือทั้งความแข็งแรงและน้ำหนักที่เบา ส่งผลให้ภาพลักษณ์โดยรวมของตัวเครื่องดูหรูหราให้อารมณ์พรีเมียมสุดๆ

ตัวเครื่องมีการออกแบบโดยรวมให้ดูทันสมัยและเรียบง่าย โลโก้ Lenovo จะมีอยู่ 2 จุดเท่านั้น คือ มุมบนฝาหลังด้านซ้าย และมุมใต้หน้าจอด้านซ้ายเท่านั้น ที่มุมตัวเครื่องจะทำให้เป็นแบบโค้งมน แต่ว่าไม่ได้มนมากจนเกินไป ตามมาด้วยการใส่รายละเอียดในการทำให้ตัวเครื่องมีลักษณะงานประกอบทั้งหมดแทบจะเป็นชิ้นเดียวกัน แบบ Unibody ส่งให้เวลาที่เราจับถือหรือใช้งานจะรู้สึกว่าแน่นหนา ซึ่งจากการใช้งานจริงพื้นผิวบางนี้เป็บรอยนิ้วมือค่อนข้างยาก ฉะนั้นหายห่วงเรื่องความสะอาดได้เลย หรือถ้าจะเช็ดก็ง่ายดาย โดดเด่นด้วยสีสันใหม่ไม่ซ้ำใครอย่าง Slate Grey

สเปกของ Lenovo Yoga Slim 7 14 ใช้ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i7-1065G7 หรือ Core i5-1035G1 สถาปัตยกรรม Ice Lake ที่เทคโนโลยีการผลิตที่ 10 นาโนเมตร มีค่า TDP ที่ 25Watt ส่วนการ์ดจอติดตั้งเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง NVIDIA GeForce MX350(2GB GDDR5) ด้านแรมก็ติดตั้งมาให้ขนาด 16GB LPDDR4X Bus 3200MHz และที่เก็บข้มูลแบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB – 1TB ที่ทั้งมีพื้นที่เยอะและลื่นไหล เพียงพอกับการใช้งาน มาพร้อม Windows 10 และซอฟต์แวร์จากทาง Lenovo Vantage ที่ช่วยในการจัดการปรับแต่ง

อีกส่วนที่น่าสนใจก็คือหน้าจอ โดย Lenovo YOGA C940 ใช้หน้าจอขนาด 14″ ความละเอียดระดับ Full HD อัตราส่วน 16:9 ขอบจอบางเฉียบ พาเนลจอแบบ IPS เกรดสูง ที่ให้มุมมองกว้างถึง 178 องศา  พอร์ตเชื่อมต่อมี Thunderbolt 3 เป็นมาตรฐาน พร้อม Wi-Fi 6 AX (2 x 2) นอกจากนี้ยังมี 3D IR Camera สำหรับใช้งานร่วมกับฟังก์ชัน Windows Hello ของ Windows 10 เพื่อล็อกอินโดยใช้การสแกนใบหน้า สำหรับประกันเป็น 2 ปี ตามมาตรฐาน Lenovo ที่ทุกคนมั่นใจ ปิดท้ายเรื่องความคุ้มค่าพร้อมใช้งานทันทีด้วยโปรแกรม Office Home & Student 2019 (มูลค่า 4,299 บาท) ด้วย

MSI Prestige 14 ราคา 35,900 – 43,900 บาท

MSI Prestige 14 แบ่งออกเป็น 3 รุ่น 3 สี 3 สเปก โดยมีสี Pure White / Rose Pink Limited Edition / Grey เป็นโน้ตบุ๊ครุ่นใหม่หน้าจอ 14″ ตัวแรงลื่น สีชมพูโดดเด่นเหมาะกับสาวๆ อย่างที่สุด โดยมาพร้อมกับประสิทธิภาพจากชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10U รุ่นล่าสุดอย่าง Core i7-10510U / Core i7-10710U ผสานการทำงานร่วมกับการ์ดจอ NVIDIA GeForce MX250 / MX330 / GTX 1650 Max-Q และฟีเจอร์พอร์ต Thunderbolt 3 / USB PD ที่สำคัญคือตัวเครื่องมีความพรีเมียมและบางเบาอย่างที่สุด มีน้ำหนักเพียง 1.29 กิโลกรัมเท่านั้น ในส่วนของสเปกแรมได้มาขนาด 16GB DDR4 Bus 2666MHz และ SSD M.2 NVMe ที่ความจุ 512GB จัดเต็ม ส่งให้มีประสิทธิภาพในการทำงานที่ทรงพลังอย่างที่สุด สนับสนุนทั้งทำงานได้เต็มที่

สำหรับ MSI Prestige 14 ถือว่าเป็นโน้ตบุ๊คประสิทธิภาพสูงแต่บางเบาขนาดหน้าจอ 14″ รุ่นล่าสุดอีกรุ่นหนึ่งที่ครบเครื่อง ดีไซน์ที่เน้นความบางเบา พกพาได้สะดวก โดยยังรักษาความเป็นโน้ตบุ๊คสายทำงานมืออาชีพได้อย่างสมบูรณ์แบบ การออกแบบให้ความรู้สึกที่ดุดันพรีเมียมด้วยวัสดุอลูมิเนียม ตลอดทั้งตัวเครื่อง พร้อมตัดขอบเพชรเพิ่มความหรูหรา พร้อมความทนทานระดับ Military Standard ด้วยการผ่านการทดสอบคุณภาพอย่างเข้มงวด ทั้งทนร้อนทนเย็น ความดันอากาษ ความชื้นและฝุ่นต่างๆ ในระดับหนึ่ง ซึ่งดูแล้วเป็นการเปลี่ยนจากรูปแบบเดิมๆ ที่โน้ตบุ๊คสายทำงานมืออาชีพต้องดูดำๆ ดีไซน์โบราณ ให้กลายเป็นโน้ตบุ๊คที่ดูน้อยแต่เรียบหรูและน่ารักนั่นเอง

สเปกหน้าจอขนาด 14″ ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล Full HD ซึ่งให้ประสบการณ์การใช้งานที่ประทับใจอย่างสุดๆ ขอบจอเป็นสีชมพูบางเฉียบโดยมีพื้นที่แสดงผลกว่า 90% จอเป็นแบบด้านที่ให้เรื่องสีสันสดใส รองรับใช้การดูภาพ ดูวิดีโอ และเล่นเกมก็ทำได้อย่างเป็นอย่างดี ส่วนบานพับก็แข็งแรงกว่ารุ่นก่อนๆ พร้อมกางได้ 180 องศา ทำให้นำเสนองานได้อย่างเต็มที่และง่ายขึ้นกว่าเดิม ที่สำคัญยังเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายก็ครบครันด้วย Wi-Fi 6 AX (2 x 2) และ Bluetooth 5.0 ส่วนพอร์ตการเชื่อมต่อก็มีทุกรูปแบบรวมไปถึงได้ Thunderbolt 3 จำนวน 2 พอร์ต เป็นมาตรฐานอีกด้วย

MSI Prestige 14 พร้อมระบบปฎิบัติการ Windows 10 และซอฟต์แวร์ Creator Center ช่วยปรับแต่งการทำงานที่ใช้งานได้ทันทีตั้งแต่เปิดเครื่องครั้งแรก นอกจากนี้ยังมี Fingerprint สำหรับใช้งานร่วมกับฟังก์ชัน Windows Hello ของ Windows 10 เพื่อล็อกอินโดยใช้การสแกนนิ้ว ส่วนการรับประกัน 2 ปี ตามมาตรฐานของ MSI (ปีแรกประกันทั่วโลก)

พิเศษสำหรับรุ่นสี Rose Pink Limited Edition รับไปทันที Pink Gift Set – Limited Edition ที่ข้างในนั้นบรรจุไปด้วยซองหนังสีชมพูลายเรียบหรู ดูดี, พวงกุญแจ Dragon Lucky สีชมพู, และ Prestige Wireless Mouse Limited Edition มูลค่านั้นรวมทั้งสิ้น 3,000 บาท  ทั้งหมดนี้ในราคาเพียง 38,900 บาทเท่านั้น ส่วนรุ่น Core i7-10510U + MX250 (Pure White) จะมีราคา 35,900 บาท และรุ่นท็อปสุด Core i7-10710U + GTX 1650 Max-Q (Grey) มีราคา 43,900 บาท

HP Spectre x360 ราคา 42,900 – 55,900 บาท

HP Spectre x360 ปี 2020 ดีไซน์การออกแบบ HP Spectre x360 ปี 2020 ถือว่าเป็น 2-in-1 Notebook ตัวท็อปสุดในตลาดอีกหนึ่งรุ่น เพราะด้วยความบางตัวเครื่องระดับ 14.7 มิลลิเมตร กับน้ำหนักแค่ 1.3 กิโลกรัมเท่านั้น โดยตามภาพประกอบมาพร้อมสี Poseidon Blue หรือ Dark Ash Silverตัดกับสี Copper Luxe  ชิปประมวลผลสถาปัตยกรรม Ice Lake เทคโนโลยีที่ 10 นาโนเมตร ที่เล็กและร้อนน้อยกว่าเดิม เพิ่มเติมด้วย AI มาช่วยการประมวลผลให้ดียิ่งขึ้นเริ่มต้นเป็นสเปก Core i5-1035G1 ราคา 42,900 บาท และ Core i7-1065G7 ราคา 55,900 บาท ได้หน้าจอแสดงผลขนาด 13.3″ ความละเอียด Ultra HD 4K พาเนล OLED ความคมชัดสูง หรือ IPS ความละเอียด Full HD

ได้หน่วยความจำแรม 16GB LPDDR4 Bus 3200 MHz  และ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB ที่ทำงานร่วมกับ Intel Optane Memory ความจุ 32GB ให้ความเร็วลื่นแรงที่มากกว่า หน้าจอเป็นพาเนล IPS ระดับสูง ขนาด 13.3″ ความละเอียด Ultra HD 4K พร้อมได้มุมมองที่กว้างและสีสันสดใส รองรับการทัชสกรีนเต็มรูปแบบ โดยเป็นกระจก Corning Gorilla ให้ความทนทานอย่างที่สุดตัวเครื่องติดตั้งกล้อง Webcam ความคมชัดระดับ HD และไมโครโฟนแบบ Dual Microphone ไว้สำหรับแชท และวิดีโอคอลได้อย่างคมชัดลื่นไหล พร้อมสแกนลายนิ้วมือ Fingerprint ไว้ใช้งานร่วมกับ Windows Hello เพื่อเข้าใช้งาน

ที่สำคัญยังมีพอร์ตเชื่อมต่ออย่าง Thunderbolt 3 ที่ออกแบบมาพิเศษ เข้ากับตัวเครื่องสุดบางมาให้ด้วย แน่นอนว่ารองรับการเชื่อมไร้สายอย่าง Intel Wi-Fi 6 AX 201 (2×2) และ Bluetooth 5 Combo ตัวเครื่องติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 และซอฟต์แวร์เอกสิทธิ์ของ HP ที่สำคัญบันเดิลยังให้ปากกาสไตลัส HP Active Pen รุ่นล่าสุด รวมไปซอฟต์เคสหนังสุดหรูบันเดิล พร้อมด้วยอแดปเตอร์ตัวแปลงเป็น HDMI, USB Type-A, USB Type-C รวมไปพอร์ตชาร์จไฟก็โดนจับไปรวมกับ Thunderbolt 3 ด้วย

ด้านดีไซน์การออกแบบ HP Spectre x360 ปี 2020 ถือว่าเป็น 2-in-1 Notebook ตัวท็อปสุดในตลาดอีกหนึ่งรุ่น เพราะด้วยความบางตัวเครื่องระดับ 14.7 มิลลิเมตร กับน้ำหนักแค่ 1.3 กิโลกรัมเท่านั้น ที่ดูแพงและหรูหรากว่าโน้ตบุ๊คทั่วไปแบบเห็นได้ชัด ซึ่งทุกรายละเอียดพร้อมสร้างความแตกต่าง จากทั้งวัสดุอลูมิเนียมที่มอบภาพลักษณ์ความหรูหราเหนือระดับ พร้อมขอบตัวเครื่องแบบมันวาว ในเรื่องของการออกแบบให้มีความบางแต่ยังคงมีความแข็งแรงอยู่ ที่ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่ผู้ผลิตรายอื่นๆ นำไปทำตามได้ยาก รวมไปถึงบานพับโน้ตบุ๊คแบบสองข้อ ก็เป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจจากรายละเอียดงานดีไซน์เฟอร์นิเจอร์ระดับไฮเอนด์ ที่พร้อมสะกดทุกสายตาด้วยบานพับดีไซน์เรียบหรูสะอาดตา ซึ่งบริเวณนั้นยังมีคำว่า Spectre ด้วย เพื่อเป็นการยืนยันถึงความพรีเมียม

  • Core i5-1035G1 / Graphics G1 / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 13.3″ IPS Full HD ราคา 42,900 บาท
  • Core i7-1065G7 / Iris Plus Graphics G7 / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 13.3″ OLED Ultra HD ราคา 42,900 บาท

Dell Inspiron 13 7391 2-in-1 ราคา 34,990 – 44,990 บาท

Dell Inspiron 13 7391 2-in-1 จัดว่าเป็นหนึ่งใน 2-in-1 Notebook รุ่นใหม่ล่าสุด ได้สเปกชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 หน้าจอ 13.3″ ขอบจอบางเฉียบ ความละเอียด Full HD / 4K Ultra HD รองรับการทัชสกรีนและปากกา พร้อมมีช่องเก็บตรงบานพับในตัว ที่ดูหรูหรา มาพร้อมกับขนาดตัวเครื่องที่บางเบาเล็กกระทัดรัด ที่ 1.4 กิโลกรัม ขอบจอก็บางเฉียบ แรมขนาด 8GB / 16GB DDR4 พร้อม SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB สำหรับความละเอียดหน้าจอก็เป็นพาเนล IPS ให้ภาพคมชัดสวยงามสมจริง พร้อมใช้งานด้วย Windows 10 และมีซอฟต์แวร์ต่างๆ มากมาย นอกจากนี้ในส่วนของกล้องด้านหน้ารองรับการใช้งาน VDO Call และ Fingerprint ที่ใช้งานร่วมกับ Windows Hello

มาพร้อมดีไซน์ที่เรียบๆ แต่แฝงความหรูหรา ที่สำคัญคือติดตั้งพอร์ต Thunderbolt 3 มาให้พร้อมใช้งานด้วย สนนราคา Dell Inspiron 13 7391 อยู่ที่ 44,990 บาท กับรุ่น Core i7-10510U ได้จอ 4K Ultra HD / 39,990 บาท จอ Full HD ส่วนถ้าเป็นรุ่น Core i5-10210U ได้จอ Full HD จะอยู่ที่ 34,990 บาท สำหรับคอมพิวเตอร์แบรนด์ Dell ได้รับความน่าเชื่อถือมาอย่างยาวนานและเป็นที่นิยมในการใช้งานกับองค์กรและภาคธุรกิจอย่างมากมาย ทั้งมาตรฐานการบริการ Dell Premium Support และ On-site Service “บริการซ่อมตรงถึงที่ ทุกที่ ในอีก 1 วันทำการ” ถึง 2 ปีด้วยกัน

เป็นโน้ตบุ๊คที่ใส่ใจในรายละเอียดก็คือ มีน้ำหนักตัวที่เบามากๆ แถมตัวเครื่องยังบางสุดๆ โดยสามารถถือได้ด้วยมือเดียวอย่างสบายๆ ด้วยน้ำหนักเพียง 1.4 กิโลกรัมเท่านั้น ส่วนความบางเครื่องก็เพียง 13.66 -15.90 มิลลิเมตร บอกได้เลยว่าจะหาโน้ตบุ๊คแบบนี้จากแบรนด์อื่นๆ ก็ยากซักหน่อย  ที่สำคัญอีกเรื่องก็คือบานพับก็เป็นอะลูมิเนียมที่แข็งแรงทนทานไม่ต่างจากตัวเครื่อง คอยทำหน้าที่หมุนหน้าจอได้ถึง 360 องศา ไว้ใช้ Multi Mode ทำให้ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ที่สำคัญ 2-in-1 Notebook มีการดีไซน์ที่เก็บปากกาล้ำๆ โดยติดตั้งอยู่ที่บานพับ ซึ่งอาศัยแม่เหล็กในการเก็บอีกที (Pen Garage)

Dell Inspiron 13 7391 2-in-1 มีมาตรฐานพอร์ตต่างๆ ของกลุ่ม 2-in-1 Notebook มาครบครัน เช่น USB 3.1 Type-A จำนวน 1 พอร์ตที่มาพร้อมฟีเจอร์ Sleep Charge ไว้สำหรับการเชื่อมต่อกับแฟลชไดร์ฟหรือฮาร์ดดิสก์ภายนอกไว้ถ่ายโอนข้อมูล รวมไปถึงชาร์จสมาร์ทโฟน และ Thunderbolt 3 (USB-C) สุดล้ำ ถ่ายโอนไฟล์ได้ไว พร้อมต่อจอความละเอียดสูงได้ รวมไปถึงยังมีพอร์ตมาตรฐาน HDMI สำหรับเชื่อมต่อจอภายนอก และ micro SD Card Reader มาให้ด้วย แน่นอนว่ายังมีช่องเชื่อมต่อไมค์และหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร ซึ่งแบตเตอรี่นั้นก็ใช้งานได้ยาวนาน 10 ชั่วโมง

Apple MacBook Pro 13 ราคา 59,990 – 66,990 บาท

การมาของ MacBook Pro 13 (2020) รุ่นใหม่ล่าสุด ของ Apple นับว่ามีความน่าสนใจมากๆ จากการที่ได้มีการอัพเดทสเปกเป็นชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10U (Ice Lake รุ่นพิเศษ) พร้อมได้มาตรฐานแรมเป็น LPDDR4X ความเร็ว 3733MHz ที่สำคัญคือได้ Magic Keyboard ที่เปลี่ยนกลับไปเป็นรูปแบบเดิมอย่าง Scissor Switch ที่คาดว่าจะไม่มีปัญหาเหมือน Butterfly Keyboard แบบรุ่นก่อนหน้านั่นเอง แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานสูงสุด 10 ชั่วโมง ให้พอร์ต Thunderbolt มา 2 พอร์ต แน่อนว่ายังมี Touchbar แต่แยกปุ่ม esc ออกแล้ว สรุปโดยรวมดีกว่ารุ่นเดิมแน่นอน แม้ทาง Apple จะยังใช้การเชื่อมต่อไร้สายเป็นมาตรฐาน Wi-Fi 5 AC อยู่ก็ตาม สนนราคาเริ่มต้นที่ 59,990 บาทสำหรับ Core i Gen 10U

ดีไซน์โดยรวมของ MacBook Pro 13 (2020) ยังมีความใกล้เคียงกับ MacBook Pro 13 แบบก่อนๆ คือสัดส่วนจอเป็น 16:10 แต่ได้ขอบหน้าจอที่บาง พาเนล IPS ความละเอียดปกติ 2560 x 1600 (QHD) ที่ 227 พิกเซลต่อนิ้ว ความสว่าง 500 nit ขอบเขตสี P3 ตัวเครื่องมีน้ำหนักอยู่ที่ 1.4 กิโลกรัม ความบางอยู่ที่ 15.6 มิลลิเมตร ซึ่งถือว่าเป็นโน้ตบุ๊คที่บางเบาระดับนึง วัสดุทั้งหมดใช้เป็นอลูมิเนียมขึ้นรูปด้วยเครื่องจักร CNC แบบ Unibody ที่แข็งแรงทนทานและมีความพรีเมียมอย่างที่สุด ซึ่ง Apple บอกว่าใช้การออกแบบ Advanced Thermal Design แบบใหม่ ระบายความร้อนได้ดีขึ้น ทำงานได้หนักหน่วงขึ้น โดยสีสันยังมีให้เลือกคือ 2 สีคือ เงินและเทาสเปซเกรย์เหมือนเดิม แล้วแต่ความชอบ

ในส่วนของสเปกและราคาขายตามมาตรฐานมีอยู่ 2 รุ่น คือ 59,990 บาท และ 66,990 บาท จัดว่ามีความพิเศษมากกว่า Notebook ทั่วไป เพราะใช้รุ่นเฉพาะ อย่าง Intel Core i5-1038NG7 (2.00 GHz, 6 MB L3 Cache up to 3.80 Ghz) ทำงานแบบ 4 คอร์ 8 เธรด ที่สามารถ CTO เป็น Core i7-1060NG7 ได้ โดดเด่นด้วยการ์ดจอออนชิป Iris Plus Graphics G7 ที่ทั้งแรงขึ้นเพียงต่อการใช้งานผ่านทางระบบปฏิบัติการ macOS แน่นอน ในส่วนของแรมได้เป็นขนาด 16GB LPDDR4X Bus 3733 MHz และ SSD M.2 NVMe ความเร็วสูงบนความจุ 512GB / 1TB เรียกได้ว่าส่วนที่เก็บข้อมูลนี้จัดเต็มจริงๆ

สำหรับราละเอียดอื่นๆ คือได้พอร์ตการเชื่อมต่อเป็น Thunderbolt 3 จำนวน 4 พอร์ต ที่ถ่ายโอนข้อมูลสูงสุด 40Gb/s และรองรับจอภาพ 6K สูงสุด 2 จอ ซึ่งใช้งานทั้ง USB-C / DisplayPort / Power Delivery (PD) แน่นอนว่ายังมีช่องต่อหูฟัง 3.5 มม. ตามเดิมอยู่ แบตเตอรี่ตามที่ Apple บอกคือสามารถใช้งานได้ยาวนานสูงสุดที่ 11 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่น่าพูดถึงก็คือ ยังคงใช้การเชื่อมต่อ Wi-Fi เป็นมาตรฐาน AC ซึ่งจริงๆ ควรจะเป็น AX ได้แล้ว เหมือนกับโน้ตบุ๊ครุ่นใหม่ๆ ได้แล้ว และกล้อง FaceTime HD ยังได้ความละเอียด 720p อยู่นั่นเอง

from:https://notebookspec.com/buyer-guide-notebook-2020-with-thunderbolt-3/522939/

Review – HP Spectre x360 ที่สุดของ 2-in-1 Notebook จอ 13.3″ 4K สเปก i7-1065G7 + RAM 16GB + SSD512GB

จัดว่าเป็นหนึ่งในสุดยอด 2-in-1 Notebook แห่งปี 2020 สำหรับ HP Spectre x360 รุ่นล่าสุดที่นับว่าเป็นโน้ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 13.3″ ที่มีความบางเบามากๆ โดยมาพร้อมชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10U (Ice Lake) ซึ่งนอกเหนือจากความบางเบาแล้ว ตัวเครื่องยังมีความหรูหราสุดๆ ด้วยสีสัน Poseidon Blue หรือในสีโทนดำเข้มอย่าง Dark Ash Silver ตกแต่งขอบโดยรอบด้วยสี Copper Luxe การออกแบบคำนึงถึงความสะดวกในการใช้งาน วัสดุอลูมิเนียมทั้งตัวเครื่องผ่านกระบวนการขึ้นรูป CNC ระดับสูง กับความบางที่ 14.7 มิลลิเมตร และเบาเพียง 1.3 กิโลกรัมเท่านั้น

สเปก HP Spectre x360 ปี 2020 มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core  i Gen 10 (Ice Lake) อย่าง Core i5-1035G4 / Core i7-1065G7 ขับเคลื่อนด้วยแรมขนาด 8 – 16GB LPDDR4 Bus 3200 MHz และฮาร์ดดิสก์ความเร็วสูง SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB หน้าจอแสดงผลขอบจอบางเฉียบขนาด 13.3″ พาเนล IPS เกรดสูง ความละเอียด Full HD / Ultra HD กระจกเป็น Corning Gorilla แข็งแรงทนทาน รองรับทัชสกรีน สนนราคาเริ่มต้นที่ 42,990 บาท  พร้อมประกัน 3 ปี On-site Service เรียกได้ว่าเหมาะมากๆ สำหรับคนที่กำลังมองหา Ultrabook พรีเมียมหรือ 2-in-1 Notebook ที่เจ๋งเหนือใคร !!

 

from:https://notebookspec.com/review-hp-spectre-x360-13-i7-1065g7/522843/

Preview – HP Spectre x360 ปี 2020 บางเบาสุดๆ สเปก Core i Gen 10 หรูแรงลื่น แบตใช้งานได้ 22 ชั่วโมง

อีกหนึ่งสุดยอด 2-in-1 Notebook แห่งปี 2020 ซึ่งเพิ่งเปิดตัวในไทยไป กับในส่วนของ HP Spectre x360 รุ่นล่าสุดที่นับว่าเป็นโน้ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 13.3″ ที่มีความบางเบามากๆ โดยมาพร้อมชิปประมวลผล Intel Core  i Gen 10 (Ice Lake) ซึ่งนอกเหนือจากความบางเบาแล้ว ตัวเครื่องยังมีความหรูหราสุดๆ ด้วยสีสัน Poseidon Blue หรือในสีโทนดำเข้มอย่าง Dark Ash Silver ตกแต่งขอบโดยรอบด้วยสี Copper Luxe การออกแบบคำนึงถึงความสะดวกในการใช้งาน วัสดุอลูมิเนียมทั้งตัวเครื่องผ่านกระบวนการขึ้นรูป CNC ระดับสูง กับความบางที่ 14.7 มิลลิเมตร และเบาเพียง 1.3 กิโลกรัมเท่านั้น สามารถใช้งานแบตเตอรี่สูงสุด 22 ชั่วโมง

ที่สำคัญสำหรับโลโก้บนตัวเครื่องของ HP Spectre x360 ยังเป็นดีไซน์แบบใหม่ที่ดูมีมุมมีองศาทำให้เหมาะสมกับความหรูหราของตัวเครื่อง ที่ต้องบอกว่ามีความพิเศษจริงๆ เพราะ HP จะเลือกใช้โลโก้นี้เฉพาะผลิตภัณฑ์รุ่นที่เป็นไฮเอนด์เท่านั้น ซึ่งก่อนหน้านี้เราจะเห็นว่ามันอยู่บน HP Spectre รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ระดับบนอื่นๆ ฉะนั้น HP Spectre x360 ก็สามารถการันตีความพรีเมียมได้เลย

  

สเปก HP Spectre x360 ปี 2020 มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core  i Gen 10 (Ice Lake) อย่าง Core i5-1035G4 / Core i7-1065G7 ขับเคลื่อนด้วยแรมขนาด 8 – 16GB และฮาร์ดดิสก์ความเร็วสูง SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB หน้าจอแสดงผลขอบจอบางเฉียบขนาด 13.3″ พาเนล IPS เกรดสูง ความละเอียด Full HD / Ultra HD กระจกเป็น Corning Gorilla แข็งแรงทนทาน รองรับทัชสกรีน มีระบบระบายความร้อนแบบพิเศษ สนนราคาเริ่มต้นที่ 42,990 บาท  พร้อมประกัน 2 ปี On-site Service เรียกได้ว่าเหมาะมากๆ สำหรับคนที่กำลังมองหา Ultrabook พรีเมียมหรือ 2-in-1 Notebook ที่เจ๋งเหนือใคร !!!

ตัวเครื่องติดตั้งกล้อง Webcam ความคมชัดระดับ HD และไมโครโฟนแบบ Dual Microphone ไว้สำหรับแชท และวิดีโอคอลได้อย่างคมชัดลื่นไหล พร้อมสแกนลายนิ้วมือ Fingerprint ไว้ใช้งานร่วมกับ Windows Hello เพื่อเข้าใช้งาน ที่สำคัญยังมีพอร์ตเชื่อมต่ออย่าง Thunderbolt 3 (ฟอร์มเดียวกับ USB Type-C) จำนวน 2 พอร์ต และ USB 3.1 มาตรฐาน Type-A ที่ออกแบบมาพิเศษ เข้ากับตัวเครื่องสุดบางมาให้ด้วย แน่นอนว่ารองรับการเชื่อมไร้สายอย่าง Wi-Fi 6 AX (2×2), Bluetooth 5.0 มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 และซอฟต์แวร์เอกสิทธิ์ของ HP

  

สำหรับ HP Spectre x360 เป็นใครก็คงต้องชอบเพราะด้วยความบางเบารองรับการพกพาได้สะดวกสบายที่สุด กับขนาดหน้าจอ 13.3″ ขอบจอบางเฉียบพื้นที่กว่า 90% เป็นจอแสดงผล ความละเอียดหน้าจอ Full HD / Ultra HD ที่สามารถแสดงภาพได้สวยงามที่สุดในบรรดา Ultrabook ด้วยกัน สำหรับวัสดุในการผลิตกระจกก็เป็นหน้าจอกระจกแบบ Corning Gorilla แบบ Edge-to-edge ทนทานต่อรอยขีดข่วน ซึ่งมีแสงสะท้อนบ้างแต่ก็น้อยกว่ากระจกธรรมดาทั่วไปเยอะ

ด้านดีไซน์การออกแบบ HP Spectre x360 ปี 2020 ถือว่าเป็น 2-in-1 Notebook ตัวท็อปสุดในตลาดอีกหนึ่งรุ่น เพราะด้วยความบางตัวเครื่องระดับ 14.7 มิลลิเมตร กับน้ำหนักแค่ 1.3 กิโลกรัมเท่านั้น โดยตามภาพประกอบมาพร้อมสี Poseidon Blue ตัดกับสี Copper Luxe  (อีกตัวเลือกเป็น Dark Ash Silver) ที่ดูแพงและหรูหรากว่าโน้ตบุ๊คทั่วไปแบบเห็นได้ชัด ซึ่งทุกรายละเอียดพร้อมสร้างความแตกต่าง จากทั้งวัสดุอลูมิเนียมที่มอบภาพลักษณ์ความหรูหราเหนือระดับ พร้อมขอบตัวเครื่องแบบมันวาว สะท้อนความงามที่แตกต่างในสองมิติ

เรียกได้ว่าถ้าให้เทียบก็ถือว่าเป็นตัวชนกับ Ultrabook หรือ 2-in-1 Notebook ระดับไฮเอนด์ของทุกแบรนด์โดยตรง ทั้งจากดีไซน์การออกแบบและสเปกด้านใน แต่บางจุด HP Spectre x360 มีความเหนือชั้นกว่า บ่งบอกความเป็นที่สุดได้เป็นอย่างดี กับอะไรที่มากกว่านอกเหนือจากเป็นโน้ตบุ๊คเพื่อไว้ใช้งานแล้ว ยังเป็นอุปกรณ์เครื่องใช้ที่สื่อถึงภาพลักษณ์ของเราอีกด้วย

  

ถือได้ว่างานประกอบเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ HP Spectre x360 ปี 2020 ทำได้เป็นอย่างดีที่สุดในเรื่องของการออกแบบให้มีความบางแต่ยังคงมีความแข็งแรงอยู่ ที่ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่ผู้ผลิตรายอื่นๆ นำไปทำตามได้ยาก รวมไปถึงบานพับโน้ตบุ๊คแบบสองข้อ ก็เป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจจากรายละเอียดงานดีไซน์เฟอร์นิเจอร์ระดับไฮเอนด์ ที่พร้อมสะกดทุกสายตาด้วยบานพับดีไซน์เรียบหรูสะอาดตา ซึ่งบริเวณนั้นยังมีคำว่า Spectre ด้วย เพื่อเป็นการยืนยันถึงความพรีเมียม

จากการที่ตัวเครื่องดีไซน์มุมตัดช่วยให้เปิดฝาพับง่ายขึ้นและสวยเด่นขึ้นแบบ Gem Cut Design เหลี่ยมหน้าตัดเลียนแบบการเจียระไนอัญมณี ส่งผลให้มีการติดตั้งปุ่ม Power (Wake Up / Sleep) ยังได้ถูกออกแบบเอาไว้ขอบตัวเครื่องด้านนอก อีกทั้งที่มุมเครื่องสำหรับการเชื่อมต่อ Thunderbolt 3/ USB-C ได้สะดวกขึ้น ดูแล้วอาจจะไม่คุ้นตาเหมือนกับ Ultrabook รุ่นอื่นๆ แต่เมื่อใช้งานจริงแล้วพบว่าสามารถใช้งานได้คล่องตัวและสะดวกมากๆ จากการที่มันเป็น 2-in-1 Notebook พับได้ 360 องศานั่นเอง

  

คีย์บอร์ดของ HP Spectre x360 ปี 2020 ได้มีความแตกต่างจากคีย์บอร์ดโน้ตบุ๊คบางเบารุ่นอื่นๆ เพราะเป็นคีย์บอร์ดเรืองแสงสีขาว (Backlit Keyboard) ให้แสงสว่างในการทำงาน ที่ตอบสนองได้ดีกว่าคีย์บอร์ดทั่วไปแบบรู้สึกได้แถมยังสวยงามหรูหราด้วยสีขาวที่ดูเข้ากับสีตัวเครื่องเป็นอย่างดี ส่วน Layout คีย์บอร์ดยังคงเป็น 4 แถวขนาด Full Size ซึ่งในด้านการใช้งานในการพิมพ์ ก็ตอบสนองได้เป็นอย่างดีทั้งขนาดแป้นพิมพ์ที่รับกันนิ้วและช่องว่างระหว่างแป้นที่ทำให้มีความแม่นยำ

ทัชแพดเป็นวัสดุกระจกแบบด้านมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง ส่วนดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบซ่อนปุ่มคลิกซ้ายขวา มองไปแล้วไม่เห็นปุ่มแยกออกมาเช่นเดียวกับโน้ตบุ๊คปัจจุบันหลายๆ รุ่น การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ตัวซอฟต์แวร์ควบคุมก็ช่วยจัดการได้ดี โดยมีการจับความเคลื่อนไหวว่าผู้ใช้กำลังพิมพ์ข้อความอยู่หรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้เคอร์เซอร์ไม่เลื่อนไปจากตำแหน่งเก่า ถ้าผู้ใช้เผลอนำมือไปโดนทัชแพดเข้า

  

ด้านล่างตัวเครื่องของ HP Spectre x360 จะเห็นว่ายางรองตัวเครื่องขนาดใหญ่ 2 เส้นยาวเพื่อยกตัวเครื่องให้สูงขึ้นและเวลาใช้งานจะแน่นหนากับพื้นที่วาง พร้อมช่องดูดลมเย็นขนาดใหญ่ สำหรับส่วนของน็อตก็เป็นแบบพิเศษ แน่นอนว่าตรงนี้จะมีโลโก้ Windows 10 นอกจากนี้ตรงส่วนขอบด้านหน้าที่ใช้ยกฝาจอเพื่อเปิดเครื่องใช้งานก็จะมีการทำเป็นเว้าร่องลงไปเพื่อช่วยในการเปิดเครื่องที่ง่ายขึ้น ยกระดับความปลอดภัยด้วยฟีเจอร์ HP Sure View ปกป้องความเป็นส่วนตัวบนจอ และปุ่มปิด-เปิดกล้องเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน

ด้านของลำโพงนั้นมีอยู่ 2 ตัวด้วยกัน ติดตั้งซ้ายขวาขอบบนของตัวเครื่องด้านล่าง เรื่องของความดังของเสียงเรียกว่าทำออกมาได้อย่างน่าประทับใจทีเดียว ส่วนคุณภาพเสียงต้องบอกว่าเป็นของ Bang & Olufsen ที่ไว้ใจได้ คุณภาพเสียงที่ได้นั้น ก็ถือว่าดีเพียงพอแบบสบายๆ แล้ว และดีกว่าโน้ตบุ๊ค HP รุ่นอื่นๆ พอตัวรวมไปถึงยังมีเทคโนโลยี HP Audio Boost ช่วยเพิ่มเสียงให้ก้องกังวาล เต็มอิ่มกับประสบการณ์ความบันเทิงถึงขีดสุดจากเสียงคมชัด

  

สำหรับ Thunderbolt 3 (ฟอร์มเดียวกับ USB Type-C) บน HP Spectre x360 ปี 2020 ได้ถูกติดตั้งไว้บริวเณขอบตัวเครื่องด้านขวา รองรับการชาร์จไฟจากอแดปเตอร์ หรือโอนถ่ายข้อมูลความเร็วสูง รวมไปถึงเชื่อมต่อหน้าจอความละเอียด Ultra HD โดยมีอยู่ 2 พอร์ตด้วยกัน ที่โดดเด่นคือ แม้ตัวเครื่องจะบางเฉียบแต่ก็ยังติดตั้งพอร์ต USB 3.1 Type A มาตรฐานเดิมมาให้ด้วย แต่เป็นแบบพิเศษที่เรียบเนียนไปกับตัวเครื่อง การใช้งานคือเราต้องเปิดฝาออกมาก่อนจากนั้นจึงจะเสียบสายได้ แน่นอนว่ายังมีพอร์ตหูฟังขนาด 3.5 ม.ม. นอกจากนี้ก็มี micro-SD Card Reader ไว้ถ่ายโอนข้อมูลด้วย

  

ที่สำคัญบันเดิลยังให้ปากกาสไตลัส HP Active Pen รุ่นล่าสุด ซึ่งรองรับชาร์จไฟผ่านทาง USB-C ทำให้เราสะดวกยิ่งขึ้น พัฒนาจากรุ่นก่อนๆ ที่ต้องใช้ถ่าน AAAA โดยปากกาสไตลัส HP Active Pen ทาง HP ได้ร่วมกับ Wacom ในการผลิต มาพร้อมกับความสามารถในการใช้งานแบบ N-Trig, มีปุ่มบนตัวสไตลัสจำนวน 2 ปุ่มทางด้านข้างและทางด้านบน และที่สำคัญสไตลัสนี้ยังรองรับระดับแรงกดได้มากถึง 4,096 ระดับเลยทีเดียว เสมือนใช้งานเป็นปากกาหรือดินสอจริงๆ ได้ เรียกได้ว่าจะลืมการใช้กระดาษแบบเดิมๆ ไปเลย รวมไปซอฟต์เคสหนังสุดหรูบันเดิล พร้อมด้วยอแดปเตอร์ตัวแปลงเป็น HDMI, USB Type-A, USB Type-C รวมไปพอร์ตชาร์จไฟก็โดนจับไปรวมกับ Thunderbolt 3 ด้วย

  

HP Spectre x360 ปี 2020 ตอบสนองได้อย่างหลากหลายจากการที่เป็น 2-in-1 Notebook ที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี ด้วยการพับใช้งานถึง 4 รูปแบบด้วยกันไม่ว่าจะเป็น Notebook / Stand / Tent / Tablet ที่ทีมงานของเรานั้นนำไปใช้งานอะไรบ้าง และรูปลักษณ์เมื่อเปลี่ยนไปใช้โหมดต่างๆ นั้น จะมีลักษณะเป็นอย่างไร HP Spectre x360 ก็ต้องบอกว่าวางใจได้เลยเรื่องความทนทาน เพราะมีการออกแบบบานพับใหม่ที่สามารถเปิดปิดหรือปรับระดับได้อย่างลื่นไหลได้เหมือนใหม่ทุกครั้ง ทนทานต่อการสึกหรอแน่นอน ใช้ได้สบายใจหายห่วง

โดยรวมแล้วนั้นถือว่า HP Spectre x360 ปี 2020 เป็น 2-in-1 Notebook ที่ดีมากๆ รุ่นหนึ่ง ดีไซน์บางเฉียบน้ำหนักเบาสุดๆ มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งรองรับอนาคตได้อีกไกลแบบสบายๆ ด้วยสเปก Intel Core i5 / i7 Gen 10 (Ice Lake เทคโนโลยีการผลิจ 10 นาโนเมตร) แรม 8 – 16GB และ SSD 512GB แน่นอนว่ามีความบางเบาและพรีเมียมอย่างสุดๆ ที่สำคัญด้วยความที่เป็น 2-in-1 Notebook ก็ทำให้สามารถใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ

ไม่จะเป็น Notebook / Stand / Tent / Tablet ซึ่งเป็นผลจากการมาของระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro ที่รองรับระบบหน้าจอสัมผัสได้เต็มประสิทธิภาพ พร้อมปากกาสไตลัส HP Active Pen รุ่นใหม่อีกด้วย จึงทำให้ผู้ผลิตต่างๆ ได้ส่งผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ๆ ออกมากันเพียบ ซึ่ง HP Spectre x360 รุ่นใหม่นี้ก็จัดได้ว่าเป็นหนึ่งสินค้าที่พิเศษกว่าโน้ตบุ๊คทั่วไป หรือจะกล่าวว่าเป็นโน้ตบุ๊คที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายขึ้นของคนยุคนี้ก็ว่าได้ ส่วนรีวิวตัวเต็มของ HP Spectre x360 ปี 2020 เราจะมาว่ากันอีกที เมื่อได้เครื่องจริงๆ มาอยู่ในมือแอดมินโป้งแล้วนะครับ

from:https://notebookspec.com/preview-hp-spectre-x360-model-2020-spec-core-i-gen-10/507064/

HP – นำเสนอ Elite Dragonfly / Spectre x360 ที่สุดของ 2-in-1 และเครื่องพิมพ์ Neverstop Laser / Smart Tank

HP ส่งมอบความเบาบางที่สุดแห่งยุค ด้วยนวัตกรรมคอมพิวเตอร์พีซีและเครื่องพิมพ์ เทคโนโลยีเพื่อสร้างสมดุลให้การทำงานและใช้ชีวิตดียิ่งขึ้น

เผยโฉม HP Elite Dragonfly คอนเวอร์ติเบิลพีซี และเครื่องพิมพ์ HP Neverstop Laser เพื่ออนาคตของการทำงาน ช่วยลดภาระหนักในวิถีการทำงานของผู้บริหารองค์กร หรือเจ้าของธุรกิจ และ SME ยุคใหม่

  • เอชพี ยึดกลยุทธ์ Advance, Disrupt, Transform เร่งผลักดันดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น เดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรม เครื่องพิมพ์ คอมพิวเตอร์พีซี และโซลูชั่นการบริการ พลิกโฉมประสบการณ์ผู้บริโภค พร้อมรับมือกับโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
  • HP Elite Dragonfly คอนเวอติเบิลพีซี ขนาดเล็กบางเบาเพียงไม่ถึงหนึ่งกิโล สมรรถนะทนทาน ให้ความอิสระ คล่องตัว ทำงานจากสถานที่ใดก็ได้ ห้องประชุม ห้องเรียน สนามบิน หรือในระหว่างการเดินทางทุกๆ ที่
  • HP Neverstop Laser Printer เครื่องพิมพ์เลเซอร์ตัวแรกที่สามารถเติมหมึกผงได้ด้วยตัวเอง ออกแบบมาสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและโฮมออฟฟิศ มอบความสะดวกสามารถสั่งพิมพ์ สแกน และทำสำเนาได้จาก ทุกที่ด้วย HP Smart App
  • ผู้บริโภคยุคปัจจุบันใช้เวลาเกือบครึ่งหนึ่งของการทำงานบนพีซีขณะอยู่นอกบ้าน จึงเรียกร้องอุปกรณ์พกพาแบบพรีเมียมที่ตอบโจทย์วิธีการทำงานและการใช้ชีวิตส่วนตัว HP Spectre x360 คอนเวอร์ติเบิล ที่เล็กที่สุด แสดงภาพชัดเต็มตาด้วยขอบจอบางเฉียบ ตัวเครื่องดีไซน์เหลี่ยมเพชร โดดเด่นไม่ซ้ำใคร

เอชพี อิงค์ ประเทศไทย เปิดตัวนวัตกรรมพีซีและเครื่องพิมพ์ที่ส่งมอบความเบาบางที่สุดแห่งยุค ภายใต้คอนเซ็ปต์งาน Lightness in the New Era เทคโนโลยีล้ำสมัย มาพร้อมสมรรถภาพการใช้งานยอดเยี่ยม สำหรับผู้บริหาร คนทำงาน หรือเพื่อใช้งานธุรกิจ เอชพีมุ่งมั่นสร้างสุดยอดประสบการณ์การทำงานด้วย HP Elite Dragonfly คอนเวอร์ติเบิลพีซีสายธุรกิจขนาดเล็กที่สุด และ HP Neverstop Laser เครื่องพิมพ์เลเซอร์ตลับหมึกตัวแรกที่ได้รับการออกแบบเพื่อมาสนับสนุนและรองรับสไตล์การทำงานที่หลากหลายและลดปริมาณความซับซ้อนขั้นตอนการทำงานของ SME ยุคใหม่ เป็นนวัตกรรมที่คำนึงถึงความยั่งยืน สร้างประโยชน์สูงสุดและลดภาระต่อทรัพยากรโลก โดยยังคงสมรรถภาพและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ไว้

ในงาน ยังเผยโฉม HP Spectre x360 รุ่นใหม่ สุดน่าทึ่งด้วยขนาดเล็กลงแต่งทรงพลังมากขึ้น เพื่อการทำงานไร้ขอบเขต และกลุ่มผลิตภัณฑ์ HP Smart Tank เครื่องพิมพ์ระบบถังหมึก ความจุและสมรรถภาพสูงสุด ออกแบบมาเพื่อเจาะกลุ่มผู้ใช้ในโฮมออฟฟิศ เทคโนโลยีสุดล้ำที่ทำลายข้อจำกัดด้านการเติมหมึกแบบ Ink Tank ผู้ใช้เติมหมึกเองได้ ประหยัดทั้งเวลา เพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพการพิมพ์สวยงามไร้ขีดจำกัด อยู่ที่ไหนก็สั่งงานได้ด้วย HP Smart App ให้ความอิสระของการทำงานและความสะดวกสบายในงานพิมพ์และสแกนโดยสามารถสั่งงานจากสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตได้เลย

เอชพี ยึดกลยุทธ์ Advance, Disrupt, Transform เร่งผลักดันดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น ส่งมอบสุดยอดประสบการณ์ให้กับผู้บริโภคผ่านนวัตกรรมพอร์ทผลิตภัณฑ์ พีซี เครื่องพิมพ์ และโซลูชั่นบริการ ที่จะกระตุ้น สร้างการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรม เอชพีกำลังสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคด้วยการส่งมอบนวัตกรรมที่ทำงานได้หลากหลายรูปแบบ สมรรถภาพสูง ทนทาน และสามารถเชื่อมต่อกับนวัตกรรมอื่นๆคล่องตัว เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่เป็นอุปสรรคต่อรูปแบบการทำงานและไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งานนาย ลิม ชุน เต็ก กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอชพี อิงค์ ประเทศไทย กล่าว จากข้อมูลเชิงลึกของผู้ใช้ คำนึงถึงความยั่งยืนและแนวคิดการออกแบบรอบด้าน ลึกซึ้ง ใส่ใจ เรายังคงเดินหน้าทลายขอบเขตข้อจำกัดต่างๆ สร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อสนับสนุนและรองรับอนาคตของธุรกิจ SME และอุตสาหกรรมของไทย

จากข้อมูลของ IDC ชี้ให้เห็นว่าในปี .. 2563 นี้ สถานประกอบการในภูมิภาคเอเชีย จะมีพนักงานจาก 5  เจเนอเรชั่นมาทำงานร่วมกัน กลุ่มพนักงาน Gen Z ไปจนถึง Millennials และ Baby Boomers ซึ่งแต่ละกลุ่มจะมีรูปแบบการทำงานและความพึงพอใจที่แตกต่างกัน ดังนั้น อุปกรณ์คอมพิวเตอร์จึงจำเป็นต้องมารองรับให้ตรงกับความต้องการที่เฉพาะเจาะจงของพนักงาน ที่เอชพีเราภูมิใจในความท้าทายนี้เพื่อสามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์ให้ผู้ใช้ทุกกลุ่มมีอิสระในการทำงานตามสไตล์ของเขาและไม่ส่งผลกระทบเรื่องความปลอดภัยในการใช้งานและการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ไฮเทคอื่นๆ”  แภทริยา ภัทรากร PS Country Category Manager เอชพี อิงค์ ประเทศไทย กล่าว

เปลี่ยนภาระความหนักให้เบาขึ้น

เอชพี ช่วยแบ่งเบาภาระหนักของผู้ใช้งานยุคใหม่ด้วยนวัตกรรมที่ออกแบบมาล่าสุด HP Elite Dragonfly ที่สมบูรณ์แบบสำหรับนักธุรกิจระดับมืออาชีพที่ต้องการอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่บางเบา ทนทาน พร้อมเชื่อมต่อได้ตลอดเวลาและต้องมีการป้องกันความปลอดภัยหนาแน่น HP Elite Dragonfly น้ำหนักเบากว่าหนึ่งกิโล และเป็นคอนเวอร์    ติเบิลพีซีสำหรับธุรกิจที่สามารถใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานกว่า 24.5 ชั่วโมง รองรับการทำงานข้างนอก มาพร้อมกับขนาดขอบจอที่สูงขึ้นในขนาด 13 นิ้ว เกือบ 86 เปอร์เซ็นต์และสามารถปรับเปลี่ยนจากรูปแบบแท็บเล็ตเป็นพีซีตามการใช้งาน โดยผู้ใช้สามารถสัมผัสประสบการณ์ขั้นสุดยอดในงานธุรกิจด้วยประสิทธิภาพของโปรเซสเซอร์ Intel® vPro™ เจนเนอเรชั่น 8

HP Spectre x360 13 รุ่นใหม่ในรูปแบบคอนเวอร์ติเบิลลดขนาดลง 13 % จากรุ่นก่อนหน้า ขนาดจอคิดเป็นอัตราส่วน 90% ชมความสวยงามไร้ขอบจำกัด เพิ่มประสิทธิภาพให้แรงขึ้นด้วยโปรเซสเซอร์Intel® Core™      เจนเนอเรชั่น 10 แบบ quad-core มาพร้อมกับ Iris® Plus Graphics พิถีพิถันและใส่ใจรายละเอียดในทุกขั้นตอนการผลิต สัมผัสความหรูหราในสี Poseidon Blue ตัดขอบด้วยสี Copper Luxe ดีไซน์มุมเครื่องเหลี่ยมหน้าตัดเลียนแบบการเจียระไนอัญมณี และเกลามุมอย่างงดงามด้วยวัสดุอะลูมิเนียมขอบ CNC

เปลี่ยนรูปแบบเพื่อการทำงานให้เบาขึ้น

เอชพี ส่งมอบความเบาบางให้สอดคล้องกับสไตล์การทำงานสำหรับออฟฟิศยุคใหม่ที่ต้องการความยืดหยุ่น คล่องตัว การมีส่วนร่วมกัน ในขณะที่ยังตอบโจทย์ความต้องการในประสบการณ์ใช้งานด้านนวัตกรรม เครื่องพิมพ์ HP Neverstop Laser นวัตกรรมการพิมพ์ที่ขยายประสิทธิภาพในงานธุรกิจด้วยความสามารถในการเติมหมึกภายใน 15 วินาที โทนเนอร์โหลดซ้ำได้เองซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจในการผลิตและลดการหยุดชะงักทางธุรกิจ    มอบอิสระในการทำงานจากที่ใดก็ได้ สั่งพิมพ์ สแกนและการถ่ายเอกสารจากสมาร์ทโฟนด้วย HP Smart App    ซึ่งมาพร้อมกับ HP Smart Tasks ตอบโจทย์ความต้องการสำหรับโฮมออฟฟิศในยุคปัจจุบัน ออกแบบใหม่เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น ทำงานได้จากทุกที่ทุกเวลา เครื่องพิมพ์ HP Neverstop Laser Printer        ให้ประสบการณ์การใช้ตลับหมึกแท้ดีที่สุด และมอบคุณภาพการพิมพ์สูงถึง 38 เปอร์เซ็นต์เร็วกว่าที่เคย

แบ่งเบาภาระโลก ยกระดับศักยภาพความยั่งยืน

ความยั่งยืนของโลก ยังคงเป็นความกังวลที่เพิ่มขึ้นท่ามกลางธุรกิจ มืออาชีพ และคนทำงานในประเทศไทย      ส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การเฝ้าระวังด้านผลกระทบต่อความยั่งยืน เอชพียังคงเดินหน้ายึดหลักการพัฒนาธุรกิจที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ยึดหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจแบบต่ำ เพื่อช่วยคู่ค้าสร้างอนาคตด้วยพอร์ตผลิตภัณฑ์และการบริการที่สร้างความยั่งยืน HP Elite Dragonfly เป็นโน้ตบุ๊คเครื่องแรกของโลกที่มีส่วนประกอบมาจากพลาสติกมหาสมุทร ในขณะที่เครื่องพิมพ์ HP Neverstop Laser ใช้ตลับหมึกพิมพ์ที่ทำจากพลาสติกรีไซเคิล 75 เปอร์เซ็นต์ และตัวเครื่องพิมพ์ที่ทำจากพลาสติกรีไซเคิล 25 เปอร์เซ็นต์

 

HP Elite Dragonfly ผลิตจากโลหะแมกนีเซียม CNC ซึ่งมาในสี Dragonfly Blue สำหรับการใช้งานที่ทนทาน ปรับโฉมใหม่ให้มีความเบาบางยิ่งขึ้นด้วย HP Quiet Keyboard และทัชแพดที่บางลง ออกแบบมาเพื่อสร้างความโดดเด่นและเป็นส่วนตัว มาพร้อมกับตัวเลือก 4G LTE โดยให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อและทำงานร่วมกันในแทบทุกที่ซึ่งเป็นคอนเวอร์ติเบิลสำหรับธุรกิจด้วยสัญญาณระดับ 4×4 LTE antenna และHP Elite Dragonfly ยังเป็นรุ่นแรกที่ติดตั้งซอฟแวร์ HP Workwell

HP Elite Dragonfly มาพร้อมกับระบบความปลอดภัย อาทิ  HP Sure Sense ป้องกันการโจมตีของมัลแวร์บนอุปกรณ์พกพาของคนทำงานโดยใช้พลังของปัญญาประดิษฐ์  HP Sure Recover พร้อมกับ Embedded Reimaging ทำให้ผู้ใช้งานสำรองข้อมูลและทำงานได้อย่างรวดเร็วทุกที่ทุกเวลา และ HP Sure View Gen3 ฟีเจอร์ที่ปกป้องความเป็นส่วนตัวบนหน้าจอที่ได้รับรางวัลของ HP และ HP Privacy Camera ช่วยให้ผู้ใช้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลที่จะถูกส่งต่อให้กับบุคคลอื่นๆ

HP Spectre x360 คอนเวอร์ติเบิลที่เล็กที่สุดมาในจอในอัตราส่วน 90% ออกแบบมาอย่างล้ำสมัยมอบความคล่องตัวและความปลอดภัยเพื่อความสบายใจทุกที่ทุกเวลาสำหรับผู้ใช้งาน

HP Spectre x360 รุ่นใหม่ล่าสุดขนาดเล็กลงกว่ารุ่นก่อนหน้า ถึง 13% ด้วยขอบจอในอัตราส่วน 90% เพิ่มประสิทธิภาพสูงขึ้น ใส่ใจรายทุกรายละเอียดที่บนตัวเครื่อง โดดเด่นสะดุดตาในสี Poseidon Blue ตัดกับสี Copper Luxe และเหลี่ยมหน้าตัดเลียนแบบการเจียระไนอัญมณี และเกลามุมอย่างงดงามด้วยวัสดุอะลูมิเนียมขอบ CNC เชื่อมต่อกับพอร์ต USB-C™ ด้านมุมขวาเพื่อการจัดการสายเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่ดีขึ้น ออกแบบนวัตกรรมมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพที่ไร้ขีดจำกัดกับผู้ใช้สามารถใช้งานได้อย่างอิสระและคล่องตัวได้ในทุกที่ที่ต้องการ

ประสิทธิภาพของ HP Spectre x360 ใช้โปรเซสเซอร์Intel® Core™ เจนเนอเรชั่น 10 แบบ quad-core ที่มีIris® Plus Graphics ซึ่งเป็นคอนเวอร์ติเบิลเครื่องแรกของเอชพี และยังคงประสิทธิภาพการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานที่สุดในรูปแบบ คอนเวอร์ติเบิลควอดคอร์ขนาด 13 นิ้วสามารถใช้งานแบตเตอรี่สูงสุด 22 ชั่วโมง รองรับการใช้งานข้างนอก ผสมผสานระหว่างการออกแบบที่ล้ำสมัยด้านความปลอดภัยและความคล่องตัวที่น่าจับตามอง Spectre x360 จึงช่วยให้ผู้ใช้ได้ทำงานได้อย่างไร้ข้อจำกัด

เครื่องพิมพ์ HP Neverstop Laser Printer เครื่องแรกที่ใช้ HP Reload Kit ตลับเติมผงหมึกเพียง 15 วินาที โดยไม่ยุ่งยากและหกเลอะเทอะ สามารถพิมพ์ได้ถึง 10 เท่าของหน้ากระดาษด้วยจำนวนสูงสุด 5,000 แผ่น เครื่องพิมพ์ HP Neverstop Laser Printer สามารถสแกนและสั่งพิมพ์อย่างง่ายดายจากแอพลิเคชั่น HP Smart Tasks ผ่านอุปกรณ์พกพาได้และด้วยฟีเจอร์ Smart Tasks ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างทางลัดแบบ one-touch สำหรับการพิมพ์ ส่งอีเมล และบันทึกเอกสาร เครื่องพิมพ์ HP Neverstop Laser Printer ช่วยประหยัดค่าผงหมึกลงได้ถึง 80%

เครื่องพิมพ์ HP Smart Tank มอบความน่าเชื่อถือและความสามารถในการพิมพ์ได้อย่างรวดเร็วซึ่งแตกต่างจากรุ่นอื่นในระดับเดียวกัน

HP Smart Tank ออกแบบมาสำหรับโฮมออฟฟิศที่ผู้ประกอบการสามารถเพิ่มศักยภาพการทำงานด้วยอุปกรณ์ที่ช่วยประหยัดเวลา และยังได้รับคุณภาพการพิมพ์ที่โดดเด่น สามารถพิมพ์สีได้สูงสุด 8,000 แผ่น ซึ่งปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานและสไตล์การทำงานในอนาคต เครื่องพิมพ์ HP Smart Tank รองรับการสแกนและการพิมพ์บนอุปกรณ์พกพาได้อย่างง่ายดายด้วย HP Smart App พร้อมรับประกันหลังการขายแบบ On-site service นาน 2 ปีฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย

ราคาและการวางจำหน่าย

  • HP Elite Dragonfly พร้อมวางจำหน่ายแล้ว ในราคาเริ่มต้นที่ 46,990 บาท (ราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
  • HP Spectre x360 พร้อมวางจำหน่ายแล้ว ในราคาเริ่มต้นที่ 42,990 บาท (ราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
  • เครื่องพิมพ์เลเซอร์ HP Neverstop Laser วางจำหน่ายแล้ว ในราคาเริ่มต้นที่ 7,990 บาท (ราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
  • เครื่องพิมพ์ HP Smart Tank วางจำหน่ายแล้วในราคาเริ่มต้นที่ 4,410 บาท (ราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ HP ได้ที่เว็บไซต์ https://www8.hp.com/th/en/home.html สนใจซื้อผลิตภัณฑ์ สามารถสัมผัสประสบการณ์การใช้สินค้าได้ที่ HP Experience Store ที่ชั้น 3 Siam Square One หรือ HP Online Store ที่ https://store.hp.com/th-th/default/  รวมถึงร้านค้าออนไลน์ทั้ง Lazada และ Shopee 

ข้อมูลเกี่ยวกับ HP Inc.

HP Inc. มุ่งมั่นสร้างสรรค์เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อประโยชน์ต่อผู้บริโภค ภาคธุรกิจ ภาครัฐ และสังคมอย่างแท้จริงด้วยพอร์ท   โฟลิโอด้านเทคโนโลยี ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องพิมพ์ โซลูชั่นการพิมพ์ 3 มิติ เอชพีส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเอชพี สามารถเข้าชมได้ที่ hp.com

from:https://notebookspec.com/hp-elite-dragonfly-spectre-x360-neverstop-laser-smart-tank/507096/

HP เปิดตัวโน๊ตบุ๊คและเครื่องพิมพ์เครื่องแรกของโลกที่บางชิ้นส่วนประกอบจากวัสดุพลาสติกในทะเล

เอชพี เปิดตัวโน๊ตบุ๊คและเครื่องพิมพ์ใหม่ ที่มาพร้อมนวัตกรรมที่เบาบางที่สุดแห่งยุค เทคโนโลยีเพื่อสร้างสมดุลให้การทำงานและการใช้ชีวิต และยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วยกับ HP Elite Dragonfly และเครื่องพิมพ์ HP Neverstop Laser รวมถึง โน๊ตบุ๊คขนาดเล็ก HP Spectre x360 ภายในงาน Lightness in the New Era เทคโนโลยีล้ำสมัย มาพร้อมสมรรถภาพการใช้งานยอดเยี่ยม สำหรับผู้บริหาร คนทำงาน และธุรกิจ

HP Elite Dragonfly

คอนเวอร์ติเบิลพีซี ขนาดเล็กบางเบาเพียงไม่ถึงหนึ่งกิโล สมรรถนะทนทาน ให้ความอิสระ คล่องตัว ทำงานจากสถานที่ใดก็ได้ ห้องประชุม ห้องเรียน สนามบิน หรือในระหว่างการเดินทางทุกๆ ที่ น้ำหนักเบากว่าหนึ่งกิโล และเป็นคอนเวอร์ติเบิลพีซีสำหรับธุรกิจที่สามารถใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานกว่า 24.5 ชั่วโมง รองรับการทำงานข้างนอก มาพร้อมกับขนาดขอบจอที่สูงขึ้นในขนาด 13 นิ้ว เกือบ 86 เปอร์เซ็นต์และสามารถปรับเปลี่ยนจากรูปแบบแท็บเล็ตเป็นพีซีตามการใช้งาน โดยผู้ใช้สามารถสัมผัสประสบการณ์ขั้นสุดยอดในงานธุรกิจด้วยประสิทธิภาพของโปรเซสเซอร์ Intel® vPro™ เจนเนอเรชั่น 8 และยังเป็นโน้ตบุ๊คเครื่องแรกของโลกที่มีส่วนประกอบมาจากพลาสติกมหาสมุทร หรือขยะพลาสติกจากทะเลที่สัตว์ทะเลหลายตัวต้องเสียชีวิต เพราะกลืนมันเข้าไป ทาง HP ได้แบ่งเบาภาระโลกโดยการรีไซเคิ้ลขยะพลาสติกมาเป็นฝาหลัง

 

HP Elite Dragonfly มาพร้อมกับระบบความปลอดภัย อาทิ HP Sure Sense ป้องกันการโจมตีของมัลแวร์บนอุปกรณ์พกพาของคนทำงานโดยใช้พลังของปัญญาประดิษฐ์ HP Sure Recover พร้อมกับ Embedded Reimaging ทำให้ผู้ใช้งานสำรองข้อมูลและทำงานได้อย่างรวดเร็วทุกที่ทุกเวลา และ HP Sure View Gen3 ฟีเจอร์ที่ปกป้องความเป็นส่วนตัวบนหน้าจอที่ได้รับรางวัลของ HP และ HP Privacy Camera ช่วยให้ผู้ใช้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลที่จะถูกส่งต่อให้กับบุคคลอื่นๆ

ตัวเครื่องHP Elite Dragonfly ผลิตจากโลหะแมกนีเซียม CNC ซึ่งมาในสี Dragonfly Blue สำหรับการใช้งานที่ทนทาน ปรับโฉมใหม่ให้มีความเบาบางยิ่งขึ้นด้วย HP Quiet Keyboard และทัชแพดที่บางลง ออกแบบมาเพื่อสร้างความโดดเด่นและเป็นส่วนตัว มาพร้อมกับตัวเลือก 4G LTE โดยให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อและทำงานร่วมกันในแทบทุกที่ซึ่งเป็นคอนเวอร์ติเบิลสำหรับธุรกิจด้วยสัญญาณระดับ 4×4 LTE antenna และยังเป็นรุ่นแรกที่ติดตั้งซอฟแวร์ HP Workwell พร้อมวางจำหน่ายแล้ว ในราคาเริ่มต้นที่ 46,990 บาท (ราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

เครื่องพิมพ์ HP Neverstop Laser

เครื่องพิมพ์เลเซอร์ตัวแรกที่สามารถเติมหมึกผงได้ด้วยตัวเอง ออกแบบมาสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและโฮมออฟฟิศ มอบความสะดวกสามารถสั่งพิมพ์ สแกน และทำสำเนาได้จาก  ทุกที่ด้วย HP Smart App สไตล์การทำงานสำหรับออฟฟิศยุคใหม่ที่ต้องการความยืดหยุ่น คล่องตัว การมีส่วนร่วมกัน ในขณะที่ยังตอบโจทย์ความต้องการในประสบการณ์ใช้งานด้านนวัตกรรม ใช้ตลับหมึกพิมพ์ที่ทำจากพลาสติกรีไซเคิล 75 เปอร์เซ็นต์ และตัวเครื่องพิมพ์ที่ทำจากพลาสติกรีไซเคิล 25 เปอร์เซ็นต์

เครื่องพิมพ์ HP Neverstop Laser นวัตกรรมการพิมพ์ที่ขยายประสิทธิภาพในงานธุรกิจด้วยความสามารถในการเติมหมึกภายใน 15 วินาที โทนเนอร์โหลดซ้ำได้เองซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจในการผลิตและลดการหยุดชะงักทางธุรกิจ    มอบอิสระในการทำงานจากที่ใดก็ได้ สั่งพิมพ์ สแกนและการถ่ายเอกสารจากสมาร์ทโฟนด้วย HP Smart App ซึ่งมาพร้อมกับ HP Smart Tasks ตอบโจทย์ความต้องการสำหรับโฮมออฟฟิศในยุคปัจจุบัน ออกแบบใหม่เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น ทำงานได้จากทุกที่ทุกเวลา เครื่องพิมพ์ HP Neverstop Laser Printer ให้ประสบการณ์การใช้ตลับหมึกแท้ดีที่สุด และมอบคุณภาพการพิมพ์สูงถึง 38 เปอร์เซ็นต์เร็วกว่าที่เคย


เครื่องพิมพ์ HP Neverstop Laser Printer เครื่องแรกที่ใช้ HP Reload Kit ตลับเติมผงหมึกเพียง 15 วินาที โดยไม่ยุ่งยากและหกเลอะเทอะ สามารถพิมพ์ได้ถึง 10 เท่าของหน้ากระดาษด้วยจำนวนสูงสุด 5,000 แผ่น เครื่องพิมพ์ HP Neverstop Laser Printer สามารถสแกนและสั่งพิมพ์อย่างง่ายดายจากแอพลิเคชั่น HP Smart Tasks ผ่านอุปกรณ์พกพาได้และด้วยฟีเจอร์ Smart Tasks ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างทางลัดแบบ one-touch สำหรับการพิมพ์ ส่งอีเมล และบันทึกเอกสาร ช่วยประหยัดค่าผงหมึกลงได้ถึง 80%

  • เครื่องพิมพ์เลเซอร์ HP Neverstop Laser วางจำหน่ายแล้ว ในราคาเริ่มต้นที่ 7,990 บาท (ราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
  • เครื่องพิมพ์ HP Smart Tank วางจำหน่ายแล้วในราคาเริ่มต้นที่ 4,410 บาท (ราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

โน๊ตบุ๊คขนาดเล็ก HP Spectre x360

คอนเวอร์ติเบิล  ที่เล็กที่สุดลดขนาดลง 13 % จากรุ่นก่อนหน้า ขนาดจอคิดเป็นอัตราส่วน 90% ชมความสวยงามไร้ขอบจำกัด เพิ่มประสิทธิภาพให้แรงขึ้นด้วยโปรเซสเซอร์Intel® Core™      เจนเนอเรชั่น 10 แบบ quad-core มาพร้อมกับ Iris® Plus Graphics พิถีพิถันและใส่ใจรายละเอียดในทุกขั้นตอนการผลิต สัมผัสความหรูหราในสี Poseidon Blue ตัดขอบด้วยสี Copper Luxe ดีไซน์มุมเครื่องเหลี่ยมหน้าตัดเลียนแบบการเจียระไนอัญมณี และเกลามุมอย่างงดงามด้วยวัสดุอะลูมิเนียมขอบ CNC แสดงภาพชัดเต็มตาด้วยขอบจอบางเฉียบ ตัวเครื่องดีไซน์เหลี่ยมเพชร โดดเด่นไม่ซ้ำใคร

HP Spectre x360 รุ่นใหม่ล่าสุดขนาดเล็กลงกว่ารุ่นก่อนหน้า ถึง 13% ด้วยขอบจอในอัตราส่วน 90% เพิ่มประสิทธิภาพสูงขึ้น ใส่ใจรายทุกรายละเอียดที่บนตัวเครื่อง โดดเด่นสะดุดตาในสี Poseidon Blue ตัดกับสี Copper Luxe และเหลี่ยมหน้าตัดเลียนแบบการเจียระไนอัญมณี และเกลามุมอย่างงดงามด้วยวัสดุอะลูมิเนียมขอบ CNC เชื่อมต่อกับพอร์ต USB-C™ ด้านมุมขวาเพื่อการจัดการสายเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่ดีขึ้น ออกแบบนวัตกรรมมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพที่ไร้ขีดจำกัดกับผู้ใช้สามารถใช้งานได้อย่างอิสระและคล่องตัวได้ในทุกที่ที่ต้องการ ประสิทธิภาพของ HP Spectre x360 ใช้โปรเซสเซอร์Intel® Core™ เจนเนอเรชั่น 10 แบบ quad-core ที่มีIris® Plus Graphics ซึ่งเป็นคอนเวอร์ติเบิลเครื่องแรกของเอชพี และยังคงประสิทธิภาพการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานที่สุดในรูปแบบ คอนเวอร์ติเบิลควอดคอร์ขนาด 13 นิ้วสามารถใช้งานแบตเตอรี่สูงสุด 22 ชั่วโมง รองรับการใช้งานข้างนอก ผสมผสานระหว่างการออกแบบที่ล้ำสมัยด้านความปลอดภัยและความคล่องตัวที่น่าจับตามอง Spectre x360 จึงช่วยให้ผู้ใช้ได้ทำงานได้อย่างไร้ข้อจำกัด พร้อมวางจำหน่ายแล้ว ในราคาเริ่มต้นที่ 42,990 บาท (ราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

 

ข่าว: HP เปิดตัวโน๊ตบุ๊คและเครื่องพิมพ์เครื่องแรกของโลกที่บางชิ้นส่วนประกอบจากวัสดุพลาสติกในทะเล มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.

from:https://www.appdisqus.com/2020/01/14/hp-notebook-made-from-plastic-materials-from-the-sea.html

Review – Intel Optane Memory H10 เมื่อ Option + SSD

ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า Intel Optane Memory เป็นนวัตกรรมที่น่าสนใจด้วยการผนวกเอาหน่วยความจำแบบ SSD มาเป็นแคชช่วยเพิ่มความเร็วในการอ่านเขียนของฮาร์ดดิสค์ให้เร็วมากยิ่งขึ้น ใกล้เคียง SSD ปรกติเลย แต่ได้ความจุแบบในแบบฮาร์ดดิสค์ที่สูงกว่า แต่ด้วยราคาค่าตัว Intel Optane Memory ที่ไม่ได้ต่างจาก SSD ความจุต่ำๆมากนัก เลยทำให้ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร อีกทั้งช่วงแรกการตั้งค่าค่อนค่างยุ่งยาก แต่มายุคหลังตั้งค่าง่าย โน้ตบุ๊คหรือพีซีก็ใช้งานได้สะดวกขึ้น และ Intel เองก็ยังไม่หยุดพัฒนา ด้วยการเปิดตัว Intel Optane Memory H10 ที่ผนวกรวม Intel Optane กับหน่วยความจำแบบ SSD เข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งประสิทธิภาพจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ต้องตามไปชมกัน

Intel Optane Memory H10 จะออกแบบมาให้สามารถใช้งานในโน้ตบุ๊คและพีซีที่เป็น 8th Gen และ 9th Gen บนสล๊อตแบบ M.2 PCIe 3.0×4 หน้าตาเหมือน SSD M.2 แบบ PCIe ทั่วไปแต่ภายในได้ผนวกรวม Intel Optane Memory เข้ากับ SSD Intel QLC 3D NAND โดยมีความจุเริ่มต้นที่ 16GB Intel Optane Memory + 256GB Intel QLC 3D NAND ไปจนถึงตัวท๊อป 32GB Intel Optane Memory + 1TB Intel QLC 3D NAND โดยการันตีความเร็วการอ่านถึง 2400 MB/s และเขียนที่ 1800 MB/s โดยช่วงแรกจะมาในโน้ตบุ๊คบางแบรนด์ก่อน และว่างจำหน่ายทั่วไปเร็วๆนี้ แล้วมันจะต่างจาก SSD ทั่วไปอย่างไรเดี๋ยวไปดูกันต่อครับ

Intel Optane Memory H10 Specifications

Capacities 16GB Intel Optane Memory + 256GB Intel QLC 3D NAND
32GB Intel Optane Memory + 512GB Intel QLC 3D NAND
​32GB Intel Optane Memory + 1TB Intel QLC 3D NAND
Form Factor M.2 2280-S3-M
Interface PCIe 3.0×4 with NVMe interface
Performance Sequential R/W: Up to 2400/1800 MB/s
QD1 4KB Random R/W: Up to 32K/30K IOPs
​QD2 4KB Random R/W: Up to 55K/55K IOPs
Latency Read 6.5μs (TYP)
​Write: 18μs (TYP)
Endurance Rating 16GB Intel Optane Memory + 256GB Intel QLC 3D NAND: Up to 75TBW
32GB Intel Optane Memory + 512GB Intel QLC 3D NAND: Up to 150TBW
​32GB Intel Optane Memory + 1TB Intel QLC 3D NAND: Up to 300TBW
Reliability 1.6 million hours Mean Time Between Failure (MTBF)
​1 sector per 10^15 bits read Uncorrectable Bit Error Rate (UBER)
Power 3.3V Supply Rail
​Deep Sleep/L1.2 (PCIe Low Power Link State): <15mW (Combined)
Temperature Operating: 0 to 700°C
Non-Operating: -40 to 850°C
​Temperature monitoring
OS Support Windows 10 64 bit
Supported Platforms 8th Gen and 9th Gen or newer Intel Core processor-based platforms
Weight Less than 10g
Warranty 5-year limited

Intel Optane Memory H10  ที่ทีมงานได้มาทดสอบ ติดตั้งมาในโน้ตบุีครุ่น HP Spectre x360 ที่ใส่มาให้พร้อมทดสอบเลย

หน้าตา  Intel Optane Memory H10 โดยโครงสร้างจะมีการแบ่ง Intel Optane Memory กับ Intel QLC 3D NAND อย่างชัดเจน

หัวใจสำคัญของการใช้งาน Intel Optane Memory คือซอฟแวร์ Intel Rapid Storage Technology ที่ใช้งานไม่ยากครับ ลงปุ๊ปโปรแกรมก็จะเช็คตัวอุปกรณ์เอง ถ้าอุปกรณ์พร้อมก็แค่กด Enable ตัวซอฟแวร์ก็จะจัดการรวมไดร์ฟให้โดยอัตโนมัติ โดยจากเดิมที่ต้องแบ่งเป็นตัว Intel Optane Memory กับตัวฮาร์ดดิสค์หรือ SSD คนละลูก ก็รวมเป็นชิ้นเดียว ประหยัดพื้นที่ แต่ก็ยังสามารถใช้ซอฟแวร์ตัวเดียวในการจัดการ แยก หรือรวมได้เหมือนเดิมครับ

Intel Optane Memory H10 ที่ทีมงานได้มาทดสอบนี้เป็นรุ่นความจุ 512 GB (+ 32GB Intel Optane Memory) มีความจุใช้งานจริงที่ 475 GB

ใน Device Manager จะเป็นเป็น Intel Optane + 477 GB SSD อย่างชัดเจน

ความเร็วการอ่านเขียนของ Intel Optane Memory H10 ออกมาตามสเปคเลยครับ สามารถอ่านได้ที่ 2442 MB/s และเขียนที่ 1210 MB/s เร็วกว่า SSD PCIe ตัวคุ้มที่ขายกันตามท้องตลาดตอนนี้อยู่ประมาณหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่จะอ่านอยู่ที่ราวๆไม่เกิน 2000 MB/s และยังเร็วกว่า SSD ที่แถมมากับโน้ตบุ๊คบางตัวเสียอีก

Option H10 – 1 Option H10 – 2 Option H10 – 3 SSD 760p – 1 SSD 760p – 2 SSD 760p – 3
Adobe Photoshop CC Launch time (วินาที) 4 3 3 8 3 3
เปิดไฟล์ Sheet Microsoft Excel (วินาที) 5 5 5 9 10 11
โอนไฟล์ 76 GB (วินาที) 6:51 4:03 4:06 2:35 2:45 2:46

แต่ที่โดดเด่นของ Intel Optane Memory H10 คือการใช้งานที่ต้องอ่านเขียนข้อมูลเป็นปริมาณมาก เช่นแต่งไฟล์รูปขนาดใหญ่ โอนไฟล์ขนาดใหญ่ หรือเปิด/ค้นหา Excel ที่มีข้อมูลเยอะๆ จะสามารถทำงานได้เร็วกว่า หรือเทียบเท่า SSD ตัวดีๆอย่าง Intel SSD 760p ที่ทีมงานทดสอบร่วมกันเลย โดยเฉพาะเปิดไฟล์ Excel ที่ทีมงาน intel มีการสร้างไว้ใหญ่ ด้วยไฟล์ขนาดใหญ่ และมีการเข้าสูตรไว้เยอะ เห็นผลความต่างอย่างชัดเจน

แต่ถ้าพูดถึงการเปิดเครื่อง เปิดโปรแกรมทั่วไป หรือกระทั่งโหลดเกม ไม่ได้รู้สึกต่างกันมากนัก Intel SSD 760p ออกจะเร็วกว่าเล็กน้อยด้วยซ้ำครับ

Intel Optane Memory H10 เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่น่าสนใจด้วยการผนวกรวม Intel Optane Memory เข้ากับ Intel QLC 3D NAND เพิ่มเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานให้มากขึ้นกว่า SSD ทั่วไปอีกขั้น ที่แม้ความเร็วการอ่านเขียนวัดกับ SSD ตัวแรงบางรุ่นอาจจะยังช้ากว่า แต่ถ้ามองถึงภาพรวมการใช้งาน ความเร็วการอ่านระดับ 2,400 MB/s ซึ่งก็ยังเร็วกว่า SSD PCIe NVMe อีกหลายตัวในท้องตลาด  แต่ที่โดดเด่นเลยคือด้วยการเพิ่มหน่วยความจำแคช แยกจากหน่วยความจำหลัก ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการโอนถ่ายไฟล์ขนาดใหญ่ได้เร็วขึ้น เปิดไฟล์ที่มีข้อมูลภายในซับซ้อนจำนวนมากเช่น Excel ที่มีการเข้าสูตรไว้เยอะได้เร็วกว่า เพราะมีพื้นที่พักข้อมูลก่อนใช้งานจริง อีกทั้งเมื่อวัดการใช้งานจริงด้วยหลายๆโปรแกรม แทบไม่ต่างจาก SSD ตัวแรง บางโปรแกรมอาจจะทำงานได้เร็วกว่าด้วยซ้ำไปครับ

Intel Optane Memory H10 เบื่องต้นจะมีติดตั้งในโน้ตบุ๊คก่อนในช่วงแรก และวางจำหน่ายแยกเร็วๆนี้

จุดเด่น

  • อ่านเขียนไฟล์ขนาดใหญ่ หรือเข้าสูตรไว้เยอะได้เร็วกว่า
  • ประสิทธิภาพการใช้งานจริงเทียบชั้น SSD ตัวแรง

ข้อสังเกตุ

  • ยังไม่มีราคาออกมาทำให้ประเมินความคุ้มค่าได้ยาก

from:https://notebookspec.com/review-intel-optane-memory-h10/486286/

HP – เปิดตัวโน๊ตบุ๊คซีรีส์ Envy และ Spectre รุ่นใหม่มาพร้อมจอ AMOLED พร้อมวางจำหน่ายเมษายนนี้

จากงาน CES 2019 ที่ผ่านมานั้นทาง HP ได้ทำการเปิดตัวแท็บเล็ตรุ่น Spectre x360 15 ที่มาพร้อมกับหน้าจอ 15.6 นิ้วพาเนล AMOLED เอาไว้ครับ ล่าสุดในช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้นั้นทาง HP ได้ออกมาอัพเดทอีกรอบเกี่ยวกับโน๊ตบุ๊คที่มาพร้อมกับพาเนลหน้าจอ AMOLED อีกครั้ง โดยทาง HP ได้บอกเอาไว้ครับว่าทาง HP นั้นพร้อมที่จะวางจำหน่ายโน๊ตบุ๊คที่มาพร้อมกับหน้าจอพาเนล AMOLED ภายสำหรับนี้แล้วโดยจะมี 2 รุ่นด้วยกันกับ Spectre x360 15 และ Envy x360 15 ครับ

ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้วทาง HP ไม่ได้มีการบอกข้อมูลโดยละเอียดของโน๊ตบุ๊คทั้ง 2 รุ่นแต่อย่างใดครับ โดยข้อมูลที่ทาง HP ได้ให้เอาไว้นั้นก็คือหน้าจอพาเนล AMOLED นั้นจะเป็นตัวเลือกหนึ่งในรูปแบบของหน้าจอสำหรับ Spectre x360 15 และ Envy x360 15 ซึ่งด้วยการเป็นตัวเลือกระดับสูงนี่เองทำให้สเปคของตัวเครื่องนั้นน่าจะเป็นสเปคในระดับสูงสุดไม่ว่าจะเป็น CPU, GPU หรือ RAM เป็นต้นครับ

 

ทั้งนี้ทาง HP จะเริ่มวางจำหน่ายโน๊ตบุ๊คทั้ง 2 รุ่นที่มาพร้อมกับตัวเลือกหน้าจอพาเนล AMOLED ในวันที่ 19 เมษายนที่จะถึงนี้ผ่านทาง HP.com ซึ่งในช่วงแรกนั้นจะเปิดให้เฉพาะผู้ใช้จากทางโซฯสหรัฐฯ และยุโรปได้เลือกซื้อกันก่อนเท่านั้น สำหรับในเมืองไทยเรานั้นคาดว่าก็คงต้องคอยดูกันต่อไปครับว่าจะเป็นเช่นไร

หมายเหตุ – พาเนล AMOLED ที่ทาง HP ใช้นั้นเป็นของทาง Samsung ซึ่งจะรองรับความละเอียดสูงสุดที่ระดับ 3840×2160 pixels ความสว่างของหน้าจอสูงสุดจะอยู่ที่ 600 nits ส่วน dynamic contrast ratio นั้นจะอยู่ที่ 120,000:1 รองรับช่วงกว้างของสีแบบ DCI-P3 ถึง 100% และยังรองรับการแสดงผล HDR ด้วยครับ

ที่มา : anandtech

from:https://notebookspec.com/hp-to-introduce-amoled-envy-and-spectre-laptops-in-april/477104/

HP – Spectre x360 รุ่นใหม่ปี 2019 ที่สุดของ 2-in-1 Notebook เก่งรอบด้านนวัตกรรมจัดเต็ม วัสดุหรูและดีไซน์ล้ำ

เผยโฉม HP Spectre x360 ในรูปแบบ Convertible PC รุ่นล่าสุด

เฉียบทุกรายละเอียด สะกดทุกสายตา ประสิทธิภาพเกินความคาดหมาย

HP Thailand เผยโฉม HP Spectre x360 นวัตกรรมใหม่และโซลูชั่นสร้างสรรค์เพื่อวิถีชีวิตที่ทันสมัย ด้วยเทคโนโลยีล่าสุดตอบโจทย์ดิจิทัลไลฟ์สไตล์อย่างสมบูรณ์แบบ HP Spectre x360 กับดีไซน์การออกแบบที่เพิ่มเสน่ห์เย้ายวนใจโดดเด่นสะกดทุกสายตา สะท้อนความหรูหราที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในพีซีแบบพกพา สมรรถภาพการทำงานเต็มเปี่ยมพร้อมฟีเจอร์รักษาความปลอดภัยที่ได้รับการพัฒนาให้มีศักยภาพสูงขึ้น รองรับการใช้เพื่อความบันเทิงและการใช้งานที่หลากหลาย ครบสมบูรณ์แบบในเครื่องเดียว

   

ปัจจุบัน โลกทางกายภาพและดิจิทัลมีการผสมผสานเข้าด้วยกัน ทำให้การทำงานและการใช้ชีวิตกลายเป็นหนึ่งเดียว หรือ “One life” ทุกคนต้องการความยืดหยุ่น ความคล่องตัว ความสามารถที่จะทำงานหรือพักผ่อนตอนไหนหรือทำงานจากที่ไหน ก็ได้ ดังนั้นระบบความปลอดภัยจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ

เอชพี พัฒนาคอนเวอร์ติเบิลพีซีรุ่นล่าสุด ได้แก่ HP Spectre 13 x360 ให้มีความสมบูรณ์แบบทั้งดีไซน์และการใช้งานที่   ครบครันรอบด้าน อัดแน่นประสิทธิภาพและระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ เป็นการส่งมอบประสบการณ์การใช้งานอันน่าที่งผ่านเทคโนโลยีด้วยรูปลักษณ์หรูหราทันสมัยด้วยสีน้ำเงินเข้ม Poseidon Blue หรือในสีโทนดำเข้มอย่าง Dark Ash Silver ตกแต่งขอบโดยรอบด้วยสี Copper Luxe การออกแบบคำนึงถึงความสะดวกในการใช้งาน

ตัวเครื่องดีไซน์มุมตัดช่วยให้เปิดฝาพับง่ายขึ้นและสวยเด่นขึ้นแบบ Gem Cut Design เหลี่ยมหน้าตัดเลียนแบบการเจียระไนอัญมณี ด้วยวัสดุอะลูมิเนียมขอบ CNC เสริมความพร้อมด้วยพอร์ต USB Type-C ที่มุมเครื่องสำหรับการเชื่อมต่อเคเบิลได้สะดวกขึ้น ยกระดับความปลอดภัยด้วยฟีเจอร์ HP Sure View ปกป้องความเป็นส่วนตัวบนจอ และปุ่มปิด-เปิดกล้องเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน

เสริมด้วยหน้าจอทัชสกรีน micro-edge คมชัดระดับ 4K ศักยภาพสูงขึ้นทั้งในด้านความบันเทิงและการใช้งานที่หลากหลายด้วยโปรเซสเซอร์ใหม่ล่าสุดจาก Intel® Core™ เจเนอเรชั่น 8 มีซอฟต์แวร์อัจฉริยะกู้คืน BIOS และระบบระบายความร้อนได้ดี

 

สัมผัสสุดยอดประสบการณ์การใช้งาน HP Spectre 13 x360 ได้แล้ววันนี้ที่ตัวแทนจำหน่ายชั้นนำใกล้บ้านท่านหรือ www.hpstorethailand.com

 

ข้อมูลเกี่ยวกับ HP Inc.

HP Inc. สร้างสรรค์เทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งเกิดประโยชน์ต่อผู้บริโภค ธุรกิจ ภาครัฐ และสังคมอย่างแท้จริง ด้วยพอร์ทโฟลิโอด้านเทคโนโลยี ได้แก่ เครื่องพิมพ์ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ โซลูชั่นและบริการต่างๆ ทำให้ HP สามารถมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ HP (NYSE: HPQ) สามารถเข้าชมได้ที่ http://www.hp.com

from:https://notebookspec.com/hp-spectre-x360-2-in-1-notebook-model-2019/471348/

HP เปิดตัวโน้ตบุ๊คพรีเมี่ยม HP Spectre x360 ดีไซน์บางเบา ราคาเริ่มต้น 49,990 บาท

HP เปิดตัว HP Spectre x360  ซึ่งเป็นโน้ตบุ๊คแบบ Convertible ที่สามารถใช้งานแบบโน้ตบุ๊คปกติ และยังสามารถพับจอไปด้านหลังให้เป็นทรงเต๊นท์ หรือจะพับไปด้านหลังให้แนบไปกับคีย์บอร์ดแบบ 360 องศาเพื่อใช้งานในรูปแบบของแทบเล็ตก็ยังได้

ดีไซน์หรูระดับพรีเมี่ยม

HP Spectre x360 เป็นโน้ตบุ๊คที่มีดีไซน์ตัวเครื่องแบบหรูหราไม่เหมือนใครด้วยวัสดุตัวเครื่องเป็นอลูมิเนียม มีการตัดมุมเครื่องช่วงบานพับจอแบบ Gem Cut Design ทำให้การพับจอไปด้านหน้าหรือด้านหลังง่ายกว่าเดิม นอกจากนี้ยังมีน้ำหนักเริ่มต้นที่ 1.32 กก. และบางเพียง 14.5 มม. เท่านั้น

หน้าจอความละเอียดสูงระดับ 4K

HP Spectre x360 มาพร้อมหน้าจอทัชสกรีน Micro-Edge ขนาด 13.3 นิ้ว ความละเอียด Full HD (ความละเอียดสูงถึง 4K) แถมยังรองรับการใช้งานคู่กับปากกา HP Tilt Pen สำหรับการขีดเขียนได้เป็นธรรมชาติเหมือนการใช้งานปากกาจริง

ลำโพง 4 ตัว สุดกระหึ่ม

เห็นรูปร่างเพรียวบางแบบนี้ แต่ HP Spectre x360 ก็อัดระบบเสียงสุดกระหึ่มมาให้ด้วยลำโพง 4 ตัว พร้อมได้รับการปรับแต่งเสียงจาก Bang & Olufsen อีกด้วย

พอร์ทใช้งานครบครัน

HP Spectre x360 ยังมาพร้อมกับพอร์ทให้ใช้งานได้แบบครบๆ ไม่ว่าจะเป็น USB-A Type3, USB-C Thunderbolt 3 2 พอร์ท, รูหูฟัง 3.5 มม. และช่อง MicroSD Card

แบตอึดใช้งานต่อเนื่องยาวนานได้กว่า 20 ชม.

HP Spectre x360 สามารถดูวิดีโอความละเอียด Full HD ต่อเนื่องได้ยาวนานถึง 21 ชม. 30 นาที เรียกว่าชาร์จทีเดียวดูซีรีส์จบทั้งซีซั่นเลยล่ะ เท่านั้นยังไม่พอ…ยังรองรับการชาร์จไวที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 0% – 50% ได้ในเวลาประมาณ 30 นาที เท่านั้น

HP Spectre x360 มีให้เลือกซื้อด้วยกันทั้งหมด 3 รุ่น 3 สเปค ตามนี้เลย

HP Spectre x360 – 13-ap0028tu

  • 8th Generation Intel® Core™ i5 processor
  • Windows 10 Home Single Language 64
  • 256 GB PCIe® NVMe™ M.2 SSD
  • 8 GB DDR4-2400 SDRAM (onboard)
  • Intel® UHD Graphics 620
  • ราคา 49,990 บาท

HP Spectre x360 – 13-ap0027tu

  • 8th Generation Intel® Core™ i7 processor
  • Windows 10 Home Single Language 64
  • 512 GB PCIe® NVMe™ M.2 SSD
  • 8 GB DDR4-2400 SDRAM (onboard)
  • Intel® UHD Graphics 620
  • ราคา 56,990 บาท

HP Spectre x360 – 13-ap0026tu

  • 8th Generation Intel® Core™ i7 processor
  • Windows 10 Home 64
  • 512 GB PCIe® NVMe™ M.2 SSD
  • 8 GB DDR4-2400 SDRAM (onboard)
  • Intel® UHD Graphics 620
  • ราคา 62,990 บาท

HP Spectre x360 พร้อมให้เป็นเจ้าของแล้วตั้งแต่วันนี้ ตามร้านค้า IT ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายของ HP ทั่วประเทศไทย

from:https://droidsans.com/hp-spectre-x360-thailand-launch-for-49990-baht/

HP – ชูนวัตกรรม หนุนกลุ่ม SMBs พร้อมเปิดตัว Spectre x360, Elitebook x360, LaserJet MFP, Jet Fusion 3D

HP ชูนวัตกรรม หนุนกลุ่ม SMBs และคอนซูเมอร์ ในเซาท์อีสต์เอเชียและเกาหลี

กัวลาลัมเปอร์15 พฤศจิกายน 2561  เอชพี จัดแสดงนวัตกรรมใหม่ในงานเอชพี โฮม แพลนเน็ต 2018  (HP Home Planet 2018)ชูนวัตกรรมและโซลูชั่นตอบโจทย์ความต้องการคนทำงานที่ต้องเคลื่อนที่ไปยังที่ต่างๆ ช่วยให้ผู้ใช้งานทำงานได้อย่างสนุกสนานมากขึ้นท่ามกลางกระแสโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว งานนี้จัดขึ้นภายใต้ชื่อ Our Home Today, Our World Tomorrow” 

ซึ่งได้แนวคิดจากการติดตาม แสวงหา และพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง โดยมีกลุ่มคนทำงานยุคดิจิทัล กลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMBs) รวมถึงผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเกาหลี เป็นตัวขับเคลื่อน 

โจเซฟีน ตัน รองประธาน และผู้บริหารสินค้าคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คกลุ่มคอนซูเมอร์ เอชพี กล่าวว่า งานนิทรรศการ เอชพี โฮม แพลนเน็ต 2018 ตอกย้ำความมุ่งมั่นของเอชพีที่ต้องการมอบผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดจากการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างการออกแบบชั้นเลิศกับนวัตกรรมความปลอดภัยที่มาพร้อมประสิทธิภาพการทำงานสูงสุดแก่ผู้บริโภคผ่านคอมพิวเตอร์กลุ่มพรีเมี่ยมรุ่นล่าสุด ได้แก่ HP Spectre Folio, HP Spectre13 x360 และ HP Spectre 15 x360

ด้าน โก๊ะ คง เม็ง ผู้จัดการทั่วไปและกรรมการผู้จัดการ เอชพี ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเกาหลี ได้กล่าวถึงโอกาสของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และผู้บริโภคในภูมิภาคนี้ รวมถึงแนวโน้มที่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงด้านความต้องการพื้นฐานและการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัล รวมทั้งการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในมิติต่างๆ

 

“ธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเกาหลีอยู่บนเส้นทางของการเติบโต ผู้บริโภคและกลุ่มคนทำงานในยุคแห่งการเคลื่อนที่จึงแสวงหาข้อได้เปรียบจากแนวโน้มในอนาคต เช่น การขยายตัวของเมืองอย่างรวดเร็ว การเปลี่ยนแปลงด้านประชากรศาสตร์ การพลิกโฉมอย่างรวดเร็วของโลกาภิวัตน์และนวัตกรรม ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวส่งผลให้วิถีชีวิตการทำงานและการใช้ชีวิตของผู้คนเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งเอชพีพร้อมที่จะสนับสนุนความต้องการของผู้บริโภค และจุดประกายให้พวกเขาสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อขยายโอกาสการเติบโตในภูมิภาคนี้ได้สำเร็จ”

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการอภิปรายพิเศษของผู้ชนะเลิศโครงการ HP Mars Home Planet Concept Challenge การแข่งขันโดยสมาคมอวกาศและเทคโนโลยีแห่งสิงคโปร์ (Singapore Space and Technology Association) ว่าด้วยเรื่องโอกาสสำหรับอุตสาหกรรมการเดินทางสู่อวกาศในภูมิภาคเอเชีย โดยให้ความสำคัญกับนวัตกรรมที่ล้ำสมัยกระบวนการผลิต และความยั่งยืนในอนาคต

เอชพี โฮม แพลนเน็ต 2018 นำเสนอนวัตกรรมและโซลูชั่นล่าสุดสำหรับคนทำงานในยุคเคลื่อนที่ โดยได้จัดแบ่ง HP Experiences Zone ออกเป็นโซนต่างๆ:

 

  • HP Spectre กลุ่มผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมี่ยม สร้างสรรค์เพื่อวิถีชีวิตที่ทันสมัย

เอชพี ยกเครื่อง คอนเวอร์ติเบิลพีซีรุ่นล่าสุด ได้แก่ HP Spectre13 x360 และ HP Spectre 15 x360 ให้มีความสมบูรณ์แบบ ทั้งดีไซน์และการใช้งานที่ครบครัน อัดแน่นด้วยประสิทธิภาพและระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ พร้อมเปิดตัวคอมพิวเตอร์ซึ่งผลิตจากหนังแท้เครื่องแรกของโลก ภายใต้ชื่อ HP Spectre Folio ที่ได้รับการออกแบบให้ดูหรูหรา สามารถย่อขนาดให้บางลง เป็นนวัตกรรมที่ปราศจากพัดลมแต่ให้ประสิทธิภาพการทำงานสมบูรณ์แบบ

  • HP Elitebook x360 1040 G5 เพื่ออิสรภาพไร้ขีดจำกัด คล่องตัวไปกับทุกจังหวะของชีวิต

เอชพี มุ่งมั่นในการพัฒนาอุปกรณ์ต่างๆ บนพื้นฐานของความยืดหยุ่นอิสระ คำนึงถึงความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลทางธุรกิจ HP Elitebook x360 1040 G5 ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน ย่อขนาดจาก 14 นิ้ว เป็น 13 นิ้ว แต่อัดแน่นด้วยประสิทธิภาพการทำงานสมบูรณ์แบบ โดยใช้ ซีเอ็นซี อะลูมิเนียมทั้งแผ่นในการทำโครง และชุบผิวอลูมิเนียมเพิ่มเพื่อความคงทน ผ่านมาตรฐานการวัดความทนทานต่อการสั่นสะเทือน (MIL-SPEC)

  •  Z by HP นวัตกรรมสร้างโลกใหม่สำหรับวันพรุ่งนี้

กลุ่มผลิตภัณฑ์เวิร์คสเตชั่น เอชพี ซี ออกแบบขึ้นเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของนักสร้างสรรค์มืออาชีพ สมรรถนะอัดแน่นและมอบความคุ้มค่าด้วยซอฟต์แวร์ที่ได้รับการรับรองจากอุตสาหกรรมชั้นนำ เอชพี ซีบุ๊คส์ และ ซี เดสก์ท็อป เวิร์คสเตชั่นมอบพลังสร้างสรรค์งานอย่างไร้ขีดจำกัด อิสระในการทำงานร่วมกัน ผสมผสานระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูง และสามารถลดระยะเวลาการทำงานกราฟฟิก 

  • HP LaserJet MFP series พลิกโฉมนวัตกรรมการพิมพ์

กลุ่มเป้าหมายหลัก คือ ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเกาหลี ที่ต้องการเพิ่มผลผลิตและลดภาระต้นทุน ภายใต้การบริหารจัดการและความปลอดภัยทางธุรกิจ เอชพี ได้เพิ่มสินค้าใหม่กลุ่มเครื่องพิมพ์ขนาด A3สำหรับภาคธุรกิจ ได้แก่ HP LaserJet MFP รุ่น M72625 และ M72630dn เครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชั่น ทำงานได้เอนกประสงค์สำหรับงานเอกสารขนาด A3 มีรูปแบบการพิมพ์ที่หลากหลาย สามารถสั่งพิมพ์ได้อย่างปลอดภัยจากคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต พร้อมรองรับการสแกนและถ่ายสำเนา

  • เปิดตัวเครื่องพิมพ์สามมิติ HP Jet Fusion 3D ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเกาหลี

เอชพี ประกาศเป็นพันธมิตรกับ DKSH ส่งมอบเครื่องพิมพ์สามมิติ HP Jet Fusion ให้บริการกับลูกค้าในประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย ผนึกกำลังพันธมิตรยกระดับอุตสาหกรรมการผลิตให้แพร่หลายมากขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้ DKSH เป็นพันธมิตรรายแรกที่เอชพีจะดำเนินการส่งมอบเครื่องพิมพ์สามมิติรุ่นใหม่ ในประเทศมาเลเซีย

from:https://notebookspec.com/hp-spectre-x360-elitebook-x360-laserjet-mfp-jet-fusion-3d/462585/