Louis Vuitton อัพเกรด Android Wear ใหม่ Tambour Horizon 2019 ใช้ชิป Snapdragon Wear 3100

เทคโนโลยีกับแฟชั่นใครว่าไปกันไม่ได้? หลายต่อหลายครั้งที่เราเห็นแบรนด์แฟชั่นจับมือร่วมกับกับค่ายมือถือหรืออุปกรณ์ไอทีอื่นๆ ออกคอลเลคชั่นใหม่ให้เราต้องเปย์กันอยู่เนืองๆ ยังไม่รวมถึงแบรนด์แฟชั่นอีกมากมายที่จำหน่าย gadget ของตัวเอง

ล่าสุด Louis Vuitton เปิดตัวสมาร์ทวอซรุ่นใหม่สุดหรู Tambour Horizon ที่ดีไซน์ภายนอกยังคงเหมือนเดิมเพิ่มเติมชิปเซ็ทใหม่ที่คราวนี้เลือกใช้ Snapdragon Wear 3100 ที่พัฒนาโดย Qualcomm และ Google สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของหน้าจอให้ละเอียดยิ่งขึ้นรวมถึงอายุการใช้งานให้ใช้งานได้นานสูงสุด 1 วันเต็มๆ และสามารถอยู่ได้นานถึง 5 วันด้วยโหมด low-power ที่ใช้ดูนาฬิกาเพียงอย่างเดียว

ในส่วนของดีไซน์นั้น Tambour Horizon ได้พัฒนาความละเอียดหน้าจอให้คมชัดดกว่าเดิม และเพิ่มออปชั่นใหม่ด้วยวัสดุเซรามิคสีขาวมาให้เลือก มีตัวเลขบอกเวลา 24 ชั่วโมง ที่ขอบหน้าปัด พร้อมรองรับ ambient mode  สามารถปรับเปลี่ยนหน้าจอหลากหลายสไตล์ รวมถึงฟีเจอร์เด่นๆ ที่ใช้พลังงานน้อย อย่างวัดอัตราการเต้นของหัวใจ และการนับก้าว เป็นต้น

Louis Vuitton Tambour Horizon รองรับการเชื่อมต่อได้ทั้งกับมือถือ Andoird และ iOS สำหรับสนนราคาอย่างเป็นทางการของ Tambour Horizon ยังไม่เป็นที่เปิดเผย แต่คาดว่าน่าจะอยู่ราวๆ $2,490 หรือประมาณ 81,056 บาทค่ะ หากใครที่ชอบ สมาร์ซวอซหรูๆ แบบแบรนด์เนมก็ลองไปส่องๆ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมกันได้ที่เว็บไซต์ของ louisvuitton กันดูค่ะ

 

ที่มา slashgear

from:https://droidsans.com/louis-vuitton-tambour-horizon-update-snapdragon-wear-3100/

รีวิว Samsung Gear Sport สมาร์ทวอทช์น้องใหม่สวยสะดุดตา พร้อมระบบการติดตามเพื่อสุขภาพ

Samsung Gear Sport นาฬิกาอัจฉริยะตัวล่าสุดน้องใหม่ของตระกูล Gear ที่เปิดตัวออกมาพร้อมกับ Samsung Gear IconX หูฟังไร้สายตัวเด็ด ที่ต้องบอกว่าทั้งคู่ออกแบบมาได้สวยงามครับ  โดยเฉพาะเจ้า Gear Sport ตัวนี้ ตัวเรือนยังคงสไตล์โลหะ หน้าจอกลม ดูแกร่งตั้งแต่แรกเห็นครับ

ตัวเรือนโดยรวมถูกลดขนาดลงมากกว่ารุ่น Gear S3 ซึ่งน่าจะเหมาะกว่าสำหรับเพิ่มความคล่องตัว และส่งผลให้เจ้า Gear Sport มีขนาดโดยรวมที่สวมใส่ได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชายครับ และภายในกล่อง ทาง Samsung ก็เตรียมสายนาฬิกามาให้สองไซด์ด้วยเช่นกัน เป็นสายแบบสั้นและสายแบบยาว ซึ่งสายของ Gear Sport เป็นสายแบบยางครับ เหมาะสมตามชื่อของรุ่นที่เน้นให้ทนทานต่อน้ำ ต่อเหงื่อ และการเคลื่อนไหว ซึ่งสายของ Gear Sport เป็นสายมาตรฐานที่เอาสายนาฬิกาขนาด 20 มิลโดยทั่วไปมาใช้แทนได้ทั้งหมดครับ

 

แท่นชาร์จแบบไร้สาย แค่วางก็เป็นการชาร์จพลังงานและปรับเปลี่ยนโหมดการแสดงผลเป็นแนวนอนเพื่อเป็นนาฬิกาแบบตั้งโต๊ะครับ ใช้เวลาในการชาร์จไม่นานประมาณชั่วโมงครึ่งถึงสองชั่วโมงก็พร้อมใช้งาน ซึ่งเมื่อแบตเต็ม เราจะสามารถใช้งานได้ประมาณสามคืนสามวันได้สบายๆ ครับ

ตัวเรือนแม้จะเป็นโลหะ แต่ก็ไม่หนักมากครับ ประมาณ 50 กรัม ออกแบบมาได้สวยทั้งตัวเครื่องและสีสันของหน้าจอ สว่างชัดเจน สีสด มีโหมดสำหรับการใช้งานกลางแจ้ง ขนาดหน้าจอ 1.2 นิ้ว ใหญ่มากพอจะใช้งานทั้งการอ่านตัวอักษรข้อความและตรวจสอบการแจ้งเตือนต่างๆ

Gear Sport สามารถแจ้งเตือนให้เราได้แทบทุกอย่างครับ รองรับภาษาไทยสมบูรณ์ ทั้งหมดสามารถควบคุมได้ผ่านแอพพลิเคชั่น Samsung Gear ที่ติดตั้งได้ในเครื่องสมาร์ทโฟน Android เวอร์ชั่น 4.2 ขึ้นไป มีการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วยระบบ Wi-Fi ในตัวเอง ทำให้เราสามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนกับตัวนาฬิกาได้ในระยะไกลผ่านสัญญาณ Wi-Fi ครับ แต่ความสามารถก็จะจำกัดมากกว่าการเชื่อมต่อผ่านบลูทูธระยะใกล้

ตัวเครื่องมีระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวร่างกายเยอะมาก พร้อมมาตรฐานการกันน้ำระดับ 5 ATM หรือกันน้ำลึกระดับ 50 เมตรครับ ซึ่งทำให้มันเป็นนาฬิกาที่เราใส่อาบน้ำ เอาไปล้างน้ำ หรือใส่ลงว่ายน้ำในสระว่ายน้ำได้เลยแบบไม่ต้องกังวล

พร้อมการเชื่อมต่อ NFC และบลูทูธเวอร์ชั่น 4.2 ทำให้เราเชื่อมต่อกับหูฟังเพื่อการฟังเพลง มี GPS ในตัวพร้อม ใช้ในการออกกำลังกายได้ด้วยตัวนาฬิกาเองโดยตรง

การควบคุมการใช้งานของตัวนาฬิกา จะใช้การสัมผัสลงบนหน้าจอ ทั้งการทั้ช การสไลด์ พร้อมปุ่มสองปุ่มข้างเครื่องที่ทำงานคล้ายกับปุ่มโฮมและปุ่มย้อนกลับของระบบ Android มีวงแหวนรอบหน้าปััดสำหรับการหมุนเพื่อเลื่อนและเลือก ซึ่งเจ้าวงแหวนตัวนี้ของ Gear Sport ออกแบบมาได้ดีกว่ารุ่นพี่ของมันมากครับ มีความแน่นหนาในระดับกำลังพอดี ไม่หลวมไม่แน่นจนเกินไป ดูทนทานและน่าจะใช้งานได้เต็มที่แบบเต็มไม้เต็มมือได้มากกว่า

มีหน่วยความจำภายในเครื่องไว้จัดเก็บไฟล์ภาพไฟล์เพลง และติดตั้งแอพพลิเคชั่น เพราะตัว Gear Sport ใช้ระบบ Tizen ที่มีแอพพลิเคชั่นและสโตร์เป็นของตัวเองครับ สามารถดาวน์โหลดหน้าปัดนาฬิกาสวยๆ และแอพพลิเคชั่นใช้งานที่ต้องการได้เพิ่มเติม ซึ่งผมจะบอกว่าหน้าปัดนาฬิกาของอุปกรณ์ Samsung Gear มีแต่สวยๆ ทั้งนั้นครับ และยกให้เป็นสมาร์ทวอทช์ที่มีหน้า Watch Face ที่สวยงามที่สุดแล้วในตอนนี้

 

โดยพื้นฐานแล้วตัว Gear Sport แค่แกะกล่องออกมาก็มีความสามารถในตัวมันเองเยอะมากแล้วครับ โดยเฉพาะแอพพลิเคชั่นการทำงานด้านสุขภาพ มันมีระบบการตรวจจับการเคลื่อนไหวทั้งในแนวราบและแนวตั้ง การเดิน การวิ่ง การขึ้นลงบันได ทั้งหมดจะถูกตรวจจับและจัดเก็บไว้เป็นข้อมูลย้อนหลัง

ตัวเรือนมีที่ตรวจวัดชีพจรด้านหลัง ซึ่งมีแอพพลิเคชั่นที่จะควบคุมการวัดชีพจรให้ทำงานควบคู่ไปกับกิจกรรมการออกกำลังกายเพื่อคำนวนผลลัพท์ออกมาให้เราได้ครบถ้วน

ภายในจะมีรูปแบบการออกกำลังกายมาให้นับเป็นสิบๆ รูปแบบที่รองรับ ไม่ว่าจะเป็นการเดิน วื่ง ปีนเขา การปั่นจักรยาน ทั้งการออกกำลังกายกับเครื่อง หรือบอดี้เวท ตัว Gear Sport สามารถช่วยเป็นโค๊ชให้คุณได้หมดครับ ตรวจจับการเคลื่อนไหว นับชั่วโมง และคำนวนแคลที่ใช้งานออกไป มีแอพ Speedo on จาก Speedo สำหรับการตรวจจับการว่ายน้ำให้กับเราโดยเฉพาะ โดยจะจัดเก็บช่วงรอบสวิง เวลาที่ใช้และพลังงานที่ถูกเผาผลาญไปในขณะว่าย พร้อมบันทึกไว้เป็นสถิติ

นอกจากจะช่วยบันทึกการเคลื่อนไหว และการออกกำลังกายแล้ว ยังมี Widget ที่จะช่วยให้เราควบคุมการกิน การดื่มน้ำในแต่ละวัน สำหรับคนที่ใส่ใจในการควบคุมน้ำหนักได้ด้วยครับ

ในแต่ละวัน กิจกรรมชีวิตของเราจะถูกตรวจจับการเคลื่อนไหวจาก Gear Sport ตลอดเวลาครับ มันจะคอยแนะนำการขยับร่างกายเพื่อลดความเมื่อยล้า และกระตุ้นเตือนให้มีการขยับอยู่ตลอดเวลา เช่นการขับรถหรือนั่งอยู่กับที่เป็นเวลานานๆ เป็นต้น

แน่นอนด้วยความเป็นสมาร์ทวอทช์ การใช้งานในเชิงอื่นๆ ของ Gear Sport ก็มีอยู่เต็มเครื่องครับ ทั้งการใช้งานด้วยตัวมันเองและเป็นส่วนเสริมให้กับสมาร์ทโฟนที่เชื่อมต่อ ซึ่งใช้งานสนุกแน่นอนครับ ด้วยคุณภาพของหน้าจอแสดงผลที่ดี มีสีสันและแสงสว่างสวยงาม ความเร็วในการสั่งงานและการควบคุมที่ตอบสนองไม่ช้าหงุดหงิด

ทำให้ขณะใช้งาน Gear Sport หลายๆ อย่างจะเลิกใช้ผ่านทางสมาร์ทโฟนไปเลยครับ หยิบจับมือถือน้อยลงมาก และสนุกกับการใช้งานนาฬิกาตัวนี้มากทีเดียวครับ ก็เป็นนาฬิกาสมาร์ทวอทช์ที่ราคาไม่แพงด้วยครับ เปิดตัวออกมาในราคา 9,900 บาท แต่มีประสิทธิภาพ, มีความสวยงาม และมีความครบครันในตัวเองสูงมากครับ

 

from:https://www.appdisqus.com/2017/12/06/review-samsung-gear-sport.html

รีวิว Samsung Gear IconX หูฟังบลูทูธสเตอริโอ ที่ฉลาดที่สุดของ Samsung

Samsung Gear IconX เปิดตัวพร้อมจำหน่ายในเมืองไทยแล้วครับ เปิดตัวมาพร้อมๆ กับสมาร์ทวอทช์ Gear Sport เลย แต่ว่ามาในราคาที่ถูกมาก 5,990 บาท ซึ่งความสามารถของหูฟังตัวนี้ อย่าหวังไว้แค่ใช้เพื่อการฟังเพลงเท่านั้นครับ

ด้วยความฉลาดของหูฟังที่ฝังชิป, เซ็นเซอร์, หน่วยความจำ และแผงการควบคุมสั่งงานไว้ภายในตัวมันเอง ทำให้มันไม่ต่างกับอุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์อื่นๆ ที่มีความสามารถในตัวเองค่อนข้างสูง แม้จะบอกว่าเป็นหูฟัง แต่มาดูกันว่ามันทำอะไรให้เราได้บ้างครับ

Samsung IconX จะมาเป็นหูฟังคู่ครับ ไร้สายโดยสมบูรณ์ เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ด้วยสัญญาณ Bluetooth 4.2 ซึ่งทั้งคู่จะถูกจำหน่ายออกมาพร้อมกับ “กล่อง” ซึ่งเจ้ากล่องตัวนี้ไม่ใช่แค่เอาไว้เก็บหูฟังเท่านั้น เพราะมันทำหน้าที่เป็นให้เราทั้งแท่นชาร์จ ตัวแบตเสริม และตัวเปิดปิดการทำงานของหูฟังของทังสองตัวครับ

ซึ่งมาดูเจ้ากล่องของมันกันก่อนนะครับ

ด้านหลังกล่อง จะเป็นพอร์ตชาร์จไฟแบบ USB -Type C พร้อมไฟแสดงสถานะ เมื่อเสียบชาร์จไฟ พลังงานจะถูกส่งผ่านเข้าไปเก็บทั้งในตัวหูฟังและกล่องของมันด้วยครับ เพื่อให้เราพกกล่องเป็นแบตเสริมใช้งานระหว่างวันได้ครับ เมื่อเรานำหูฟังมาใส่เก็บไว้ในกล่องก็จะเป็นการชาร์จพลังงานจากกล่องเข้าไปยังหูฟังโดยทันที ซึ่งจะมีไฟแสดงสถานะการชาร์จหูฟังทั้งสองข้างอยู่ด้านหน้ากล่องเก็บด้วยครับ แยกการชาร์จเป็นของทางฝั่งใครฝั่งมัน ถ้าขึ้นไฟสีเขียวก็แสดงว่าหูฟังข้างนั้นชาร์จไฟเต็มแล้วนั้นเอง

ตัวกล่องออกแบบมาได้สวยวัสดุละมุนมือครับ และเป็นพลาสติกกึ่งยางทำให้ตกกระแทกเสียหายยาก ตัวกล่องและหูฟังถูกออกแบบมาให้ทำงานด้วยกันด้วยเซ็นเซอร์และขั้วพินต่างๆ ทำให้การทำงานหลายอย่างเกิดขึ้นโอยอัตโนมัติ เช่นการหยิบหูฟังออกจากกล่อง ก็จะเป็นการพร้อมใช้งานได้ในทันทีครับ หรือการเก็บหูฟังเข้ากล่อง ก็จะเป็นการปิดการทำงานและชาร์จไฟของตัวหูฟังได้ทันทีเช่นกัน

ด้านหลังกล่อง ยังมีปุ่มกดสำหรับการเชื่อมต่อหูฟังกับอุปกรณ์ที่่ต้องการ ซึ่งรองรับหมดครับ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ใดๆ ที่เชื่อมต่อกับหูฟังบลูทูธได้ เจ้า IconX ก็สามารถนำไปใช้ร่วมได้ทั้งหมด แต่ใช้งานในลักษณะของหูฟังบลูทูธเท่านั้นนะครับ

ตัวกล่อง จะประยุกษ์เอามาใช้ทำเป็นแท่นวางโทรศัพท์ก็ได้นะ ^^

ตัวหูฟัง

บนตัวหูฟังทั้งสองข้าง จะรองรับการสั่งงานโดยการสัมผัสผ่านแผงรับสัญญาณบนตัวของมัน รองรับทั้งการทัช, ดับเบิลทัช และทริปเบิ้ลทัช รวมถึงการทัชค้างและสไลด์ด้วยครับ

 

• ทัชครั้งเดียวเพื่อใช้ในการเล่นเพลง, หยุดเพลง, ดับเบิ้ลทัชเพื่อข้ามเพลง ทริปเบิ้ลทัชเพื่อย้อนกลับ, สไลด์ขึ้นหรือลงเพื่อเพิ่มเสียงและลดเสียง
• และใช้การทัชค้างเพื่อเข้าถึงโหมดต่างๆ เช่นการเรียกใช้งานคำสั่งเสียง (รองรับทั้ง Android และ Siri ของ iOS)
• เปิดฟังก์ชั่นตรวจจับการเคลื่อนไหว เพื่อนำไปใช้เป็นโค๊ชสำหรับการวิ่งและการเดินได้โดยไม่ต้องพึ่งพาการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ใดๆ ครับ ซึ่งในโหมดนี้เราจะเปิดใช้งานเองหรือมันจะทำงานให้อัตโนมัติหากคุณเดินหรือวิ่งติดต่อกันนาน 10 นาทีขึ้นไป ในความเร็วที่ไม่เกิน 8.5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่เสียงโค๊ชจะเป็นเสียงภาษาอังกฤษนะครับ
• การเปิดปิดฟังก์ชั่นโหมดปิดเสียงแวดล้อม ซึ่งจะเป็นการทำงานแบบ Noise Cancelling ตัดเสียงรบกวนรอบตัว เพื่อให้เราสามารถรับฟังเพลงได้ชัดเจนในทุกสภาวะแวดล้อมครับ ซึ่งเห็นผลต่างมากในเวลาเปิดใช้งานและปิดใช้งาน ซึ่งในโหมดนี้จะทำงานได้ต่อเมื่อเราใช้งานหูฟังทั้งสองข้างพร้อมกันเท่านั้นนะครับ

การทัชค้างเพื่อเข้าถึงโหมดต่างๆ ที่ผมว่ามา สามารถสัมผัสเพื่ิอสั่งงานได้ทั้งบนหูฟังขวาและหูฟังซ้ายทั้งคู่ครับ ทั้งคู่ทำงานร่วมกันและแยกกันได้อิสระ เราไม่จำเป็นต้องหยิบมาใช้งานเป็นคู่แต่อย่างใดครับ ใช้งานเพียงข้างเดียวก็ได้ สามารถคุยสนทนาโทรศัทพ์ได้เพราะว่ามีไมค์รับเสียงทั้งคู่

ตัวหูฟังจะมีเซนเซอร์มากมายเพื่อรับรู้ว่าเรากำลังใช้งานหูฟังข้างใดอยู่ในขณะนั้น เมื่อถอดหูฟังข้างใดออกจากหู มันก็หยุดการทำงานให้กับเราได้อย่างอัตโนมัติครับ

ตัว Icon X นอกจากจะมีเซนเซอร์ในตัวแล้ว ยังมีหน่วยความจำภายในตัวมันเองด้วยนะครับ 4GB (ใช้งานได้จริง 3.4GB) เพื่อเอาไว้ใส่ไฟล์เพลงในตัวมันเอง สำหรับการใช้ฟังเพลงโดยไม่ต้องพึ่งการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ใดๆ สามารถโอนถ่ายเพลงลงในหูฟังได้ทั้งทางสาย USB-Type C โดยตรงหรือผ่านโปรแกรม PC Gear IconX Manager

แต่ตัว Icon X จะใช้งานได้ดีกับแอพพลิเคชั่น Samsung Gear เป็นพิเศษครับ ซึ่งเป็นแอพที่สามารถติดตั้งได้ในเครื่องสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์เวอร์ชั่น 4.2 ขึ้นไป เพราะว่าภายในแอพนอกจากเราจะโอนไฟล์เพลงจากมือถือลงในตัว Gear Icon X ได้แล้ว ยังสามารถกำหนดการทำงานของมันได้อีกหลายอย่าง

• กำหนดการเล่นไฟล์เพลงได้ ว่าจะให้เล่นไฟล์เพลงจากในเครื่องสมาร์ทโฟนหรือไฟล์ในตัวของมันเอง
• กำหนดข้างของหูฟังที่รับหน้าที่ในการตรวจจับการออกกำลังกายได้ โดยมันจะใช้หูฟังเพียงข้างเดียวในการใช้งานครับ
• กำหนดรูปแบบการออกกำลังกาย เดินและวิ่ง ได้ถึง 10 ระดับ
• เชื่อมต่อข้อมูลการออกกำลังกายกับแอพ Samsung Health (ถ้ามีในเครื่อง)
• ตรวจเช็คสถานะการเชื่อมต่อ, แบตเตอรี่, และใช้อัพเดทซอฟท์แวร์ของหูฟัง
• กำหนดแอพที่จะได้รับการแจ้งเตือน
• เปิดค้นหา ด้วยการให้หูฟังส่งเสียงได้ผ่านแอพพลิเคชั่น

จากที่ทดสอบใช้งาน Gear Icon X สวมใส่สบายด้วยเนื้อวัสดุครับ ตัวยางยึดมีหลายขนาดให้เลือกใช้เพื่อเข้ากับขนาดใบหู ใส่แล้วไม่มีหลุดง่ายๆ แน่นอน

ตัวแบตเตอรี่ของหูฟัง ใช้งานได้ต่อเนื่องนานกว่าห้าชั่วโมงครับสำหรับการเปิดระดับเสียงสูงสุด โดยเมื่อแบตหูฟังหมดเราสามารถใส่กลับเข้ากล่องเพื่อชาร์จไฟกลับเข้าไปใหม่ได้ และรองรับการชาร์จไวครับ ชาร์จ 10 นาทีเพื่อการใช้งานได้นานต่ออีกเป็นชั่วโมง ส่วนแนวของเสียงหูฟังคู่นี้ดุดันครับแม้ซาวด์ไม่กว้างแต่เบสหนัก แหลมชัด เสียงจัดจ้านมากๆ เป็นเสียงที่น่าจะถูกใจคนชอบแนว EDM หรือร็อคแบบโจ๊ะๆ ดีดๆ แน่นอนครับ

สรุปท้ายรีวิว

การทำงานฉลาด ทำงานได้มากกว่าหูฟังทั่วไปด้วยตัวเอง มีหน่วยความจำในตัว แนวเสียงดุดันจัดจ้าน การออกแบบสวยดูวัยรุ่นและสวมใส่สบายครับ เหมือนมันเป็นส่วนหนึ่งของอวัยวะของเราเลยเพราะไม่มีสายไฟใดๆ ให้เกะกะ รองรับการสั่งงานได้ด้วยตัวเองรอบด้าน แผงสัมผัสสั่งงานมีขนาดใหญ่สั่งงานง่าย แต่บางครั้งก็เผลอไปโดนโดยไม่ตั้งใจได้เช่นกัน

from:https://www.appdisqus.com/2017/12/04/review-samsung-icon-x.html

รายละเอียดสินค้า CORSAIR อุปกรณ์เกมมิ่งเกียร์ที่นำมาลดราคาจัดหนักในเดือนกันยายน

CORSAIR แบรนด์ชื่อดังในด้านเมมโมรีประสิทธิภาพสูง, อุปกรณ์ต่อพ่วงพีซี และฮาร์ดแวร์เกมมิ่งสมรรถนะสูง เอาใจเกมเมอร์ชาวไทยครับ ขนอุปกรณ์เกมมิ่งเกียร์มาจัดหนักโปรโมชั่นประจำเดือนกันยายน 2017  โดยมีรายการสินค้าที่เข้าร่วมรายการดังนี้ :

1. Corsair Keyboard Strafe Cherry MX blue ภาษาไทย ราคา 4,190 บาท แถมฟรี!! Mouse Harpoon RGB มูลค่า 1,190 บาทฟรี
2. Corsair mouse Harpoon RGB ราคาพิเศษเพียง 990 บาทเท่านั้น!! จากราคาปกติ 1,190 บาท
3. Corsair Keyboard K70 LUX Cherry MX Red/Blue/Brown ราคาพิเศษเพียง 4,590 บาทเท่านั้น!! จากราคาปกติ 4,890 บาท ยังไม่พอแถมฟรี คีย์แคปภาษาไทยมูลค่า 890 บาทฟรี
4. VOID wireless ลดไปเลยทันที 800 บาท!!
   – VOID wireless Yellow SE เหลือเพียง 4,690 บาท จากปกติ 5,490 บาท
   – VOID wireless Black / White เหลือเพียง 4,190 บาท จากปกติ 4,990 บาท
5. VOID USB Black / White ลดไปเลย 600 บาท!! เหลือเพียง 3,190 บาท จากปกติ 3,790 บาท
6. VOID surround Red / Black ลดไปเลย 600 บาท!! เหลือเพียง 2,790 บาท จากปกติ 3,390 บาท

from:https://www.appdisqus.com/2017/09/11/corsair-promotion-sep.html

DIY: หยิบของเก่า Samsung Gear Fit มาปัดฝุ่นใหม่ ก็ยังน่าใช้เหมือนเดิม ^^

มีอะไรในบ้าน ที่มันเก่าเก็บจนลืมมันไปแล้วกันบ้างมั้ยครับ ล่าสุดกับการจัดบ้าน ผมก็ได้ไปเจอกับเจ้า Samsung Gear Fit สมาร์ทแบรนด์ที่เคยสร้างความน่าสนใจให้กับอุปกรณ์สวมใส่จากทาง Samsung ที่เปิดตัวออกมาพร้อมๆ กันกับ Galaxy S5 เมื่อประมาณสามปีก่อน

ตอนนั้นที่เลิกใช้งานมัน ก็เพราะว่าขอบตัวเรือนมันถลอกไปหมดแล้ว พร้อมกับมีอุปกรณ์สมาร์ทแบรนด์รุ่นใหม่ๆ เปิดตัวออกมาสู่ตลาดมากมาย จนเริ่มลืมเลือนมันไป

แต่จริงๆ แล้ว เจ้า Gear Fit นับเป็นหนึ่งในสมาร์ทแบรนด์ที่สุดยอดตัวหนึ่งของตลาดเลย แม้ในปัจจุบันก็ตาม เพราะด้วยความที่มันรองรับการวัดอัตตราการเต้นของหัวใจ หน้าจอแสดงผลที่มีสีสันและความสดใสสูงแถมยังปรับแต่งหน้าจอตามใจเราได้หลายแบบด้วย

พร้อมมีแอพพลิเคชั่นที่ใช้งานบนตัวมันได้มากมาย มีคุณสมบัติการแจ้งเตือนต่างๆ ที่เราซิงก์เข้ากันกับสมาร์ทโฟนของ Samsung ได้เกือบทั้งหมด รองรับภาษาไทยสมบูรณ์

ไหนๆ ก็กลับมาพบกัน ผมก็ลองเชื่อมต่อมันเข้ากับสมาร์ทโฟนดูสักหน่อย ผลปรากฏว่ามีการอัพเดทครับ (ไม่รู้ว่าอัพให้มาตั้งแต่เมื่อไหร่) เมื่อมีการอัพเดท ความตื้นเต้นก็ตามมาเลย ^^

ระบบพร้อม หน้าตายังไม่พร้อม สีถลอกๆ รอบตัวเรือนจะทำยังไง ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ก็ขูดสีเดิมมันออกมาให้หมดเลยครับ

หลังจากนั้นภรรยาผมก็ขออาสา เอาน้ำยาทาเล็บมาทาทับตามขอบให้แบบดื้อๆ เลย

ปรับแต่งหน้าตาวอลล์เปเปอร์ให้เข้ากับสีขอบใหม่สักหน่อย ก็พร้อมกลับมาใช้งานได้แล้วครับ

จะเห็นว่าความสามารถของมันยังน่าใช้อยู่ครับ แม้จะผ่านมาถึงสามปี แถมตอนนี้มือสองก็ปล่อยขายกันแบบน่าหามาลองใส่เล่นๆ ก็ยังได้

ใครที่มีอุปกรณ์เก่าๆ ที่เก็บไว้จนลืม ก็ลองไปเอาออกมาชาร์จไฟ ใช้งานกันบ้างนะครับ บางทีของเล่นเก่าๆ นี้แหละ ใช้งานสนุกไม่ต่างกับของซื้อใหม่ราคาแพงๆ เลยละครับ

from:https://www.appdisqus.com/2017/08/11/diy-samsung-gear-fit.html

Nintendo Switch เปิดตัวทางการวางจำหน่ายทั่วโลก 3 มีนาคมนี้ไม่มีล็อคโซน ราคา 10,600 บาท

วันนี้ Nintendo ได้จัดงานเปิดตัวเครื่องคอนโซลรุ่นใหม่อย่างเป็นทางการแล้วกับ Nintendo Switch ซึ่งจะวางจำหน่าพร้อมกันทั่วโลกแบบไม่มีล็อคโซนอีกต่อไปในวันที่ 3 มีนาคมนี้ในราคา $299.99 หรือราว 10,600 บาท ตัวเครื่องสามารถแปลงร่างจากเครื่องเล่นคอนโซลที่บ้านกลายเครื่องเล่นพกพานอกบ้านได้อย่างต่อเนื่อง มีทั้งหมด 3 โหมดคือ TV Mode, Table Top Mode และ Handheld Mode เล่นพร้อมกันได้สูงสุด 8 คน

นอกจากนี้ Nintendo ยังได้เผยโฉมจอย ”Joy-Con” ที่มาพร้อมฟีเจอร์ Motion-senser ช่วยในการจับการเคลื่อนไหวต่างๆของร่างกายในการเล่นเกมได้สนุกยิ่งขึ้น โดยในงานยังได้เปิดตัวเกม Super Mario Odyssey ใหม่ล่าสุดที่จะวางจำหน่ายปลายปีนี้

from:http://www.flashfly.net/wp/?p=170496

BACtrack เปิดตัวสายนาฬิกา Apple Watch ที่สามารถวัดระดับแอลกอฮอล์ในเลือดได้

ย้อนกลับไปในเดือนพฤษภาคมของปีที่แล้ว BACtrack ได้เปิดตัว Skyn สายรัดข้อมือที่มาพร้อมเครื่องมือวัดระดับแอลกอฮอล์ในเลือด ซึ่งช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถรับรู้ได้ว่าตัวเองดื่มแค่ไหนควรจะพอ หรือทราบปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดระหว่างออกไปปาร์ตี้กับเพื่อนๆ และ BACtrack Skyn ยังได้รับรางวัลจากสถาบันสุขภาพแห่งชาติในสหรัฐฯ มาการันตีอีกด้วย

ล่าสุด BACtrack ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ออกมาในรูปแบบของสายนาฬิกาสำหรับ Apple Watch โดยยังคงจุดเด่นในการวัดระดับแอลกอฮอล์ในเลือด หรือถ้าคุณไม่มี Apple Watch ก็สามารถใช้เป็นสายรัดข้อมือทำงานแบบ Standalone ได้เช่นเดียวกัน แต่คุณก็ต้องมี iPhone ไว้อ่านค่าที่วัดได้จาก BACtrack Skyn

เดิมที BACtrack Skyn ตั้งเป้าวางจำหน่ายไว้ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2016 แต่ล่าสุดมีการพัฒนามากขึ้น พร้อมเพิ่มฟีเจอร์ให้ใช้งานเป็นสายนาฬิกาสำหรับ Apple Watch ได้ด้วย จึงมีการเลื่อนมาวางจำหน่ายในไตรมาสที่ 2 หรือ 3 ของปี 2017 คาดว่าจะมีราคา 99 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือ ราว 3,540 บาท

ที่มา – BACtrack

from:http://www.flashfly.net/wp/?p=169633

Dyson เปิดตัวพัดลมฟอกอากาศ Dyson Pure Cool Link แสดงคุณภาพอากาศภายในบ้าน เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนได้

ในปัจจุบันนี้สภาพมลพิษทางอากาศในเมืองต่างๆทั่วโลกได้ทวีความรุนแรงขึ้น แต่จะมีใครรู้บ้างว่ามลพิษทางอากาศภายในอาคารและบ้านพักอาศัยของเรามีความรุนแรงได้มากกว่ามลพิษทางอากาศภายนอกอาคารถึง 5 เท่า ซึ่งพวกเราใช้เวลาในแต่ละวันอยู่ภายในอาคารถึงประมาณ 90% มลพิษทางอากาศภายในอาคารที่เราพบได้บ่อย จะมาจากก๊าซที่เราใช้หุงต้มอาหารและความร้อนในการประกอบอาหาร, ขนสัตว์เลี้ยง, ละอองเกสรดอกไม้ และสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ มลพิษเหล่านี้ล้วนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น เป็นอนุภาคขนาดเล็กมากและมีแนวโน้มที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย อนุภาคเหล่านี้ล่องลอยและหมุนเวียนอยู่ในอากาศภายในบริเวณบ้านที่เราพักอาศัย

ไดสัน (Dyson) ผู้นำเทคโนโลยีเครื่องใช้ไฟฟ้าจากประเทศอังกฤษ จึงได้ระดมทีมวิศวรกรคิดค้นเทคโนโลยีเพื่อแก้ปัญหามลพิษอากาศภายในอาคาร โดยนำความรู้ความเชี่ยวชาญด้านพลศาสตร์ของไหล (fluid dynamics) และระบบการกรอง มาประกอบกัน เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ นั่นคือพัดลมฟอกอากาศ Dyson Pure Cool™ Link ซึ่งพัดลมฟอกอากาศเครื่องนี้มีระบบตรวจจับอัจฉริยะ คำนวณและแสดงผลคุณภาพอากาศภายในบ้านพักอาศัยของคุณได้โดยอัตโนมัติ ทั้งยังรายงานผลเปรียบเทียบคุณภาพอากาศภายในบ้านและนอกบริเวณบ้านส่งตรงถึงคุณผ่านแอพพลิเคชั่นในมือถือและแท็บเล็ต เพียงดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น Dyson Linkนั่นทำให้มลพิษที่เรามองไม่เห็นด้วยตาเปล่า สามารถสังเกตเห็นและรับรู้ถึงอันตรายได้ เพียงปลายนิ้วสัมผัส

เจมส์ ไดสัน ผู้ก่อตั้งและหัวหน้าทีมวิศวกรของไดสัน กล่าวว่า : “พวกเรามักจะกังวลเกี่ยวกับมลพิษทางอากาศภายนอกอาคาร ซึ่งแท้จริงแล้วมลพิษทางอากาศภายในอาคารกลับมีความรุนแรงที่น่ากลัวกว่ามาก ทีมวิศวกรของไดสันตระหนักถึงความจริงข้อนี้เป็นอย่างดี จึงพัฒนาเครื่องฟอกอากาศที่มีระบบการทำงานอัตโนมัติ สามารถกำจัดอนุภาคขนาดเล็ก สารก่อภูมิแพ้ต่างๆ กลิ่นไม่พึงประสงค์ ที่ก่อให้เกิดมลพิษในอากาศได้โดยเราไม่ต้องสั่งการ และยังรายงานผลแบบ real time ส่งตรงถึงคุณ”

พัดลมฟอกอากาศ Dyson Pure Cool™ Link ใช้เทคโนโลยีการกรอง ระบบ 360° Glass HEPA filter ที่พัฒนาขึ้นเฉพาะไดสัน ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะสามารถดักจับมลพิษในอากาศ ได้ถึง 99.95% ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นไม่พึงประสงค์ อนุภาคขนาดเล็ก ที่แม้จะเล็กเพียง 0.1 ไมครอน ที่ลอยอยู่ในอากาศให้ถูกเก็บอยู่ในแผ่นกรอง ความพิเศษไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้ เพราะระบบเซ็นเซอร์ในตัวเครื่องจะทำหน้าที่ตรวจจับและวัดระดับคุณภาพอากาศภายในอาคารโดยอัตโนมัติ แม้คุณจะไม่อยู่บ้าน ถ้าพบว่ามีคุณภาพอากาศที่ต่ำกว่ามาตราฐาน พัดลมฟอกอากาศนี้ก็จะทำการฟอกอากาศเพื่อให้อากาศที่ไหลผ่านออกมามีคุณภาพอย่างแท้จริง ทันทีที่คุณก้าวเข้าบ้าน คุณก็พร้อมจะสูดอากาศที่ปลอดภัยเข้าไป และนี่ไม่ใช่เพียงเครื่องฟอกอากาศ แต่เป็นพัดลมฟอกอากาศ ดังนั้นจึงมีประสิทธิภาพเช่นเดียวกับพัดลมรุ่นอื่นๆของไดสัน นั่นคือ ทำงานเงียบและทรงพลัง Dyson Pure Cool™ Link จะทำให้อากาศภายในบ้านของคุณปลอดภัย ไร้มลพิษ รวมถึงคงความเย็นให้บ้านของคุณได้ตลอดทั้งปี

นอกจากนี้แอพพลิเคชั่น Dyson Link ยังเก็บบันทึกผลคุณภาพอากาศภายในบ้านของคุณ ให้คุณได้ทราบถึงระดับมลพิษทางอากาศว่าช่วงใดมีระดับสูงหรือต่ำอย่างไร เพื่อทำการวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่มาของมลพิษนั้นๆต่อไป เช่น ช่วงฤดูมรสุม ที่มีลมพัดอย่างต่อเนื่อง เราจะพบมลพิษที่มาจากฝุ่นละอองภายนอกมากกว่าปกติ หรือ ในขณะที่คุณกำลังทำกับข้าว มลพิษภายในบ้านของคุณก็จะสูงขึ้นเช่นกัน แต่คุณสามารถหมดกังวลกับปัจจัยต่างๆที่จะทำให้บ้านของคุณมีมลพิษทางอากาศสูงขึ้นได้ เพียงเลือกตั้งค่าไปที่ระบบอัตโนมัติ พัดลมฟอกอากาศนี้ก็จะสามารถรักษาสมดุล ให้บ้านของคุณมีคุณภาพอากาศที่ได้มาตรฐานตลอดเวลา

Dyson Pure Cool™ Link พร้อมวางจำหน่ายในประเทศไทยปลายเดือนกรกฎาคมนี้ ที่ ห้างสรรพสินค้าและร้านจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำ อาทิเช่น เซ็นทรัล ชิดลม/ เพาเวอร์บาย เซ็นทรัลเวิล์ด / เซ็นทรัล ลาดพร้าว / สยามพารากอน / เอ็มโพเรียม / เดอะมอลล์ บางกะปิ / เดอะมอลล์ บางแค ฯลฯ โดยวางจำหน่าย 2 ขนาด คือขนาดทาวเวอร์ ราคา 31,900 บาท และขนาดตั้งโต๊ะ ราคา 25,900 บาท สำหรับสีที่มีวางจำหน่ายในประเทศไทยได้แก่สี Silver-White ทั้งยังรับประกันคุณภาพ 2 ปี (ฟรีค่าแรงและค่าอะไหล่ ภายใต้เงื่อนไขการรับประกัน)

ใส่ใจสุขภาพของคุณและครอบครัว เริ่มตั้งแต่อากาศที่คุณหายใจเข้าไป กับ Dyson Pure Cool™ Link เทคโนโลยีเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น

from:http://www.flashfly.net/wp/?p=154731

ฟีเจอร์ใหม่บน iOS 10 ช่วยแจ้งเตือนเมื่อเชื่อมต่อ Wi-Fi จากเครือข่ายที่ไม่ปลอดภัย

ใช่แล้ว!! มันเป็นความคิดที่ไม่ค่อยจะดีนัก หากเราจะใช้อินเตอร์เน็ตบน iPhone แล้วพยายามเชื่อมต่อไปยังสัญญาณ Wi-Fi ที่ไม่มีระบบป้องกัน ซึ่งใน iOS เวอร์ชั่นที่ผ่านมามันยังไม่มีการแจ้งเตือน แต่ล่าสุดดูเหมือนจะมีแล้ว กับ iOS 10 เวอร์ชั่นทดสอบ ตามรายงานของ Jeb Stuart หนึ่งในผู้ใช้งาน iOS 10 beta

Jeb Stuart ให้รายละเอียดว่า เมื่อมีการใช้อุปกรณ์ iOS 10 เชื่อมต่อไปยังสัญญาณ Wi-Fi ที่เปิดอยู่ ระบบจะแสดงข้อความ “Security Recommendation” ขึ้นมาที่ใต้ชื่อเครือข่าย Wi-Fi ในเมนูการตั้งค่า และเมื่อผู้ใช้เปิดขึ้นมา ก็จะพบข้อความแจ้งเตือนว่า “เครือข่าย Wi-Fi ที่เชื่อมต่อ ไม่มีระบบรักษาความปลอดภัยและจะเปิดเผยทราฟฟิคเครือข่ายทั้งหมด” และแนะนำให้เจ้าของอุปกรณ์ iOS กำหนดค่าเราเตอร์เพื่อใช้เข้ารหัส AES สำหรับเครือข่าย

ทั้งนี้ การเชื่อมต่อ Wi-Fi ที่ไม่มีระบบรักษาความปลอดภัย อาจทำให้เจ้าของ iPhone เสี่ยงที่จะถูกล้วงข้อมูลไปได้ง่ายๆ

ที่มา – iOS Hacker

from:http://www.flashfly.net/wp/?p=152940

แอพใน Google Play Store ถูกลดขนาดไฟล์ให้เล็กลงมากกว่า 50% ช่วยประหยัดดาต้าในการดาวน์โหลด

Google ปรับปรุงระบบ Google Play Store ใหม่ ให้แต่ละแอพพลิเคชั่นแสดงขนาดไฟล์อย่างชัดเจน และที่สำคัญยังมีการบีบลดขนาดไฟล์ติดตั้งรวมทั้งไฟล์อัพเดตให้ลดลงมากกว่า 50% ด้วยอัลกอริทึมเดลต้า bsdiff อย่างเช่น Chrome มีขนาดไฟล์ลดลงจากเดิม 22.8 MB เหลือเพียง 12.9 MB ส่วนการอัพเดทซึ่งปกติจะใช้พื้นที่ 15.3 MB ก็ถูกบีบให้เหลือเพียง 3.6 MB ขนาดไฟล์หายไปถึง 76%

การบีบลดขนาดไฟล์ APK ในครั้งนี้ ยังช่วยให้นักพัฒนาสามารถปรับความละเอียดของกราฟิกในเกมได้สูงขึ้นถึง 2 GB ในส่วนของไฟล์ APK Expansion ที่ติดตั้งลงไปใหม่จะใช้พื้นที่ลดลง 12% และไฟล์ APK Expansion สำหรับอัพเดท จะใช้พื้นที่ลดลงสูงถึง 65% โดยเฉลี่ย

ประโยชน์ของการบีบลดขนาดไฟล์แอพพลิเคชั่นบน Google Play Store จะช่วยให้ผู้ใช้งานดาวน์โหลดแอพฯหรือเกมส์ได้รวดเร็วขึ้น โดยเฉพะการดาวน์โหลดผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ จะทำให้ประหยัดการใช้งานดาต้าไปได้มากทีเดียว

ที่มา –  android-developers 

from:http://www.flashfly.net/wp/?p=152755