HUAWEI TalkBand B7 สมาร์ทแบนด์ชิป Kirin A1 ถอดมาใช้เป็นหูฟังได้ อัดแน่นฟีเจอร์สุขภาพ

HUAWEI TalkBand B7 สมาร์ทแบนด์อีกรุ่นที่เปิดตัวมาในงาน พร้อม Watch Ultimate และมือถืออีกมากมาย ถือเป็นรุ่นที่มาสานต่อจากตัวเดิม TalkBand B6 โดยคราวนี้มีประโยชน์ใช้เป็นอุปกรณ์ตรวจสุขภาพ และการทำกิจกรรมกีฬา แต่มีทีเด็ดคือสามารถถอดตัวเรือนออกมาแล้วเอามาใช้เป็นหูฟังได้ด้วย ส่วนสเปคเต็ม ๆ มีตามนี้

HUAWEI TalkBand B7 พกหน้าจอขนาด 1.53 นิ้ว เป็นแบบ AMOLED ที่มีความโค้งตามองศาข้อมือ ความละเอียด 460 x 188 ตัวเรือนประกอบด้วยวัสดุเหล็กไทเทียมสแตนเลส ขอบขวาวางปุ่มทรงวงรี และตรงขอบด้านล่างเคสซ้ายขวามีปุ่มกดเพื่อถอดตัวเรือนออกมา ใช้เป็นหูฟังไร้สาย ถอดออกมาได้โดยกดสองปุ่มพร้อมกัน เครื่องนี้ได้รับมาตรฐานทนน้ำทนฝุ่น IP57

น้ำหนักรวมเคสไม่รวมสาย 30 กรัม น้ำหนักแค่ตัวเรือนนาฬิกาเพียง 13 กรัม หยิบมาใส่หูได้สบาย

มีไมค์โครโฟนและลำโพงในตัว และมีไมค์สองตัวที่ทำหน้าที่ช่วยลดเสียงรบกวน ใช้อัลกอริธึม 3A ในการประมวลผลเสียงเวลาโทรคุย ข้างในพกแบตเตอรี่ขนาด 120mAh ที่ใช้งานทั่วไปได้ราว 3 วันชาร์จได้ผ่านพอร์ต USB-C ชาร์จไปแป๊บเดียว 10 นาทีก็ใช้ได้นานถึง 4 ชั่วโมง

ฟีเจอร์สุขภาพใน TalkBand B7 มีเยอะมาก ได้แก่ เซนเซอร์ PPG ตรวจการเปลี่ยนแปลงในเส้นเลือดฝอย, เซนเซอร์ SpO2 วัดระดับออกซิเจนในเลือด, เซนเซอร์ตรวจจับรอบประจำเดือน, ตัววัดคุณภาพการนอนและระดับความเครียด โดยรุ่นนี้มีฟังชันสุขภาพล้ำ ๆ อย่างการตรวจจับภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว ที่ห้องหัวใจบนทำหน้าที่ผิดปกติ และตรวจจับสภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ

ฟีเจอร์กีฬาก็มีให้มามากถึง 10 ชนิด รวมถึงกิจกรรมใหม่การกระโดดเชือก และมี VO2 Max เครื่องมือตรวจความฟิตร่างกาย, โหมดวิ่งที่ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์, และระบบแจ้งเตือนให้ลุกขึ้น หรือขยับร่างกายเป็นระยะ

HUAWEI TalkBand B7 ทำงานด้วยชิป Kirin A1 ที่รองรับการเชื่อมต่อกับระบบ HarmonyOS 2.0+, Android 7+, และ iOS 9.0 ขึ้นไป ใช้ Bluetooth 5.2 ภายในมีฟีเจอร์อย่างการตอบแชทแบบรวดเร็ว, ระบบควบคุมกล้อง, ควบคุมเพลง, ระบบจ่ายง่าน Alipay, WeChat, และอื่น ๆ

ราคาและการวางขาย HUAWEI TalkBand B7

HUAWEI TalkBand B7 มีตัวเลือกสี Dark Gold, และ Grey เปิดราคาขายในจีนมาตามนี้

• รุ่นสายรัดซิลิโคน ราคา 999 หยวน (~4,900 บาท)
• รุ่นสายรัดหนัง ราคา 1,199 หยวน (~5,900 บาท)

 

ที่มา : HUAWEI, gizmochina

from:https://droidsans.com/huawei-talkband-b7-%e0%b8%aa%e0%b8%a1%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b8%97%e0%b9%81%e0%b8%9a%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b9%8c%e0%b8%8a%e0%b8%b4%e0%b8%9b-kirin-a1-%e0%b8%96%e0%b8%ad%e0%b8%94%e0%b8%a1%e0%b8%b2/

HUAWEI TalkBand B7 สมาร์ทแบนด์ชิป Kirin A1 ถอดมาใช้เป็นหูฟังได้ อัดแน่นฟีเจอร์สุขภาพ

HUAWEI TalkBand B7 สมาร์ทแบนด์อีกรุ่นที่เปิดตัวมาในงาน พร้อม Watch Ultimate และมือถืออีกมากมาย ถือเป็นรุ่นที่มาสานต่อจากตัวเดิม TalkBand B6 โดยคราวนี้มีประโยชน์ใช้เป็นอุปกรณ์ตรวจสุขภาพ และการทำกิจกรรมกีฬา แต่มีทีเด็ดคือสามารถถอดตัวเรือนออกมาแล้วเอามาใช้เป็นหูฟังได้ด้วย ส่วนสเปคเต็ม ๆ มีตามนี้

HUAWEI TalkBand B7 พกหน้าจอขนาด 1.53 นิ้ว เป็นแบบ AMOLED ที่มีความโค้งตามองศาข้อมือ ความละเอียด 460 x 188 ตัวเรือนประกอบด้วยวัสดุเหล็กไทเทียมสแตนเลส ขอบขวาวางปุ่มทรงวงรี และตรงขอบด้านล่างเคสซ้ายขวามีปุ่มกดเพื่อถอดตัวเรือนออกมา ใช้เป็นหูฟังไร้สาย ถอดออกมาได้โดยกดสองปุ่มพร้อมกัน เครื่องนี้ได้รับมาตรฐานทนน้ำทนฝุ่น IP57

น้ำหนักรวมเคสไม่รวมสาย 30 กรัม น้ำหนักแค่ตัวเรือนนาฬิกาเพียง 13 กรัม หยิบมาใส่หูได้สบาย

มีไมค์โครโฟนและลำโพงในตัว และมีไมค์สองตัวที่ทำหน้าที่ช่วยลดเสียงรบกวน ใช้อัลกอริธึม 3A ในการประมวลผลเสียงเวลาโทรคุย ข้างในพกแบตเตอรี่ขนาด 120mAh ที่ใช้งานทั่วไปได้ราว 3 วันชาร์จได้ผ่านพอร์ต USB-C ชาร์จไปแป๊บเดียว 10 นาทีก็ใช้ได้นานถึง 4 ชั่วโมง

ฟีเจอร์สุขภาพใน TalkBand B7 มีเยอะมาก ได้แก่ เซนเซอร์ PPG ตรวจการเปลี่ยนแปลงในเส้นเลือดฝอย, เซนเซอร์ SpO2 วัดระดับออกซิเจนในเลือด, เซนเซอร์ตรวจจับรอบประจำเดือน, ตัววัดคุณภาพการนอนและระดับความเครียด โดยรุ่นนี้มีฟังชันสุขภาพล้ำ ๆ อย่างการตรวจจับภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว ที่ห้องหัวใจบนทำหน้าที่ผิดปกติ และตรวจจับสภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ

ฟีเจอร์กีฬาก็มีให้มามากถึง 10 ชนิด รวมถึงกิจกรรมใหม่การกระโดดเชือก และมี VO2 Max เครื่องมือตรวจความฟิตร่างกาย, โหมดวิ่งที่ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์, และระบบแจ้งเตือนให้ลุกขึ้น หรือขยับร่างกายเป็นระยะ

HUAWEI TalkBand B7 ทำงานด้วยชิป Kirin A1 ที่รองรับการเชื่อมต่อกับระบบ HarmonyOS 2.0+, Android 7+, และ iOS 9.0 ขึ้นไป ใช้ Bluetooth 5.2 ภายในมีฟีเจอร์อย่างการตอบแชทแบบรวดเร็ว, ระบบควบคุมกล้อง, ควบคุมเพลง, ระบบจ่ายง่าน Alipay, WeChat, และอื่น ๆ

ราคาและการวางขาย HUAWEI TalkBand B7

HUAWEI TalkBand B7 มีตัวเลือกสี Dark Gold, และ Grey เปิดราคาขายในจีนมาตามนี้

• รุ่นสายรัดซิลิโคน ราคา 999 หยวน (~4,900 บาท)
• รุ่นสายรัดหนัง ราคา 1,199 หยวน (~5,900 บาท)

 

ที่มา : HUAWEI, gizmochina

from:https://droidsans.com/huawei-talkband-b7-officially-launched/

นาฬิกาออกกำลังกาย 2023 ยี่ห้อไหนดี น่าซื้อมาใช้งาน สวย ดูดี ฟังก์ชันครบ

แนะนำนาฬิกาออกกำลังกาย 2023 ยี่ห้อไหนดี ที่ของมันต้องมี สวย เท่ ดูดี ฟังก์ชันครบ อัปเดต 2023

นาฬิกาสำหรับสวมใส่ออกกำลังกาย หรือ Smart Watch นั้น มีจำหน่ายเยอะแยะมากมายตามท้องตลาด ตั้งแต่ราคาหลักร้อยไปจนถึงหลักหมื่น โดยแต่ละรุ่นก็มักจะมีความโดดเด่นที่แตกต่างกันออกไป แต่หลายๆ คนก็ยังตัดสินใจเลือกไม่ได้ ว่าจะซื้อนาฬิกาสมาร์ทวอทช์รุ่นไหนดี ยี่ห้อไหนดี ทีมงาน NotebookSPEC ก็อยากจะมาแนะนำนาฬิกาออกกำลังกาย 2023 ที่น่าซื้อมาใช้งาน คุ้มค่า สวยเท่ ฟังก์ชันครบ

• แนะนำนาฬิกาออกกำลังกาย 2023 ยี่ห้อไหนดี
  • Amazfit GTR 4
  • Apple Watch Series 8
  • Samsung Galaxy Watch 5
  • Huawei Watch GT 3 Pro
  • Amazfit GTS 4
  • Suunto 7
  • Xiaomi Mi Band 7 Pro

---

แนะนำนาฬิกาออกกำลังกาย 2023 ยี่ห้อไหนดี

นาฬิกาออกกำลังกาย 2023	ราคา	สิ่งที่น่าสนใจ	ข้อสังเกต
Amazfit GTR 4	ประมาณ 7,190 – 7,990 บาท	ฟีเจอร์ครบครัน น้ำหนักเบา สวมใส่สบาย รองรับการพูดคุยโทรศัพท์	การแจ้งเตือนต่างๆ รองรับการใช้งานภาษาไทย แต่อย่างไรก็ตาม ตัวอักษรพิเศษนั้นยังไม่สามารถอ่านได้ ซึ่งต้องรอการอัปเดตปรับปรุงระบบต่อไป นอกจากนี้ แบตเตอรี่ค่อนข้างหมดไวหากใช้พูดคุยโทรศัพท์เป็นเวลานาน
Apple Watch Series 8	เริ่มต้น 15,900 บาท	ฟีเจอร์ครบครัน มีรุ่นที่รองรับการใส่ eSIM มีเซ็นเซอร์ Crash Detection มีเซ็นเซอร์สำหรับการตรวจจับอุณหภูมิ	แบตเตอรี่ค่อนข้างหมดเร็ว เมื่อเทียบกับสมาร์ทวอทช์รุ่นอื่นๆ ทำให้ผู้ใช้งานจะต้องชาร์จแบตเตอรี่อยู่บ่อยครั้ง
Samsung Galaxy Watch 5	เริ่มต้น 9,990 บาท	ฟีเจอร์การใช้งานครบครัน รองรับการติดตั้งแอพพลิเคชัน มี GPS, NFC ฯลฯ มีฟีเจอร์ช่วยวัด Body Composition	การใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ ใน iOS อาจจะมีข้อจำกัดที่มากกว่า แต่สำหรับ Android สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากกว่า
Huawei Watch GT 3 Pro	ประมาณ 11,990 บาท	ฟีเจอร์ครบครัน มี GPS ในตัว เซ็นเซอร์ต่างๆ ครนครัน	การใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ ใน iOS อาจจะมีข้อจำกัดที่มากกว่า แต่สำหรับ Android สามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนแอพได้ตามปกติ
Amazfit GTS 4	6,990 บาท	ฟีเจอร์ครบครัน รองรับการรับสายและโทรออกผ่าน Bluetooth รองรับการใช้งาน Alexa	การแจ้งเตือนต่างๆ รองรับการใช้งานภาษาไทย แต่ตัวอักษรพิเศษนั้นยังไม่สามารถอ่านได้ ซึ่งต้องรอการอัปเดตปรับปรุงระบบต่อไป นอกจากนี้ แบตเตอรี่ค่อนข้างหมดไวหากใช้พูดคุยโทรศัพท์เป็นเวลานาน
Suunto 7	ประมาณ 8,900 บาท	ฟีเจอร์ครบ น้ำหนักเบา สวมใส่สบาย รองรับการวางแผนการเดินทาง มี GPS Navigation	ฟีเจอร์ที่มีมาให้ค่อนข้างครบครัน แต่หากเทียบกับสมาร์ทวอชแบรนด์อื่นๆ SUUNTO 7 จะเน้นไปที่การใส่ออกกำลังกายมากกว่าแนวไลฟ์สไตล์ทั่วไป
Xiaomi Mi Band 7 Pro	ประมาณ 2,299 บาท	ฟีเจอร์ครบ รองรับ GPS ในตัว น้ำหนักเบา สวมใส่สบาย	ไม่สามารถพูดคุยโทรศัพท์แบบ Bluetooth calling ผ่านทาง Smart Watch ได้

---

1. Amazfit GTR 4 

Amazfit ถือเป็นแบรนด์ที่ทำ Smart Watch ออกมาได้น่าใช้งานมากๆ และได้รับความนิยมสูง จนถึงตอนนี้ก็ได้มีรุ่นใหม่ออกมาแล้ว อย่าง Amazfit GTR 4 ที่มาในดีไซน์หน้าปัดกลม ดูทันสมัย เท่ และเรียบหรูไปด้วยในตัว สามารถสวมใส่ได้ทุกเพศทุกวัย มาพร้อมฟีเจอร์ที่ครบครัน น่าใช้งาน โดยในรุ่นนี้มีให้เลือก 3 สีด้วยกัน คือ Grey, Black และ Brown

Advertisement

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ AMOLED ขนาด 1.43 นิ้ว ความละเอียด 466 x 466 พิกเซล, 326PPI
• หน้าจอกระจกนิรภัย เคลือบ Anti-fingerprint ป้องกันรอยนิ้วมือ และป้องกันแสงสะท้อน
• มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Zepp OS 2.0
• เฉพาะตัวเรือน น้ำหนัก 34 กรัม
• แบตเตอรี่ขนาด 475mAh ใช้งานได้ยาวกว่า 14 วัน มาพร้อม Battery Saver Mode
• มี Watch Face เลือกกว่า 200 แบบ
• รองรับ Always-on Display
• รองรับการใช้งาน Alexa
• รองรับการกันน้ำได้ลึกในระดับ 50 เมตร (5ATM) รองรับการวัด Heart Rate ในขณะว่ายน้ำ
• รองรับฟีเจอร์ SpO2 หรือออกซิเจนในเลือด
• รองรับการวิเคราะห์การออกกำลังกาย
• รองรับการตรวจอัตราการเต้นของหัวใจ
• รองรับการตรวจสอบการนอนหลับ
• รองรับการตรวจจับความเครียด
• รองรับโหมดกีฬากว่า 150+ โหมด
• รองรับการประเมินสุขภาพ PAI
• รองรับฟีเจอร์ การค้นหาโทรศัพท์, นาฬิกาจับเวลา, Pomodoro, พยากรณ์อากาศ, การแจ้งเตือนการยืน, การแจ้งเตือนแอพต่างๆ จากสมาร์ทโฟน, แจ้งเตือนสายเรียกเข้า, ปลดล็อกโทรศัพท์, ไฟฉาย, โหมดห้ามรบกวน, การควบคุมการฟังเพลง เป็นต้น
• รองรับการทำงานร่วมกับแอพพลิเคชัน Zepp
• รองรับการพูดคุยโทรศัพท์ผ่านทาง SmartWatch

สิ่งที่น่าสนใจ

สมาร์ทวอช Amazfit GTR 4 รุ่นนี้ออกแบบมาให้ครอบคลุมการใช้งานมากยิ่งขึ้น น้ำหนักเบา สวมใส่สบาย ถึงแม้จะมีดีไซน์ที่คล้ายเดิม แต่ก็ได้รับการพัฒนาปรับปรุงฟีเจอร์ต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม มีโหมดการใช้งานและฟีเจอร์ต่างๆ มาให้ครบครัน การตรวจจับการเคลื่อนไหว การวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ทำออกมาได้ค่อยข้างดีพอสมควร อีกทั้งยังสามารถพูดคุยโทรศัพท์โดยตรงผ่านทางตัวนาฬิกาได้เลยด้วย

ข้อสังเกต

เบื้องต้นนั้น การแจ้งเตือนต่างๆ รองรับการใช้งานภาษาไทย แต่อย่างไรก็ตาม ตัวอักษรพิเศษนั้นยังไม่สามารถอ่านได้ ซึ่งต้องรอการอัปเดตปรับปรุงระบบต่อไป นอกจากนี้ แบตเตอรี่ค่อนข้างหมดไวหากใช้พูดคุยโทรศัพท์เป็นเวลานาน

ราคา ประมาณ 7,190 – 7,990 บาท

สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: SHOPEE

---

2. Apple Watch Series 8

นาฬิกาออกกำลังกาย 2023 ต่อมาที่อยากแนะนำก็คือ Apple Watch Series 8 จากทาง Apple ที่ถึงแม้ว่าจะมาในดีไซน์รูปทรงสี่เหลี่ยมเช่นเคย แต่ก็มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ๆ มากมาย โดยในรุ่นนี้มาพร้อมขนาดหน้าจอที่ให้เลือก 2 ขนาด คือ 41 mm. และ 45 mm. โดยสามารถเลือกตัวเรือนได้ทั้ง Aluminium และ Stainless steel

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ Retina LTPO OLED มาพร้อมฟีเจอร์ Always On Display
• มาพร้อมกับชิป SiP S8 64bit dual-core processor, ชิประบบไร้สาย W3 และชิป U1 (Ultra-Wideband)
• รองรับการเชื่อมต่อด้วย Bluetooth 5.3
• มีไมโครโฟนและลำโพงในตัว
• มีเซ็นเซอร์สำหรับการตรวจจับอุณหภูมิ
• มีเซ็นเซอร์ Crash Detection สำหรับตรวจจับแรงกระแทกที่เกิดจากการชน หรืออุติบัติเหตุทางรถยนต์ อุบัติเหตุรุนแรงได้
• รองรับการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ, การนอนหลับ, ติดตามรอบเดือน, ออกซิเจนในเลือด ฯลฯ
• รองรับการแจ้งเตือนต่างๆ
• กันน้ำกันฝุ่นที่มาตรฐาน IP6X
• แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่อง 18 ชั่วโมง

สิ่งที่น่าสนใจ

Apple Watch Series 8 มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ที่มีความละเอียดมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีการใส่เซ็นเซอร์ ตรวจจับแรงกระแทก, อุบัติเหตุ อย่าง Crash Detection รวมไปถึงมีการในเซ็นเซอร์สำหรับตรวจวัดอุณหภูมิเพิ่มเข้ามาด้วย ทำให้ Apple Watch Series เป็นอีกหนึ่งนาฬิกาที่มีความแม่นยำแต่ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งในเรื่องของการออกกำลังกายและสุขภาพ

ข้อสังเกต

สำหรับ Apple Watch Series 8 นั้น แม้ว่าจะสามารถใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้น แต่โดยรวมนั้น แบตเตอรี่ก็ถือว่าค่อนข้างหมดเร็ว เมื่อเทียบกับสมาร์ทวอทช์รุ่นอื่นๆ ทำให้ผู้ใช้งานจะต้องชาร์จแบตเตอรี่อยู่บ่อยครั้ง

ราคา: เริ่มต้น 15,900 บาท

สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: SHOPEE

---

3. Samsung Galaxy Watch 5

Samsung Galaxy Watch 5 นาฬิกา Smart Watch จากทาง Samsung รุ่นนี้มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่น่าสนใจมากมาย รวมไปถึงฟีเจอร์การวัดความดันโลหิต โดยรุ่นที่เราได้นำมาแนะนำกันนั้นเป็นรุ่น Bluetooth มาที่มาพร้อมหน้าปัดกลม กระจกหน้าจอที่ใช้วัสดุ Sapphire crystal มีความแข็งแรงทนทาน มาพร้อมจอภาพ Super AMOLED ที่มีการแสดงผลที่คมชัดเป็นอย่างมาก สำหรับ Galaxy Watch 5 มาพร้อมเซ็นเซอร์มากมายไม่ว่าจะเป็น การตรวจวัดแสง, การวัดหัวใจแบบ Optical, เซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบไฟฟ้า, Gyroscope, การตรวจจับการเคลื่อนไหว, มาตรวัดความดันอากาศ, เซ็นเซอร์การวิเคราะ BIA เป็นต้น นอกจากนี้ยังมาพร้อมฟังก์ชันในการใช้งานสำหรับการเป็น นาฬิกาออกกำลังกาย 2023 อย่างครบครัน

สเปคคร่าวๆ

• หน้าปัดกลม ขนาด 40 mm, 44 mm., ตัวเรือนใช้วัสดุ Aluminium
• รองรับโหมดออกกำลังกายกว่า 90 โหมด
• แบตเตอรี่ Lithium Ion สามารถใช้งานยาวนานได้ต่อเนื่อง 5 วัน, รองรับการชาร์จเร็วและชาร์จไร้สาย
• มี GPS, NFC ฯลฯ
• มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น 5ATM + IP68 และมาตรฐานทางการทหาร MIL-STD-810G
• รองรับการใช้งานร่วมกับแอพ Samsung Health
• รองรับการวัดระดับความเครียด
• มีฟีเจอร์ช่วยวัด Body Composition
• รองรับการวัดคุณภาพการนอน
• รองรับการดาวน์โหลดแอพพลิเคชันมาใช้งาน เช่น LINE, Google Maps
• มีไมโครโฟน, ลำโพงในตัว

สิ่งที่น่าสนใจ

Samsung Galaxy Watch 5 เป็นอีกหนึ่งนาฬิกาออกกำลังกาย 2023 ที่น่าสนใจมากๆ โดยเฉพาะสำหรับผู้ใช้งานสมาร์ทโฟน Android อย่าง Samsung ที่สามารถใช้งานร่วมกับนาฬิกาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งตัวนาฬิกายังมีฟีเจอร์ต่างๆ ที่รองรับการใช้งานอย่างครบครัน

ข้อสังเกต

สำหรับรุ่นนี้นั้นการใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ ใน iOS อาจจะมีข้อจำกัดที่มากกว่า แต่สำหรับ Android สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากกว่า

ราคา: 9,990 บาท

สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: SHOPEE

---

4. Huawei Watch GT 3 Pro

HUAWEI WATCH GT 3 Pro อีกหนึ่งสมาร์ทวอชจาก HUAWEI ที่มาพร้อมความอัจฉริยะ ในราคาที่เอื้อมถึงได้ สำหรับรุ่นนี้ โดดเด่นด้วยฟีเจอร์ต่างๆ มากมาย ที่รองรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงการออกกำลังกาย ด้วยดีไซน์เรียบหรู ดูดี มีความทันสมัย สำหรับ HUAWEI WATCH GT 3 Pro มีให้เลือก 2 รุ่นด้วยกัน คือ Titanium Edition และ Ceramic Edition

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ AMOLED กระจก Sapphire crystal ขนาด 1.43 นิ้ว ความละเอียด 466 x 466 พิกเซล, 326PPI
• รองรับการสัมผัสเต็มหน้าจอ
• มาตรฐานการกันน้ำกันเหงื่อ 5ATM
• สามารถใช้งานได้ยาวนานสูงสุด 14 วัน
• รองรับโหมดออกกำลังกายกว่า 100 โหมด
• รองรับการตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ
• รองรับการตรวจวัดออกซิเจนในเลือด
• รองรับการวัดและติดตามความเครียด
• มี GPS ในตัว
• รองรับ Emergency SOS
• รองรับ Quick replies
• รองรับการติดตามระยะเดินทาง, ระยะความสูง ฯลฯ
• รองรับการแจ้งเตือนแอพพลิเคชันต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น LINE, Facebook ฯลฯ
• รองรับการแจ้งเตือนสายเรียกเข้า, มีไมโครโฟน, มีลำโพงในตัว
• รองรับการควบคุมเพลง, ดาวน์โหลดเพลงมาเก็บไว้ในนาฬิกาได้
• สามารถใช้งานร่วมกับแอพพลิเคชัน HUAWEI Health

สิ่งที่น่าสนใจ

HUAWEI WATCH GT 3 Pro เป็น Smart Watch ที่มีความน่าสนใจมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับใครที่ต้องการฟีเจอร์การออกกำลังกาย ไปจนถึงการตรวจจับ วัดค่าต่างๆ ของร่างกาย อีกทั้งในรุ่นนี้ยังมี GPS ในตัว และเซนเซอร์ที่น่าสนใจอีกมากมาย ไม่ว่าจะป็น Gyroscope, Accelerometer, Barometer เป็นต้น

ข้อสังเกต

สำหรับรุ่นนี้นั้นการใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ ใน iOS อาจจะมีข้อจำกัดที่มากกว่า แต่สำหรับ Android สามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนแอพได้ตามปกติ

ราคา ประมาณ 11,990 บาท

สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: SHOPEE

---

5. Amazfit GTS 4

Amazfit ถือเป็นแบรนด์ที่ทำ Smart Watch ออกมาได้น่าใช้งานมากๆ แบรนด์หนึ่ง อีกทั้งยังได้รับความนิยมสูงอีกด้วย สำหรับ Amazfit GTS 4 นั้นก็มาในดีไซน์หน้าปัดสี่เหลี่ยมมน ดูทันสมัย และเรียบหรูไปด้วยในตัว สามารถสวมใส่ได้ทุกเพศทุกวัย มาพร้อมฟีเจอร์ที่ครบครัน น่าใช้งาน โดยในรุ่นนี้มีให้เลือก 4 สีด้วยกัน คือ Infinite Black, Misty White, Autumn Brown และ Rosebud Pink

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ HD AMOLED Display ขนาด 1.75 นิ้ว
• ความจุ 2.3 GB สามารถใส่เพลงได้ถึง 470 เพลง
• ปรับเปลี่ยน Watch Faces ได้มากกว่า 150 รูปแบบ
• กันน้ำสูงสุดระดับ 5 ATM หรือประมาณ 50 เมตร
• มีโหมดกำลังกายกว่า 150 โหมด
• รับสายและโทรออกผ่าน Bluetooth
• รองรับการใช้งาน Alexa
• มี PAI ช่วยในการประมวลผลสุขภาพ
• รองรับการวัดคุณภาพการนอนหลับและการหายใจขณะนอนหลับ
• ประมวลผลสุขภาพ 4 อย่างในครั้งเดียว ได้แก่ อัตราการเต้นของหัวใจ, ค่าความเครียด, ค่าออกซิเจนในเลือด และ อัตราการหายใจ
• แบตเตอรี่ 300mAh สามารถใช้งานได้ยาวนานสูงสุด ประมาณ 2 สัปดาห์

สิ่งที่น่าสนใจ

สมาร์ทวอช Amazfit GTS 4 รุ่นนี้ออกแบบมาให้ครอบคลุมการใช้งานมากยิ่งขึ้น น้ำหนักเบา สวมใส่สบาย ถึงแม้จะมีดีไซน์ที่คล้ายเดิม แต่ก็ได้รับการพัฒนาปรับปรุงฟีเจอร์ต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม มีโหมดการใช้งานและฟีเจอร์ต่างๆ มาให้ครบครัน การตรวจจับการเคลื่อนไหว การวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ทำออกมาได้ค่อยข้างดีพอสมควร อีกทั้งยังสามารถพูดคุยโทรศัพท์โดยตรงผ่านทางตัวนาฬิกาได้เลยด้วย

ข้อสังเกต

เบื้องต้นนั้น การแจ้งเตือนต่างๆ รองรับการใช้งานภาษาไทย แต่อย่างไรก็ตาม ตัวอักษรพิเศษนั้นยังไม่สามารถอ่านได้ ซึ่งต้องรอการอัปเดตปรับปรุงระบบต่อไป นอกจากนี้ แบตเตอรี่ค่อนข้างหมดไวหากใช้พูดคุยโทรศัพท์เป็นเวลานาน

ราคา: 6,990 บาท

สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: SHOPEE

---

6. Suunto 7

Smart Watch จากแบรนด์ SUUNTO อย่าง SUUNTO 7 ที่ต้องบอกเลยว่าตัวนี้ก็เป็นนาฬิกาออกกำลังกาย 2023 อีกรุ่นที่น่าสนใจมากๆ ออกแบบมาด้วยดีไซน์ทันสมัย สวมใส่ได้ในทุกโอกาส มาพร้อมกับฟีเจอร์และลูกเล่นต่างๆ ครบครัน ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ทั้งการออกกำลังกายและส่วมใสใช้งานทั่วไป มีให้เลือกกว่า 5 สีสัน ไม่ว่าจะเป็น All Black, Black Lime, Graphite Copper, Sandston Rosegold และ White Burgundy

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอสัมผัส AMOLED ขนาด 1.39 นิ้ว ความละเอียด 454 x 454 พิกเซล ความสว่าง 1000nits
• น้ำหนัก 70 กรัม
• มีมาตรฐานกันน้ำกันได้ถึง 50 เมตร
• แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานสูงถึง 48 ชั่วโมง
• รองรับโหมดกีฬากว่า 70 โหมด
• รองรับการแจ้งเวลาพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตกผ่านทางหน้าจอ
• มี GPS, GLONASS, BEIDOU, QZSS ในตัว
• รองรับการแสดงผลแผนที่สีได้เต็มรูปแบบ
• รองรับการตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ, วัดความสูงด้วยความดันอากาศ
• รองรับการตรวจจับคุณภาพการนอน, นับก้าว, แคลอรี่
• รองรับการแจ้งเตือนสายเรียกเข้า แจ้งเตือนข้อความ ฯลฯ
• รองรับ Wear OS จาก Google
• รองรับ Adventure function สำหรับการวางแผนการเดินทาง สามารถใช้งานร่วมกับแอพ 3D Map ได้
• มีระบบ GPS Navigation

สิ่งที่น่าสนใจ

SUUNTO 7 เป็นอีกหนึ่งสมาร์ทวอทช์ที่น่าซื้อมาใช้งาน ตอบโจทย์ทั้งไลฟ์ไสตล์ และการออกกำลังกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการตรวจจับวัดค่าต่างๆ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ชอบการออกกำลังกาย

ข้อสังเกต

โดยรวมนั้นฟีเจอร์ที่มีมาให้ค่อนข้างครบครัน แต่หากเทียบกับสมาร์ทวอชแบรนด์อื่นๆ SUUNTO 7 จะออกไปทางการเน้นการออกกำลังกายมากกว่าไลฟ์สไตล์ อีกทั้งยังเน้นไปที่การใช้งานร่วมกับ Android มากกว่า iOS ถึงแม้ว่าจะรองรับทั้งการใช้งาน iOS และ Android แต่ Android นั้นจะสามารถใช้งานร่วมกันได้มีประสิทธิภาพมากกว่า

ราคา: ประมาณ 8,900 บาท

สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: SHOPEE

---

7. Xiaomi Mi Band 7 Pro

ปกติเราจะคุ้นชินกับ Mi Band ที่เป็น Smart Band ขนาดเล็กกะทัดรัด แต่ฟีเจอร์เกินราคา ในรอบนี้ มาดูในรุ่นที่อัปเกรดขึ้นมาอย่าง Xiaomi Mi Band 7 Pro ที่มาในดีไซน์หน้าจอแบบสีเหลี่ยมขอบมน ที่ตอบโจทย์ในเรื่องของไลฟ์สไตล์และการออกกำลังกาย รองรับฟีเจอร์การใช้งานต่างๆ ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น การตรวจวัดความเครียด อัตราการเต้นของหัวใจ มาพร้อมแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอแสดงผล AMOLED ขนาด 1.64 นิ้ว ความละเอียด 280 x 456 พิกเซล, 326PPI ใช้กระจก 2.5D ที่มีความแข็งแรงทนทาน
• รองรับการทำงานระบบสัมผัสแบบเต็มหน้าจอ
• น้ำหนักตัวเครื่อง 20.5 กรัม
• แบตเตอรี่ขนาด 235mAh สามารถใช้งานได้นานสูงสุด 20 วัน
• รองรับโหมดออกกำลังกายกว่า 117 โหมด
• รองรับการตรวจจับการเต้นของหัวใจ
• รองรับการตรวจวัดออกซิเจนในเลือด
• รองรับการตรวจจับความเครียด
• รองรับการตรวจจับการนอนหลับ
• รองรับการประเมินสุขภาพ PAI
• รองรับการติดตามรอบเดือน
• รองรับฟีเจอร์รีโมทถ่ายภาพสำหรับสมาร์ทโฟน
• รองรับการควบคุมเพลง บันทึกภาพ รีโมทคอนโทรล ฯลฯ
• รองรับ GPS ในตัว
• รองรับการใช้งานร่วมกับแอพพลิเคชัน Mi Fitness

สิ่งที่น่าสนใจ

สำหรับ Xiaomi Mi Band 7 Pro ถือว่าให้ฟีเจอร์การใช้งานมาครบครันมากๆ ทั้งการตรวจจับวัดค่าต่างๆ รวมไปถึงการออกกำลังกายที่มีให้เลือกมากมาย แถมยังมี GPS ในตัวด้วย ช่วยให้การออกกำลังกายโดยเฉพาะการวิ่งนั้น สามารถทำได้ดีและมีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น

ข้อสังเกต

สำหรับ Xiaomi Mi Band 7 Pro นั้นมีฟีเจอร์แสดงการแจ้งเตือน แต่ก็ไม่สามารถพูดคุยโทรศัพท์แบบ Bluetooth calling ผ่านทาง Smart Watch ได้

ราคา ประมาณ 2,299 บาท

สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: SHOPEE

---

และทั้งหมดนี้ก็คือนาฬิกาออกกำลังกาย 2023 ที่น่าสนใจ น่าซื้อหามาใช้งาน ฟังก์ชันการใช้งานครบครัน เหมาะทั้งกับการสวมใส่ในชีวิตประจำวัน การติดตามการนอนหลับ ไปจนถึงการสวมใส่ในขณะที่ออกกำลังกาย ช่วยให้เราสามารถตรวจจับ วัดค่าต่างๆ ในด้านสุขภาพได้เป็นอย่างดี ใครที่กำลังมองหานาฬิกาออกกำลังกาย 2023 ดีๆ สักเรือนมาสวมใส่ ก็สามารถนำที่ทีมงานนำมาแนะนำไปเป็นตัวเลือกหนึ่งสำหรับการตัดสินใจได้เลย

---

อ่านบทความเพิ่มเติม / เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

• [Gaming Test] Battle RTX 3050 vs 3050 Ti ต่างกันขนาดไหน !?

• แนะนำวิธีโหลดคลิปจาก Facebook ง่ายๆ ทำได้เอง ฟรี อัปเดต 2023

• แนะนำเกมมือถือเล่นกับเพื่อน ฟรี เล่นได้ทั้งแก๊ง อัปเดต 2023

• สอนติดตั้งและใช้งานฟอนต์ไอโฟน เพิ่มฟอนต์ได้ง่ายๆ อัปเดต 2023

• แนะนำวิธีอัดหน้าจอคอม Windows 11 ทำได้ง่ายๆ ฟรี อัปเดต 2023

• แนะนำนาฬิกาออกกำลังกาย ผู้หญิง ดีไซน์สวย ใส่สบาย อัปเดต 2023

• แนะนำนาฬิกาวัดความดันได้ ดีไซน์สวย น่าซื้อมาใช้ อัปเดต 2023

• ดูยูทูปปิดหน้าจอได้ ทำได้ฟรี ไม่ต้องลงแอพเพิ่ม อัปเดต 2023

• เปลี่ยนรหัส Gmail ทำยังไง? พร้อมวิธีสมัคร Gmail อัปเดต 2023

from:https://notebookspec.com/web/688886-smart-watch-2023-suggestion

HUAWEI WATCH Buds สมาร์ทวอทช์ที่มีหูฟังซ่อนในตัว เปิดจองโซนยุโรปแล้ว ราว 18,600 บาท

HUAWEI WATCH Buds สมาร์ทวอทช์สุดล้ำที่มีหูฟังไร้สายแบบ Earbuds ซ่อนไว้ในตัว ซึ่งก่อนนี้ก็มีข่าวหลุดออกมาอยู่เนือง ๆ ล่าสุดก็ได้เผยโฉมออกมาอย่างเป็นทางการเรียบร้อย พร้อมเปิดให้สั่งจองกันได้แล้วในโซนยุโรป โดยราคาก็ไม่ใช่เล่น ๆ เลย…อยู่ที่ 450 ยูโร หรือราว ๆ 18,600 บาท

HUAWEI WATCH Buds เรียกว่าเป็นอุปกรณ์แบบ 2-in-1 ที่รวมเอาสมาร์ทวอทช์และหูฟังไร้สายไว้ในชิ้นเดียว หมดปัญหาจุกจิกเวลาเลิกฟังเพลงแล้วต้องควานหาเคสมาเก็บ (ไม่รู้คนอื่นเป็นมั่งมั้ย แต่ผมเบื่อการใช้หูฟัง TWS เพราะเรื่องนี้เลย 555)

เพราะเราสามารถเอาหูฟังไปเก็บไว้ในสมาร์ทวอทช์เพื่อชาร์จแบตเตอรี่ได้ แถมยังประหยัดสายชาร์จ + ช่องชาร์จไปได้อีก เพราะเสียบแค่เส้นเดียวก็ชาร์จอุปกรณ์พร้อมกันได้ 2 ชิ้นเลย

หน้าตาของ WATCH Buds ก็หล่อเลยล่ะ เพราะใช้ดีไซน์แบบเรียบหรู มีตัวเรือนทำจากโลหะมีให้เลือกทั้งสีดำและสีเงิน พร้อมสายคาดข้อมือหนังเทียมเพิ่มความพรีเมี่ยม โดยหน้าปัดด้านบนจะเปิดออกได้เพื่อใช้เก็บหูฟัง

มากับฟีเจอร์ครบครัน ทั้งเซนเซอร์วัดชีพจร, วัดอ๊อกซิเจนในเลือด SpO2, ตรวจจับคุณภาพการนอน และโหมดออกกำลังกายกว่า 80 แบบ

นอกจากนี้ยังสามารถคุยโทรศัพท์ผ่านหูฟังในสมาร์ทวอทช์ได้ และยังเอาไฟล์เพลงมาใส่เพื่อฟังโดยตรงจากนาฬิกาได้เลย ไม่ต้องพกมือถือไปด้วย เวลาวิ่งออกกำลัง ส่วนแบตเตอรี่ของสมาร์ทวอทช์หากใช้งานทั่วไป + ชาร์จหูฟังไปด้วย จะได้อยู่ที่ราว ๆ 3 วัน

สำหรับตัวหูฟังมีขนาดที่เล็กมาก ๆ แถมเบาแค่ข้างละ 4 กรัมเท่านั้น แถมยังล้ำสุด ๆ เพราะหูฟังทั้ง 2 ข้าง สามารถสลับใส่ข้างไหนก็ได้ เพราะมีระบบตรวจจับอัตโนมัติว่าหูฟังอยู่ที่หูข้างไหน ทำให้เสียงออกถูกทิศทางไม่เพี้ยน

เห็นตัวเล็ก ๆ แบบนี้อาจจะสงสัยว่าจะมีพวกปุ่มสำหรับหยุดเพลงเล่นเพลงอะไรแบบนี้รึเปล่า แต่จริง ๆ แล้วมันล้ำมากเลยนะ เพราะมันใช้ระบบตรวจจับการแตะที่ใบหูเอานั่นเอง

และเห็นตัวเล็ก ๆ แบบนี้ (อีกแล้ว…) แต่ระบบเสียงก็ทรงพลังจัดเต็ม แถมยังมีระบบตัดเสียงรบกวน ANC หรือจะเปิดโหมด Awareness เพื่อรับเสียงรอบข้างเข้ามาก็ได้ ส่วนอายุการใช้งานหากเปิด ANC จะอยู่ได้ 3 ชม. และหากปิดจะใช้ได้ 4 ชม.

HUAWEI WATCH Buds เริ่มเปิด Pre-order ในยุโรปที่ราคา 450 ยูโร หรือราว ๆ 18,600 บาท แต่ยังไม่มีข้อมูลว่าจะวางขายในประเทศโซนอื่น ๆ รวมถึงในบ้านเราด้วยรึเปล่านะครับ

 

ที่มา : HUAWEI

from:https://droidsans.com/huawei-watch-buds-pre-order-europe-around-18600-thb/

IMILAB เปิดตัวสมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่ New IMILAB W02 “สวย..พร้อมโทร” ราคา 1,990.-

IMILAB W02 สมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่จากแบรนด์ลูกของ Xiaomi ดี […] More

from:https://www.iphonemod.net/imilab-w02-new-smart-watch-pr.html

สมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่ Fire Boltt Cobra ดีไซน์ให้มีความสมบุกสมบัน พร้อมลุยทุกสถานการณ์

Fire-boltt Cobra สมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่ เหมาะสำหรับสายถึกทน รักการผจญภัย เป็นสมาร์ทวอทช์กลางแจ้ง ที่ทำออกมาได้ดูสมบุกสมบันอย่างมาก เพื่อรองรับกิจกรรมต่าง ๆ ของผู้ใช้งานในทุกรูปแบบ เพราะโครงสร้างมีความแข็งแรง และยังมากับจุดเด่น หน้าจอแสดงผล 1.78 นิ้ว AMOLED , ป้องกันฝุ่น และน้ำระดับ IP68 แถมน้ำหนักเบาตอบโจทย์ฟีเจอร์สุขภาพหรือโหมดการออกกำลังกายได้ถึง 123 โหมด

Fire-boltt Cobra ได้รับการออกแบบมาให้มีความสมบุกสมบัน ทนทาน เหมาะกับการใช้งานกลางแจ้งในทุกกิจกรรม มาพร้อมหน้าจอแสดงผล AMOLED ขนาด 1.78 นิ้ว ความละเอียด 368 x 448 พิกเซล มีค่าความสว่างหน้าจอ 500nits อัตราการรีเฟรชหน้าจอ 60Hz นอกจากนี้ยังรองรับ Always on Display เปิดหน้าจอใช้งานได้ตลอดเวลา  นอกจากนี้ยังรองรับการป้องกันฝุ่นและน้ำระดับ IP68

ส่วนฟีเจอร์การดูแลด้านสุขภาพขั้นพื้นฐานมีให้ครบถ้วน รวมถึงเซ็นเซอร์ SpO2 วัดค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด  , เซ็นเซอร์ HR , การติดตามการนอนหลับ , การตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ พร้อมงรองรับโหมดกีฬามากถึง 123 โหมด เช่นปั่นจักรยาน กระโดดเชือก และเดิน วิ่ง ว่ายน้ำ ปีนเขา เป็นต้น

เรื่องอายุการใช้งานมช้ได้สูงสุด 15 วันสำหรับการใช้งานทั่วไป และ 10 วันสำหรับการใช้งานที่ค่อนข้างหนัก อีกทั้งยังขยายได้ถึง 30 วันด้วยโหมดประหยัดแบตเตอรี่  จะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงในการชาร์จจนเต็ม

ยังรองรับการโทรผ่าน Bluetooth ที่สำคัญยังมีฟีเจอร์เด่น ๆ อย่างรองรับคุณภาพเสียง Hi-Fi หรือการรองรับผู้ช่วยเสียงเช่น Siri และ Google Assistant ในตัว ,การแจ้งเตือนอัจฉริยะจากหลายแอป การควบคุมกล้อง , การปลุก , การเตือนการนั่งกับที่ , มีไฟฉาย, การควบคุมเพลงและส่วนอื่น ๆ ได้ครบสารพัดประโยชน์ 

 

ราคาและการวางจำหน่าย

มีด้วยกัน 3 สี ได้แก่สีดำ , สีเขียว Camo ลายทหาร ส่วนสายเป็นซิลิโคนไม่ระคายเคืองต่อผิวหนัง ส่วนราคาอยู่ที่ 3,499 รูปีหรือราว ๆ 1,400 บาท จะเริ่มวางขาย ผ่าน Flipkart ตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม 2566 เป็นต้นไป

 

ที่มา : gizmochina

 

 

from:https://droidsans.com/fire-boltt-cobra-rugged-outdoor-smartwatch-launched-india/

Garmin เปิดตัว INSTINCT CROSSOVER มาตรฐานใหม่ของไฮบริดสมาร์ทวอทช์

Garmin เปิดตัว INSTINCT CROSSOVER มาตรฐานใหม่ของไฮบริดสมาร์ทวอทช์
Cherry Cola

Garmin เปิดตัว INSTINCT CROSSOVER จีพีเอสสมาร์ทวอทช์แบบไฮบริดที่ผสานความคลาสสิคของนาฬิกาอนาล็อก เข้ากับฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครันของสมาร์ทวอทช์ และความแข็งแรงทนทานอันเป็นเอกลักษณ์ของตระกูล INSTINCT ดีไซน์โดดเด่นด้วยเข็มนาฬิกาเรืองแสงบนหน้าจอดิจิทัลอ่านง่าย มาพร้อมระบบการชาร์จด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ที่ช่วยให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานยาวนาน จึงสามารถติดตามการออกกำลังกาย และข้อมูลสุขภาพได้ตลอด 24 ชั่วโมง ต่อเนื่องนานนับเดือน ซีรีย์มีตัวเลือก 3 โมเดล ได้แก่ INSTINCT CROSSOVER ในราคา 18,690 บาท INSTINCT CROSSOVER SOLAR มาในราคา 20,390 บาท และ INSTINCT CROSSOVER SOLAR – Tactical Edition ที่มาพร้อมฟีเจอร์การฝึกซ้อมแบบยุทธวิธี ในราคา 21,990 บาท

การ์มิน ผู้ส่งมอบที่สุดของความหลากหลายทางเทคโนโลยี GPS ตั้งแต่อุตสาหกรรมการบิน ยานยนต์ การเดินทะเล ฟิตเนส และกิจกรรมกลางแจ้ง เป็นสมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูล INSTINCT ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแรงทนทาน จึงเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะเป็นคู่หูที่รู้ใจให้กับสายแอคทีฟไลฟ์สไตล์ที่ชื่นชอบความคลาสสิกกับหน้าจออนาล็อก และชอบลองทำกิจกรรรมใหม่สุดท้าทายกับฟีเจอร์ติดตามกิจกรรมที่หลากหลาย

REDEFINED BOLD & RUGGED นิยามใหม่ของความโดดเด่นและแข็งแรงทนทาน

เป็นการนำเอาโครงสร้างที่แข็งแรงทนทาน และความง่ายในการใช้งานของ GARMIN INSTINCT ผนวกเข้ากับดีไซน์สุดยูนีคที่ออกแบบมาเพื่อสายแอดเวนเจอร์โดยเฉพาะ บริเวณเข็ม และแหวนรอบหน้าปัดนาฬิกาเคลือบด้วยสารเรืองแสง Super-LumiNova®  ช่วยให้อ่านเวลาได้ง่ายแม้อยู่ในที่มืด เข็มของนาฬิกาซ้อนทับอยู่บนหน้าจอดิจิทัลความละเอียดสูง ซึ่งสามารถแสดงข้อมูลจากสมาร์ทฟีเจอร์ได้ตามที่ผู้สวมใส่ต้องการใช้งาน ตัวเรือนยังผ่านการรับรองตามมาตรฐานทางการทหารของสหรัฐอเมริกา MIL-STD-810 ทนทานต่อความร้อน แรงกระแทก และกันน้ำเทียบเท่าระดับความลึก 100 เมตร นอกจากนี้ เข็มนาฬิกาของ INSTINCT CROSSOVER ยังควบคุมด้วยเทคโนโลยีใหม่ RevoDrive ที่สามารถปรับเวลาด้วยตัวเองได้ ทำให้บอกเวลาได้แม่นยำและสามารถเรียกใช้งานได้อย่างรวดเร็ว แม้จะอยู่ระหว่างการทำกิจกรรมสุดวิบาก หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมแสนทรหด ให้ผู้สวมใส่ใช้งานได้อย่างมั่นใจ เต็มที่ได้กับทุกกิจกรรม

BUILT TO KEEP A CHARGE ชาร์จได้ตลอดเวลา เพื่อการใช้งานไร้ขีดจำกัด 

ใครที่ชื่นชอบการบอกเวลาแบบไม่มีสะดุดตามสไตล์ของนาฬิกาอนาล็อก จะต้องหลงรัก INSTINCT CROSSOVER – Solar Edition อย่างแน่นอน ด้วยระบบการชาร์จพลังงานแสงอาทิตย์ ทำให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานยาวนานไร้ขีดจำกัด ในโหมดประหยัดพลังงาน ซึ่งสามารถบอกเวลา วันที่ และจับเวลาได้เหมือนนาฬิกาอนาล็อก และใช้งานได้ยาวนานถึง
70 วัน ในโหมดสมาร์ทวอทช์ แม้แต่ INSTINCT CROSSOVER รุ่นมาตรฐานที่ไม่มีระบบการชาร์จพลังงานแสงอาทิตย์
ก็สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานกว่า 1 เดือนในโหมดสมาร์ทวอทช์ และมากกว่า 110 ชั่วโมงในโหมดจีพีเอส ไม่ต้องพกอุปกรณ์ชาร์จให้เปลืองพื้นที่ในกระเป๋า

STAY HEALTHY WHILE STAYING CONNECTED
มอนิเตอร์ทุกการเปลี่ยนแปลงสุขภาพ พร้อมอัพเดททุกการเคลื่อนไหว

ครอบคลุมการใช้งานทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นจุดประสงค์ด้านสุขภาพ การออกกำลังกาย หรือไลฟ์สไตล์อื่นๆ อัดแน่นด้วยฟีเจอร์สุขภาพ ไม่ว่าจะเป็น การให้คะแนนประสิทธิภาพของการนอน (Sleep Score) การติดตามการนอนหลับขั้นสูง (Advanced Sleep Monitoring) รวมถึงฟีเจอร์เก็บข้อมูลทางสุขภาพอย่าง Health Monitoring ที่จะช่วยเก็บข้อมูลสุขภาพที่สำคัญ อาทิ ระดับพลังงานของร่างกาย (Body Battery) ระดับความเครียด (Stress Level) และอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate) รวบรวมไว้ในที่เดียว

ทั้งยังจัดเต็มฟีเจอร์ติดตามการออกกำลังกาย บันทึกข้อมูลสุขภาพที่ช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถพัฒนาการออกกำลังกายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ เช่น ฟีเจอร์ VO2 Max ฟีเจอร์วัดค่าความอิ่มตัวออกซิเจนในเลือด (Pulse Ox) ฟีเจอร์วัดอายุของสุขภาพ (Fitness Age) รวมถึงฟีเจอร์สำหรับการเทรนด์แบบมืออาชีพตั้งแต่ ฟีเจอร์ประเมินความหนักของการฝึกซ้อม (Training Status/Load/Effect) สถานะความแปรผันของอัตราการเต้นหัวใจ (HRV status) และระยะเวลาในการฟื้นตัว (Recovery Time) โดยฟีเจอร์ติดตามสุขภาพและการออกกำลังกายเหล่านี้ สามารถใช้งานและเก็บบันทึกข้อมูลได้อย่างต่อเนื่องด้วยแบตเตอรี่ที่มีอายุการใช้งานยาวนานของ INSTINCT CROSSOVER จึงสามารถสวมใส่ได้นานหลายสัปดาห์โดยไม่ต้องถอดชาร์จใหม่ 

ไม่ว่าจะทำกิจกรรมสุดเอ็กซ์ตรีม หรือผจญภัยอยู่มุมไหนของโลก ก็ไม่พลาดทุกการเชื่อมต่อ เพียงจับคู่ INSTINCT CROSSOVER กับสมาร์ทโฟนที่รองรับ ก็สามารถรับข้อความ อีเมล และแจ้งเตือนจากโซเชียลมีเดียได้ทุกที่ทุกเวลาด้วยระบบแจ้งเตือนอัจฉริยะบนหน้าปัดนาฬิกา และยังสามารถชำระเงินแบบไร้สัมผัสอย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยผ่าน Garmin Pay ได้อีกด้วย ผู้สวมใส่ยังสามารถซิงค์ INSTINCT CROSSOVER เข้ากับ Garmin Connect เพื่อดูข้อมูลสุขภาพโดยละเอียด และสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชัน รวมถึงดีไซน์หน้าปัดนาฬิกาแบบต่างๆ ได้ด้วย Connect IQ store

NAVIGATE LIFE นำทางสู่ทุกจุดหมายของชีวิต 

คู่หูรู้ใจใหม่ของนักผจญภัย ด้วยเทคโนโลยีที่เพิ่มความแม่นยำในการติดตามได้ดีกว่าที่เคย
ไม่ว่าจะเป็น ระบบดาวเทียม Multi-GNSS เซ็นเซอร์ ABC (altimeter, barometer, 3-axis compass) ฟีเจอร์ TracBack® routing ที่ช่วยจดจำเส้นทางให้ผู้สวมใส่สามารถย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะหลง และ Reference Point ที่ช่วยให้ผู้สวมใส่ติดตามสถานที่ที่รู้จัก โดยอ้างอิงจากตำแหน่งที่ตั้งในขณะนั้น นอกจากนี้ สำหรับโมเดล INSTINCT CROSSOVER – Tactical Edition ยังมีฟีเจอร์การฝึกซ้อมแบบยุทธวิธีอีกมากมาย อาทิ Night Vision Compatibility หน้าจอแสดงผลยามค่ำคืนและสามารถมองเห็นได้ผ่านเลนส์มองกลางคืน Stealth Mode ฟังก์ชันพลางตัวตัดการเชื่อมต่อทุกอย่างในฟังก์ชันเดียว โหมด Dual-Format GPS ระบุตำแหน่งพร้อมกัน 2 ค่า และ Kill Switch โหมดลบตัวตน ล้างทุกร่องรอยยามสถานการณ์คับขัน 

INSTINCT CROSSOVER ทั้ง 3 โมเดลพร้อมให้คนไทยสายแอดเวนเจอร์ และแอคทีฟไลฟ์สไตล์ที่ชื่นชอบกิจกรรม
เอาท์ดอร์จับจองเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ โดย INSTINCT CROSSOVER มีให้เลือก 2 สี คือ สีดำ และสี Blue Granite ในราคา 18,690 บาท INSTINCT CROSSOVER SOLAR มีให้เลือก 2 สี คือ สี Graphite และสี Tidal Blue ในราคา 20,390 บาท และ INSTINCT CROSSOVER SOLAR – Tactical Edition ที่มาพร้อมฟีเจอร์เชิงกลยุทธ์ ในราคา 21,990 บาท พบกับ INSTINCT CROSSOVER ซีรีย์ได้ที่ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของการ์มินทุกสาขา ติดตามข้อมูลสินค้าเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3k2UX4K หรือที่ เฟซบุ๊กแฟนเพจ Garmin Thailand และ อินสตาแกรม Garmin Thailand

ข่าว: Garmin เปิดตัว INSTINCT CROSSOVER มาตรฐานใหม่ของไฮบริดสมาร์ทวอทช์ มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.

from:https://www.appdisqus.com/garmin-launches-instinct-crossover/

ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีเด็ก myFirst ลุยตลาดไทย ส่งสมาร์ทวอทช์ myFirst Fone R1s ชูฟังก์ชั่นด้านความปลอดภัยเด็ก

ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีเด็ก myFirst ลุยตลาดไทย ส่งสมาร์ทวอทช์ myFirst Fone R1s ชูฟังก์ชั่นด้านความปลอดภัยเด็ก
Appdisqus Team

โอเอซิส เอเชีย เปิดตัว myFirst แบรนด์สัญชาติสิงค์โปร์ ผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยีที่เจาะตลาดเด็ก พร้อมส่งสมาร์ทวอช  myFirst Fone R1s ชูฟังก์ชั่นความปลอดภัยสำหรับเด็ก

myFirst Fone R1s หนึ่งในผลิตภัณฑ์เด่นของแบรนด์ เป็นอุปกรณ์สมาร์ทวอทช์สำหรับเด็กที่มาพร้อมกับแอปพลิเคชันการควบคุมการเชื่อมต่อและการใช้งานได้โดยผู้ปกครอง รองรับการสื่อสารผ่านสัญญาณอินเตอร์เน็ตด้วยซิมโทรศัพท์ภายในตัวนาฬิกา

ความสามารถต่างๆ จะถูกออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยให้เด็ก เช่นการปิดกั้นไม่ให้ SMS หรือข้อความจากแอปที่ไม่อนุญาต ถูกส่งไปยัง myFirst Fone R1s เพื่อป้องกัน SPAM และ SCAM จากคนแปลกหน้า โดยที่เด็กที่สามารถโทรศัพท์ติดต่อแบบวิดีโอกับผู้ปกครองได้ตลอดเวลาและมีปุ่มกดขอความช่วยเหลือฉุกเฉินไว้ที่ตัวเรือนด้วย

สามารถระบุตำแหน่งได้แม่นยำผ่านสัญญาณ GPS และนาฬิกามีฟังก์ชันวัดอัตราการเต้นของหัวใจเด็กขณะทำกิจกรรมต่างๆ วัดการก้าวเดินในแต่ละวัน ทำงานเสมือนเป็นเครื่องติดตามตัวและตรวจวัดกิจกรรมการเคลื่อนไหวของเด็กในแต่ละวันไปในตัว

ใส่ฟังก์ชั่นด้านความบันเทิง เช่นในส่วนของเครื่องเล่นเพลง โดยตัวนาฬิกามีความจำขนาด 8 GB สามารถจุเพลงได้กว่า 1,500 เพลง สามารถปรับแต่งหน้าปัดนาฬิกาให้เป็นวอลล์เปเปอร์เคลื่อนไหว และปรับแต่งภาพหน้าจอให้เป็นไปตามสไตล์ของตัวเอง

โดยตัว myFirst Fone R1s ยังมีกล้องความละเอียด 2 ล้านพิกเซลเอาไว้ใช้เพื่อเก็บภาพและใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชั่นภายในตัวนาฬิกาได้ด้วย สามารถใช้งานเข้ากันได้อย่างลงตัวกับอุปกรณ์อื่นๆ ของแบรนด์ มายเฟิร์ส เช่นหูฟังแบบไร้สายได้เป็นอย่างดีด้วย

myFirst Fone R1s รองรับการใช้งานรวมกับสมาร์ทโฟนของผู้ปกครองได้ทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android  ได้รับการประกันศูนย์ไทยนาน 1 ปี โดยมีบริษัท บันเลือง ชินอินเตอร์ จํากัด ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย

นอกจากนี้แบรดน์ myFirst ยังมีกลุ่มผลิตภัณฑสำหรับเด็กอีกมากมายที่น่าสนใจ เช่นหูฟังไร้สายสำหรับเด็ก myFirst Bone Conduction Wireless Headphones หูฟังที่เชื่อมต่อสัญญาณผ่านบลูทูธในงานออกแบบเกี่ยวหู การออกแบบที่คิดมาสำหรับเด็กให้ได้ใช้เรียนออนไลน์ เล่นเกมส์หรือฟังเพลงได้นานๆ ไม่เจ็บหู และมีไมโครโฟนในตัว

โดยหูฟังแบบพิเศษนี้ไม่ต้องเสียบเข้าไปในหู แต่จะแนบอยู่บริเวณหน้าใบหูและทำงานโดยการส่งคลื่นความถี่ผ่านกระดูกด้านหน้าใบหู ส่งต่อไปยังสมองโดยตรง ทำให้เด็กได้ยินเสียงที่ต่างๆ ภายนอกที่สำคัญในขณะใช้งานและมีระดับความดังที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก ไม่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกเพื่อความปลอดภัยของเด็ก สามารถเชื่อมต่อไร้สายได้ทั้งกับมือถือ ไอแพด คอมพิวเตอร์ นาฬิกาสมาร์ทวอทช์  ไมโครโฟนไร้สาย โดยสามารถใช้กับแอปต่างๆ ได้ทั้งหมดในการแชตสนทนาหรือการออนไลน์  เช่น Google Meet, Zoom หรือ Skype ฟังชั่นถูกออกแบบมาให้เข้าใจง่าย เด็กจึงใช้งานได้เอง

---

มิสเตอร์ จีเจย์ ยัง ผู้ก่อตั้ง และ CEO “มายเฟิร์ส” บริษัท โอเอซิส เอเชีย จำกัด (OAXIS ASIA Pte.,LTD,) ภายใต้แบรนด์  myFirst จากประเทศสิงคโปร์  กล่าวว่า  สำหรับการเปิดตัวแบรนด์ my First ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในครั้งนี้ จุดประสงค์เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์  myFirst ให้ครอบคลุมกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมาย     ในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น และยังได้แต่งตั้งผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยให้กับ “บริษัท บันเลือง ชินอินเตอร์ จํากัด”  ซึ่งเป็นบริษัทฯ ที่มีผู้แทนและช่องทางการจัดจำหน่ายครอบคลุมทั่วประเทศ อาทิ ร้านค้าในศูนย์การค้าชั้นนำทั่วไป ร้านค้าไอทีและมือถือชั้นนำของไทย และร้านค้าในสนามบิน เป็นต้น  สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์คุณภาพ myFirst ประกอบด้วย  สมาร์ทวอทช์สำหรับเด็ก กล้องถ่ายภาพ กระดานอัจฉริยะ ปากกา 3D อัจฉริยะ เป็นต้น

“เราเชื่อมั่นว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์ IT & Gadget เป็นสินค้าเทคโนโลยีคุณภาพสูงสำหรับเด็กที่ทาง myFirst เปิดตัวนี้สามารถตอบโจทย์กับกลุ่มผู้ปกครองและเด็กในยุคดิจิทัล  นอกจากนี้ยังชูจุดเด่นของสมาร์ทวอทช์ myFirst นาฬิกาฟังเพลงอัจฉริยะและจับตำแหน่งจีพีเอส รุ่น R1S  มาพร้อมซิมฟรีที่สามารถโรมมิ่งใช้งานต่างประเทศ 10 ประเทศ ได้ฟรีไม่จำกัดเป็นเวลา 6 เดือนเต็ม อาทิเช่น ประเทศไทย สิงค์โปร์ มาเลเซีย ออสเตยเลีย นิวซีแลนด์ ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน จีน และ ฟิลิปปินส์ เป็นต้น”  มิตเตอร์ จีเจย์ ยัง กล่าว

นายประวิทย์  ชินประเสริฐ  กรรมการผู้จัดการ  บริษัท บันเลือง ชินอินเตอร์ จํากัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ myFirst อย่างเป็นทางการในประเทศไทย กล่าวต่อว่า บริษัทฯ ในฐานะผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แบรนด์ myFirst ได้เล็งเห็นโอกาสและความสำคัญในคุณภาพสินค้าของ myFirst ที่จะเข้ามาตอบโจทย์กลุ่มผู้ปกครองที่ต้องการผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนำมาใช้ในการปกป้อง ความปลอดภัย และพัฒนาทักษะของเด็กยุคดิจิทัลในไทยได้อย่างดี  ปัจจุบันมีผู้แทนจำหน่าย 2 รายหลัก ได้แก่ JayMart และคิงพาวเวอร์ดิวตี้ฟรี   สำหรับการวางจำหน่ายของ JayMart ในพื้นที่กรุงเทพฯ มีจำนวน 5 สาขา ประกอบด้วย เซ็นทรัลเวิร์ด  เซ็นทรัลอีสวิลล์ เดอะมอลล์บางกะปิ คอนสแควร์ศรีนครินทร์ และซีคอนสแควร์บางแค  นอกจากนี้ทางบริษัทฯ ในต้นปี 2566 จะมีผู้แทนจำน่ายเพิ่มอีก

ในปี 2566 บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าผลิตภัณฑ์ myFirst  จะเติบโตมากขึ้นเนื่องจากพ่อแม่ และผู้ปกครองให้ความสำคัญโดยเฉพาะด้านความปลอดภัยของเด็กๆ ลูกหลานที่เรารักจึงต้องการเครื่องมือช่วยในการปกป้องความปลอดภัยที่จะเกิดกับเด็กๆ

“ภาพรวมและแนวโน้มการเติบโตตลาดสินค้า IT & Gadget โดยเฉพาะตลาดสมาร์ทวอช ยังคงมีแนวโน้มที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย โดยเฉพาะสมาร์ทวอชที่มีกลุ่มเป้าหมายชัดเจน  พร้อมด้วยสถานการณ์ที่ผ่อนคลายหลังจากวิกฤตโควิดเป็นโรคประจำถิ่น ส่งผลทำให้ประชาชนออกมาทำกิจกรรมนอกบ้านมากขึ้น ดังนั้นผลิตภัณฑ์ myFirst จะเป็นตัวเลือกและผู้ช่วยให้ผู้ปกครองนำมาใช้ปกป้องความปลอดภัยให้กับเด็กๆ ด้วยความอุ่นใจ” นายประวิทย์  ชินประเสริฐ  กล่าวทิ้งท้าย

ข่าว: ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีเด็ก myFirst ลุยตลาดไทย ส่งสมาร์ทวอทช์ myFirst Fone R1s ชูฟังก์ชั่นด้านความปลอดภัยเด็ก มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.

from:https://www.appdisqus.com/myfirst-fone-r1s-kid-smartwatch-launch-in-thai/

HUAWEI เปิดตัว WATCH Buds สมาร์ทวอทช์ที่มีหูฟังในตัว มากับดีไซน์สุดล้ำแบบ Flip Cover ใช้งานได้ครบฟังก์ชั่น

Huawei Watch Buds เปิดตัวในประเทศจีนอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ เป็นสมาร์ทวอทช์ที่มีหูฟังไร้สายในตัว ทำให้เราใช้งานได้แบบ 2-in-1 และแน่นอนว่ามากับฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนด้วย AI พร้อมระบบ HarmonyOS 3.0  ที่ดูแลสุขภาพเราได้อย่างครบ โดยราคาอยู่ที่  2,988 หยวน หรือประมาณ 14,900 บาทค่ะ 

Huawei Watch Buds ได้รับการออกแบบคล้าย Huawei Watch GT  แสดงผลหน้าจอ AMOLED ขนาด 1.43 นิ้ว ความละเอียด 466 x 466 พิกเซล ยังสามารถเปิดหน้าปัดเพื่อหยิบหูฟังไร้สายออกมาใช้งานเพิ่มเติมได้ นี่เลยเป็นความพิเศษอย่างหนึ่งที่น่าสนใจมาก แถมยังดีไซน์ได้ล้ำ ดูเรียบหรูตัวเรือนเป็นสแตนเลส สายเป็นแบบหนังมีขนาด 22mm มีด้วยกัน 2 สีได้แก่สีดำ ,สีน้ำตาล

ส่วนตัวหูฟังออกแบบให้เป็นรูปวงรีแบบตัดขอบคล้ายเม็ดยา มีน้ำหนักแค่ 4 กรัมต่อข้างทำให้เบามากในการสวมใส่ หรือเดินไปมาขณะใช้งาน และยังรองรับการกันน้ำมาตรฐาน IP54

มากับฟีเจอร์การดูแลด้านสุขภาพ  Watch Buds ทั้งเรื่องการติดตามการนอนหลับ การตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด และเครื่องมือที่ช่วยวัดค่าความเครียด และเทคโนโลยี TruSleep 3.0 ที่อัปเกรดแล้วของ Huawei เพื่อการจดจำการนอนหลับที่แม่นยำยิ่งขึ้น พร้อมการอ่านค่า ECG และการทดสอบ AFib ให้เราเลือกการออกกำลังกายได้มากกว่า 80 รายการ เช่นปั่นจักรยาน กระโดดเชือก และเดิน วิ่ง ว่ายน้ำ

สมาร์ทวอทช์มาพร้อมระบบปฏิบัติการ HarmonyOS 3 ส่วนคนที่ใช้สมาร์ทโฟน HarmonyOS 2 ขึ้นไป และ Android 7  รวมถึง iOS 9 และใหม่กว่า Watch Buds ยังรองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.2 ได้อีกด้วยค่ะ โดย Huawei กล่าวว่านาฬิกาและหูฟังมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่รวมกัน 3 วัน พร้อมฟังเพลงได้นาน 3  ชั่วโมง และสนทนาได้ 2 ชั่วโมง

แต่แบตเตอรรี่หลักอยู่ที่ 410mAh และสามารถชาร์จได้ 100% ในการชาร์จแบบไร้สายประมาณ 100 นาที  ส่วนราคา Huawei Watch Buds ราคา 2,988 เยน ประมาณ 14,900 บาท โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในประเทศจีนเลยตั้งแต่วันนี้ ส่วนกำหนดการเปิดตัวในตลาด Global ยังไม่ได้ระบุข้อมูลค่ะ ถ้ามีวางขายในบ้านเราเมื่อไหร่จะรีบมาอัปเดตทันทีเลยค่ะ

 

ที่มา : androidcentra

 

from:https://droidsans.com/huawei-watch-buds-launch/

รีวิว HUAWEI WATCH GT 3 SE กลับมาอีกครั้งของสมาร์ทวอทช์ตัวฉลาด ความสามารถครบ จอใหญ่ภาพชัด และแบตทนใช้นาน 2 อาทิตย์

รีวิว HUAWEI WATCH GT 3 SE กลับมาอีกครั้งของสมาร์ทวอทช์ตัวฉลาด ความสามารถครบ จอใหญ่ภาพชัด และแบตทนใช้นาน 2 อาทิตย์
Noppinij

HUAWEI WATCH GT 3 SE การกลับมาอีกครั้งของสมาร์ทวอทช์ที่คุ้มค่าที่สุดของ HUAWEI ครับ มาในราคาไม่แพง ซื้อง่ายใช้สบาย ด้วยงบ 6,499 บาท ตัวเดียวจบ ใช้ได้ครบทั้งรองรับการโทรออกรับสายเรียกเข้า รับการแจ้งเตือน เป็นคู่หูการออกกำลังกาย และเป็นผู้ช่วยด้านสุขภาพในตัว ครบถ้วนเรือนเดียว และยังเป็นสมาร์ทวอทช์ในกลุ่มแบตเตอรี่อึดทนทาน เพราะสามารถใช้งานได้นานกว่า 14 วันได้โดยการชาร์จเพียงครั้งเดียวครับ

ใครที่เบื่อกับการชาร์จนาฬิกากันแบบวันเว้นวัน หยิบใช้งานทีไรแบตเตอรี่ใกล้หมดทุกที ผมแนะนำสมาร์ทวอทช์สายแบตอึดของทาง HUAWEI ครับ ด้วย OS และ UI ที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์เขาเอง ทำให้ในแต่ละรุ่นที่ออกมาจำหน่าย แม้จะใส่ฟังก์ชั่นเข้ามามากมาย แต่ไม่มีรุ่นไหนเลยที่ต้องชาร์จแบตกันวันเว้นวัน เพราะว่า HUAWEI Smartwatch ว่ากันในระดับใช้นานเป็นอาทิตย์สำหรับเรื่องแบตเตอรี่ครับ

นั้นคือจุดเด่นแรกของ HUAWEI WATCH GT 3 SE อุปกรณ์สวมใส่รุ่นใหม่ที่เราหยิบเอามาแนะนำกันในรีวิวนี้ครับ

การออกแบบภายนอก

HUAWEI WATCH GT 3 SE นาฬิกาหน้าปัดใหญ่ทรงกลม ใช้การดีไซน์แนวรถสปอร์ต ตัวเรือนดูดุดันแต่มีความหนาเพียง 11 มม. และมีน้ำหนักเพียง 35.6 กรัม ค่อนข้างเป็นนาฬิกาหน้าจอใหญ่ที่น้ำหนักเบาทีเดียว หน้าจอ AMOLED ขนาด 1.43 นิ้ว จอใหญ่เห็นชัดมากและสีสันสวย ความละเอียดจอคมครับ 326 PPI (466 x 466 พิกเซล) วัสดุกระจกจอ Corning Gorilla Glass รุ่นนี้จะมีให้เลือกสองสี คือสีดำ Graphite Black และ Wilderness Green

 

ตัวเรือนทำจากไฟเบอร์โพลีเมอร์ ตัวสายโพลียูรีเทน ขนาดข้อมือที่สายนี้สามารถสวมใส่ได้อยู่ที่ 140 – 210 มม. แต่ตัวสายสามารถเปลี่ยนเองได้ครับ ใช้สลักล็อคแบบสายนาฬิกาทั่วไป มีปุ่มควบคุมบนตัวเรือนสองปุ่ม ใช้เป็นปุ่มเมนู/ปุ่มกลับหน้าโฮม และปุ่มฟังก์ชั่นลัดที่เราสามารถกำหนดหน้าที่ได้เองในการตั้งค่า

ใช้การชาร์จไฟแบบไร้สายในมาตรฐาน Qi ใช้ร่วมกับแท่นชาร์จไร้สายอื่นได้ทั่วไป โดยภาพในกล่องจะมีแท่นชาร์จไร้สายชนิดพกพาแถมมาให้ครับ รองรับการชาร์จไว 10W (5V/2A) จากที่ทดสอบใช้งาน เปิดการซิงก์ข้อมูลและตรวจจับร่างกายตลอด 24 ชั่วโมง สามารถใช้งานได้ประมาณ 8 วันแบตเตอรี่ถึงใกล้หมดครับ

ใส่เซนเซอร์มาครบ เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบออปติคัล, เซ็นเซอร์ตรวจวัดความเร่ง, เซ็นเซอร์ตรวจจับการหมุน, เซ็นเซอร์ภูมิศาสตร์, เซ็นเซอร์ตรวจวัดแรงดันอากาศ และมี GPS ในตัว ซึ่งอาศัยการระบุตำแหน่งผ่านสัญญาณดาวเทียมได้ถึง 5 ระบบทั่วโลก (GPS, Beidou, GLONASS, GALILEO, QZSS) จับตำแหน่งแม่นเป๊ะแบบไม่ต้องอาศัยสมาร์ทโฟนเข้าช่วย

ตัวเครื่องมีไมค์รับเสียงและลำโพงในตัว ฉะนั้นหลังการเชื่อมต่อสัญญาณบลูทูธกับสมาร์ทโฟน ก็จะรองรับการโทรสนทนาเสียงผ่านตัวนาฬิกาได้โดยตรง รับสายวางสายและคุยโทรศัพท์ได้จากข้อมือไม่ต้องหยิบมือถือมารับสาย

กันน้ำระดับ 5 ATM ใส่ลงเล่นน้ำหรือเล่นกีฬาทางน้ำได้เลย และภายใน HUAWEI WATCH GT 3 SE ยังมีหน่วยความจำภายใน ที่สามารถใช้ในการติดตั้งแอปพลิเคชั่นเพิ่มเติมจากสโตร์ของ HUAWEI และใช้จัดเก็บไฟล์เพลงได้มากถึงประมาณ 500เพลง และเมื่อมันเชื่อมต่อกับหูฟังบลูทูธแล้วเราก็สามารถใช้งานฟังเพลงได้โดยไม่ต้องพกพาสมาร์ทโฟนได้เลยครับ

คุณสมบัติการใช้งาน

HUAWEI WATCH GT 3 SE สามารถใช้งานได้กับสมาร์ทโฟนทุกระบบ ทั้งระบบ HarmonyOS 2 , Android 6.0 และ iOS 9.0 หรือเวอร์ชั่นที่ใหม่กว่า เชื่อมต่อผ่านแอปพลิเคชัน HUAWEI Health โดยในด้านซอฟท์แวร์เอง ทาง HUAWEI ก็พัฒนามาใหม่อีกในหลายฟังก์ชั่นครับ ผมนับว่าเป็นหนึ่งในแบรนด์ใหญ่ที่พัฒนาระบบอุปกรณ์สวมใส่มาได้ไกลและทำงานได้ละเอียดมาก

HUAWEI Health จะเป็นแอปศูนย์กลางในการตั้งค่าและอัปเดตระบบทั้งหมดของนาฬิกา (รวมถึงอุปกรณ์ IoT ของ Huawei ทั้งหมด) รวมถึงใช้ในการติดตั้งแอปพลิเคชั่นเพิ่มเติมให้กับตัวนาฬิกาได้ด้วยครับ เราสามารถติดตั้งความสามารถเพิ่มให้กับนาฬิกาได้จากแอปพลิเคชั่นในสโตร์เหล่านี้

แอปพลิเคชั่นเสริมในระบบ Harmony OS ของตัวนาฬิกา สามารถติดตั้งเพิ่มได้จากในสโตร์ผ่าน HUAWEI Health ได้เลยครับ

และ Watch Face สำหรับการปรับแต่งหน้าแสดงผล ซึ่งตอนนี้ Watch Faces ก็มีให้เลือกใช้กว่า 1,000 รูปแบบเลยครับ รวมถึงความสามารถในการใช้รูปภาพในตัวเครื่องสมาร์ทโฟนมาใช้เป็นภาพหน้าจอนาฬิกาก็ยังทำได้เช่นเดิม

และรุ่นนี้มีการแสดงผลแบบ Always On Display ที่จะเปิดการแสดงผลไว้ตลอดเวลาในรูปแบบของหน้าปัดที่กินพลังงานน้อยลง สำหรับคนที่ต้องการให้หน้าปัดนาฬิกาแจ้งเวลาอยู่ตลอดเหมือนนาฬิกาจริงครับ กินพลังงานน้อยมากๆ

ด้านดูแลสุขภาพ

ชุดฟีเจอร์ HUAWEI Healthy Living Shamrock จะคอยช่วยแจ้งเตือนในชีวิตประจำวัน เช่น ดื่มน้ำ รับประทานยาตามเวลา นับก้าว หรือเตือนเมื่อนั่งติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน สิ่งที่ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่คือระบบตรวจจับวัดค่าอัตราการเต้นของหัวใจและค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด (SpO2) อัลกอริธึมใหม่ของ HUAWEI ที่บอกว่าจะมีความแม่นยำในการตรวจสอบได้แม่นยำขึ้นครับ

และระบบติดตามคุณภาพการนอนหลับ  HUAWEI TruSleep 3.0 ที่ตอนนี้มีฟีเจอร์ใหม่ นอกจากตรวจคุณภาพการนอนหลับได้แล้ว ยังสามารถตรวจจับการนอนละเมอและการนอนกรนได้เพิ่มเติมแล้วด้วยนะครับ โดยจะอาศัยการทำงานร่วมกันกับสมาร์ทโฟนที่เชื่อมต่อ เพื่อใช้ในการดักจับเสียงกรนและเสียงละเมอ บันทึกไว้ภายในแอปให้เราได้สำรวจตัวเองหลังการตื่นนั้นเองครับ

ระบบของ HUAWEI TruSleep 3.0 จะแจ้งข้อมูลคุณภาพการนอนได้ละเอียดมาก อัตราการเต้นของหัวใจแบบเรียลไทม์ ตรวจวัดการหายใจขณะนอนหลับ และแจ้งคุณภาพการนอนหลับได้ 4 ระดับ (หลับไม่สนิท ระยะหลับลึก ระยะหลับฝัน REM และระยะตื่นช่วงสั้น) เก็บข้อมูลพร้อมระบุปัญหาเพื่อให้คำแนะนำเพื่อปรับปรุงคุณภาพการนอน

คู่หูการออกกำลังกาย

HUAWEI WATCH GT 3 SE มาพร้อมโหมดออกกำลังกายมากกว่า 100 โหมดสำหรับกิจกรรมที่นิยมทั่วไป และโหมดกีฬาระดับมืออาชีพอีก 18 โหมด จะคอยช่วยให้ผู้ใช้ได้รับการประเมินและคำแนะนำการฝึกอย่างมืออาชีพ โดยอิงจากข้อมูลการวเคลื่อนไหวที่ตัวอุปกรณ์สามารถตรวจจับได้หมด

และมีความแม่นยำมากด้วยเพราะรองรับการจับสัญญาณ GPS ในตัวเอง ในขณะออกกำลังกาย ตัวอุปกรร์จะตรวจจับข้อมูลร่างกายที่เกี่ยวข้องครอบคลุมไว้ทั้งหมด อัตราการก้าว อัตราการเต้นของหัวใจ Running Ability Index (RAI) การวัด VO2Max และค่าบ่งชี้อื่นๆ

ด้วยความที่ HUAWEI WATCH GT 3 SE สามารถบันทึกเส้นทางได้เองอย่างถูกต้อง จึงสามารถบันทึกเส้นทาง นำมาดูได้หลังการออกกำลังกายทั้งบนนาฬิกาและบนแอปพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟน เพราะสามารถนำข้อมูลเส้นทางเดิมเพื่อมาชี้เส้นทางการวิ่งใหม่ๆ หรือให้นำทางเพื่อวิ่งกลับเส้นทางเดิมได้ และสามารถแชร์เส้นทางวิ่งกับผู้ใช้คนอื่นๆ ได้ผ่านแอปพลิเคชัน HUAWEI Health ได้ด้วย

สรุปท้ายรีวิว

จุดเด่นของความเป็นสมาร์ทวอทช์จาก HUAWEI มีมาครบถ้วนในรุ่นนี้ครับ นาฬิกาหน้าจอใหญ่ภาพชัดที่มากับอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่อยู่ได้นานเป็นอาทิตย์ต่อการชาร์จแบตหนึ่งครั้ง ติดตั้งทั้งไมค์และลำโพงมาในตัวทำให้สามารถใช้ในการสนทนาผ่านตัวนาฬิกาได้โดยตรง และมีหน่วยความจำในตัวเพื่อใช้ในการติดตั้งแอปเพิ่มเติมหรือเซฟไฟล์เพลงลงในตัวนาฬิกาเพื่อใช้โดยไม่ต้องพกพาสมาร์ทโฟนติดไปด้วย

เซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวมาครบทุกแกน อัลกอริธึมตัวล่าสุดที่ตรวจจับได้ละเอียดมากขึ้น มีเซนเซอร์จับตำแหน่งในตัวเองจากดาวเทียมทั้ง 5 ระบบทั่วโลก ครบมากในประโยชน์การใช้งาน และมาในราคากลางๆ แค่ 6,499 ถือว่าคุ้มเลยกับความสามารถ

ใครชอบสมาร์มวอทช์จอใหญ่ แบตอึด คุยโทรศัพท์ได้ Appdisqus ขอแนะนำรุ่นนี้ครับ

ข่าว: รีวิว HUAWEI WATCH GT 3 SE กลับมาอีกครั้งของสมาร์ทวอทช์ตัวฉลาด ความสามารถครบ จอใหญ่ภาพชัด และแบตทนใช้นาน 2 อาทิตย์ มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.

from:https://www.appdisqus.com/review-huawei-watch-gt-3-se-smartwatch/