คลังเก็บป้ายกำกับ: digital_marketer

Tomorrow or Today สิ่งที่นักการตลาดควรรู้กับกูรูชั้นนำของไทย

ฝีมือของนักการตลาดในยุคใหม่นี้ เรียกได้ว่ามีความคิดสร้างสรรค์กันมากขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนว่าความสร้างสรรค์เหล่านั้น ต้องอาศัยทั้งประสบการณ์และเทรนด์ของโลกประกอบกัน ทำให้ผลงานโฆษณายุคนี้ของคนไทย น่าสนใจและได้รับการยอมรับจากต่างชาติมากขึ้นเรื่อยๆ

ทาง Thumbsup ได้เข้าไปฟังงานแถลงข่าว Adfest 2019 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และนี่คือสุดยอดแนวความคิดจากนักการตลาดชั้นนำของประเทศไทยทั้ง 4 คน และหวังว่าผู้อ่านจะนำแนวทางเหล่านั้นไปปรับใช้กับงานโฆษณาชิ้นใหม่ๆ ได้อย่างเหมาะสมต่อไป

คนชนะคือผู้อยู่รอด

คุณศิวัตร เชาวรียวงษ์ Chief Executive Officer, GroupM Thailand,

ในสมัยก่อนความเก่งของพนักงานขายจะมาจากความรู้และประสบการณ์ทั้งสิ้น แต่ในยุคที่มีการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มชั้นนำ ทำให้เครื่องมือที่ถูกพัฒนามาเพื่อช่วยจดจำสินค้าที่ลูกค้าสนใจ การค้นหา อ่านรีวิว ทำให้ระบบหลังบ้านสามารถจัดกลุ่มสินค้าได้ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้ดี

ดังนั้น บทบาทของนักการตลาด จึงไม่ควรอยู่แค่กรอบแบบเดิมๆ ยิ่งเป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่มากขึ้นเท่าไหร่ ความกดดันยิ่งสูง เพราะโซเชียลมีเดียเป็นโอกาสสำคัญของแบรนด์ขนาดเล็ก ดังนั้นนักการตลาดจึงต้องหาเครื่องมือและการปรับตัวที่เหมาะสม

ใครทำได้ดีกว่าคนนั้นชนะ

ศิวัตร ยังย้ำด้วยว่า ทักษะของนักการตลาดยุคใหม่จึงไม่ควรจำกัดอยู่แค่เรื่องของการวางแผนโฆษณาแบบเดิมๆ แต่ต้องตอบโจทย์ลูกค้าได้รอบด้าน เป็นได้ทั้งคอนซัลท์ นักการตลาด ประชาสัมพันธ์ โปรแกรมเมอร์ เพราะจะเพิ่มโอกาสที่ได้เปรียบมากกว่าคู่แข่ง

ปัจจุบันคนชนะก็จะชนะมากขึ้นเรื่อยๆ และช่องว่างระหว่างผู้ชนะกับผู้แพ้ จะยิ่งห่างกันมากขึ้น เราต้องตื่นตัวและตามให้ทันเพราะความหมายของคำว่า “แพ้” ในยุคนี้คือ “ปิดกิจการ” เลย

พัฒนาทักษะ เรื่องสำคัญของอนาคต

ดร. สิรยา คงสมพงษ์ Senior Consultant, SEAC (South East Asia Center)

เรื่อง Digital Talent ของคนรุ่นใหม่นั้น มีความสำคัญมาก เพราะเราจะอยู่ในกรอบเดิมๆ อีกไม่ได้ แต่ต้องเรียนรู้และพัฒนาทักษะของตนเอง เพื่อให้ทันต่ออนาคต ยิ่งความรู้ที่เราเคยสั่งสมมาสมัยเรียนจะนำมาใช้ประโยชน์ในอาชีพได้น้อยลง ยิ่งหมายความว่าเราจะยืนอยู่กับที่ไม่ได้

จากผลการสำรวจขององค์กรชั้นนำมากมายที่บอกว่าปี 2030 หุ่นยนต์หรือเอไอจะเข้ามาทดแทนแรงงานคน ยิ่งเป็นตัวผลักดันให้คนจะยืนอยู่เฉยๆ ไม่ปรับตัวไม่ได้

ดังนั้น องค์กรจึงควรผลักดันให้พนักงานเกิด Passion ใหม่ๆ และเด็กรุ่นใหม่ก็อยากเปลี่ยนอาชีพไปเป็น Influencer มากขึ้น เพราะอาชีพนี้คือการแนะนำคนอื่น ถือว่าเป็นสิ่งที่ช่วยกระตุ้นให้คนขวนขวายใฝ่รู้สิ่งใหม่ๆ เพื่อรู้มากกว่าเดิม รวมถึงสร้างโอกาสในชีวิตอนาคตได้

พฤติกรรมเปลี่ยน ความคาดหวังย่อมสูงขึ้น

คุณกิตติพงษ์ วีระเตชะ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านแบรนด์และการสื่อสาร, บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) 

พฤติกรรมของลูกค้าเปลี่ยนแปลงทุกวัน อยู่ที่มุมมองของแต่ละคน ว่าจะอยู่ในโลกเดิมหรือเปลี่ยน (Tomorrow Or Today) รวมทั้งอยู่ที่การมองภาพว่า เพราะสิ่งที่ยังคงอยู่ในเทคโนโลยีจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะเรื่องของ “ความรู้สึก”

ดังนั้น ประสบการณ์และความคาดหวังของลูกค้า จะสูงขึ้นทุกวันและเปลี่ยนไปตามเทรนด์เทคโนโลยี ยิ่งคาดหวังมาก ความสุขในการใช้ชีวิตจะยิ่งลดลง แน่นอนว่า นักการตลาดทุกคนไม่มีใครทำโฆษณาแบบไม่หวังผล แต่ต้องปรับมุมมองในการวางแผนงานโฆษณาว่า ทำไปเพื่ออะไรด้วย

Culture capital มาจากแบรนด์ที่ทำมากกว่าพูด การที่เราอยู่ในธุรกิจครีเอทีฟต้องทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าผลงานนั้น “น่าสนใจ” มากกว่าการวางแผนแบบ 360 องศา

เอาให้ชัด Tomorrow consumer คือใคร

คุณวรรณา สวัสดิกูล Vice President, Chief Marketing Officer, Thai Samsung Electronics Co., Ltd.

เมื่อพูดถึงคำว่า Tomorrow consumer คือ ทุกคนมักคิดถึงเด็ก Gen Y-Z แต่สำหรับสิ่งที่คุณวรรณาคิดนั้น คือกลุ่มผู้สูงวัย หรือ senior population เพราะเป็นกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อ แต่พวกเขาต้องเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ ดังนั้น แบรนด์ต้องมองให้ชัดว่า เราจะถอยให้เครื่องมือของเราใช้งานได้ง่ายหรือทำให้ยากตามยุคของอนาคต

Tomorrow channel คือ การก้าวข้ามผ่านจุดการขายแบบเดิมมาเป็นออนไลน์ เช่นการ repeat customer repeat order ทำให้เกิดรายได้ระยะยาว ใครที่มีฐานลูกค้าเยอะ ย่อมเป็นโอกาสในระยะยาว

Tomorrow content คือ คอนเทนท์ประเภทวีดีโอและไม่อยู่นิ่ง เริ่มเป็นที่ต้องการมากขึ้นทำให้ Youtuber ต้องครีเอทแอคชั่นให้คนอยากแชร์ เช่น เพจคุณยายแกะกล่อง ที่ถือว่าเป็นยุคของการรีวิวที่น่าสนใจ โดยคนที่เราอาจละเลย

คอนเทนท์เซลฟี่แบบเดิม อาจไม่ได้โดนใจเท่ากับคอนเทนต์ที่เคลื่อนไหวได้ เพราะรูปแบบการเสพย์คอนเทนต์ของคนเปลี่ยนไปแล้ว แบรนด์จึงต้องวางแผนให้ดีและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากขึ้นด้วย

 
Source: thumbsup

from:https://thumbsup.in.th/2019/03/adfest-2019-concept-for-marketer/

เข้าถึงผู้บริโภคยุค 4.0 อย่างไร ให้ประสบความสำเร็จ

เรื่องของการเข้าถึงผู้บริโภคยุค 4.0 ที่ใช้อารมณ์และความรู้สึกในการตัดสินใจเป็นหลักนั้น ทั้งแบรนด์หรือนักการตลาด ต่างก็ต้อง “อ่านใจผู้บริโภค” ให้ขาด เพื่อที่จะได้วางกลยุทธ์ของแบรนด์ได้อย่างเหมาะสม เพราะไม่ว่าการใช้กลยุทธ์ออนไลน์ หรือออฟไลน์ ต่างก็ต้องมี Customer Data ที่ชัดเจนก่อน ถึงจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นางสาวปาจรีย์ แสงคำ ประธานบริหารกลุ่มงานโซลูชันทางธุรกิจและบริการ กลุ่มบริษัทจีเอเบิล

หัวใจในการทำมาร์เก็ตติ้งจากอดีตจนถึงปัจจุบัน คือการจะทำอย่างไรให้ชนะใจผู้บริโภค และคงปฏิเสธไม่ได้ว่าการเข้ามาของเทคโนโลยีในปัจจุบัน ทำให้สิ่งต่างๆ รอบตัวเปลี่ยนไป ดังนั้น การทำความเข้าใจและปรับตัวถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจอยู่รอดในยุค Digital Transformation และเป็นเรื่องสำคัญที่องค์กรธุรกิจและนักการตลาดต้องให้ความสนใจ

หลักในการทำการตลาด

  • ทำความเข้าใจว่าความต้องการของมนุษย์ (Human Needs) ยังคงอยู่ทุกยุคทุกสมัย ผู้บริโภคยังคงมีความต้องการใช้สินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการและช่วยแก้ปัญหา แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปอยู่ตลอดเวลาคือ อารมณ์ ความรู้สึกของผู้บริโภค (Customer Emotion) โดยเฉพาะยุคดิจัทัล ผู้บริโภคใช้อารมณ์เข้ามาตัดสินใจในการเลือกบริโภคสินค้าและบริการต่างๆ มากขึ้น นักการตลาดจึงต้องสรรหาเครื่องมือเพื่อศึกษาและเข้าใจถึงความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย เพื่อ การอ่านใจผู้บริโภค  ให้ออกและนำข้อมูลมาใช้ในการคิดแผนการตลาดให้สามารถตอบโจทย์ ตรงใจผู้บริโภค นั่นเอง

สินทรัพย์ที่สำคัญที่สุดสำหรับองค์กรยุคดิจิทัล คือ Customer Data ที่สมัยก่อน ทำได้เพียงเก็บข้อมูลจากการวิจัยตลาด  แต่ปัจจุบันการเข้ามาของเทคโนโลยี ทำให้เกิด Big Data นำมาซึ่งการรวบรวมข้อมูลจำนวนมหาศาลเข้าไว้ด้วยกัน มีความรวดเร็ว แม่นยำมากขึ้น แต่ไม่สร้างความรำคาญใจให้ผู้บริโภค และสามารถศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคและบันทึกเป็นข้อมูลและนำมาวิเคราห์พฤติกรรม เปรียบเสมือนการอ่านใจผู้บริโภคได้อย่างแม่นยำ ทำให้องค์กรสามารถรู้ความต้องการเชิงลึกของผู้บริโภคได้ (Customer Insight) โดยที่บางครั้งรู้มากกว่าตัวผู้บริโภคเอง และด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าทำให้การเก็บข้อมูลหรือดาต้าสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้ธุรกิจ ช่วยลดต้นทุนและค่าใช้จ่าย ตลอดจนช่วยประหยัดเวลาอีกด้วย

สร้าง Digital Asset

การทำ Digital Transformation เป็นการสร้าง Digital Asset รูปแบบหนึ่งที่อยู่บนโลกออนไลน์ เช่น การทำเว็บไซต์ E-Commerce เป็นอีกหนึ่ง Business Platform ที่เปลี่ยนแปลงโลกการค้าในยุคปัจจุบัน ช่วยลดต้นทุนได้อย่างมหาศาล 

ยกตัวอย่างเว็บไซต์ Amazon ที่เป็นรูปแบบการทำธุรกิจโดยไม่ต้องมีหน้าร้าน ไม่ต้องจ้างพนักงาน ไม่ต้องจำกัดจำนวนผู้ขาย ทำให้สามารถขายสินค้าได้หลากหลาย ส่งผลให้สร้างกลุ่มผู้บริโภคได้หลากหลายตามไปด้วย และการที่ไม่ต้องจำกัดประเภทของสินค้ายังทำให้สามารถสร้าง ความเชื่อมโยงทางการค้าได้อย่างสมบูรณ์

นอกจากนี้ การสร้างความเชื่อมโยงทางการค้า (Connectivity) ถือเป็นกลไกสำคัญที่จะต่อยอดธุรกิจระหว่างผู้ซื้อ ผู้ขาย และคนที่อยู่รอบๆ แพลตฟอร์ม ให้เข้ามาเชื่อมต่อการซื้อขายสินค้า ยิ่งเกิดความเชื่อมโยงมากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะช่วยสร้างมูลค่าให้กับกลุ่มธุรกิจที่เชื่อมโยงกันมากขึ้นเท่านั้น

ทั้งยังช่วยส่งผลให้ความท้าทายในการทำธุรกิจในปัจจุบันเปลี่ยนไป เพราะลูกค้ามีความต้องการที่ซับซ้อนลึกซึ้งมากขึ้น มีเงื่อนไขแตกต่างไปจากเดิม ไม่ว่าจะเป็น ตัวสินค้า โปรโมชั่น เวลา และวิธีการเลือกใช้สินเค้า ทำให้การจัดเก็บข้อมูลมีความสำคัญ เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นมาค้นหาความต้องการเชิงลึกของกลุ่มลูกค้าแบบรายคน และส่งต่อข้อมูลไปยัง Machine Learning เพื่อประมวลผล ทำให้ธุรกิจสามารถส่งมอบสินค้าหรือบริการที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแบบรายคนอย่างแท้จริง 

หากไม่ทำความเข้าใจลูกค้าให้ดีพอ ลูกค้าก็พร้อมที่จะเปลี่ยนไปหาแบรนด์คู่แข่งที่มีความเข้าใจความต้องการมากกว่าทันที ซึ่งเท่ากับว่าเป็นการเริ่มนับหนึ่งใหม่ ตั้งแต่ขั้นตอนการสร้างความต้องการในตัวสินค้าและบริการ การนำเสนอข้อมูลสินค้า การสร้างความได้เปรียบในการประเมินทางเลือก กระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจซื้อและการสร้างความพึงพอใจหลังการใช้สินค้าหรือบริการนั้นๆ หรืออาจถึงขั้นทำให้แบรนด์เสียชื่อเสียงได้

ดังนั้น แบรนด์ก็ต้องมองหาบริษัทที่มีความสามารถในการเข้ามาช่วยดูแลและพัฒนาข้อมูลที่มีในองค์กรให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วยนะคะ

 
Source: thumbsup

from:https://thumbsup.in.th/2018/09/digital-transformation-marketing/

MCFIVA เดินหน้าหลักสูตรสำหรับนักการตลาดวัดคุณภาพระดับโลก

ก่อนหน้านี้ บนเวทีงานสัมมนาของ Group M เคยประกาศว่าจะมีการจัดสอบเพื่อวัดระดับวัดคุณภาพความสามารถของนักการตลาดไทย รวมทั้งดึงศักยภาพของคนรุ่นใหม่ให้มีมาตรฐานทัดเทียมกับนักการตลาดชั้นนำระดับโลกได้

และคนที่รับไม้ต่อในการเปิดระบบแบบทดสอบวัดระดับความสามารถด้านดิจิทัล อย่าง MCFIVA ก็เดินหน้านำหลักสูตรที่ได้รับการยอมรับเป็นรายแรกในไทยที่ได้ลิขสิทธิ์จากญี่ปุ่น

รัชชต เศรษฐ์วรเดช กรรมการผู้จัดการ บริษัท แมคฟิว่า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทเป็นเจ้าแรกในประเทศไทยที่ได้นำ  SMARTKEN “แบบทดสอบวัดทักษะความสามารถด้านดิจิทัลเข้ามาให้บริการในประเทศ่ไทย  ซึ่งเป็นที่ยอมรับตามมาตรฐานสากล (Global Standard) และมีการใช้อยู่ในหลาย ประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น ประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน และเกาหลี  สามารถวัดทักษะด้านดิจิทัลและการเขียนโปรแกรม หลากหลายแพลตฟอร์ม ทั้งระบบ Android, iOS, Unity, Swift และระบบอื่น ที่กำลังพัฒนาในอนาคต

รูปแบบระบบ

SMARTKEN คือ แบบทดสอบวัดทักษะความสามารถด้านดิจิทัล ที่เอื้ออำนวยความสะดวก โดยผู้สอบสามารถลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ และเลือกวันเวลาที่ต้องการสอบได้ตามความสะดวก ประกอบด้วยชุดแบบทดสอบทั้งสิ้นกว่า 5,000 ชุด ทำให้ผู้สอบไม่สามารถคาดเดาคำถามได้ พร้อมระบบจับเวลาในการทำแบบทดสอบอย่างเคร่งครัด

โดยผู้สอบมีเวลา 2 ชั่วโมงในการทำข้อสอบ 200 ข้อ ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสายงานไหน ก็สามารถทำแบบทดสอบเพื่อวัดทักษะด้านดิจิทัล หรือทักษะด้านการเขียนโปรแกรมได้ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการทำงานยุคปัจจุบัน  ที่สำคัญที่สุดแบบทดสอบดังกล่าว สามารถวิเคราะห์จุดอ่อนจุดแข็งของผู้สอบ ในทักษะแต่ละด้านได้จากผลคะแนนที่ออกมา

การวิเคราะห์และประเมินผลแบบ Real Time โดยการใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการตรวจแบบทดสอบ ผ่านระบบออนไลน์จำนวน 200 ข้อ จะถูกประเมินออกมาเป็นทักษะทั้งหมด 7 ด้าน คือ

  • ทักษะการเรียกใช้โปรแกรม Application Programming Interface (API)
  • ทักษะการแก้ปัญหาข้อผิดพลาดในการเขียนโปรแกรม (DEBUG)
  • ทักษะการใช้งานระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ (SERVER)
  • ทักษะการออกแบบ UX/UI
  • ทักษะการเขียนภาษาคอมพิวเตอร์ (DEV LANGUAGE)
  • ทักษะการใช้งานแอพพลิเคชั่น (APP RULES)
  • ทักษะด้านอุปกรณ์ต่าง ของคอมพิวเตอร์ (HARDWARE)

สำหรับเครื่องมือชี้วัดมาตรฐานทักษะนั้น จะช่วยให้องค์กรธุรกิจหรือแผนกบริหารทรัพยากรบุคคล (HR) สามารถเฟ้นหาบุคลากรที่มีความสามารถพิเศษ (Talent) ด้านไอที เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน และตอบโจทย์การตลาดอัจฉริยะให้กับองค์กรต่าง   ทั้งหน่วยงานภาครัฐ, องค์กรเอกชน และสถาบันการศึกษา

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่

 
Source: thumbsup

from:https://thumbsup.in.th/2018/07/mcfiva-course-marketer/

GroupM FOCAL 2017 ฟัง “ศิวัตร เชาวรียวงษ์” แนะกลยุทธ์ปรับตัวสำหรับนักการตลาด

ณศิวัตร เชาวรียวงษ์ และคุณนิคลาส สตอลเบิร์ก ประธานกรรมการบริหารบริษัท กรุ๊ปเอ็ม (ประเทศไทย)จบไปแล้วอย่างยิ่งใหญ่สำหรับ “FOCAL 2017” งานสัมมนาดิจิทัลจาก “GroupM” บริษัทบริหารจัดการการลงทุนสื่อในเครือ WPP ซึ่งในปีนี้ คุณศิวัตร เชาวรียวงษ์ และคุณนิคลาส สตอลเบิร์ก ประธานกรรมการบริหารบริษัท กรุ๊ปเอ็ม (ประเทศไทย) ได้จัดให้มีการนำเสนอ 6  ทิศทางการตลาดดิจิทัลที่สำคัญสำหรับนักการตลาดไทยผ่านเวทีต่าง ๆ ภายในงานด้วย

โดยภายในงานได้มีการอ้างอิงตัวเลขจาก DAAT  ในเรื่องแนวโน้มเม็ดเงินโฆษณาดิจิทัลของปี 2017 ที่จะปรับตัวสูงขึ้นอีก 24% ซึ่งจะทำให้มูลค่าตลาดสื่อโฆษณาดิจิทัลไทยมีมูลค่าแตะหนึ่งหมื่นล้านบาท (ราว 11,774 ล้านบาท) เป็นครั้งแรก

“ด้วยงบประมาณดังกล่าว น่าจะทำให้เราขึ้นมาอยู่สูสี เป็นสื่ออันดับสองรองจากทีวี ในวงเล็บด้วยว่า เงินนี้เป็นเงินที่ใช้จ่ายผ่านเอเจนซี่เท่านั้น ไม่ได้รวมเงินที่ลูกค้าจ่ายตรงไปยังสื่อดิจิทัล และเงินที่ฐานธุรกิจใหญ่ในบ้านเราอย่าง SME ใช้กัน ซึ่งเราก็กำลังหาทางอยู่ว่าจะรวมได้อย่างไร เพราะคิดว่าถ้ารวมได้แล้ว งบประมาณก้อนนี้จะเห็นได้ชัดเจนขึ้น และจะมีมูลค่ามากกว่านี้อีกมากมาย” คุณศิวัตร เชาวรียวงษ์กล่าวพร้อมให้ข้อมูลต่อว่า

“สิ่งที่จะเกิดขึ้นในปีนี้คือ การผลักเงินของงบโฆษณาบางส่วนของสื่อทีวีมาอยู่บนสื่อดิจิทัล แล้วก็มีอีกหลายแบรนด์ที่ไม่ได้โยกงบมาจากสื่อทีวี แต่เพิ่มงบในส่วนสื่อดิจิทัล ซึ่งการปรับตัวนี้น่าจะทำให้ยอดโดยรวมเติบโตขึ้น”

สำหรับหัวข้อหลักของงานในปีนี้คือพฤติกรรมของคนไทยที่ใช้โทรศัพท์มือถือจนกลายเป็นอุปกรณ์หลักของชีวิต ทั้งใช้ในการเข้าอินเตอร์เน็ต และทำให้ชีวิตสะดวกสบายขึ้นผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ แต่ในมุมของนักการตลาดนั้นก็ต้องเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสื่อและการหากลยุทธ์เพื่อความอยู่รอดสำหรับธุรกิจ e-Commerce เอาไว้ด้วยเช่นกัน

4 เครื่องมือสำคัญสำหรับนักการตลาดยุค 2017

โดยการจะติดอาวุธให้นักการตลาดยุค 2017 ให้ทำงานได้อย่างครบเครื่องนั้น คุณศิวัตรได้เผยว่า นักการตลาดจำเป็นต้องมีเครื่องมือสำคัญ 4 ประการ ดังนี้

  • Realtime media Dashboard, Monitoring Tools
  • Programmatic (DSP/SSP)
  • Social Listening Tool
  • Data Analytic Platform

Brand Safety ในไทยปลอดภัยหรือเปล่า

นอกจากเทรนด์เรื่องวงการ Digital Marketing แล้ว อีกหนึ่งประเด็นที่ได้รับความสนใจไม่แพ้กันจากนักการตลาดก็คือเรื่องของ Brand Safety ซึ่งในต่างประเทศกำลังมีประเด็นกับ Google และ YouTube อย่างหนัก เหตุเพราะระบบ Programmatic ของ Google มีการวางโฆษณาของแบรนด์เอาไว้กับคอนเทนต์ที่ไม่เหมาะสมนั่นเอง ในจุดนี้ เมื่อถามถึงสถานการณ์ในเมืองไทย คุณศิวัตรกล่าวว่า สำหรับประเทศไทยนั้น มีการสกรีนในระดับหนึ่งแล้ว อย่างไรก็ดี ปัญหาเรื่อง Brand Safety นั้นไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการลดราคาอย่างแน่นอน

“บ้านเราถือว่าเคยมีการคุยกันมาแล้วในอดีต แต่เมื่อมันเป็นประเด็นขึ้นมาในระดับโลก เขาก็ต้องเข้มงวดมากกว่านี้ใช่ไหม แต่ไม่เกี่ยวกับเรื่องลดราคา เพราะเรื่อง Brand Safety ราคาเท่าไรก็เอามาแลกไม่ได้”

แอปพลิเคชันที่คนไทยใช้งานแล้วรู้สึกว่าทำให้ชีวิตสะดวกสบายมากขึ้น

ทั้งนี้ หนทางป้องกันสำหรับแบรนด์คือ การเลือกลงโฆษณากับคอนเทนต์แบบ Official ซึ่งในมุมมองของคุณศิวัตรนั้น มองว่าพฤติกรรมคนไทยเองก็มีการรับชมคอนเทนต์จากฝั่ง Media Provider ค่อนข้างมากอยู่แล้ว

หากกล่าวโดยสรุป มุมมองของ GroupM ที่นำเสนอผ่านงาน FOCAL 2017 คือการที่สื่อดิจิทัลได้เข้ามาเปลี่ยนชีวิตคนไทย ในการยกระดับชีวิตให้สะดวกมากขึ้น ทำมาหากินได้มากขึ้น แม้กระทั่งมิติของความบันเทิงก็มีตัวเลือกมากขึ้น ซึ่งถ้าหากมีอะไรที่ทำให้มันดีขึ้นได้ขนาดนี้ ก็จะทำให้ผู้บริโภคยึดติดและอยู่กับสิ่งนั้น ๆ ไปตลอดได้ในที่สุด 

 

 
Source: thumbsup

from:http://thumbsup.in.th/2017/04/group-m-focal-2017/

4 characteristics of great digital marketer

digital_marketer

What do you think makes a great digital marketer? Here’s what some experienced digital marketers in Thailand thinks:

Customer –Centric Mindset

Good marketers understand their customers’ needs and beyond. Besides understanding the goal of each campaign, great marketers understand their customer’s brand image, voice and how they want to represent their organization to the public.

If you are a digital marketer who is employed by a brand, this is, of course, a given. However, for others who work for a digital marketing company; it’s always a great idea to study each and every prospect’s background before meeting face-to-face during the first meeting. For example, you might discover that the target group for a certain prospect is teenagers and as such they have been running campaigns designed for this target group. You also discovered that they may be rebranding to target adults better.

Having this knowledge ready for when meeting the prospect means you’re able to discuss and come up with sample ideas on the fly. In other words, from the client’s perspective, it’s more productive to meet with a digital marketer who already understands their brand as oppose to a digital marketer who comes empty-handed.

Knowledge-able of Changing Trends

When was the last time you saw a chunky monitor or a bulky CPU? Can’t remember? Well, that’s exactly how fast technology and the digital world changes. Your mobile phone isn’t just for making phone calls anymore either. You use it to surf the Internet, take photos, listen to music, set reminders; it also acts as your pocket book or Gameboy!

Knowing how the world have switched from desktop to smartphone, tablets and portables, means the difference between truly helping customers with their heartaches from the get go, and going on a wild goose chase.

For instance, your client may be getting a lot of traffic already but for some reason they’re not able to keep visitors on their website for longer than 5 seconds on average. After a quick check, you discovered that their website isn’t responsive. Since you are also up-to-date on changing trends, you know that users have switched from desktop browsing to mobile. In essence, this means you would be able to quickly provide the right solution for your client; which is to switch to a mobile-friendly website.

Good Understanding of the Target Group’s Behavior

Several years back, when we think social media, MSN and Hi5 comes to mind. Today, there’s just too many to add to the list, ranging from Facebook, Instagram, Twitter, Pinterest, to Snapchat and Reddit. Good marketers are individuals who are able to identify which is trending for the different age groups right way.

To be able to identify this, a great marketer doesn’t only understand the individual platforms but is also insightful on the behavior of the different target groups. For example, Thais read less, prefers images and loves videos. In addition, they spend hours daily browsing the Internet via smartphones. Given this information, if your client is targeting Thai teenagers and you’re providing recommendations on which channels to focus on, Instagram should instantly come to mind as one of the top options.

Many times over, it’s not just about, ‘what’s trending’, but having a good understanding of different generations, cultural differences and so on, which would allow you to predict how things may change every year.

What may have worked wonders a certain year such as a photo contest might turn out to be a total flop the next year per se.

Be a Great Consultant

Some of the best marketers strive to become more than entrepreneurs. It is true that it’s the client’s business, but your relationship with every project should be more than just to finish the job, get paid, and be done with it.

Admirable marketers are those who are also both a teacher and advisor to their customers. Some clients might not be familiar with online marketing. As such there is a communication gap and the best marketers are those who put in the effort to close that gap. For instance, when discussing banner advertisements, you might be thinking of retargeting, real-time bidding and native advertising, while your client have only ever did single-site buys. The result? Your client feels confused, unengaged and simply lost.

A truly effective digital marketer open new doors and opportunities for clients while also being able to effectively explain and advice all the different techniques and options.

The Take Away

In the end, if you want to become a truly admirable digital marketer, think of your client’s business as your own. Try to figure out what they might be thinking about, how they think, what they probably want and then gradually expand from there.

In addition, do lots of reading and research to understand different target audiences and changing trends. Coupled with a clear understand of your client’s business, you would be well on your way to provide your clients with successful marketing campaigns.

This article is a summary from interviewing several digital marketers at Syndacast, a performance-driven digital marketing company in Asia.

#Advertorial

from:http://thumbsup.in.th/2015/09/4-characteristics-of-great-digital-marketer-eng/

4 คุณสมบัติหลักนักการตลาดดิจิทัลที่ดีควรมีอะไรบ้าง?

digital_marketer

นักการตลาดดิจิทัล (Digital Marketer) กำลังเป็นตำแหน่งที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นน้องๆ ที่จบมาใหม่ หรือใครที่สนใจอยากเปลี่ยนสายงานก็เสริมทักษะหาประสบการณ์ความรู้เพิ่มเติม เพื่อเริ่มต้นในสายธุรกิจนี้ วันนี้เรามี 4 คุณสมบัติการเป็นนักการตลาดดิจิทัลที่ดี มาแบ่งปันกัน สำหรับใครที่สนใจที่จะเติบโตในสายธุรกิจนี้

  1. ใส่ใจลูกค้า

    นักการตลาดไม่ว่าจะออฟไลน์หรือออนไลน์ หัวใจสำคัญที่สุดคือต้องเข้าใจลูกค้า รู้ว่าบุคลิกของลูกค้าคืออะไร ตัวองค์กรเน้นภาพลักษณ์ไปในทิศทางไหน ส่วนมากลูกค้าจะบอกจุดประสงค์ที่อยากทำงานร่วมกัน เมื่อเจอกันครั้งแรก แต่เราก็ควรทำการบ้านโดยการศึกษารายละเอียดของลูกค้าล่วงหน้า เช่น ถ้าที่ผ่านมา แบรนด์ลูกค้าแอคทีฟมาก เน้นความเร็ว เพราะต้องการเจาะกลุ่มวัยรุ่น แต่ตอนนี้ลูกค้าอยากโตขึ้น อยากมีภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ เพื่อเจาะตลาดผู้ใหญ่ เราก็ต้องวางกิจกรรมทางการตลาดที่ส่งเสริมบุคลิกที่โตกว่าของแบรนด์นี้ ยกตัวอย่าง การโพสต์บทความให้ความรู้เพื่อเพิ่มมูลค่าของแบรนด์ และให้ข้อมูลบริษัทลูกค้าแก่กลุ่มเป้าหมาย แทนการแนะนำให้สร้างเกมในเฟสบุคเพื่อสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งอาจเป็นวิธีที่ได้ผล แต่ทำให้ภาพลักษณ์ไม่ตรงกับที่ลูกค้าต้องการ

  1. รู้ทันเทรนด์

    มีใครในที่นี้โตมาพร้อมกับจอคอมใหญ่ๆ ซีพียูที่ส่งเสียงหึ่งๆ บ้าง ตอนนี้ เราจะเห็นจอคอมที่บางลงมาก (เหมือนโทรทัศน์จอแบน) ซีพียูที่เล็กลง แต่มีประสิทธิภาพสูงกว่า เวลาเราไปไหนมาไหน ก็สามารถพกโน้ตบุ๊ก หรือแท็ปเล็ตไซส์ถนัดมือออกจากบ้าน มือถือของเราไม่ได้มีแค่โทรเข้าโทรออก แต่เป็นสมาร์ทโฟน ที่ทำหน้าที่ได้หลายอย่าง เป็นคอมเอาไว้ท่องเน็ต กล้องถ่ายรูป นาฬิกาปลุก เครื่องเล่นเพลง ศูนย์รวมเกม เป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่ไปๆมาๆ กลายเป็นอวัยวะ 33 ของพวกเรา ด้วยความที่เราถือมือถือตลอด ในยุคนี้ คนเราจึงท่องอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือมากกว่าผ่านคอมตั้งโต๊ะ ดังนั้น หากลูกค้าจะสร้างฐานข้อมูล นักการตลาดสามารถแนะนำให้สร้างเป็นแบบ Responsive Design (หมายถึงการแสดงภาพแบบ One size fits all เป็นหน้าเว็บที่แสดงผลได้ทุกขนาดหน้าจอ ไม่ว่าจะเป็นจอคอมพิวเตอร์ จอโน้ตบุ๊ก จอแท็ปเล็ตหรือจอมือถือ) การสร้างฐานข้อมูลแบบ Responsive ทำให้นักการตลาดฝ่ายผลิตทำงานหนักขึ้น แต่ผู้ได้รับประโยชน์เต็มๆ คือ ลูกค้าและกลุ่มเป้าหมายที่ไม่ต้องเลื่อนหน้าจอซ้ายขวาๆ ขึ้นลงๆ นอกจากนั้น ทางลูกค้าสามารถเก็บข้อมูลของทั้งเว็บไซต์คอมพิวเตอร์และของมือถือไว้ในฐานข้อมูลเดียวกัน ซึ่งก็ง่ายและสะดวกต่อการดูแล

  1. เข้าใจพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย

    แต่ก่อนเรารู้จัก MSN และ Hi5 ตามด้วย Facebook, Instagram, Twitter, Pinterest และอื่นๆ นักการตลาดที่ดีต้องรู้ว่าช่วงนี้เทรนด์ไหนกำลังมาแรง จากที่ลิสต์ชื่อมาจะเห็นได้ว่า บางชื่อก็เลือนหายกลายเป็นความทรงจำแล้ว (เด็กรุ่นนี้บางคนยังไม่ทัน Hi5 ด้วยซ้ำ) นักการตลาดต้อง (ไม่ใช่แค่ควร) รู้ว่าเทรนด์กำลังไปในทิศทางไหน คนไทยอ่านหนังสือน้อยลงจริงหรือเปล่า ถ้าอย่างนั้น ใช้รูปภาพในการสื่อสารดีกว่าไหม นอกจากจะตามเทรนด์แล้ว เราก็ต้องสวมบทบาทนักพยากรณ์ด้วยว่า ในอนาคต เทรนด์ไหนจะมา อีกสัก 10- 20 ปีคนเราจะใช้สติกเกอร์สื่อสารกันแทนการพิมพ์ไหม จะมีแอปรูปภาพไหนมาสู้กับ Instagram หรือ Pinterest ได้หรือเปล่า แต่การทำนายนี้ก็ไม่ได้มาจากการคิดเอาเอง อินเทอร์เน็ตคือแหล่งข้อมูลชั้นดีที่นักการตลาดสามารถอ่านและหาข้อมูลจนตกผลึกทางความคิด ถ้าคุณอยากมองให้ออก คุณก็ต้องมีข้อมูลที่แน่นในระดับหนึ่ง ยกตัวอย่าง เพจลูกค้าที่อยากให้กลุ่มเป้าหมายมาทำกิจกรรมมากกว่าแค่กดไลค์และคอมเมนต์ นักการตลาดอาจแนะนำให้มีประกวดภาพถ่าย เนื่องจากช่วงนี้คนไทยชอบถ่ายรูปกันมากขึ้น การประกวดภาพถ่ายใน Facebook จึงเป็นกิจกรรมดีๆ ที่เรียกให้กลุ่มเป้าหมายออกมาแสดงตัว ถ้ากลุ่มเป้าหมายช่วยกันแชร์รูปก็จะช่วยให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น

  1. เป็นผู้แนะนำที่ดี

    นักการตลาดต้องเป็นมากกว่าผู้ประกอบการ จริงอยู่ว่าเราได้เงินจากลูกค้า แต่ความสัมพันธ์ของเราไม่ใช่ควรเป็นเราทำงานให้คุณ คุณจ่ายเงินมา จบ นักการตลาดที่น่าชื่นชมต้องเป็นทั้งครูและกุนซือ ลูกค้าบางคนอาจจะไม่คุ้นกับวงการการตลาดออนไลน์ (Online Marketing) เพราะที่ผ่านมาเน้นการตลาดแบบดั้งเดิม (Traditional Marketing) เช่น การโฆษณาบนหน้าหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ วิทยุ บิลบอร์ด ป้ายประกาศทั่วไป แต่พอพูดถึงการตลาดออนไลน์ พวกเขาอาจนึกออกเพียงแบนเนอร์โฆษณาบนเว็บไซต์ แต่ยังไม่เข้าใจว่า เราสามารถโฆษณาแบรนด์ของตัวเองในแง่มุมอื่นได้ เช่น การปรากฏตัวในอันดับต้นๆ ของกูเกิ้ล การส่งอีเมล แม้แต่การโต้ตอบผ่าน Facebook Message ก็ถือเป็นการตลาดอย่างหนึ่ง นักการตลาดต้องเป็นกุนซือที่คอยให้คำแนะนำต่างๆ เช่น การใช้แบนเนอร์โฆษณาแบบ Real time bidding ซึ่งหมายถึงแบนเนอร์ที่ปรากฏตัวตามกลุ่มเป้าหมาย ยกตัวอย่าง การโฆษณาปกติจะปรากฏตัวซ้ำๆ บนเว็บไซต์เดิม แต่ถ้าลูกค้าใช้ RTB แบนเนอร์จะปรากฏตัวในเว็บไซต์อื่นๆ ที่กลุ่มเป้าหมายเราเข้าชม โดยทางลูกค้าสามารถตั้งค่าว่าจะให้กลุ่มเป้าหมายใดเห็นโฆษณาตัวไหน แบนเนอร์โฆษณานี้ถูกพัฒนาจากแนวคิดที่ว่า เราให้ความสำคัญกับคนที่จะเห็นโฆษณา แทนการเอาโฆษณาไปวางไว้ที่ไหน

ถ้าคุณอยากเป็นนักการตลาดยุคดิจิทัล คุณไม่ต้องคิดอะไรให้ซับซ้อน แค่คิดถึงลูกค้าก่อนอันดับแรก มองให้ออกว่า ลูกค้าคิดอะไร ลูกค้ามีวิธีคิดอย่างไร ลูกค้าอยากได้อะไร จากนั้น ค่อยขยายไปที่กลุ่มเป้าหมาย หาข้อมูลและวิเคราะห์ว่ากลุ่มเป้าหมายของลูกค้าคือใคร กลุ่มเป้าหมายมีพฤติกรรมการซื้ออย่างไร พอเราได้ไอเดียแล้ว ก็เอาความรู้และประสบการณ์ที่มีมาผสมผสานกันอย่างสร้างสรรค์ จริงอยู่ว่า เงินทำให้บริษัทโตและขับเคลื่อนไปข้างหน้า ความสำเร็จทำให้เราเป็นที่รู้จักและน่ายกย่อง แต่สิ่งที่มีค่ามากกว่านั้นคือสายสัมพันธ์ระหว่างคุณกับลูกค้า การมุ่งหวังให้พวกเขาได้สิ่งที่ดีที่สุด ทั้งสองฝ่ายจะได้เป็นมากกว่าผู้สั่งงานกับผู้รับงาน แต่จะเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งในโลกของการตลาดออนไลน์

บทความนี้เป็น advertorial
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่บริษัท Syndacast

from:http://thumbsup.in.th/2015/09/4-characteristics-of-a-great-digital-marketer/

Top 5 Must-have Skills and Attributes if you want to be an Online Marketer

DSC_6052_brighter

When we hear online marketers converse and throw industry-specific jargons at each other such as SEO, SEM, CRO and what not, the first thought that comes to mind is: specialist.

On the contrary, to be a good online marketer you need a vast array of unrelated skills. If you’re already in the online marketing industry, you know exactly what’s being said here. If you aren’t and you want to be, then you’ll find this article very useful. Although as with other professions, there are a great number of necessary skill-sets, below are the top 5 must-have skills and characteristics to become a great online marketer.

  • An Analytical Mind – Believe it or not, never-mind that there is the word ‘market’ in online marketing; it’s not as hard-sales as you would think. In fact, if you love numbers, you think in sequence and processes, then that’s one point for you. You’re going to need this when it comes to successfully launching search engine marketing campaigns as well as manipulating market data analysis.
  • Good Language Proficiency – Yes, analytically thinking sounds a bit like arithmetic while Language sounds like the arts. So why do you need language skills. Quite obviously, the internet is all about content. From the very first moment that the information superhighway appeared, it has always been about content. Thus, the better you are at writing persuasive, clear, concise and enticing pieces, the more online readers you’d likely capture and the higher chance of getting them to buy your products.
  • Highly Adaptable and Flexible – This is about characteristic and attitude. Search engines exist because people use their services. Remember Lycos? Excite? For most, probably not. These search engines were not as fast to change their search algorithm as were Google and Bing to satisfy internet users’ search quality expectations. So, as an online marketer you need to really be on the go at all times; changing your marketing tactics to always be on top of any shift in trends. For instance, first there was web 2.0, and then people started talking about web 3.0. A while back, Panda gave the online world a heart attack followed closely by Penguin. The online marketing world is very volatile and is definitely about the survival of the most flexible.
  • Tech Savvy – Well, in a nutshell, it really all comes down to Bits and Bytes. You don’t have to have the technical skills of a programmer or system administrator to be able to take online marketing by the horns; but you do need to be a rather advanced tech user. You’ll definitely need to understand that ‘cookies’ aren’t edible but are used to keep track of your actions on websites and is related to the term ‘sessions’. You’ll probably need to understand some html to understand the importance of <h1> tags or what the <nofollow> tag does.
  • Lastly, you Must be Friendly and Good-natured – This is an easy one here. Take care to note that it’s not because the environment is amicable but the exact opposite. You’re going to find yourself getting penalized by Google and instead of screaming at them, you’re going to have to ask for re-inclusion considerations favors. Ever heard of affiliate marketing, co-opetition (cooperative competition) and community management? They’re all sub-areas of online marketing that together makes the strategy behind successful campaigns. All of which requires a certain level of friendliness.

So if you’ve got the 5 points we discussed here in this article, and you want to give online marketing a go, then why not? Most likely you’ll do just fine. Concepts and jargons can be learned; it’s a never-ending process. Online marketing isn’t rocket science and with a good level of diligence, passion and determination, newcomers will find that the barrier to entry isn’t that bad.

And a very good place to start learning is here at Syndacast. If you meet the above criteria, don’t hesitate to drop us a line at any of our South East Asia offices. For more information about Syndacast, visit www.syndacast.com.

This article is Advertorial

from:http://thumbsup.in.th/2013/04/top-5-must-have-skills-and-attributes-if-you-want-to-be-an-online-marketer/