คลังเก็บป้ายกำกับ: CULTURE

ฝรั่งเศสแจกเงิน 300 ยูโรผ่านแอปให้เด็กอายุ 18 ทุกคน เอาไปซื้อมังงะ, หนังสือ, เพลง, ตั๋วชมการแสดง

รัฐบาลฝรั่งเศสหัวใส เอาอกเอาใจคนรุ่นใหม่และให้ความสำคัญกับศิลปะและเยาวชน ทำแอปพลิเคชั่น Culture Pass และแจกเงิน 300 ยูโรหรือกว่า 1 หมื่นบาทในแอปให้เด็กอายุ 18 ทุกคน เอาไปจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้าวัฒนธรรม เช่น มังงะ, หนังสือ, เพลง, ตั๋วชมการแสดง เป็นต้น โดยมีระยะการใช้จ่่ยสองปี

เป้าหมายของโครงการคือกระตุ้นเศรษฐกิจสินค้าวัฒนธรรม หลังได้รัลผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตโควิด-19 โดยผู้จัดทำแอปโดยตรงคือกระทรวงวัฒนธรรมฝรั่งเศส มีธุรกิจที่เข้าร่วมโครงการนี้กว่า 8,000 แห่ง

No Description

Culture Pass เริ่มเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา โดยสื่อฝรั่งเศสรายงานว่า สินค้ายอดฮิตของกลุ่มผู้ใช้งาน Culture Pass คือมังงะญี่ปุ่น ซึ่งหนังสือคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 75 % ของการซื้อทั้งหมดที่ทำผ่านแอป โดยสองในสามของหนังสือเหล่านั้นเป็นมังงะ

นอกจากรายการสินค้าที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว ผู้ใช้งานแอปยังสามารถเอาเงินไปซื้อตั๋วเข้าพิพิธภัณฑ์ ลงคอร์สเรียนศิลปะ วาดรูป เรียนเต้นได้ด้วย

ที่มา – The New York Times

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/123960

TikTok ลดการแสดงวิดีโอผู้พิการ คนอ้วนบนฟีด เพราะไม่อยากให้โดนแกล้งบนออนไลน์

Netzpolitik.org เว็บไซต์ด้านสิทธิบนโลกออนไลน์ เผยเอกสารที่ระบุว่า TikTok จำกัดการแสดงโพสต์ที่มีผู้พิการบนหน้าฟีด ด้วยความปรารถนาดีคือ ป้องการการกลั่นแกล้งคุกคามออนไลน์ โดย Netzpolitik.org ระบุว่าได้พูดคุยกับคนกลั่นกรองเนื้อหาของ TikTok เพื่อเป็นข้อมูลอ้างอิงด้วย

ในเอกสารระบุว่า คนกลั่นกรองเนื้อหาหรือ moderator จะกำหนดวิดีโอที่มีผู้พิการ ที่มีรูปลักษณ์เสียโฉม หรือมีภาวะออทิสติก คนอ้วน คนที่มีความหลากหลายทางเพศไปอยู่ในกลุ่ม special users นอกจากนี้ TikTok ยังมีเกณฑ์ระบุวิดีโอว่าเป็น Auto R ซึ่งจะไม่ปรากฏในแถบ For You ซึ่งการจำกัดวิดีโอผู้พิการก็อาจเข้าข่ายอยู่ในการระบุแบบ Auto R ด้วย

อย่างไรก็ตาม แม้ TikTok จะปรารถนาดี แต่การกระทำดูเป็นการเลือกปฏิบัติ และผลที่ได้คือ คลิปของพวกเขาไม่แสดงบนฟีด ดูเป็นการลงโทษมากกว่าจะปกป้อง ด้านโฆษก TikTok ระบุว่ามาตรการนี้ยังอยู่ในระยะแรกและยังมีข้อผิดพลาด และไม่คิดจะทำให้เป็นหนทางแก้ไขระยะยาว

No Description
ภาพจาก TikTok

ที่มา – The Verge, Netzpolitik.org

from:https://www.blognone.com/node/113452

หนังเก่าบน Disney+ จะขึ้นคำเตือน ถ้ามีเนื้อหาวัฒนธรรมล้าสมัย

Disney+ เปิดตัวในอเมริกาและแคนาดาแล้ว Blognone เองก็ได้รีวิวไปคร่าวๆแล้ว สามารถอ่านย้อนหลังกันได้ แม้ Disney+ จะยังมีคอนเทนต์ใหม่ไม่มาก แต่หนังการ์ตูนคลาสสิคเก่าๆ ถือว่ามีเพียบ

อย่างไรก็ตาม หนังการ์ตูนเก่าอาจมีเนื้อหาและวัฒนธรรมล้าสมัย เช่น ตัวละครแมววิเชียรมาศในหนังเรื่อง Lady and the Tramp ที่แสดงออกถึงเล่ห์เหลี่ยมเปรียบเทียบกับคนไทย, ตัวละคร King Louie ใน Jungle Book ที่อาจตีความในลักษณะเหยียดสีผิว, ตัวละคร Jim Crow ในเรื่อง Dumbo เป็นต้น ซึ่ง Disney+ จะขึ้นคำเตือนไว้ตรงคำบรรยายเรื่องย่อของหนังดังกล่าวด้วย

No Description

ที่มา – CNET

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/113111

social media manager ควรดู!! วิดีโอล่าสุดจาก 2 นักแสดงสุดฮาผู้ล้อเลียน “วัฒนธรรมดิจิทัล”

Nick Ciarelli และ Brad Evans เป็นนักเขียนและนักแสดงที่ถูกยกให้เป็นผู้ย่ำยีวัฒนธรรมอินเทอร์เน็ตสุดตลกโปกฮา ล่าสุดทั้งคู่กำลังก้าวไปไกลกว่าการสร้างวิดีโอออนไลน์เพื่อทำให้มุกตลกของ 2 หนุ่มกลายเป็นเสียงบอกต่อในโลกออฟไลน์

เมื่อ 2-3 สัปดาห์ก่อน ทั้ง Nick Ciarelli และ Brad Evans ปล่อยวิดีโอล้อเลียนบัญชี Twitter ขององค์กร ด้วยการหยิบสำนวนข้อความของระบบโซเชียลอัจฉริยะที่อยู่เบื้องหลังแบรนด์มากมาย งานนี้ทั้งคู่เลือกแบรนด์เก๋ไก๋มาเป็นตุ๊กตาเรียกเสียงฮา ได้แก่ Otter Pops ขนมน้ำหวานในหลอดพลาสติกสำหรับแช่แข็งแล้วรับประทานเป็นไอศกรีมซึ่งมีวางจำหน่ายจริง และ Pine Breeze Urinal Cakes ลูกเหม็นดับกลิ่นสำหรับติดโถปัสสาวะชายที่ไม่ใช่สินค้าจำหน่ายจริง

ความฮาของวิดีโอนี้อยู่ที่การสะท้อนความเสแสร้งแกล้งทำที่โลกเคยเห็นบนโซเชียล ในวิดีโอนี้ Nick Ciarelli และ Brad Evans สวมบทเป็นผู้จัดการสื่อโซเชียลสำหรับแบรนด์ใหญ่ที่เชื่อว่าการเลือกเนื้อหามาพูดในนามแบรนด์ทำได้ง่ายมาก เพียงแค่ต้องปั่นโพสต์ที่พูดถึงสิ่งที่คนส่วนใหญ่กำลังโพสต์ถึง

กัดเจ็บปนทะลึ่ง

ทั้ง Nick Ciarelli และ Brad Evans เลือกสถานการณ์ล้อเลียนได้อย่างถึงพริกถึงขิง ในวิดีโอ 2 หนุ่มยกตัวอย่างหัวเรื่องที่มีการโพสต์ถึงมากที่สุดลนโซเชียล ว่าประกอบด้วยคำว่า fucking, having depression และ fucking while having depression ซึ่งแปลว่าการร่วมเพศ, ภาวะหดหู่ และการร่วมเพศในขณะที่มีภาวะหดหู่ ความตลกจึงเริ่มขึ้นเมื่อแบรนด์ทั้ง Pine Breeze Urinal Cakes Cake และ Otter Pops ผลัดกันพูดถึง Topic นี้แบบที่หลายคนเผลอหัวเราะออกมา

บทสรุปที่ไม่ธรรมดาจากวิดีโอนี้ คือทั้งคู่เลือกสร้างตัวตนให้แบรนด์สมมติอย่าง Pine Breeze Urinal Cakes Cake ให้มีตัวตนบนโลกออนไลน์ต่อไป แถมยังมีการโต้ตอบกับแฟนคลับของแบรนด์ที่ยังติดใจมุกตลก และสานต่อเจตนารมณ์ของทั้งคู่ที่เสนอว่าจะส่งลูกเหม็นที่สามารถ “รักษาโรคซึมเศร้าหดหู่ใจ” ไปให้ฟรีหากทวีตของทั้ง 2 ที่กล่าวถึงแบรนด์นั้นถูกส่งต่อทะลุ 500 RT

ข้อเสนอนี้บรรลุผลในเวลาไม่ถึง 6 ชั่วโมง และทั้ง Nick Ciarelli และ Brad Evans จึงไปซื้อลูกเหม็นมาทำตามที่พูดไว้

โชคชะตาพามาพบ

Nick Ciarelli และ Brad Evans มีเคมีที่ลงตัวผ่านน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ ขณะเดียวกันหัวข้อ และการเข้าถึงวัฒนธรรมดิจิตัลยุคใหม่ได้เร็วและกว้างทำให้ Ciarelli และ Evans สามารถล้อเลียนสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกดิจิทัลได้อย่างถึงใจ กลายเป็น memes ออนไลน์ที่ถูกแชร์อย่างชื่นชม

ก่อนจะมาเป็น Nick Ciarelli และ Brad Evans ทั้งคู่เป็นนักเขียนที่มาพบกันครั้งแรกเมื่อถูกสุ่มมาร่วมทีมร่างโครงการ UCB ทีมเดียวกันเมื่อปี 2013 หลังจากผ่านไปประมาณหนึ่งปีในการเขียนโครงร่างร่วมกัน Ciarelli และ Evans ก็กลายเป็นเพื่อนร่วมห้องและเริ่มต้นโครงการแสดงแบบยาวหรือ longform ครั้งแรก โดยเขียนเป็นบทพูดหรือสคริปต์สำหรับการแสดงสั้นแบบสดชื่อ Sex & Drugs & Rock & Roll

จากนั้นทั้ง 2 ก็มีผลงานเรียกเสียงฮาออกมาต่อเนื่องหลายตอน สะท้อนความขี้เล่นซึ่งกลายเป็นลายเซ็นของ Ciarelli และ Evans ที่ล้อเลียนสังคมออนไลน์วันนี้ จิกกัดพฤติกรรมคนดูวิดีโอสตรีมมิ่งยุคปัจจุบันได้แบบที่โลกจดจำ.

ที่มา: : FastCompany

from:https://www.thumbsup.in.th/2019/07/social-media-manager-vdo-from-digital-culture/

ASMR เทรนด์ฟังเสียงฟินๆ กำลังเป็นนิยมของคนเกาหลี

สำหรับคนที่ไม่รู้จัก ASMR ก็ให้คิดถึงเสียงฝนตก เสียงกินไก่ทอด เสียงกระซิบ ซึ่งเป็นเสียงธรรมดาที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน แต่มาในเวอร์ชั่นสามมิติ คือเสียงที่จะถูกอัดด้วยไมโครโฟนแบบจ่อและต้องใช้หูฟังช่วยเพื่อให้สมจริง ซึ่งช่วยให้เกิดความผ่อนคลาย นอนหลับง่ายขึ้น

ASMR ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ แต่กำลังกลับมาเป็นที่นิยมของชาวเน็ตในเกาหลี ช่อง YouTube ชื่อ SAS-ASMR ถึงกับมีคนติดตาม 6.1 ล้านราย มีหลายคลิปที่มีคนดูหลักสิบล้านครั้ง กิจกรรมที่ทำก็คือกินอาหารโดยใช้ไมค์จ่อให้เสียงเคี้ยวอาหารต่างๆ ชัดขึ้น และแต่ละคลิปกินเวลาร่วมครึ่งชั่วโมง

No Description
ภาพจาก Shutterstock

ASMR ย่อมาจาก autonomous sensory meridian response คือการตอบสนองต่อประสาทความรู้สึกอัตโนมัติ Lee Dong-gwi ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาของมหาวิทยาลัย Yonsei ระบุว่าเทรนด์ ASMR ที่มาแรงนี้ มาจากสภาพที่เราได้รับการเชื่อมต่ออย่างไม่หยุดยั้งทั้งจากโซเชียลมีเดีย สมาร์ทโฟน คนเหนื่อยล้าจากการถูกกระตุ้นด้วยสิ่งเร้า คนจึงฟัง ASMR เพื่อให้ตัวเองรู้สึกผ่อนคลาย มีสมาธิจดจ่ออยู่กับอะไรอย่างหนึ่งได้นาน

Lee Dong-gwi บอกเพิ่มเติมว่า ความนิยม ASMR ในเกาหลี ยังสะท้อนถึงภาวะความกดดันของคนรุ่นใหม่ทั้งเรื่องงาน ความมั่นคงทางที่อยู่อาศัยถดถอย อย่างไรก็ตาม คนที่ไม่อินกับ ASMR ยังมีอยู่มาก เพราะมันให้ความรู้สึกขนลุกประหลาด เหมือนมีใครมากระซิบข้างหู แต่คนที่มองว่า ASMR มีประโยชน์นั้นเช่น Choi Kyung-jin อายุ 28 ปี ให้เหตุผลว่ามันช่วยลดอาการหลับยากของเขาได้

Oh Jin-seung จิตแพทย์ บอกว่าปรากฏการณ์นี้ยังไม่มีชื่อเรียกทางการแพทย์ที่ชัดเจน แต่ก็ถือว่าเป็นการตอบสนองแบบอัตนัยต่อสิ่งเร้าทางหู และ ASMR ก็ยังไม่มีข้อมูลหลักวิชาการการแพทย์มายืนยันมากพอ และคนฟัง ASMR ก็ยังมีปฏิกิริยาตอบสนองไม่เหมือนกัน และผลข้างเคียงของ ASMR ที่อาจเกิดขึ้นได้คือ การชักนำให้นอนหลับ เพราะเป็นเสียงที่เกิดขึ้นซ้ำๆ การหลับไปอาจกลายเป็นการตอบสนองในการรับฟัง ASMR ได้

ASMR ยังเป็นที่นิยมในรสนิยม sex ซึ่งน่าจะเป็นเพราะเสียงที่ช่วยกระตุ้นอารมณ์ในทางนั้นได้ คนใช้งาน Pornhub ยังนิยมค้นคำ ASMR มากเป็นอันดับหนึ่งอีกด้วย

ที่มา – Korea Herald

from:https://www.blognone.com/node/109262

Airbnb ส่งมอบประสบการณ์ด้านท่องเที่ยวให้ชาวต่างชาติมากกว่าเน้นขายห้อง

ตามปกติเวลาเอ่ยชื่อของ Airbnb หลายคนจะนึกถึงสถานที่พักแบบที่มีเอกลักษณ์มีให้บริการนับล้านแห่งทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น รูปแบบของอพาร์ทเมนท์ วิลล่า ไปจนถึงปราสาท บ้านต้นไม้ และ Bed&Breakfastในกว่า 191 ประเทศ แต่การเปิดให้บริการในไทยนอกจากที่พักแล้ว Airbnb ยังชูจุดเด่นด้านสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อชูเรื่องประสบการณ์เป็นหลัก งานนี้สตาร์ทอัพด้านการท่องเที่ยวมีหนาว

โดยทาง Airbnb ได้ส่งข้อมูลให้กับสื่อมวลชนชาวไทยที่เน้นหนักในเรื่องของบริการด้านประสบการณ์ท่องเที่ยวทั่วไทยและเชียงใหม่ เพื่อให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่ชื่นชอบวัฒนธรรมพื้นบ้านได้สัมผัสความแปลกใหม่และมีความเป็นท้องถิ่นอย่างแท้จริง

แน่นอนว่า จังหวัด เชียงใหม่ถือว่าเป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีการเติบโตด้านการท่องเที่ยวรวดเร็วที่สุดในประเทศไทย การนำเสนอข้อมูลให้แก่นักท่องเที่ยวทั่วโลกในครั้งนี้ จะทำให้ภาคเหนือกลายเป็นเมืองที่เต็มเปี่ยมไปด้วยวัฒนธรรม อีกทั้งยังจะกลายเป็นจุดหมายของการท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมของคนทั่วโลกแบบยั่งยืน

นอกจากนี้ ในปี 2017 Airbnb ที่เชียงใหม่ได้ต้อนรับผู้เข้าพักกว่า 160,000 คน ที่เดินทางมาจากประเทศต่างๆ กว่า 135 ประเทศ เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตเฉลี่ยถึง 71%  บริการ “ประสบการณ์” ของ Airbnb ในครั้งนี้ น่าจะช่วยถ่ายทอดความชอบและความสนใจผ่านกิจกรรมงานฝีมือด้วยการนำเทคโนโลยีเป็นสื่อกลางเพื่อช่วยเชื่อมโยงผู้คน เปิดโอกาสให้เกิดการปฏิสัมพันธ์ข้ามวัฒนธรรม ตั้งแต่การท่องเที่ยวชมวิถีชีวิตของชุมชนชาวม้ง ไปจนถึงการเรียนรู้ภูมิปัญญาการสักยันต์แบบดั้งเดิม

 

ปรินทร์ เมห์ธา ผู้อำนวยการ Airbnb ฝ่ายประสบการณ์ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า มีนักท่องเที่ยวที่สนใจอยากสัมผัสประสบการณ์จริงแบบถึงแก่นผ่านมุมมองของคนในท้องถิ่นเพิ่มมากขึ้น ซึ่งไม่ใช่แค่นักท่องเที่ยวต่างชาติเท่านั้น การท่องเที่ยวในประเทศเองก็เติบโตเช่นกัน มีนักท่องเที่ยวจากจังหวัดอื่นๆ เดินทางมาเที่ยวเพิ่มขึ้น 60% เมื่อเทียบกับปีก่อน คนในท้องถิ่นกำลังหาทางดึงดูดให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับมนต์เสน่ห์และมิตรไมตรีจิตอันดีงามของประเทศในรูปแบบใหม่ๆ และเชียงใหม่ก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่คนเดินทางมามากที่สุดรองจากกรุงเทพฯ

นอกจากนี้ Airbnb ยังได้เปิดตัวประสบการณ์เพื่อสังคม “Social Impact Experiences” ซึ่งเป็นโครงการที่ร่วมมือกับองค์กรไม่หวังผลกำไรในท้องถิ่น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนา ประสบการณ์ ที่จะช่วยชุมชนที่องค์กรดูแล และเข้าร่วมในกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชนทั่วโลก โดยจะไม่คิดค่าธรรมเนียมใดๆ จากการจัดประสบการณ์นี้และมอบเงินรายได้ทั้งหมดให้กับองค์กรที่ไม่แสวงหากำไรที่ดูแลแต่ละประสบการณ์โดยตรง

ตัวอย่าง “ประสบการณ์” ที่จัดขึ้นในเชียงใหม่

●        สัมผัสวิถีชีวิตชนเผ่า เยี่ยมชมหมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้งและกะเหรี่ยง ชมบ้านไม้ไผ่ยกพื้นสูงแบบชาวเขา เที่ยวดูสวนฟาร์มและโรงเรียนในหมู่บ้าน โดยไม่ต้องกลัวว่าจะเจอกลุ่มนักท่องเที่ยวคนอื่น เราอยากให้ชาวเขามีโอกาสที่จะบอกต่อคนภายนอกว่าพวกเขาเป็นใคร มีวิถีชีวิตเยี่ยงไร และแสดงให้เห็นว่าชีวิตนั้นก็เรียบง่ายได้ – มานูเอลโล กล่าว

●        สักยันต์ไทยโบราณ เยี่ยมชม “สำนัก” เล็กๆ ที่คุณจะได้พบกับอาจารย์นิคมผู้เคยบวชเป็นพระ ซึ่งจะอธิบายลวดลายสักยันต์แบบต่างๆ รวมถึงความหมายของรอยสักยันต์ทั้งลายสัตว์ เทวดา และรูปทรงเรขาคณิตแบบไทยโบราณ ผมอยากช่วยสนับสนุนชุมชนโดยนำภูมิปัญญานี้มาใช้เพื่อเป็นช่องทางเสริมสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน”     

●        เรียนรู้วิธีทำลูกประคบ – กนกวรรณจะถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับน้ำมันสกัดต่างๆ รวมถึงคุณสมบัติของน้ำมันแต่ละประเภทที่ใช้ในการทำลูกประคบ แล้วลองใช้ลูกประคบอุ่นๆ นวดกดจุด  “ประสบการณ์ท่องเที่ยวเช่นนี้มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ทั้งยังเป็นช่องทางช่วยสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน ฉันชอบอธิบายเกี่ยวกับส่วนประกอบและวัตถุดิบที่ใช้ ซึ่งได้จากชาวบ้าน เป็นฝีมือของคนในชุมชนทั้งนั้น

●        ทอผ้ากับชาวเขา (ประสบการณ์เพื่อสังคม) กิจกรรมนี้เป็นการร่วมมือกับมูลนิธิพระสงบ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ที่จะอนุรักษ์และเผยแพร่ความรู้ด้านศิลปวัฒนธรรม คุณจะได้เห็นชาวบ้านเตรียมนาข้าวและวัตถุดิบธรรมชาติที่จะใช้ทำสีย้อมก่อนเรียนรู้วิธีทอผ้าแบบพื้นบ้าน

●      เรียนรู้การทำข้าวซอย –วยา จะถ่ายทอดเคล็ดลับการทำข้าวซอยจากสูตรต้นตำรับของคุณแม่ทีได้รับเลือกจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ให้บรรจุเป็นสูตรอาหารเหนือให้ทุกท่านได้เรียนรู้เพื่อถ่ายทอดความรู้นี้ไปทั่วโลก

การนำเสนอประสบการณ์แบบนี้ มีหลายบริการทั้งแบบทัวร์และสตาร์ทอัพที่ให้บริการมากขึ้น เชื่อว่าการเข้ามาของ Airbnb ในรูปแบบแนะนำวัฒนธรรมนี้จะช่วยให้คนจากทั่วโลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับประเทศไทย และสนใจในอารยธรรมที่ดีงามของเรามากขึ้น

 
Source: thumbsup

from:https://thumbsup.in.th/2018/07/airbnb-experience-social/

ครั้งแรกของ Hackathon จัดโดยวาติกัน เน้นใช้เทคโนโลยีแก้ปัญหาสังคม วิกฤตผู้อพยพ

องค์กรต่างๆ จัด Hackathon จนไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ แต่จะมีสักกี่ครั้งที่องค์กรศาสนาใช้แฮกกาธอน เป็นอีกช่องทางในการโปรโมทประเด็นเชิงสังคม

VHacks คือ Hackathon ครั้งแรกที่เจ้าภาพการจัดคือนครรัฐวาติกัน โดยมีเป้าหมายคือใช้นวัตกรรมทางเทคโนโลยีเพื่อเอาชนะอุปสรรคทางสังคม โดยครอบคลุมสามประเด็นหลักคือ การรวมตัวกันทางสังคม, ความหลากหลายทางเชื้อชาติ ศาสนา และ การช่วยเหลือผู้อพยพ ผู้ลี้ภัย

ผู้เข้าร่วม VHacks เป็นนักเรียนนักศึกษาประมาณ 120 ชีวิต และยังเน้นความหลากหลายทางภูมิหลังของผู้เข้าร่วมแข่งขันด้วย ไม่จำเป็นต้องนับถือศาสนาคริสต์ก็เข้าร่วมการแข่งขันได้ นอกจากนครรัฐวาติกันแล้วยังมีผู้ร่วมจัดงานเป็นภาคเอกชนหลายแห่ง เช่น Google, Microsoft, SalesForce

สำนักวาติกันนำโดยโป๊บฟรานซิสในระยะหลังมานี้ถือเป็นความเปลี่ยนแปลงอย่างมากในวงการศาสนา โป๊บฟรานซิสโปรโมทประเด็นความหลากหลายสูงมาก และยังเป็นบุคคลที่ประยุกต์นำเอาเทคโนโลยี และโซเชียลมีเดียในการทำงานเผยแผ่คำสอนด้วย

No Description
ภาพจาก VHacks

ที่มา – WIRED

from:https://www.blognone.com/node/100486

อัมสเตอร์ดัมเตรียมเปลี่ยนเรือในคลองเป็น Self-driving boat ปีหน้า

q-100

สงสัยว่าโลกเราจะเข้าสู่ยุคแห่งการขับเคลื่อนด้วยตัวเองกันแล้วอย่างจริงจัง เพราะนอกจากจะมี Self-driving car, Self-driving truck, Self-driving taxi วันนี้เรายังใกล้จะได้เห็น Self-driving boat หรือเรือที่ขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเองกันแล้ว

โครงการดังกล่าวมีชื่อว่า Roboat ภายใต้การสนับสนุนของ The Amsterdam Institute for Advanced Metropolitan Solutions หรือ AMS ของเนเธอร์แลนด์ ร่วมกับ MIT, Delft University of Technology (TUD) และ Wageningen University and Research (WUR) โดยมีกำหนดการเริ่มทดสอบเรืออัตโนมัติดังกล่าวในช่วงต้นปีหน้า

สำหรับเรือที่พัฒนาขึ้นนั้นจะมีหน้าตาไม่ต่างจากเรือโดยทั่วไป ซึ่งจะทดสอบการแล่นในลำคลองของอัมสเตอร์ดัมซึ่งมีความยาว 60 ไมล์ และมีระยะเวลาในการทดสอบนาน 5 ปี  วัตถุประสงค์หลักของโครงการดังกล่าวคือการพัฒนาเรืออัตโนมัติที่สามารถรับส่งผู้คนและสิ่งของได้ไม่ต่างจากเรือโดยสารที่มีคนบังคับ

แต่ที่ทำได้มากกว่าเรือทั่วไปก็คือ Roboat สามารถตรวจสอบคุณภาพน้ำในลำคลอง และเก็บขยะที่มนุษย์ทิ้งลงไปได้ด้วย

ที่มา Engadget

 
Source: thumbsup

from:http://thumbsup.in.th/2016/09/ams-sends-self-driving-boat-to-60-miles-canals-next-year/

ลาก่อน!! ผู้ผลิตเครื่องเล่นวีดีโอเทป รายสุดท้ายในญี่ปุ่น จะหยุดการผลิตแล้ว

เชื่อว่าเด็กรุ่นใหม่ในยุคนี้คงจะไม่มีใครรู้จักกับเครื่องเล่นวีดีโอเทปกันแล้ว เพราะปัจจุบันมันถูกแทนที่ด้วยแผ่น CD กับสื่อดิจิอล ตามรายงานของเว็บไซต์ Nikkei เครื่องเล่นวีดีโอเทป หรือ VHS Player กำลังจะเลือนหายไป หลังจากบริษัทต่างๆ ในประเทศญี่ปุ่นเริ่มทยอยหยุดการผลิต และ Funai Electric ก็จะเป็นบริษัทสุดท้ายในประเทศญี่ปุ่น ที่จะยุติการผลิตเครื่องเล่นวีดีโอเทปในสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้

s.aolcdn

เว็บไซต์ Engadget เปิดเผยว่าในปีที่ผ่านมาเครื่องเล่นวีดีโอเทป มียอดขายทั่วโลกอยู่ที่ 750,000 เครื่อง คาดว่าลูกค้าส่วนใหญ่ยังคงต้องการซึบซับกับภาพยนตร์ยุคเก่าๆ ที่บันทึกอยู่ในวีดีโอเทป ถึงแม้ปัจจุบันจะมีการแปลงภาพยนตร์เหล่านั้นให้มาอยู่ในรูปแบบดิจิตอลแล้วก็ตาม

$_32

ที่มา –  engadget 

from:http://www.flashfly.net/wp/?p=152678

Google ยกพิพิธภัณฑ์ไว้บนมือถือโดยแอพ Google Arts & Culture

Google เปิดตัวแอพพลิเคชั่น Google Arts & Culture ให้ผู้ใช้ทัวร์ชมงานศิลปะในพิพิธภัณฑ์ระดับโลกได้บนมือถือ จับมือกับพาร์ทเนอร์ด้านศิละทั่วโลก มีข้อมูลรูปภาพ และภาพ 360 องศา ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ศิลปะสำคัญ เรียกได้ว่ามีคลังข้อมูลงานศิลปะไว้บนมือถือเลย

ในแอพพลิเคชั่น สามารถทัวร์ชมพิพิธภัณฑ์กว่า 1,000 แห่งผ่านแว่น VR อย่าง Google Cardboard มีงานศิลปะจากศิลปินตั้งแต่ยุคก่อนคริสตกาล จนถึงปัจจุบันในศตวรรษ 2000 ค้นหางานศิลปะจากโทนสีที่ชอบ มีงานศิลปะทุกแนวทั้งคลาสสิคถึงงานกราฟิตี้สมัยใหม่ที่นิยมวาดบนกำแพง

Google Arts & Culture ดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ iOS และ Android ผู้เขียนโหลดมาลองเล่นแล้ว เพลินมากๆ ได้ไปทัวร์พิพิธภัณ์ผู้อพยพที่ออสเตรเลีย และพิพิธภัณฑ์ฟุกุโอกะมาด้วย 🙂

ที่มา – Engadget via Google Official Blog

from:https://www.blognone.com/node/83624