คลังเก็บป้ายกำกับ: CRYPTO

สื่อนอกลือ Zipmex ต้องเลิกกิจการ หลังนักลงทุนผิดนัดให้เงิน บริษัทแจงเปิดบริการตามปกติ

“แอปคริปโตฯ ที่ใช่” Zipmex มีข่าวน่ากลัวรายงานโดยสื่อนอก ว่าบริษัทอาจใกล้ถึงจุดเลิกกิจการ หลังไม่ได้รับทุนตามกำหนดจากนักลงทุน ทำให้ไม่มีเงินจะมาจ้างพนักงาน จึงต้องเริ่มกระบวนการชำระบัญชี ยุบบริษัท  Zipmex Technology Co., ไม่สามารถจ้างพนักงานต่อไปได้จนกว่าจะหาเงินมาได้ทัน

Bloomberg เผยข่าวอ้างอิงจดหมายภายในของ Zipmex พบว่า ตามกำหนดการแล้ว นักลงทุนต้องจ่ายเงินเป็นจำนวน 1.25 ล้านดอลลาร์ให้กับ Zipmex ภายในวันที่ 23 มีนาคม 2023 โดยที่ผ่านมาได้รับการชำระไปแล้ว 3 งวด แต่ตอนนี้ Zipmex ไม่ทราบได้ว่ารับการชำระงวดเมื่อไร หรือว่าจะได้การชำระใด ๆ เลยหรือไม่

เมื่อสอบถามไปยัง Zipmex ทางบริษัทตอบกลับมาว่า ไม่สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับข่าวนี้ได้ เนื่องจากติดพันธะสัญญาการรักษาข้อมูล ส่วน Zipmex ในไทยโพสต์ประกาศ ยังเปิดให้บริการตามปกติ

ที่มา : Bloomberg/Yahoo

from:https://droidsans.com/zipmex-thai-crypto-might-bailout/

ChatGPT แนะนำ 4 เหรียญคริปโตที่น่าลงทุนมากที่สุดในปี 2023

ChatGPT แนะนำ 4 เหรียญคริปโตที่น่าลงทุนมากที่สุดในปี 2023
ดร.อเสข ขันธวิชัย

การลงทุนในหุ้นหรือคริปโต เราจะใช้เพียงสามัญสำนึกไม่ได้ ต้องอาศัยข้อมูลปริมาณมหาศาลมาใช้ในการวิเคราะห์ แล้วสรุปผลออกมาเพื่อตัดสินใจลงทุน หากกล่าวถึงการวิเคราะห์ข้อมูลแล้ว AI ย่อมเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมากกว่ามนุษย์อย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้เราจึงได้ทดลองสอบถาม ChatGPT เจ้า OpenAI ตัวเก่งที่เป็นกระแสนิยมในปัจจุบัน ด้วยคำถามง่าย ๆ ว่า “ช่วยแนะนำเหรียญคริปโตที่น่าลงทุนซื้อขาย ประจำปี 2023 หน่อย” คำตอบที่ได้ออกมาเป็น 3 เหรียญคริปโตที่น่าลงทุน พร้อมเหตุผลประกอบ แล้วเมื่อเรากดปุ่ม Regenerate response ก็ได้คำตอบใหม่อีก 3 เหรียญเช่นเคย ทำเช่นนี้วนไป สรุปแล้วจะมีอยู่ 4 เหรียญคริปโต ที่ ChatGPT แนะนำ รายละเอียดดังต่อไปนี้

 

ข้อความที่ ChatGPT แนะนำ 4 เหรียญคริปโตที่น่าลงทุนมากที่สุดในปี 2023

การลงทุนในเหรียญคริปโตเป็นเรื่องที่มีความเสี่ยงสูง และการทำนายผลตอบแทนของเหรียญคริปโตในอนาคตเป็นเรื่องที่ยาก แต่ด้วยการวิเคราะห์ปัจจัยต่าง ๆ ของตลาดเหรียญคริปโต ฉันอยากแนะนำเหรียญคริปโตที่มีศักยภาพในการลงทุนในปี 2023 ดังนี้

  1. Bitcoin (BTC): แม้ว่า Bitcoin จะเป็นเหรียญคริปโตที่มีมูลค่าสูงสุดและได้รับการยอมรับมากที่สุดในตลาด แต่ยังมีศักยภาพในการเติบโตและให้ผลตอบแทนสูงในอนาคตได้อีกไกล สำหรับปี 2023 นี้ อาจมีปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นการเติบโตของ Bitcoin เช่น การยอมรับในสังคมและการลงทุนของนักลงทุนโรงงาน การใช้งาน Bitcoin ในธุรกิจ และการเปิดตลาดให้เข้าถึงกับผู้ใช้งานที่มากขึ้น
  2. Ethereum (ETH): เป็นเหรียญคริปโตที่เติบโตเร็วที่สุดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และยังคงมีการพัฒนาในอนาคตที่น่าสนใจ Ethereum เป็นแพลตฟอร์มที่มีการใช้งานและพัฒนาโปรแกรมมากที่สุดในตลาด เหรียญคริปโตนี้จึงมีศักยภาพในการเติบโตและให้ผลตอบแทนสูงในอนาคต
  3. Cardano (ADA): เหรียญคริปโตนี้มีโอกาสในการเติบโตและให้ผลตอบแทนสูง เนื่องจากมีการพัฒนาที่ต่อเนื่อง และมีการรับรองจากหลายบริษัทใหญ่ นอกจากนี้ Cardano ยังมีฟังก์ชันที่ช่วยลดความเสี่ยงของการทำธุรกรรมและความมั่นคงของระบบที่สูง ทำให้เหรียญ ADA เป็นเหรียญคริปโตที่มีโอกาสในการเติบโตและให้ผลตอบแทนสูงในอนาคตอย่างมาก
  4. Polkadot (DOT): เป็นแพลตฟอร์มเดียวกับ Ethereum ที่มีการพัฒนาและใช้งานอย่างกว้างขวาง โดยเป้าหมายของ Polkadot คือการเชื่อมโยงโลกเหรียญคริปโตทั้งหมดเข้าด้วยกัน โดยเหรียญคริปโตนี้มีศักยภาพในการเติบโตและให้ผลตอบแทนสูง

4 best Crypto Coins to Invest in 2023 Recommended by chatgpt 1 | ADA | ChatGPT แนะนำ 4 เหรียญคริปโตที่น่าลงทุนมากที่สุดในปี 2023

4 best Crypto Coins to Invest in 2023 Recommended by chatgpt 2 | ADA | ChatGPT แนะนำ 4 เหรียญคริปโตที่น่าลงทุนมากที่สุดในปี 2023

รายละเอียดที่ควรรู้ก่อนลงทุนซื้อขายเหรียญคริปโตทั้ง 4 ตัว

1. Bitcoin (BTC)

เหรียญคริปโต Bitcoin (BTC) เป็นเหรียญคริปโตแรกและมีความนิยมสูงสุดในโลกของคริปโต Bitcoin ถูกสร้างขึ้นโดยนักพัฒนาซึ่งใช้นามแฝงว่า Satoshi Nakamoto ในปี 2009 โดย Bitcoin เป็นสกุลเงินดิจิตอลที่ไม่ได้รับการควบคุมโดยองค์กรหรือรัฐบาลใด ๆ และมีการใช้งานโดยการส่งและรับเงินโดยตรงระหว่างบุคคลโดยไม่ต้องผ่านธนาคารหรือบริษัทกลาง การทำธุรกรรมด้วย Bitcoin นั้นสามารถทำได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่จำเป็นต้องผ่านช่องทางใด ๆ เช่นเดียวกับการทำธุรกรรมด้วยเงินสด

ในปัจจุบัน Bitcoin มีมูลค่าในตลาดสูงถึง 28,000 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา และมีการนำมาใช้เป็นเงินสกุลหลักในการซื้อขายในบางแพลตฟอร์ม นอกจากนี้ Bitcoin ยังมีความปลอดภัยสูงเนื่องจากการทำธุรกรรมของ Bitcoin ถูกตรวจสอบโดยโครงข่าย Bitcoin ที่มีกำลังขุดมากมาย นอกจากนี้ Bitcoin ยังเป็นเหรียญคริปโตที่มีความเสถียรสูง และมีการยอมรับอย่างกว้างขวางจากชุมชนของนักลงทุน ทำให้การลงทุนใน Bitcoin มีโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่สูงในอนาคตได้

 

2. Ethereum (ETH)

เหรียญคริปโต Ethereum (ETH) เป็นเหรียญคริปโตที่มีความนิยมและราคาสูงมากในตลาดคริปโต Ethereum เป็นสถาปัตยกรรม blockchain ที่รองรับการพัฒนาโปรแกรมได้หลากหลาย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับโปรแกรมสัญญาอัจฉริยะที่เรียกว่า “smart contract” ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ทำงานอัตโนมัติโดยไม่ต้องมีการตัดสินใจจากมนุษย์ การใช้งาน smart contract นั้นเปิดโอกาสให้มีการพัฒนาโปรแกรมใหม่ ๆ และการเพิ่มความสามารถของโปรแกรมในระบบ blockchain ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความเป็นมาตรฐานสูง

นอกจากนี้ Ethereum ยังมีความสามารถในการทำธุรกรรมที่มีความเร็วและประสิทธิภาพสูง และมีความสามารถในการจัดการกับหลาย ๆ โปรแกรมในเครือข่าย blockchain ได้โดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ ETH ยังเป็นเหรียญคริปโตที่ได้รับการรับรองโดยชุมชนและมีการพัฒนาต่อยอดอย่างต่อเนื่อง ทำให้ ETH มีโอกาสในการเติบโตและให้ผลตอบแทนสูงในอนาคตอย่างมาก

 

3. Cardano (ADA)

เหรียญคริปโต Cardano (ADA) เป็นเหรียญคริปโตที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยบริษัท IOHK ซึ่งมีผู้ก่อตั้งคือ Charles Hoskinson ผู้ก่อตั้ง Ethereum ก่อนหน้านี้ ด้วยการพัฒนาบนพื้นฐานของสถาปัตยกรรม blockchain ที่เรียกว่า “Ouroboros” ซึ่งเป็นการพัฒนาที่ไร้ศูนย์กลาง และใช้หลักการ Proof of Stake (PoS) ในการยืนยันธุรกรรม ทำให้เหรียญ ADA มีความปลอดภัยและมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น

ADA มีความสามารถในการทำธุรกรรมได้มากกว่า Ethereum และมีความเร็วในการทำธุรกรรมที่มากกว่า นอกจากนี้ Cardano ยังมีระบบ Proof of Stake ที่ช่วยลดการใช้พลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่าระบบ Proof of Work ซึ่งใช้พลังงานมากกว่า ซึ่งเป็นเหตุผลที่ ADA มีความนิยมสูงในชุมชนคริปโต

 

4. Polkadot (DOT)

เหรียญคริปโต Polkadot (DOT) เป็นเหรียญคริปโตที่พัฒนาขึ้นโดยบริษัท Parity Technologies ซึ่งเป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญในการพัฒนาโปรแกรม blockchain โดย Polkadot เป็นแพลตฟอร์ม blockchain แบบเปิดเผย (open-source) ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริการในการเชื่อมโยงแพลตฟอร์ม blockchain ที่แตกต่างกัน โดย Polkadot มีการออกแบบให้มีความยืดหยุ่นสูง และสามารถรองรับการพัฒนาแอปพลิเคชันบน blockchain ได้หลากหลาย

การใช้งานของ Polkadot นั้นเน้นไปที่ความปลอดภัย และการมีประสิทธิภาพสูง โดยมีการใช้งานโครงสร้าง blockchain แบบโมดูล ทำให้สามารถปรับแต่งและอัพเกรดโมดูลต่าง ๆ ได้อย่างเป็นระบบ นอกจากนี้ Polkadot ยังมีสิทธิ์โหวตเพื่อใช้งานโมดูล และมีการจัดอันดับโมดูลต่าง ๆ ตามการโหวต ทำให้โมดูลที่มีประสิทธิภาพสูงมีโอกาสได้รับการใช้งานมากขึ้น

ข่าว: ChatGPT แนะนำ 4 เหรียญคริปโตที่น่าลงทุนมากที่สุดในปี 2023 มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.

from:https://www.appdisqus.com/4-best-crypto-coins-to-invest-in-2023-recommended-by-chatgpt/

FTX กระดานคริปโตอันดับ 2 ยื่นล้มละลาย ตัว CEO ประกาศลาออก

FTX กระดานคริปโตอันดับ 2 ยื่นล้มละลาย ตัว CEO ประกาศลาออก
Wat.C

ช่วงสัปดาห์นี้ FTX ขาดสภาพคล่องทำให้การเทรด รวมถึงการโอนเหรียญบนกระดานต้องถูกระงัง จน CZ หรือ CEO ของ Binance จะเข้าซื้อ FTX เนื่องจากทาง FTX ร้องขอให้ช่วย แต่หลังจากเห็นตัวเลขแล้ว แม้แต่ CZ เองก็ต้องยอมแพ้เพราะช่วยไม่ไหวจริง ๆ

ในวันที่ 11 พฤศจิกายน FTX กล่าวว่ากว่า 130 บริษัทใน FTX Group ซึ่งรวมถึง FTX Trading, FTX US ภายใต้ West Realm Shires Services และ Alameda Research ได้แจ้งล้มละลาย ส่วนตัว CEO, Sam Bankman-Fried ได้ลาออกจากบริษัท โดยจะ John Ray จะขึ้นดำรงตำแหน่ง CEO แทน

Sam Bankman-Fried หรืออดีต CEO กล่าวว่าเขารู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ๆ (หมายถึงสถานการณ์ FTX นั่นเอง) ปัจจุบันผู้ใช้งานจะไม่สามารถถอนสินทรัพย์ออกจาก FTX ได้อีกแล้วครับ เรียกว่าเป็นปีที่หนักหน่วงสำหรับวงการคริปโตจริง

ข่าว: FTX กระดานคริปโตอันดับ 2 ยื่นล้มละลาย ตัว CEO ประกาศลาออก มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.

from:https://www.appdisqus.com/ftx-ftx-us-and-alameda-will-file-for-chapter-11-bankruptcy-in-us/

[วิธีการสมัคร] เปิดตัวแล้ว InnovestX (SCBS) กระดานเทรดคริปโต ค่าธรรมเนียม 0 บาท!

[วิธีการสมัคร] เปิดตัวแล้ว InnovestX (SCBS) กระดานเทรดคริปโต ค่าธรรมเนียม 0 บาท!
ดร.อเสข ขันธวิชัย

หลังจากมีข่าวความร่วมมือกับทาง Bitkub ช่วงปลายปี 2564 ในวงการคริปโตก็ต้องตกใจอีกครั้งกับข่าวการล้มดีลนี้ ในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา พร้อมกันนั้น SCBS หรือ บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX Securities Co., Ltd.) ซึ่งหลายคนก็พอจะเดาได้ว่า InnovestX จะต้องเปิดตัวกระดานเทรดของตัวเองแน่ในเร็ว ๆ นี้ หลังจากการล้มดีลผ่านมาไม่กี่เดือน ในวันนี้ 7 ตุลาคม 2565 InnovestX ได้เปิดตัวกระดานเทรดตามที่คาดเอาไว้ เป็นแพลตฟอร์มที่ประกอบไปด้วย เว็บไซต์ และแอปพลิเคชัน ทั้งระบบปฏิบัติการ Android และ iOS ชูจุดขายคือ เป็นซูเปอร์แอปแรกในไทยที่รวมทุกสินทรัพย์ในแอปเดียว ครอบคลุม ทั้งหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ กองทุน ตราสารหนี้ และสินทรัพย์ดิจิทัล ค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรม 0 บาท ซึ่งบทความนี้เราจะมาดู การสมัคร และ วิธีการใช้งาน แอป InnovestX กัน

วิธีการสมัคร InnovestX (SCBS)

อันดับแรกดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน InnovestX ตามลิงก์ดาวน์โหลดต่อไปนี้

how to InnovestX SCBS crypto ex thailand 10 | Bitkub | [วิธีการสมัคร] เปิดตัวแล้ว InnovestX (SCBS) กระดานเทรดคริปโต ค่าธรรมเนียม 0 บาท!

เมื่อดาวน์โหลดเสร็จสิ้น ดำเนินการเปิดแอปพลิเคชันขึ้นมา จะมีคำแนะนำการใช้งาน 3-4 หน้า อ่านให้ครบถ้วนแล้วกดเริ่มต้นการใช้งานได้เลย เมื่อเข้ามาในหน้าแอปพลิเคชัน กดไปที่ปุ่ม ลงทะเบียน/ลงชื่อเข้าใช้งาน ดังภาพ แล้วกรอกข้อมูลสำคัญต่าง ๆ ตามลำดับ

InnovestX

การผูกบัญชีธนาคารกับแอปพลิเคชัน InnovestX ไม่ได้จำกัดเฉพาะ ธนาคารไทยพาณิชย์ แต่สามารถใช้บัญชีของ ธนาคารกสิกรไทย ได้ด้วย ซึ่งถือว่าอำนวยความสะดวกเพิ่มขึ้นได้มาก แต่อย่างไรก็ตามในเรื่องของการใช้งานฟีเจอร์บางอย่าง หากเรามีบัญชีของธนาคารไทยพาณิชย์อยู่ก็จะมีความสะดวกมากกว่า

how to InnovestX SCBS crypto ex thailand 9 | Bitkub | [วิธีการสมัคร] เปิดตัวแล้ว InnovestX (SCBS) กระดานเทรดคริปโต ค่าธรรมเนียม 0 บาท!
สำหรับการยืนยันตัวตนถือว่ามีความสะดวกกว่าแพลตฟอร์มกระดานเทรดเจ้าอื่น ๆ ที่ไม่ต้องรอนานหลายวัน กว่าจะผ่านการยืนยันตัวตนได้ เพราะแพลตฟอร์ม InnovestX ใช้บริการการยืนยันตัวตน NDID ของธนาคารต่าง ๆ โดยหากเราเคยเปิดการยืนยันตัวตนดิจิทัล NDID ของธนาคารใดมาก่อนหน้านี้แล้วยิ่งง่ายขึ้นไปใหญ่ เราเลือกธนาคารนั้นได้เลย จากนั้นเข้าไปที่แอปฯ ธนาคารดังกล่าวเพื่อยืนยันตามขั้นตอน (ส่วนตัวผมเจอปัญหาต้องยืนยันหลายรอบ แต่สุดท้ายก็ผ่าน)

how to InnovestX SCBS crypto ex thailand 8 | Bitkub | [วิธีการสมัคร] เปิดตัวแล้ว InnovestX (SCBS) กระดานเทรดคริปโต ค่าธรรมเนียม 0 บาท!

กรณียังไม่เคยเปิด ก็ให้เข้าไปเปิดการยืนยันตัวตนดิจิทัล NDID ของธนาคารที่เรามีแอปฯ mobile banking อยู่ โดยสามารถเข้าไปที่การตั้งค่า มองหาเมนูเกี่ยวกับ NDID ดังภาพ แล้วค่อยกลับมายืนยัน NDID ของ InnovestX ได้ครับ

how to InnovestX SCBS crypto ex thailand 7 | Bitkub | [วิธีการสมัคร] เปิดตัวแล้ว InnovestX (SCBS) กระดานเทรดคริปโต ค่าธรรมเนียม 0 บาท!

เมื่อยืนยันตัวตนสำเร็จแล้ว กลับมาที่ InnovestX จะให้เรายืนยันข้อมูลส่วนบุคคลและตอบคำถามเกี่ยวกับ สถานะพลเมืองอเมริกัน เราก็ตอบคำถามไปตามจริงได้เลย

how to InnovestX SCBS crypto ex thailand 6 | Bitkub | [วิธีการสมัคร] เปิดตัวแล้ว InnovestX (SCBS) กระดานเทรดคริปโต ค่าธรรมเนียม 0 บาท!

การใส่ที่อยู่ครั้งแรกให้คลิกที่ “อื่น ๆ (โปรดระบุ)” ถึงจะมีช่องให้กรอกที่อยู่ ส่วนที่อยู่อื่นที่เกี่ยวข้องสามารถเลือกได้ว่าเหมือนกันกับอันก่อนหน้า หรือใส่ที่อยู่ใหม่ได้เช่นกัน จากนั้นระบบก็จะให้ใส่ข้อมูลคู่สมรสและอื่น ๆ เราก็ทำตามขั้นตอนไปเรื่อย ๆ ครับ

how to InnovestX SCBS crypto ex thailand 5 | Bitkub | [วิธีการสมัคร] เปิดตัวแล้ว InnovestX (SCBS) กระดานเทรดคริปโต ค่าธรรมเนียม 0 บาท!

ต่อมาเป็นการผูกบัญชีธนาคาร เราต้องเตรียมเลขที่บัญชี(ควรจดใส่กระดาษไว้ เพราะถ้าสลับหน้าต่างจะทำให้ต้องเริ่มขั้นตอนนั้นอีกครั้ง หากเป็นเช่นนั้นสามารถกดย้อนกลับ 1 ขั้นตอนแล้วเริ่มใหม่ได้เสมอ)

how to InnovestX SCBS crypto ex thailand 4 | Bitkub | [วิธีการสมัคร] เปิดตัวแล้ว InnovestX (SCBS) กระดานเทรดคริปโต ค่าธรรมเนียม 0 บาท!

ขั้นตอนสำคัญ แบบประเมินความเสี่ยง ตอบคำถามให้ตรงกับความเป็นจริง เพราะถ้าความเสี่ยงที่เรารับได้กับแผนการลงทุนของเราไม่เหมือนกัน จะสมัครไม่ผ่าน (อย่างไรก็ตาม เราสมารถย้อนขั้นตอนกลับมาเปลี่ยนคำตอบได้ เพื่อให้ผ่าน – ผมก็ทำเช่นนั้นเหมือนกัน)

how to InnovestX SCBS crypto ex thailand 3001 | Bitkub | [วิธีการสมัคร] เปิดตัวแล้ว InnovestX (SCBS) กระดานเทรดคริปโต ค่าธรรมเนียม 0 บาท!

สุดท้ายเป็นแบบประเมินความรู้ สินทรัพย์ดิจิทัล ที่ต้องได้คะแนนเต็มเท่านั้น แต่ให้โอกาสเรากลับมาแก้คำตอบที่ไม่ถูกต้องได้ เพื่อให้ได้คะแนน 10/10

innovest | Bitkub | [วิธีการสมัคร] เปิดตัวแล้ว InnovestX (SCBS) กระดานเทรดคริปโต ค่าธรรมเนียม 0 บาท!

เมื่อเสร็จสิ้นจะเข้าสู้กระบวนการสร้างบัญชี ทั้งการตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคล ยืนยันอีเมล สร้างรหัสผ่าน พร้อมใส่รหัสการแนะนำเพื่อน ซึ่งในส่วนนี้หากบทความนี้มีประโยชน์กับท่าน สามารถ ใส่รหัส “ACB503” เพื่อช่วยสนับสนุนผู้เขียนจะขอขอบพระคุณมากครับ

InnovestX แนะนำเพื่อน รหัส code

สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติม InnovestX ส่งแคมเปญ “Zero Gravity” ค่าธรรมเนียม 0 บาท

  • 0 บาท เปิดบัญชีฟรี ไม่มีขั้นต่ำ
  • 0 บาท คำธรรมเนียมบริหารพอร์ตกับบริการ Intelligent Portfolios
  • 0 บาท ค่าธรรมเนียมลงทุนในหุ้นต่างประเทศ 100,000 บาท และค่าสมัครบริการยื่นแบบภาษี W8-BEN
  • 0 บาท ค่าธรรมเนียมการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล

ลูกค้าสามารถโหลดแอปพลิเคชัน InnovestX ได้ตั้งแต่ 8 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป รายละเอียดเพิ่มเติม www.InnovestX.co.th หรือ Facebook Page : InnovestX

 

ที่มารูปปก: https://brandinside.asia/innovestx-super-app-investment-all-in-one/

ข่าว: [วิธีการสมัคร] เปิดตัวแล้ว InnovestX (SCBS) กระดานเทรดคริปโต ค่าธรรมเนียม 0 บาท! มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.

from:https://www.appdisqus.com/how-to-innovestx-scbs/

ติดดอย !! แบบไร้ทางลงทำอย่างไงดี? แนะนำวิธีเอาคริปโตไปลงทุนอย่างอื่น รายได้เพิ่มทุกวัน

ในช่วงที่ตลาด คริปโต ยังซบเซาอย่างในปัจจุบัน เมื่อหันมองดูคนรอบข้าง จากที่มีแต่คนพูดคุยเกี่ยวกับการเทรดคริปโต กลายเป็นว่าตอนนี้เงียบกริบไม่พูดเรื่องนี้กันเลย ซึ่งเชื่อว่าพวกเขาไม่ได้หมดศรัทธาในคริปโตเคอร์เรนซี หรือไม่คิดจะเทรดคริปโตกันอีกแล้ว เพียงแค่ตอนนี้อยู่ในสถาวะที่เรียกว่า ติดดอย เงินลงทุนส่วนใหญ่กลายเป็นเงินคริปโตที่ราคาต่ำเตี้ยเรี่ยดินเกือบหมดแล้ว หากขายตอนนี้ก็ขาดทุนหนัก จึงอยู่ในสถานะไม่ซื้อไม่ขาย และยังไม่กล้าลงทุนเพิ่ม แล้วเราจะนั่งรอความหวัง หรือมีทางออกอย่างอื่นหรือไม่? วันนี้เราจะมาแนะนำการนำคริปโตในมือไปลงทุนโดยไม่ต้องขายแต่มีรายได้เพิ่มขึ้นทุกวัน

 แนะนำวิธีการลงทุนเกี่ยวกับ คริปโต สำหรับมือใหม่ รายได้เพิ่มทุกวัน

ขอแจ้งก่อนว่าบทความนี้จะแนะนำสำหรับมือใหม่เลย จึงขอนำเสนอการลงทุนที่ง่ายและปลอดภัย ประมาณ 2-3 รูปแบบการลงทุน สำหรับการลงทุนที่อาจได้รับผลตอบแทนสุงแต่ก็มีความเสี่ยง ต้องใช้การศึกษาค้นคว้าเยอะ อันนี้ขอละเอาไว้ก่อนนะครับ (คู่มือการศึกษาคว้าเกี่ยวกับการลงทุนในคริปโต) สำหรับมือใหม่ที่ว่า หมายถึงมือใหม่ในการลงทุนคริปโตที่มากกว่าการเทรดซื้อขายคริปโตนะครับ ผมเชื่อว่าหลายคนไม่ใช่มือใหม่สำหรับการเทรด เชี่ยวชาญ เก่ง และเทรดคริปโตมานานแล้ว แต่อาจยังไม่เคยศึกษารูปแบบการลงทุนอื่น ๆ ที่จะมาช่วยเพิ่มเงินในกระเป๋าของเรา ดังนั้นผู้อ่านตอนนื้ถือว่ามีบัญชีของกระดานเทรดคริปโตแล้ว โดยเฉพาะกระดานเทรดในประเทศไทย อย่าง Bitkub หรือ Zipmex เป็นต้น แต่สำหรับใครที่ไม่มีบัญชี หรือมือใหม่ในการเทรดเลย สามารถอ่านบทความนี้ได้ครับ

bitkub crypto bitcoin -53

มาต่อสำหรับคนที่มีบัญชีกระดานเทรดคริปโตและมีเหรียญคริปโตในมือเรียบร้อยแล้ว ให้ท่านไปเปิดบัญชีของ Binance เสียก่อน ซึ่งมีวิธีดังนี้

How-to-create-entity-account-personal-binance

เมื่อมีทั้งบัญชีของ Bitkub และ Binance เรียบร้อยแล้ว พร้อมกับเหรียญคริปโตในบัญชี สำหรับมือใหม่แนะนำให้ฝากเงินเข้า Binance เลยครับ แต่สำหรับคนที่มีเหรียญติดดอยอยู่แพลตฟอร์มอื่น อย่าง Bitkub หรือ Zipmex ก็โอนเงินเข้ามาที่ Binance เตรียมพร้อมลงทุน

binance-savings-staking-bnb

บทความนี้จะขอแนะนำการลงทุนใน Binance 3 รูปแบบ ได้แก่ Savings, Staking และ BNB Vault นิยามและข้อแตกต่างของแต่ละอัน ก็คือ

Savings คือ การเหรียญคริปโตไปฝาก แล้ว Binance จะเอาไปปล่อยกู้ให้คนอื่น เราก็จะได้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยทบต้น ซึ่งจะได้สูงกว่าธนาคารมาก เพราะคริปโตไม่มีส่วนกลางที่ต้องจ่ายค่าเช่าที่ดิน สร้างตึก จ้างพนักงาน และค่าบริหารจัดการต่าง ๆ ดังนั้นดอกเบี้ยเราจึงได้เยอะพอสมควร โดยแต่ละเหรียญจะให้ดอกเบี้ยต่างกัน (ดอกเบี้ยแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์ต่อปี) เราสามารถเลือกได้ว่าจะฝากแบบ Flexible ที่ถอนเมื่อไหร่ก็ได้จะได้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยตามจำนวนวันที่ฝาก ส่วน Locked จะเหมือนการฝากประจำ กำหนดจำนวนวันเอาไว้ ถอนก่อนจะไม่ได้ดอกเบี้ย แต่หากฝากถึงวันที่กำหนดจะได้ดอกเบี้ยสูงกว่า Flexible หากสนใจ ท่านก็สามารถกดปุ่ม Subscribe แล้วทำตามขั้นตอนไปเรื่อย ๆ ได้เลย ส่วนปุ่ม Auto- Subscribe หากเราเปิดไว้ ระบบจะกำหนดว่าหากเหรียญที่เราฝากเข้ามาในกระเป๋าเมื่อไหร่ ระบบจะทำการ Subscribe ให้อัตโนมัติ (เคยมีกรณีที่มือใหม่หลายท่าน สงสัยว่าเงินใน Binance หายไป หลังจากโอนเข้า แต่แท้จริงแล้วตัวคนนั้นเองไปกดปุ่ม Auto- Subscribe เอาไว้ทำให้เหรียญถูกฝาก Savings อัตโนมัติ)

binance-savings-staking-bnb-002

สำหรับการถอนเงิน เพียงเราไปที่หน้า Binance Earn แล้วระบบจะแสดงตารางการลงทุนคริปโตทั้งหมดองเรา เราเพียงมองหาแท็บ Savings และแถวของเหรียญที่เราต้องการถอนออก เลื่อนแถบของตารางไปที่คอลัมน์ท้าย ๆ หาคำว่า “Redeem” กดเพื่อถอนเงินได้เลย ซึ่งจะมีให้เลือกถอนแบบ Fast Redemption (ถอนทันที แต่ดอกเบี้ยในวันสุดท้ายไม่ถูกนำมาคิดให้เรา) และ Standard Redemption (จะได้เงินในวันต่อไป พร้อมดอกเบี้ยในวันที่กด Redeem)

binance-savings-staking-bnb-003

Staking เหมือนการเอาเหรียญคริปโตนั้น ๆ ไปวางเป็นเงินค้ำประกันการทำธุรกรรมของเหรียญนั้น ๆ เมื่อธุรกรรมสำเร็จ เราก็จะได้รับรางวัลเป็นเหรียญนั้น ๆ กระบวนการนี้เขาเรียกว่า Proof of Stake ซึ่งเกิดขึ้นมาเพื่อลบจุดอ่อนของ Proof of work ดั้งเดิมที่อาจยืนยันธุรกรรมได้ช้า (กระบวนการยืนยันเรียกว่าการขุดคริปโต) ซึ่งทั้งสองแบบ ผู้ลงทุนต่างได้รับรางวัลของการยืนยันธุรกรรมเป็นเหรียญคริปโตนั้น ๆ ดังนั้นถือว่า  Staking มีผลตอบแทนที่น่าสนใจไม่ต่างจากการขุดคริปโตเลยทีเดียว แถมไม่ต้องใช้ความรู้เรื่องฮาร์ดแวร์เหมือนการขุดเหรียญคริปโตเลยครับ และผลตอบแทนของ Staking จะสูงกว่า Savings พอสมควร แต่  Staking จะมีแต่รูปแบบล็อควัน เช่น 30 วัน 60 วัน 90 วัน 120 วัน เป็นต้น หากถอนก่อนกำหนดจะไม่ได้ผลตอบแทนเลย ดังนั้นการ Staking เหมาะกับคนที่ถือยาว ๆ ไม่รีบร้อน ไม่ว่าเหรียญจะขึ้นหรือลง อ้อ!! การถอนจะไม่ได้ในทันทีด้วยนะครับ กดถอนวันนี้จะเป็นวันถัดไปจึงจะได้เหรียญ สมมุติว่าวันนี้เหรียญ ADA ขึ้น แล้วเราอยากขาย สุดท้ายกว่าเราจะถอนออกมาได้เหรียญอาจราคาตกแล้วก็เป็นได้ ดังนั้นมันเหมาะกับคนที่ต้องการถือยาว ๆ นะครับ อันนี้ย้ำอีกรอบ Staking จะมี 2 รูปแบบ ได้แก่ Locked Staking และ DeFi Staking อย่างหลังไม่แนะนำสำหรับมือใหม่นะครับ เพราะมันเป็นการนำไป Staking กับแพลตฟอร์มภายนอกที่ Binance ไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ สำหรับการถอนก็ทำเช่นเดียวกับการถอนของ Savings นั่นคือเข้าไปที่หน้า Earn มองหาแท็บ Staking ตารางด้านล่างเลือกเหรียญที่ต้องการถอน เลื่อนตารางไปคอลัมน์ท้าย ๆ แล้วกด Redeem และถอนได้เลยครับ

staking-binance-how-to

BNB Vault เมนูการลงทุนนี้เหมาะกับคนที่ถือเหรียญ BNB ซึ่งเป็นเหรียญของ Binance เอง แน่นอนว่าแพลตฟอร์มเขาก็ต้องออกผลิตภัณฑ์ที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้ถือเหรียญของตัวเองออกมา BNB Vault จะเป็นเครื่องมือที่รวมการลงทุนทุกแบบที่ BNB ลงทุนได้ผลตอบแทนมากที่สุด ทั้ง Savings Staking และอื่น ๆ เพียงกด Subscribe คลิกเดียวก็นอนรอผลกำไรได้เลย (มีปุ่ม Auto-Subscribe เหมือนใน Savings ด้วย)

how-to-bnb-vault-binance

ทั้งหมดนี้เป็นการลงทุนที่ง่ายและสะดวกในแพลตฟอร์ม Binance ที่ผมอยากนำเสนอเป็นทางเลือกสำหรับเพื่อน ๆ ที่กำลังติดดอยกันอยู่ หรือบางคนที่คิดถึงการลงทุนระยะยาว ไม่ใช่หวังกำไรจากการเทรดคริปโตระยะสั้น รวมทั้งระบุข้อแตกต่างระหว่าง Savings, Staking และ BNB Vault แต่อย่างไรก็ตาม ในโลกของคริปโตยังมีรูปแบบการลงทุนอีกมากมาย เฉพาะของ Binance ก็มีมากจนศึกษาในระยะเวลาสั้น ๆ ไม่ได้ ใครที่สนใจแนะนำให้ทำการศึกษาค้นคว้าให้ดี ๆ ก่อนตัดสินใจลงทุนนะครับ ซึ่งบทความนี้เราก็ไม่ได้จะมาเชิญชวนให้ลงทุน ผู้ลงทุนทุกท่านต้องศึกษาให้เข้าใจรอบด้านก่อนตัดสินใจนะครับ ด้วยความปรารถนาดี

how-to-research-research-crypto-project-manual-part-1-2

ข่าว: ติดดอย !! แบบไร้ทางลงทำอย่างไงดี? แนะนำวิธีเอาคริปโตไปลงทุนอย่างอื่น รายได้เพิ่มทุกวัน มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.
from:https://www.appdisqus.com/how-to-invest-crypto-binance-savings-staking-bnb-vault/

คู่มือการลงทุนคริปโต STEP-BY-STEP [PART 4-6] การวิจัย (RESEARCH) ก่อนลงทุนด้านคริปโตฯ ทำอย่างไร?

หลังจากที่เราได้ทำคู่เมือการลงทุนคริปโตเคอร์เรนซี ที่เกี่ยวกับการวิจัย ค้นคว้าข้อมูล ก่อนการตัดสินใจลงทุนด้าน คริปโต – crypto ทั้งสองบทความไปแล้ว วันนี้เราจะมาดูคู่มือในส่วนสุดท้ายกัน

ส่วนที่ 4 ออกจากเว็บไซต์ทางการ ไปหาข้อมูลแหล่งอื่น ๆ

หลังจาก part 1-3 เราหาข้อมูลเฉพาะในเว็บไซต์ทางการของโปรเจคหรือเหรียญคริปโต ซึ่งล้วนเป็นข้อมูลที่ผู้พัฒนาเป็นคนให้เรามาเอง คราวนี้เราต้องออกจากกรอบนั้นแล้วหาข้อมูลจากแหล่งอื่น ๆ แล้ว เพื่อที่จะได้มองภาพให้ใหญ่มากขึ้น

  1. เปรียบเทียบสกุลเงินคริปโตที่เป็นคู่แข่งกัน
  • เหรียญที่เราสนใจมีคู่แข่งหรือไม่? เพียงค้นใน Google ได้เลยว่า “crypto in [industry]” และ “crypto [market] use case” หรือประโยคใกล้เคียงอื่น ๆ
  • ถ้ามีคู่แข่ง และมันแตกต่าง เราจะตัดสินใจลงทุนอย่างไร? ต้องพิจารณาว่าเหรียญเหล่านั้นเกิดขึ้นมานานแค่ไหน? แนวทางการพัฒนาในอนาคตเป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับเหรียญที่เราศึกษาอยู่ ตัวอย่างรายการเหรียญคริปโตที่เป็นคู่แข่งกันในตลาด คือ Ethereum และ Ethereum Classic, ZCash และ ZCoin (Firo) เป็นต้น
  • ด้วยวิธีเหล่านี้ จะทำให้เรารู้ถึงความได้เปรียบและจุดอ่อนของโปรเจคที่เราศึกษาอยู่ รวมทั้งแง่มุมอื่น ๆ ด้วย ไม่แน่! เราอาจได้เจอกับโปรเจคดีๆ เพิ่ม ก็เป็นไปได้
  1. ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งภายนอก
  • ทุกข้อมูลของโปรเจคที่หาได้ก่อนหน้านี้ ต้องทำการตรวจสอบซ้ำจากแหล่งภายนอกให้รอบด้าน
  • การทำเช่นนี้ อาจทำให้เราพบกับข้อมูลที่ทีมพัฒนาโปรเจคไม่ต้องการให้เรารู้ก็เป็นได้ ตัวอย่างเช่น โปรเจคเคยถูกแฮกมาก่อนไหม? ถ้าเคย พวกเขาจัดการกับมันอย่างไร? ทีมบริหารโปรเจคใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือยหรือไม่? เคยมีสมาชิกคนสำคัญในทีมออกจากโปรเจคหรือไม่? เป็นต้น
  1. สังคมออนไลน์ เป็นแหล่งข้อมูลของโปรเจคที่หาได้ง่ายและมีเยอะมาก

อันดับแรกก็ตรวจสอบก่อนเลยว่าบัญชีทางการมีการเคลื่อนไหวหรือไม่ และโพสเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับโปรเจคหรือไม่? สิ่งเหล่านี้บอกเราได้หลายอย่างเกี่ยวกับโปรเจคเลยครับ

  • ทีมงานเปิดช่องทางในสังคมออนไลน์ให้เราได้ติดตามข่าวสารของโปรเจคหรือไม่? อาจเป็นแฟนเพจ กลุ่มในเฟสบุค บัญชีทวิตเตอร์ และอื่น ๆ
  • ช่องทางหรือบัญชีในสังคมออนไลน์ข้างต้น มีการอัพเดตข้อมูลเกี่ยวกับโปรเจคอย่างต่อเนื่องหรือไม่?
  • การมีส่วนร่วมของผู้ใช้ในสังคมออนไลน์มีมากน้อยแค่ไหน? จะทำให้เราได้เห็นปฏิสัมพันธ์กันระหว่างผู้ใช้ ผู้ลงทุน และทีมงาน
  • ถามตัวเองว่ารู้สึกอย่างไร? ความเป็นมิตรและการช่วยเหลือกันมากน้อยแค่ไหน หรือพวกเขาสนใจกันแค่ราคาซื้อขายโทเคนหรือคริปโต
  • อย่างไรก็ตาม พึงระวังว่า ผู้ลงทุนคริปโตมักลงทุนตามอารมณ์ พวกมากลากไปได้ง่าย ดังนั้นการสิงอยู่ในสังคมออนไลน์ก็มีข้อเสียเช่นเดียวกัน ตัวอย่างเช่น แม้ช่วงนั้นจะมีข่าวร้ายเกี่ยวกับโปรเจค ในสังคมออนไลน์ก็จะมีพวกนำเสนอเรื่องดีในข่าวร้ายนั้น และเราก็มีโอกาสเชื่อตามได้ง่ายเพราะเราก็พยายามมองหาข่าวดีมาเข้าข้างการตัดสินใจของตัวเองเช่นกัน
  1. ตรวจสอบใน GitHub

โปรเจคคริปโตหลายตัวอ้างว่าเป็นโอเพนซอร์ส ดังนั้นทีมพัฒนาควรโพสโค้ดของตัวเองลงใน GitHub ลองเข้าไปตรวจสอบดูครับ แม้เราอาจอ่านโค้ดไม่เป็น เราก็สามารถดูรายละเอียดอื่น ๆ รวมทั้งการมีส่วนร่วมในโปรเจคนี้ของผู้คนใน GitHub มีมากน้อยแค่ไหน

  • ตัวนักพัฒนาเองเข้ามามีส่วนร่วมในโปรเจคไหม?
  • มีการอัพเดตโค้ดของโปรเจคล่าสุดเมื่อไหร่?

เมื่อทำมาถึงขั้นตอนนี้แล้ว ให้เรานำข้อมูลทั้งหมดที่รวบรวมมาจากหลายๆ แหล่ง เขียนเป็นข้อดีและข้อเสียของโปรเจคให้เห็นชัดเจน

ส่วนที่ 5 สำรวจวิธีซื้อ คริปโต และ โทเคน

มาถึงขั้นนี้ เราก็คงค้นพบคริปโตหรือโทเคนที่เป็นเพชรเม็ดงามแล้ว แต่จงระวัง! โปรเจคที่ดีที่สุดอาจไม่เป็นประโยชน์กับเราได้ หากเรื่องการเงินไม่ลงตัวกันกับเรา มาดูกันว่าเราต้องสำรวจอะไรบ้าง?

  1. ค้นหาว่าเราจะซื้อคริปโตหรือโทเคนของโปรเจคได้อย่างไร และซื้อจากที่ไหน?
  • สามารถซื้อคริปโตหรือโทเคนได้อย่างไร? กล่าวคือ เราสามารถซื้อได้จากกระดานซื้อขาย (เช่น Bitkub, Binance เป็นต้น) หรือต้องโอนเงินในการซื้อเหรียญ? หากเป็นการโอนเงินถือว่ามีความเสี่ยงสูงมาก เงินที่ลงทุนอาจสูญหายเนื่องจากปัญหาทางเทคนิค หรือ การฉ้อโกง ก็เป็นไปได้
  • สำหรับโปรเจคที่มาพร้อมกับ ICO หรือชื่อเต็มคือ Initial Coin Offering คือการระดมทุน แบบดิจิทัลด้วยการเสนอขาย ดิจิทัลโทเคน (digital token) (อ่านเพิ่มเติม) ระหว่างที่รอให้ลิสต์เข้ากระดานซื้อขาย เหรียญคริปโตหรือดิจิทัลโทเคนที่เราซื้อโดยตรงจากโปรเจค อาจยังไม่สามารถซื้อขายได้ไปสักระยะหนึ่ง ต้องถามตัวเองว่าเรารอมันได้ไหม?
  • เมื่อโทเคนหรือเหรียญลิสต์เข้ากระดานซื้อขายแล้ว เราต้องดูว่ากระดานซื้อขายเหล่านั้นเล็กเกินไปหรือไม่? เพราะถ้ากระดานซื้อขายเป็นเจ้าเล็กเกินไปมันก็มีความเสี่ยง ที่จะถูกแฮ็ก ล้มละลาย หรือเจ้าของหอบเงินหนี ก็เป็นไปได้
  • เนื่องจากกระดานซื้อขายขนาดเล็กมีจำนวนผู้ใช้งานน้อย มันก็จะทำให้การซื้อขายโทเคนหรือเหรียญไม่ไหลลื่น กล่าวคือ อาจหาคนซื้อยากในเวลาที่เราอยากขาย
  1. มูลค่าตลาดสูงแค่ไหน?

ถ้ามูลค่าตลาดของเหรียญหรือโทเคนนั้น ๆ ไม่สูง ก็จะส่งผลทำให้ผู้ถือเหรียญปริมาณเยอะ ๆ ไม่กี่คนสามารถกำหนดกลไกตลาดได้ ซึ่งถือว่าไม่เป็นผลดีกับเราเลย ควรหลีกเลี่ยงครับ

  1. คริปโตนั้น ๆ รองรับ hardware wallet หรือไม่? ตัวอย่างเช่น ยี่ห้อ Ledger หรือ Trezor เป็นต้น

คุณสมบัตินี้ มันจะทำให้เรามีตัวเลือกในการเก็บเหรียญคริปโตหรือโทเคนของเราให้เหมาะสม โดยทั่วไปแล้วจะมีเฉพาะเหรียญคริปโตหรือโทเคนที่เป็นที่นิยมเท่านั้นที่จะรองรับ hardware wallet สำหรับโปรเจคเล็ก ๆ เราก็จะสามารถเก็บใน digital wallet หรือ wallet ของกระดานซื้อขายก็ได้ อย่างไรก็ตาม ทั้ง hardware wallet และ digital wallet ก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป เราต้องไตร่ตรองให้ดีก่อนตัดสินใจว่าจะใช้งานตัวไหน เช่น hardware wallet มีความเสี่ยงต่อการถูกแฮกน้อยกว่า แต่เราอาจทำหายได้ เป็นต้น

ส่วนที่ 6 การประเมินข้อมูลเพื่อสรุป

ถึงตอนนี้เรามีข้อมูลในมือมากมายแล้ว ถึงเวลาต้องทำการประเมินข้อมูลทั้งหมด ต่อไปนี้คือสิ่งที่เราควรคำนึงถึง

  • ข้อมูลที่หามาเปรียบเทียบมีคุณภาพไม่เท่ากัน ตัวอย่างเช่น คอมเม้นท์ใน Facebook ย่อมมีคุณภาพน้อยกว่าบทความข่าว ไม่ใช่ว่าเจอคอมเม้นท์สนับสนุนความคิดเรา เราก็ยกเอามาเป็นเหตุผลหลักในการสรุป อันนี้ไม่ใช่!
  • ข้อมูลบางอย่างสำคัญและมีประโยชน์กับเรามากกว่าข้อมูลอื่น ๆ ตัวอย่างเช่น ข่าวเกี่ยวกับการแฮ็กหรือทุกอย่างที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการรักษาความปลอดภัย เราควรให้ความสำคัญมากกว่าข่าวเกี่ยวกับแผนการปล่อยฟีเจอร์ใหม่ เป็นต้น
  • ทำตารางแสดงข้อดีและข้อเสียของโปรเจคออกมาให้ชัดเจนในแต่ละเรื่อง โดยนำข้อมูลที่รวบรวมมาแบ่งเป็นหัวข้อหลัก หัวข้อย่อย เป็นรายแถว ส่วนคอลัมน์หรือหลักเป็นข้อดีและข้อเสียของแต่ละหัวข้อ

ผลสรุปที่เป็นตารางนี้หละ คือข้อมูลสำคัญที่จะช่วยให้เราตัดสินใจลงทุนหรือไม่ลงทุนในโปรเจคได้ง่ายขึ้นมาก และเป็นผลสรุปจากการวิจัยค้นคว้ามาทั้งหมด ลงทุนลงแรงไปเยอะ แนะนำว่าอย่าเผยแพร่ให้ใครง่าย ๆ ครับ เก็บเอาไว้ใช้งานและอัพเดตข้อมูลใหม่ ๆ ลงไป เมื่อมีข่าวสารหรือการเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ เข้ามา

บทส่งท้าย

การวิจัยค้นคว้าลักษณะนี้อาจใช้เวลานานกว่าจะเสร็จสมบูรณ์ บางเคสของการลงทุนอาจจำเป็นต้องวิจัยค้นคว้าให้ครบถ้วนทุกขั้นตอน แต่บางเคสก็ไม่จำเป็น เอาเป็นว่าทำให้เยอะที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ก็ถือว่าโอเคแล้วครับ เพื่อปกป้องเงินในมือเขาคุณเอง!

crypto-by-greek

ที่มา: Ren & Heinrich

ข่าว: คู่มือการลงทุนคริปโต STEP-BY-STEP [PART 4-6] การวิจัย (RESEARCH) ก่อนลงทุนด้านคริปโตฯ ทำอย่างไร? มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.
from:https://www.appdisqus.com/how-to-crypto-curency-token-manual/

คู่มือการลงทุนคริปโต Step-by-Step [Part 3] การวิจัย (research) ก่อนลงทุนด้านคริปโตฯ ทำอย่างไร?

สืบเนื่องจากที่เราได้ทำ คู่มือ แบบ Step-by-Step ในการทำวิจัยเกี่ยวกับการลงทุนด้าน คริปโตเคอร์เรนซี หรือ คริปโต (Crypto) ไปแล้วในบทความ

คู่มือการลงทุนคริปโต Step-by-Step [Part 1-2] การวิจัย (research) ก่อนลงทุนด้านคริปโตฯ ทำอย่างไร?  

วันนี้เราจะมาต่อกันนะครับ โดยก่อนอื่นอยากทำความเข้าใจก่อนว่าการลงทุนคริปโตคืออะไร? มันไม่ใช่แค่การเทรด ซื้อขาย เท่านั้น แต่มันรวมถึงทุกอย่างที่เกี่ยวกับเงินและคริปโต โดยเฉพาะการลงเงินไปกับโปรเจคที่เสี่ยงที่จะเป็น แชร์ลูกโซ่ ที่มีข่าวออกมาอย่างต่อเนื่องในช่วงนี้ ในบทความข้างต้นก็บอกรายละเอียดในการค้นคว้าหาข้อมูลที่สำคัญไปแล้ว โดยเฉพาะวิธีในการสังเกตเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ บทความนี้เราจะมาต่อส่วนที่ 2.5 นะครับ

ส่วนที่ 3 สำรวจข้อมูลเว็บไซต์ของโปรเจค หรือ คริปโต (ต่อ)

สำรวจข้อมูลในหน้าเว็บไซต์ของโปรเจค หรือ เหรียญคริปโต โดยให้ความสำคัญกับข้อมูลและรายละเอียดต่อไปนี้

  1. การนำไปใช้ประโยชน์ที่แท้จริงของ เคอร์เรนซี หรือ โทเคน คืออะไร?

หัวข้อนี้สำคัญมากสำหรับการตัดสินใจลงทุนที่ดี โปรเจคอาจระบุการนำไปใช้ประโยชน์ที่ฟังดูดี แต่! มีหลายกรณีที่ เคอร์เรนซี หรือ โทเคน ของพวกเขาไม่ถูกนำมาใช้จริง ส่งผลทำให้ เหรียญหรือโทเคน ไม่มีค่าที่แท้จริง แม้จะมีแนวโน้มที่จะทำกำไรได้ดีจากการซื้อขายเหรียญ น่าลงทุนเพื่อเก็งกำไร มันอาจทำกำไรได้ในระยะแรกๆ แต่สุดท้ายเมื่อความต้องการใช้เหรียญที่แท้จริงไม่เกิด มันก็จะไร้ค่า!

เราต้องเข้าใจว่าเหรียญคริปโต จะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้งานซื้อขายแลกเปลี่ยนอะไรสักอย่างได้จริง เพื่อทำให้มันมีค่าที่แท้จริง เกิดประโยชน์ที่แท้จริง เรื่องการเทรดหรือซื้อขายเหรียญเป็นเพียงกิจกรรมที่เกิดขึ้นตามมาเท่านั้น ตัวอย่างเช่น เงินเยนญี่ปุ่น เมื่ออยู่ในประเทศไทยก็ยังมีค่า เพราะประโยชน์หรือค่าที่แท้จริงของมันคือสามารถนำไปชำระเงินได้ตามกฎหมายที่ประเทศญี่ปุ่นได้ ส่วนกิจกรรมซื้อขายเงินเยนในตลาดซื้อขายเงินตรามันเกิดตามมาทีหลังนั่นเอง

เราต้องวิเคราะห์ไตร่ตรองดี ๆ ว่าโปรเจค คริปโต หรือ โทเคน มีประโยชน์ที่แท้จริงคืออะไร? ตัวอย่างเช่น Popcoin ของ RS ที่เอาไว้ซื้อการ์ดศิลปินหรือของสะสมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับศิลปิน การรับชม เข้าร่วมกิจกรรม การจับจ่ายใช้สอย สินค้าและบริการ ในเครืออาร์เอส ภายใต้ Popcoin ecosystem หรือ  DESTINY TOKEN ของภาพยนตร์บุพเพสันนิวาส ๒ ที่มีการระบุสิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์เอาไว้อย่างชัดเจน ทั้งส่วนลดสินค้าและบริการ การได้รับปันผลกำไรจากการฉายภาพยนตร์ เป็นต้น

research-crypto-project-manual

  1. สำรวจเบื้องลึกเบื้องหลังของ คริปโต หรือ โทเคน ให้มากขึ้นอีก

ในฐานะนักลงทุนที่มีศักยภาพ เราควรรู้ข้อมูลเกี่ยวกับ คริปโต หรือ โทเคน ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ต่อไปนี้คือเรื่องที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ

  • มันเป็น เหรียญ หรือ โทเคน? โปรเจคสร้างบน chain ที่มีอยู่แล้ว หรือ สร้างบน บล็อกเชน ของมันเอง? ตัวอย่างเช่น ปัจจุบันโปรเจคจำนวนมากสร้างอยู่บนมาตรฐานโทเคน ERC20 เพราะมันถูกสร้างบนบล็อกเชนของ Ethereum ที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลก แต่หลายโปรเจคที่สร้างอยู่บนบล็อกเชนใหม่ของตัวเองแล้วพากันล้มเหลว เพราะบางครั้งมีช่องโหว่หลายอย่างที่ผู้ใช้ที่ฉลาดๆ คอยจ้องนำมันไปใช้ประโยชน์ได้
  • จำนวนโทเคนที่ออกทั้งหมดคือเท่าใด? และมี Hard Cap สูงสุดหรือไม่? หากใช้ไปแล้ว มีการเพิ่มปริมาณโทเคนขึ้นเรื่อย ๆ จะส่งผลเสียต่อราคา ในทางกลับกันจะเกิดผลดีเป็นอย่างมาก หากโปรเจคมีการพัฒนากลไกภาวะเงินฝืด เช่น มีการเผาเหรียญเมื่อเวลาผ่านไปสักระยะ
  • บริษัทหรือทีมงานเจ้าของโปรเจคถือโทเคนหรือเหรียญอยู่จำนวนเท่าไหร่? ซึ่งเจ้าของไม่ควรถือเหรียญเยอะเกินไป เพราะการตัดสินใจซื้อหรือขายของพวกเขาจะส่งผลต่อราคาเหรียญหรือโทเคนเป็นอย่างมาก จะกลายเป็นครอบงำกลไกได้
  • โปรเจคเปิด pre-sale หรือรูปแบบการขายเหรียญหรือโทเคนอื่นใด ที่จะทำให้ผู้ซื้อบางคนถือเหรียญมากเกินไปหรือไม่? เช่นเดียวกันกับข้อก่อนหน้า คือ เราควรหลีกเลี่ยงเหรียญหรือโทเคนที่มีผู้เล่นรายใหญ่แค่สองสามราย ที่สามารถควบคุมกลไกราคาได้ ไม่งั้นเราก็เป็นได้แค่เหยื่อ
  1. เหรียญคริปโตใช้ Consensus Algorithms อะไร?

Consensus Algorithms คือ มาตรการที่เครือข่ายบล็อกเชนใช้ในการยืนยันความน่าเชื่อถือของธุรกรรม เราอาจคุ้นเคยกับคำว่า Proof of Work (PoW) หรือ Proof of Stake (PoS) กันดี ทั้งสองอย่างก็คือ Consensus Algorithms นั่นเอง แต่มันไม่ได้มีเพียงเท่านี้ มันมีทั้ง Proof of Authority (PoA), Proof of Burn (PoB), Proof of Capacity (PoC), Proof of Elapsed Time (PoET) และ Proof of Activity (PoA) แต่ละอย่างมันแปลว่าอะไร? หมายถึงอะไรบ้าง? ศึกษาบทความ อะไรคือหัวใจแห่ง Blockchain? ได้เลย

เราต้องพิจารณาว่าเหรียญคริปโตใช้ Consensus Algorithms อะไร? ซึ่งมันจะสื่อถึงการกระจายศูนย์กลางมากน้อยเพียงใด ยิ่งกระจายมากก็ยิ่งน่าเชื่อถือมาก เรื่องนี้มีความสำคัญเพราะหากการกระจายศูนย์กลางน้อย จะทำให้ทุกการดำเนินการของเซิร์ฟเวอร์ส่วนกลาง ผู้สร้างเหรียญ หรือผู้เล่นรายใหญ่จะส่งผลกระทบต่อเหรียญเป็นอย่างมาก อาจถึงขั้นย้อนกลับธุรกรรมในบล็อกเชนเลยก็ได้

  1. เรารู้อะไรเกี่ยวกับทีมผู้สร้างเหรียญหรือโปรเจคบ้าง?

การวิจัยเกี่ยวกับทีมผู้สร้างมีความสำคัญมาก หากเรารู้ว่าทีมผู้สร้างมีความสามารถทั้งในเชิงเทคนิค การบริหารจัดการ และความน่าเชื่อถือ เราก็จะวางใจแล้วทำหน้าที่เพียงเลือกลงทุนในลักษณะใด ไม่ต้องมานั่งกังวลมากนัก

  • โปรเจคลงไว้แค่ชื่อ 2-3 คน ระบุว่าเป็นทีมงาน แค่นี้ยังไม่พอ อย่างน้อยต้องระบุประสบการณ์ ความสำเร็จในสายอาชีพที่เกี่ยวข้อง และคุณสมบัติต่าง ๆ ของทีมงานแต่ละคนด้วย
  • อย่าพอใจแค่ข้อมูลที่โปรเจคระบุไว้ในเว็บไซต์ทางการ เราต้องดูว่าเราสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ไหม ทั้งใน Google, facebook, LinkedIn, Twitter และสังคมออนไลน์อื่น ๆ ดูว่าพวกเขามีการอัปเดตข้อมูล โพส พูดคุย แชร์เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับคริปโตหรือโทเคนหรือไม่? เพราะพวกเขาอาจถูกเอาชื่อเสียงมาหลอกล่อเราเท่านั้น แต่จริง ๆ ไม่ได้รู้เรื่องพวกนี้เลย
  • ติดต่อทีมงานและถามคำถามที่คุณสงสัย หากพวกเขาตอบกลับและให้คำแนะนำที่ดี เราจะไม่ได้แค่การรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากขึ้น แต่เรายังจะได้รู้ถึงความทุ่มเทของพวกเขาด้วย
  1. Road map ของโปรเจค เป็นอย่างไรบ้าง?

Road map ช่วยให้เราเข้าใจกรอบระยะเวลาการดำเนินงานของโปรเจค ระยะเวลาในการบรรลุเป้าหมายทีละขั้นของโปรเจค แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ต้องชั่งใจเอาไว้หน่อยว่าโปรเจคเกี่ยวกับซอฟท์แวร์มันซับซ้อน อาจล่าช้าบ้างในหลายขั้นตอน

  • โปรเจคด้านคริปโตหรือโทเคน อาจต้องใช้เวลาสักระยะในการดำเนินการจนเกิดรูปธรรม โดยเฉพาะทีมงานที่ต้องเริ่มจากศูนย์ ความล่าช้าหลายเดือนถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่หากทีมงานพลาดขั้นตอนสำคัญติดต่อกันหลายครั้ง นั่นถือว่าเป็นสัญญาณที่ไม่ดีแล้ว
  • หาก Road map มีกรอบเวลาสั้นเกินไป มีแววว่าจะมโน เป็นจริงไม่ได้
  • สำหรับการลงทุนในระยะเริ่มต้นของโปรเจค บอกเลย! กว่าจะได้พูดถึงเรื่องกำไร ต้องรอนานเป็นชาติ หากเราเชื่อมั่นในโปรเจค เราต้องอดทนรอเพื่อจะเปลี่ยนเงินที่ลงทุนเป็นกำไรในอนาคต
  1. พันธมิตรทางธุรกิจ มีใครบ้าง?

พันธมิตรทางธุรกิจ มีความสำคัญต่อโปรเจคด้านคริปโต เพราะมันจะช่วยทำให้ทีมงานเข้าถึงทรัพยากรต่าง ๆ ที่จำเป็น ตั้งแต่เริ่มพัฒนาโปรเจค ไปจนถึงการเผยแพร่โปรเจค และเป็นที่ปรึกษาให้ทีมงานได้อีกด้วย

  • การมีพันธมิตรจำนวนมากเป็นเรื่องที่ดี แต่คุณภาพสำคัญมากกว่าปริมาณ! เมื่อก่อตั้งโปรเจค หากมีความร่วมมือกับสถาบันทางการเงิน สถาบันการศึกษา สถาบันวิจัย หรือสถาบันที่เป็นทางการต่าง ๆ จะสร้างความน่าเชื่อถือให้กับโปรเจคได้เป็นอย่างมาก
  • เพราะมันสามารถสร้างความน่าเชื่อถือให้โปรเจคได้ ในหน้าเว็บไซต์จึงต้องแสดงข้อมูลของพันธมิตทางธุรกิจเอาไว้ ให้เราสำรวจว่าข้อมูลที่แสดงมีมากแค่ไหน ยิ่งมีข้อมูลเยอะก็ยิ่งน่าเชื่อถือ ไม่ใช่มีแค่โลโก้ของพันธมิตรเท่านั้น
  • อย่างหลงกลให้กับโลโก้ไม่กี่อัน! เพราะเว็บไซต์อาจดาวน์โหลดโลโก้จาก Google มาแปะเอาไว้เฉย ๆ ก็ได้ เราต้องไปค้นคว้าเพิ่มเติมว่ามีข่าวความร่วมมือกันหรือแถลงข่าวการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกันอย่างเป็นทางการหรือไม่ จากแหล่งข่าวภายนอกนะ ไม่ใช่ข่าวในเว็บไซต์ที่อาจเขียนเอง มโนขึ้นมาเอง

หน้าเว็บไซต์ของโปรเจคอาจขาดข้อมูลบางอย่างตามที่เราแนะนำให้ค้นหาไป แต่ก็ไม่เป็นไรครับ ให้เราสำรวจรายละเอียดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยิ่งทีมงานเผยแพร่ข้อมูลมากเท่าไหร่ ความโปร่งใส และความน่าเชื่อถือก็ยิ่งมากเท่านั้น จากนั้นก็อาศัยข้อมูลเท่าที่มีอยู่ตัดสินใจในการลงทุน

อย่างไรก็ตาม คู่มือ Step-by-Step ยังไม่จบเพียงเท่านี้ ยังเหลือ Part 4-5 ยังไงรอติดตามกันได้นะครับ กับ วิธีทำ การวิจัย (research) ก่อนลงทุนด้านคริปโตฯ อย่างไร?  คู่มือ Step-by-Step [Part 4-5] ในเร็ว ๆ นี้ครับ

ข่าว: คู่มือการลงทุนคริปโต Step-by-Step [Part 3] การวิจัย (research) ก่อนลงทุนด้านคริปโตฯ ทำอย่างไร? มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.
from:https://www.appdisqus.com/how-to-research-research-crypto-project-manual-part-3/

วิธีทำ การวิจัย (research) ก่อนลงทุนด้านคริปโตฯ อย่างไร? คู่มือ Step-by-Step [Part 1-2]

วันนี้ผมได้ไปเจอบทความต่างประเทศที่มีประโยชน์มาก ๆ ต่อการทำธุรกิจและลงทุนในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี หรือ คริปโต (Crypto) เป็นวิธีการที่เจ้าของบทความระบุว่าเป็นการแชร์ประสบการณ์การการวิจัยด้านคริปโตก่อนที่จะตัดสินใจซื้อขาย ทำธุรกรรม การลงทุน และอื่น ๆ เกี่ยวกับ คริปโตเคอร์เรนซี ซึ่งถือว่าการวิจัยนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อการดำเนินธุรกิจหรือการลงทุนต่าง ๆ ผมเชื่อว่าเพื่อน ๆ ที่อ่านบทความนี้อยู่ทำกันอยู่แล้ว เพียงแค่ไม่รู้ว่ามันเรียกว่าการวิจัยได้เช่นกัน อาจคิดว่าการวิจัยเป็นเรื่องใหญ่ มีแต่นักวิจัย นักวิชาการ หรือคนที่มีทักษะเฉพาะทางเท่านั้นหละที่ทำวิจัยกัน แต่ไม่เลยครับ! ความจริงแล้วเพียงเราค้นคว้าหาความรู้ใน Google นำความรู้ที่ได้มารวบรวมและเรียบเรียง กลายเป็นองค์ความรู้ใหม่เพื่อเราโดยเฉพาะ ในลักษณะนี้ก็เป็นการวิจัยเช่นเดียวกัน เพียงแค่มันยังไม่ครบกระบวนการวิจัย ยังไม่เกิดประโยชน์สูงสุด เพราะยังขาดการรวบรวมและเรียบเรียงที่ดี รวมทั้งการบันทึก และการสรุปผล เพื่อนำผลที่ได้ไปใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจด้านคริปโตนั่นเอง

Ren & Heinrich ระบุว่าเมื่อพวกเขาเริ่มต้นเข้าสู่ตลาดคริปโต พวกเขาก็ทำพลาดเช่นเดียวกันกับนักเทรดทั่วไป นั่นคือ ไม่ได้ทำวิจัยก่อนตัดสินใจลงทุน ซื้อขายเหรียญคริปโตที่กำลังได้รับความนิยมในขณะนั้น หวังทำกำไรจากมัน สุดท้ายพวกเขาสูญเงินลงทุนมหาศาลในช่วงแรก หลังจากนั้นพวกเขาก็เรียนรู้ที่จะทำวิจัย ค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับคริปโตกว่า 100 เหรียญ และโปรเจคต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นไม้ตายในการตัดสินใจลงทุนเพื่อทำเงินในตลาดคริปโตแห่งนี้ … ซึ่งได้ผล! การวิจัยทำให้การลงทุนในตลาดคริปโตของพวกเขาออกดอกออกผล ผ่านมาหลายปี ตอนนี้ถึงเวลาที่ควรเอาประสบการณ์การวิจัยมาแชร์เป็นวิทยาทานในบทความนี้แล้ว ซึ่งจะเป็นคู่มือ Step-by-Step สอนการทำวิจัยด้านคริปโต โดยไม่ต้องเป็นนักวิจัยตลาด หรือมีทักษะพิเศษมากมาย เพียงมีความพากเพียรและมุ่งมั่นก็พอแล้วครับ

 

ส่วนที่ 1 เริ่มต้นกับพื้นฐาน

หากคุณเป็นผู้เล่นใหม่ในตลาดคริปโต ผมขอแนะนำแบบจริงจังเลยว่า ให้ลงทุนกับเหรียญขนาดใหญ่ ที่มั่นคง และเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป อย่าง Bitcoin และ Ethereum เพราะมันมีแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องบนอินเทอร์เน็ตอย่างมากมายและส่วนใหญ่ฟรี ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ

 

เริ่มต้นที่ไหน?

เริ่มต้นโดยการอ่าน Bitcoin Whitepaper ฉบับแปลไทย (PDF) ที่เวอร์ชั่นต้นฉบับเขียนโดย Satoshi Nakamoto ผู้สร้าง คริปโต Bitcoin นั่นเอง ซึ่ง Whitepaper คือ เอกสารงานวิจัยที่อธิบายเกี่ยวกับโปรเจคหรือแนวคิด ของเหรียญคริปโตนั้นๆ นั่นเอง

trade-and-mining-cryptocurrency-thai-course-2022-1

เราสามารถข้ามการศึกษาเกี่ยวกับโค้ดได้เลย แต่ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับ บิทคอยน์ (Bitcoin) และบล็อกเชน (Blockchain) ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญมาก ๆ ในการลงทุนกับคริปโต โดยความรู้ที่เราควรเคลียร์ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ (ตอนค้นหาไม่ต้องแปลไทย) ได้แก่  wallets, addresses, private key,  public key, ธุรกรรมบน Blockchain ของ Bitcoin มันทำงานอย่างไร เป็นต้น [คลิกเพื่อหาคำตอบ]

เมื่อเรามีความรู้และประสบการณ์จากการศึกษาวิจัยในเหรียญขนาดใหญ่เพียงพอแล้ว หลังจากนั้นเราก็เริ่มซื้อขายด้วยจำนวนเงินไม่เยอะมากนักเพื่อหาประสบการณ์ในการซื้อขายได้เลย (เริ่มต้นที่แพลตฟอร์มของไทยก่อนอย่าง Bitkub แล้วค่อยไปเล่นแพลตฟอร์มต่างประเทศก็ได้) หลังจากนั้นก็อาจศึกษาโปรเจคและเหรียญขนาดเล็กตัวอื่นที่มีอยู่มากมายในตลาดคริปโต เพื่อมองหาทางเลือกในการลงทุนที่เหมาะสมกับตัวเราเอง

ส่วนที่ 2 ค้นหาข้อมูลเว็บไซต์ของโปรเจค หรือ เหรียญคริปโต และอ่าน Whitepaper

สำหรับเหรียญใหม่หรือเหรียญขนาดเล็กในตลาดคริปโต ส่วนใหญ่แล้วจะหาข้อมูลยาก ไม่ได้มีเยอะเหมือนเหรียญขนาดใหญ่และเป็นที่นิยม ด้วยเหตุนี้การดำเนินการวิจัยที่เหมาะสมจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ก่อนอื่นเลยให้มองหาสิ่งที่หาได้ง่ายมากที่สุด คือ เว็บไซต์ของโปรเจค หรือ เหรียญคริปโต และ  Whitepaper แล้วตรวจสอบสิ่งต่อไปนี้

  1. ดูแล้วเป็นเว็บไซต์ที่ถูกกฎหมายหรือไม่? โดยสิ่งที่ต้องมองหาเป็นอันดับแรก ได้แก่

– เว็บไซต์แสดงรายการข้อมูลที่สำคัญ เช่น ที่อยู่ติดต่อ เงื่อนไขการใช้งาน นโยบายความเป็นส่วนตัว ฯลฯ หรือไม่?

– เนื้อหาในเว็บไซต์มีมากน้อยแค่ไหน และมีการอัพเดตอย่างต่อเนื่องหรือไม่?

– องค์ประกอบของหน้าเว็บไซต์ผิดเพี้ยน ไม่สวยงามหรือไม่? ตัวอย่างเช่น ในไทยเราจะเห็นว่าเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นมาหลอกเงิน หรือ แชร์ลูกโซ่ ที่เกี่ยวกับคริปโต หน้าเว็บไซต์จะมีสัดส่วนที่เพี้ยน เมนูแปลก ๆ เหมือนยังทำเว็บไซต์ไม่เสร็จ หรือเปิดในคอมพิวเตอร์แต่แสดงมุมมองแบบมือถือ เป็นต้น

– เว็บไซต์มีการลิงก์ไปยังหน้าเว็บไซต์ภายนอกที่น่าเชื่อถือหรือไม่?

– เราต้องระวังเว็บไซต์ที่มีการสะกดคำแบบ ผิด ๆ ถูก ๆ หรือใช้ประโยคที่เหมือนแปลด้วยโปรแกรมอัตโนมัติ

เครื่องมือเทพ!! ตรวจสอบความน่าเชื่อถือเว็บไซต์ที่  https://www.urlvoid.com/ เพียงคัดลอก url ไปวางไว้ในช่องค้นหาเว็บไซต์ก็จะตรวจสอบจาก 44 ฐานข้อมูล ว่าเป็นเว็บไซต์ที่อยู่ในลิสต์ที่มีปัญหาหรือไม่ น่าเชื่อถือหรือเปล่า และมีความปลอดภัยมากแค่ไหน

  1. ค้นหาข้อมูลทั่วไปของโปรเจค และประเภทธุรกิจที่เกี่ยวข้อง

เราต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้ก่อนกว่าโปรเจคที่จะลงทุนนั้นเกี่ยวกับอะไร กลุ่มอุตสาหกรรมอะไร มีเป้าหมายอะไรบ้าง และเกิดขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาอะไร

  • กลุ่มเป้าหมายของโปรเจคเป็นตลาดใหม่ กำลังเติบโต หรือตลาดเดิมที่มีการแข่งขันสูง
  • จุดแข็งและจุดอ่อนของอุตสาหกรรมที่โปรเจคดำเนินธุรกิจอยู่
  • กลุ่มอุตสาหกรรมนั้นพร้อมรับนวัตกรรมใหม่ ๆ ได้เร็วแค่ไหน หรือเป็นอุตสาหกรรมที่ปรับตัวยาก ไม่เปิดรับเทคโนโลยีใหม่
  • ทำไมเทคโนโลยีบล็อกเชนหรือคริปโต ถึงมาช่วยทีมโปรเจคและการดำเนินธุรกิจของอุตสาหกรรมนั้น ๆ ได้
  1. สิ่งที่โปรเจคหรือเหรียญคริปโตทำคืออะไร? และเกิดขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาอะไร?

ขุดให้ลึกว่า ทำไมทีมที่อยู่เบื้องหลังโปรเจคหรือเหรียญคริปโตนั้น ๆ จึงคิดว่าเทคโนโลยีนี้จะมาช่วยแก้ปัญหาให้พวกเขาได้

  • โปรเจคเข้ามาสร้างความท้าทายใหม่ให้เกิดขึ้นในธุรกิจได้อย่างไร? ช่วยทำให้เร็วและง่ายขึ้น? หรือช่วยประหยัดเงิน?
  • ปัญหาหลักของโปรเจคที่พยายามจะแก้ไขคืออะไร?
  • แล้วก็ ถอยหลังมาสักก้าว ถามตัวเองว่ามันเมคเซนส์ไหมที่จะนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้? โปรเจคด้านคริปโตจะประสบความสำเร็จก็ต่อเมื่อใช้มันเข้ามาพัฒนากระบวนการที่มีอยู่ก่อนแล้ว นั่นเพราะว่าคริปโตยังไม่เป็นที่ยอมรับในวงกว้าง หากจะสร้างกระบวนการใหม่ในธุรกิจอาจยากลำบาก

อาศัยข้อมูลทั้งหมดในข้อ 2 และ 3 รวมทั้งการวิเคราะห์ SWOT อะไรคือ จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และภัยคุกคาม ของโปรเจคและธุรกิจนั้น ๆ ทั้งหมดนี้ถือว่าเราได้ทำการวิจัยค้นคว้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่หากไม่ต้องการพลาด ถูกหลอก และประสบความสำเร็จในการลงทุนด้านคริปโตเคอร์เรนซี มันยังไม่พอครับ ไว้เรามาติดตามในบทความ วิธีทำ การวิจัย (research) ก่อนลงทุนด้านคริปโตฯ อย่างไร? คู่มือ Step-by-Step [Part 3-5] ได้เลยนะครับ

ข่าว: วิธีทำ การวิจัย (research) ก่อนลงทุนด้านคริปโตฯ อย่างไร? คู่มือ Step-by-Step [Part 1-2] มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.
from:https://www.appdisqus.com/how-to-research-on-crypto-currency/

วิธีเริ่มต้นขุดเหรียญคริปโต – เลเวลอัพสายเทรด ลงทุนครั้งเดียว รายได้เข้าทุกเดือน [Part 1]

เชื่อว่าหลายคนตอนนี้รู้จักการเทรดคริปโตกันแล้ว และเคยเทรดคริปโตกันมาบ้างไม่มากก็น้อย แม้ในช่วงที่ผ่านมาอาจเป็นช่วงซบเซาของตลาด ทำให้ติดดอยกันจนต้องนั่งรอให้สถานการณ์คลี่คลาย ระหว่างนั้นเรามาเรียนรู้การขุดเหรียญคริปโต หรือ ขุดคริปโต กันเถอะครับ ว่ามันคืออะไร? สำหรับใครที่แค่เคยได้ยินผ่านหูแต่ยังไม่ได้ศึกษาจริงจังอาจยังไม่เข้าใจเพียงพอที่จะสามารถประเมินได้ว่ามันน่าลงทุนไหม? มีความเสี่ยงอะไรบ้าง? วันนี้เราจะมาเล่าให้ฟัง

Cryptocurrency-Mining-how-to-part-1-003

การขุดเหรียญคริปโตคืออะไร?

ผมขออธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ ไม่ใช่เชิงเทคนิคนะครับ ผู้อ่านอาจเคยได้ยินเรื่องเทรดคริปโตมาแล้ว มันคือการซื้อขายคริปโตเพื่อทำกำไรนั่นเอง ซึ่งกิจกรรมในโลกคริปโตนอกจากจะมีการซื้อขายแล้ว ยังมีการโอน การฝาก การถอน คล้ายกับเงินจริงทุกอย่าง ต่างกันที่เงินจริงจะมีธนาคารเป็นผู้ยืนยันการทำธุรกรรม(ว่าเกิดขึ้นจริง) แต่สำหรับคริปโตผู้ยืนยันการทำธุรกรรม คือ miner หรือ นักขุด โดยใช้เครื่องขุดที่เรากำลังจะลงทุนกัน    หากนักขุดคนใด ยืนยันธุรกรรมสำเร็จ จะได้รับรางวัลตอบแทน เป็นเหรียญคริปโตนั้น ๆ นี่หละครับที่มาของรายได้จากการขุดเหรียญคริปโต แต่การยืนยันธุรกรรมเราต้องแข่งขันกับนักขุดคนอื่น ๆ แย่งกันยืนยันด้วยเครื่องขุด และต้องยืนยันด้วยจำนวนครั้งที่เยอะ เพื่อผลตอบแทนที่เยอะตามไปด้วย ดังนั้นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อรายได้ คือ เครื่องขุดที่มีสเปคสูง ๆ นั่นเอง แต่ก็ตามมาด้วยราคาที่สูงเช่นกัน

What-is-Cryptocurrency-Mining-how-to

 

ปี 2022 ขุดเหรียญคริปโตอะไรดี?

ก่อนที่จะซื้อเครื่องขุด เราต้องตัดสินใจก่อนว่าจะขุดเหรียญอะไร? ลองอ่านบทความ  [1] ขุดเหรียญอะไรดีในปี 2022? จะเห็นว่ามีเหรียญให้เราเลือกขุดได้จำนวนมาก ตัวอย่างเช่น บิทคอยน์ (Bitcoin) Litecoin ETC และอื่น ๆ อีกมากมาย แต่มีเหรียญนึงที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะมีธุรกรรมจำนวนมหาศาล ซึ่งมันก็เปรียบดังเป็นเหมืองทองที่มีทองคำปนอยู่ในพื้นดินเป็นจำนวนมาก คนจึงแห่ไปขุดกันเยอะ นั่นคือ เหรียญ Ethereum แต่ในเดือนกันยายน 2565 นี้ คาดว่าเราจะไม่สามารถขุด Ethereum ได้แล้ว สังคมนักขุดจึงพยายามมองหาเหรียญที่จะมาทดแทนได้ ซึ่งจากบทความ [2] “วัยรุ่นสร้างเหมือง” เล็งเป้าใหม่ ETC,RVN,CFX อาจเป็นทำเลทองนักขุดหลัง Ethereum โบกมือลา PoW โดย PoW ย่อมาจาก Proof of Works เป็นกระบวนการยืนยันธุรกรรมที่กล่าวถึงในหัวข้อก่อนหน้านี้ เหรียญ Ethereum จะหันไปใช้การยืนยันธุรกรรมรูปแบบอื่น นั่นคือ PoS ซึ่งยืนยันธุรกรรมได้เร็วกว่า PoW เพื่อแก้ปัญหาการยืนยันธุรกรรมช้า ทำให้การซื้อขายหรือโอนเหรียญ Ethereum ล่าช้า และมีค่าธรรมเนียมแพงมาก แต่อย่างที่บทความ [2] ว่าเอาไว้ แม้ Ethereum จะขุดไม่ได้ เราก็มีเหรียญอื่นให้เล่นอีกมาก ซึ่งตัวที่น่าสนใจได้แก่เหรียญ ETC, RVN และ CFX นั่นเอง

การเลือกเหรียญที่จะขุดต้องพิจารณาหลายอย่าง ตัวอย่างเช่น เหรียญนั้น ๆ จะยืนในตลาดได้นานมากน้อยเพียงใด ราคาขึ้นลงของเหรียญเป็นอย่างไร หากผันผวนมากเรารับได้ไหม เป็นต้น แต่ ณ ที่นี้สมมุติว่าเราจะขุด ETC นะครับ

Cryptocurrency-Mining-how-to-part-1-004

การซื้อเครื่องขุดเหรียญคริปโต

เครื่องขุดมีหลายรูปแบบ สำหรับผู้เริ่มต้น ผมขอแนะนำเครื่องขุดแบบ ASIC ที่มีประสิทธิภาพสูง เสียงเงียบ สร้างขึ้นมาเพื่อขุดคริปโตโดยเฉพาะ ทำให้มันทำงานได้ดีกว่ารูปแบบอื่นในหลาย ๆ เรื่อง นอกจากนี้เราไม่ต้องเสียเวลาประกอบ และดูแลใส่ใจทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์อยู่ตลอดนั่นเอง โดยการตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องขุด ASIC ขึ้นอยู่ว่าผู้อ่านตั้งงบเอาไว้เท่าไหร่ ราคาเครื่องขุดมีตั้งแต่หลักหมื่น ถึง หลักล้าน เลยครับ ส่วนเครื่องมือ 2 หลักพันก็หาซื้อได้ครับ ซึ่งหาซื้อได้จากกลุ่มเครื่องขุด ASIC ต่าง ๆ แต่หากซื้อไม่ดีอาจได้เครื่องเก่า ประสิทธิภาพต่ำ ดังนั้นอันนี้ไม่แนะนำครับ สำหรับการเริ่มต้น ผมแนะนำเครื่องรุ่นนี้ครับ iPollo V1 Mini Classic WiFi Version ราคาประมาณ 3 หมื่นบาท (official shop) หากรวมค่าจัดส่ง+ภาษี อาจเพิ่มมาอีก หากซื้อกับผู้ขายในไทยจะประมาณ 5 หมื่นบาทครับ

how-to-crypto-mining-part-1-005

รายได้และระยะเวลาการคืนทุน?

iPollo V1 Mini Classic เครื่องนี้จะสามารถขุดเหรียญ ETC ซึ่งราคาตอนนี้ประมาณ 1 ETC ต่อ 1,200 บาท (วันที่ 26 สิงหาคม 2565) เมื่อขุดแล้วได้เหรียญมา ผู้อ่านสามารถขายมาจ่ายค่าไฟฟ้า หรือถือเก็บไว้ยังไม่แลกเป็นเงินบาท แล้วขายในช่วงราคาดี ๆ ก็จะได้ผลตอบแทนที่สูงได้ แต่ตอนนี้เราขอใช้ตัวเลข 1,200 บาทก่อนนะครับ อ้างอิงจากประสบการณ์ในการขุดด้วย iPollo V1 Mini Classic จะได้วันละ 0.053 ETC (ตรงกับ [4]) ตกเดือนละ 2,000 บาท ค่าไฟประมาณเดือนละ 374 บาท (5 บาทต่อหน่วย) คงเหลือ 1,626 บาท ต้นทุนค่าเครื่องผมตีไว้ที่ค่าเฉลี่ย 4 หมื่นบาท สรุปจะได้ทุนคืนประมาณ 24 เดือน หรือ 2 ปี นั่นเอง ซึ่งถือว่าคืนทุนเร็วครับ การขุดหลังจากนั้นก็จะกลายเป็นกำไรล้วน ๆ

สำหรับ Part 1 ขอจบเอาไว้ให้ผู้อ่านลองตัดสินใจด้วยตัวเองเสียก่อนนะครับ Part 2 จะเป็นการแนะนำหลังจากซื้อเครื่องขุดมาแล้ว ต้องทำอย่างไรบ้าง ? รอติดตามได้เลยนะครับ


อ้างอิง
:

[1] https://currency.com/th/khud-heriyy-xari-di

[2] https://www.facebook.com/cryptobyefinancethai/photos/a.109827524604822/403469251907313/

[3] https://ipollo.com/products/ipollo-v-mini-classic-wifi-version

[4] https://www.asicminervalue.com/miners/ipollo/v1-mini-classic

แนะนำบทความอ่านเพิ่มเติม:

[5] https://medium.com/bitkub/transfer-bitcoin-f60a1c6ae940

[6] https://www.finnomena.com/planet46/what-is-bitcoin-mining/

[7] https://siamblockchain.com/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3-%E0%B8%82%E0%B8%B8%E0%B8%94-bitcoin-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3/

[8] https://thestandard.co/key-messages-bitcoin-really-worth-it-now/

ข่าว: วิธีเริ่มต้นขุดเหรียญคริปโต – เลเวลอัพสายเทรด ลงทุนครั้งเดียว รายได้เข้าทุกเดือน [Part 1] มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.
from:https://www.appdisqus.com/cryptocurrency-mining-how-to-part-1/

[Tips] วิธีการโอนเงินด้วย Bitkub ด้วยเหรียญที่ราคาคงที่ ทำอย่างไร? ค่าธรรมเนียมเท่าไหร่?

การโอนเงินด้วยแพลตฟอร์ม Bitkub ไม่ได้มีประโยชน์เพียงการโอนเงินหากันระหว่างกระเป๋าเงินดิจิทัลของบุคคลทั่วไป แต่มันยังเหมาะสำหรับการซื้อขายระหว่างประเทศเป็นอย่างมาก สะดวก ลดความซับซ้อน ถือว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ โดยวิธีการโอนเงินด้วย Bitkub ความจริงแล้วจะโอนด้วยเหรียญคริปโตใดก็ได้ แต่เราแนะนำว่าควรโอนด้วยเหรียญที่มีราคาคงที่ หรือ Stablecoin ซึ่งบทความนี้จะใช้เหรียญ USDT เป็นตัวอย่าง

 

วิธีการโอนเงินด้วย Bitkub ด้วยเหรียญที่ราคาคงที่ ทำอย่างไร? ค่าธรรมเนียมเท่าไหร่?

ก่อนอื่นขอถือว่าทุกท่านมีบัญชี Bitkub และเติมเงินบาทเข้าไปในบัญชีแล้วนะครับ แต่หากยังไม่มีบัญชีหรือยังไม่เติมเงินสามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดแบบเต็มได้ที่นี่ >> วิธีสมัครใช้งาน BITKUB อย่างละเอียด ทุกขั้นตอน และสอนการเทรดคริปโต(CRYPTO) สำหรับมือใหม่!

[ฝั่งผู้โอนเงิน] อันดับแรกของการโอนเงิน เราต้องคุยกับผู้ซื้อหรือผู้ขายให้ดีก่อนว่าจะโอนเงินกันด้วยเหรียญอะไร ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็น Stablecoin อย่าง USDT เสร็จเรียบร้อยเราก็ต้องไปซื้อเหรียญ USDT ซึ่งหากเลือกได้ก็ซื้อตอนราคามันถูก ๆ เมื่อเทียบกับเงินบาทแล้วกันครับ โดยในหน้าแรกของ Bitkub ให้เราคลิกไปที่เหรียญ USDT แล้วกดปุ่มซื้อ จากนั้นก็เลือกซื้อแบบมาร์เก็ต (เลือกแบบลิมิตได้หากเราไม่รีบ ซึ่งมีโอกาสซื้อได้ในราคาถูกตามที่เรากำหนดราคาซื้อล้วงหน้า) และใส่จำนวนเงินบาทที่เราต้องการซื้อลงไปในช่องเงินที่ต้องการจ่าย แล้วกดปุ่ม ซื้อได้เลย จากนั้นกลับมาที่กระเป๋าเงินของเราก็จะเห็นเหรียญ USDT เข้ามาอยู่ในกระเป๋าทันที

how-to-witharawal-transfer-bitkub-wallet-6

[ฝั่งผู้รับเงิน] ก่อนที่จะโอนเงิน ฝ่ายผู้รับเงินมีหน้าที่สำคัญคือสร้าง address เทียบกับความเป็นจริงให้เห็นภาพก็คือสร้างเลขที่บัญชีธนาคารไว้รับเงินโอนนั่นหละครับ โดยจะขอนำเสนอการสร้าง address ทั้งบน Bitkub และแพลตฟอร์มอื่นเป็นตัวอย่าง

  • สำหรับ Bitkub ให้เข้าไปที่กระเป๋าเงิน หรือ wallet มองหาแถบรายการของเหรียญ USDT หากไม่เจอให้เอาติ๊กหมายเลข 2 ออก เมื่อเจอแถบรายการเหรียญ USDT แล้วให้กดปุ่ม “ฝาก” สีเขียว

how-to-witharawal-transfer-bitkub-wallet-1-1

  • ลำดับต่อมา หมายเลข 4 เป็นการเลือก Network ซึ่งมีความสำคัญในการโอนมากไม่แพ้ address จะเลือก Network อะไร มีข้อดีข้อเสียและรายละเอียดหลายอย่าง ขอไม่กล่าวถึงในบทความนี้ เราเลือกตัวไหนก็ได้ แต่ต้องจำให้ได้ว่าเราเลือกตัวไหนไว้ สำหรับ Bitkub ปัจจุบันมีให้เลือกเพียง 2 Network ดังภาพ ซึ่งบทความนี้ขอเลือก ERC20 (ควรจำโค้ดตัวนี้แทนชื่อ) เสร็จระบบก็จะสร้าง address พร้อม QR Code ให้เรา เราสามารถบันทึกเอาไว้ที่ไหนก็ได้(มีปุ่มคัดลอกให้) มีปุ่มแชร์ อันนี้สามารถแชร์ให้ผู้โอนได้เลย [หมายเหตุ: address นี้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง หากเราใช้การรับโอนด้วย USDT ของ Network เดิม แต่หากรับโอนเหรียญอื่น หรือเปลี่ยน Network ก็จะต้องใช้ address ใหม่]

how-to-witharawal-transfer-bitkub-wallet-2

  • ตัวอย่างแพลตฟอร์มอื่น ขอยกแพลตฟอร์มอีกตัวที่ได้รับความนิยมในระดับโลก ที่จะสะดวกในการซื้อขายระหว่างประเทศมากกว่าอย่าง Binance แต่หากเป็นแพลตฟอร์มอื่นก็ทำได้ไม่ต่างกันครับ(ลองสังเกตว่าไม่ต่างจาก Bitkub เปลี่ยนแค่ตำแหน่งของปุ่ม) นั่นคือ เมื่อเข้ามาใน Binance ให้ไปที่กระเป๋าเงิน เมนูด้านบนเลือก deposit (ฝาก) หน้าของการฝากเงินจะมีให้เลือกว่าฝากเงิน Fiat (เงินปกติ) หรือเงิน Crypto เนื่องจากเราจะรับเงินโอนจาก USDT จึงต้องเลือกแถบ Crypto ซึ่งจะมีหลากหลายสกุล เราก็ค้นหาสกุลเงิน USDT จากนั้นก็กดเลือกที่แถบหมายเลข 5 ได้เลย

how-to-witharawal-transfer-bitkub-wallet-3-1

  • ขั้นตอนต่อมาคล้ายกับ Bitkub นั่นหละครับ คือ เลือก Network เพียงแต่มีให้เราเลือกเยอะกว่ามาก เลือกเสร็จระบบก็จะสร้าง address และ QR Code ให้เราพร้อมแชร์ให้ผู้โอนได้เลย

how-to-witharawal-transfer-bitkub-wallet-4

[ฝั่งผู้โอนเงิน] กลับมาที่ฝั่งผู้โอนเงิน หลังจากที่เรามีเงิน USDT ในกระเป๋าเอาไว้แล้ว ที่หน้ากระเป๋าเงิน (wallet) หาแถบ USDT แล้วกดปุ่ม “ถอน” ดังหมายเลข 8 หน้าต่อมีจะมีคำเตือนให้เราอ่านและรับรู้คำเตือน จากนั้นกดปุ่มตกลง หน้าต่อมาสำคัญที่สุด เป็นการใส่ address และ Network ของผู้เรา ซึ่งหากสแกน QR Code ข้อมูลก็จะมาหมดเราไม่ต้องกรอก address หรือเลือก Network หรือจะคัดลอกมาวางก็ได้ ส่วนปุ่มหมายเลข 11 เป็นการดึงข้อมูลจากที่อยู่ที่เราเคยบันทึกเอาไว้ในบัญชี ซึ่งจะบันทึกข้อมูลก็เพียงกดปุ่มหมายเลข 12 ครับ เมื่อใส่ address และ Network แล้วเสร็จ ก็ใส่จำนวนเงินที่จะโอนในช่องหมายเลข 14 หรือกดปุ่ม Max หากต้องการโอนทั้งหมดที่มีอยู่ ซึ่ง Bitkub จะเก็บค่าธรรมเนียมการโอน 0.8 USDT

how-to-witharawal-transfer-bitkub-wallet-5

ลำดับต่อมากดปุ่ม “ขอรหัส OTP” ซึ่งจะส่งเข้าเบอร์มือถือที่เราลงทะเบียนกับ Bitkub เอาไว้ แต่มีอายุแค่ 60 วินาที ต่อมาใส่รหัสความปลอดภัยของ Google Authenticator กดยืนยันการถอน ใส่ข้อมูลส่วนตัวเพื่อยืนยันความมั่นใจให้ระบบอีกครั้ง แล้ว submit เท่านี้ก็เรียบร้อย ระบบจะทำการโอนเงินไปปลายทางที่อาจจะใช้เวลา 10 นาทีหรือมากกว่าขึ้นอยู่ว่าโอนด้วยเหรียญอะไร และมีธุรกรรมหนาแน่นมากแค่ไหนในช่วงนั้น บางเหรียญใช้เวลาถึง 2 วันก็มีครับ

how-to-witharawal-transfer-bitkub-wallet-8

หากต้องการตรวจสอบสถานะการโอนเพื่อให้ตัวเองมั่นใจหรือเพื่อแคปหน้าจอไปโชว์ผู้รับโอน ก็ให้เข้าไปที่กระเป๋าเงิน ปุ่มด้านบนขวาเป็นรูปนาฬิกา คือประวัติธุรกรรม เลือกแถบ crypto แล้วตรวจสอบธุรกรรมที่เราเพิ่งทำไปว่ามันขึ้นสถานะ pending หรือ complete แล้ว เท่านี้ก็เรียบร้อยครับ

how-to-witharawal-transfer-bitkub-wallet-9

ที่มา: Bitkub

ข่าว: [Tips] วิธีการโอนเงินด้วย Bitkub ด้วยเหรียญที่ราคาคงที่ ทำอย่างไร? ค่าธรรมเนียมเท่าไหร่? มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.
from:https://www.appdisqus.com/how-to-witharawal-transfer-bitkub-wallet/