Apple ได้เปิดขายเคสหนังสำหรับ iPhone 12 mini และ iPhone […] More
from:https://www.iphonemod.net/magsafe-leather-case-baltic-blue-review.html
Apple ได้เปิดขายเคสหนังสำหรับ iPhone 12 mini และ iPhone […] More
from:https://www.iphonemod.net/magsafe-leather-case-baltic-blue-review.html
เผยภาพและวิดิโอพรีวิวเคสหนังรองรับ MagSafe ของ iPhone 1 […] More
from:https://www.iphonemod.net/iphone-12-leather-case-support-magsafe-video-preview.html
Apple เปิดขาย iPhone XS Max ในไทยแล้ว แน่นอนว่าต้องมาคู่กับอุปกรณ์เสริมอย่างเคส เราขอพรีวิวเคสหนังสำหรับ iPhone XS Max ให้ชมกันว่าสวยงามขนาดไหน
จริงๆ แล้ว Apple เปิดขายเคสหนังสำหรับ iPhone มานานแล้ว โดยเคสหนังสำหรับ iPhone XS Max จอใหญ่รุ่นใหม่ก็มีเหมือนกัน โดยสีที่เราได้มานี้คือ สีเคปค็อดบลู
ตัวเคสนั้นเป็นวัสดุที่ทำมาจากหนังและพื้นผิวด้านในทำจากไมโครไฟเบอร์ช่วยปกป้อง iPhone XS Max ไม่ให้เป็นรอยและกันกระแทกเบื้องต้นได้
Apple เผยว่าตัวเคสด้านนอกทำมาจากหนังที่ผ่านกรรมวิธีการฟอกสุดพิเศษจากยุโรป พื้นผิวด้านนอกให้สัมผัสเนียนนุ่มมากๆ และที่ชอบที่สุดคือจะขึ้นลายที่สวยงามอย่างเป็นธรรมชาติตามกาลเวลาที่ผ่านไป
(ที่ขอบตัวเคสใช้ไปสักพักขอบจะดำๆ ซึ่งเป็นปกติของเคสหนัง)
ตัวเคสนั้นรองรับปุ่มกดต่างๆ ได้เป็นอย่างดี รวมถึงมีการเว้นช่องลำโพง, Ligthning, กล้องหลังไว้อย่างลงตัว
เมื่อใส่เคสหนังกับ iPhone XS Max แล้วสามารถชาร์จไร้สายได้ปกติ
จากประสบการณ์ในการใช้เคสหนังร่วมกับ iPhone มาแนะนำเลยว่าเคสตัวนี้ใช้กับ iPhone ได้ดีมาก ทั้งในแง่ของการออกแบบ, ความสวยงาม, การสัมผัสและการปกป้องตัวเครื่อง ทำได้ดีมากๆ
หากใครสนใจสั่งซื้อเคสหนังสำหรับ iPhone XS Max สามารถเข้าไปสั่งซื้อได้ที่ Apple Store Online ในราคา 2,290 บาท หรือจะเลือกซื้อที่หน้าร้านตัวแทนจำหน่ายก็มีวางขายแล้วเช่นกัน
from:https://www.iphonemod.net/iphone-xs-max-leather-case-preview.html
มีมาให้แฟนเพจได้ชมกันเรื่อยๆ ครับสำหรับเคส iPhone X, 8, 8 Plus, 7 และ iPhone 7 Plus ก่อนหน้านี้เคยรีวิวเคสจากแบรนด์ JTLEGEND (เจ ที เลเจ้นท์) ให้ชมกันไปแล้วเป็นเคสใสกันกันแทกที่มาพร้อมเทคโนโลยีการลบรอยที่ผิวเคสได้เอง แต่สำหรับรอบนี้เอาใสสาวๆ ที่ชอบความน่ารัก สดใส ฟรุ้งฟริ้ง กระดิ่งลายจุด Polka Dot มาในรูปแบบเคสหนังที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ จะสวยงามแค่ไหนเชิญชมครับ
Disclosure: บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจาก JTL Thailand โดยภาพและข้อความที่เขียนนั้นมาจากความเห็นของผู้เขียนโดยตรง
เคสรุ่นนี้ชื่อเต็มคือ JTLEGEND Leather Back Case Polka สรุปคุณสมบัติของเคสรุ่นนี้คือ เป็นเคสหนังลายจุดสีสันสดใสที่เพิ่มความสวยงามให้กับตัวเครื่องและช่วยป้องกันรอยไม่ให้เกิดกับ iPhone สุดรักของเราได้ด้วย
คุณสมบัติเด่นๆ ที่เห็นจากเคสรุ่นนี้
เราไปชมของจริงกันดีกว่าครับแล้วเดี๋ยวจะให้ความเห็นสำหรับเคสรุ่นนี้ให้ชมด้านท้ายนะครับ
หลังการใช้งาน JTLEGEND Leather Back Case Polka แล้ว ทีมงานขอสรุปประเด็นสาระสำคัญที่มาให้อ่านกันเป็นหัวข้อจะได้เข้าใจกันง่ายๆ นะครับ
เคสนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบใส่เคสหนังที่ค่อนข้างถนอมเครื่องไม่ทำให้ขอบเป็นรอยโดยเฉพาะ iPhone X ถ้าหากว่าคุณอยากได้เคสหนังแต่ดูของ Apple แล้วราคาแรงก็สามารถหันมาดูรุ่นนี้ก็ได้ น่ารัก ฟรุ้งฟริ้งและราคา #ถูก ด้วย ไม่ถึงพัน จัดหามาใช้งานกันได้เลยนะครับ
ข้อควรระวังในการใช้งานเคสหนังไม่หลีกเลี่ยงการนำวัตถุมีคมมาขูดกับตัวเคสเพราะจะทำให้เคสเป็นรอยได้ คำแนะนำการแกะเคสควรหาผ้ารองที่ขอบเสียก่อน(เช่นชายเสื้อ) เพื่อป้องกันไม่ให้เล็บขูดกับตัวเคส
JTLEGEND Leather Back Case Polka มีให้เลือกสนุกถึง 6 เฉดสี : Berry Blossom / Banana Lagoon / Blue Jazz / White Polka / Black Polka ราคาจำหน่ายอยู่ที่C
มีจำหน่ายที่ Studio7 , ทุกสาขา ทั่วประเทศ / Open Space @ Siam Discovery / #BeTrend @ Siam Paragon และ BaNANAStore.Com
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/JTL-Thailand
from:https://www.iphonemod.net/jtlegend-polka-leather-case-iphone-x-review.html
อีกหนึ่งข้อดีของ iPhone ไม่ว่าจะรุ่นเก่าขนาดไหนก็ยังสามารถหาอุปกรณ์เสริมอย่างเคส, ของแต่งหรือของที่ใช้งานร่วมกันได้แม้ว่าเวลาจะผ่านมานานแล้วซึ่งหากเป็นสมาร์ทโฟนยี่ห้ออื่นหรือว่ารุ่นก็คงจะหาได้ไม่ง่ายนักอย่างเช่นฟิล์มกันรอยก็หายากแล้ว จุดนี้ถือว่าเป็นข้อดีสำหรับผู้ใช้งาน iPhone นะครับ วันนี้สำหรับใครที่ใช้ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus เรามีอุปกรณ์เสริมมาแนะนำกันครับ
สำหรับมือใหม่ iPhone ที่ซื้อ iPhone 8, 8 Plus มาใช้เป็นครั้งแรกก็จะมีคำถามตามมาว่าจะใส่เคสตัวไหนดี แล้วฟิล์มกันรอยหละจะติดอันไหนดี พวกหูฟังต้องมีด้วยไหมถ้าอยากฟังเพลงจะใช้ตัวไหนดี
ทีมงาน iMod จะขอแนะนำอุปกรณ์เสริมสำหรับเสริมหล่อให้โดยเน้นที่ขายจาก Apple ว่าจะมีตัวไหนที่น่าสนใจบ้างควรควรเลือกแบบไหนไปชมกันครับ
สิ่งนี้ต้องมีเลยนะครับสำหรับ iPhone 8, 8 Plus ด้วยความที่รุ่นนี้ใช้ฝาหลังเป็นกระจกเพื่อใช้ชาร์จไร้สายได้ดังนั้นเคสฝาหลังของ iPhone 8, 8 Plus จะไม่เหมือนรุ่นก่อนหน้า (iPhone 7 และกล่าวกว่า) เพราะมันสามารถแตกได้ฉะนั้นควรหาเคสใส่ไว้จะอุ่นใจดีที่สุด
iPhone 8, 8 Plus ต้องใส่เคสจะอุ่นใจที่สุด
สำหรับเคสจาก Apple นั้นมีให้เลือก 2 แบบคือ ซิลิโคนและหนัง โดยความแตกต่างของทั้ง 2 รุ่นอยู่ที่วัสดุที่ใช้ผลิตและราคา
เคสหนัง – เคสนี้ผลิตด้วยหนังฟอกพิเศษใส่แล้วเข้ารูปกับ iPhone 8, 8 Plus ได้ดี ปุ่มที่กดนั้นเป็นอะลูมิเนียมยื่นออกมาทำให้ดูสวยงามและแถมการกดใช้งานทำได้ง่าย ส่วนที่ชอบคือด้านในของเคสที่สัมผัสกับหลังเครื่องเป็นผ้าไมโครไฟเบอร์นุ่มละเอียดไม่ทำให้ตัวเครื่องเป็นรอย การสวมใส่และถอดเคสทำได้ง่าย ดูสวยงามหรูหรา ยิ่งใช่ไปเรื่อยๆ ความเป็นจุดเด่นของหนังจะเริ่มแสดงขึ้นมันจะนิ่มและสีเริ่มจางในบางจุด ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่หลายๆ ชอบ ส่วนการใช้งานร่วมกับชาร์จไร้สายนั้นทำได้ดีไม่มีปัญหาอะไร แถมกันกระแทกได้ดีระดับหนึ่งด้วย
เคสซิลิโคน – รูปทรงจะเหมือนกับเคสหนังต่างเพียงวัสดุที่ใช้ซึ่งเป็นซิลิโคนมีความความนิ่มแต่ไม่ย้วย สวยงามตามแบบฉบับของ Apple ติดตั้งเข้าเครื่องแล้วกระชับจับถนัดมือและกันแรงกระแทกได้ดี ใช้งานกับการชาร์จได้สายได้อย่างไร้ปัญหา
ส่วนตัวแล้วถ้าให้เลือกระหว่าง 2 รุ่นนี้ผมเลือกเคสหนังด้วยความชอบส่วนตัวคือใส่แล้วหรูหราและรักษาง่ายมากว่าซิลิโคน หนังแม้ว่านานๆ จะสีจะซีดไปมันก็ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของมันอยู่ดูแล้วมีความ Classic ดี
หากใครไม่ทราบว่า iPhone 8, 8 Plus ที่คุณถือในมือหรือใครที่คิดจะซื้อไปใช้งานนั้นรุ่นนี้มาพร้อมความสามารถในการชาร์จแบตเตอรีให้เต็มเร็วเป็นพิเศษ เร็วกว่า iPhone 7 และเก่ากว่า
เร็วแค่ไหน?
ความเร็วคือเสียบชาร์จ 30 นาทีได้แบตเตอรีเพิ่ม 50% และชาร์จเต็ม 100% ใช้เวลาไม่เกิน 1.30 ชั่วโมง
แต่ที่เสียดาย Apple ไม่แถมอุปกรณ์ชาร์จเร็วมาให้เราด้วย ดังนั้นหากต้องการได้ประโยชน์จากจุดนี้จริงๆ อาจจะต้องกัดฟันซื้ออุปกรณ์เพิ่มสักหน่อย ได้แก่
อะแดปเตอร์ USB-C กำลังไฟ 29W และ สาย USB-C to Lightning
USB-C Power Adapter ขนาด 29 วัตต์ จริงๆ แล้วอะแดปเตอร์นี้ออกแบบมาสำหรับ MacBook 12 นิ้ว แต่ทั้งนี้อุปกรณ์นี้สามารถจ่ายไฟให้ iPhone 8, 8 Plus รวมทั้ง iPhone X ได้ด้วย อะแดปเตอร์นี้จ่ายไฟผ่านพอร์ต USB-C ให้กำลังไฟขนาด 29W (วัตต์) ดังนั้นเมื่อใช้งานร่วมกับสาย USB-C to Lightning เพื่อชาร์จแล้วจะทำให้แบตเตอรี iPhone 8, 8 Plus เต็มเร็วกว่าชาร์จด้วยอะแดปเตอร์ที่แถมมากับตัวเครื่องนั้นเอง
ปล. หากใครมี MacBook Pro 2016 ที่มาพร้อม USB-C Power Adapter ก็สามารถใช้ตัวนั้นชาร์จไฟให้กับ iPhone 8, 8 Plus ได้เลยโดยไม่ต้องซื้อเพิ่ม
ราคาของอุปกรณ์ดังกล่าว
นับว่าเป็นครั้งแรกของการชาร์จไร้สายใน iPhone ที่ทาง Apple ตัดสินใจกระโดดเข้ามาเล่นในสนามการชาร์จไร้สายนี้ การชาร์จไร้สายถือว่าเป็นทางเลือกหนึ่งเพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้งานสามารถชาร์จ iPhone 8, 8 Plus และ iPhone X ได้โดยไม่ต้องเสียบสาย Lightning ให้เมื่อย เปลี่ยนมาเป็นวางบนแท่นปุ๊บก็ชาร์จปั๊บทันที
ชาร์จไร้สายเหมาะที่สุดก็ตอนนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์หรือวาง iPhone ข้างหัวเตียงตอนนอน
การชาร์จด้วยระบบไร้สายจะไม่เร็วเท่ากับชาร์จแบบสายในข้อที่ 2 แต่ว่าชาร์จเร็วกว่าแบบสายเมื่อใช้อะแดปเตอร์ (5W) ที่แถมมาด้วยในกล่อง ดังนั้นความเร็วในชาร์จสูงสุดผ่านไร้สายนั้นจะอยู่ที่ 7.5W หากจะให้ได้ความแรงของกำลังไฟขนาดที่บอกไว้นั้น 2 สิ่งที่จำเป็นคือ iPhone 8, 8 Plus ต้องอัปเดต iOS 11.2 หรือสูงกว่าและต้องมีแท่นชาร์จไร้สายที่รองรับการปล่อยกำลังไฟสูงสุดที่ 10W ด้วย
โดยทาง Apple ก็มีแท่นชาร์จไร้สายมาขายเช่นกันในชื่อ AirPower แต่ทว่าสินค้ายังไม่เปิดขาย ซึ่งแว่วๆ ว่าสินค้าชิ้นนี้จะจำหน่ายราวๆ ต้นปี 2561 ที่กำลังจะถึงนี้รอไปชมได้เลยที่ Studio7
หากใครรอแท่นชาร์จจาก Apple ไม่ไหว ทีมงานมีแท่นชาร์จไร้สายมาแนะนำอีกรุ่นคือ Belkin BOOST↑UP™ Wireless Charging Pad รุ่นนี้รองรับการชาร์จไร้สายสำหรับ iPhone 8, 8 Plus และ iPhone X ที่ให้กำลังไฟ 7.5W สูงสุดตามที่ iPhone รับได้ ข้อดีของแท่นชาร์จรุ่นนี้คือ
ราคาแท่นชาร์จไร้สาย Belkin BOOST↑UP™ Wireless Charging Pad – 2,990 บาท
แม้ iPhone ตัดช่องหูฟัง 3.5 มม. ออกก็ไม่ได้หมายความว่าจะฟังเพลงผ่านสายหูฟังไม่ได้เพราะทาง Apple ได้แถมอะแดปเตอร์แปลงจาก Lightning เป็น 3.5 มม. มาให้ใช้ แต่ก็นะการใช้แบบมีสายมันก็ดีแต่ว่าหากใครได้ลองใช้หูฟังไร้สายละก็ สักพักคุณจะลืมหูฟังแบบมีสายไปเลยด้วยความที่มันใช้งานได้สะดวก มันไม่ต้องมีสายมาพันกันให้กวนใจและมันก็ Cool! มากๆ ด้วย
หูฟังไร้สายมีให้เลือกมากมายหลายยี่ห้อในท้องตลาดมาราคาตั้งแต่หลักร้อยไปถึงหลายหมื่นให้เลือกขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ฟัง
แต่ที่ผมจะแนะนำ 2 รุ่นที่ขายจาก Apple ที่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น
AirPods
ตัวแรกคือ Apple AirPods หูฟังไร้สายจาก Apple ที่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้งานจริงๆ แม้ว่าตอนเปิดตัวจะโดนบ่น ด่า ว่าออกแบบได้ห่วยมากไม่ได้เรื่องเลย, หน้าตาหน้าเกียจแบบนี้ไม่มีใครซื้อใช้หรอก ฯลฯ แต่พอเปิดขายเท่านั้นแหละสินค้าไม่พอขายเลยทีเดียว
จุดเด่นของ AirPods
Beats Solo3 Wireless
Beats Solo3 Wireless อีกหนึ่งตัวมาตรฐานที่ขายดีสำหรับหูฟังไร้สายจาก Beats รุ่นนี้มาพร้อมกับ Class 1 Bluetooth เพื่อเพลิดเพลินไปกับการฟังแบบไร้สาย และคุณภาพเสียงและการออกแบบที่ได้รับรางวัลจาก Beats ที่คุณจะต้องหลงรัก แบตเตอรี่ใช้งานได้นานสูงสุด 40 ชั่วโมงเพื่อการใช้งานที่ยาวนานหลายวัน เมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมด คุณสมบัติ Fast Fuel จะทำให้การชาร์จเพียง 5 นาที สามารถฟังเพลงได้นานถึง 3 ชั่วโมง
ที่ครอบหูแบบบุนุ่มแบบปรับได้ซึ่งออกแบบมาเพื่อความสบายในการใช้งานในทุกๆ วัน ดีไซน์เรียบหรูที่คล่องตัวและทนทาน ทั้งยังพับเก็บได้จึงพร้อมไปกับคุณในทุกที่ สามารถกดรับสาย ควบคุมเพลง และเปิดใช้งาน Siri ด้วยการควบคุมแบบมัลติฟังก์ชั่นจากตัวหูฟัง
Beats Solo3 Wireless เหมาะสำหรับคนผู้ใช้เริ่มต้นที่ชอบการฟังเพลงซึ่งหูฟังรุ่นนี้เสียงที่ได้จะมีความนุ่มและเบสที่กว่า AirPods รุ่นด้านบน ความพิเศษอีกอย่างของรุ่นนี้ก็คือมีสีสันสดใสให้เลือกมากมาย เหมาะกับวัยรุ่นใช้ได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
ราคา Beats Solo3 Wireless – 11,500 บาท
สำหรับหูฟังที่ผมเลือกนั้นคือ AirPods ด้วยความที่ใช้งานได้ง่าย พกพาง่าย เสียงอยู่ในระดับดี ใช้งานได้หลากหลายโอกาสซึ่งคุ้มค่ากับการซื้อมาใช้งานมากๆ
อุปกรณ์เสริมทั้ง 4 อย่างที่แนะนำมานั้นถือมีทั้งสิ่งจำเป็นที่ต้องมีอย่างเคสและสิ่งที่ควรจะมีนั่นคือ หูฟังไร้สาย, แท่นชาร์จไร้สายและชุดชาร์จเร็ว เป็นสินค้าที่ทาง Apple มีวางจำหน่าย หากใครสนใจสามารถไปลองเล่นและหาซื้อมาใช้งานกันได้เลยที่ Studio7 ไปที่เดียวมีให้เลือกครบทุกอย่าง
สำหรับบทความนี้ฝากไว้เพียงเท่านี้ไว้เจอกันครั้งหน้าครับ
ขอบคุณสำหรับการติดตาม
สวัสดีครับ
from:https://www.iphonemod.net/apple-accessories-for-iphone-8-series.html
iPhone X จะเปิดให้จองในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อจากนี้ (17 พ.ย. 2560) จากค่าย TrueMove H และ dtac ส่วน AIS นั้นต้องรอ 9.00 น. ของวันเดียวกัน รอบนี้ผมได้เคสหนังสำหรับ iPhone X มารีวิวให้ชมเพื่อเรียกน้ำย่อยกันก่อนเผื่อว่าใครหมายตารุ่นนี้เอาไว้ บอกก่อนว่าเคสนี้ได้มาจาก Apple Store ฮ่องกง ส่วนที่ไทยจะขายออนไลน์เร็วๆ นี้ครับ
ราคาที่จะจำหน่ายในไทยจะอยู่ที่ 2,200 บาทซึ่งเท่ากับรุ่นของ iPhone 7 Plus ที่วางขายก่อนหน้านี้ ไหนๆ ก็ซื้อมาใช้งานแล้วก็อยากนำภาพมาให้ชมครับเผื่อจะโดนใจใครหลายๆ คนในที่นี้ จะได้ไปตำกันมาใช้งาน
หน้ากล่องก็จะเป็นแบบนี้
แกะกล่องออกมาจะเจอเคสแล้วก็ในกล่องจะบอกขั้นตอนการติดตั้งเคส
ด้านในจะเป็นกำมะหยี่นุ่มๆ ใส่แล้วไม่ทำให้ด้านหลังของ iPhone X เป็นรอยพร้อมสลักโลโก้ iPhone และ (PRODUCT)RED เอาไว้ด้วย ส่วนขอบจะเป็นหนังแบบเดียวกับวัสดุด้านนอก
ส่วนของปุ่มกดจะเป็นปุ่มอะลูมิเนียมแทนการปั๊มเคสให้นูนขึ้นทำให้ปุ่มมีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้นพร้อมกดง่ายขึ้น
เคสติดตั้งเข้ากับเครื่องได้แนบสนิมไม่หลวมใช้งานร่วมกับกระจกกันรอย Hi-Shield 3D Super Strong Max ได้โดยที่เคสนั้นไม่ดันฟิล์ม
ด้านล่างจะเปิดช่วงพอร์ต lightning, ลำโพงและไมค์เอาไว้ ส่วนนี้มีข้อเสียหน่อยก็คือบริเวณดังกล่าวไม่ได้รับการปกป้องอาจจะทำให้เป็นรอยขนแมวได้
เนื้องานดี ราคาก็(แรง)ดี สมกับแบรนด์ Apple แหละ ซื้อ (PRODUCT)RED ก็ได้ทำบุญไปด้วยนะ ส่วนประสิทธิภาพการใช้งานก็ถือว่าดี ชอบที่ไม่ทำให้ขอบ iPhone X เป็นรอย ด้วยความที่วัสดุเป็นแบบหนัง อีกทั้งรุ่นที่ผมใช้งานขอบเป็นสแตนเลสสีเงินซึ่งจะทำให้ขอบนั้นเป็นรอยขนแมวได้ง่ายกว่าสีสเปซเกรย์ ดังนั้นหากใครซีเรียสเรื่องนี้ก็ต้องเลือกเคสที่ดีๆ กันหน่อยนะครับ
หากใครสนใจ เคสหนังสำหรับ iPhone X – (PRODUCT)RED รอซื้อหากันได้เลยที่ Apple Store Online เร็วๆ นี้นะครับ ในราคา 2,200 บาท
from:https://www.iphonemod.net/leather-case-iphone-x-product-red.html
แนะนำเคสหนังสำหรับ iPhone 7, 7 Plus กันสักหน่อยครับเคสนี้ผมได้มาใช้งานสักพักใหญ่ๆ แล้วเลยอยากนำมาบอกเล่าให้ฟังกันครับว่ามันจะน่าใช้งานขนาดไหนและเหมาะกับใคร พร้อมแล้วไปชมกันครับกับ Hi-Shield Leather Case สำหรับ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus
เคสหนังตัวแรกจาก Hi-Shield ที่ได้ทดสอบใช้งานแล้วค่อนข้างที่จะประทับใจอย่างมาก จุดเด่นของเคสนี้อยู่ที่เคสบาง เคสเข้ารูปกับตัวเครื่อง iPhone 7, 7 Plus ได้ดีและด้านในของเคสเป็นผ้าไม่ทำให้ตัวเครื่องเป็นรอย ว่าแล้วเราไปชมเคสจริงกันเลยครับ
Hi-Shield Leather Case มีให้เลือก 2 สีคือ เทาและน้ำตาล กล่องใส่จะเป็นหน้าตาแบบนี้ครับ
เคสนี้ชนิดของหนังเป็นหนังเทียมนะครับ ผิวสัมผัสเมื่อจับจะกระชับมือและไม่ลื่นเมื่อใช้งานครับ ด้านในเคสจะเป็นเนื้อผ้าสีแดงพร้อมและมีโลโก้ Hi-Shield ติดอยู่ภายใน
ซึ่งผ้าด้านในส่วนนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้ตัวเครื่อง iPhone เป็นรอยโดยเฉพาะ iPhone 7, 7 Plus สี Jet Black ครับ หมดห่วงได้เลยว่าเคสจะกัดเครื่องครับ
ติดตั้งเคสเข้าเครื่องนั้นค่อยข้างง่ายครับการถอดออกเช่นกันเมื่อติดตั้งเสร็จหน้าตาเคสจะเป็นแบบนี้ดูมุมด้านหน้าก่อนนะครับ ตัวเคสจะสูงกว่าหน้าจอนิดหน่อยทำให้จอไม่ติดกับพื้น ถ้าต้องการติดกระจกกันรอยก็สามารถทำได้เคสจะไม่ดันกระจก
เคสติดตั้งเข้ารูปดีครับไม่หลวมหรือแน่นเกินไป
ด้านข้างเปิดช่องสำหรับปุ่ม Mute ส่วนปุ่มเพิ่มและลดเสียงนั้นเคสจะคลุมเอาไว้และมีปุ่มนูนๆ ครอบไว้อีกทีครับ การกดปุ่มใช้งานได้ง่ายดีครับรวมทั้งฝั่งของปุ่ม Power ด้วย
ด้านหลังบริเวณกล้องนั้นเคสจะยกตัวสูงขึ้นป้องกันกล้องไม่ให้ถูพื้นครับ
ด้านล่างเปิดโล่งไว้สำหรับการเสียชาร์จและลำโพง ไมค์
ขอสรุปเป็นหัวข้อเด่นๆ ให้ได้ทราบกันครับ
ชมภาพของ Hi-Shield Leather Case เพิ่มเติมครับ
สำหรับ iPhone 7 อยู่ที่ 650 บาท ส่วน iPhone 7 Plus อยู่ที่ 690 บาท ถือว่าคุ้มค่ามากสำหรับใครที่อยากได้เคสหนังคุณภาพดีสักชิ้นไว้ใช้งาน ดูเรียบหรูและมีสไตล์ Simplicity ตามแบบฉบับของ Apple
พิเศษ หากสั่งซื้อออนไลน์ผ่าน Facebook เพจ Hishield ฟิล์มและกระจกกันรอย หรือ LINE@ HishieldGadget ซื้อได้ในราคาเพียง 490 บาทเท่านั้น
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : Hishield ฟิล์มและกระจกกันรอย, เว็บไซต์: https://www.facebook.com/Hishieldgadget/ และ LINE@ : @Hishieldgadget
from:https://www.iphonemod.net/hi-shield-leather-case-iphone-7-7plus-hishield-review.html