คลังเก็บป้ายกำกับ: NOTEBOOK_2020

จัดอันดับ Gaming Notebook ปี 2020 งบประมาณ 20,000 – 30,000 บาท แรงคุ้มสุดในรุ่น

แนะนำ Gaming Notebook ประจำปี 2020 ซึ่งถือว่าเป็น Notebook ประเภทที่ขายดีและมาแรงที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ด้วยประสิทธิภาพการใช้งานที่แรงคุ้มค่า เพียงกับการใช้งานทั่วไปอย่างสบายๆ โดยเน้นนำไปเล่นเกมออนไลน์ออฟไลน์ใหม่ๆ ที่เป็น 3 มิติภาพสวยงาม กับช่วงราคา 20,000 – 30,000 บาท จากการพัฒนาของแบรนด์ต่างๆ รวมไปถึงการมาของชิปประมวลผลใหม่ล่าสุดอย่าง Intel Core i5-9300H / i7-9750H รวมถึง AMD Ryzen 5 3550H / Ryzen 7 3750H ที่ให้ประสิทธิภาพดีกว่ารหัส U

ส่วนการ์ดจอก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กันที่ได้ทั้งแรงและราคาไม่แพงอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 / 1660 Ti (ส่วน GTX 1050 ข้ามไปเลย) อีกทั้งล่าสุดยังมีในส่วนของ AMD Radeon RX5500M มาเพิ่มเป็นตัวเลือกด้วย แน่นอนว่าด้วยชิปประมวลผลและการ์ดจอเหล่านี้ทำให้สามารถขับเฟรมเรทในการเล่นเกมออนไลน์หรือออฟไลน์ได้ลื่นไหลแน่นอน ได้หน่วยความจำแรมเป็นขนาด 8GB DDR4 (แนะนำว่าควรอัพเกรดเป็น 16GB ทันที) พร้อมได้ที่เก็บข้อมูลเป็น SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB เป็นมาตรฐาน (รองรับการอัพเกรด HDD 2.5″ ได้ภายหลัง)

ที่ต้องบอกว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญมากๆ กับการเป็น Gaming Notebook ที่ดีคุ้มค่ากับราคาสุดๆ นอกจากนี้มาตรฐานของหน้าจอก็จะเป็นพาเนล IPS คุณภาพดี ที่ให้สีสันที่สวยงามสดใสมุมมองกว้าง และเกือบทั้งหมดได้ Refresh Rate ที่ 120Hz / 144Hz ซึ่งให้ภาพที่ออกมาดีกว่าพาเนล TN และให้ความลื่นไหลสบายตากว่า 60Hz แบบเดิมๆ แน่นอนว่าทุกรุ่นที่นำมาแนะนำมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้ ส่วนการรับประกันขึ้นอยู่แต่ละแบรนด์ แต่จะมีดีที่สุดคือ รับประกันแบบ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน 3 ปี ส่วนจะมีรุ่นอะไร ราคาเท่าไรบ้าง ไปชมกันต่อเลย

HP Pavilion Gaming 15 (AMD) ราคา 23,900 – 30,900 บาท

ดีไซน์โดยรวมของ HP Pavilion Gaming 15 สเปก AMD Ryzen มีความคล้ายคลึงกับสเปกที่เป็น Intel Core i ก็จริงแต่ก็แตกต่างด้วยกันหลายๆ ส่วน ถือว่าน่าประทับใจไม่แพ้กัน กับมิติที่ตัวเครื่องที่เล็กลงเมื่อเทียบ Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6″ รุ่นก่อนๆ โดยบางลงเพียง 23.6 มิลลิเมตร พร้อมน้ำหนักตัวเครื่องที่ 2.3 กิโลกรัม พร้อมขอบหน้าจอบางเฉียบ ทำให้เป็นโน้ตบุ๊คที่สเปกแรงอีกรุ่นที่พกพาไปใช้งานได้สะดวก

HP Pavilion Gaming 15 สเปก AMD Ryzen ตอนนี้จะมีอยู่ 4 สเปก 4 ราคา จำนวน 2 สี คือ ม่วงและเขียว แต่ที่เราจะแนะนำ หลักๆ คือ 2 รุ่น โดยจะเป็นชิปประมวลผล AMD Ryzen 5 3550H / AMD Ryzen 7 3750H ซึ่งทำให้การใช้งานโดยรวมลื่นไหลแน่นอน มีรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญมาพร้อมกับการ์ดจอแยกตัวแรง 2 รุ่น อย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 / GTX 1660 Ti

พร้อมหน่วยความจำแรมขนาด 8GB มาตรฐาน DDR4 Bus 2400 MHz (แนะนำให้อัพเกรดเป็น 16GB) ฮาร์ดดิสก์แบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB (สามารถเพิ่มเติม HDD 2.5″ ได้ภายหลัง) เรียกได้ว่าเล่นเกมออนไลน์ได้ลื่นไหลแน่นอน ส่วนเกมออฟไลน์ปรับกลางๆ ลื่นไหลทุกเกมสบายๆ ตอบสนองได้คุ้มค่าราคา

ได้หน้าจอแบบด้านขอบจอบาง พาเนล IPS คุณภาพสูง ขนาด 15.6″ ความละเอียด Full HD มาตรฐาน Refresh Rate 144Hz โดดเด่นด้วยค่าขอบเขตสี sRGB ที่ 96% ที่สำคัญได้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 ในราคาที่ถูกและคุ้มค่าไม่แพ้ Gaming Notebook หลายๆ รุ่นในตลาด ที่ใช้สเปก AMD Ryzen 5 3550H (หรือ i5-9300H) + GTX 1650 ในรุ่นอื่นๆ ใกล้เคียงกัน ที่สำคัญจัดว่าเป็น Gaming Notebook ที่ใช้การ์ดจอ GTX 1650 ที่ถูกที่สุดในตลาดตอนนี้ก็ว่าได้

นอกจากนี้ยังมีกล้องเว็บความละเอียด HD และมีไมค์ดิจิตอลในตัว การเชื่อมต่อไร้สายเป็น Bluetooth 5.0 และ Realtek Wi-Fi 5 แบบ MU-MIMO มิติของตัวเครื่อง HP Pavilion Gaming 15 เมื่อเทียบกับโน้ตบุ๊คจอขนาด 15.6 นิ้ว ก็มีขนาดเล็กกว่าอย่างเห็นได้ชัดแถมมีน้ำหนักตัวเครื่องเพียง 2.3 กิโลกรัม พกพาง่าย พร้อมการรับประกัน 2 ปี ซ่อมฟรีถึงบ้านและบริการช่วยเหลืออื่นๆ อีกด้วย

Acer Nitro 5 / Nitro 7 (22,990 –  25,990 บาท)

สำหรับ Acer Nitro 5 / Nitro 7 ถือว่าเป็น Gaming Notebook มาตรฐานขอบจอบางเฉียบที่มีความใกล้เคียงกันมาก หลักๆ แล้วแตกต่างเครื่องของดีไซน์และน้ำหนักกับความบางอีกเล็กน้อย ซึ่ง Acer Nitro 7 วัสดุจะเป็นอลูมิเนียมตลอดทั้งตัวเครื่อง ทั้งฝาหลัง ด้านนอก ด้านใน ใต้เครื่อง การออกแบบก็สวยล้ำกว่าเดิม มาพร้อมหน้าจอ 15.6″ Full HD

ที่โดยรวมแล้วดูดีกว่า Acer Nitro 5 อย่างเห็นได้ชัดเจน แต่ก็ยังมีรูปแบบที่คล้ายกันอยู่ อารมณ์แบบแฝดพี่แฝดน้องก็ว่าได้ แต่ให้ความพรีเมียมกว่า ในราคาที่ถูกคุ้มค่าไม่แพ้กัน โดย Acer Nitro 7 มีตัวเครื่องบางเพียง 19.9 มิลลิเมตร และเบาเพียง 2.5 กิโลกรัมเท่านั้น ส่วน Acer Nitro 5 เบากว่าที่ 2.3 กิโลกรัม

Acer Nitro 5 / Nitro 7 รุ่นสเปกที่แนะนำ ใช้ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i5-9300H (2.40 – 4.10 GHz) ทำงานแบบ 4 Core/ 8 Thread ประสิทธิภาพดีเยี่ยมรองรับทุกการทำงาน พร้อมกราฟฟิการ์ดตัวแรงระดับ Dsktop อย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 (4GB GDDR5) สนับสนุนการเล่นเกมได้ลื่นไหล ได้แรมขนาด 8GB DDR 4 Bus 2666 (ใส่ได้อีก 1 แถว สามารถอัพเกรดได้สูงสุด 32 GB แนะนำให้อัพเกรดเป็น 16GB ก็เพียงพอแล้ว) มีที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB (ใส่เพิ่มได้อีก 1 ตัว) พร้อมรองรับการใส่ HDD 2.5″ อีก 1 ตัว

นอกจากนี้ Acer Nitro 5 / Nitro 7มาพร้อมจอแสดงผลแบบด้าน 15.6″ ที่ความละเอียด Full HD ความละเอียด 1920 x 1080 พาเนล IPS เกรดสูง ค่าขอบเขตสี sRGB ที่ 96% แบบ Refresh Rate 144Hz ให้สีสันที่สวยงามทุกมุมมองพร้อมลื่นไหล และในส่วนของระบบเสียงเป็นลำโพงแบบสเตอริโอ 2.0 ให้เสียงที่ดีในระดับที่น่าพอใจมากๆ ประกอบกับมีซอฟต์แวร์จัดการเสียงอย่าง Wave MaxxAudio ทำให้มีคุณภาพที่ดียิ่งขั้นไปอีก ส่วนน้ำหนักจะอยู่ที่ 2.3 – 2.5 กิโลกรัมถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของ Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″

ตัวหน้าจอยังมาพร้อมกล้อง Webcam แบบ HD และมีไมค์ดิจิตอล 2 ตัวแบบตัดเสียง ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง HDMI, 2 x USB 3.1 Type-A, 1 x USB 2.0 Type-A, 1 x USB 3.1 Type-C, Kensington Lock, 2-in-1 SD, RJ-45 , Headset 3.5mm พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi 6 AX Dual Band MU-Mimo (ส่วน Nitro 5 เป็น Wi-Fi 5 AC) สำคัญคือมีประกัน On-site Service ถึง 3 ปีเต็ม พร้อมบริการซ่อมด่วนใน 3 ชั่วโมง ถือว่าเป็น Gaming Notebook ที่น่าสนใจที่สุดในช่วงราคานี้อีกรุ่นเลยทีเดียว

MSI Alpha 15 ราคา 27,900 บาท

สำหรับ MSI Alpha 15 ที่เป็น Gaming Notebook ตระกูลใหม่จากทาง MSI โดยเป็นการแยกตัวมาจาก G Series แบบเดิมๆ จัดได้ว่าเป็น Gaming Notebook รุ่นแรกของโลก ที่มาพร้อมกับชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 3750H ตัวแรง จับคู่มากับการ์ดจอ AMD Radeon RX 5500M (4GB GDDR6) สถาปัตยกรรม RDNA เทคโนโลยี 7 นาโนเมตร ที่ให้ประสิทธิภาพความแรงใกล้เคียงกับ NVIDIA GeForceGTX 1660 Ti แน่นอนว่าทางฝั่งของ AMD ต้องมาพร้อมกับราคาที่คุ้มค่ากว่า ด้วยราคาเพียง 27,900 บาทเท่านั้น จัดว่าคุ้มค่าสุดๆ ในช่วงราคานี้

ดีไซน์โดยรวมยังคงกลิ่นอายของ MSI G Series ซึ่งมีความใกล้เคียงกับ GL65 มาพร้อมโลโก้ใหม่เป็นรูปนก Phoenix สีเขียว ที่เดิมๆ เป็นมังกร ย้ำให้เห็นถึงความแตกต่างตามสไตล์เอเชีย จากการใช้สเปกเป็น AMD แท้ๆ ทั้งชิปประมวลผลและการ์ดจอที่เชื่อได้ว่าสเปกอื่นๆ ก็คงจัดเต็มไม่แพ้กันอย่างแรมขนาด 8GB และ SSD M.2 NVMe ที่มาตรฐานความจุ 512GB ที่ในส่วนของหน้าจอจะเป็นขนาด 15.6″ แบบขอบจอบาง ความละเอียดที่ Full HD พาเนล IPS ค่าขอบเขตสี sRGB ที่ 59%รองรับ Refresh Rate ที่ 120Hz พร้อมใช้สนับสนุน AMD FreeSync ทำให้ภาพลื่นไหลภาพไม่ฉีกขาด

ตัวเครื่องยังมีลำโพง 2 ชาแนลแบบ Giant Speaker บนซอฟแวร์เสียง Nahimic 3 ทำให้การขับเสียงเวลาเล่นเกม หรือดูหนังฟังเพลงทำได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย ทางด้านพอร์ทเชื่อมต่อเองมีมาให้อย่างครบถ้วนไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Type-A จำนวน 3 ช่อง, USB 3.2 Type-C หนึ่งช่อง, HDMI, mini-DisplayPort, SD(XC/HC) card reader, ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5, ช่องเสียบไมค์ขนาด 3.5 และช่องสาย Lan RJ45 แบบ Killer Gaming LAN

การเชื่อมต่อไร้สายอย่างก็รองรับตัวที่เป็น Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi AC น้ำหนักตัวอยู่ที่ 2.3 กิโลกรัม ได้ประกันระยะเวลา 1 ปี (รุ่นอื่นๆ ของ MSI เป็น 2 ปี) มี Windows 10 แท้ โดยสนนราคาอยู่ที่ 27,900 บาท ถือว่าเป็น Gaming Notebook ในช่วงราคานี้ที่น่าสนใจมากๆ เพราะได้ทั้งสเปกและฟีเจอร์ที่จัดเต็มเหมือนตระกูล G Series อย่าง GL65 ในราคาถูกลงกว่าเดิมเยอะ

HP Pavilion Gaming 15 (Intel) ราคา 24,990 – 28,990 บาท

HP Pavilion Gaming 15 ในสเปกที่เป็นสเปกชิปประมวล Intel Core i จะมีความแตกต่างจาก AMD กับมิติที่ตัวเครื่องที่บางและเบากว่า รวมไปถึงดีไซน์การออกบบต่างๆ และชุดระบายความร้อน โดยมีความบางเพียง 23.4 มิลลิเมตร พร้อมน้ำหนักตัวเครื่องที่ 2.25 กิโลกรัมใ ช้เป็นโทนสีดำตลอดทั้งตัวเครื่องตัดกับสีม่วงและยังมีสีเขียว

โดยฝาหลังของตัวเครื่องมีโลโก้ HP เป็นเอกลักษณ์สีม่วงหรือเขียวสะดุดตาด้านบน ประกอบกับพื้นผิวสีดำด้านให้ความรู้สึกเป็น Gaming ที่ดี วัสดุทั้งหมดของตัวเครื่องพลาสติกเกรดดี ด้านหลังได้มีการวางตำแหน่งช่องระบายความร้อนแบบคู่แยกซ้ายขวาออกจากกัน ซึ่งมีการออกแบบได้ดูดุดันคล้ายรถสปอร์ตพร้อมขนาดที่ใหญ่ขึ้น

โดยจะเป็นชิปประมวลผล Intel Core i Gen 9 อย่าง Core i5-9300H และ Core i7-9750H ซึ่งทำให้การใช้งานโดยรวมลื่นไหลแน่นอน มีรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญมาพร้อมกับการ์ดจอแยกตัวแรง 2 รุ่น อย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 (4GB GDDR5) พร้อมหน่วยความจำแรมขนาด 8GB มาตรฐาน DDR4 bus 2666 ฮาร์ดดิสก์แบบปกติที่ความจุ 1TB ความเร็ว 7200 รอบ (สามารถปรับเปลี่ยนเพิ่มเติม ด้วยการอัพเกรด SSD แบบ M.2 PCIe NVMe ซึ่งควรอัพเกรดทันทีตั้งแต่ซื้อเครื่องมาจากร้าน) เรียกได้ว่าเล่นเกมออนไลน์ได้ลื่นไหลแน่นอน ส่วนเกมออฟไลน์ปรับกลางๆ ลื่นไหลทุกเกมสบายๆ ตอบสนองได้คุ้มค่าราคา

นอกเหนือจากนั้นยังได้หน้าจอแบบด้านขอบจอบาง พาเนล IPS คุณภาพสูง ขนาด 15.6″ ความละเอียด Full HD รองรับ Refresh Rate ที่ 60Hz ให้เลือก ที่สำคัญได้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 ในราคาที่ถูกและคุ้มค่าไม่แพ้ Gaming Notebook หลายๆ รุ่นในตลาด ที่ใช้สเปก i5-9300H + GTX 1650 / i7-9750H + GTX 1650 แต่อย่างไรก็ตาม ข้อสังเกตุก็คือได้หน้าจอ 60Hz เท่านั้น ไม่เหมือนรุ่นอื่นๆ ที่ได้ 120 – 144Hz

นอกจากนี้ยังมีกล้องเว็บความละเอียด HD และมีไมค์ดิจิตอลในตัว การเชื่อมต่อไร้สายเป็น Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi แบบ Intel Wireless-AC 9560 พร้อมการรับประกัน 2 ปี On-site Serive ซ่อมฟรีถึงบ้านและบริการช่วยเหลืออื่นๆ อีกด้วย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการโน้ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมรวมไปถึงงานหนักๆ อย่างตัดต่อวีดีโอ ที่สำคัญดีไซน์การออกแบบยังก้าวล้ำด้วยความดุดันและจริงจัง Gaming มากกว่าเดิม ซึ่งตรงนี้ก็ต้องยอมรับว่าเป็น Gaming Notebok อีกรุ่นที่น่าสนใจในตลาด ณ ตอนนี้เลย

ASUS TUF Gaming FX505DT/DU ราคา 24,900 – 29,900 บาท

ASUS TUF Gaming FX505DT/DU ได้ขอบหน้าจอที่บาง ส่งผลให้ตัวเครื่องมิติโดยรวมมีความเล็กกระทัดรัดลง แม้เป็น Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ แต่ก็มีความใกล้เคียงกับโน้ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 14″ แบบสมัยก่อนๆ มาก ส่วนน้ำหนักก็อยู่ที่ 2.2 กิโลกรัม จัดได้ว่าเป็น Notebook ที่สเปกแรงมากๆ แต่น้ำหนักเบาๆ พกพาสะดวก มีความทนทานระดับ Military Grade ต่อแรงกระแทก อุณหภูมิสูงต่ำ ความชื้น ความกดอากาศ และแสงแดด เรียกได้ว่าเป็น Gaming Notebook น้อยรุ่นนักที่มาพร้อมคุณสมบัติแบบนี้

นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องของระบบระบายความร้อนก็ใช้ระบบ Hyper Cool สามารถปรับเร่งรับได้ ฟินระบายความร้อนสีแดง พร้อมมี Anti-Dust Tunnel สำหรับเป่าฝุ่นออกมาให้อีกด้วย จัดเต็มจริงๆ ให้มาครบไม่มีกั๊ก ส่วนของคีย์บอร์ดจะให้ไฟ RGB แบบ All Zone ปุ่ม WASD ทำไฮไลท์ไว้ สามารถรองรับการกดได้ 20 ล้านครั้ง Travel Key 1.8 mm การวางเลเอาท์จะเหมือนกับคีย์บอร์ดแยกจริงๆ

สเปกของ ASUS TUF Gaming FX505DT/DU ใช้ชิปประมวลผลเป็น AMD Ryzen 5 3550H / AMD Ryzen 7 3750H ทำงานแบบ 4 Core/8 Thread ด้วยความเร็ว 2.3 – 4GHz สถาปัตยกรรม 12 นาโนเมตร ประสิทธิภาพแรง พร้อมฟีเจอร์มากมาย เช่น SenseMI คอยจัดการให้เหมาะสมกับการใช้งานอย่างที่ไม่มีใน Intel  ผสานกับการ์ดจอออนบอร์ดที่เป็น Radeon RX Vega 8/10 ส่วนการ์ดจอได้ตัวแรงมาตรฐานอย่าง GTX 1650 และแรงสุดในงบด้วย GTX 1660 Ti (6GB GDDR6)

สเปกอื่นๆ ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ได้หน้าจอที่ 120Hz แบบ NanoEdge ขอบจอบาง ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ขนาด 15.6″ ได้ค่าขอบเขตสี sRGB ที่ 61% ส่วนแรมขนาด 8GB 1 แถว DDR4 2400MHz(สามารถติดตั้งแรมได้สูงสุด 32GB) และให้ที่เก็บข้อมูลมาตรฐาน SSD NVMe PCIe ความจุ 512GB เป็นมาตรฐาน รวมไปรองรับการอัพเกรดเพิ่มฮาร์ดดิสก์ปกติ 2.5″ SATA 3 ด้วย อีกทั้งการเชื่อมต่อก็ครบถ้วนด้วยมาตรฐาน Wi-Fi AC และ Bluetooth 5.0  พร้อมกล้องเว็บแคม HD (720p) และมีไมค์ดิจิตอลในตัว

ASUS TUF Gaming FX505DT/DU มาพร้อมกับระบบปฎิบัติการติดตั้ง Windows 10 แท้มาให้ในตัว การรับประกัน 2 ปี ส่งเคลม 7-11 และที่สำคัญเมื่อเอาซีเรียลไปลงทะเบียนในเว็บไซต์ ASUS จะได้รับประกันอุบัติเหตุฟรี 1 ปีแรกจากทาง ASUS อีกด้วย อุ่นใจจัดเต็ม

Lenovo IdeaPad L340 Gaming 17.3″ ราคา 27,900 บาท

Lenovo IdeaPad L340 Gaming เป็น Gaming Notebook เน้นความคุ้มค่า เป็นโน้ตบุ๊คสเปกแรงที่สามารถเอาไปเล่นเกมได้สบายๆ โดดเด่นด้วยสเปกเองก็แรงชิปประมวลผล Intel Core i Gen 9 อย่าง Core i7-9750H พร้อมด้วยการ์ดจอระดับ Gaming อย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 รุ่นใหม่ล่าสุด อีกทั้งได้ดีไซน์ขอบจอที่บางและน้ำหนักเครื่องที่เบา รวมๆ มีความเรียบง่าย จากการที่ทาง Lenovo ก็มีการนำเสนอสิ่งใหม่อยู่ตลอด ทำให้เราสามารถซื้อโน้ตบุ๊คแรงๆ ในราคาที่ไม่แพงเลย จัดว่าเป็นโน้ตบุ๊คเล่นเกมหน้าจอ 17.3″ ที่ถูกที่สุดด้วยในตลาดตอนนี้

รองรับการทำงานทั่วไปพื้นฐานและความบันเทิงดูหนังฟังเพลงได้เป็นอย่างดี บอกได้เลยว่าทั้งในเรื่องของดีไซน์การออกแบบนั้นมีความน่าประทับใจ กับตัวเครื่องที่เล็กกระชับ ขอบหน้าจอที่บางลง จนเรียกได้ว่าแม้เป็น Gaming Notenook หน้าจอ 17.3″ ก็จริง แต่เทียบเท่ากับรุ่น 15.6″ เลยก็ว่าได้ ประสบการณ์ใช้งานที่เหนือชั้น รวมไปถึงมีสเปคประสิทธิภาพสูง เหลือเฟือในการใช้งานทั่วไป รวมไปถึงการเล่นเกมก็ทำได้อย่างลื่นไหล อีกทั้งมี Windows 10 มาให้พร้อมใช้งานด้วย

สำหรับ Lenovo IdeaPad L340 Gaming นั้นเรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คสำหรับการเล่นเกมหรือทำงานหนักๆ อย่างตัดต่อวีดีโอ ขนาดหน้าจอ 17.3 นิ้วที่ครบครัน ลงตัวอย่าง จะสร้างประสบการณ์ในการเล่นเกมหรือทำงานกับผู้ใช้งานได้อย่างสบายๆที่เด็ดที่สุด ความคุ้มค่าราคาไม่แพง สำหรับน้ำหนักและความหนาของตัวเครื่อง ถือว่าเบากว่าปกติตามมาตรฐานของโน้ตบุ๊คปี 2019 ที่ควรจะเป็น แม้จะมีขนาดหน้าจอใหญ่ที่ 15.6″ แต่ก็มีน้ำหนักเพียง 2.5 กิโลกรัมเท่านั้น ทำให้พกพาไปไหนมาไหนสะดวกสบายมาก โดยรวมแล้วการดีไซน์ถือทำได้ดีมาก

หน้าจอขนาด 17.3″ แบบด้านลดแสงสะท้อน ความละเอียด Full HD พาเนล IPS มี Refresh Rate ที่ 60Hz ให้สีสันสวยงามและมุมมองที่กว้าง เหมาะกับการทำงานหรือเล่นเกม พร้อมด้วยกล้องเว็บแคม HD (720p) และมีไมค์ดิจิตอลในตัว ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง USB 3.1 Type-C, HDMI, 3 x USB 3.1 Type-A, Kensington lock slot, RJ-45 , Headset พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.0 และ Intel Wireless-AC 9560 AC สนนราคา Lenovo IdeaPad L340 Gaming รุ่นขายจริงอยู่ที่ 27,990 บาท การรับประกันแน่นอนว่าเป็น ประกัน 3 ปี แบบ On-Site Service โทรแจ้งช่างมาซ่อมได้ถึงที่

from:https://notebookspec.com/topchart-gaming-notebook-model-2020-jan/506448/

5 ขั้นตอนเลือกซื้อ Notebook ประจำปี 2020 ให้โดนใจคุ้มค่า ไม่พลาดซื้อของตกรุ่น

การเลือกซื้อ Notebook เราจำเป็นต้องอัพเดทข้อมูลอยู่ตลอดเวลา เพราะมักจะมีสเปกใหม่ๆ ในบทความนี้เราเลยจะมาแนะนำกับ 5 ขั้นตอนเลือกซื้อ Notebook ประจำปี 2020 ให้โดนใจที่สุด ว่าต้องดูส่วนไหนบ้าง เพื่อเป็นแนวทางในการเลือกซื้อ Notebook ไม่ให้ตกรุ่น หรือซื้อมาแล้วไม่ตรงกับการใช้งาน ไม่เพียงพอต่อลักษะงาน หลักๆ แล้วจะพูดถึงในรายละเอียดของชิปประมวลผล CPU / หน่วยความจำ RAM / ที่เก็บข้อมูล SSD / หน้าจอแสดงผล / มาตรฐานการเชื่อมต่อใหม่ๆ จะมีรายละเอียดเป็นอย่างไรบ้าง ไปชมกันต่อเลย

ดูที่ชิปประมวลผลต้องเป็น Intel Core i / AMD Ryzen

จริงๆ ถ้าพูดเรื่องของชิปประมวลผลหรือ CPU คงต้องดูก่อนว่าเราใช้งานอะไรบ้าง เพราะถ้าให้แนะนำกันแบบง่ายๆ คือ เราควรซื้อชิปประมวลผล Intel ที่เป็นตระกูล Core i รหัส U หรือ G ที่เป็น Gen 10 ส่วนถ้าอีกค่ายอย่าง AMD ก็ต้องเป็น Ryzen รหัส U รวมถึงถ้าเน้นประสิทธิภาพเป็นหลักเลยก็ต้องเป็น Core i Gen 9 รหัส H หรือ Ryzen รหัส H เพราะสามารถรองรับได้ทุกๆ การทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานพื้นฐาน รวมไปถึงโปรแกรมประมวลผล โปรเซสไฟล์ หรือเล่นเกม 3 มิติหนักๆ ก็รองรับได้เป็นอย่างดี

สำหรับ Intel Core i Gen 10 รหัส U / G และ Ryzen รหัส U คือ เน้นเรื่องพกพาหรือราคาคุ้มค่า รวมไปถึงความพรีเมียมในหรณีของบางรุ่น แต่ไม่เน้นเล่นเกมมากนัก ถ้าเทียบกับ Core i Gen 9 รหัส H และ Ryzen รหัส H รวมไปถึงกรณีที่คาดว่าจะเครื่องนี้หลายปียาวๆ ซึ่งไม่ควรซื้อ Notebook ที่ Atom / Pentium / Core m / Athlon เพราะประสิทธิภาพมันแค่ใช้งานทั่วไปได้เท่านั้น ถ้าใช้งานหนักจะหน่วงหรือค้างไปเลย เว้นแต่ว่าเราจะซื้อมาแค่ เล่นอินเตอร์เน็ต พิมพ์งาน ดูหนังฟังเพลง เปิดโปรแกรมไม่มากจริง

หน่วยความจำ RAM ต้องเป็นขนาด 8GB ขึ้นไป

ปัจจุบันอย่างที่เรารู้กันดี ว่าระบบปฏิบัติการ Windows 10 ใช้ทรัพยากรเครื่องคอมพิวเตอร์มากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ไหนจะโปรแกรมซอฟต์แวร์ต่างๆ ที่ทำงานทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลังอีก แน่นอนสำหรับ Notebook ที่เดิมๆ มีแรมให้มาที่ขนาด 4GB  ก็ไม่เพียงพอต่อการใช้งานแล้ว คือ มันใช้งานได้แหละ แต่มันจะมีอาการค้างหรือหน่วง รวมไปถึงช้ากว่าปกติ ทำให้การใช้งานของเราไม่ราบรื่นเสียอารมณ์เปล่าๆ สรุปคือ อย่าซื้อ Notebook ที่มีแรมแค่ 4GB ถ้าซื้อมาก็ต้องหาแรมมาอัพเกรดเป็น 8GB อยู่ดี (บางตัวแรมฝังบอร์ดมา อัพไม่ได้ด้วย)

เป็นไปได้ควรเลือกซื้อ Notebook ที่มีแรมขนาด 8GB ขึ้นไป คือ 8GB เป็นมาตรฐานแน่นอนที่สุด แต่ถ้ากรณีที่เราเน้นใช้โปรแกรมหนักๆ เช่นตัดต่อวีดีโอ หรือเล่นเกม จำเป็นต้องเป็นขนาด 16GB ไปเลย (ติดเครื่องมา 8GB ก็ควรซื้อ 8GB มาอัพอีก 1 แถวทันที) หรือถ้าเป็นรุ่นบนๆ หน่อย เค้าก็จะให้ขนาด 32GB เลยก็มี เพราะทุกวันนี้แต่เปิด Chrome เล่นอินเตอร์เน็ต หลายคนก็จะเห็นว่ากินแรมไปเยอะแล้ว ยิ่งบางคนเปิดหลาย Tab แรม 4GB จะไปพออะไร ดีไม่ดีเปิดหลายโปรแกรมเข้าไปอีก 8GB อาจจะตึงไปเลย ถ้าเน้นชัวร์ก็ควรเป็น 16GB น่าจะตอบโจทย์ได้อย่างมั่นใจที่สุด

ที่เก็บข้อมูลต้องเป็น SSD M.2 NVMe ความจุ 256GB ขึ้นไป

ก่อนหน้านี้เรื่องหน่วยความจำหลักอย่าง RAM  มาต่อกันที่หน่วยความจำสำรองหรือที่เก็บข้อมูลอย่าง Storage กันต่อ ที่จริงๆ แล้ว ถือว่าเป็นส่วนสำคัญมากๆ ไม่แพ้แรมเช่นเดียวกัน ในการเลือกซื้อ Notebook ปี 2020 ก็เป็นปัจจัยที่ขาดไม่ได้ ไม่มีอาจจะถึงขั้นพลาดไปเลย จากการ Notebook ควรต้องมี SSD เป็นมาตรฐานติดเครื่องมาเลย ซึ่งจะทำให้ความเร็วโดยรวม เปิดเครื่องปิดเครื่อง โหลดไฟล์ เล่นเกม ได้ลื่นไหล โดยที่ผ่านมา Storage ของเราจะเป็นแบบจานหมุน HDD หรือ Harddisk Drive ไม่ว่าจะเป็นแบบ 5400 รอบ หรือ 7200 รอบ รวมไปถึงบางรุ่นก็จะมีแคชที่เป็น Flash Memory มาช่วยให้ลื่นไหลกว่าแบบจานหมุนปกติ

แต่มาในปี 2019 – 2020 นี้ SSD หรือ Solid State Drive เป็นหน่วยความจำรอง ที่มีความเร็วสูงกว่า HDD หลายเท่าตัว โดยปัจจุบันมีราคาที่ถูกลงมามากแล้ว เมื่อเทียบความจุต่อราคา เห็นได้ใน Notebook บางรุ่นราคาไม่ถึง 20,000 บาท ก็ให้ SSD มาพร้อมใช้งานที่ความ 512GB แล้ว เรียกได้ว่าให้ประสบการณ์ใช้งานที่ลื่นไหลมากๆ รวมไปถึงบางรุ่น Notebook ก็จะให้มาทั้ง SSD ความจุ 128 – 256GB มาตรฐาน SSD M.2 NVMe พร้อม HDD มาตรฐาน SATA 3 อีก 1TB ฉะนั้นซื้อ Notebook ปี 2020 ถ้าเลือกได้ อย่าซื้อรุ่นที่มีแต่ HDD เท่านั้น เพราะประสบการณ์ใช้งานของเราจะช้าหน่วงมากๆ แต่แนะนำให้ซื้อ Notebook ที่มี SSD มาเลย ที่ความจุ 256 – 512GB ก็จะดีเยี่ยมมากๆ

หน้าจอเป็นพาเนล IPS ที่ความละเอียด Full HD

อย่างแรกเลย Notebook ปี 2020 หน้าจอความละเอียด HD (เช่น 1366 x 768 พิกเซล) ไม่ควรซื้อมาใช้งานอีกต่อไป กับมาตรฐานหน้าจอความละเอียดที่ต่ำกว่า Full HD ไม่ว่าจะเป็นขนาดหน้าจอไหนก็ตาม ก็ควรเป็นมาตรฐาน Full HD ที่ 1920 x 1080 พิกเซลได้แล้ว หรือถ้าได้ระดับเป็นระดับ Quad HD ที่ 2560 ×1440 พิกเซล เพราะให้ประสบการณ์การใช้งานที่ดีกว่ามาก ในเรื่องของความละเอียดที่สูงทำให้ภาพเนียนตาไม่แตกเป็นพิกเซลเหลี่ยมๆ ไม่ว่าจะทำงาน เล่นอินเตอร์เน็ต ดูหนังฟังเพลง เล่นเกม การใช้งานหน้าจอความละเอียด Full HD ก็ดีกว่าทั้งหมด นอกจากนี้ยังได้พื้นที่ในการใช้งานที่มากกว่า HD เยอะด้วย

รวมไปถึงการมาของหน้าจอความละเอียด Full HD ส่วนมากแล้วก็จะได้พาเนลเป็น IPS ที่ให้คุณภาพสูงกว่า TN ด้วย (แต่ IPS ก็ยังมีหลายเกรดด้วยนะ) ให้ในเรื่องขอบเขตสีที่กว้าง มุมมองที่ดี สีสันสดใส ซึ่งพาเนล TN เอง ที่เห็นมาทั้งหมดถ้าเป็นความละเอียด HD จะได้หน้าจอพาเนล TN มาทั้งนั้น ฉะนั้นแล้วสรุปคือ ซื้อ Notebook รุ่นใหม่ปี 2020 ถ้าเลือกได้ ไม่ควรซื้อหน้าจอความละเอียด HD อีกต่อไป ที่สำคัญหน้าจอ Full HD ก็ไม่แพงแล้ว เลือกได้เลือกมาตรฐานความละเอียดที่ Full HD เถอะ หรือถ้ารุ่นไหนเป็น 4K Ultra HD (3840 x 2160 พิกเซล) ก็เทพสุดๆ ไปเลย

การเชื่อมต่อต้องครบครัน Wi-Fi 6 AX และ Thunderbolt 3

เทคโนโลยีการเชื่อมต่อที่ดีที่สุดในตอนนี้สำหรับ Notebook หลายๆ รุ่นเริ่มติดตั้งมาตรฐานการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตไร้สายเป็น Wi-Fi 6 AX กันแล้วในหลายๆ รุ่น แน่นอนว่าได้เรื่องของประสิทธิภาพที่ดีขึ้น ปลอดภัยขึ้น แรงขึ้น 3 เท่า (แน่นอนว่าเพื่อการใช้งานที่สมบูรณ์อุปกรณ์ Network อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องต้องเป็นมาตรฐานเดียวกันด้วย) รวมไปถึงพอร์ต Thunderbolt 3 มาเป็นมาตรฐานใน Notebook ที่มีราคาระดับกลางๆ บางรุ่น (ฟอร์มเดียวกับ USB-C) ซึ่งได้เรื่องการเชื่อมต่อที่เร็วที่สุดถึง 40 Gbps รองรับการชาร์จไฟเข้าได้ รองรับการต่อหน้าจอความละเอียด 4K Ultra HD ได้ 2 จอพร้อมๆ กัน ซึ่ง Notebook บางรุ่นอาจจะได้มา 1 พอร์ต หรือ 2, 3, 4 พอร์ต แล้วแต่ประเภทการใช้งานและราคาค่าตัว

สำหรับ Notebook ที่ได้การเชื่อมต่อต้องครบครัน Wi-Fi 6 AX และ Thunderbolt 3 ในตอนนี้จะมาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 (หรือ Gen 9 บางรุ่น) เรียกได้ว่าแค่นี้ก็น่าซื้อกว่ารุ่นเก่าๆ อย่าง Notebook รุ่นก่อนๆ ที่เป็นชิปประมวลผล Intel Core i Gen 8 / Gen 9 แล้ว ส่วนในฝั่งของชิปประมวลผล AMD Ryzen ทั้งหมดในตลาด ยังไม่เห็นการมาของทั้ง Wi-Fi 6 AX และ Thunderbolt 3 แต่คาดว่าในปี 2020 อาจจะได้เห็นกันแล้ว ก็เป็นไปได้เพราะมาตรฐานนี้จะการแพร่หลายยิ่งขึ้น ไม่แน่ว่ากรณีของ Thunderbolt 3 อาจจะเป็นเปลี่ยนชื่อเป็น USB 4 ก็มีโอกาสเช่นกัน

ปิดท้ายบทความนี้ เชื่อได้ว่า 5 ขั้นตอนการเลือกซื้อ Notebook ประจำปี 2020 ให้โดนใจที่สุด น่าจะเป็นประโยชน์ให้กับเพื่อนๆ ได้พอสมควร แต่ของเสริมในส่วนของคนที่จะซื้อ Gaming Notebook ที่จะนำไปเล่นเกมเป็นหลักหน่อย เราจำเป็นต้องดูสเปกของการ์ดจอด้วย แน่นอนว่าควรต้องเป็นการ์ดจอแยกที่เป็นระดับ Gaming ขึ้นไป เพราะการ์ดจอออนบอร์ดหรือการ์ดจอแยกระดับทั่วไปไม่เพียงพอต่อการเล่นเกม 3 มิติ ในปัจจุบันในสวยงามและลื่นไหลได้ (คือแค่พอเล่นได้)

อย่างค่าย NVIDIA ต้องเป็น GeForce GTX 1050 ขึ้นไป (แนะนำเป็น GTX 1660 Ti ขึ้นไปจะดีมากๆ) ส่วนถ้าเป็น AMD ก็ต้องเป็น Radeon RX5500M (ตอนนี้มีอยู่เพียงรุ่นเดียว แต่คาดว่าอนาคตจะตามมาอีกเรื่อยๆ) อีกทั้งเป็นไปได้ก็ขอแนะนำเรื่องหน้าจอแสดงผลด้วย ควรรองรับ Refresh Rate ที่ 120 / 144 / 240Hz ไปเลย ช่วยเรื่องความลื่นไหล สบายตาได้เป็นอย่างดี เมื่อเทียบกับมาตรฐาน 60Hz แบบเดิมๆ

 

from:https://notebookspec.com/5-step-buyer-guide-notebook-2020/505910/