หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐได้ประสบปัญหาการละเมิดข้อมูลจากแฮก […] More
from:https://www.iphonemod.net/how-to-setting-avoid-microsoft-account-hacking.html
หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐได้ประสบปัญหาการละเมิดข้อมูลจากแฮก […] More
from:https://www.iphonemod.net/how-to-setting-avoid-microsoft-account-hacking.html
ทุกวันนี้การใช้งานอินเทอร์เน็ต หรือสังคมออนไลน์ สิ่งที่คนให้ความใส่ใจน้อยมากที่สุดแต่มีความสำคัญมากที่สุดก็คือการปกป้องข้อมูลส่วนตัว เราชินการการโพส เราชินกับการแสดงออก ที่สังคมออนไลน์เปิดเวทีให้เราอย่างเต็มที่ อยู่ท่ามกลางเพื่อนๆ ท่ามกลางคนที่เราอนุญาตให้มองเห็นโพสนั้นๆ ได้ จนลืมที่จะหวงแหนข้อมูลส่วนบุคคลของตัวเอง … หลายต่อหลายครั้งครับ ที่เราได้พบหรือได้ยินข่าวว่ามีการแอบเข้าใช้บัญชีออนไลน์ของเราจนสร้างความเสียหายให้กับเจ้าของบัญชีหรือคนใกล้ตัว ด้วยเหตุนี้เราจึงควรเปลี่ยนวิธีคิด เราควรเริ่มป้องกันข้อมูลหรือบัญชีของเราให้ดีที่สุด ซึ่งมันคือ การตั้งค่าการล็อคอิน 2 ขั้นตอน
และนี่คืออีกเรื่องที่ต้องระวังเอาไว้
หลังจากที่ผมได้แนะนำการล็อคอิน 2 ขั้นตอนสำหรับ Facebook และ Google Account ไปแล้ว ก็ลืมนึกไปว่า … นี่เรายังไม่ได้เขียนวิธีสำหรับ Microsoft Account หรือเนี้ยยย!!! เลยเป็นที่มาในการเขียนบทความนี้ขึ้นมาครับ 😀
บทความที่เกี่ยวข้องแบบตรงๆ เลยครับ
from:http://www.appdisqus.com/2015/01/29/two-step-verification-microsoft-account.html
ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันและบริการใหม่ๆ บนโลกออนไลน์ มันทำให้หลายๆ อย่างสะดวกสบายมากขึ้น รวมทั้งการบันทึก Contacts หรือ รายชื่อผู้ติดต่อ ที่สมัยก่อนจะเปลี่ยนเครื่องแต่ละครั้งต้องมานั่งจดลงกระดาษ ต่อมาก็บันทึกเก็บไว้ในซิมการ์ด และปัจจุบันก็ไม่ต้องพึ่งซิมการ์ดกันอีกแล้ว สามารถเก็บไฟล์รายชื่อไว้ในบัญชีผู้ใช้งานของตัวเองแบบถาวรได้แล้ว ไม่ว่าจะซื้อโทรศัพท์กี่เครื่อง เปลี่ยนเครื่องบ่อยแค่ไหน รายชื่อผู้ติดต่อเหล่านี้ก็จะติดตามเราไปได้ง่ายๆ จะเพิ่มหรือลบชื่อใครออกระบบก็จะซิงค์ข้อมูลระหว่างกันแบบเรียลไทม์ ซึ่งถือว่าสะดวกสบายขึ้นมาก แต่หากใครที่ยังง้อซิมการ์ดอยู่ ยังไงก็ลองหันมาพึ่งพาบัญชีผู้ใช้ให้มากขึ้นดูครับ
อย่างไรก็ตาม การผูกรายชื่อผู้ติดต่อไว้กับบัญชีผู้ใช้มันก็ยังมีปัญหาบางอย่างอยู่ นั่นคือ บัญชีผู้ใช้สมาร์ทโฟนที่ต่างระบบปฏิบัติการกันก็จะใช้บัญชีต่างกัน ทำให้การส่งต่อข้อมูลรายชื่อข้ามระบบไม่ค่อยสะดวกเหมือนกับระบบเดียวกัน แต่ก็มีวิธีอยู่ครับ และไม่ยุ่งยากด้วย ดังต่อไปนี้
รอสักพักบรรดารายชื่อผู้ติดต่อและปฏิทินที่อยู่ในบัญชี Microsoft ทั้งหมดก็จะเข้ามาอยู่ในเครื่อง Android เราแล้วครับ
สำหรับการย้ายรายชื่อผู้ติดต่อจาก Android มา Windows Phone นั้นไม่ต้องดาวน์โหลดแอพฯ ใดๆ เลยครับ เพียงเราเข้าไปที่ People Hub(ผู้คน) >> Settings(การตั้งค่า) >> add contacts(เพิ่มรายชื่อ) >> add an account(เพิ่มบัญชี) >> Google จากนั้นก็ทำการลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google ให้เรียบร้อย แล้วระบบก็จะ Sync ข้อมูลทันทีครับ เมื่อเสร็จแล้วรายชื่อจากบัญชี Google ก็จะมาอยู่ในเครื่อง Windows Phone เราเลยครับ
from:http://www.appdisqus.com/2014/08/30/sync-contacts-between-android-and-windows-phone.html
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกันก่อนนะครับว่า “ความไม่รู้” ไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไร? เมื่อเราไปซื้อสมาร์ทโฟนสักเครื่อง สำหรับหลายคนถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนเครื่องแรก ผู้พัฒนาระบบในปัจจุบันก็ตระหนักถึงความปลอดภัยของข้อมูลมากขึ้น ทำให้บัญชีผู้ใช้และรหัสผ่านของเรามีความสำคัญมากขึ้น เป็นสิ่งที่เราต้องลงทะเบียนด้วยตัวเอง ไม่เช่นนั้นมันก็จะเหมือนว่าสมาร์ทโฟนเครื่องนั้นๆ ไม่ใช่ของเราเลย ซึ่งเป็นเช่นนี้กับทุกระบบปฏิบัติการทั้ง Android, iOS, Windows Phone และอื่นๆ
สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้น ก็คือว่า ช่วงนี้เพื่อนๆ ผู้ใช้ Windows Phone ประสบปัญหาไม่ทราบรหัสผ่านของบัญชีผู้ใช้ ซึ่งบัญชีนั้นๆ ก็ไม่ใช่ของเราเองด้วย หากดูจากอีเมล์ที่ผูกกับบัญชีของหลายๆ คนที่ส่งภาพมาสอบถามจะเห็นได้ชัดว่ามันคือบัญชีของทางร้านค้าเอง ปกติแล้วตอนเปิดเครื่องระบบจะให้ใส่บัญชีผู้ใช้ แทนที่จะถามบัญชีอีเมล์ของลูกค้า หรือให้ลูกค้าสมัครใหม่ หรือ “กดข้าม” ไปก่อนก็ได้ แต่ทางร้านค้ากลับใส่บัญชีผู้ใช้ของตัวเอง ซึ่งถือว่าร้านค้าที่ขายสมาร์ทโฟนนั้นมักง่ายมาก ไม่ใส่ใจลูกค้า หวังที่จะขายเครื่องอย่างเดียวกันเลย?? ควรปรับปรุงและแก้ไขเป็นอย่างยิ่งครับ
เมื่อเครื่องก็ซื้อมาแล้ว ปัญหาก็เกิดขึ้นแล้ว อันจะถือเครื่องไปร้านหรือโทรไปถามรหัสผ่าน เราบอกเลยครับว่า “เสียเวลา และ ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา” แม้เราจะได้รหัสผ่านมา บัญชีผู้ใช้ก็ไม่ใช่ของเราอยู่ดี จะทำอะไรกับเครื่องหรือแม้แต่จะดาวน์โหลดแอพฯ ก็ลำบากครับ แนะนำว่าให้เปลี่ยนบัญชีผู้ใช้มาเป็นของเราครับ ซึ่งมี 2 วิธีดังต่อไปนี้
1. ทำการ Hard Reset เครื่อง เมื่อทำเสร็จแล้วเปิดเครื่องมาใหม่ ระบบจะถามอีเมล์หรือบัญชีผู้ใช้ เราก็ทำการเพิ่มบัญชีใหม่ของเราได้เลยครับ ซึ่งขั้นตอนจะง่ายและน้อยกว่าการเพิ่มบัญชีในคอมพิวเตอร์มาก สำหรับวิธี Hard Reset ก็คือ เข้าไปที่ การตั้งค่า >> เกี่ยวกับ >> รีเซ็ตโทรศัพท์ของคุณ แต่ก่อนที่จะทำการ Hard Reset เราแนะนำว่าควรชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มก่อนนะครับ
.
2. คลิก >> [Tips] วิธีการเปลี่ยน Microsoft Account ใน Windows phone 8.1 โดยไม่ต้อง hard reset เครื่อง
from:http://www.appdisqus.com/2014/08/29/password-of-microsoft-account.html
ในช่วงนี้คาดว่าไมโครซอฟท์มีนโยบายด้านความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้งาน Windows Phone มากขึ้น พยายามให้ผู้ใช้เปิดโหมดการยืนยันตัวบุคคล หรือโหมดข้อมูลความปลอดภัย ซึ่งจะเห็นได้จากเพื่อนๆ หลายคนประสบปัญหาเมื่อต้องการดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นหรือเชื่อมต่อกับบัญชี Microsoft แล้วระบบขึ้นข้อความแจ้งเตือนว่า “เราอาจเข้มงวดเกินไป: แต่เราต้องการทดสอบให้แน่ใจว่าคุณสามารถรับรหัสการรักษาความปลอดภัยในกรณีที่คุณไม่สามารถเข้าถึงบัญชีได้ คุณต้องการได้รับรหัสรักษาความปลอดภัยด้วยวิธีใด… ” จากนั้นระบบก็จะให้เราเลือกว่าจะใส่รหัสรักษาความปลอดภัยด้วยวิธีอะไรบ้าง? ซึ่งมีทั้งส่งรหัสรักษาความปลอดภัยไปที่อีเมล์สำรองที่เราตั้งค่าเอาไว้(ได้มากกว่า 1 อีเมล์) หรือเบอร์โทรศัพท์ แต่…
แต่เมื่อเราเลือกไปแล้ว พยายามทุกวิถีทางแล้ว จะเลือกอะไรก็ตามแต่ สุดท้ายเราก็ไม่ได้รับรหัสรักษาความปลอดภัยสักที มันเป็นเพราะอะไร? อย่างแรกที่อาจเป็นไปได้ ก็คือ ความช้าของระบบ สองก็คือเรายังไม่เปิดโหมด “ข้อมูลความปลอดภัย” เพื่อให้ระบบส่งรหัสไปให้ ซึ่งที่หละคือวัตถุประสงค์ที่ระบบแจ้งข้อความเตือนนี้ นั่นคือ ต้องการให้เราเปิดใช้งานโหมด “ข้อมูลความปลอดภัย” ให้เรียบร้อย เพื่อให้บัญชีของเรามีความปลอดภัยมากขึ้น
การยืนยันตัวบุคคลของบัญชี Microsoft นี้ทำได้หลายรูปแบบ แต่สำหรับบทความนี้เราจะแนะนำ 2 รูปแบบที่จะช่วยให้เราผ่านมาตรการที่เข้มงวดครั้งนี้ของ Microsoft ไปได้นะครับ ได้แก่
เข้าไปที่หน้าเว็บไซต์ https://account.live.com แล้วลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชี Microsoft เดียวกันกับที่เราใช้อยู่บนเครื่อง Windows Phone ของเรา แล้วเลือกเมนู “ความปลอดภัยและรหัสผ่าน” ดูที่หัวข้อ “ข้อมูลความปลอดภัยจะช่วยให้บัญชีของคุณปลอดภัย” หากเรายังไม่เคยกรอกข้อมูลด้านความปลอดภัยนี้แล้วละก้อ จะไม่มีบัญชีอีเมล์สำรองในหัวข้อนี้เลย
ดังนั้นเราก็ต้องเพิ่มบัญชีอีเมล์สำรองหรือเบอร์โทรศัพท์ให้เรียบร้อย โดยคลิกไปที่คำว่า “เพิ่มอีเมลแอดเดรสใหม่” หรือ “เพิ่มหมายเลขโทรศัพท์ใหม่” แล้วระบบก็จะส่งรหัสยืนยันอีเมล์หรือเบอร์โทรศัพท์ไปให้เราตามข้อมูลที่เรากรอกเอาไว้(สำหรับเบอร์โทร ให้เลือกประเทศ แล้วกรอกเบอร์โทรตามปกติ เช่น 089XXXXXXX เป็นต้น)
เมื่อได้รับรหัสยืนยันบัญชีอีเมล์หรือเบอร์โทรศัพท์แล้วมากรอกในช่องว่างใหเรียบร้อย กด “ถัดไป” เท่านี้ก็ ยังไม่เรียบร้อย!! นะครับ
ที่บอกว่ายังไม่เรียบร้อยก็เพราะว่า เราก็แค่เพิ่มบัญชีหรือเบอร์เข้าไป แต่ยังไม่ได้ตั้งค่าให้มันรับรหัสความปลอดภัยเลยครับ วิธีการตั้งค่าก็คือ ในหัวข้อเดียวกันนี้ เราต้องคลิกที่คำว่า “เปลี่ยนตัวเลือกการแจ้งเตือน” จากนั้นกดเลือกบัญชีและเบอร์ที่เราต้องการให้ระบบส่งรหัสยืนยันไปให้แล้วกด “บันทึก” ได้เลยครับ
เพียงเท่านี้หละครับ เราก็จะสามารถรับรหัสยืนยันตัวบุคคลเพื่อรักษาความปลอดภัยได้ สำหรับใครที่ติดอยู่หน้าการแจ้งเตือนของ Microsoft บนเครื่อง Windows Phone ก็ให้กลับไปที่หน้าเดิมแล้ว เลือกบัญชีหรือเบอร์ที่เราไปเปิดโหมด “ข้อมูลความปลอดภัย” ไว้เมื่อสักครู่ จากนั้นกดที่คำว่า “ถัดไป” แล้วรอรับรหัสในบัญชีหรือเบอร์นั้นๆ แล้วนำมากรอกบนเครื่อง Windows Phone ได้เลยครับ
นอกจากการสร้างบัญชีสำรองหรือเบอร์โทรศัพท์สำหรับส่งรหัสความปลอดภัยไปให้เราแล้ว ก็ยังมีอีกวิธีที่ง่ายกว่ามาก ซึ่งสามารถสร้างรหัสความปลอดภัยได้เอง ไม่ต้องรอให้ Microsoft ส่งให้ และทำงานแบบออฟไลน์ได้ด้วย วิธีนี้ก็คือ การใช้แอพพลิเคชั่นสร้างรหัสความปลอดภัยสำหรับ Microsoft Account ซึ่งมีอยู่ทั้ง 3 ระบบ Windows Phone, Android และ iOS โดยเริ่มต้นการใช้งานเหมือนกัน ก็คือ ให้เข้าไปที่หน้าเว็บไซต์ https://account.live.com ไปที่หัวข้อ “แอปการตรวจสอบข้อมูลประจำตัว” เลือก “ตั้งค่า” แล้วเลือกระบบปฏิบัติการที่เราใช้อยู่ และกด ”ถัดไป” ได้เลย แล้วเปิดหน้านี้ทิ้งไว้ แล้วกลับไปที่สมาร์ทโฟนของเราครับ
สำหรับ Windows Phone
กลับมาดูที่สมาร์ทโฟนของเรา จากนั้นดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น Authenticator >> เปิดแอพฯ ขึ้นมา >> คลิกที่เครื่องหมาย “+” ด้านล่าง >> กรอก Microsoft Account >> และใส่ Secret Key หรือ รหัสลับ … แล้วจะเอามาจากไหนหละ??
เจ้า Secret Key หรือ รหัสลับ ก็อยู่ในหน้าเว็บ https://account.live.com ที่เราเปิดทิ้งไว้ก่อนหน้านี้หละครับ ซึ่งมันจะบอกขั้นตอนการเปิดใช้งาน ให้เรามองไปที่ข้อ 3 มันจะมี QR Code ปรากฏอยู่ >> ให้เรากลับมามองดูที่แอพฯ Authenticator ด้านล่างจะมีเมนูกล้องอยู่ครับ คลิกเมนูกล้องแล้วส่อง QR Code ได้เลยครับ แต่หากส่องไม่ได้? ให้กลับมาที่หน้าเว็บ แล้วคลิกคำว่า “ฉันไม่สามารถสแกนบาร์โค้ดได้” มันก็จะเปลี่ยนจาก QR Code มาเป็นให้ Secret Key หรือ รหัสลับ มาแทนครับ เราก็กรอกลงไปในแอพฯ ให้เรียบร้อย
หน้าแอพฯ Authenticator
จากนั้นแอพฯ Authenticator ก็จะเริ่มรันรหัสความปลอดภัยที่จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เลยครับ เราต้องใช้รหัสแต่ละตัวก่อนที่แถบบาร์จะวิ่งไปจนสุด โดยการเปิดใช้งานครั้งแรก เราต้องนำรหัสความปลอดภัยที่แอพฯ Authenticator สร้างขึ้นนี้ไปกรอกในข้อที่ 4 ของหน้าเว็บของ account.live.com ด้วยนะครับ สุดท้ายก็กดปุ่ม “ถัดไป” เท่านี้ก็เรียบร้อยครับ
หลังจากนี้เราก็จะสามารถใช้งานแอพฯ Authenticator ในการสร้างรหัสความปลอดภัยได้เองเลยครับ ไม่ต้องรอ Microsoft ให้เสียเวลา และหากระบบมันถามเรามาอีก หรือขึ้นข้อความว่า “เราอาจเข้มงวดเกินไป: แต่เราต้องการทดสอบให้แน่ใจว่าคุณสามารถรับรหัสการรักษาความปลอดภัยในกรณีที่คุณไม่สามารถเข้าถึงบัญชีได้ คุณต้องการได้รับรหัสรักษาความปลอดภัยด้วยวิธีใด… ” เราก็กดที่คำว่า “ฉันมีรหัส” แล้วกรอกรหัสความปลอดภัยที่ปรากฏในแอพฯ ได้เลยครับ แต่ต้องกรอกให้เสร็จก่อนแถบสีจะวิ่งจนสุดนะครับ
ส่วนระบบปฏิบัติการอื่นๆ ก็ทำคล้ายกันนะครับ จะแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย แต่ขั้นแรกก็ต้องติดตั้งแอพพลิเคชั่นให้เรียบร้อยเสียก่อนเหมือนกันทุกระบบนะครับ ซึ่งมีลิงค์แอพพลิเคชั่นดังต่อไปนี้
from:http://www.appdisqus.com/2014/08/22/security-and-password-of-microsoft-account.html
เนื่องด้วยระบบปฏิบัติการ Windows ของ Microsoft ได้ฝังรากลึกในหัวใจของผู้ใช้คอมพิวเตอร์มานานแสนนาน จนเกิดความคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีระหว่างผู้ใช้งานและระบบปฏิบัติการ ด้วยเหตุนี้ Microsoft จึงใช้จุดแข็งนี้มาช่วยทำให้ผู้ใช้ Windows Phone และ Windows มีความสุขและง่ายในการใช้งานมากยิ่งขึ้น ผ่านฟีเจอร์ที่เรียกว่า Sync Multiscreen เป็นฟีเจอร์ที่สามารถทำให้เรา Sync Settings หรือ ซิงค์การตั้งค่า ของทั้งสองระบบไปมาระหว่างกันได้อย่างง่ายดาย
คำว่า Sync ข้อมูลผ่าน Microsoft Account นี้ หมายความว่า สามารถส่งต่อข้อมูลต่างๆ ทั้งรูปภาพ วีดีโอ แอพพลิเคชั่น และการตั้งค่า จากอุปกรณ์นึงไปสู่อีกอุปกรณ์ที่ใช้ Microsoft Account เดียวกันได้ ทั้งระบบปฏิบัติการ Windows Phone ไป Windows Phone หรือ Windows Phone ไป Windows หรือส่งจากเครื่อง Windows ไปยังเครื่อง Windows ด้วยกัน ซึ่งสามารถทำได้ง่ายมากครับ
สำหรับการ Sync Settings นี้เป็นฟีเจอร์ใหม่บน Windows Phone 8.1 ทำให้เราสามารถตั้งค่า Windows Phone และ Windows ได้ง่ายดายมากขึ้น สามารถตั้งค่าตามความชื่นชอบของเราเองจากอุปกรณ์ใดอุปกรณ์หนึ่งแล้วมันก็จะไปเปลี่ยนทุกๆ อุปกรณ์ ที่เราเพิ่ม Microsoft Account เอาไว้ ซึ่งแทบจะเรียกได้เลยว่า “เปลี่ยนตามทันที” โดยที่เราไม่ต้องรอให้เราไปกดปุ่มใดๆ ทั้งสิ้น
โดยฟีเจอร์ Sync Settings นี้สำหรับเครื่อง Windows Phone สามารถไปเปิดการใช้งานได้ที่เมนู Settings >> Sync My Settings แล้วเปิดเป็น On สำหรับหัวข้อที่เราต้องการซิงค์ระหว่างอุปกรณ์ ซึ่งมีดังต่อไปนี้
Theme หรือ ธีม จะเป็นการซิงค์ข้อมูลการตั้งค่าธีมหรือรูปแบบของอุปกรณ์ ที่เห็นได้ชัดในตอนนี้ก็จะเป็นการเปลี่ยนสีพื้นหลัง หากเราเปลี่ยนสีพื้นหลังบนสมาร์ทโฟน Windows Phone เป็นสีส้ม เครื่องคอมพิวเตอร์ของเราก็จะเปลี่ยนเป็นสีส้มได้เลย ทำให้สะดวกในการใช้งานมากยิ่งขึ้น ซึ่งคาดว่าในอนาคตจะมีการซิงค์ข้อมูลธีมหรือรูปแบบมากยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ
App Settings เป็นการซิงค์การตั้งค่าและข้อมูลของเกมและแอพพลิเคชั่นหลักๆ ที่เข้าร่วมหรือเปิดให้ใช้งานฟีเจอร์นี้ อย่างเช่น บันทึการเล่นเกม คะแนนสูงสุดของเกม หรือการซื้อไอเท็มต่างๆ ในเกมที่เราเล่น การเลือกพื้นที่เพื่อติดตามสภาพภูมิอากาศ ข่าวสาร หรือข้อมูลต่างๆ ของแอพฯ Bing เป็นต้น
Internet Explorer เป็นซิงค์ข้อมูลการตั้งค่า ประวัติการท่องเว็บไซต์ และบันทึกเว็บไซต์ที่ชื่นชอบ ของ Internet Explorer จากอุปกรณ์หนึ่งไปยังอุปกรณ์หนึ่ง ไม่พลาดทุกความต้องการไม่ว่าเราจะใช้งานสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ที่รันด้วยระบบปฏิบัติการของ Microsoft อยู่
Passwords เป็นการซิงค์ข้อมูลรหัสผ่านที่เราใช้งานอยู่ ทั้งรหัสผ่าน Wi-Fi และรหัสผ่านของเว็บไซต์ต่างๆ หากเราบันทึกในอุปกรณ์หนึ่งก็จะซิงค์ไปยังอุปกรณ์อื่นๆ ทั้งหมดที่เชื่อมต่อด้วย Microsoft Account อยู่
สำหรับการซิงค์ข้อมูลอื่นๆ เอกสาร รูปภาพ และวีดีโอ ระหว่างอุปกรณ์ที่รันด้วย Windows Phone หรือ Windows นั้น จะเป็นการซิงค์ข้อมูลผ่าน OneDrive ครับ
การซิงค์เอกสารทั้ง Office และ OneNote: เพียงเราทำการเพิ่มหรือแก้ไขเอกสารบนอุปกรณ์ใดอุปกรณ์หนึ่ง ระบบก็จะทำการบันทึกและซิงค์ข้อมูลไปยัง OneDrive ทำให้ทุกอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับ OneDrive สามารถเข้าถึงเอกสารที่ทำการแก้ไขนั้นได้
การซิงค์รายชื่อใน People Hub: หากเราเริ่มการใช้งาน Windows Phone เป็นครั้งแรกแล้วเรามีรายชื่อเพื่อนในซิมการ์ดเราก็เข้าไปที่ People Hub >> … >> Settings >> import from SIM แล้วดึงข้อมูลรายชื่อเพื่อนมาไว้ในบัญชี Hotmail ที่เราผูกกับ Microsoft Account ได้เลยครับ ก็จะทำให้รายชื่อเพื่อนของเราติดตามเราไปได้ทุกที่ และเวลาเพิ่มรายชื่อใหม่เข้าไปใน People Hub เราก็เลือกเพิ่มไปที่ Hotmail ได้เลย ก็จะทำให้รายชื่อทั้งหมดเก็บไว้ในที่เดียวกัน ไม่มีการสูญหายอีกต่อไป
การซิงค์รูปภาพและวีดีโอ: ฟีเจอร์นี้แนะนำสำหรับเพื่อนๆ ที่ใช้งาน Windows Phone ผ่าน Wi-Fi เท่านั้นนะครับ เพราะการซิงค์ข้อมูลรูปภาพและวีดีโอ ค่อนข้างมีปริมาณข้อมูลเยอะ หากเราใช้งานผ่าน 3G มีหวังหมดโปรโมชั่นและเสียค่าใช้จ่ายมหาศาลได้ง่ายๆ เลยครับ สำหรับการเปิดหรือปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ ทำได้โดยการเข้าไปที่ Settings >> Backup >> Photos+videos แล้วก็เลือกลักษณะการ Backup ขขข้อมูลที่เหมาะสมกับการใช้งานของเราได้เลยครับ นอกจากนี้ในหัวข้อ Backup นี้ เราก็สามารถเปิด Backup ข้อความและการตั้งค่าได้ด้วยเช่นกัน
ทั้งหมดนี้คือการกล่าวถึงความสามารถหรือฟีเจอร์ที่ทำให้ผู้ใช้ Windows Phone หรือ Windows ผ่านอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์ สะดวกสบายมากยิ่งขึ้นและรวมถึงการรักษาข้อมูลที่สำคัญของเรา ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการใช้ชีวิตในยุคข้อมูลสารสนเทศมีค่ามหาศาลอย่างในปัจจุบันและอนาคต
from:http://www.appdisqus.com/2014/08/14/sync-multiscreen-settings-windows-phone.html