Lenovo Legion Pro 7i ใส่ฟีเจอร์มาแพรวพราวสุด ณ ตอนนี้!
พอถามถึงเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คที่ได้ทั้งความแรงและคุ้มจากเกมเมอร์เมื่อไหร่ ก็ต้องมีชื่อ Lenovo Legion รวมอยู่ในนั้นด้วยแน่นอน และปี 2023 นี้ Lenovo Legion Pro 7i ซึ่งเป็นรุ่นเรือธงอัดสเปคและฟีเจอร์อลังการงานสร้างก็เริ่มวางขายให้เกมเมอร์ได้เลือกซื้อกันแล้ว ซึ่งนอกจากได้ซีพียู Intel 13th Gen กับการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce RTX 4000 Series ตามปกติแล้ว จุดน่าสนใจต้องยกให้ฟีเจอร์ใหม่ๆ ไม่ว่าจะ Lenovo AI Engine+ รุ่น LA-2Q สำหรับปรับจูนประสิทธิภาพของตัวเครื่องให้แรงขึ้นและแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 99.9Wh ซึ่งมีความจุมากสุดเท่าที่จะแบกขึ้นเครื่องบินได้แถมบอดี้ตัวเครื่องยังทำจากอลูมิเนียมรีไซเคิลและโพลิเมอร์ออร์แกนิคช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
ฟีเจอร์จุดแข็งของ Lenovo Legion Pro 7i ต้องยกให้ระบบระบายความร้อนอย่าง Legion Coldfront ก็ได้รับการอัพเกรดจากเวอร์ชั่น 4.0 เป็น 5.0 แล้ว ช่วยคุมอุณหภูมิตัวเครื่องได้ดีไม่ร้อนเกินไป เล่นเกมและทำงานได้เต็มที่ต่อเนื่อง ได้หน้าจอใหม่ Lenovo PureSight Gaming Display ซึ่งยกข้อดีจากจอรุ่นก่อนมาหมดไม่ว่าจะได้ความละเอียดสูง QHD พาเนล IPS คุณภาพสูงแล้วยังปรับค่า Refresh Rate ได้แถมยังมีคีย์ลัดให้กดบนคีย์บอร์ด Legion TrueStrike เวอร์ชั่นใหม่ไฟ Per-Key RGB ได้แล้วยังเปลี่ยนเอฟเฟคแสงได้ 6 แบบแถมยังมีชุดคีย์แคปมาให้ถอดเปลี่ยนอีกด้วย เรียกว่าล้ำเกินหน้าเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบันไปอีกเท่าตัว
จุดเด่นอีกอย่างต้องยกให้กล้องเว็บแคมแบบพิเศษ Tobii Horizon ซึ่งนอกจากจะจับภาพผู้ใช้ตอนใช้งานแล้ว มันยังจับการเคลื่อนไหว (Motion Tracking) ของศีรษะผู้ใช้เวลาเล่นเกมที่ทำมารองรับมันได้อีกด้วย เวลาผู้ใช้หันหน้าไปมาหน้าจอในเกมก็หันตาม ซึ่งยังไม่มีเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเครื่องไหนใส่ฟีเจอร์นี้มาให้ใช้เลย ถือเป็นลูกเล่นที่น่าสนใจมากอีกอย่างหนึ่ง
NBS Verdicts
นอกจากสเปคของ Lenovo Legion Pro 7i จะแรงเทียบชั้นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเรือธงในปี 2023 ได้แล้ว ต้องยกให้ฟีเจอร์ล้ำๆ หลายอย่างไม่ว่าจะชิป Lenovo AI Engine+ รุ่น LA-2Q ช่วยปรับเร่งประสิทธิภาพเพิ่มเฟรมเรทของตัวเครื่องให้มากขึ้น ดึงพลังของซีพียูและการ์ดจอออกมาได้เต็มที่และยังได้ชุดระบายความร้อน Legion Coldfront 5.0 เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดซึ่งระบายความร้อนได้ดีมากๆ แถมยังคงสิ่งที่ดีในรุ่นก่อนอย่างหน้าจอความละเอียดสูงขอบเขตสีกว้างและคีย์บอร์ด Legion TrueStrike ไฟ Per-Key RGB แบบอัพเกรดให้เปลี่ยนเอฟเฟคไฟได้ 6 แบบติดมาให้พร้อมฟีเจอร์ 100% anti-ghosting อีกด้วย
สิ่งที่ดีจากรุ่นก่อนอย่างหน้าจอก็ถูกอัพเกรดให้ดีขึ้น นั่นคือจอ Lenovo PureSight Gaming Display ซึ่งรุ่นล่าสุดนี้นอกจากจะเป็นพาเนล IPS ขอบเขตสีกว้างและได้รับการรับรอง VESA DisplayHDR 400, X-Rite Pantone, TUV Rheinland แล้ว ยังรองรับ Dolby Vision และ NVIDIA G-SYNC ครบถ้วนให้ภาพสวยคมลื่นไหลและยังกดปรับค่า Refresh Rate ด้วยปุ่มลัดบนหน้าจอได้ซึ่งสะดวกมากตอบโจทย์ทั้งคนทำงานและเล่นเกมอย่างแน่นอน
ส่วนข้อสังเกตนอกจากเรื่องการแกะเปิดฝาอัพเกรดได้ยากเพราะตัวเครื่องประกอบซีลมาแข็งแรงแล้ว ก็คือระบบระบายความร้อน Legion Coldfront 5.0 แม้จะระบายความร้อนดีไม่เกิดอาการ Throttle Down แล้วเฟรมเรทลดตอนเล่นเกมก็ตาม แต่อุณหภูมิในโปรแกรม CPUID HWMonitor ก็ยังสูงจนมีตัวเลขแดงติดขึ้นมาให้เห็นและไม่มีเซนเซอร์สแกนใบหน้าหรือนิ้วมือติดตั้งมาให้ทั้งที่เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเรือธงหลายๆ รุ่นในปี 2023 นี้ติดตั้งมาให้แทบจะเป็นชิ้นส่วนพื้นฐานประจำเครื่องแล้ว ถ้าติดเป็นกล้องเว็บแคมไม่ได้ก็ใส่เป็นเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาก็ได้ นอกจากสะดวกใช้งานได้ดีแล้วยังรักษาความเป็นส่วนตัวได้ดีด้วย
ข้อดีของ Lenovo Legion Pro 7i
งานประกอบตัวเครื่องแข็งแรงแน่นหนาสวยงามสมราคาและอัพเกรดเพิ่มแรม, SSD ได้
ติดตั้งซีพียู Intel Core i9-13900HX รุ่นใหม่ล่าสุดประสิทธิภาพสูงมาให้ใช้งาน
ปรับค่า TDP, TGP ของการ์ดจอและซีพียูใน Lenovo Vantage ได้ตามต้องการ
แบตเตอรี่มีความจุมากขึ้นกว่ารุ่นก่อนจาก 80Wh เป็น 99.9Wh รองรับสเปคปัจจุบันได้ดีขึ้น
ติดตั้งพอร์ตมาทันสมัยทั้ง Thunderbolt 4, USB-C Full Function ชาร์จแบตเตอรี่และต่อจอแยกได้
กล้องเว็บแคม Tobii Horizon เป็นแบบจับการเคลื่อนไหวใบหน้าใช้หมุนมุมกล้องกับเกมที่รองรับได้
คีย์บอร์ด Legion TrueStrike เปลี่ยนเอฟเฟคไฟ RGB ได้ 6 แบบตามใจชอบ
เมื่อกดปุ่ม Fn ค้าง ปุ่มที่มีคีย์ลัดอยู่จะมีไฟ RGB ติดขึ้นมาเพื่อไกด์ผู้ใช้ให้กดได้สะดวกขึ้น
เปลี่ยนคีย์แคปและตัวสวิตช์ของคีย์บอร์ดได้ มีอุปกรณ์เปลี่ยนพร้อมชิ้นส่วนสำรองแถมมาให้
ระบบระบายความร้อนอัพเกรดเป็น Legion Coldfront 5.0 แล้ว ระบายความร้อนได้ดีขึ้น
ติดตั้งชิป Lenovo AI Engine+ รุ่น LA-2Q มาให้ ช่วยจัดการประสิทธิภาพของตัวเครื่องให้ดีขึ้น
หน้าจอพาเนลคุณภาพสูงระดับใช้ทำงานครีเอเตอร์ 3D ได้ ขอบเขตสีกว้าง 100% sRGB ได้รับการรับรอง VESA DisplayHDR 400, X-Rite Pantone, Dolby Vision
หน้าจอปรับค่า Refresh Rate ได้หลายระดับ กด Fn+R ปรับได้ตามต้องการ สูงสุด 240Hz
Wi-Fi PCIe Card เป็น Intel Killer AX1675i ซึ่งออกแบบมาเพื่อเน้นเล่นเกมโดยเฉพาะแล้ว
โปรแกรม Lenovo Vantage สามารถตั้งค่าและโอเวอร์คล็อกตัวเครื่องได้ละเอียดมาก
ข้อสังเกตของ Lenovo Legion Pro 7i
ยังไม่มีเซนเซอร์สแกนใบหน้าหรือนิ้วมือติดตั้งมาให้แบบเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเรือธงหลายๆ รุ่นในปัจจุบัน
ชุดระบายความร้อน Legion Coldfront 5.0 จัดการความร้อน Full load ได้ดีแต่อุณหภูมิยังสูงอยู่
เปิดฝาอัพเกรดเครื่องได้ยากมาก ต้องระวังไม่ให้ทำเขี้ยวล็อคกรอบตัวเครื่องแตกเสียหาย
รีวิว Lenovo Legion Pro 7i
Specification
Lenovo Legion Pro 7i เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ครุ่นเรือธงจากทาง Lenovo ซึ่งรุ่นใหม่นี้นอกจากสเปคจะดีมากแล้ว ยังมีฟีเจอร์น่าใช้ต่างๆ ติดตั้งมาให้ทั้งกล้อง Webcam จับการเคลื่อนไหวของใบหน้า Tobii Aware, ไฟคีย์บอร์ด RGB เปลี่ยนเอฟเฟคแสงได้ 6 แบบ รวมไปถึงพอร์ต USB-C Full Function ใช้ต่อหน้าจอแยกและชาร์จแบตเตอรี่ให้ตัวเครื่องได้อีกด้วย โดยมีรายละเอียดสเปคดังนี้
สเปคของ Lenovo Legion Pro 7i
CPU
Intel Core i9-13900HX แบบ 24 คอร์ 32 เธรด (8P+16E) ความเร็วสูงสุด 5.4GHz
GPU
NVIDIA GeForce RTX 4080 แรม 12GB GDDR6
SSD
M.2 NVMe SSD ความจุ 1TB อินเตอร์เฟส PCIe 4.0 อัพเกรดได้สูงสุด 2TB
RAM
32 GB DDR5 บัส 5600 MHz อัพเกรดได้สูงสุด 64GB
Display
16 นิ้ว ความละเอียด WQXGA (2560×1600) พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 240Hz
Connectivity
Thunderbolt 4 x 1, USB-C 3.2 รองรับ DisplayPort 1.4 และ Power Delivery 140W x 1, USB-A 3.2 x 4, HDMI 2.1, LAN x 1, Audio combo x 1
Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2
Software
Windows 11 Home
Weight
2.8 กิโลกรัม
Price
119,990 บาท (ราคากลาง)
Hardware & Design
ดีไซน์ของ Lenovo Legion Pro 7i โดยรวมยังไม่ต่างจาก Lenovo Legion รุ่นก่อนหน้านัก ไม่ว่าจะบานหน้าจอกรอบบางสามด้านและทำขอบส่วนติดกล้องเว็บแคมให้ยื่นขึ้นเล็กน้อยให้กางหน้าจอได้ง่ายขึ้น, ปุ่ม Power ตรงกลางเครื่องเหนือคีย์บอร์ด, ติดสติ๊กเกอร์ของ Intel, NVIDIA และตัวบอกคีย์ลัด Fn+Q เอาไว้มุมล่างขวาของคู่กับเพลต Lenovo แต่เพิ่มการสกรีนคำว่า audio by HARMAN เอาไว้มุมซ้ายของที่วางข้อมือเพื่อบอกว่าลำโพงนี้ปรับจูนโดยบริษัท HARMAN ซึ่งทำงานด้านปรับจูนเสียงโดยเฉพาะ
จุดแตกต่างคือไฟ Lightbar ขอบล่างด้านใต้ตัวเครื่องเหมือนเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ครุ่นเรือธงหลายๆ รุ่นในปีนี้ แต่ก็แตกต่างจากรุ่นอื่นๆ เพราะมันสามารถปรับรูปแบบไฟตามเอฟเฟคไฟ RGB ของคีย์บอร์ดทั้ง 6 แบบได้อย่างเหมาะสมลงตัว ไม่ได้เป็นเอฟเฟคแบบเดียวตามที่โรงงานตั้งค่ามาให้หรือแค่ปิดไฟเท่านั้น
ก้านบานพับหน้าจอดีไซน์แบบก้านฐานตั้งฉากกับตัวเครื่องยึดกับบานหน้าจอทั้ง 2 ฝั่งติดเข้ากับฐานขาบานพับหน้าจอที่ติดอยู่ในตัวเครื่องทั้งสองฝั่ง ได้ความแข็งแรงทนทานกางหน้าจอได้กว้างจนราบไปกับตัวเครื่องได้ ดังนั้นจะตั้งไว้กับโต๊ะ, วางบนแท่นวางโน๊ตบุ๊คหรือต้องการกางจอให้เพื่อนดูคอนเทนต์บนหน้าจอก็ได้และตัวบานพับก็แข็งแรงทนทานกางหน้าจอแล้วไม่มีอาการสั่นสะบัดแม้แต่นิดเดียว ถือว่างานประกอบเรียบร้อยดีมีคุณภาพ
ด้านหลังเครื่องจะเป็นฝาหลังแบบเรียบง่ายไม่มีเอฟเฟคไฟ RGB ติดมาให้ ส่วนของตัวบานหน้าจอจะมีเพลตโลโก้ Lenovo มุมล่างขวาและมุมบนซ้ายเป็นคำว่า LEGION เขียนด้วยตัวอักษรใหญ่ ถัดลงมาเป็นช่องระบายความร้อนและชุดพอร์ตเชื่อมต่อด้านหลังเครื่อง หลักๆ แล้วเป็นพอร์ตที่ไม่ค่อยถอดเข้าออกบ่อยนักและมี USB-A อยู่ 2 ช่องสำหรับต่อเมาส์คีย์บอร์ดโดยเฉพาะด้วย
ด้านใต้เครื่องแบ่งเป็น 2 ระดับ ครึ่งบนมีแถบยางยาวติดโลโก้ LEGION และมีช่องลมเข้าสำหรับระบายความร้อนให้ชุดระบายความร้อน Legion Coldfront 5.0 ถัดลงมาด้านล่างจะเป็นบอดี้แบบเรียบมีแถบยางอีก 2 เส้นติดไว้กันลื่นและยกตัวเครื่องขึ้นจากพื้นป้องกันตัวเครื่องโดนกับพื้นโต๊ะโดยตรงแล้วเกิดรอยขีดข่วนเสียหายหรือติดรอยขนแมว มีน็อตหัว Philips Head ยึดฝาใต้เครื่องเอาไว้อีก 10 ตัวไม่ให้ฝาหลุด
Screen & Speaker
หน้าจอของ Lenovo Legion Pro 7i ดีไซน์เป็นจอกรอบบาง 3 ด้าน เว้นตรงกลางขอบบนหน้าจอจะมีขอบยื่นออกมาเล็กน้อยสำหรับติดตั้งกล้องเว็บแคมแบบพิเศษที่เรียกว่า Tobii Horizon เป็นกล้องจับการเคลื่อนไหวของผู้ใช้ช่วยหันหน้าจอตามที่ใบหน้าของผู้เล่นหันไปด้วย สามารถชมตัวอย่างได้ที่นี่ ส่วนขอบล่างหน้าจอมีโลโก้ LEGION สลักเอาไว้ตรงขอบล่างหน้าจอเหมือน Lenovo Legion รุ่นก่อน สามารถกางหน้าจอใช้งานได้ง่ายพอสมควร
จอของ Lenovo Legion Pro 7i มีขนาด 16 นิ้ว ความละเอียด WQXGA (2560×1600) พาเนล IPS มีค่า Refresh Rate 240Hz ขอบเขตสีกว้าง 100% sRGB ได้รับการรับรอง VESA DisplayHDR400, Dolby Vision, NVIDIA G-SYNC, TUV Rheinland, X-Rite Pantone มาครบถ้วน ใช้เล่นเกมหรือจะทำงานครีเอเตอร์ก็ได้เพราะขอบเขตสีกว้างและได้รับการรับรอง VESA ครบถ้วน ค่า Refresh Rate ที่ตั้งค่าได้ใน Advanced display ของ Windows จะมี 3 ระดับ คือ 60 / 120 / 240Hz
จากการทดสอบด้วยโปรแกรม DisplayCal 3 ด้วยเครื่อง Colorchecker ของ Calibrite ได้ Gamut coverage หรือค่าขอบเขตสีจริงของหน้าจอได้สีกว้างถึง 99.7% sRGB, 74.9% Adobe RGB, 77.5% DCI-P3 ส่วน Gamut volume หรือขอบเขตสีองค์รวมได้ 110.1% sRGB, 75.9% Adobe RGB, 78% DCI-P3 ค่าความเที่ยงตรงสี Delta-E เฉลี่ย 0.05~0.87 ถือว่าสีสันเที่ยงตรงตามหน้าสเปค ดังนั้นถ้าต้องการทำงานสายอาร์ท แต่งภาพจูนสีหรือตัดคลิปก็ใช้หน้าจอของ Lenovo Legion Pro 7i ได้เลย
ความสว่างหน้าจอเมื่อปรับความสว่าง 100% วัดได้ 539.67 cd/m2 ซึ่งสว่างมากพอสู้แสงแดดสะท้อนจอในห้องหรือตอนพกเครื่องไปทำงานนอกอาคารสถานที่ได้สบายๆ ถ้าใช้งานในอาคารบ้านออฟฟิศแนะนำให้ปรับความสว่างไว้ราว 50~60% ก็พอ และถ้าอิงกับการรับรอง VESA DisplayHDR 400 ที่มีมาตรฐานว่าต้องมีค่า Peak luminance เกิน 400 cd/m2 แล้ว ถือว่าจอ Lenovo PureSight Gaming Display ใช้พาเนลดีมีคุณภาพเกินสเปคที่เขียนเอาไว้ระดับหนึ่ง
ลำโพง Harman Super Linear กำลังขับตัวละ 2 วัตต์คู่นี้ถือว่าได้เสียงดังพอสมควรและเนื้อเสียงถ้าใช้เล่นเกมต้องถือว่าแยกทิศทางเสียงได้ดีระดับหนึ่ง โดยเฉพาะเกม RPG จะเล่นได้อารมณ์และมีมิติพอควร ส่วนการฟังเพลงถือว่าฟังเพลงได้ค่อนข้างสนุกและเน้นเสียงเครื่องดนตรีกับนักร้องเป็นหลักและมีเสียงเบสซัพพอร์ตพอสมควร อาจไม่ถึงระดับมีแรงปะทะหนักแน่นเป็นลูกแต่ก็ฟังได้รสชาติฟังสนุกหูใช้ได้ ไม่ต้องต่อลำโพงแยก
Keyboard & Touchpad
คีย์บอร์ด Legion TrueStrike ของ Lenovo Legion Pro 7i ถ้าเทียบเลย์เอ้าท์แล้วก็เหมือนกับรุ่นก่อน ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย์เอ้าท์และการเซ็ตปุ่มอะไรมากนัก โดยตัวคีย์บอร์ดเป็นแบบ Full-size มีฟังก์ชั่น 100% Anti-Ghosting สามารถกดปุ่มบนคีย์บอร์ดหลายๆ ปุ่มพร้อมกันได้โดยไม่เกิดอาการรวนหรือปุ่มกดไม่ติดอย่างแน่นอน
แต่แม้จะไม่มีการเปลี่ยนปุ่มหรือเลย์เอ้าท์ก็ตาม แต่ Lenovo เลือกเล่นกับการปรับแต่งและเล่นกับเอฟเฟคไฟ RGB แทน อย่างแรกถ้ากดปุ่ม Fn ค้างเอาไว้ จะมีไฟสีฟ้าติดขึ้นมาบนปุ่มที่มีคีย์ลัดทั้งหมด 7 ปุ่ม ได้แก่
Function Hotkey ของปุ่ม F1~F12
ปุ่ม Q สำหรับปรับโหมดของตัวเครื่อง
ปุ่ม R ใช้ปรับค่า Refresh Rate ของหน้าจอ ได้แก่ 60 หรือ 240Hz
ปุ่ม Spacebar สำหรับปรับเอฟเฟคแสงไฟ RGB 6 แบบ
ปุ่มลูกศรขึ้นลงใช้ปรับความสว่างของไฟ RGB คีย์บอร์ด
ปุ่ม Print Screen เรียกคำสั่ง Snipping Tool ขึ้นมาใช้งาน
เซ็ตปุ่ม Home, End, Page Up, Page Down เป็นชุดปุ่ม Multimedia Key
การเซ็ตปุ่ม Fn ให้แสดงผลไฟเช่นนี้ ถือว่าสร้างสรรค์และทำให้ผู้ใช้กดคีย์ลัดใช้ได้ง่ายและมองเห็นถนัด จัดเป็นลูกเล่นบอกความเอาใจใส่ของทางบริษัทต่อผู้ใช้ได้ดีอย่างหนึ่ง
นอกจากปุ่ม Fn แล้ว คีย์บอร์ด Legion TrueStrike ก็มีเอฟเฟคไฟ RGB ให้ใช้ถึง 6 แบบ กดสลับเปลี่ยนได้ด้วยปุ่ม Fn+Spacebar ได้ เมื่อกดจะมีเลขของเอฟเฟคไฟแสดงขึ้นมาแล้วเปลี่ยนสีไฟคีย์บอร์ดกับ Lightbar คู่กัน โดยเอฟเฟคทั้งหมดมีดังนี้
เปิดไฟคีย์บอร์ดและ Lightbar ทั้งหมด เป็นไฟ Per-Key RGB
ไฟคีย์บอร์ดและ Lightbar สีฟ้าล้วนเหมือน Legion รุ่นคลาสสิค
เอฟเฟคไฟคีย์บอร์ดแบบ Reactive กดปุ่มไหนจะมีเอฟเฟคไฟกระพริบแต่ Lightbar เป็นสีฟ้า
เอฟเฟคไฟคีย์บอร์ดแบบสุ่มไฟกระพริบไปมาและเอฟเฟค Lightbar จะเลื่อนสลับไปมา
เอฟเฟคไฟคีย์บอร์ดและ Lightbar แบบ Reactive ตามโทนเสียงเพลงจากฝั่งซ้ายคีย์บอร์ด
เอฟเฟคไฟคีย์บอร์ดและ Lightbar แบบ Reactive ตามโทนเสียงเพลงแบบกระจายจากปุ่ม I
ต้องถือว่าคีย์บอร์ดของ Lenovo Legion Pro 7i เป็นคีย์บอร์ดที่มีสีสันโดดเด่นแตกต่างจากเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คทุกรุ่นในปี 2023 นี้ด้วยเอฟเฟคไฟหลากหลายแบบไม่ได้เป็นเอฟเฟคไฟแบบเดียวเหมือนในอดีตอีกแล้ว เรียกว่าเทียบชั้นเกมมิ่งคีย์บอร์ดแยกหลายๆ ตัวในปัจจุบันได้สบายๆ
นอกจากนี้คีย์บอร์ดของ Lenovo Legion Pro 7i ยังถอดเปลี่ยนคีย์แคปและเปลี่ยนสวิตช์ที่เสียเมื่อกดไปนานๆ ได้ด้วยอุปกรณ์ถอดปุ่มเฉพาะในกล่องได้เลย ตัวกล่องเป็นพลาสติกแข็งทนทานมีสวิตช์ติดมาให้ 8 ตัวสำหรับถอดเปลี่ยนซ่อมได้ด้วยตัวเองและถ้าใครไม่อยากใช้ปุ่ม WASD ตามปกติ อยากดูแตกต่างก็ถอดใส่คีย์แคปสีขาวใช้งานได้เลย
Function Hotkey ของ Lenovo Legion Pro 7i นั้นยังเหมือนกับ Legion ในรุ่นก่อนทุกประการ ยังไม่ได้ Mapping คีย์ลัดใหม่เข้ามาให้ใช้งาน แต่เปลี่ยนไปเซ็ตรวมกับปุ่มอื่นๆ บนคีย์บอร์ดแทน โดยมีคีย์ลัดดังนี้
F1~F3 – ปิด, ลดหรือเพิ่มเสียงF4 – ปิดไมโครโฟนF5~F6 – ลดหรือเพิ่มความสว่างหน้าจอF7 – ปุ่ม Project ตั้งค่าหน้าจอหลักและจอเสริมF8 – Airplane ModeF9 – Lenovo Smart Key ใช้เรียกคำสั่งที่ต้องการได้ ถ้ากด 2 ครั้งจะเปิด Lenovo VantageF10 – ล็อคการทำงานทัชแพดF11 – ปุ่มลัดเรียก Windows Aero Mode ทำงานเหมือนกด Windows+TabF12 – เรียกโปรแกรมเครื่องคิดเลข
ถึงทางบริษัทจะไม่ได้เพิ่มหรือปรับแต่ง Function Hotkey จากรุ่นก่อนเลยก็ตาม แต่คีย์ลัดพื้นฐานเหล่านี้ก็ถือว่าครบเครื่องพอใช้งานแล้วและเอาปุ่มลัดไปใส่ไว้กับปุ่มตัวอักษรบนคีย์บอร์ดแทนก็เป็นทางออกที่ดีและถ้าผู้ใช้คนไหนคุ้นเคยกับคีย์บอร์ดเก่าของ Lenovo Legion มาก่อนแล้วก็ไม่ต้องปรับตัวมากด้วย
ทัชแพดของ Lenovo Legion Pro 7i เป็นแป้นขนาดใหญ่ มีความกว้างเท่าระยะกลางปุ่ม Alt ทั้งสองฝั่งพอดีและแป้นก็กว้างพอสมควร สามารถลากเคอร์เซอร์เมาส์ไปมาได้ถนัดและรองรับ Gesture Control ครบถ้วน ใช้งานสะดวกเวลาไม่มีพื้นที่วางเมาส์และกด Fn+F10 เพื่อปิดการทำงานทัชแพดได้เวลาเล่นเกมแล้วต่อเมาส์เสริมได้อีกด้วย ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนก็อยากให้ทางบริษัทเอาปุ่มปิดการทำงานทัชแพดไปใส่กับโน๊ตบุ๊คสายทำงานของทางบริษัทเช่นกัน ส่วนอาการทัชแพดลั่นตอนสันมือทาบขอบแป้นแทบไม่มีหรือไม่ก็เกิดขึ้นน้อยมากจากที่ผู้เขียนทดลองใช้งานมาร่วมสัปดาห์
Connector / Thin & Weight
พอร์ตเชื่อมต่อของ Lenovo Legion Pro 7i มีพอร์ตติดตั้งเอาไว้ 3 ด้าน ได้แก่ ด้านข้างเครื่องสองฝั่งเป็นพอร์ตใช้งานทั่วไปและด้านหลังจะเป็นพอร์ตแบบต่อค้างเอาไว้ไม่ถอดบ่อย โดยมีพอร์ตดังนี้
ด้านหลังจากซ้ายมือ – LAN, USB-C 3.2 รองรับ DisplayPort 1.4 และ Power Delivery 140 วัตต์, HDMI 2.1, USB-A 3.2 x 2, ช่องต่ออแดปเตอร์ด้านซ้ายจากซ้ายมือ – USB-A 3.2, Thunderbolt 4ด้านขวาจากซ้ายมือ – Audio combo, สวิตช์ E-Shutter ปิดกล้องเว็บแคม, USB-A 3.2การเชื่อมต่อไร้สาย – Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2
ถือว่า Legion Pro 7i ยังใส่ใจเรื่องพอร์ตและการเชื่อมต่อดีไม่แพ้รุ่นก่อนหน้าและจัดกลุ่มได้ดีด้วย สังเกตว่าพอร์ตข้างเครื่องจะเป็นพอร์ตถอดเข้าออกบ่อยอย่าง USB-A 3.2 กับ Thunderbolt 4 เป็นหลักให้ผู้ใช้เอาแฟลชไดรฟ์หรือสมาร์ทโฟนต่อเครื่องได้ง่ายๆ แล้วย้ายเอาพอร์ตต่อค้างเครื่องไปไว้ด้านหลังหมด ทำให้ตอนจัดโต๊ะทำงานหรือเก็บสายไฟทำได้ง่ายเหมือนเดิม
แต่จุดสังเกตเล็กน้อย คือ ทางบริษัทเอาพอร์ต USB-A 3.2 ข้างเครื่องไปติดไว้ในกลุ่มช่องระบายความร้อนแทน แม้จะดูสวยงามแต่ตอนใช้งานจริงมองเผินก็อาจไม่ทันสังเกตได้และเมื่อทาง Lenovo ติดตั้งหน้าจอคุณภาพสูงขอบเขตสีกว้างมาแล้ว ถ้าเป็นไปได้ก็อยากได้พอร์ต MicroSD หรือ SD Card Reader เลยจะดีมาก ครีเอเตอร์จะได้เอาการ์ดจากกล้องมาต่อเครื่องโอนไฟล์มาใช้งานได้ทันที
น้ำหนักของ Lenovo Legion Pro 7i ถือว่าไล่เลี่ยกับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คขนาด 15.6~16 นิ้วหลายๆ รุ่นในปีนี้ เฉพาะตัวเครื่องอย่างเดียวอยู่ที่ 2.63 กิโลกรัม เมื่อรวมอแดปเตอร์ 330 วัตต์ น้ำหนัก 989 กรัมแล้วจะหนัก 3.62 กิโลกรัม ซึ่งถ้าวางเครื่องเอาไว้เล่นเกมและทำงานหรือออฟฟิศก็ไม่มีปัญหาแต่ถ้าพกไปทำงานหรือเข้าห้องเรียนแนะนำกระเป๋าเป้จะดีที่สุด ไม่แนะนำกระเป๋าสะพายข้างหรือถุงผ้าเท่าไหร่เพราะน้ำหนักจะกดบ่าข้างเดียวแล้วเกิดปัญหาสุขภาพตามมาได้
Inside&Upgrade
การเปิดฝาอัพเกรด Lenovo Legion Pro 7i หลังจากขันน็อต Philips Head ทั้ง 10 ตัวออกแล้ว ให้เริ่มเอาการ์ดแข็งหรือปิ๊กกีตาร์กดที่ขอบตัวเครื่องโซนพอร์ตหลังเครื่องแล้วไล่ขอบซ้ายขวาให้มีช่องว่างมากขึ้นก่อนแล้วค่อยไล่จากกรอบเครื่องด้านใดด้านหนึ่งไปจนสุด จากนั้นค่อยเปิดฝาดึงออกมา และจากประสบการณ์เปิดฝาโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งมาหลายเครื่อง ถือว่า Legion Pro 7i เป็นหนึ่งในโน๊ตบุ๊คที่เปิดฝาได้ยากมากและต้องระวังเวลาเปิดด้วย ไม่อย่างนั้นอาจเผลอทำเขี้ยวล็อคฝาบิ่นหรือแตกได้
ภายในเครื่องจะมีชุดระบายความร้อน Legion Coldfront 5.0 ขนาดใหญ่กินพื้นที่ไปครึ่งหนึ่งของตัวเครื่องและเป็นชุดระบายความร้อนแบบโลหะเหลว (Liquid Metal) ติดสติ๊กเกอร์บอกผู้ใช้เอาไว้ด้วยว่าห้ามผู้ใช้แกะชุดระบายความร้อนด้วยตัวเองยกเว้นช่างผู้ชำนาญการจากทางบริษัทเท่านั้น (Customers shall NOT disassemble this thermal module. Disassemble by authorized service provider only.)
จุดติดตั้ง M.2 NVMe SSD ทั้ง 2 ตัวยังติดอยู่ที่เดิมถัดลงมาจากพัดลมโบลวเวอร์ทั้งสองฝั่งและฝั่งขวาจะมี Wi-Fi PCIe Card ติดเอาไว้ด้วย ส่วนแรมจะอยู่ในกรอบสีดำ เป็นแบบ SO-DIMM ทั้งสองแผ่นสามารถถอดอัพเกรดได้ด้วยตัวเองและ RAM, SSD, Wi-Fi PCIe Card จะมีเพลตโลหะปิดป้องกันเอาไว้ทั้งหมด ถ้าจะอัพเกรด แรมรองรับความจุสูงสุด 64GB DDR5 ส่วน M.2 NVMe SSD รองรับช่องละ 1TB รวม 2TB
Performance&Software
ซีพียูของ Lenovo Legion Pro 7i เป็น Intel 13th Gen รหัส Intel Core i9-13900HX แบบ 24 คอร์ 32 เธรด (8P+16E) ความเร็วสูงสุด 5.4GHz ค่า TDP 55 วัตต์ สถาปัตยกรรม 10 นาโนเมตร รองรับชุดคำสั่งสำหรับใช้งานครบถ้วน ติดตั้งมาบนเมนบอร์ดของ Lenovo รองรับ M.2 NVMe SSD อินเตอร์เฟส PCIe 5.0 แล้ว
แรมในเครื่องมีความจุจากโรงงาน 32GB DDR5 บัส 5600MHz CL40 เป็นแบบ Dual Channel หรือ 16GB x 2 ช่อง ชิปผลิตโดยทาง SK Hynix เอง และสัปดาห์ผลิตของแรมนี้ถือว่าค่อนข้างใหม่ทีเดียว เป็นสัปดาห์ที่ 48 ของปี 2022 ที่ผ่านมาหรือช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน~ธันวาคม ถือว่าใหม่และอายุยังน้อยอยู่
การ์ดจอในเครื่องเป็นตัวแรงเช่นกันอย่าง NVIDIA GeForce RTX 4080แรม 12GB GDDR6 เป็นสถาปัตยกรรม Ada Lovelace แบบ NVIDIA Max-Q รองรับ Dynamic Boost, WhisperMode, Advanced Optimus ครบถ้วน มีค่า TGP 175 วัตต์ พร้อม Shader Units ทั้งหมด 7,424 CUDA ใช้ทำงานกราฟิค, เรนเดอร์ภาพในเกมได้ไหลลื่นและรองรับ DirectX 12 แล้วรวมถึง OpenCL, OpenGL 4.6, CUDA, DirectCompute, DirectML, Vulkan, Ray Tracing, PhysX อีกด้วย
พาร์ทภายในเครื่องจะมีชิป TPM 2.0 ติดตั้งมาคู่กับระบบรักษาความปลอดภัยของ Windows 11 แล้ว และติดตั้ง Wi-Fi PCIe Card เป็น Intel Killer AX1675i เชื่อมต่อ Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax คลื่นแบนด์วิธกว้าง 160MHz รองรับ MU-MIMO, OFDMA ด้วย และเป็น LAN จาก Realtek GbE ซึ่ง Lenovo Legion รุ่นก่อนๆ จะใช้แต่การ์ด Wi-Fi 6 ทั่วไปอย่าง Intel AX211 แบบเดียวกับโน๊ตบุ๊คสายทำงานหลายๆ รุ่นในบริษัท ซึ่งข้อดีของการอัพเดทเป็น Intel Killer นั้นทำให้เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้เสถียรต่อเนื่องและมีระบบตั้งค่าความสำคัญ (Priority) สำหรับเกมโดยเฉพาะอีกด้วย
แต่จุดสังเกตของ Lenovo Legion Pro 7i คือยังไม่ติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือหรือใบหน้ามาให้แบบเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเรือธงหลายๆ รุ่นในปัจจุบันนี้ที่มักติดตั้งเซนเซอร์สแกนใบหน้าเข้ามาให้ แต่ถ้ากล้องของ Legion เครื่องนี้เป็น Tobii Horizon ไปแล้ว ก็หวังว่าทางบริษัทจะติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาให้ในรุ่นย่อยรุ่นถัดไปสักหน่อยจะดีมาก แล้วจะเพิ่มราคาสัก 1,000~2,000 บาทก็ถือว่าเข้าใจได้
M.2 NVMe SSD ภายในเครื่องความจุ 1TB ติดตั้งจากโรงงานเมื่อเช็คใน Device Manager จะเป็นรหัส Samsung MZVL21T0HCLR-00BL2 หรือ Samsung PM9A1 ซึ่งประสิทธิภาพสูงพอใช้ทำงานและเล่นเกมได้ดีมาก สเปคจากโรงงานเป็นอินเตอร์เฟส PCIe 4.0 x4 มีความเร็ว Sequential Read 7,000 MB/s และ Sequential Write 5,100MB/s เมื่อทดสอบด้วย CrystalDiskMark 8 แล้ว ได้ความเร็ว Sequential Read 6,529.27 MB/s และ Sequential Write 4,930.14MB/s สามารถทำงานได้ดี โหลดโปรแกรมและเกมต่างๆ ขึ้นมาใช้งานได้อย่างรวดเร็วแน่นอน
สำหรับผู้ที่อยากอัพเกรดไม่แนะนำให้เปลี่ยน Samsung PM9A1 ตัวนี้เท่าไหร่เนื่องจากความเร็วของมันสูงระดับเทียบชั้น SSD อินเตอร์เฟส PCIe 4.0 หลายๆ รุ่นแล้ว อย่างมากอาจหา M.2 NVMe แบบ PCIe 4.0 มาใส่ช่องเสริมแทนดีกว่า เช่น Solidigm P44 Pro, Transcend MTE250S, Kingston FURY Renegade เป็นต้น หรือจะประหยัดงบลงสักหน่อยก็ซื้อ WD Black SN770 ความจุ 1TB มาใส่ก็ได้
เมื่อทดสอบด้วยโปรแกรม 3DMark Time Spy แล้วถือว่าได้คะแนนดี ได้คะแนนเฉลี่ย 18,561 คะแนน แยกเป็น CPU score 15,979 คะแนน และ Graphics score 19,107 คะแนน ซึ่งถือว่าคะแนนสูงมากจนใช้เล่นเกมฟอร์มยักษณ์ในปัจจุบันได้ทุกเกมบนจอความละเอียด QHD ปรับกราฟิคสูงสุดได้สบายๆ หรือจะเปิดฟังก์ชั่น NVIDIA DLSS เสริมเข้าไปสักหน่อยก็ได้ แต่ด้วยพลังของซีพียู Intel การ์ดจอ NVIDIA เดิมๆ เท่านี้ก็สามารถเล่นเกมต่างๆ ได้ดีมากแถมเฟรมเรทยังค่อนข้างเสถียรทีเดียว
ส่วนเฟรมเรทตอนทดสอบเล่นเกมบนจอ QHD ของ Lenovo Legion Pro 7i เอง แล้วตั้งค่ากราฟิคในเกมระดับสูงสุดทุกอย่างจะเห็นว่าเฟรมเรทเฉลี่ยหลายๆ เกมจะได้เฟรมเรทระดับ 60~120 Fps แทบทั้งหมด โดยเฉพาะ Resident Evil 4 Remake นั้นได้เฟรมเรทเฉลี่ยเกิน 100 Fps ทำให้กด Parry ศัตรูได้ง่ายทันทุกจังหวะอย่างแน่นอน ส่วนของเกมที่ใช้พลังของซีพียูและการ์ดจอเยอะไม่แพ้กันอย่าง Far Cry 6, Horizon Zero Dawn, The Witcher 3 และ Red Dead Redemption 2 ถือว่าทำได้ดี ภาพไหลลื่นต่อเนื่องและไม่เกิดอาการเฟรมเรทตกวูบกะทันหันอีกด้วย
ขยายความส่วนของ The Witcher 3 หากตั้งกราฟิคระดับ Ultra ตามปกติถือว่าเล่นได้เป็นอย่างดี ภาพลื่นไหลต่อเนื่องไม่มีปัญหา แต่ถ้าเปิด Ray Tracing Ultra (RT Ultra) เมื่อไหร่ ถือว่าพลังของ NVIDIA GeForce RTX 4080 ใน Legion Pro 7i แม้จะมีกำลังมากพอควรก็จริง แต่การเรนเดอร์แสงเงาแบบ Real-time ต่อเนื่องแม้จะได้ความสวยงามแต่ก็แลกกับการที่เฟรมเรทลดลงอย่างเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน หากไม่กังวลเรื่องนี้มากก็ถือว่าเล่นได้ แต่ส่วนตัวแค่เปิดกราฟิคระดับ Ultra ตามค่า Preset ในเกมก็ได้ภาพดีมากแล้ว
ด้านการทำงาน Lenovo Legion Pro 7i ทำผลงานใน PCMark 10 ได้น่าประทับใจด้วยคะแนนเฉลี่ยถึง 8,490 คะแนน ถือว่าสูงเป็นลำดับต้นๆ เทียบชั้นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเรือธงในปัจจุบันได้สบายๆ หากดูแยกเป็นคะแนนเฉลี่ยแต่ละหมวด จะเห็นว่าเรื่องการใช้งานทั่วไป ทำงานออฟฟิศประชุมงานออนไลน์หรืองานเอกสารถือว่าทำได้ดีไม่มีปัญหา ส่วนงานกราฟิคตัดต่อภาพหรือวิดีโอ, ปั้นโมเดล 3D เรียกว่ายอดเยี่ยม ดังนั้นถ้าครีเอเตอร์คนไหนหาโน๊ตบุ๊คไว้ทำงานต่อหน้าจอแยกขอบเขตสีกว้างสักตัวก็ซื้อเครื่องนี้ไปใช้ได้
ส่วนคะแนนของโปรแกรมตระกูล CINEBENCH สำหรับทดสอบการทำงานกราฟิคต้องถือว่า Lenovo Legion Pro 7i ทำคะแนนได้ดีมาก โดยผลทดสอบของแต่ละโปรแกรมแยกเป็นดังนี้
R23 ใช้ทดสอบกำลังประมวลผลของซีพียูมีความละเอียดและแม่นยำเป็นพิเศษ ได้คะแนน Multi Core 28,092 pts และ Single Core อีก 1,992 pts R20 ใช้ทดสอบกำลังประมวลผลของซีพียูเป็นหลัก ได้คะแนน CPU 11,244 pts R15 ใช้ทดสอบการเรนเดอร์งานและโมเดล 3D ว่าซีพียูและกราฟิคการ์ดทำได้ลื่นไหลหรือไม่ คะแนน OpenGL 264.22 fps และ CPU 4,804 cb
ผลคะแนนจากการทดสอบด้วยโปรแกรมทั้ง 3 ตัว ต้องถือว่า Legion Pro 7i ทำคะแนนได้ดีน่าประทับใจ นอกจากจะใช้เล่นเกมได้ดีมากแล้วยังเอาไว้ทำงานกราฟิคได้ดีมากอีกด้วย ถือเป็นโน๊ตบุ๊คเรือธงสำหรับเกมเมอร์และครีเอเตอร์อย่างแท้จริง
โปรแกรม Lenovo Vantage เวอร์ชั่นสำหรับ Lenovo Legion จะมีจุดเด่นและฟังก์ชั่นต่างจากโน๊ตบุ๊คบางเบาสายทำงานทั่วไปที่มีแต่ฟังก์ชั่น Optimize และอัพเดทเฟิร์มแวร์ตัวเครื่องเป็นหลัก ซึ่งฟังก์ชั่นเพิ่มเติมได้แก่
คำสั่งปรับโหมดการทำงานของตัวเครื่องว่าจะเป็น Hybrid ให้เครื่องจัดการเองหรือจะล็อคให้ใช้การ์ดจอออนบอร์ดหรือแยกอย่างเดียวก็ได้
Overclock Advanced Settings สำหรับโอเวอร์คล็อเร่งประสิทธิภาพการ์ดจอก็ได้
Performance setting สำหรับตั้งค่าวัตต์และคุมอุณหภูมิของการ์ดจอและซีพียูได้ตามต้องการ
ถ้าใครชอบปรับตั้งค่าเซ็ตประสิทธิภาพหรืออุณหภูมิเครื่องให้อยู่ในจุดที่ต้องการก็เปิด Lenovo Vantage ขึ้นมาใช้งานได้เลย จัดเป็นโปรแกรมติดเครื่องที่มีคุณสมบัติเยอะหลากหลายแบบดีมาก
ด้านโปรแกรม Tobii Experience นอกจากใช้หมุนภาพหน้าจอในเกมตามการหันของใบหน้าผู้ใช้แล้ว ยังมีฟังก์ชั่นเพิ่มความเป็นส่วนตัว โดยหน้าจอจะลดความสว่างและความคมชัดลงอัตโนมัติเมื่อเจ้าของไม่ได้นั่งอยู่หน้าเครื่องเพื่อป้องกันผู้ใช้คนอื่นๆ มายุ่งกับโน๊ตบุ๊คของเราอีกด้วย เมื่อกลับมานั่งใช้งานโปรแกรมจะขึ้นหน้าแจ้งเตือนว่าตอนนี้หน้าจอปรับความสว่างคมชัดกลับมาแล้ว (Screen undimmed)
Battery & Heat & Noise
ส่วนของแบตเตอรี่ใน Lenovo Legion Pro 7i มีความจุเพิ่มจากรุ่นก่อนจาก 80Wh เป็น 99.9Wh (6,440mAh) แบบ Typical Capacity ส่วน Rated Capacity อยู่ที่ 98Wh (6,316mAh) ซึ่งการใส่แบตเตอรี่ลูกใหญ่กว่าเดิมเพื่อรองรับซีพียูและการ์ดจอรุ่นเรือธงให้ใช้งานเวลาถอดปลั๊กได้นานยิ่งขึ้นและเป็นความจุสูงสุดเท่าที่สายการบินจะอนุญาตให้แบกโน๊ตบุ๊คติดตัวขึ้นเครื่องบินได้ไม่ต้องโหลดกระเป๋าไปใต้ท้องเครื่อง สามารถแบกเครื่องขึ้น Cabin ผู้โดยสารได้เลย
จากการทดสอบตามมาตรฐานของทางเว็บไซต์โดยปิดไฟ RGB ทิ้งทั้งหมด, ลดความสว่างหน้าจอเหลือ 50% และลำโพงดังเพียง 10% กดฟังก์ชั่น Fn+Q ปรับเข้าโหมดประหยัดพลังงานแล้วใช้ Microsoft Edge เปิดดู YouTube นาน 30 นาที จะใช้งานได้นานสุด 5 ชั่วโมง 24 นาที ถือว่าไล่เลี่ยกับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเรือธงหลายๆ รุ่นในปัจจุบันนี้ คาดว่าสาเหตุเป็นเพราะซีพียูและการ์ดจอของ Lenovo Legion Pro 7i ต่างก็เป็นรุ่นประสิทธิภาพสูง แม้จะปรับเป็นโหมดประหยัดพลังงานก็ยังใช้พลังงานไฟฟ้ามากอยู่ดี แต่ระยะเวลาใช้งานระดับนี้ยังพออยู่ได้จนจบเลคเชอร์หรือประชุมใหญ่สักครั้งหนึ่งได้แน่นอน ไม่อย่างนั้นอาจจะหาอแดปเตอร์ GaN กำลังชาร์จ 100 วัตต์ขึ้นไปติดกระเป๋าไปชาร์จแบตเตอรี่ด้วยพอร์ต USB-C ด้านหลังเครื่องแทนก็ได้
ชุดระบายความร้อน Legion Coldfront 5.0 เป็นชุดระบายความร้อนเวอร์ชั่นใหม่อัพเดทจากรุ่นก่อนรหัส 4.0 ซึ่งรุ่นใหม่นี้สามารถจัดการอุณหภูมิตัวเครื่องได้ดีขึ้นและเป็นระบบระบายความร้อนแบบโลหะเหลว (Liquid Metal) นำความร้อนจากซีพียูกับการ์ดจอมาด้วยฮีตไปป์ตรงมายังซิ้งค์หน้าพัดลมโบลเวอร์แล้วเป่าระบายออกด้านข้างและด้านหลังเครื่องทั้ง 4 ช่องได้อย่างรวดเร็ว
อุณหภูมิปกติ
อุณหภูมิสูงสุด
อุณหภูมิภายในตัวเครื่องเมื่อปล่อยเอาไว้ตามปกติและเปิดเล่นเกมเมื่อวัดด้วยโปรแกรม CPUID HWMonitor แล้วจะได้ผลตามตารางดังต่อไปนี้
อุณหภูมิ / ชิ้นส่วน
ใช้งานปกติ (เซลเซียส)
เฉลี่ย (เซลเซียส)
เล่นเกม (เซลเซียส)
เฉลี่ย (เซลเซียส)
ซีพียู
60~73
61
60~98
62
การ์ดจอ
48~50.2
49.5
48.5~59.8
49.7
จะเห็นว่าอุณหภูมิของตัวเครื่องตอนใช้งานทั่วไปหรือปล่อยเอาไว้เฉยๆ Legion Pro 7i จะแทบไม่ร้อนเลยและเสียงพัดลมตอนทำงานก็เบาแทบไม่ได้ยิน ถ้าพกไปทำงานออฟฟิศก็ไม่รบกวนเพื่อนร่วมงานอย่างแน่นอน แต่ตอนเล่นเกมหรือใช้โปรแกรมตัดต่อวิดีโอทำงาน 3D ต่างๆ เสียงพัดลมของระบบ Legion Coldfront 5.0 ต้องถือว่าดังพอสมควร วัดจากเครื่องวัดเสียงดูแล้วจะดังราว 60~65dB จัดว่าดังจนได้ยินแต่ไม่ถึงกับรบกวนหรือหนวกหูมากนักหากวางใช้งานบนโต๊ะทำงานตามปกติ ถ้าวางบนแท่นวางโน๊ตบุ๊คที่มีช่องอากาศหรือพัดลมเสริมสำหรับเป่าลมอัดเข้าเครื่องด้วยก็น่าจะลดอุณหภูมิลงไปได้อีกระดับหนึ่งอย่างแน่นอน
User Experience
ในแง่การใช้งานทั้งทำงานกราฟิคและเล่นเกม ถือว่า Lenovo Legion Pro 7i ทำหน้าที่ดังกล่าวได้อย่างสมบูรณ์แบบทรงพลังมาก นับเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คระดับ Desktop Replacement ใช้แทนคอมประกอบได้สบายๆ แค่ต่อหน้าจอแยกกับอุปกรณ์เสริมอื่นๆ สักหน่อยก็แรงเหลือเฟือพร้อมเล่นเกมหรือทำงานหนักๆ ได้สบายๆ ปรับกราฟิคสูงสุดบนจอ Full HD~QHD ไม่มีปัญหาแน่นอน และเมื่อจับคู่กับชุดระบายความร้อน Legion Coldfront 5.0 แล้วเอาอยู่แน่นอนแม้อุณหภูมิจะเริ่มสูงแต่ไม่เกิดอาการ Throttle Down แม้แต่ครั้งเดียว ส่วนตัวจากที่ลองใช้งานดูแนะนำให้หาแท่นวางโน๊ตบุ๊คแบบมีพัดลมระบายความร้อนใต้แท่นเสริมเข้ามาสักหน่อยก็ช่วยได้เยอะแล้ว
สิ่งที่ทำให้ Lenovo Legion Pro 7i เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คระดับ Desktop Replacement ได้เต็มตัว เพราะพอร์ตเชื่อมต่อนอกจากครบเครื่องแล้วยังต่อหน้าจอแยกได้หลายจอพร้อมกันด้วยพอร์ต HDMI 2.1 และ USB-C ได้รวมกันมากสุด 3 จอพร้อมกันอีกด้วย แต่ถ้าต่อจอแยกความละเอียดสูงระดับ QHD~UHD แนะนำว่าต่อจอดังกล่าวเข้า HDMI 2.1 จะดีสุด ส่วนจอเสริมสำหรับอ่านข่าวหรือดูโปรแกรมแชตฯ ต่างๆ ก็ต่อผ่าน USB-C และ Thunderbolt 4 แทนได้เลย ซึ่งนอกจากครีเอเตอร์ที่ต้องการต่อจอแยก 2-3 จอพร้อมกันแล้ว เกมเมอร์หรือสตรีมเมอร์ที่ต้องการหน้าจอหลักเล่นเกมและจอเสริมสำหรับอ่านแชตและเช็ครายละเอียดต่างๆ ระหว่างสตรีมได้เต็มที่อีกด้วย
ลูกเล่นเล็กๆ น้อยๆ อย่างกล้องเว็บแคม Tobii Horizon ก็ถือว่าน่าสนใจไม่แพ้กัน จากที่ผู้เขียนทดลองใช้งานดูก็ถือเป็นฟีเจอร์ที่น่าสนใจเช่นกัน นอกจากจะหมุนหน้าจอไปมาตามใบหน้าของผู้ใช้เมื่อเล่นเกมที่รองรับ ได้แก่ Assassin’s Creed Valhalla, Far Cry 6 ฯลฯ ได้แล้ว ประโยชน์อื่นๆ ของกล้องตัวนี้ต้องยกให้การลดความสว่างหน้าจอ (Dimming) เมื่อไม่มีผู้ใช้นั่งอยู่หน้าเครื่องได้ด้วย ช่วยป้องกันคนที่เดินผ่านไปมาในออฟฟิศหรือในบ้านแอบดูหน้าจอได้ ถือเป็นฟังก์ชั่นที่แม้จะดูไม่สำคัญแต่มีประโยชน์และให้ความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้นด้วย
เรื่องการพก Lenovo Legion Pro 7i ไปไหนมาไหนต้องเตรียมตัวสักหน่อยเพราะน้ำหนักเครื่องอย่างเดียวก็หนักถึง 2.6 กิโลกรัม พอรวมอแดปเตอร์เข้าไปก็ 3.6 กิโลกรัมเข้าไปแล้ว ดังนั้นตอนพกเครื่องติดไปประชุมงาน, เข้าห้องเรียน ฯลฯ จำเป็นต้องใส่กระเป๋าเป้เท่านั้น ไม่แนะนำถุงผ้า ย่าม แม้แต่น้อยเพราะมันทิ้งน้ำหนักลงไหล่ข้างเดียว ซึ่งอาจเกิดปัญหาต่อสรีระร่างกายในระยะยาวได้ แต่ถ้าใครไม่อยากพกอแดปเตอร์ 330 วัตต์ของ Legion Pro 7i ไปไหนมาไหนด้วย ยังพอหาอแดปเตอร์ GaN 100~140 วัตต์ใส่กระเป๋าแทนก็ได้หรือจะซื้อ Legion 135w USB-C Gan Adapter (C135) ของ Lenovo ราคา 2,390 บาทมาต่อกับพอร์ต USB-C ด้านหลังเครื่องเพื่อชาร์จไปใช้ไปก็ได้เช่นกัน
จุดสังเกตถัดมาหากเทียบกับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คระดับเรือธงหลายๆ รุ่นในปัจจุบันนี้ที่เริ่มติดตั้งกล้องหน้าแบบ IR Camera สแกนหน้าปลดล็อคเครื่องเข้ามาให้แล้ว แต่ Lenovo Legion Pro 7i ยังต้องกรอกรหัสผ่านปลดล็อคเครื่องเช่นเดิมก็ถือว่ายังน่าเสียดาย ซึ่งถ้ากล้องเว็บแคมเป็น Tobii Horizon แล้วใส่ฟังก์ชั่น IR Camera มาไม่ได้ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็อยากให้ทางบริษัทพิจารณาใส่เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบ Lenovo Legion Slim 7 ซึ่งเปิดตัวมาก่อนหน้านี้ก็ยังดีแล้วอาจจะเพิ่มราคาสัก 1-2 พันบาทก็ยังน่าสนใจ
Conclusion & Award
Lenovo Legion Pro 7i เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คระดับ Desktop Replacement ซึ่งนอกจากสเปคแรง ยังได้ฟีเจอร์แพรวพราวหลากหลายอย่าง ไม่ว่าจะกล้อง Tobii Horizon หรือไฟคีย์บอร์ด Per-Key RGB มากถึง 6 เอฟเฟค ปรับได้ตามต้องการ ได้หน้าจอขอบเขตสีกว้างให้ครีเอเตอร์เอาไว้ใช้ทำงานและให้ผู้ใช้ที่ชอบปรับจูนเครื่องเล่นได้สนุกกับการตั้งค่าตัวเครื่องด้วยโปรแกรม Lenovo Vantage อีกด้วย ส่วนของราคาถือว่าถูกกว่าและสเปคเทียบชั้นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คจากแบรนด์คู่แข่งได้สบายๆ แต่ที่เหนือกว่าคือฟีเจอร์และลูกเล่นร้อยแปดที่เสริมเข้ามาให้ ซึ่งโดดเด่นเหนือกว่าแบรนด์คู่แข่งอย่างเทียบไม่ติดทีเดียว
Award
Best Value
Legion Pro 7i ราคา 119,990 บาท แม้ราคาจะดูสูงอยู่บ้างแต่เทียบกับสเปคระดับเรือธงที่ได้ทั้ง Intel Core i9-13900HX และ NVIDIA GeForce RTX 4080 รวมไปถึงฟีเจอร์ต่างๆ ในเครื่องก็ถือว่าคุ้มค่าตัวน่าสนใจกว่าแบรนด์คู่แข่งหลายๆ รุ่นอย่างแน่นอน
Best Innovation
เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คในปัจจุบันนี้เริ่มมาถึงจุดที่ลูกเล่นไม่เยอะไม่แพรวพราวเท่าไหร่ แต่ไม่ใช่ Legion Pro 7i ที่ใส่ลูกเล่นใหม่ๆ อย่างการเปลี่ยนคีย์แคป, ปรับเอฟเฟคไฟ Per-Key RGB ได้ 6 แบบ รวมไปถึงเซ็ตตั้งค่าวัตต์และอุณหภูมิตัวเครื่องได้ตามใจอีก ถือเป็นความแปลกใหม่ในวงการเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คปี 2023 นี้เลย
Best Features
Lenovo Legion Pro 7i เองก็ขึ้นชื่อว่ามีฟีเจอร์ให้เล่นให้ใช้เยอะไม่แพ้ใครอยู่แล้ว และปีนี้ก็ยังรักษาจุดเด่นนี้เอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ไม่ว่าจะไฟคีย์บอร์ด 6 เอฟเฟค, พอร์ตเชื่อมต่อครบเครื่องต่อได้ 3 จอพร้อมกันและยังอัพเกรดเพิ่มแรมและ M.2 NVMe SSD ได้ นับว่าน่าใช้มาก
from:https://notebookspec.com/web/699147-review-lenovo-legion-pro-7i
เจนเนอเรชัน 13 ที่ถูกพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นบนสถาปัตยกรรมแบบไฮบริดเพื่อยกระดับการใช้งานในแล็ปท็อปทั้งด้านความแรงในการประมวลผล และความเร็วในการตอบสนองเพื่อประสิทธิภาพในการใช้งานที่ดียิ่งกว่าเดิม พร้อมแพลตฟอร์ม Intel® Evo
techfeedthai 