คลังเก็บป้ายกำกับ: IPHONE_6_PLUS

Apple เพิ่ม iPhone 6 Series เข้าเป็นสินค้ารุ่นเก่า (Vintage) หลังเปิดตัวมากว่า 8 ปี

iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ได้เลิกผลิตไปเมื่อปี 2016 หลังจากที่ iPhone 7 ได้ถูกเปิดตัวออกมา แต่ยังคงมีการรองรับทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์อยู่เรื่อย ๆ ซึ่งล่าสุดก็ถึงเวลาที่ Apple จะต้องย้าย iPhone 6 Series เข้าไปอยู่ในรายชื่อของ Vintage list หรือ สินค้ารุ่นเก่าแล้ว นอกจากนี้ยังมีการย้ายอุปกรณ์อื่น ๆ ที่เคยอยู่ในรายชื่อสินค้า Vintage ไปอยู่ในสินค้า Obsolete (ล้าสมัย) เพิ่มเติมด้วย

ต้องถือว่า iPhone 6 และ iPhone 6 Plus เป็นหนึ่งใน iPhone รุ่นที่ได้รับความนิยมและมีคนใช้งานกันเยอะมาก ๆ เพราะแม้ว่าจะหยุดผลิตไปเมื่อปี 2016 แต่ทาง Apple เอากลับมาขายอีกรอบเมื่อปี 2017 ในบางประเทศ เพื่อให้เป็นตัวเลือกสำหรับคนที่อยากได้ iPhone ราคาประหยัด และขายต่อไปจนถึงปี 2018 เลย

Vintage List (สินค้ารุ่นเก่า)

Vintage list หรือ สินค้ารุ่นเก่า คือสินค้าที่เปิดตัวมาเป็นระยะเวลา 5 ปี แต่ยังไม่เกิน 7 ปี และได้เลิกขายไปแล้วแต่ยังมีการสนับสนุนด้านบริการหลังการขายตามกฎหมายที่จะต้องบริการหลังการขายเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 7 ปี  เช่นการซ่อมหรือการเปลี่ยนแบตเตอรี่ โดยบริการหลังการขายจะขึ้นอยู่กับจำนวนของอะไหล่ของรุ่นนั้น ๆ ว่ายังคงมีอยู่ในคลังหรือไม่ และจะยังสามารถนำไปซ่อมที่ศูนย์บริการได้ หากทางศูนย์บริการยังมีอะไหล่เหลืออยู่

  • iPhone 4 (8GB)
  • iPhone 5
  • iPhone 5C
  • iPhone 5S
  • iPhone 6
  • iPhone 6 Plus
  • iPhone 6s (32GB)
  • iPhone 6s Plus (32GB)

Obsolete list (สินค้าล้าสมัย)

คือสินค้าที่เปิดตัวมานานกว่า 7 ปีและไม่ได้มีการผลิตชิ้นส่วนอะไหล่ของสินค้าออกมาอีก และจะไม่สามารถรับบริการจากทาง Apple หรือจากตัวแทนได้อีกต่อไป

  • iPhone
  • iPhone 3G (China mainland) 8GB
  • iPhone 3G 8GB, 16GB
  • iPhone 3GS (China mainland) 16GB, 32GB
  • iPhone 3GS (8GB)
  • iPhone 3GS 16GB, 32GB
  • iPhone 4 CDMA
  • iPhone 4 CDMA (8GB)
  • iPhone 4 16GB, 32GB
  • iPhone 4 GSM (8GB), Black
  • iPhone 4S
  • iPhone 4S (8GB)

ที่มา: Macrumors

from:https://droidsans.com/apple-add-iphone6-and-iphone-6-plus-to-vintage-list/

Apple เตรียมเพิ่มชื่อ iPhone 6 Plus เป็นผลิตภัณฑ์รุ่นเก่า (Vintage) เร็ว ๆ นี้

MacRumors รายงานว่า Apple เตรียมเพิ่มชื่อ iPhone 6 Plus […] More

from:https://www.iphonemod.net/apple-naming-iphone-6-plus-vintage-produuct-soon.html

Apple ปล่อยอัปเดต watchOS 5.3.2 สำหรับ Apple Watch Series 4 ที่จับคู่กับ iPhone 5s, 6, 6 Plus

Apple ปล่อยอัปเดต watchOS 5.3.2 สำหรับ Apple Watch Series 4 ที่จับคู่กับ iPhone 5s, 6, 6 Plus ที่อัปเดต iOS 13 ไม่ได้และอัปเดต Apple Watch ที่จับคู่อยู่เป็น watchOS 6 ไม่ได้ watchOS 5.3.2 สำหรับ Apple Watch Series 4 ที่จับคู่กับ iPhone 5s, 6, 6 Plus ใน watchOS 5.3.2 นั้นเน้นอัปเดตเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก โดยเวอร์ชันนี้ถูกปล่อยอัปเดตมาสำหรับ Apple Watch Series 4 ที่ผู้ใช้จับคู่กับ iPhone รุ่นเก่าอย่าง iPhone 5s, iPhone 6, iPhone 6 Plus ที่ไม่สามารถอัปเดตเป็น […]

from:https://www.iphonemod.net/apple-released-watchos-5-3-2-apple-watch-series-4-pair-with-older-iphone.html

Apple หยุดวางจำหน่าย iPhone 6, 6 Plus, 6s Plus และ SE ในประเทศอินเดีย

Apple กำลังเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่สำหรับการทำตลาด iPhone ในประเทศอินเดีย เนื่องจากตลาดสมาร์ทโฟนในอินเดีย ถูกครอบงำโดยสมาร์ทโฟนระบบ Android ที่มีราคาถูกกว่า ถึงแม้ Apple มีโรงงานผลิต iPhone ในอินเดียก็ตาม

Apple ตัดสินใจหยุดจำหน่าย iPhone 6, 6 Plus, 6s Plus และ SE ในประเทศอินเดีย เพื่อมุ่งเน้นไปที่ผลกำไรมากกว่าปริมาณ โดย iPhone ที่มีราคาถูกที่สุดที่ชาวอินเดียสามารถซื้อได้คือ iPhone 6s ในราคา 8,000 รูปี หรือราว 3,600 บาท

นอกจากนี้ Apple ยังได้ลดจำนวนตัวแทนจำหน่ายในอินเดีย จาก 5 แห่ง เหลือ 2 แห่ง

ที่มา – Gsmarena
https://www.flashfly.net/wp/259755

from:https://www.flashfly.net/wp/259755

7 เหตุผล ที่ช่วยให้เจ้าของ iPhone 6 หรือ iPhone 6s ตัดสินใจ ก่อนอัพเกรดมาใช้ iPhone XR

iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ที่เปิดตัวในปี 2014 ถือเป็น iPhone อีกรุ่นหนึ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ และทำยอดขายได้น่าประทับใจ ก่อนจะออกทายาทอย่าง iPhone 6s และ iPhone 6s Plus ในปีต่อมา ซึ่งยังคงมีการออกแบบคล้ายกันแต่อัพเกรดประสิทธิภาพและกล้องให้ดียิ่งขึ้น

ถึงแม้ iPhone 6 และ iPhone 6s ยังสนับสนุนระบบปฏิบัติการ iOS 12 เช่นเดียวกับ iPhone ในปี 2018 แต่ด้วยอายุที่มากกว่า 3 – 4 ปี อาจทำเจ้าของ iPhone ทั้ง 2 รุ่น กำลังตัดสินใจที่จะเปลี่ยนไปใช้รุ่นใหม่กว่า โดยเฉพาะ iPhone XR ซึ่งถือว่ามีราคาถูกที่สุดเมื่อเทียบกับ iPhone XS และ XS Max แต่ถ้าใครยังลังเลใจ ลองอ่านเหตุผล 7 ข้อ ดังต่อไปนี้ อาจช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

ดีไซน์ไร้ขอบ

สำหรับเจ้าของ iPhone 6 และ iPhone 6s จะพบว่าการเปลี่ยนไปใช้ iPhone XR ถือเป็นการอัพเกรดครั้งใหญ่ในเรื่องของการออกแบบ ด้วยดีไซน์ไร้กรอบ มีรอยบาก ขาดช่องเสียบหูฟัง ขนาด 3.5 มิลลิเมตร และด้วยดีไซน์ไร้กรอบ อาจทำให้ iPhone XR มีความทนทานน้อยกว่า แต่ก็ชดเชยด้วยคุณสมบัติกันน้ำได้ในระดับ IP67 (อยู่รอดในน้ำลึกไม่เกิน 1 เมตร นานสูงสุด 30 นาที) และสนับสนุนการชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สาย

iPhone XR ยังมีจอแสดงผลที่ใหญ่กว่า ด้วยขนาด 6.1 นิ้ว ขณะที่ iPhone 6 Plus และ iPhone 6s Plus มีขนาด 5.5 นิ้ว แต่ขนาดบอดี้ของ iPhone XR แทบไม่แตกต่างไปจาก iPhone รุ่น Plus ที่สำคัญก็คือ iPhone XR มีจอแสดงผลที่ใหญ่กว่าอย่างชัดเจน เมื่อเทียบกับขนาด 4.7 นิ้ว ของ Phone 6 และ iPhone 6s

หน้าจอของ iPhone XR ยังสนับสนุนการแสดงผล Dolby Vision และ HDR10 แต่ไม่มี 3D Touch ซึ่ง Apple เริ่มนำมาใช้ตั้งแต่ iPhone 6s

iPhone XR ยังผลิตออกมาให้เลือกถึง 6 สี ได้แก่ สีขาว, สีดำ, สีฟ้า, สีเหลือง, สีส้มคอรัล และ สีแดง (PRODUCT) RED

ประสิทธิภาพ

iPhone 6 และ iPhone 6s อาจได้รับประสบการณ์การใช้งานแบบเดียวกับ iPhone XR เพราะสนับสนุน iOS 12 เช่นเดียวกัน แต่ในเรื่องความเร็วในการใช้งาน จะแตกต่างกันอย่างแน่นอน เพราะ iPhone 6 และ iPhone 6s ใช้ชิปประมวลผล A8 และ A9 ตามลำดับ พร้อมความจำ RAM 2GB แต่ iPhone XR ใช้ชิปประมวลผลรุ่นใหม่ล่าสุด A12 Bionic เช่นเดียวกับ iPhone XS พร้อมด้วย RAM 3GB

ระบบกล้อง TrueDepth และ Face ID

กล้องด้านหน้าของ iPhone 6 และ iPhone 6s ใช้สำหรับ FaceTime และถ่ายภาพเซลฟี่ แต่สำหรับ iPhone XR มีความสามารถมากกว่านั้น เพราะใช้ระบบกล้อง TrueDepth ซึ่งประกอบด้วยเซ็นเซอร์ต่างๆ ที่ซับซ้อน รวมถึงกล้อง 7 ล้านพิกเซล ช่วยให้เจ้าของ iPhone XR ปลดล็อคอุปกรณ์ได้ง่ายๆ เพียงจ้องมองไปที่จอแสดงผลหรือกล้องด้านหน้า แทนวิธีการสแกนลายนิ้วมือผ่าน Touch ID ที่ฝังอยู่บนปุ่มโฮมของ iPhone 6 และ iPhone 6s

ระบบกล้อง TrueDepth ของ iPhone XR ยังสามารถใช้ยืนยันตัวตนในการชำระเงิน รองรับฟีเจอร์ Animoji และ Memoji

กล้องด้านหลัง

iPhone XR มาพร้อมกล้องที่ดีที่สุดของ iPhone เช่นเดียวกับ iPhone XS หรือ XS Max เพียงแต่ขาดกล้องเทเลโฟโต้ ดังนั้น เมื่อเทียบกับกล้องดิจิตอลของ iPhone 6 และ iPhone 6s ต้องยอมรับว่า iPhone XR เหนือกว่าอย่างแน่นอน

iPhone XR มาพร้อมกล้อง 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS รองรับฟีเจอร์ Smart HDR และโหมดถ่ายภาพ Portrait อีกทั้งยังสามารถบันทึกวิดีโอระดับ 4K ที่ 60 เฟรมต่อวินาที

ถึงแม้ iPhone XR จะขาดกล้องเทเลโฟโต้ แต่ก็สามารถใช้โหมดภาพถ่ายบุคคลพร้อมโบเก้และควบคุมระยะชัดลึก ได้แบบเดียวกับ iPhone XS หรือ XS Max

การเชื่อมต่อ

iPhone XR นำเสนอการเชื่อมต่อกับเครือข่าย LTE และ Wi-Fi ที่เร็วกว่ารุ่นก่อนๆ รวมไปถึงการเชื่อมต่อ Bluetooth ก็ดีขึ้นกว่าเดิม แต่ในส่วนของระบบเซลลูล่าร์ ยังเทียบไม่ได้กับ iPhone XS กับ XS Max ที่สนับสนุน Gigabit LTE

iPhone XR ยังรองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด โดยซิมหลักจะใช้ซิมการ์ดปกติเหมือน iPhone รุ่นก่อนๆ ส่วนอีกซิมเป็นรูปแบบ eSIM ที่ฝังอยู่ภายในไม่ต้องเปลี่ยนซิมการ์ดให้ยุ่งยาก ก็สามารถเลือกใช้งานกับผู้ให้บริการฯ ที่สนับสนุน eSIM ได้ทันที (ยกเว้นเวอร์ชั่นที่วางจำหน่ายในประเทศจีน จะรองรับ 2 ซิมการ์ดในรูปแบบปกติ)

อย่างไรก็ตาม iPhone XR ไม่มีช่องเสียบชุดหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นเรื่องที่เจ้าของ iPhone 6 และ iPhone 6s ต้องปรับตัวพอสมควร

อายุการใช้งานแบตเตอรี่

ในแง่ของตัวเลขความจุแบตเตอรี่ iPhone XR, iPhone 6 และ iPhone 6s อาจไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ iPhone XR มากับชิปประมวลผลที่มีประสิทธิภาพกว่า ทั้งความเร็วในการประมวลผลระหว่างเล่นเกมหนักๆ หรือใช้แอพลิเคชั่นขนาดใหญ่ และยังจัดการพลังงานของแบตเตอรี่ได้ดีกว่าชิปรุ่นก่อนๆ ของ Apple ทำให้แบตเตอรี่ของ iPhone XR ให้พลังงานยาวนานกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่ง Apple ยืนยันว่า iPhone XR สามารถใช้งานได้นานกว่า iPhone 8 Plus สูงสุด 1 ชั่วโมง กับอีก 30 นาที

ยิ่งไปกว่านั้น iPhone XR ยังสนับสนุนเทคโนโลยีชาร์จเร็ว สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ 50% ในเวลาเพียง 30 นาที และยังรองรับการชาร์จไร้สาย ผ่านอุปกรณ์ที่ผ่านการรับรองของ Qi

ราคา

iPhone XR มีด้วยกัน 3 รุ่น เริ่มต้นที่รุ่น 64GB ราคา 29,900 บาท รุ่น 128GB ราคา 31,900 บาท และรุ่น 256GB ราคา 35,900 บาท ซึ่งในรุ่นเริ่มต้นของ iPhone XR จะมีมูลค่าใกล้เคียงกับราคาเปิดตัวของ iPhone 6 และ iPhone 6s เมื่อสมัย 3 – 4 ปีก่อน และถ้าเจ้าของ iPhone 6 และ iPhone 6s ตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้ iPhone XR ก็จะสามารถใช้งาน iPhone รุ่นไป ไปได้อีกอย่างน้อย 2 – 3 ปี จนกว่าจะถึงเวลาอัพเกรดเป็นรุ่นที่ใหม่กว่า

ที่มา – iPhoneHacks
http://www.flashfly.net/wp/?p=232048

from:http://www.flashfly.net/wp/232048

นักวิเคราะห์คาดว่า iPhone รุ่นใหม่ในปีนี้ จะทำให้ราคาขายเฉลี่ยของ iPhone เพิ่มสูงขึ้น โดยเปรียบเทียบจาก iPhone 6

แหล่งข่าวจากซัพพลายเชน เชื่อกันว่าปีนี้ จะเป็นปีที่ยิ่งใหญ่อีกครั้งของ iPhone นับตั้งแต่ iPhone 6 ที่ออกมาในเดือนกันยายน 2014 โดยนักวิเคราะห์เชื่อว่า ขนาดของจอแสดงผล เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันทั้งปริมาณและราคาให้สูงขึ้น

Barron นักวิเคราะห์จาก KeyBanc Capital Market อธิบายว่า ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา ขนาดจอแสดงผลมีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดแรงผลักดันทั้งราคาและปริมาณ เห็นได้ชัดจาก iPhone 6 ที่มียอดจัดส่งเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะ iPhone 6 Plus ที่มากับขนาดหน้าจอ 5.5 นิ้ว ขณะที่ iPhone X ก็เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่มีจอแสดงผลขนาดใหญ่ และส่งผลให้ราคาขายเฉลี่ยของ iPhone เพิ่มสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน

นักวิเคราะห์จาก KeyBanc Capital Market ยังคาดว่า iPhone รุ่นล่างสุดในปีนี้ ที่คาดว่าจะใช้จอแสดงผล LCD ขนาด 6.1 นิ้ว จะช่วยให้ราคาขายเฉลี่ยของ iPhone ขยับขึ้นไปได้อีก ซึ่งนั่นหมายถึงราคาขายปลีกของ iPhone รุ่น LCD 6.1 นิ้ว จะต้องสูงกว่าราคากลางระหว่าง iPhone 8 กับ iPhone 8 Plus และ iPhone รุ่น OLED ขนาด 6.5 นิ้ว จะต้องมีราคาสูงกว่า iPhone X ในปัจจุบัน

นักวิเคราะห์จาก KeyBanc Capital Market ไม่ได้คาดหวังว่า iPhone รุ่นใหม่จะมีตัวเลขของยอดจัดส่งเท่าไร แต่คาดว่า iPhone รุ่นใหม่ จะทำให้ราคาขายเฉลี่ยของ iPhone เพิ่มสูงขึ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากมองเห็นว่าตลาดสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์เริ่มอิ่มตัว

ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า iPhone รุ่น LCD 6.1 นิ้ว จะมีราคาเริ่มต้น 699 ดอลล่าร์สหรัฐ, iPhone Xs เริ่มต้นที่ 799 ดอลล่าร์สหรัฐ และ iPhone Xs Plus เริ่มต้นที่ 999 ดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งนั่นทำให้ข้อสันนิษฐานของ Barron เป็นไปได้ยาก นอกจากผู้บริโภคจะซื้อรุ่นความจุ 256GB ขึ้นไป

ที่มา – 9to5mac

from:http://www.flashfly.net/wp/228583

ประเมินยอดขาย iPhone รุ่นใหม่ในปี 2018 อาจสูงกว่าที่ iPhone 6 เคยทำไว้ในปี 2014

แหล่งข่าวจากไต้หวันที่คุ้นเคยกับซัพพลายเออร์ต่างๆ รายงานว่า iPhone รุ่นใหม่ที่ลือกันว่าจะเปิดตัวทางการในเดือนกันยายนนี้ จะมียอดขายที่แข็งแกร่งแซงหน้า iPhone 6 ที่เคยทำไว้ในปี 2014 โดยซัพพลายเออร์ของ Apple กำลังเร่งผลิต iPhone ในปริมาณมากกว่าที่เคย

Digitimes อ้างว่า iPhone รุ่นล่าสุดที่มากับจอแสดงผล LCD ขนาด 6.1 นิ้ว จะมีราคาเริ่มต้น 699 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 22,750 บาท โดยมีฟีเจอร์หลายอย่างที่เหมือนกับ iPhone X แต่ราคาเข้าถึงได้ง่ายกว่า ซึ่งน่าจะมาแทนที่ iPhone 8 ได้ไม่ยาก ด้วยฟีเจอร์ Face ID และดีไซน์จอแสดงผล Full Screen แบบ iPhone X

นักวิเคราะห์ยังเชื่อว่า iPhone X รุ่นที่ 2 จะมีราคาถูกลงกว่าเดิม 100 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 3,255 บาท และ iPhone รุ่น OLED ขนาด 6.5 นิ้ว จะเริ่มต้นที่ 999 ดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งเท่ากับราคา iPhone X ในปัจจุบัน

Digitimes คาดการณ์ว่า Apple จะสามารถจัดส่ง iPhone รุ่นใหม่ได้ราว 70 – 75 ล้านเครื่องภายในปี 2018 ซึ่งสูงกว่าที่ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus เคยทำไว้ในปี 2014

นอกจากนี้ยังคาดว่า iPhone รุ่น LCD 6.1 นิ้วจะขายดีที่สุด อาจทำยอดขายได้เท่ากับรุ่น OLED 5.8 นิ้ว กับ 6.5 นิ้ว ทำได้ร่วมกัน โดยมีสัดส่วน 6.1 นิ้ว 50%, 5.8 นิ้ว 20% และ 6.5 นิ้ว 30%

ที่มา – 9to5mac

from:http://www.flashfly.net/wp/227671

Apple รู้อยู่แล้วว่า iPhone 6 มีปัญหา Bendgate และ Touch Disease ก่อนเปิดตัว

Apple ยังอยู่ในระหว่างต่อสู้ทางกฎหมายกับเจ้าของ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหา Bendgate (บอดี้โค้งงอ) กับ Touch Disease (แผงจอสัมผัสไม่ตอบสนอง) และรายงานล่าสุดพบว่า Apple นั้นทราบถึงปัญหาดังกล่าวดีอยู่แล้ว ก่อนจะเปิดตัว iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ในเดือนกันยายน 2014

เอกสารภายในของ Apple ที่ใช้ยื่นต่อศาล ได้ถูกเปิดเผยออกมา แสดงถึงการทดสอบ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus โดยระบุว่า iPhone 6 มีโอกาสเปิดปัญหา Bendgate หรือบอดี้โค้งงอได้ง่ายกว่า iPhone 5s ถึง 3.3 เท่า และ iPhone 6 Plus โค้งงอได้ง่ายกว่า 7.2 เท่า แต่ Apple ยืนยันว่าจากการทดสอบอย่างละเอียด ได้ประเมินให้ iPhone ทั้ง 2 รุ่นมีความแข็งแรงและทนทาน และยังระบุว่าปัญหา Bendgate จะเกิดขึ้นน้อยมาก

ปัญหา Bendgate ยังทำให้เกิดปัญหาต่อมานั่นก็คือ Touch Disease ซึ่งเป็นอาการที่จอแสดงผลของ iPhone ไม่ตอบสนองต่อการสัมผัส โดยเป็นผลมาจาก Logic Board โค้งงอ หรือตามที่ Apple อ้างว่า เกิดจากการทำ iPhone ตกหลายครั้ง

Apple ตัดสินใจแก้ปัญหา Touch Disease ด้วยการเสริมความแข็งแรงให้กับแผงวงจร และใช้เวลาอีกหลายเดือนกว่าจะยอมรับถึงปัญหา ด้วยการเปิดโปรแกรมรับซ่อมแซมฟรี

ที่มา – MacRumors

from:http://www.flashfly.net/wp/219061

รวมโปรโมชั่น iPhone / iPad ในงาน Mobile Expo 2018 วันที่ 24 – 27 พฤษภาคม 2561

ถึงแม้ว่าสมาร์ทโฟนยอดฮิตอย่าง iPhone จะไม่เคยเข้ามาตั้งบูธของตัวเองแบบเป็นตัวเป็นตน แต่ตามค่ายโทรศัพท์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น AIS, dtac, True หรือตัวแทนจำหน่ายอื่นๆ ก็ยังคงขนโปรลดแลกแจกแถมมาให้อีกเช่นเคย  ส่วนว่าแต่ละค่ายมีโปรอะไรมาบ้างนั้น เราไปรวบรวมมาให้เพื่อนๆอ่านกันแล้วครับ

โปร iPhone จาก AIS

iPhone X 256GB

  • ราคา 39,000 บาท : จ่ายล่วงหน้า 2,000 บาท สมัครแพ็คเกจรายเดือน 699 / 799 บาท ขึ้นไป
  • ราคา 37,000 บาท : จ่ายล่วงหน้า 3,000 บาท สมัครแพ็คเกจรายเดือน 899 บาท ขึ้นไป
  • ราคา 33,000 บาท : จ่ายล่วงหน้า 4,000 บาท สมัครแพ็คเกจรายเดือน 1,099 บาท ขึ้นไป
  • ราคา 31,000 บาท : จ่ายล่วงหน้า 5,000 บาท สมัครแพ็คเกจรายเดือน 1,299 บาท ขึ้นไป
  • ราคา 30,000 บาท : จ่ายล่วงหน้า 6,000 บาท สมัครแพ็คเกจรายเดือน 1,499 บาท ขึ้นไป

iPhone 8 256 GB

  • ราคา 28,500 บาท : จ่ายล่วงหน้า 2,000 บาท สมัครแพ็คเกจรายเดือน 699 / 799 บาท ขึ้นไป
  • ราคา 26,500 บาท : จ่ายล่วงหน้า 3,000 บาท สมัครแพ็คเกจรายเดือน 899 บาท ขึ้นไป
  • ราคา 22,500 บาท : จ่ายล่วงหน้า 4,000 บาท สมัครแพ็คเกจรายเดือน 1,099 บาท ขึ้นไป
  • ราคา 20,500 บาท : จ่ายล่วงหน้า 5,000 บาท สมัครแพ็คเกจรายเดือน 1,299 บาท ขึ้นไป
  • ราคา 19,500 บาท : จ่ายล่วงหน้า 6,000 บาท สมัครแพ็คเกจรายเดือน 1,499 บาท ขึ้นไป

เครื่องเปล่าราคาพิเศษสำหรับลูกค้า AIS รายเดือน เซ็นสัญญาใช้งานต่อเนื่อง 12 เดือน

  • iPhone X 256GB : ราคา 41,000 บาท
  • iPhone 8 256GB : ราคา 31,500 บาท

**ลูกค้ารายเดือนที่ใช้แพ็คเกจตั้งแต่ 599 บาท ขึ้นไป**

 

  • iPhone 6s Plus 64GB : ราคา 14,900 บาท
  • iPhone 6s Plus 16GB : ราคา 12,900 บาท
  • iPhone 6s 16GB : ราคา 8,900 บาท
  • iPhone 6 64GB : 7,900 บาท
  • iPhone 5s 32GB : 7,900 บาท
  • iPad Air 128GB : 13,900 บาท
  • iPad Air 32GB : 10,900 บาท

**ลูกค้ารายเดือนที่ใช้แพ็คเกจตั้งแต่ 450 บาท ขึ้นไป**

 

iPhone X 64GB

  • ราคา 33,000 บาท : จ่ายล่วงหน้า 2,000 บาท สมัครแพ็คเกจรายเดือน 699 / 799 บาท ขึ้นไป
  • ราคา 31,000 บาท : จ่ายล่วงหน้า 3,000 บาท สมัครแพ็คเกจรายเดือน 899 บาท ขึ้นไป
  • ราคา 30,000 บาท : จ่ายล่วงหน้า 4,000 บาท สมัครแพ็คเกจรายเดือน 1,099 บาท ขึ้นไป
  • ราคา 28,000 บาท : จ่ายล่วงหน้า 5,000 บาท สมัครแพ็คเกจรายเดือน 1,299 บาท ขึ้นไป
  • ราคา 27,000 บาท : จ่ายล่วงหน้า 6,000 บาท สมัครแพ็คเกจรายเดือน 1,499 บาท ขึ้นไป

iPhone 8 Plus 256GB

  • ราคา 35,000 บาท : จ่ายล่วงหน้า 2,000 บาท สมัครแพ็คเกจรายเดือน 699 / 799 บาท ขึ้นไป
  • ราคา 33,000 บาท : จ่ายล่วงหน้า 3,000 บาท สมัครแพ็คเกจรายเดือน 899 บาท ขึ้นไป
  • ราคา 32,000 บาท : จ่ายล่วงหน้า 4,000 บาท สมัครแพ็คเกจรายเดือน 1,099 บาท ขึ้นไป
  • ราคา 30,000 บาท : จ่ายล่วงหน้า 5,000 บาท สมัครแพ็คเกจรายเดือน 1,299 บาท ขึ้นไป
  • ราคา 29,000 บาท : จ่ายล่วงหน้า 6,000 บาท สมัครแพ็คเกจรายเดือน 1,499 บาท ขึ้นไป

iPhone 8 Plus 64GB

  • ราคา 29,000 บาท : จ่ายล่วงหน้า 2,000 บาท สมัครแพ็คเกจรายเดือน 699 / 799 บาท ขึ้นไป
  • ราคา 27,000 บาท : จ่ายล่วงหน้า 3,000 บาท สมัครแพ็คเกจรายเดือน 899 บาท ขึ้นไป
  • ราคา 26,000 บาท : จ่ายล่วงหน้า 4,000 บาท สมัครแพ็คเกจรายเดือน 1,099 บาท ขึ้นไป
  • ราคา 24,000 บาท : จ่ายล่วงหน้า 5,000 บาท สมัครแพ็คเกจรายเดือน 1,299 บาท ขึ้นไป
  • ราคา 23,000 บาท : จ่ายล่วงหน้า 6,000 บาท สมัครแพ็คเกจรายเดือน 1,499 บาท ขึ้นไป

iPhone 8 64GB

  • ราคา 25,000 บาท : จ่ายล่วงหน้า 2,000 บาท สมัครแพ็คเกจรายเดือน 699 / 799 บาท ขึ้นไป
  • ราคา 23,000 บาท : จ่ายล่วงหน้า 3,000 บาท สมัครแพ็คเกจรายเดือน 899 บาท ขึ้นไป
  • ราคา 22,000 บาท : จ่ายล่วงหน้า 4,000 บาท สมัครแพ็คเกจรายเดือน 1,099 บาท ขึ้นไป
  • ราคา 20,000 บาท : จ่ายล่วงหน้า 5,000 บาท สมัครแพ็คเกจรายเดือน 1,299 บาท ขึ้นไป
  • ราคา 19,000 บาท : จ่ายล่วงหน้า 6,000 บาท สมัครแพ็คเกจรายเดือน 1,499 บาท ขึ้นไป

iPhone 7 Plus 128GB

  • ราคา 28,000 บาท : จ่ายล่วงหน้า 1,000 บาท สมัครแพ็คเกจรายเดือน 599 – 799 บาท ขึ้นไป
  • ราคา 26,000 บาท : จ่ายล่วงหน้า 2,000 บาท สมัครแพ็คเกจรายเดือน 899 บาท ขึ้นไป
  • ราคา 24,000 บาท : จ่ายล่วงหน้า 3,000 บาท สมัครแพ็คเกจรายเดือน 1,099 บาท ขึ้นไป

iPhone 7 Plus 32GB  

  • ราคา 24,000 บาท : จ่ายล่วงหน้า 1,000 บาท สมัครแพ็คเกจรายเดือน 599 – 799 บาท ขึ้นไป
  • ราคา 22,500 บาท : จ่ายล่วงหน้า 2,000 บาท สมัครแพ็คเกจรายเดือน 899 บาท ขึ้นไป
  • ราคา 21,000 บาท : จ่ายล่วงหน้า 3,000 บาท สมัครแพ็คเกจรายเดือน 1,099 บาท ขึ้นไป

iPhone 7 128GB

  • ราคา 23,000 บาท : จ่ายล่วงหน้า 1,000 บาท สมัครแพ็คเกจรายเดือน 599 – 799 บาท ขึ้นไป
  • ราคา 21,500 บาท : จ่ายล่วงหน้า 2,000 บาท สมัครแพ็คเกจรายเดือน 899 บาท ขึ้นไป
  • ราคา 19,500 บาท : จ่ายล่วงหน้า 3,000 บาท สมัครแพ็คเกจรายเดือน 1,099 บาท ขึ้นไป

iPhone 7 32GB

  • ราคา 19,000 บาท : จ่ายล่วงหน้า 1,000 บาท สมัครแพ็คเกจรายเดือน 599 – 799 บาท ขึ้นไป
  • ราคา 18,000 บาท : จ่ายล่วงหน้า 2,000 บาท สมัครแพ็คเกจรายเดือน 899 บาท ขึ้นไป
  • ราคา 16,000 บาท : จ่ายล่วงหน้า 3,000 บาท สมัครแพ็คเกจรายเดือน 1,099 บาท ขึ้นไป

iPhone 6s Plus 128GB

  • ราคา 18,000 บาท : จ่ายล่วงหน้า 1,000 บาท สมัครแพ็คเกจรายเดือน 599 – 799 บาท ขึ้นไป
  • ราคา 16,500 บาท : จ่ายล่วงหน้า 2,000 บาท สมัครแพ็คเกจรายเดือน 899 บาท ขึ้นไป
  • ราคา 15,500 บาท : จ่ายล่วงหน้า 3,000 บาท สมัครแพ็คเกจรายเดือน 1,099 บาท ขึ้นไป

iPhone 6Plus 32GB

  • ราคา 14,000 บาท : จ่ายล่วงหน้า 1,000 บาท สมัครแพ็คเกจรายเดือน 599 – 799 บาท ขึ้นไป
  • ราคา 12,500 บาท : จ่ายล่วงหน้า 2,000 บาท สมัครแพ็คเกจรายเดือน 899 บาท ขึ้นไป
  • ราคา 11,500 บาท : จ่ายล่วงหน้า 3,000 บาท สมัครแพ็คเกจรายเดือน 1,099 บาท ขึ้นไป

iPhone 6 32GB

  • ราคา 7,900 บาท : จ่ายล่วงหน้า 2,000 บาท แพ็คเกจ 599 – 799 บาท ขึ้นไป
  • ราคา 5,900 บาท : จ่ายล่วงหน้า 4,000 บาท แพ็คเกจ 899 บาท ขึ้นไป
  • ราคา 3,900 บาท : จ่ายล่วงหน้า 4,500 บาท แพ็คเกจ 1,099 บาท ขึ้นไป

iPhone SE 32GB

  • ราคา 5,900 บาท : จ่ายล่วงหน้า 3,000 บาท แพ็คเกจ 499 ขึ้นไป

iPhone 5s 16GB

  • ราคา 2,900 บาท : จ่ายล่วงหน้า 2,000 บาท แพ็คเกจ 499 ขึ้นไป

iPad จ่ายล่วงหน้า 3,000 บาท พร้อมสมัครแพ็คเกจ 4G Tablet Non-Stop 599 ขึ้นไป หรือเปลี่ยน / สมัครแพ็คเกจหลักเป็น 4G Hot Deal Non-Stop 599 ขึ้นไป พร้อมสมัครแพ็คเกจเสริม MultiSIM 99 บาท

  • iPad 2018 128GB : 14,900 บาท
  • iPad 2018 32GB : 11,500 บาท
  • iPad 128GB : 13,900 บาท
  • iPad 32GB : 10,900 บาท
  • iPad Pro 10.5 512GB : 36,900 บาท
  • iPad Pro 10.5 256GB : 29,900 บาท
  • iPad Pro 10.5 64GB : 24,500 บาท

 

โปร iPhone จาก dtac

 

โปรซื้อ 1 แถม 1 (จำนวนจำกัด)

iPhone X 256GB รับฟรี iPad รุ่นที่ 5 32GB : 45,000 บาท ชำระล่วงหน้า 4,000 บาท สมัครแพ็คเกจเริ่มต้น 1,099 บาท (สัญญา 18 เดือน)

iPhone 8 Plus 256GB รับฟรี iPhone 6 32GB : 36,000 บาท ชำระล่วงหน้า 4,000 บาท สมัครแพ็คเกจเริ่มต้น 1,099 บาท (สัญญา 12 เดือน)

iPhone 8 256GB รับฟรี iPhone 6 32GB : 33,000 บาท ชำระล่วงหน้า 4,000 บาท สมัครแพ็คเกจเริ่มต้น 1,099 บาท (สัญญา 12 เดือน)

 

 

 

iPhone 6 32GB

  • ราคาพิเศษ 3,500 บาท : ชำระค่าบริการล่วงหน้า 5,000 บาท แพ็คเกจเริ่มต้น 1,099 บาท
  • ราคาพิเศษ 4,900 บาท : ชำระค่าบริการล่วงหน้า 4,000 บาท แพ็คเกจเริ่มต้น 899 บาท
  • ราคาพิเศษ 6,900 บาท : ชำระค่าบริการล่วงหน้า 2,000 บาท แพ็คเกจเริ่มต้น 599 บาท

 

โปร iPhone จาก True

 

 

 

 

โปรเครื่องเปล่าจาก Power Buy



 

โปรเครื่องเปล่าและสมัครแพ็คเกจจาก Jaymart



 

คนที่ต้องการซื้อ iPhone X ตัวท็อป 256GB และจ่ายค่าเครื่องน้อยที่สุด ดูเหมือนว่าทาง AIS จะคุ้มกว่าเพื่อนเพราะราคาเครื่องอยู่ที่ 30,000 บาท เท่านั้น แต่สมัครแพ็คเกจรายเดือนเท่ากับค่ายอื่นๆ ที่เดือนละ 1,499 บาท และต้องจ่ายล่วงหน้าที่ 6,000 บาท เท่ากับ True (dtac จ่ายล่วงหน้าน้อยกว่าก็จริงที่ 5,000 บาท แต่ราคาเครื่องอยู่ที่ 33,000 บาท)

ส่วน iPhone X 256GB เครื่องเปล่าของ AIS จะอยู่ที่ 41,000 บาท ซึ่งถูกกว่าของ dtac ที่ 44,500 บาท (True ไม่มีโปรและราคาเครื่องเปล่าระบุเอาไว้) แต่ของ dtac จะดีกว่าตรงที่ไม่ติดสัญญา ในขณะที่ AIS ถึงจะถูกกว่าแต่ต้องติดสัญญานานถึง 12 เดือน

และสำหรับคนที่กำลังเล็งๆ Apple Watch Series 3 รุ่น Cellular อยู่นั้น ตอนนี้มีแค่ 2 ค่ายที่วางจำหน่าย คือ True และ AIS แต่โปรโมชั่นราคาพิเศษและรับสิทธิผ่อน 0% นาน 10 เดือนเฉพาะในงาน TME 2018 จะมีแค่ทางค่าย True เท่านั้น

 

โปรโมชั่น iPhone / iPad และอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ของ Apple ที่เราเอามาให้ดูนี้ จริงๆ ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการหรือความสะดวกในการใช้งานแต่ละเครือข่ายนะครับ เพราะบางคนแถวบ้านใช้เครือข่ายนี้ได้ดี บางคนใช้แล้วช้า จะให้ไปซื้อเครื่องที่มีราคาถูกกว่าของเครือข่ายที่ใช้งานแถวบ้านได้ไม่ดี มันก็คงจะไม่เข้าท่าใช่มั้ยล่ะ…เพราะแบบนี้ก็เลยต้องคิดคำนวณกันให้ดีๆ อีกทีนะครับ

from:https://droidsans.com/iphone-ipad-mobile-expo-2018-promotion/

ด้วยเคสนี้ จะเปลี่ยนด้านหลังของ iPhone ให้กลายเป็น Game Boy สำหรับเล่นเกมคลาสสิค

Game Boy เป็นเครื่องเล่นเกมพกพายอดนิยมในยุค 90s ที่เด็กๆ ในสมัยนั้นไม่มีใครไม่รู้จัก ความต้องการของมันตอนนั้นไม่ต่างจากความต้องการ iPhone ในตอนนี้ และตอนนี้มีผู้ผลิตเคสได้นำความทรงจำในวัยเด็กกลับมาอีกครั้ง

Game Boy iPhone Case มาพร้อมจอแสดงผลขาว-ดำ ปุ่มควบคุมเกม และมีแบตเตอรี่ในตัว ผลิตด้วยวัสดุ TPU คุณภาพสูง มีให้เลือก 2 สี (สีขาว, สีดำ) รองรับ iPhone X, iPhone 8, iPhone 8 Plus, iPhone 7, iPhone 7 Plus, iPhone 6s, iPhone 6s Plus, iPhone 6 และ iPhone 6 Plus

Game Boy iPhone Case มาพร้อมเกมคลาสสิคมากกว่า 20 เกม อย่างเช่น Tetris, Bricks, Tank Battle, Formula One Racing, Snake เป็นต้น วางจำหน่ายผ่านร้านค้าออนไลน์ Chytah.com ราคา 1,574 บาท ปัจจุบันขัดโปรโมชั่นลดเหลือ 1,102 บาท

ที่มา – Redmond Pie

from:http://www.flashfly.net/wp/216723