คลังเก็บป้ายกำกับ: IN-EAR

รีวิวหูฟังไร้สาย Sudio T2 ตัดเสียงรบกวน ANC สวมใส่สบาย ในราคา 4,190 บาท

ต้องไม่พลาดกับหูฟังไร้สาย Sudio T2 ที่ให้คุณภาพเสียงดี […] More

from:https://www.iphonemod.net/review-sudiot2-inear.html

รีวิว LinearFlux รุ่น HyperSonic หูฟังไร้สาย True Wireless แบบ In-Ear ตัวท็อป เบสแน่นเสียงดี ทนน้ำ IPX7

หูฟังไร้สาย True Wireless มีให้เลือกมากมายหลายรุ่นทีมงา […] More

from:https://www.iphonemod.net/linearflux-hypersonic-review.html

รีวิวหูฟังไร้สาย Master & Dynamic MW07 GO หูฟังไร้สาย In-Ear แบบ Truly Wireless เพื่อสายสปอร์ตอย่างแท้จริง

กราบสวัสดีผู้ที่กำลังมองหาหูฟังไร้สาย In-Ear แบบ Truly Wireless ที่นอกจากจะใช้งานแบบทั่วไปแล้ว ยังสามารถใส่ออกกำลังกาย กันเหงื่อ กันน้ำ กันหลุดได้ดีอีกด้วย วันนี้ทีม APPDISQUS จะมารีวิวหูฟังสัญชาติอเมริกา  Master & Dynamic MW07 GO ที่เหมาะสำหรับสายออกกำลังเหงื่อโทรมกายโดยเฉพาะ  ที่มาพร้อมดีไซน์สวยดูพรีเมี่ยม สีสันโดดเด่นตามแบบฉบับของแบรนด์ Master & Dynamic โดยก่อนหน้านี้ทาง Master & Dynamic ได้เปิดตัวหูฟังรุ่นใหม่ถึง 3 รุ่นด้วยกัน ทั้งหูฟังไร้สายแบบครอบMaster & Dynamic MW65 รวมถึงรุ่นพิเศษ ที่ทำร่วมกับกระเป๋า Zero Halliburton มาพร้อมลายเซ็นต์ Kevin Durant นักบาสเก็ตบอล อันดับ 1 ของโลก และหูฟังไร้สาย In-Ear แบบ Truly Wireless อีก 2 รุ่นด้วย  และครั้งนี้ทาง APPDISQUS จะมารีวิว MW07 GO เป็นหูฟังไร้สาย In-Ear แบบ Truly Wireless ที่ได้รับการพัฒนาจากความสำเร็จของหูฟังรุ่นยอดนิยม MW07

Master & Dynamic MW 07 GO มาพร้อมสีสันใหม่สีเกลี้ยงๆ ไม่มีลวดลายอะไรนอกจากโลโก้ตัว M ตัววัสดุเป็นพลาสติกชนิดพิเศษที่เรียกว่า TR90 ซึ่งเป็นวัสดุที่นิยมใช้ในการประกอบแว่นตา Sport ระดับมืออาชีพ ทำให้หูฟังมีความแข็งแรง ทนทาน และน้ำหนักเบาเพียง 7.4 กรัมเท่านั้น เรื่องวัสดุและงานประกอบ เอาคะแนนสูงๆ ไปเลยค่ะ จับแล้วให้ความรู้สึกแพงและพรีเมี่ยมั่กๆ ถึงจะเป็นสีเกลี้ยงๆ ก็ตาม

 

ตัวแบตเตอรี่เคสหุ้มด้วยผ้าเกรดพรีเมียม Technical Knit ที่ใช้กับสินค้าไฮเอนด์ โดยจะมีความทนทาน และระบายอากาศได้ดี โดยรวมแล้วดูแพง ดูทน หรูหราหมาเห่าเลยทีเดียว

 



แกะกล่องหูฟังMaster & Dynamic MW 07 GO มีอะไรในกล่อง

  • กล่องใส่และตัวหูฟัง Master & Dynamic MW07 GO
  • คู่มือการใช้งานสารพัดภาษา
  • สายชาร์จ Type C to Type C
  • จุกหูฟัง 4 ขนาด
  • Fit Wings 2 ขนาด
  • ตัวแปลง USB

เริ่มต้นการใช้งานและทดสอบใช้จริง

หูฟังรองรับการเชื่อมต่อบลูทูธ 5.0 และส่งสัญญาณได้ไกลสูงสุดถึง 30 เมตร หลังจากนำหูฟังออกจากกล่อง ก็ทำการจับคู่โดยการเชื่อมต่อผ่านบลูทูธกับตัวสมาร์ทโฟน โดยกดตัวปุ่มมัลติฟังก์ชั่นจะอยู่ที่ตัวหูด้านขวา กดค้างประมาณ 5 วินาที หรือจนกว่าไฟแสดงสถานะที่อยู่ที่ตัวหูฟังจะเริ่มกระพริบ

การควบคุม

หลักๆ จะอยู่ที่ตัวหูฟังทางด้านขวา กด 1 ครั้ง จะเป็นการ หยุด/เล่น , กด 2 ครั้งจะเป็นการข้ามเพลง , กด 3 ครั้งจะเป็นการย้อมกลับ

ส่วนหูฟังด้านซ้ายจะมีปุ่มไว้เพิ่ม-ลดเสียง

ตัวแบตเตอรี่เคส ด้านหลังมีช่องเสียบ USB C ด้านหน้าจะมีไฟแสดงสถานะ 3 จุด จุดกลางจะเป็นสถานะไฟกล่องแบตเตอรี่ ส่วนไปด้านข้างจะไฟแสดงสถานะของแบตเตอรี่หูฟัง ชาร์จ 15 นาที ได้ 50% และ 100% ใน 40 นาที แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน 10 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง และสามารถชาร์จเพิ่มได้อีก 12 ชั่วโมงจากตัวแบตเตอรี่เคส


Master & Dynamic MW07 GO มาพร้อมไดร์เวอร์แบรีลเลียม (Beryllium) ขนาด 10 มม. ทำให้การถ่ายทอดรายละเอียดเสียงได้อย่างคมชัดสมจริงและเป็นธรรมชาติ หลักจากเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนของเราแล้ว เปิดกล่องหยิบตัวหูฟังออกมาก็พร้อมใช้งานได้ทันที ตัวหูฟังไม่ได้มีแอปมาให้ปรับแต่ง ออกมาจากโรงงานปรับจูนมาให้ยังไงก็ตามนั้นเลย เพราะฉะนั้นเราก็ฟังกันดิบๆ ไปเลย หลังจากลองฟังผ่านเพลงในหลายๆ แนว ผ่าน Apple Music ต้องบอกว่าตัวนี้เบสกำลังดีค่ะ ไม่หนักหน่วงจนเกินไป อาจจะขัดใจสายเฮฟวี่เมททัลไปหน่อย เสียงต่ำก็กำลังดี..เอ๊ะยังไง คือทุกย่านเสียงมันพอดีไปหมด ไม่โดดเด่น และก็ไม่แย่จนทนไม่ได้ แต่อาจจะขัดใจแม่ในบางแนวเพลง รวมๆ เรื่องการฟังเพลงถือว่าผ่าน โอเครเลยค่ะ อ่อ..มีเสียงรั่วบ้างนิดๆ ฟังในที่เงียบๆ คนนั่งข้างๆ ก็พอได้ยินแต่ไม่ถึงขนาดเปิดคนเดียวได้ยินเป็นหมู่คณะ ในส่วนการโทรและรับสายอันนี้ดีจริงค่ะ เสียงสนทนาฟังชัดเจนดี ปลายสายที่คุยก็ได้ยินเสียงเราชัดเจนแม้จะอยู่ในที่ที่มีเสียงดังรบกวน

Master & Dynamic MW07 GO ออกแบบมาเพื่อสายกีฬาโดยเฉพาะ รองรับเทคโนโลยีป้องกันเหงื่อและความชื้นตาม Studio 7มาตรฐาน IPX6 รวมถึงมีซิลิโคน Fit Wings หรือยางเหน็บหูให้เลือกอีก 2 ขนาด ใส่วิ่งจ๊อกกิ้งหรือออกกำลังกายเหงื่อโทรมกายไปด้วยฟังเพลงไปด้วยไม่ต้องกลัวร่วงหลุด ทดลองใส่นานๆก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บหรือรำคาญอะไร แค่ต้องเลือกตัว Fit Wings ให้เหมาะกับขนาดใบหูของเราเพื่อเพิ่มความกระชับ ใส่หูฟัง In-Ear มาก็เยอะ แต่ตัวนี้ใส่นานๆ ได้ไม่ค่อยเจ็บอย่างเวลาเหงื่อออกหูฟังบางรุ่นก็จะมีลื่นหลุดบ้าง แต่ตัวนี้คือกระชับติดหูไม่หลุดง่าย

Master & Dynamic MW07 GO มีทั้งหมด 4 สี คือ JET BLACK, STONE GREY, FLAME RED, ELECTRIC BLUE  จำหน่ายในราคา 7,990 บาท วางจำหน่ายที่ BB Beyond D-Box เมกาบางนา, Studio7, iStudio by CPW, iSutdio by SPVi, มั่นคงแก็ดเจ็ท, King Power, Siam Discovery, Power Mall, BKK Audio, Pro Pligin, Soundproof Brothers, Mercular, 425 Degree, HIS, Lazada, Shopee และ We Mall

ข่าว: รีวิวหูฟังไร้สาย Master & Dynamic MW07 GO หูฟังไร้สาย In-Ear แบบ Truly Wireless เพื่อสายสปอร์ตอย่างแท้จริง มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.

from:https://www.appdisqus.com/2019/12/17/review-master-dynamic-mw07-go.html

Buyer’s Guide – 3 สิ่งที่ต้องรู้ก่อนจะเลือกซื้อหูฟังให้เหมาะกับงบและงานที่ใช้

เชื่อว่าในตอนนี้ก็ยังมีผู้คนอีกมากที่ไม่ค่อยรู้เรื่องของหูฟังมากนัก อาจจะมองแค่ว่าราคาถูกกับใช้งาได้ก็พอ ส่วนคนที่พอมีความรู้เรื่องหูฟังบ้างนั้นก็อาจจะอยากได้หูฟังเสียงดี ๆ ราคาไม่แพง ซึ่งเดิมทีแล้วเป็นอะไรที่หาได้ยากมาก ทว่าในปัจจุบันนี้หูฟังเสียงดี เสียงเทพ ในราคาไม่แพงเริ่มมีมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยในบทความนี้จะมาแนะนำวิธีเลือกซื้อรวมถึงยกตัวอย่างหูฟังเสียงดีๆ ในราคาไม่สูงมากไว้เป็นตัวอย่างกันครับ

 

วิธีการเลือกซื้อหูฟัง

1.กำหนดจุดประสงค์หลักในการใช้หูฟัง

ลำดับแรกเลยต้องมาดูกันก่อนว่าหูฟังที่เรากำลังมองหาอยู่นั้นเราต้องการนำมาใช้งานในส่วนใดเช่น อยากได้หูฟังเอาไว้ฟังเพลง, เล่นเกมส์ หรือดูหนัง เนื่องจากหูฟังแต่ละประเภทนั้นถูกออกแบบมาไม่เหมือนกัน บางรุ่นเหมาะสำหรับฟังเพลง บางรุ่นเหมาะสำหรับเล่นเกมส์ หรือบางรุ่นเหมาะสำหรับดูหนัง ข้อนี้เราจึงจำเป็นต้องตอบตัวเองให้ได้เสียก่อนว่าสิ่งใดคือจุดมุ่งหมายในการที่เราจะซื้อหูฟังไปใช้ เพราะถ้าเราไม่กำหนดทิศทางเหล่านี้อาจจะได้หูฟังที่ไม่ตรงกับความต้องการส่วนใหญ่ของเราก็เป็นได้ครับ

 

2.ทำความรู้จักกับหูฟังแต่ละประเภท และเลือกประเภทของหูฟังให้เหมาะกับ Lifestyle ของตัวเอง

โดยหูฟังนั้นแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่ Earbuds, In-Ear ,On-Ear และ Full-Size

1. in-ear

เป็นหูฟังที่สะดวกต่อการพกพาอย่างมากด้วยขนาดตัวหูฟังที่มีขนาดเล็กจึงทำให้สามารถสอดเข้าไปในหูได้ โดยหูฟังประเภทนี้เหมาะกับการนำเอาไปฟังเพลง เพราะเป็นหูฟังที่ให้รายละเอียดเสียงได้ดีมาก อีกทั้งยังให้มิติของเสียงดีที่สุดด้วยเมื่อเทียบกับประเภทอื่น ๆ ด้วยความที่เป็นหูฟังแบบแยงหู จึงทำให้ลดเสียงรบกวนภายนอกได้อย่างดี ทว่าด้วยความที่ลดเสียงรบกวนได้ดีเลยทำให้ไม่สามารถได้ยินเสียงจากสภาพแวดล้อมรอบตัวได้เลย

 

2. earbud

เป็นหูฟังที่สะดวกต่อการพกพาอย่างมาก ราคาจับต้องได้ง่าย หาซื้อได้ทั่วไป เก็บรายละเอียดเสียงได้ดี(ไม่เท่า in-ear) เสียงค่อนข้างโปร่ง ฟังสบาย แต่หูฟังประเภท earbud จะไม่สามารถกันเสียงรบกวนจากภายนอกได้เลย แต่ก็ทำให้สามารถได้ยินเสียงสภาพแวดล้อมรอบตัวได้ ทว่า earbud นี้เวลาเครื่อนไหวเร็วๆ จะหลุดง่ายมาก

 

3. on-ear

เป็นหูฟัง Full-size ขนาดเล็ก โดยเวลาใส่ตัวฟองน้ำหูฟังจะแนบพอดีที่ใบหู จุดเด่นของหูฟังประเภทนี้คือให้เสียงที่กว้างขวาง ฟังสบายตามลักษณะของหูฟัง Full-size ถึงแม้จะทำให้เสียงด้อยลงมาบ้างแต่ก็แลกมากับความสามารถในการพกพาด้วยน้ำหนักที่เบากว่า Full-size แต่ด้วยความที่ตัวฟองน้ำแนบหูพอใส่ไปนาน ๆ อาจจะทำให้เกิดอาการร้อนใบหู หรือเหงื่อชุ่มหูได้เช่นกัน

 

4. Full-Size

เป็นหูฟังที่นัก Audiophile(นักฟังเพลงหูทอง) ชื่นชอบกันมาก โดยสวมใส่แบบครอบหูจึงทำให้ใส่สบาย ฟังนาน ๆ ได้ ตัวหูฟังส่วนใหญ่มีขนาดใหญ่ บางตัวใหญ่มากจนไม่สะดวกต่อการพกพา แน่นอนว่าสิ่งที่แลกกับขนาดที่ใหญ่มากนั้นคือคุณภาพของเสียงที่เป็นธรรมชาติ สมจริง ฟังสบาย นักเล่นหูฟังหลายต่อหลายคนเมื่อได้มาลองใช้หูฟัง Full-Size แล้วมักจะติดใจในคุณภาพเสียงที่ดีเยี่ยม ดังนั้นหูฟังประเภทนี้จึงเหมาะกับการใช้งานอยู่กับที่มากกว่า

 

3. กำหนดช่วงราคา และไปทดลองฟังด้วยตนเอง

ตัวเรานั้นต้องกำหนดช่วงราคาที่เราต้องการจะเลือกซื้อ ว่าอยากจะได้หูฟังที่อยู่ในช่วงราคา 100-500, 1,000-3,000 บาท, 5,000-10,000 บาท หรือ 12,000-20,000 บาท อันนี้ก็แล้วแต่ว่าเราจะกำหนดช่วงราคาของตัวเองเอาไว้มากน้อยแค่ไหน

โดยส่วนใหญ่แล้วก็จะใช้หลัก 3 ข้อนี้เป็นเกณฑ์ในการเลือกซื้อ ซึ่งหากอยากรู้ข้อมูลเชิงลึกเพื่อให้ตัดสินได้ง่ายสามารถเข้าไปอ่านบทความสอนอ่านสเปคหูฟังได้เลยครับ

สำหรับหูฟังในแต่ละประเภทที่มีราคาไม่แพงแต่คุณภาพเสียงดี จะทำการยกตัวอย่างโดยแยกเป็นประเภท ๆ ละ 1 ตัวดังต่อไปนี้

earbud – โปรเจกละมุน ของ เบสหนัก.คอม โดยแนวเสียงจะเน้นความโปร่งฟังสบาย เบสกระชับ ไม่แหลมบาดหู

in-ear – KZ ZSR มาพร้อม Dynamic Driver 1 ตัว และ Balance Amateur Driver 2 ตัว โดยแนวเสียงจะเน้นความนุ่มฟังสบาย เบสกระชับ ไม่แหลมบาดหู เก็บลายละเอียดได้ดี

on-ear – Sony MDR-ZX310AP เป็นหูฟังที่ให้เสียงกลางๆ ค่อนไปทางเสียงเบสแต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้ดังจนไปกลบเสียงย่านอื่นมากเกินไป

Full-Size – Logitech G431 เป็นหูฟังเกมมิ่งที่มีช่วงเสียงต่ำและกลางกระหึ่มและจัดเต็ม มี DTX 2.0 ที่ช่วยในเรื่องของการแบ่งเสียงออกเป็นมิติต่าง ๆ และระบุเสียงได้อย่างแม่นยำมากขึ้น

from:https://notebookspec.com/buyers-guide-headphone/492143/

1MORE ประกาศรุกตลาดหูฟังในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ขนทัพเปิดตัวหูฟังรุ่นใหม่ 10 รุ่น

“วันมอร์” บริษัทผู้ผลิตหูฟังพรีเมี่ยมระดับโลก ประกาศเปิดตัวเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ จัดเต็มกับครั้งแรกด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่พร้อมกัน 10 รุ่น ซึ่งเป็นหูฟังแบบสอดหู (In-ear headphones) จำนวน รุ่น และหูฟังแบบครอบหู (Over-ear headphones) จำนวน รุ่น   1MORE เดินหน้าประกาศเกมรุกในตลาดไทย หลังกวาดยอดขายมากกว่า 50 ล้านชิ้นทั่วโลกเพียงในเวลาไม่กี่ปี  ผลิตภัณฑ์ของ 1MORE มีให้เลือกหลากหลาย ทั้งหูฟังแบบมีสายและแบบไร้สาย ราคาเริ่มตั้งแต่ 350 – 6,300 บาท สินค้ามีวางจำหน่ายแล้วที่ร้าน Speed Computer พันทิพย์ ประตูน้ำ

1more

1MORE มุ่งมั่นสร้างสรรค์หูฟังและอุปกรณ์เครื่องเสียงที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพและประสิทธิภาพคุ้มค่าอย่างเหนือชั้น พร้อมกำหนดนิยามใหม่ของการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์และนวัตกรรม เริ่มตั้งแต่กระบวนการการออกแบบและการผลิตชิ้นส่วนทุกชิ้นเองอย่างพิถีพิถัน โดยไม่ต้องจ้างบริษัทอื่นเพื่อผลิตชิ้นส่วนหรือผ่านคนกลางที่ทำให้ราคาสูงขึ้น ด้วยเหตุนี้เองทำให้ 1MORE สามารถผลิตหูฟังประสิทธิภาพสูง  ให้คุณภาพเสียงยอดเยี่ยม ครบทุกฟังก์ชั่นการใช้งานในราคาที่คุ้มค่า  การันตีรางวัลคุณภาพเสียงด้วยหูฟังรุ่น Quad Driver และรุ่น Triple Driver ที่เป็นการยืนยันความสำเร็จของ 1MORE ในฐานะผู้ผลิตหูฟังคุณภาพสูงในราคาที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้

ผลิตภัณฑ์เรือธงอย่างหูฟังแบบสอดหูรุ่น Triple Drivers (ราคา 3,500 บาท) และรุ่น    Quad Drivers (ราคา 6,300 บาท) โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีด้านการออกแบบที่อยู่ระหว่างการจดสิทธิบัตร มาพร้อมไดร์เวอร์ตัวขับเสียง 3 ตัวและแบบ 4  ตัวทำให้ได้ค่าการตอบสนองต่อความถี่ต่างๆ ได้อย่างครบถ้วน ความคมชัดและคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยมครบทุกรายละเอียดในทุกย่านเสียง

เพื่อรองรับการเล่นไฟล์เพลงที่มีคุณภาพความละเอียดสูง (High-Resolution Audio) หูฟังรุ่น  Triple Drivers และรุ่น Quad Drivers ผสมจุดเด่นของไดร์เวอร์ตัวขับเสียงทั้งแบบไดนามิกและไดร์เวอร์ Balanced Armatures เข้าด้วยกัน ให้ซาวด์สเตจที่สมจริง น้ำเสียงที่ชัดเจนและไพเราะมากยิ่งขึ้น  นอกจากนี้ ตัวหูฟังยังผลิตจากวัสดุเคลือบอลูมิเนียมอย่างดี ผสานดีไซน์โฉบเฉี่ยวล้ำสมัย ออกแบบให้    สวมใส่สบายตามหลักสรีระศาสตร์ เพิ่มความสุนทรีย์ในการฟังเพลงอย่างเต็มอรรถรสโดยปราศจากเสียงรบกวนจากภายนอก  และหูฟังทั้งสองรุ่นยังได้รับการปรับจูนเสียงโดย Luca Bignardi ซาวด์เอนจิเนียร์ระดับมือรางวัล Grammy Award เพื่อให้การบาลานซ์เสียงของหูฟังทั้งสองข้างสมดุลอย่างเหมาะสมและคมชัดสมจริงที่สุด

และในปีนี้หูฟังรุ่น Triple Drivers และรุ่น Quad Drivers ยังได้การรับรองมาตรฐานหูฟังจาก  THX® Certified Headphones เป็นรายแรกของโลก ซึ่งถือเป็นการการันตีว่าหูฟังทั้งสองรุ่นมีมาตรฐานเหนือระดับทั้งทางด้านตัวผลิตภัณฑ์เองและด้านคุณภาพการถ่ายทอดน้ำเสียงที่สมบูรณ์แบบ รับประกัน ความเป็นเลิศด้านคุณภาพเสียงอย่างแท้จริง

ทั้ง 1MORE และ THX เราต่างมีเป้าหมายเดียวกันคือการมุ่งมั่นสร้างสรรค์ประสบการณ์คุณภาพเสียงให้มีความคมชัดและได้มาตรฐานอย่างที่ศิลปินตั้งใจให้ได้ยิน ปีเตอร์ วาเซย์ รองประธานอาวุโสฝ่ายการดำเนินงานธุรกิจด้านเทคโนโลยีของบริษัท THX กล่าวและเสริมว่า ผู้ใช้สามารถวางใจเลือกหูฟัง 1MORE ที่ผ่านการรับรองจาก THX การันตีถึงความยอดเยี่ยมของคุณภาพเสียงที่ถูกถ่ายทอดออกมาได้เหนือชั้นกว่าอย่างชัดเจน  เรารู้สึกยินดีอย่างมากและหวังที่จะร่วมมือเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งกับบริษัทที่  มุ่งพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่องเช่นนี้”

หูฟังตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancelling (ANC) มีทั้งแบบสอดหูและหูฟังเกมมิ่งแบบครอบหูสำหรับเล่นเกมโดยเฉพาะ หูฟังรุ่น Dual Driver ANC (ราคา 6,300 บาท) เป็นหูฟังตัวแรกของโลกที่ใช้ขุมพลังไดร์เวอร์คู่ที่มีประสิทธิภาพในการตัดเสียงรบกวนรอบตัวได้เป็นอย่างดี เชื่อมต่อช่องชาร์จไฟแบบ Lightning ทั้งยังถูกออกแบบให้มีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา ช่วยเสริมให้การใช้งานมีความสะดวกและคล่องตัวมากยิ่งขึ้น

1MORE ยกระดับเทคโนโลยีของการเล่นเกมในยุคปัจจุบัน เอาใจสาวกเกมเมอร์ด้วยหูฟังเกมมิ่งรุ่น Spearhead VR Gaming Headphones (ราคา 4,190 บาท) ออกแบบมาสำหรับเล่นเกมเสมือนจริง VR โดยเฉพาะ มาพร้อมกับฟีเจอร์ระบบพลังเสียงแบบรอบทิศทาง 7.1 Channel และปุ่มควบคุมที่ใช้งานง่าย สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการ หูฟัง VR ใช้ไดร์เวอร์ที่สามารถตอบสนองรายละเอียดทุกมิติเสียงได้อย่างคมชัด ให้ความรู้สึกสนุกรุกเร้าเหมือนอยู่ในสถานการณ์จริง ไม่ว่าจะเป็นเสียงระเบิด เสียงเครื่องบิน และเสียงเอฟเฟ็คต่างๆ ทำให้เล่นเกมที่โปรดปรานได้สนุกสมจริงมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ 1MORE ยังมีแผนกำหนดวางจำหน่ายหูฟัง 3D ระบบเสียงเซอร์ราวด์สามมิติเวอร์ชั่น VRX ในปีหน้าอีกด้วย

หูฟังไร้สายแบบครอบหูรุ่น 1MORE MK802 Bluetooth Over-Ear Headphones (ราคา 5,250 บาทใช้ไดร์เวอร์ตัวขับเสียงที่เคลือบด้วย Beryllium อย่างดี เพลิดเพลินไปกับพลังเสียงเบส   หนักแน่น มิติเสียงชัดเจน ทั้งยังดีไซน์ล้ำสมัย ผลิตจากวัสดุคุณภาพสูงอย่าง TR-90 ไทเทเนียมสังเคราะห์ที่มีความแข็งแรงทนทานสูง น้ำหนักเบา ช่วยเพิ่มความสบายในการสวมใส่

หูฟังไร้สายแบบสอดหูรุ่น iBFree Bluetooth in-Ear Headphones (ราคา 2,100 บาท) ตัวหูฟังผลิตจากอลูมิเนียมอัลลอยน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ สามารถรับส่งข้อมูลเสียงคุณภาพสูงด้วย  Bluetooth 4.1 aptX สวมใส่สบายด้วยดีไซน์ที่เข้ากับรูปใบหูมากขึ้น      มาพร้อมกับไทเทเนียมไดนามิกไดร์เวอร์และกันน้ำ กันเหงื่อได้ดีด้วยมาตรฐาน IPX เหมาะสำหรับการออกกำลังกายทุกรูปแบบ

หูฟังแบบสอดหูรุ่น Dual Driver Capsule In-Ear Headphone (ราคา 3,150 บาท     ใช้ไดร์เวอร์คู่เป็นตัวขับเคลื่อนพลังเสียง  โดดเด่นด้วยดีไซน์การออกแบบเป็นรูปเม็ดแคปซูล ทำให้สวมใส่สบายต่อเนื่องได้ยาวนานและไม่เจ็บหูเมื่อฟังนานๆ อีกด้วย

นอกจากนี้ ยังมีตระกูลหูฟังประสิทธิภาพคุ้มค่าคุ้มราคาที่สามารถถ่ายทอดเสียงที่เป็นธรรมชาติจากไดร์เวอร์เดียวให้เลือกอีกหลากหลายรุ่น ได้แก่ หูฟังรุ่น 1MORE Piston Fit In-Ear Headphones (ราคา 350 บาทหูฟังรุ่น 1MORE Piston Classic (ราคา 700 บาทและหูฟังรุ่น 1MORE Single Driver (ราคา 1,050 บาทเน้นออกแบบให้สวมใส่สบายด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวสไตล์  Piston ซึ่งได้รับรางวัลด้านการออกแบบจากเวทีการออกแบบระดับโลกอย่าง IF Design Award และ Red Dot Design

from:http://mobileocta.com/1more-announces-offensive-headphones-market-in-thailand/

เปิดตัว Xiaomi Piston Fresh หูฟังแบบ in-ear เอาใจวัยรุ่น ในราคาเบาๆ

นอกจากจะผลิตสมาร์ทโฟนสเปกดีในราคาสุดคุ้มแล้ว Xiaomi ยังผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ารวมไปถึงอุปกรณ์เสริมสำหรับมือถิออย่างหูฟัง ล่าสุดได้เปิดตัว Piston Fresh หูฟังแบบ in-ear รุ่นใหม่ที่ประเทศจีนในราคาเบาๆ เพียง 29 หยวนหรือประมาณ 150 บาทเท่านั้น

xiaomi-piston-fresh

สำหรับ Xiaomi Piston Fresh เป็นหูฟังแบบ in-ear รุ่นที่ 3 โดยมีไมโครโฟนในตัว และปุ่มสำหรับรับสายโทรศัพท์ ซึ่งไม่เน้นเรื่องเทคโนโลยีมากนัก แต่ได้ราคาที่ถูก โดยมีให้เลือก 5 สี ด้วยกันคือ สีฟ้า สีดำ สีชมพู สีม่วงและสีเงิน ส่วนสเปกนั้นมาพร้อมความต้านทาน 32 โอห์ม, ความถี่ที่ตอบสนอง 20 Hz – 20000 Hz และน้ำหนักเบาเพียง 14 กรัม

xiaomi-piston-mic

xiaomi-piston-pink

อย่างไรก็ตาม หูฟัง Xiaomi Piston Fresh ไม่สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS ได้

ที่มา : gsmarena

from:http://mobileocta.com/xiaomi-launched-piston-fresh-inear-headphones/

มหาจักร ตั้งมั่นคงแก็ดเจ็ท เป็น Premium Authorized Dealer แบรนด์ Shure พร้อมเปิดตัวหูฟัง SHURE KSE1500 ที่แรกในไทย

บริษัท มหาจักรดีเวลอปเมนท์ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย Shure อย่างเป็นทางการในประเทศไทยกว่า 38 ปี เปิดตัวบริษัท มั่นคง แก็ดเจ็ท จำกัด เป็น Premium Authorized Dealer จากแบรนด์ Shure และได้เปิดตัวหูฟัง SHURE KSE1500 ที่แรกในประเทศไทยอีกด้วย

20160920_143423

ในส่วนของการเป็น Premium Authorized Dealer มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับการจัดแสดงสินค้าของทางร้านค้าตัวแทนจำหน่ายให้มีรูปแบบที่ทันสมัย เพื่อให้เป็นพื้นที่ใหม่ให้ลูกค้าได้มาทดลองใช้งานจริงและแบ่งปันความรู้กับลูกค้ามากขึ้น โดยทางมหาจักรได้คัดเลือกลูกค้าที่มีความจริงใจ และตั้งใจในการพัฒนาสินค้าร่วมกันซึ่งจำหน่ายผลิจภัณฑ์ของแท้จากทางมหาจักรฯ มาโดยตลอด

20160920_134139

20160920_134810

นอกจากนี้ยังได้มีการเปิดตัวหูฟัง Shure KSE1500 ที่แรกในประเทศไทย สำหรับ Shure KSE1500 เป้นหูฟัง in ear ตัวแรกของโลกที่มาพร้อมระบบ Electrostatic ซึ่งใช้หลักในการผลิตเสียงให้ออกจากแผ่นไฟฟ้าสถิตย์ที่มีความบางมาก โดยไม่ต้องมีขดลวดและแม่เหล็กเพื่อให้ได้ยินเสียงที่ใสและคมชัด ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้อยู่ในลำโพง HiFi ระดับ Hi-End มาก่อนหน้านี้แล้ว ให้คุณภาพเสียงคมชัดแบบที่ไม่มีหูฟังใดเทียบได้ ระหว่างSource ของเสียงกับเสียงที่หูฟังขับออกมา ตัวหูฟังถูกออกแบบรูปทรงให้มีน้ำหนักเบาเหมาะกับการใช้งาน และช่วยลดความเมื่อยล้าของหูในขณะที่ฟังเพลง Sleeve หูฟัง Isolating ยังช่วยป้องกันเสียงรบกวนรอบข้างได้ถึง 37 เดซิเบล มีปุ่มควบคุมทำให้ง่ายต่อความคล่องตัว และรวดเร็วตลอดทั้งการใช้งาน และการตั้งค่า KSE1500

20160920_142045

หูฟัง Shure KSE1500 สามารถใช้ร่วมกับ Mac, PC, iOS และอุปกรณ์ Android ผ่านทางอุปกรณ์เสริม นอกจากนี้ตัวหูฟังทำจากอลูมิเนียมสีดำกลึงเข้ารูป โดยใช้วัสดุเกรดพรีเมี่ยมหรูหราจาก Shure Quality Standard ซึ่ง Shure KSE1500 จะทำการเปิดตัวที่แรกในประเทศไทย ซึ่งงานนี้ทางร้านมั่นคงแก็ดเจ็ทได้เปิดรับพรีออเดอร์ Shure KSE1500 เป็นที่แรกในไทยในราคา 119,000 บาทพร้อมโปรโมชั่นผ่อน 0% นาน 10 เดือน หรือรับฟรีหูฟัง Shure SE535 มูลค่า 17,990 บาทเมื่อชำระเงินสด

The post มหาจักร ตั้งมั่นคงแก็ดเจ็ท เป็น Premium Authorized Dealer แบรนด์ Shure พร้อมเปิดตัวหูฟัง SHURE KSE1500 ที่แรกในไทย appeared first on MobileOcta.

from:http://mobileocta.com/launched-earphones-shure-kse-1500-first-in-yhailand/

[Hands-On] หูฟัง Fender FXA2 Pro และ FXA7 Pro

Fender ชื่อนี้เรารู้จักมักคุ้นว่าคือยี่ห้อกีต้าร์ที่มีประวัติมายาวนาน ตอนนี้ Fender ได้ผลิตหูฟังออกมาจำหน่ายด้วย  ซึ่งเรามีโอกาสได้ไปงานเปิดตัวและได้ลองหูฟัง Fender FXA2 Pro และ FXA7 Pro

หูฟัง Fender เป็นหูฟังแบบ In-Ear Monit เปิดตัวในไทยพร้อมกันทุกรุ่นได้แก่

  • DXA1 Pro – 4,490 บาท
  • FXA2 Pro – 8,900 บาท
  • FXA5 Pro – 12,900 บาท
  • FXA6 Pro – 17,900 บาท
  • FXA7 Pro – 21,900 บาท

ความต่างของหูฟังแต่ละรุ่นจะเป็นเรื่องเทคโนโลยีเกี่ยวกับหูฟังที่ Fender ใส่เข้าไปต่างกัน จึงทำให้เสียงทีได้ต่างกันไป เช่นในรุ่น FXA6 Pro และ FXA7 Pro จะเป็นไดรเวอร์แบบ HDBA (Hybrid Dynamic & Balanced Armature) ที่ให้มิติเสียงได้ดีขึ้นกว่ารุ่นอื่นที่ไม่มี หูฟังทั้งหมดของ Fender จะเน้นการฟังเพลงอย่างเดียวและใช้สำหรับนักดนตรีในการขึ้นแสดงบนเวทีทำให้ Fender ไม่ได้ใส่ปุ่มปรับระดับเสียงและปุ่มอื่น ๆ มาบนสายหูฟังแต่อย่างใด

โดยหูฟังที่เราได้ลองแบบรวดเร็วมี 2 รุ่นคือ FXA2 Pro และ FXA7 Pro รูปร่างหน้าตาของทั้งคู่จะเหมือนกัน ต่างกันเรื่องสีโดย FXA2 Pro มีสีน้ำเงิน และ FXA7 Pro ตัวหูฟังเป็นสีทอง

 

hands-on-fender-headphones_06

 

 

ด้านเสียงของหูฟัง Fender ผมเริ่มจาก FXA7 Pro ตรงนี้สัมผัสได้ว่าเสียงแน่นดี ที่รู้สึกได้เลยคือน้ำหนักของเสียงต่ำที่มีมาให้รู้สึกชัดพอควร ทั้งนี้ความหนักของเสียงต่ำก็ไม่ใช่แบบว่าเสียงต่ำเสียงเบสบวม ๆ หรือกลบเสียงอื่นแต่อย่างใด เนื้อเสียงของ FXA7 Pro ให้รายละเอียดที่ดีมาก เพียงแต่ผมมีเวลาได้ลองน้อยมากเลยทำให้ไม่สามารถเขียนถึงรายละเอียดต่าง ๆ ที่ได้ฟังได้

 

hands-on-fender-headphones_03

hands-on-fender-headphones_04

hands-on-fender-headphones_05

 

ส่วน FXA2 Pro เนื้อเสียงโปร่งกว่า FXA7 Pro แบบว่าฟังเทียบกันรู้สึกถึงความต่างได้ชัดเจน เสียงต่ำจากหูฟัง FXA2 Pro จะน้อยกว่า FXA7 Pro ประมาณหนึ่ง จากที่ได้ลองแบบเร็ว ๆ ตัวผมชอบเสียง FXA2 Pro อยู่พอควรครับด้วยเสียงที่โปร่งฟังสบายกว่า ตรงนี้ก็แล้วแต่ว่าเราชอบเสียงแบบไหนกันด้วย

 

hands-on-fender-headphones_02

hands-on-fender-headphones_01

 

ใครสนใจหูฟัง Fender In-Ear Monitor Series ตอนนี้มีวางจำหน่ายในไทยแล้ว

  • Betrend (Siam Paragon)
  • HeadphoneGuru (Phaholyothin Plaza)
  • IndyGadget (Terminal 21)
  • Jaben Headphone Store (Mercury Tower, BTS ชิดลม ทางออก 4)
  • Hear by MunkongGadget (Siam Paragon)
  • SoundProof Brothers (MBK ชั้น 4)
  • Zoundaholic (MRT สถานีพระราม 9)

 

 

from:http://www.siampod.com/2016/06/02/hands-on-fender-fxa7-pro-and-fxa2-pro/

อาร์ทีบี ปล่อยหูฟังไร้สายแบบ in-ear ตัวใหม่ SHB5800 Solid Bass จากฟิลิปส์ (PHILIPS) ที่เปี่ยมด้วยพลังเสียงเบสคุณภาพ

อาร์ทีบี เทคโนโลยี อวดโฉมหูฟังไร้สายแบบ in-ear SHB5800 Solid Bass จากฟิลิปส์ (PHILIPS) ที่เปี่ยมด้วยพลังเสียงเบสคุณภาพ พร้อมรองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทดีไวซ์

Pic_Philips_SHB5800_(ดำ)-horz

บริษัท อาร์ทีบี เทคโนโลยี จำกัด อวดโฉม “PHILIPS SHB5800 Solid Bass” หูฟังไร้สายแบบ in-ear โดดเด่นด้วยพลังเสียงเบสคุณภาพที่มากับไดรเวอร์ขนาด 6 มิลลิเมตร ซึ่งให้รายละเอียดของเสียงที่มีประสิทธิภาพและตัดเสียงรบกวนภายนอกได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับผู้หลงรักในเสียงดนตรีและต้องการความคล่องตัวในระหว่างเดินทาง โดยสามารถฟังเพลงหรือสนทนาได้นานสูงสุดถึง 6 ชั่วโมง หูฟังผลิตจากวัสดุยางชนิดพิเศษทำให้มีน้ำหนักเบา นิ่ม และสวมใส่สบายด้วย Rubber Cab ที่มีให้เลือกหลากหลายขนาด ทั้งยังป้องกันละอองน้ำและละอองฝุ่นได้เป็นอย่างดีโดยผ่านมาตราฐาน IPX2  รวมถึงรองรับการเชื่อมต่อการใช้งานแบบไร้สายกับอุปกรณ์เสริมต่างๆ ผ่านสัญญาณ Bluetooth เวอร์ชั่น 3.0 และเทคโนโลยี NFC เพื่อให้คุณได้เพลิดเพลินไปกับเสียงเพลงโปรดได้อย่างง่ายดาย

พบกับประสบการณ์ฟังเพลงด้วยเสียงคุณภาพของหูฟังไร้สาย  “PHILIPS SHB5800 Solid Bass” ได้แล้ววันนี้ในราคา 2,990 บาท ตัวเครื่องมี 2 สีคือ สีดำ และ สีขาว ผู้สนใจสามารถหาซื้อได้แล้ววันนี้ที่ Power Buy , Power Mall , Jaymart , www.lazada.co.th/rtb-technology และร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศ หรือสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านทาง www.rtbtechnology.com

from:http://www.appdisqus.com/2015/07/15/pr-rtb-shb5800-solid-bass-philips.html

โซนี่ไทย วางจำหน่ายหูฟังขั้นเทพระดับ Hi-Res Audio รุ่นใหม่ 6 รุ่น เน้นคุณภาพระดับออดิโอไฟล์

บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด ผู้นำเทคโนโลยี และผลิตภัณฑ์ Hi-Resolution Audio หรือ Hi-Res Audio (“ไฮ-เรส ออดิโอ”) วันนี้พร้อมวางจำหน่ายหูฟังระดับ Hi-Res Audio พร้อมกัน 6 รุ่น ตอบรับนักฟังเพลงในยุคดิจิตอลที่พิถีพิถันในการเลือกฟังไฟล์เพลงที่มีรายละเอียดเสียงความคมชัดสูงระดับออดิโอไฟล์ และใกล้เคียงกับการบันทึกในสตูดิโอ โดยมีให้เลือกทั้งแบบครอบหู และใส่หู โดยรุ่นครอบหูได้แก่ MDR-Z7, MDR-1A and MDR-1ADAC และแบบใส่หูหรือ in-ear ในรุ่น XBA-Z5, XBA-A3 และ XBA-A2

 MDR-Z7_Standard_0630-1200

MDR-Z7, MDR-1A and MDR-1ADAC High-Resolution Audio headphones

            MDR-Z7 เป็นหูฟัง Hi-Res Audio แบบครอบหูที่จะเพิ่มความสุนทรีย์ในการฟังเพลงยิ่งขึ้น ด้วยรายละเอียดที่คมชัดในทุกมิติ และย่านสัญญาณ ผลิตด้วยวัสดุคุณภาพเยี่ยม และสวมใส่สบาย MDR-Z7 มาพร้อมไดรเวอร์ขับสัญญาณ HD ขนาด 70mm ถ่ายทอดรายละเอียดเสียงในทุกย่านสัญญาณความถี่ตั้งแต่เสียงเบสอันทรงพลังระดับ 4Hz จนถึงย่านความถี่สูงที่ชัดใสระดับ 100KHz เปิดมิติใหม่ของการฟังเพลงที่ลึกซึ้งเป็นธรรมชาติแบบ    Hi-Res Audio      

 MDR-Z7-with-PHA-3-and-Player

MDR-Z7 จะให้คุณลักษณะเสียงที่แผ่กว้าง ให้สัมผัสถึงประสบการณ์ในการฟังแบบ มิติ ถ่ายทอดทุกย่านความถี่เสียงได้อย่างเที่ยงตรง น้ำเสียงมีความอวบอิ่มสดใส เหมาะกับเสียงเพลงหลากสไตล์ด้วยกรวยเสียงแบบคริสตัลโพลิเมอร์ ที่เคลือบด้วยอลูมิเนียม (aluminium-coated Liquid Crystal Polymer diaphragmsช่วยลดความเพี้ยนของสัญญาณเสียง พร้อม Beat Response Control ที่ช่วยเพิ่มคุณภาพเสียงเบส ควบคุมแรงสั่นของกรวยเสียงให้สอดคล้องกับจังหวะ และความเร็ว แรงของเบส และยังออกแบบให้สวมใส่สบายไม่เจ็บหูเมื่อฟังนาน ๆ อีกด้วย MDR-Z7 ยังใช้สายกราวด์แยก เส้น ช่วยในการขับเสียงข้างซ้ายขวาให้มีประสิทธิภาพขึ้น ช่วยปรับสมดุลย์ของสัญญาณเสียงที่ออกมา และสายหูฟังยังสามารถถอดได้อีกด้วย

MDR-1A ระดับ Hi-Res Audio เป็นหูฟังคุณภาพเยี่ยมที่เหมาะสำหรับใช้งานแบบพกพา ที่บรรจุหลายเทคโนโลยีชั้นยอดที่ใช้ในรุ่น MDR-Z7 อาทิ ไดรเวอร์ขับเสียงขนาด 40mm พร้อมด้วยกรวยเสียงแบบคริสตัลโพลิเมอร์ที่เคลือบด้วยอลูมิเนียม (aluminium-coated Liquid Crystal Polymer diaphragmsและสายสัญญาณแบบ silver-coated OFC (Oxygen Free Copper) พร้อมสายดินแยก

            MDR-1ADAC เป็นหูฟัง Hi-Res Audio ที่เหมาะสำหรับการใช้งานทั้งที่บ้าน และพกพา มาพร้อมตัว D/A convertor ที่จะแปลงสัญญาณดิจิตอลเป็นอนาล็อก รองรับสัญญาณรายละเอียดสูงได้ถึง 192 kHz/24 bit หรือ DSD 2.8MHz/5.6MHz. ระบบเลือกแหล่งสัญญาณแบบอัตโนมัติ (Auto input selection) ยังช่วยให้ใช้งานกับอุปกรณ์ต่าง ๆ สะดวกรวดเร็วขึ้น และสามารถใช้งานร่วมกับ Walkman® และสมาร์ทโฟน Xperia™ ในรุ่นที่รองรับการทำงานร่วมกัน รวมทั้ง PCs, iPod, iPad and iPhone (โดยผ่าน Lightning Digital AV Adapter) ในขณะที่ S-Master HX™ digital amplifier ยังช่วยรักษาคุณภาพเสียงให้คมชัดบริสุทธิ์ สามารถชาร์จด้วย USB battery charging ใช้ฟังเพลงระดับ High-Resolution ได้นานถึง 7.5 ชั่วโมง

 

 

XBA Hybrid headphones

 

XBA-Z5_off-1200

 

XBA-Z5


            XBA-Z5 เป็นหูฟัง Hi-Res Audio ชั้นเยี่ยมแบบ in-ear ที่ให้สัมผัสถึงมิติการฟังเพลงชั้นเลิศไม่แพ้หูฟังแบบครอบหูข้างต้น ให้ความรู้สึกสมจริงราวกับได้ฟังดนตรีสด ๆ ด้วย HD Hybrid three-way driver system ประกอบด้วยไดนามิค ไดรเวอร์ขนาด 16mm 1 ตัว และไดรเวอร์แบบ Balanced Armature 2 ตัว เป็นต้วขับแบบ full range และ magnesium HD super tweeter ที่ให้รายละเอียดเสียงคมชัดทุกย่านความถี่ตอบสนอง Hi-Res Audio ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

XBA-A3 และ XBA-A2 รองรับรายละเอียดระดับ Hi-Res Audio ประกอบด้วยไดรเวอร์ยูนิตแบบ HD Hybrid 3 ทางเช่นเดียวกัน (16mm/12mm dynamic driver unit 1 ตัว และ Balanced Armature driver units 2 ตัว) จึงให้เสียงเบสที่ลึก และเสียงสูงที่สดใส มีความเป็นดนตรีสูง ในขณะที่ XBA-A1 (ไม่รองรับสัญญาณระดับ Hi-Res Audio) ยังคงให้เสียงร้องที่คมชัด และเสียงเบสที่นุ่มนวลด้วยไดรเวอร์ยูนิตแบบ HD Hybrid 2 ทาง ประกอบด้วย ไดนามิคไดรเวอร์ขนาด 9mm. 1 ตัว และ ไดรเวอรยูนิตแบบ Balanced Armature 1 ตัว

 

หูฟังแบบ in-ear รุ่นใหม่ทุกรุ่นล้วนใช้ Linear Drive Balanced Armature ที่พัฒนาขึ้นใหม่เพื่อปรับปรุงค่าความสัมพันธ์เชิงเส้นการสั่นไหวของระบบกลไก เพื่อให้เสียงในย่านความถี่ช่วงกลาง และสูง มีความคมชัด ผ่านการเชื่อมต่อโดยตรงระหว่าง ไดรเวอร์ armature และกรวยเสียง (diaphragm)

 

            ทั้งนี้ เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์ในการฟังเพลงอันสุนทรีย์ในรูปแบบ Hi-Res Audio อย่างแท้จริง จึงได้จัดสายสัญญาณ MUC เป็นของสมนาคุณพิเศษสำหรับลูกค้าที่ซื้อหูฟังรุ่น MDR-Z7 และ XBA-Z5 โดยเฉพาะ โดยในรุ่น MDR-Z7 จะได้รับสายสัญญาณรุ่น MUC-B Series (มูลค่าประมาณ 8,000 บาท) ที่โซนี่ได้พัฒนาร่วมกับ Kimber Kable®[1] ผู้ผลิตสายสัญญาณคุณภาพระดับโลกซึ่งมีชื่อเสียงตั้งแต่ปี ค.ศ. 1979 ในการพัฒนาสายสัญญาณซีรี่ส์นี้โดยเฉพาะ จึงมั่นใจได้ในคุณภาพ และความแข็งแรงทนทาน ส่วนผู้ซื้อหูฟังรุ่น XBA-Z5 จะได้รับสายสัญญาณรุ่น MUC-M Series (มูลค่าประมาณ 3,000 บาท) ทั้งนี้สายสัญญาณทั้ง รุ่นดังกล่าวยังไม่ได้วางจำหน่ายในตลาดเมืองไทย

หูฟัง Hi-Res Audio ทั้ง รุ่น จะเริ่มทยอยวางจำหน่ายตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม ศกนี้ เป็นต้นไป ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ข้อมูลโซนี่ โทร 02-715-6100 หรือเยี่ยมชม www.sony.co.th และทดลองประสิทธิภาพเพื่อสัมผัสประสบการณ์ฟังเพลงอีกระดับจากผลิตภัณฑ์ Hi-Res Audio ได้ที่โชว์รูมโซนี่ สโตร์ ทุกสาขา และที่ร้านโซนี่ เซ็นเตอร์

 

Screen Shot 2557-10-29 at 10.48.46 PM

 

from:http://www.flashfly.net/wp/?p=105115