คลังเก็บป้ายกำกับ: IBM_FLASHSYSTEM_5200

รับมือกับภัยคุกคามไซเบอร์และปกป้องสำเนาข้อมูลจาก Ransomware ด้วย IBM FlashSystem Cyber Vault

Storage เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของระบบ IT ในยุคดิจิทัล แต่จะมี Storage ใดบ้างที่สามารถปกป้องข้อมูลและกู้คืนข้อมูลจากสถานการณ์เลวร้ายได้ Data Resilience กลายเป็นคุณสมบัติสำคัญของ Storage ในยุคที่การโจมตีไซเบอร์ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น บทความนี้ System Dot Com (SDC) จะพาไปรู้จักกับ IBM FlashSystem Cyber Vault กรอบการทำงานแบบอัตโนมัติสำหรับปกป้องข้อมูลบน IBM FlashSystem Storage จากการโจมตีไซเบอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Ransomware

Ransomware: ภัยคุกคามข้อมูลดิจิทัลที่ไม่อาจมองข้ามได้

ในยุคปัจจุบัน ภัยคุกคามที่เกี่ยวกับการละเมิดข้อมูล เช่น การโจรกรรมข้อมูลหรือการเข้ารหัสข้อมูลเพื่อเรียกค่าไถ่ ต่างทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น และส่งผลกระทบต่อมูลค่าของธุรกิจทั้งทางตรงและทางอ้อม ไม่ว่าจะเป็นการทำให้ธุรกิจหยุดชะงัก การเสื่อมเสียชื่อเสียง การถูกฟ้องร้องจากกรณีข้อมูลส่วนบุคคลหลุดสู่สาธารณะ เมื่อตีราคาความเสียหายเหล่านี้ออกมาจะพบว่าเป็นมูลค่าความเสียหายที่สูงมาก จนถึงขั้นอาจทำให้ธุรกิจต้องปิดตัวลง

สิ่งที่ควรตระหนักและตั้งคำถามถึง คือ ถ้าถูกโจมตีไซเบอร์ เช่น Ransomware หากไม่สามารถกู้ข้อมูลได้ภายใน 24 ชั่วโมง หรือข้อมูลที่กู้กลับมาได้เก่าเกินไป ระบบขององค์กรจะยังสามารถให้บริการต่อได้ทันทีหรือไม่? แล้วถ้าไม่สามารถเรียกคืนข้อมูลกลับมาได้เลยจะทำอย่างไร? การเลือกใช้ Storage ที่มีคุณสมบัติ Data Resilience จึงเป็นคำตอบที่ทำให้มั่นใจได้ว่า ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ก็จะสามารถกู้ข้อมูลกลับมาได้อย่างรวดเร็วและมั่นคงปลอดภัย ทำให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้แบบไม่มีสะดุด

“รู้หรือไม่ว่าการกู้คืนข้อมูลในปัจจุบันหลังจากถูก Ransomware โจมตี จะใช้เวลาโดยเฉลี่ยนานถึง 23 วันหรือมากกว่า 3 สัปดาห์” –– Coveware

รับมือกับภัยคุกคามไซเบอร์และปกป้องสำเนาข้อมูลจาก Ransomware ด้วย IBM FlashSystem Cyber Vault

IBM FlashSystem Cyber Vault เป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของ IBM ที่ถูกเพิ่มเข้าไปยัง IBM FlashSystem Storage เพื่อช่วยให้การตรวจจับ รับมือ และกู้คืนข้อมูลจากการโจมตี Ransomware ดำเนินไปได้โดยอัตโนมัติ IBM FlashSystem Cyber Vault ใช้ความสามารถของ IBM Safeguarded Copy เพื่อเก็บรักษาสำเนาข้อมูลจากการโจมตีและความผิดพลาดจากตัวบุคคล มาพร้อมกับแนวทางการตรวจสอบข้อมูล (Validation) และการกู้คืนข้อมูล (Recovery) ที่เร็วที่สุด เพื่อให้ระบบโปรดักชันขององค์กรกลับมาพร้อมให้บริการได้อย่างรวดเร็ว

คุณสมบัติเด่นของ IBM FlashSystem Cyber Vault ได้แก่

  • ช่วยตรวจจับการโจมตีไซเบอร์ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดความเสียหายต่อข้อมูลให้น้อยที่สุด
  • ตรวจสอบและกู้คืนข้อมูลที่สร้างเป็นสำเนาไว้อย่างมั่นคงปลอดภัยได้อย่างรวดเร็วเมื่อเกิดสถานการณ์เลวร้าย
  • ลดเวลาในการกู้คืนข้อมูลโดยรวมจากเป็นวันหรือสัปดาห์เหลือเพียงไม่กี่ชั่วโมง
  • ช่วยทำ Forensic Analysis และกำหนกแผนการดำเนินการกู้คืนระบบ

IBM FlashSystem Cyber Vault เป็นกรอบการทำงาน (Framework) ที่ดำเนินการได้โดยอัตโนมัติ ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน คือ

1. Immutable Copies of Data

การเก็บรักษาสำเนาที่ไม่เปลี่ยนรูป หรือก็คือจะไม่สามารถถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ เพื่อการันตีว่า เมื่อเกิดเหตุโจมตีไซเบอร์ เช่น Ransomware เข้ารหัสข้อมูล สำเนาข้อมูลจะไม่ถูก Ransomware แก้ไข ลบ หรือทำลายได้ ทำให้มั่นใจว่าจะยังคงมีสำเนาข้อมูลที่ถูกต้องเก็บไว้สำหรับการกู้คืนเสมอ ความสามารถในการสร้างและรักษาสำเนาข้อมูลให้คงสภาพเดิมไว้มีชื่อเรียกว่า IBM Safeguarded Copy ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่มาพร้อมกับ IBM FlashSystem 5200 Storage เป็นต้นไป

2. Proactive Monitoring

การผสานงานร่วมกับ IBM Storage Insights ซึ่งเป็น Cloud-based Storage Management ของ IBM ทำให้องค์กรสามารถติดตาม Data Reduction Ratios และ Capacity Ratios รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงของประสิทธิภาพการทำงานได้ ซึ่งจะเป็นตัวบ่งชี้ว่าข้อมูลกำลังถูก Ransomware เข้ารหัสหรือไม่ ช่วยให้ตรวจจับการโจมตีและหาทางรับมือได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังสามารถผสานงานร่วมกับ IBM Qradar ซึ่งเป็นระบบ SIEM ให้ช่วยสั่ง Storage ทำสำเนาข้อมูลทันทีที่พบการโจมตีได้อีกด้วย เพื่อให้สำเนาข้อมูลที่บันทึกไว้เป็นช่วงเวลาล่าสุดก่อนที่จะเกิดการโจมตีขึ้น เมื่อกู้คืนข้อมูลกลับมาก็สามารถให้บริการต่อได้ทันที

3. Test and Validation of Data Copies

การทดสอบเพื่อตรวจสอบหาข้อผิดพลาดของสำเนาข้อมูลว่า หลังจากกู้คืนแล้ว สามารถใช้งานข้อมูลได้ปกติหรือไม่ โดยสามารถทำได้ทั้งบนอุปกรณ์เดิมที่มีอยู่แล้ว (สำหรับองค์กรที่มีทรัพยากรจำกัด) หรือแยกเป็นอีกระบบสำหรับทดสอบการกู้คืนโดยเฉพาะก็ได้ นอกจากนี้ยังสามารถให้เจ้าของข้อมูลเป็นผู้ตรวจสอบก่อนนำไปใช้งานจริงด้วยกระบวนการตรวจสอบข้อมูลที่มีอยู่แล้วขององค์กรได้อีกด้วย

4. Rapid Recovery

เมื่อทดสอบสำเนาข้อมูลจนแน่ใจแล้วว่าไม่ข้อผิดพลาดใดๆ จะทำการกู้คืนข้อมูลกลับไปยัง Production เพื่อให้ระบบพร้อมกลับมาทำงานให้บริการต่อไปด้วยเวลาไม่กี่นาทีหรือระดับชั่วโมง ย่ิงกู้ระบบกลับคืนมาได้เร็วเท่าไหร่ ยิ่งสามารถรักษาชื่อเสียงขององค์กรได้มากเท่านั้น

ด้วยการทำงานอย่างอัตโนมัติของ IBM FlashSystem Cyber Vault ซึ่งสนับสนุนโดย IBM Safeguarded Copy ทำให้องค์กรสามารถตรวจสอบและกู้คืนข้อมูลจากสำเนาข้อมูลที่ถูกเก็บรักษาไว้อย่างมั่นคงปลอดภัยได้อย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่นาทีหรือระดับชั่วโมงเท่านั้น ที่สำคัญคือสำเนาข้อมูลที่ทำไว้ยังเป็นข้อมูลล่าสุดก่อนเกิดเหตุโจมตีอีกด้วย ช่วยให้หลังจากกู้ระบบกลับคืนมาแล้ว จะสามารถใช้งานต่อได้ทันที ต่างจากระบบสำรองและกู้คืนข้อมูลทั่วไปที่ใช้เวลาในการกู้คืนนานกว่ามาก ข้อมูลไม่ล่าสุด และเสี่ยงถูก Ransomware โจมตีตามไปด้วย

IBM FlashSystem 5200 – NVMe Flash Storage สมรรถะสูงในราคาที่คุ้มค่าที่สุด

IBM FlashSystem Cyber Vault เป็นฟีเจอร์เสริมด้านความมั่นคงปลอดภัยที่มีให้บริการบน IBM FlashSystem Storage ตั้งแต่รุ่น 5200 เป็นต้นไป แม้ว่าในปัจจุบันจะมีทางเลือกไปใช้ Hyper-converged Infrastructure (HCI) ที่มาพร้อมทั้งส่วน Compute, Network และ Storage ครบจบในตัว แต่ยังมี Mission Critical Applications อีกหลายประเภทที่ยังไม่รองรับการทำงานบนระบบ HCI หรือรองรับแต่ก็มีข้อจำกัดที่ค่อนข้างยุ่งยาก Flash Storage สมรรถนะสูงที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ด้านความมั่นคงปลอดภัยอาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า

การเลือกใช้ระบบ Storage ก็เปรียบเสมือนกับการซื้อบ้าน (HCI เป็นบ้านเดี่ยว Smart Home) ที่มีระบบต่างๆ มาพร้อมกับตัวบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเซ็นเซอร์ตรวจจับขโมย ระบบไฟเปิดปิดอัตโนมัติ ระบบปรับอากาศตามสภาพแวดล้อม หรือระบบสั่งการผ่านมือถือ ซึ่งผู้ใช้แทบไม่สามารถปรับแต่งอะไรได้เลย ต้องใช้งานในรูปแบบที่จัดมาให้เท่านั้น กลับกัน IBM FlashSystem Storage เสมือนเป็นบ้านเดี่ยวที่มาพร้อมฟังก์ชันการใช้งานพื้นฐาน ได้ขนาดเทียบเท่า HCI แต่ในราคาที่ถูกกว่า ทำให้มีงบประมาณเหลือเพียงพอที่จะตกแต่งบ้านตามความต้องการของตนเองได้ อาทิ ขยายห้องเก็บของ ทำครัวไทย ปรับแต่งโรงรถ เป็นต้น

IBM FlashSystem 5200 เป็น NVMe Flash Storage ระดับ Enterprise-class ที่มีขนาดเพียง 1U เท่านั้น ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มความเร็วในการประมวลผลข้อมูลโดยเฉพาะ บริหารจัดการง่าย มีความยืดหยุ่น รองรับการใช้งานกับระบบ Mission Critical เช่น SAP, Oracle, Server & Desktop Virtualization, Production Database, Containers และ Data Center Edge ทั้งยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ด้านความมั่นคงปลอดภัยแบบครบครัน ความทนทานสูงถึงระดับ 99.9999% ในราคาที่คุ้มค่า เหมาะสำหรับองค์กรทุกขนาดในยุคที่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงด้านการโจมตีไซเบอร์

รายละเอียดเพิ่มเติม: https://www.ibm.com/products/flashsystem-5200

สำหรับองค์กรที่มีงบประมาณจำกัด อาจมอง IBM FlashSystem 5000 ซึ่งเป็น Flash Storage ระดับ Entry Enterprise ความคุ้มค่าสูงและมีฟีเจอร์พื้นฐานไม่ต่างจาก IBM FlashSystem 5200 สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ibm.com/products/flashsystem-5000

SDC พร้อมให้บริการโซลูชันจาก IBM แบบครบวงจร

Systems Dot Com (SDC) เป็นผู้ให้บริการด้านระบบ IT Infrastructure แบบครบวงจรมานานกว่า 20 ปี มีกลุ่มพาร์ทเนอร์ที่พร้อมส่งเสริมและสนับสนุนการให้บริการลูกค้ากว่า 20 ราย ทั้งยังเป็น Business Partner ของ IBM ในระดับ Gold อีกด้วย พร้อมให้บริการโซลูชัน IBM FlashSystem Storage ครอบคลุมตั้งแต่การวิเคราะห์ความต้องการเชิงธุรกิจ การจัดหาโซลูชันที่เหมาะสม การออกแบบและติดตั้งระบบ Storage ไปจนถึงการสนับสนุนหลังการขายและบริการ MA ด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการอบรมและได้ใบรับรองจากเจ้าของผลิตภัณฑ์

ปัจจุบันนี้ SDC มีลูกค้าที่ใช้บริการด้านระบบ IT Infrastructure ภายใต้การดูแลของ SDC มากกว่า 300 รายในทุกอุตสาหกรรม มีประสบการณ์ในการติดตั้งและดูแล IBM FlashSystem Storage สำหรับใช้งานทั้งในระบบ Mission Critical และ Main Production ที่ต้องการสมรรถะและความมั่นคงปลอดภัยที่สูง

สนใจโซลูชัน IBM FlashStorage และ IBM FlashSystem Cyber Vault ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-744-1600 หรือ LINE: @sdc_executive

from:https://www.techtalkthai.com/protect-your-data-from-ransomware-with-ibm-flashsystem-cyber-vault/

IBM FlashSystem 5200: All Flash Storage เอนกประสงค์ ตอบโจทย์ทุก Workload ในหนึ่งเดียว กับโปรโมชันพิเศษในราคาเพียง 1 ล้านต้นๆ เท่านั้น!

การมาของเทคโนโลยี All Flash Storage นั้นไม่เพียงแต่จะทำให้ธุรกิจองค์กรสามารถใช้ประโยชน์จากการนำข้อมูลไปวิเคราะห์ได้อย่างเต็มที่เท่านั้น แต่ยังช่วยให้องค์กรสามารถลดค่าใช้จ่ายโดยรวมของระบบ Storage ในองค์กรได้ด้วยการควบรวมหลายระบบเข้ามาอยู่ภายในระบบ Storage เพียงชุดเดียวที่มีประสิทธิภาพสูงมากได้ด้วยเช่นกัน

IBM FlashSystem 5200 ก็เป็นอีกหนึ่ง All Flash Storage รุ่นหลักของ IBM ที่ธุรกิจองค์กรจำนวนมากทั่วโลกเลือกใช้งาน ทั้งด้วยประสิทธิภาพที่สูง, ความสามารถที่หลากหลาย, ขนาดที่เล็ก และราคาที่คุ้มค่า

สำหรับธุรกิจองค์กรใดที่กำลังสนใจระบบ All Flash Storage อยู่ บทความนี้เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับ IBM FlashSystem 5200 กันโดยละเอียด พร้อมแนะนำโปรโมชันราคาพิเศษจาก Metro Systems ให้เลือกใช้งานกันครับ

IBM FlashSystem 5200: ครบเครื่องเรื่องประสิทธิภาพและความสามารถ ในขนาดเพียงแค่ 1U

Credit: IBM

IBM FlashSystem 5200 นี้เป็น All Flash System ที่มีขนาดเพียงแค่ 1U เท่านั้น แต่สามารถรองรับการติดตั้งได้ทั้ง NVMe, IBM FlashCore และ SCM เพื่อให้รองรับประสิทธิภาพได้ในทุกระดับสำหรับอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่เป็น Flash ทำให้สามารถประยุกต์ใช้งานได้ใน Workload ที่หลากหลาย และรองรับการเพิ่มขยายประสิทธิภาพได้เป็นอย่างดีในระยะยาว

ภายใน IBM FlashSystem 5200 นี้ ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี IBM Spectrum Virtualize ที่ช่วยให้สามารถบริหารจัดการอุปกรณ์ Enterprise Storage จากผู้ผลิตหลายรายร่วมกันได้ในหนึ่งเดียว และใช้งานอุปกรณ์ Storage เหล่านี้ร่วมกันได้เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าสูงสุด ไม่ต้องทิ้งอุปกรณ์ Storage เก่าที่เคยใช้งานแต่อย่างใด แต่ยังเก็บไว้ใช้งานต่อไปได้อีกยาวนาน และช่วยให้ความทนทานของระบบสูงถึง 99.9999% ได้เลยทีเดียว

นอกจากนี้ ทาง IBM ยังให้ IBM Storage Insights ระบบ AI สำหรับช่วยดูแลการใช้งานและบริหารจัดการ IBM FlashSystem 5200 มาด้วย เพื่อให้ประสิทธิภาพการทำงานของระบบนั้นถูกปรับแต่งโดยอัตโนมัติให้ทำงานได้เต็มศักยภาพอยู่เสมอ

แน่นอนว่า IBM FlashSystem 5200 นี้ยังถูกออกแบบมาให้สามารถใช้งานได้เป็นอย่างดีในระยะยาว ด้วยการรองรับการทำ Hybrid Cloud ได้อย่างเต็มตัวด้วยการทำงานร่วมกับ IBM Cloud และ AWS ได้ รวมถึงยังสามารถเชื่อมผสานระบบเข้ากับ Red Hat OpenShift และ Kubernetes สำหรับรองรับ Container และต่อยอดไปสู่ภาพของ Multicloud ได้อย่างครบวงจร

ผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ IBM FlashSystem 5200 สามารถศึกษาข้อมูลได้ที่ https://www.ibm.com/products/flashsystem-5200

โปรโมชันพิเศษจาก Metro Systems! เป็นเจ้าของ IBM FlashSystem 5200 ได้ ในราคาเพียงล้านต้นๆ เท่านั้น!

สำหรับผู้ที่สนใจใช้งาน IBM FlashSystem 5200 ทาง Metro Systems ได้จัดโปรโมชันพิเศษให้ทุกท่านเป็นเจ้าของ IBM FlashSystem ได้ในราคาสุดคุ้ม ดังนี้

  • IBM FlashSystem 5200 Upto 144,000 IOPS ความจุ 37TB Effective Capacity บน IBM Flash Core Module
  • IBM FlashSystem 5200 Upto 286,000 IOPS ความจุ 167TB Effective Capacity บน IBM Flash Core Module

ทั้งสองโปรโมชันนี้มาพร้อมกับประกันแบบ Expert Care Advanced ระยะเวลา 3 ปี

สนใจโซลูชัน IBM FlashSystem หรือโซลูชัน Storage อื่นๆ ของ IBM ติดต่อ Metro Systems Corporation Public Company Limited ได้ทันทีที่อีเมล dsgmkt@metrosystems.co.th หรือโทร 02-089-4994

.

from:https://www.techtalkthai.com/ibm-flashsystem-5200-all-flash-storage-promotion-by-metro-systems/

การเลือก Enterprise Storage ที่ดีสำหรับปี 2021 ควรเลือกอย่างไร? โดย Computer Union

ปี 2021 นี้คงเป็นอีกปีที่หลายๆ ธุรกิจองค์กรต้องเริ่มมองหาระบบ IT Infrastructure ใหม่ภายใน Data Center เพื่อเตรียมรับมือต่อการทำงานในอนาคต ที่นอกจากธุรกิจองค์กรจะต้องเปิดให้พนักงานและผู้บริหารทำงานได้จากทุกที่ทุกเวลาแล้ว การทำ Digitization เปลี่ยนทุกกระบวนการในธุรกิจมาสู่ดิจิทัลเองก็ถือเป็นอีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน

เพื่อให้รองรับต่อความต้องการเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบจัดเก็บข้อมูลที่มีความรวดเร็ว มั่นคงทนทาน มั่นคงปลอดภัย และใช้งานได้ง่ายนั้นถือเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้ทุกบริการทางด้าน IT ไม่สะดุดติดขัด และในบทความนี้ Computer Union ก็จะมาสรุปถึงคุณสมบัติที่ดีที่ระบบ Enterprise Storage ต้องมีในปี 2021 และแนะนำโซลูชัน IBM FlashSystem 5200 รุ่นใหม่ล่าสุด ที่จะมาช่วยตอบโจทย์ให้กับธุรกิจองค์กรได้อย่างคุ้มค่าสูงสุด

3 ความสามารถที่ระบบ Enterprise Storage ในยุค 2021 ต้องมี

การทำหน้าที่เป็นเพียงแค่อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลนั้นไม่เพียงพอสำหรับระบบ Enterprise Storage อีกต่อไปแล้ว แต่ความสามารถอื่นๆ ที่จะช่วยปกป้องข้อมูล, เพิ่มความคุ้มค่าในการใช้งาน และการรองรับ Workload ที่หลากหลายนั้นได้กลายมาเป็นปัจจัยที่สำคัญไม่แพ้กันในการคัดเลือกโซลูชัน Storage ที่เหมาะสมที่สุดในการใช้งานทุกวันนี้ไปแล้ว โดยคุณสมบัติ 3 ประการหลักๆ ดังต่อไปนี้ คือสิ่งที่ทุกธุรกิจองค์กรควรต้องพิจารณาเมื่อจะจัดซื้ออุปกรณ์ Storage สมัยใหม่

1. ช่วยให้การพัฒนา และการดูแลรักษาระบบ Application ง่ายดายยิ่งขึ้น

ด้วยสถาปัตยกรรมของระบบ Application ที่เปลี่ยนไปมีความซับซ้อนสูงยิ่งขึ้นกว่าในอดีต ระบบ Enterprise Storage ที่ดีจึงควรมีความสามารถที่จะช่วยให้การรองรับ Application สมัยใหม่นั้นเป็นไปได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้นกว่าเดิม ดังนี้

  • รองรับการใช้งานแบบ Hybrid Cloud ได้อย่างเต็มตัว โดยไม่ว่าธุรกิจองค์กรจะเลือกใช้งานบริการ Cloud ใด ประสบการณ์ในการบริหารจัดการ Storage บน Cloud นั้นๆ กับระบบที่ติดตั้งใช้งานในองค์กรก็ควรต้องเป็นรูปแบบเดียวกัน เพื่อให้ง่ายต่อการบริหารจัดการ และการย้ายข้อมูลได้อย่างสะดวก
  • สามารถทำงานร่วมกับระบบที่ฝ่าย DevOps ใช้ได้อย่างสมบูรณ์ ช่วยให้ไม่ว่าการพัฒนาระบบ Application จะเกิดขึ้นที่ใด การ Deploy ระบบเพื่อใช้งานจริงก็ต้องเกิดขึ้นได้ และสามารถช่วยปกป้องข้อมูลของระบบ DevOps เหล่านั้นได้อยู่เสมอ
  • รองรับ Workload ได้ทั้งแบบ Physical, Virtualized และ Container เพื่อให้ระบบเดียวสามารถรองรับงานได้หลากหลาย ใช้งานได้คุ้มค่าไม่ว่าองค์กรจะมีกลยุทธ์ในการเพิ่มขยายระบบในรูปแบบใดก็ตาม

2. ช่วยให้ระบบ IT Infrastructure มีความคุ้มค่าสูงยิ่งขึ้น ด้วยประสิทธิภาพที่ดี และการลงทุนที่ยืดหยุ่น

ระบบ Enterprise Storage สมัยใหม่นี้มักมีความสามารถที่หลากหลายเพื่อช่วยให้การใช้งานนั้นเป็นไปได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และช่วยเพิ่มความคุ้มค่าในการใช้งานระยะยาวมาให้ในตัว ดังนั้นการเลือกระบบ Enterprise Storage ที่มีความสามารถที่เหมาะสมก็จะช่วยให้การดำเนินกลยุทธ์ด้านระบบ IT และ Digital Transformation นั้นราบรื่นตามไปด้วย

  • รองรับมาตรฐานสมัยใหม่เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการทำงานสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการรองรับ NVMe ได้แบบครบวงจรตั้งแต่ Disk ไปจนถึงการเชื่อมต่อกับ Server, การรองรับ Storage-Class Memory (SCM) หรือการรองรับเทคโนโลยี RDMA ในรูปแบบต่างๆ โดยตัว Flash ที่ใช้งานนั้นก็ควรมีการออกแบบเทคโนโลยีที่เหมาะสม เพื่อให้ดึงประสิทธิภาพของ Flash ออกมาใช้งานได้อย่างคุ้มค่าสูงสุด
  • มีเทคโนโลยี Data Reduction ระดับสูงเพื่อช่วยให้การจัดเก็บข้อมูลเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีการใช้งานระบบ AI เพื่อช่วยให้การเพิ่มความคุ้มค่าในการใช้งานระบบ Storage เช่นการบริหารจัดการการทำ Tiering หรือการแนะนำด้านการปรับปรุงประสิทธิภาพ
  • มีความสามารถที่จะช่วยเพิ่มความมั่นคงทนทานให้กับข้อมูลที่เหนือกว่าเพียงแค่การทำ RAID ทั่วๆ ไป เช่น Snapshot, Disaster Recovery และการทำ Replication ได้หลายสาขา เพื่อให้ธุรกิจองค์กรมีทางเลือกในการปกป้องข้อมูลหรือระบบงานสำคัญ ต่อยอดสู่การทำ Business Continuity ได้โดยที่ค่าใช้จ่ายไม่บานปลาย
  • เลือกลงทุนในแบบที่คิดค่าใช้จ่ายตามการใช้งานจริงได้ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งจากการลงทุนจัดซื้อระบบแบบปกติ เพื่อให้ธุรกิจองค์กรมีทางเลือกในการลงทุนที่ยืดหยุ่นสำหรับโครงการ Digital Transformation ใหม่ๆ ที่มีแนวโน้มจะต้องขยายระบบอย่างต่อเนื่อง หรือการลงทุนระบบในหลายสาขาพร้อมๆ กันได้อย่างเหมาะสม

3. ช่วยให้การดูแลรักษาระบบ IT Infrastructure ใช้เวลาน้อยลง เพิ่มศักยภาพให้กับทีมผู้ดูแลระบบ IT

อีกหนึ่งสิ่งที่ระบบ Enterprise Storage นั้นได้พัฒนามาอย่างรวดเร็วในช่วงระยะหลังนี้ก็คือเรื่องของความง่ายดายในการใช้งาน ซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญทีเดียว เพราะเดิมทีระบบ Storage นั้นมักใช้งานยาก มีความซับซ้อนสูง แต่ก็เป็นระบบที่มีความสำคัญและห้ามเกิดความผิดพลาดในการบริหารจัดการ ดังนั้นการเลือกระบบ Storage ที่ใช้งานได้ง่าย ก็จะช่วยลดภาระของฝ่าย IT ในการดูแลรักษาและบริหารจัดการระบบลงไปได้มากทีเดียว

  • สามารถตรวจสอบและบริหารจัดการการทำงานของระบบ Storage ทั้งแบบ On-Premises และบน Cloud ได้จากศูนย์กลาง และหากสามารถบริหารจัดการอุปกรณ์ Storage หลายยี่ห้อร่วมกันได้ก็จะยิ่งเป็นประโยชน์มากขึ้นสำหรับธุรกิจองค์กรที่มีขนาดใหญ่ หรือมีระบบที่หลากหลาย
  • มีระบบ Predictive Analytics ช่วยในการดูแลรักษาระบบ Storage เพื่อทำนายแนวโน้มล่วงหน้าว่าระบบกำลังจะมีปัญหาหรือมีทรัพยากรไม่พอและแจ้งเตือนได้ ทำให้องค์กรสามารถจัดการกับประเด็นเหล่านั้นก่อนที่จะเกิดปัญหา และลด Downtime ของระบบได้เป็นอย่างดี
  • มีเทคโนโลยีในการเข้ารหัสข้อมูลได้ และมีเทคโนโลยีปกป้องจากภัยคุกคามและการโจมตี เพื่อช่วยลดความเสี่ยงด้านความมั่นคงปลอดภัย หรือกรณีข้อมูลสูญหายจาก Ransomware
  • มีเครื่องมือในการทำ Data Migration หรือ Data Movement เพื่อให้การย้ายข้อมูลหรือระบบงานต่างๆ บน Hybrid Cloud เป็นไปได้อย่างง่ายดาย

จะเห็นได้ว่าหากระบบ Enterprise Storage ที่เลือกใช้งานมีคุณสมบัติเหล่านี้อย่างครบถ้วน การใช้งานจริงนั้นก็จะทำให้ธุรกิจองค์กรมีความคุ้มค่า ลดความเสี่ยงลงได้ และมีความยืดหยุ่นเปิดรับต่อการใช้งานเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมใหม่ๆ ได้อย่างต่อเนื่องยาวนาน

IBM FlashSystem 5200 รุ่นล่าสุด ตอบทุกโจทย์ความต้องการ Enterprise Storage ได้ในหนึ่งเดียว

credit : IBM

IBM FlashSystem 5200 คือโซลูชันระบบ Enterprise Storage ในระดับ Entry ที่มีความสามารถอย่างครบถ้วนในการตอบทุกโจทย์ความต้องการของระบบ Storage สำหรับธุรกิจองค์กร ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นดังนี้

  • มีขนาดเพียง 1U Rackmount รองรับการติดตั้ง NVMe Flash ได้ 12 ชุด โดยสามารถเพิ่มขยายความจุผ่าน Expansion Enclosure ได้
  • มี Cache ขนาด 64GB – 512GB ต่อ Controller
  • สามารถทำ 4-way Cluster รวมกันได้ 4 Controller ด้วย Cache ขนาดสูงสุด 2.048TB
  • รองรับ Flash ได้หลากหลายรูปแบบ ได้แก่ FlashCore Model (FCM), Storage Class Memory (SCM) และ NVMe SSD ทั่วไป ตอบโจทย์ Workload ได้หลากหลาย
  • จัดเก็บข้อมูลได้อย่างคุ้มค่าด้วยเทคโนโลยี Data Reduction
  • รองรับการใช้งานแบบ Hybrid Cloud ด้วยการทำงานร่วมกับบริการ Cloud ชั้นนำและบริหารจัดการร่วมกันได้
  • มั่นคงทนทานในระดับ 99.9999% ด้วย IBM Spectrum Virtualize
  • สามารถทำงานร่วมกับ Storage อื่นๆ ได้มากกว่า 500 รุ่นจากผู้ผลิตหลายราย และทำการย้ายข้อมูลระหว่างกันได้อย่างอิสระ
  • รองรับการเชื่อมต่อใช้งานได้หลากหลาย ทั้ง NVMe/FC และ iSCSI Extension for RDMA
  • ทำงานร่วมกับ VMware, Red Hat OpenShift และ Kuberentes ได้
  • มี IBM Storage Insights ระบบ AI ที่จะช่วยตรวจสอบและแนะนำด้านการจัดการประสิทธิภาพและทรัพยากรของระบบ Storage
  • สามารถทำ Snapshot, Remote Replication, Cloud Migration และ 3-Site Replication ได้ในตัว
  • สามารถทำการเข้ารหัสข้อมูลได้

ในผลิตภัณฑ์ตระกูล IBM FlashSystem นี้ IBM FlashSystem 5200 ถือเป็นรุ่น Entry Storage ที่มีประสิทธิภาพสูง และมีความสามารถเทียบเท่า IBM FlashSystem รุ่นใหญ่ทั้งหมด เรียกได้ว่าเป็นรุ่นที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ธุรกิจที่ต้องการมองหาโซลูชันที่มีความคุ้มค่าสูงพร้อมรองรับการเพิ่มขยายในอนาคตได้โดยเฉพาะนั่นเอง

ผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ IBM FlashSystem 5200 สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ibm.com/products/flashsystem-5200

IBM FlashSystem 5015 และ 5035 สำหรับธุรกิจองค์กรที่มองหา Storage ที่เน้นความคุ้มค่า แต่ยังคงมีความสามารถที่หลากหลาย

credit : IBM

สำหรับธุรกิจองค์กรที่อาจจะไม่ได้มีแผนที่จะต้องขยายระบบ Storage เพียงชุดเดียวมากนัก IBM ก็ยังมี IBM FlashSystem 5015 และ 5035 เข้ามาตอบโจทย์นี้ได้

IBM FlashSystem 5015 จะเป็น Entry Level Storage รุ่นเล็กสุดในตระกูล IBM FlashSystem 5000 ที่สามารถทำงานร่วมกับ VMware และ Red Hat OpenShift ได้, สามารถปกป้องข้อมูลด้วยการทำ Snapshot/DR/3-Site Replication ได้, สามารถทำ Cloud Migration ได้, มี AI ช่วยทำ Automated Tiering และมีเครื่องมือในการทำ Data Migration มาให้พร้อมใช้งาน

แต่สำหรับธุรกิจองค์กรที่มองหาการเพิ่มขยายและการตอบโจทย์ PDPA ได้ในตัว IBM FlashSystem 5035 ก็คือโซลูชันที่จะมาตอบโจทย์นี้ได้ โดยการรองรับทุกความสามารถที่ IBM FlashSystem 5015 ทำได้ และเพิ่มการทำ Data Reduction Pool, Scale-Out Clustering, HyperSwap HA และ Encryption เข้ามานั่นเอง

อย่างไรก็ดี หากธุรกิจต้องการระบบ Storage ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ก็อาจต้องพิจารณา IBM FlashSystem 5200/7200/9200/9200R ที่สามารถใช้ NVMe Flash, FC-NVMe, Storage Class Memory และ IBM FCM ได้แทน

ผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ IBM FlashSystem 5015 และ IBM FlashSystem 5035 สามารถศึกษาข้อมูลได้ที่ https://www.ibm.com/products/flashsystem-5000

สนใจโซลูชันจาก IBM ติดต่อทีมงาน Computer Union ได้ทันที

สำหรับผู้ที่สนใจโซลูชันใดๆ ของ IBM สามารถติดต่อทีมงาน Computer Union เพื่อรับข้อมูลเพิ่มติมหรือขอคำปรึกษาได้ทันทีผ่านช่องทางดังนี้

Email : cu_mkt@cu.co.th

Tel : 02 311 6881 #7151, 7158

ข้อมูลเพิ่มเติม power-hybrid-cloud (ibm.com)

from:https://www.techtalkthai.com/enterprise-storage-for-2021-by-computer-union/

IBM เปิดตัว FlashSystem 5200

IBM ได้ปล่อยผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Storage ตัวใหม่หรือ FlashSystem 5200 ออกมาแล้ว

credit : IBM

FlashSystem 5200 ถูกออกแบบมาสำหรับงานแบบ Hybrid Cloud, Remote Office และ Edge Computing อย่างแท้จริง โดยสามารถเชื่อมต่อกับ Microsoft Azure และ AWS ได้ รวมถึงรองรับการทำงานกับ Red Hat OpenShift, Ansible, Kubernetes และ VMware หรือใช้เป็น Container storage สำหรับ Kubernetes นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับเครื่องมือบริหารจัดการอย่าง BM Storage Insights, IBM Spectrum Virtualize และ IBM Hyperswap

โดย FlashSystem 5200 มีสเป็คเริ่มต้นที่ 38 TB และขยายได้สูงสุดถึง 1.7 PB ในขนาด 1U ในวาระเดียวกันนี้ IBM ยังได้ปล่อย FlashSystem 5015 และ 5035 ที่มีขนาด 2U ออกมาด้วย

ที่มา : https://www.zdnet.com/article/ibm-rolls-out-flashsystem-5200-aims-to-bring-high-end-storage-to-smaller-footprint/

from:https://www.techtalkthai.com/ibm-launches-flashsystem-5200/