คลังเก็บป้ายกำกับ: HUAWEI_MOBILE_SERVICES

HONOR เศร้า ยังไม่ได้ใบอนุญาตใช้ GMS ส่วนมือถือรุ่นเก่า ๆ เฮ ได้อัปเดตเป็น HarmonyOS

มีข่าวออกมาเรื่อย ๆ หลัง HUAWEI ประกาศขายแบรนด์ลูกอย่าง HONOR ว่ารายหลังได้ไปเปิดโต๊ะเจรจากับ Qualcomm เรื่องเตรียมกลับมาใช้งานชิป Snapdragon เหมือนเดิม ก่อนหน้าจะโดนหางเลขแบนกรณี Trade War รวมถึงความเป็นไปได้ที่มือถือ HONOR จะสามารถใช้งาน GMS ได้เหมือนเดิม แต่ล่าสุดมีข่าวว่า HONOR ยังคงอกหักต่อไป และอาจต้องกลับไปใช้ HMS ตามเดิม

โดยมีผู้ใช้งานจากสื่อออนไลน์ Weibo ออกมารายงานว่า HONOR ยังคงไม่ได้ใบอนุญาตใช้งาน Google Mobile Services (GMS) ของ Google ตามเดิม แม้ว่าจะประกาศอิสระภาพจาก HUAWEI ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันแล้วก็ตาม ซึ่งพอเป็นแบบนี้ เท่ากับว่าสมาร์ทโฟนแบรนด์ HONOR อาจจะทำยอดขายนอกจีนได้ลำบาก เพราะ GMS ยังถือว่าเป็นบริการสำคัญมาก ๆ ต่อผู้ใช้งาน Android ทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางข่าวร้ายก็ยังมีเรื่องดี ๆ อยู่บ้าง เพราะแหล่งข่าวได้เปิดเผยว่าสมาร์ทโฟน HONOR รุ่นเก่า ๆ ที่เปิดตัวก่อนหน้าที่จะแยกตัวออกจาก HUAWEI จะได้รับการเปลี่ยนถ่ายเลือดมาเป็น HarmonyOS แต่อาจจะยังไม่ได้ทันที ต้องรอ HUAWEI ออกมาประกาศ Timeline อีกที

สำหรับสมาร์ทโฟนชุดแรกที่จะได้รับการถ่ายโอนเลือดจาก Android มาเป็น HarmonyOS จะมีเพียงแค่ซีรีส์เรือธง Mate และ P รวมถึงรุ่นกลาง ๆ อย่าง nova และ MatePad แท็บเล็ตของ HUAWEI ด้วย

 

ที่มา: GizChina (1) | (2)

from:https://droidsans.com/honor-not-obtain-gms-however-older-models-get-harmony/

[Guest Post] หัวเว่ยเผยรายงานประจำปี 2563 พร้อมยึดมั่นเดินหน้าสร้างมูลค่าเพิ่ม เพื่อลูกค้าและภาคสังคม แม้ต้องเผชิญกับความท้าทาย

หัวเว่ย เผยรายงานประจำปี 2563 แม้การเติบโตทางธุรกิจจะชะลอตัว แต่ผลประกอบการส่วนใหญ่ของบริษัทยังเป็นไปตามคาดการณ์ โดยทำรายได้จากยอดขายทั่วโลกในปี พ.ศ. 2563 อยู่ที่ 891.4 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 3.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า พร้อมด้วยกำไรสุทธิที่ 64.6 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 3.2% จากปีที่แล้ว

 

ในปี พ.ศ. 2563 ที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจโครงข่ายของหัวเว่ยได้ช่วยให้ผู้ให้บริการมากกว่า 1,500 รายในกว่า 170 ประเทศทั่วโลก นำเสนอบริการได้อย่างมีความเสถียรในช่วงล็อคดาวน์จากโควิด-19 ซึ่งบริการดังกล่าวช่วยมอบบริการโทรคมนาคม การเรียนรู้ออนไลน์ และออนไลน์ช้อปปิ้งให้กับผู้คนทั่วโลก หัวเว่ยได้ทำงานร่วมกับผู้ให้บริการเพื่อมอบประสบการณ์ การเชื่อมต่อที่เหนือกว่า และผู้ให้บริการเครือข่ายทั่วโลกเพื่อส่งมอบประสบการณ์การเชื่อมต่อที่ดีขึ้นไปอีกระดับ รวมทั้งเดินหน้าผลักดันโครงการนวัตกรรมด้าน 5G กว่า 3,000 โครงการ ในกว่า 20 อุตสาหกรรม เช่น เหมืองถ่านหิน การผลิตเหล็กกล้า ท่าเรือ หรือภาคการผลิตอื่นๆ

ในช่วงปีที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจองค์กรของหัวเว่ยได้ทำงานอย่างหนักเพื่อพัฒนานวัตกรรมโซลูชันสำหรับการใช้งานในรูปแบบต่างๆ และเพื่อสร้างอีโคซิสเต็มที่สามารถเติบโตอย่างต่อเนื่องซึ่งเกิดจากการร่วมมือและประสบความสำเร็จไปด้วยกัน ทั้งนี้ ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 นั้น หัวเว่ยได้ส่งมอบองค์ความรู้ด้านเทคนิคและโซลูชันต่าง ๆ ที่พิสูจน์แล้วว่าเป็นส่วนสำคัญในการต่อสู้กับไวรัสในครั้งนี้ ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือโซลูชัน AI บนหัวเว่ยคลาวด์เพื่อช่วยวินิจฉัยโรค ช่วยลดภาระด้านโครงสร้างทางสาธารณสุขให้กับโรงพยาบาลได้ทั่วโลก นอกจากนี้ หัวเว่ยยังทำงานร่วมกับพันธมิตรเปิดตัวแพลตฟอร์มการเรียนรู้ที่ทำงานบนคลาวด์สำหรับนักเรียนระดับประถมและมัธยมกว่า 50 ล้านคนอีกด้วย

การเปิดตัวระบบปฏิบัติการ HarmonyOS และอีโคซิสเต็ม Huawei Mobile Services หรือ HMS เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์จากกลุ่มธุรกิจสำหรับผู้บริโภคของหัวเว่ยในการมอบประสบการณ์การใช้ชีวิตในยุค AI แบบไร้รอยต่อ (1 + 8 + N) เพื่อส่งมอบประสบการณ์อัจฉริยะให้กับผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุมอุปกรณ์และสถานการณ์ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานอัจฉริยะ ฟิตเนสและสาธารณสุขอัจฉริยะ สมาร์ทโฮม การเดินทางที่ง่ายขึ้น หรือแม้แต่เรื่องของความบันเทิง

นายเคน หู (Ken Hu) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หมุนเวียนตามวาระของหัวเว่ย กล่าวว่า “ในปีที่ผ่านมา หัวเว่ยสามารถเดินหน้าได้อย่างแข็งแกร่งแม้ว่าจะต้องเผชิญกับความยากลำบาก เราเดินหน้ารังสรรค์นวัตกรรมเพื่อสร้างมูลค่าให้กับลูกค้าของเรา ช่วยต่อสู้กับโรคระบาด สนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และทำให้สังคมทั่วโลกเดินหน้าต่อไปได้ นอกจากนี้ เรายังใช้โอกาสนี้ในการพัฒนากระบวนการการดำเนินธุรกิจของเรา ซึ่งช่วยให้เราสามารถทำผลประกอบการได้ในระดับใกล้เคียงกับที่คาดการณ์เอาไว้”

หัวเว่ยเล็งเห็นถึงความสำคัญในการสร้างมูลค่าร่วมกันให้แก่ภาคสังคม และกำลังทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์อย่างต่อเนื่องเพื่อตอบรับกับเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้นในด้านเศรษฐกิจ สังคม และด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อความก้าวหน้าและความสำเร็จร่วมกัน

ในด้านการเร่งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการเตรียมความพร้อมให้กับอีโคซิสเต็มด้านดิจิทัล หัวเว่ยได้เปิดตัวโครงการ Spark Program ที่ประเทศสิงคโปร์ในปี พ.ศ. 2563 เพื่อสนับสนุนด้านเทคนิค เงินทุน การให้คำปรึกษา และการฝึกอบรมให้แก่บริษัทสตาร์ทอัพเทคโนโลยี นอกจากนี้ ศูนย์ 5G Ecosystem Innovation Center (EIC) ในประเทศไทย ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากหัวเว่ยยังทำหน้าที่เป็นแหล่งจัดแสดงและสาธิตนวัตกรรมด้าน 5G ในภูมิภาคอาเซียน

เพื่อรับมือกับปัญหาด้านบุคลากร หัวเว่ยได้เปิดตัวโครงการต่าง ๆ มากมายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งรวมถึง HUAWEI ASEAN Academy, Digital Training Bus และโครงการ Seeds for the Future เพื่อส่งมอบองค์ความรู้และฝึกอบรมบุคลากรในด้านดิจิทัล โดยหัวเว่ยตั้งเป้าฝึกอบรมบุคลากรด้านไอซีทีอีกอย่างน้อย 300,000 คนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ภายในเวลาห้าปีต่อจากนี้

“เราจะยังคงทำงานร่วมกับลูกค้าและพาร์ทเนอร์ของเราอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง เพื่อตอบรับกับความก้าวหน้าในภาคสังคม การเติบโตในภาคเศรษฐกิจ และการพัฒนาอย่างยั่งยืน” นายเคน หู กล่าว

ข้อมูลด้านการเงินทั้งหมดในรายงานประจำปี พ.ศ. 2563 ได้รับการจัดทำอย่างเอกเทศโดย KPMG ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์กรด้านการทำบัญชีรายใหญ่ติดอันดับหนึ่งในสี่ของโลก ทั้งนี้ ท่านสามารถดาวน์โหลดรายงานประจำปี 2563 ได้ที่ https://www.huawei.com/en/annual-report/2020

from:https://www.techtalkthai.com/guest-post-huawei-annual-report-2020/

Huawei Mobile Services โตไว มีนักพัฒนามากกว่า 2.3 ล้านคนแล้ว

Huawei กล่าวว่า Huawei Mobile Services หรือ HMS นั้นอยู่ระหว่างการพัฒนามานานพอสมควรแล้ว แต่จากมาตรการแบนของสหรัฐอเมริกาทำให้บริษัทต้องเปิดตัวและนำมาใช้งานเร็วกว่าที่คาดเอาไว้ แต่เนื่องจาก HMS ยังมีแอปและนักพัฒนาน้อย ทำให้ Huawei ต้องสร้างแรงจูงใจนการพัฒนาแอปลง HMS ซึ่งก็ถือว่าได้ผลดีอยู่เหมือนกัน

ในระหว่างการแถลงข่าวผ่านช่องทางออนไลน์ของ Huawei บริษัทได้ประกาศผลประกอบการประจำปี 2020 บริษัท เปิดเผยว่ามีรายได้จากการขายทั่วโลก 891,400 ล้านหยวนเมื่อปีที่ผ่านมา มีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 3.8% เมื่อเทียบกับปี 2019 แม้จะถูกแบนจากสหรัฐอเมริกาก็ตาม นอกจากนี้ Huawei ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า HMS เป็น Ecosystem ที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก โดยสิ้นปี 2020 นั้น HMS มีนักพัฒนาที่คอยสนับสนุนแอปพลิเคชันมากถึง 2.3 ล้านคน โดยนักพัฒนาส่วนใหญ่อยู่ในประเทศจีน ส่วนนักพัฒนาจากต่างประเทศมี 300,000 คน

ข้อมูลเมื่อไม่นานมานี้จาก Huawei ระบุว่า ปัจจุบัน HMS มีผู้ใช้งานมากถึง 500 ล้านคน จาก 170 ประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ Huawei ยังมีแผนที่ส่งมอบ HMS ให้กับผู้ผลิตสมาร์ตโฟนแบรนด์อื่น ๆ ได้ใช้งานกันด้วย ซึ่งนอกจากสมาร์ตโฟนแล้วก็ยังถูกใช้ในรถยนต์อย่าง BYD และ Mercedes Benz เป็นต้น

นอกจากนี้ Huawei ยังระบุด้วยว่า HongMengOS หรือ HarmonyOS ได้ช่วยให้ผู้จัดทำฮาร์ดแวร์กว่า 20 รายและผู้พัฒนาแอปพลิเคชันมากกว่า 280 บริษัทสนใจร่วมธุรกิจด้วย

ข่าว: Huawei Mobile Services โตไว มีนักพัฒนามากกว่า 2.3 ล้านคนแล้ว มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.
from:https://www.appdisqus.com/2021/04/01/there-are-2-3-million-developer-for-huawei-mobile-service.html?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=there-are-2-3-million-developer-for-huawei-mobile-service

HUAWEI พร้อมให้แบรนด์จีนทุกเจ้าใช้ HarmonyOS หากวันนึงโดนแบนใช้ Google ไม่ได้

ใจดี สปอร์ต เสิ่นเจิ้นจริงๆ สำหรับ HUAWEI เพราะล่าสุดผู้บริหารระดับสูงของพวกเขาได้ออกมาประกาศว่า พร้อมจะอนุญาตให้เพื่อนบ้านแบรนด์สมาร์ทโฟนจีนทุกคน สามารถใช้ระบบปฏิบัติการตัวใหม่ของพวเขาอย่าง HarmonyOS ได้ หากวันใดวันนึงเกิดมีปัญหากับรัฐบาลสหรัฐฯ เหมือนกับที่พวกเขาโดน จนเข้าถึง Google Mobile Services ไม่ได้

โดยคนที่ออกมาบอกก็คือ Richard Yu คนดีคนเดิม ที่ดำรงตำแหน่งเป็น CEO และพิธีกรบรรยายฟีเจอร์ต่างๆ ตามงานเปิดตัวนี่แหละ ซึ่งเขาบอกว่า เพื่อนบ้านจีนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น Xiaomi, OPPO, Vivo หรือ OnePlus เนี่ย สามารถมาขอใช้บริการ HarmonyOS ของพวกเขาได้เลยไม่ติดขัด ถ้าวันนึงเกิดผิดใจกับรัฐบาลสหรัฐฯ แบบพวกเขา 

แน่นอนว่าจริงๆ แล้ว HarmonyOS ถูกพัฒนาขึ้นมาสำหรับใช้งานแค่บนอุปกรณ์ของ HUAWEI เท่านั้น แต่ทาง Richard Yu เผยว่า หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นมา ยกตัวอย่าง Xiaomi โดนแบน ใช้ GMS ไม่ได้ พวกเขาก็พร้อมที่จะกางโต๊ะหารือหาทางออกร่วมกันกับแบรนด์นั้นๆ เพื่อให้ HarmonyOS สามารถรันบนสมาร์ทโฟนของสหายได้แบบไม่ติดขัดนั่นเอง 

วันใดวันหนึ่งหากแบรนด์จีนทุกๆ เจ้า หันมาใช้บริการระบบปฏิบัติการ HarmonyOS ขึ้นมาจริงๆ Richard Yu บอกว่า พวกเขาจะลดการพึ่งพาจาก Google ได้แบบเยอะมากๆ เลย เรียกว่าจะทำให้เกิดการแข่งขันแบบกลายๆ ตลาดจะไม่ผูกขาดอยู่ที่ใครเจ้าใดเจ้านึง กลายเป็นตลาดเสรี และแน่นอนว่าพอทุกอย่างเป็นแบบนี้ คนที่ได้ประโยชน์ก็คือผู้บริโภคแบบเราๆ

แน่นอนว่าหนทางยังอีกยาวไกลสำหรับ HUAWEI ถ้าหากจะก้าวขึ้นมาสู้กับ Google ได้แบบสมน้ำสมเนื้อ แต่ก่อนจะไปถึง 10, 100 หรือ 1,000,000 เราก็ต้องเริ่มที่ 1 ก่อนแหละเนอะ

 

ที่มา: Huawei Central

from:https://droidsans.com/huawei-says-other-chinese-brands-can-use-harmony-os/

หัวเว่ยเปิดตัว “Huawei Pay” ในไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมให้บริการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ

Huawei Mobile Services (HMS) ร่วมกับยูเนี่ยน เพย์ (UnionPay) เปิดตัว หัวเว่ย เพย์ (Huawei Pay) อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นบริการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือเสมือนกระเป๋าสตางค์ดิจิตัล ที่ช่วยเอื้ออำนวยต่อการชำระเงินแบบไร้สัมผัสและไร้เงินสดแก่ผู้ใช้หัวเว่ยทุกคน โดยในประเทศไทยธนาคารไอซีบีซี (ไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นธนาคารแรกที่เริ่มให้บริการดังกล่าว

HUAWEI Pay

หลังจากที่ได้เปิดตัวไปที่ประเทศจีนเมื่อเดือนสิงหาคม 2559 Huawei Pay หนึ่งในบริการจาก Huawei Mobile Services (HMS) เป็นบริการการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือที่ช่วยเอื้ออำนวยต่อการชำระเงินแบบไร้สัมผัสและไร้เงินสดแก่ผู้ใช้หัวเว่ยทุกคน

“หัวเว่ย รู้สึกยินดีที่ได้ร่วมมือกับทางยูเนี่ยนเพย์ และ ไอซีบีซี (ไทย) ในการเปิดตัว หัวเว่ย เพย์ (Huawei Pay) ในประเทศไทย ซึ่งการเปิดตัวบริการหัวเว่ย เพย์ในครั้งนี้ถือเป็นการเปลี่ยนโทรศัพท์หัวเว่ยในมือของลูกค้าให้กลายเป็น อี-วอลเล็ต ที่มอบประสบการณ์ด้านการชำระเงินที่ไม่เพียงแค่มอบความสะดวกสบายในการใช้งานแต่ยังคงความปลอดภัยไว้อีกด้วย” กล่าวปิดท้าย โดย เชน ชาน ผู้อำนวยการบริการคลาวด์สำหรับผู้บริโภคหัวเว่ยประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

หัวเว่ย เพย์ เป็นหนึ่งในบริการหลักภายใต้แอปพลิเคชัน หัวเว่ย วอลเล็ต (HUAWEI Wallet) ที่รองรับการชำระเงินผ่านเทคโนโลยีสื่อสารไร้สาย (Near Field Communication – NFC) ณ ร้านค้าชั้นนำต่างๆ ผู้ใช้สามารถเปิดใช้บริการ หัวเว่ย เพย์ ได้ด้วยการเพิ่มบัตรเครดิตไปยังแอปพลิเคชัน หัวเว่ย วอลเล็ท (Huawei Wallet) และชำระเงินแบบไร้สัมผัสด้วยการแตะโทรศัพท์หัวเว่ยไปยังเครื่องจ่ายเงิน ณ จุดขาย

หัวเว่ย เพย์ ถูกออกแบบโดยคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก ระบบใช้รหัส PIN หรือวิธีการพิสูจน์ตัวตนแบบไบโอเมตริกซ์ เช่น การจดจำลายนิ้วมือเพื่อระบุตัวตน ก่อนการทำธุรกรรมต่างๆ โดยแอปหัวเว่ย วอลเล็ตจะถูกติดตั้งมาพร้อมเครื่องในโทรศัพท์มือถือรุ่น HUAWEI P40 ซีรีส์ ที่เพิ่งเปิดตัวไปล่าสุด อย่างไรก็ตามผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือรุ่นอื่นๆ ของหัวเว่ย สามารถดาวน์โหลดแอปนี้ได้ที่ แอปแกลลอรี่ (AppGallery) หรือศูนย์รวมแอปของหัวเว่ยได้เช่นกัน

ในขณะนี้ร้านค้าที่รองรับบริการ หัวเว่ย เพย์ ได้แก่ Boots, Emporium, Jaymart, Major Cineplex, Mr. D.I.Y, Sushi Hiro, Swarovski, Tesco Lotus, The Face Shop เป็นต้น

คลิกช้อปสมาร์ทโฟน Huawei ที่นี่ >>> http://bit.ly/31ikNUq

from:https://www.mobileocta.com/huawei-pay/

Huawei ไม่ได้ไปต่อ หลังสหรัฐอเมริกามีคำสั่งแบนยาวจนถึงปี 2021

เป็นเวลาเกือบปีที่ Huawei ถูกรัฐบาลสหรัฐฯ แบนไม่ให้ทำการค้ากับบริษัทฯ ต่างๆ สัญชาติอเมริกัน รวมถึงการถูกระงับไม่ให้ใช้ GMS (Google Mobile Service) ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาเราจะได้เห็นข่าวว่ามีการผ่อนปรนในบางส่วนอยู่บ้างแต่แล้วล่าสุดก็มีคำสั่งจากประธานาธิปดี ทรัมป์ให้มีการแบน Huawei ยาวๆ ไปอีก 1ปี

ช่วงที่ผ่านมานั้น แม้ Huawei จะถูกแบน แต่ก็ยังมีบริษัทฯ หลาย ๆ แห่ง ในสหรัฐฯ ที่ได้รับใบอนุญาตชั่วคราวให้ทำการค้าขายกับ Huawei อยู่ และถึงแม้ว่าใบอนุญาตเหล่านั้นกำลังจะหมดอายุในสัปดาห์นี้แต่ก็คาดว่าน่าจะได้รับการต่ออายุอีกครั้ง

แม้จะโดนแบนต่อไปอีก แต่ก็มีข่าวว่า Huawei ได้ทุ่มเงินอีกหลายพันล้านดอลล่าร์ในการเร่งพัฒนา HMS ( Huawei Mobile Services) และสร้างระบบนิเวศของตัวเอง เพื่อให้สามารถใช้งานทดแทน GMS ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมถึงการเดินหน้าบุกตลาดยุโรป ซึ่งก็ดูแนวโน้มแล้วก็เป็นที่น่าพอใจ ส่วนยอดขายในตลาดจีนก็ยังคงเป็นไปได้ด้วยดี งานนี้เราคงต้องมาจับตาดูกันไปยาวๆ ว่าที่สุดแล้ว  Huawei  จะสามารถพลิกวิกฤตินี้ได้อย่างไร

 

ที่มา  gizmochina

from:https://droidsans.com/us-extends-ban-on-huawei-may-2021/

มาซักที…แอปแชทยอดนิยม LINE พร้อมให้ดาวน์โหลดบน Huawei AppGallery แล้ววันนี้

หลังจากที่ Huawei ประกาศเลื่อนการนำแอปแชทยอดนิยมอย่าง LINE ขึ้น Huawei AppGallery ไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ล่าสุดแอปดังกล่าวก็พร้อมให้ผู้ใช้งานมือถือ / แทบเล็ตจาก Huawei ได้ดาวน์โหลดไปใช้กันแล้ววันนี้ โดยแอป LINE ที่เปิดให้ดาวน์โหลดผ่าน Huawei AppGallery จะมีขนาดติดตั้งอยู่ที่ 141.7 MB ซึ่งใหญ่กว่าเวอร์ชั่นบน Google Play ที่มีขนาด 89 MB

ผู้ใช้งานมือถือ Huawei สามารถเข้าไปดาวน์โหลดแอป LINE ผ่าน Huawei AppGallery ได้เลย โดยพิมพ์ในช่องค้นหาว่า LINE แค่นี้ แอปดังกล่าวก็จะโผล่ขึ้นมาให้เลือกติดตั้งได้แล้ว สำหรับวิธีการใช้งานต่างๆ ก็เหมือนกับ LINE ที่ติดตั้งผ่าน Google Play Store เป๊ะๆ ไม่ว่าจะเป็นการยืนยันตัวตนผ่านเบอร์โทรศัพท์ การลงทะเบียน ฯลฯ

ฟีเจอร์ต่างๆ เท่าที่ทดสอบดูก็ยกมาหมดทั้งสติ๊กเกอร์ ทั้ง Theme ก็สามารถเลือกซื้อมาใช้ได้ไม่ต่างกัน

แต่จะติดอยู่ตรงฟีเจอร์แชร์ Location ที่ไม่สามารถใช้งานได้ เนื่องจากมันไม่มี Google Mobile Services สำหรับใช้งานกับ Maps นั่นเองครับ ส่วนฟีเจอร์อื่นๆ อย่างเช่น LINE Pay ตอนนี้ยังไม่ได้ทดสอบ ก็เลยไม่รู้ว่าสามารถใช้งานได้ตามปกติรึเปล่า (เอาไว้เราจะมาอัพเดทให้อีกทีครับ)

แชร์ Location ไม่ได้ เนื่องจากไม่มี Google Mobile Services

ก็ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับเจ้าของมือถือ Huawei รุ่นที่ยังไม่รองรับการใช้งาน Google Mobile Services นะครับ เพราะตอนนี้ก็เริ่มมีแอปยอดนิยมหลายๆ แอป ทยอยปล่อยลง Huawei AppGallery ให้ได้ใช้กันมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว

from:https://droidsans.com/line-messenger-huawei-appgallery-available-now/

Huawei แนะนำให้ติดตั้ง HMS ผ่าน AppGallery หากไม่สามารถเชื่อมต่อสมาร์ทวอทช์กับมือถือได้

ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะมีผู้ใช้งานสมาร์ทวอทช์ของ Huawei หลายราย บ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า พวกเขาไม่สามารถเชื่อมต่อนาฬิกาอัจฉริยะ รวมไปถึงพวก Fitness Band ต่างๆ กับสมาร์ทโฟนที่ไม่ใช่ยี่ห้อ Huawei ได้ ซึ่งล่าสุด Huawei ก็ออกมาชี้แจง ให้ลบแอป Huawei Mobile Services ในเครื่องออก แล้วให้ไปติดตั้งแอปดังกล่าวอีกครั้ง ผ่าน AppGallery แทน

มีผู้ใช้งานสมาร์ทวอทช์และสายข้อมืออัจฉริยะของ Huawei หลายราย ที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ดังกล่าวเข้ากับสมาร์ทโฟนยี่ห้ออื่นๆ ได้ออกมาบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า พวกเขาไม่สามารถเข้าใช้งานแอป Huawei Health ได้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ใช้งานได้ตามปกติ และดูเหมือนว่าทางออกของปัญหาครั้งนี้ก็คือต้องติดตั้งแอป Huawei Mobile Services ผ่าน AppGallery ซึ่งเป็นของ Huawei นั่นเอง

และจากที่มีการทดสอบก็พบว่าได้ผลจริงๆ เมื่อทีมงาน Huawei Service ให้คำชี้แจงว่า แอป Huawei Mobile Services เวอร์ชั่น 3.0.3.301 หรือสูงกว่านั้น จะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ (ต้องลบแอปอันเก่าทิ้งก่อนด้วย) ซึ่ง ณ ปัจจุบัน แอป Huawei Mobile Services ที่อยู่บน Play Store และ App Store ยังคงเป็นเวอร์ชั่น 3.0.3.300 เท่านั้น ทำให้ผู้ใช้งานที่มีปัญหาเชื่อมต่ออุปกรณ์สวมใส่ Huawei กับสมาร์ทโฟนของตัวเองไม่ได้ เพราะต้องไปดาวน์โหลดแอป Huawei Mobile Services ผ่านแอป AppGallery เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ได้มีผู้ใช้งานบางรายที่ปฏิบัติตามคำแนะนำของทีมงาน Huawei ทุกอย่าง แต่สมาร์ทวอทช์เจ้ากรรมก็ยังคงไม่สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนของพวกเขาได้อยู่ดี เบื้องต้นดูเหมือนว่าปัญหาดังกล่าวจะเกิดขึ้นกับเฉพาะสมาร์ทโฟนยี่ห้ออื่นๆ ที่ไม่ใช่ Huawei อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าผู้ใช้งานในประเทศไทยจะยังคงไม่เจอกับปัญหาแบบนี้แต่อย่างใด

เพื่อนๆ คนไหนที่ใช้อุปกรณ์สวมใส่ (Wearable) ของ Huawei อยู่ ที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนยี่ห้ออื่นๆ ที่ไม่ใช่ของ Huawei มาช่วยอัพเดทสถานการณ์ทีครับว่าตอนนี้ยังสามารถใช้งานได้ตามปกติหรือเปล่า 🙂

 

ที่มา: Huawei Community Forum 

from:https://droidsans.com/hauwei-wearable-devices-stop-working-on-non-huawei-phones/

จะทำได้ไหม..ทำได้หรือเปล่า? Huawei อยากให้ Google ทำแอปป้อนลง AppGallery ด้วย

การที่ไม่สามารถใช้งนแอปและบริการต่างๆ จาก Google ได้ ถือว่ากระทบกับธุรกิจฝั่งสมาร์ทโฟนและแทบเล็ตของ Huawei มากพอสมควร ทำให้ยอดขายไม่เป็นไปตามเป้าที่คาดเอาไว้…โดยล่าสุดหนึ่งในผู้บริหารของ Huawei ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ถ้าเป็นไปได้เขาอยากให้ Google ทำแอปของตัวเองมาลง AppGallery ของ Huawei บ้าง เหมือนกับที่ Google ทำแอปลง App Store ของ Apple นั่นเอง

Eric Xu ประธานของ Huawei ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNBC ว่า สืบเนื่องจากการแบนของรัฐบาลสหรัฐฯ จนทำให้สมาร์ทโฟนแบรนด์ Huawei ไม่สามารถใช้งาน Google Mobile Services ที่มีแอปยอดฮิตอย่าง Google Maps, YouTube, Gmail ฯลฯ รวมไปถึงบริการต่างๆ เช่น Location Services จาก Google ได้ ซึ่งแม้ว่าการแบนดังกล่าว จะไม่ส่งผลกระทบอะไรมากนักในตลาดบ้านเกิด เพราะมือถือทุกเครื่องที่จำหน่ายในประเทศจีนก็ไม่มี GMS ติดมาให้อยู่แล้ว ผู้คนก็ไม่ได้ใช้แอปและบริการต่างๆ ของ Google เป็นหลัก (เพราะจีนแบน Google นั่นเอง) แต่ในตลาดฝั่ง South East Asia และตลาดฝั่งตะวันตก นับว่า Huawei โดนผลกระทบเข้าไปเต็มๆ ด้วยยอดขายที่หายไปเยอะมาก

Huawei P40 Series ที่เพิ่งเปิดตัวไป ก็ไม่มี GMS

ด้วยเหตุผลนี้เอง Eric Xu จึงอยากให้ Google ทำแอปของพวกเขาลง AppGallery ของ Huawei บ้าง เพราะส่วนตัวเขาคิดว่า หาก Google จะทำแอปลง AppGallery ก็ไม่น่าจะแตกต่างอะไรที่ Google ทำแอปของตัวเองลง App Store บน iOS ของ Apple เลย

อย่างไรก็ดี Google แทบจะไม่เคยนำแอปของพวกเขา ไปอยู่บน App Store ของระบบ Android อื่นๆ อยู่แล้ว ยกตัวอย่างเช่นแทบเล็ตของ Amazon ที่ใช้ Fire OS ซึ่งมีพื้นฐานมาจากระบบปฏิบัติการ Android ก็ไม่มีแอป Google Maps, YouTube หรือบริการต่างๆ ของ Google ใน Amazon App Store เช่นเดียวกัน ยกเว้นกรณี Galaxy Store ของ Samsung แต่นั่นอาจจะเป็นเพราะว่า มือถือของ Samsung เอง ก็มีทั้ง Play Store และใช้งานบริการอื่นๆ จาก Google ตามปกติอยู่แล้ว

ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าสุดท้ายแล้ว Huawei จะหาทางออกกับสถานการณ์นี้อย่างไร จะกลับไปใช้ Google Mobile Services ได้ไหม หรือทุ่มเงินดัน Huawei Mobile Services ของตัวเอง ก้าวขึ้นมาแข่งกับ GMS เลย 

 

ที่มา: 9to5google

from:https://droidsans.com/huawei-wants-google-apps-in-appgallery/

2020 ปีที่สุดแกร่งของหัวเว่ย กับพัฒนาการอีโคซิสเต็มแบบ “1+8+N”

หัวเว่ยได้อุทิศเวลาตลอดทศวรรษที่ผ่านมาให้กับการพัฒนาอีโคซิสเต็ม “1+8+N” และเสริมอีโคซิสเต็มนี้ให้แข็งแรงขึ้นด้วย Huawei Share และ Huawei HiLink ซึ่งเป็นเหมือนสะพานที่เชื่อมต่อทุกอุปกรณ์เข้าด้วยกันเพื่อมอบประสบการณ์ใช้งานแบบองค์รวม นอกเหนือจากนวัตกรรมฮาร์ดแวร์แล้ว หัวเว่ยยังสร้างอีโคซิสเต็ม Huawei Mobile Services (HMS) ซึ่งผู้ใช้สามารถเข้าถึงได้ผ่าน HUAWEI AppGallery

ล่าสุด จัดงานแถลงข่าวและถ่ายทอดสดเปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์ 5G ใหม่ พร้อมประกาศกลยุทธ์ที่จะแสดงศักยภาพผลิตภัณฑ์และอีโคซิสเต็มของหัวเว่ยที่พร้อมรองรับการใช้งานในทุกสถานการณ์

โดยผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัว ได้แก่ HUAWEI Mate Xs วิวัฒนาการใหม่ของสมาร์ทโฟนพับได้ที่ประกอบไปด้วยฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ล้ำสมัย HUAWEI MatePad Pro 5G แท็บเล็ต 5G เรือธงที่จะมอบประสบการณ์การใช้งานระดับพรีเมี่ยมได้ทุกสถานการณ์ HUAWEI Wi-Fi AX3 และ HUAWEI 5G CPE Pro 2 อุปกรณ์ส่งสัญญาณ Wi-Fi 6+โซลูชั่นในการเชื่อมต่อออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพ มอบความเร็วระดับสูง (high-speed) และการเชื่อมต่อที่ครอบคลุมแก่ผู้บริโภค

นอกจากนี้ หัวเว่ยยังได้เปิดตัวแล็ปท็อป HUAWEI MateBook ที่ใช้ขุมพลังจากโปรเซสเซอร์ Intel® Core™ เจนเนอเรชั่นที่10 มาพร้อมระบบปฏิบัติการวินโดวส์ หน้าจอ FullView พร้อมมอบประสบการณ์การทำงานที่ลื่นไหลในทุกสถานการณ์ ด้วยฟีเจอร์ที่เชื่อมต่อการทำงานระหว่างอุปกรณ์อย่างมีประสิทธิภาพ อย่าง HUAWEI Share ซึ่งสามารถแชร์ไฟล์และทำงานร่วมกันหลายหน้าจอได้

ริชาร์ด หยู ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป กล่าวว่า “หัวเว่ยยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนากลยุทธ์ AI ไร้รอยต่อสำหรับทุกสถานการณ์ เรายังคงให้ความสำคัญในการลงทุนด้านพัฒนาเทคโนโลยีอันล้ำสมัยอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุม ชิปเซ็ต ระบบ 5G ฟีเจอร์ AI ในสมาร์ทโฟน ระบบปฏิบัติการ กล้อง และโซลูชันส์ระบบภาพและเสียง เพื่อสร้างข้อได้เปรียบต่อการแข่งขันในระยะยาว นอกจากนี้ เรายังกระตือรือร้นที่จะทำงานร่วมกับนักพัฒนาทั่วโลก เพื่อเสริมสร้างการเติบโตของอีโคซิสเต็มให้พร้อมรองรับการใช้งานในทุกสถานการณ์ และเราชื่อว่าการทำงานร่วมกันนี้ จะสามารถยกระดับประสบการณ์นี้ขึ้นไปอีกระดับ”

 

from:https://www.enterpriseitpro.net/huawei-ecosystem-2020/