รีวิวพัดลมอัจฉริยะ Mi Smart Standing Fan 2 ดีไซน์มินิมอล มอเตอร์เงียบ

เครื่องใช้ไฟฟ้าธรรมดาๆ อย่างพัดลมอาจจะดูเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เราต้องการแค่ให้มันปล่อยลมออกมา แต่เมื่อลองเพิ่มความ ‘สมาร์ท’ เข้าไปเล็กน้อยแล้วจะสามารถเพิ่มความสบายในการใช้งานไปได้อีกมากทีเดียว อย่างเช่นพัดลมดีไซน์มินิมอลจาก Xiaomi ตัวนี้ ที่นอกจากจะให้ลมได้ดีและเงียบแล้ว ยังทำ automation ต่างๆ เพื่อให้ชีวิตง่ายขึ้นได้ด้วย

รีวิวนี้ใช้ Mi Smart Standing Fan 2 เครื่องศูนย์ไทย โดยผู้รีวิวเป็นผู้จัดหาอุปกรณ์ดังกล่าวด้วยตนเอง

ดีไซน์และการประกอบ

Mi Smart Standing Fan 2 มีการออกแบบที่เรียบๆ มาในโทนสีขาวทั้งเครื่อง และมีใบพัดสีเทาอ่อน เช่นเดียวกับพัดลม Xiaomi รุ่นอื่นๆ ตัวพัดลมมีขนาดไม่ใหญ่ มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 34 ซม. และมีความสูง 100 ซม. โดยความสูงนั้นปรับไม่ได้แต่สามารถปรับคอพัดลมให้หันขึ้นหรือลงได้ 39 องศา

คอพัดลมสามารถปรับขึ้น-ลงได้

ตัวพัดลมมาในกล่องแบบแยกชิ้นกัน ฐาน ใบพัด หน้ากาก เสา สายไฟ ซึ่งการประกอบก็ค่อนข้างง่าย ไม่จำเป็นต้องดูคู่มือก็สามารถประกอบได้ในไม่กี่นาที

การประกอบสามารถใช้มือเปล่าได้เลย ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ใดๆ เพิ่ม จะมีเพียงจุดเดียวที่ต้องใช้สกรู คือตอนล็อกหน้ากากด้านหน้าเข้ากับด้านหลัง ซึ่งภายในกล่องก็มีมาให้ทั้งสกรูและไขควงขนาดเล็ก

การใช้งาน

Mi Smart Standing Fan 2 สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ เพราะบนตัวเครื่องก็มีปุ่มสำหรับเปิด/ปิด ปรับความแรง ปรับโหมด ปรับหันส่าย/หยุดนิ่ง และตั้งเวลาปิดได้ในตัว แต่เมื่อควบคุมผ่านแอป Mi Home ก็จะตั้งค่าได้มากขึ้น

มีปุ่มบนตัวพัดลม

การเชื่อมต่อกับแอป Mi Home ทำได้โดยง่าย เสียบปลั๊กไฟพัดลม เปิดแอป Mi Home บนมือถือและกดเพิ่มอุปกรณ์ ก็จะมีตัวพัดลมปรากฏขึ้นมาให้เลือก ให้ทำตามบนหน้าจอเพื่อเชื่อมต่อพัดลมเข้ากับ Wi-Fi ก็พร้อมใช้งาน

Mi Smart Standing Fan 2 สามารถปรับความแรงได้ 1-100 ระดับ ในระดับที่เบาที่สุดก็จะไม่ค่อยมีลม แต่ก็ยังพอสัมผัสที่แรงลมเอื่อยๆ ได้บ้างในระยะหนึ่งเมตรกว่า เหมาะกับตอนที่อยากให้มีลมโดนตัวเล็กน้อย หรือพอให้อากาศหมุนเวียน ส่วนระดับที่แรงที่สุดก็ได้ลมที่ค่อนข้างแรง คลายร้อนได้เวลาที่ร้อนมากๆ แต่ก็ไม่ได้แรงเท่าพัดลมทั่วไปที่มีใบพัดขนาดใหญ่กว่า

จุดสังเกตคือจากความแรง 70 ไป 71 จะได้ความแรงลมที่ต่างกันพอสมควร ไม่เหมือนกับระดับอื่นๆ ก่อนหน้านี้ที่ไล่ความแรงขึ้นมาทีละระดับเท่าๆ กัน ทั้งนี้ก็ไม่ได้เป็นปัญหาการใช้งานแต่อย่างใด

นอกจากความแรงแบบ 1-100 แล้ว ยังมีโหมดลมธรรมชาติให้ใช้งานด้วย โดยพัดลมจะค่อยๆ เพิ่มและลดความแรงไปมาด้วยการไล่ระดับแบบนุ่มนวล และเราก็สามารถตั้งความแรงสูงสุดของลมได้

เราสามารถตั้งให้พัดลมส่ายซ้ายขวาหรือหยุดนิ่งได้ โดยในแบบส่ายจะสามารถเลือกรัศมีการหันได้ ว่าจะให้หันไปมาในรัศมี 30, 60, 90, 120 หรือ 140 องศา ในขณะที่แบบหยุดนิ่งเราจะสามารถเลือกให้ปรับไปทางซ้ายหรือขวาทีละนิดตามที่ต้องการเองได้

ฟีเจอร์การปรับรัศมีการหันนี้ถือว่ามีประโยชน์มาก เพราะบางทีเราก็ไม่ต้องการให้พัดลมจ่อที่ตัวเราตลอดเวลา และขณะเดียวกันก็ไม่ได้อยากให้มันส่ายไปทั่วบริเวณกว้างๆ เพราะเราก็นั่งอยู่ที่เดิม ก็ใช้วิธีเลือกรัศมีของการหันเป็นแบบแคบๆ อย่าง 30 องศาเอา

Mi Smart Standing Fan 2 รองรับการตั้งเวลาปิดอัตโนมัติ เราสามารถตั้งเวลาปิดพัดลมได้ตั้งแต่ 1 นาทีจนถึง 8 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังสามารถกำหนดการเปิด-ปิดพัดลมตามช่วงเวลาได้ด้วย เช่น เปิดทำงานทุกวันเวลาสามทุ่มถึงหกโมงเช้าโดยอัตโนมัติ

ตั้งเวลาดีเลย์ปิดพัดลม

ตั้งเวลาเปิดและปิดพัดลมตามช่วงเวลา

ระดับเสียง

สำหรับระดับเสียงเราวัดที่ระยะ 1.5 เมตรและหลบรัศมีของลมออกมาเล็กน้อย เพื่อไม่ให้เสียงลมเป่าเข้าไมโครโฟนโดยตรง ระดับเสียงในห้องเงียบๆ ไม่มีเสียงอื่น วัดได้ 48 เดซิเบล

• ในเบอร์แรงสูงสุด เพิ่มเสียงขึ้นมา 25 เดซิเบล (วัดเสียงในบริเวณได้ 73 เดซิเบล)
• ในเบอร์เบาสุดแทบจะเหมือนว่าไม่ได้เปิดพัดลมอยู่ ไม่ได้เพิ่มเสียงขึ้นมาในบริเวณ (เสียงในบริเวณ 48 เดซิเบลเท่าตอนไม่เปิดพัดลม)

Automation บน Mi Home

แอป Mi Home รองรับระบบการทำงานอัตโนมัติ (automation) ตามสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น เช่น เมื่อมีคนเดินผ่านเซ็นเซอร์ให้เปิดพัดลมโดยอัตโนมัติ หรือเมื่ออุณหภูมิห้องเริ่มสูงให้เร่งพัดลมเป็นเบอร์ 3 เป็นต้น โดย Mi Smart Standing Fan 2 ก็มีตัวเลือกการสั่งงานค่อนข้างหลากหลาย เช่น เปิด-ปิดพัดลม เปิด-ปิดการส่าย ปรับความแรงลม ปรับโหมดลม เป็นต้น

ระบบ automation นี้เมื่อนำมาใชักับพัดลมแล้วก็ทำให้ชีวิตประจำวันสบายขึ้นได้มาก เช่น ตอนกลางคืนเราอาจจะตั้งเวลาปิดแอร์ตอนตีสาม แล้วให้พัดลมเปิดขึ้นมาตอนนั้นเลยเพื่อให้ความเย็นต่อ หรือ ตั้งเวลาให้ความแรงของพัดลมเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตลอดคืนที่นอน หรือ ตั้งให้พัดลมเปลี่ยนความแรงตามอุณหภูมิที่เปลี่ยนไป เป็นต้น

การตั้งค่าการทำงานอัตโนมัติต่างๆ ที่มีให้เลือกบน Mi Smart Standing Fan 2

Google Home

เมื่อเชื่อมต่อบัญชี Xiaomi กับ Google Home แล้ว เราจะสามารถควบคุมพัดลม Mi Smart Standing Fan 2 ผ่าน Google Assistant และช่องทาง Google Home ต่างๆ ได้ แต่น่าเสียดายที่ทำได้แค่เปิด-ปิดพัดลม ไม่สามารถปรับความแรงหรือค่าอื่นๆ ได้

การควบคุมผ่าน Google Home/Assistant

สรุป

Mi Smart Standing Fan 2 เป็นพัดลมจาก Xiaomi ที่มีดีไซน์เรียบง่าย มินิมอล ตั้งไว้ที่ไหนก็เข้ากันได้ดี สามารถให้ลมได้ตั้งแต่ความแรงแบบเอื่อยๆ จนถึงความแรงที่ใกล้เคียงพัดลมตัวใหญ่ แต่ก็ทำงานได้ค่อนข้างเงียบ และมอเตอร์ไม่ร้อนแม้เปิดใช้งานตลอดคืน นอกจากนี้การควบคุมผ่านมือถือยังใช้งานง่ายและมีคุณสมบัติหลากหลายให้เลือกใช้ เช่น โหมดลมธรรมชาติ และจำกัดองศาในการส่าย ทำให้ Mi Smart Standing Fan 2 เป็นพัดลมอัจฉริยะที่น่าใช้รุ่นหนึ่งเลย

from:https://thehaptic.co/2022/03/19033/

Xiaomi วางจำหน่ายพัดลมตั้งโต๊ะ มาพร้อมแบตเตอรี่ในตัว ใช้งานยาวนาน 12 ชั่วโมง ราคาราว 490 บาท

Xiaomi นำพัดลมตั้งโต๊ะดีไซน์เรียบง่ายสไตล์มินิมอล ขึ้นบนชั้นวางในร้านค้า Mi Home แขวนป้ายราคาไว้ 99 หยวน หรือราว 490 บาท มีให้เลือก 3 สี คือ สีดำ, สีขาว และ สีชมพู

พัดลมตั้งโต๊ะ ผลิตด้วยวัสดุ ABS + PC ทนทานต่อแรงกดและล้มคว่ำ สามารถถอดตะแกรงด้านหน้าออกเพื่อทำความสะอาดได้ง่าย มาพร้อมแบตเตอรี่ 4000mAh ให้พลังงานได้ยาวนานสูงสุด 12 ชั่วโมง สำหรับการเปิดด้วยเบอร์ 1 และชาร์จแบตเตอรี่ผ่านพอร์ต Type-C

พัดลมตั้งโต๊ะ สามารถปรับความเร็วได้ 3 ระดับ สามารถปรับให้หมุนอัตโนมัติ 60 องศา แต่ปรับหมุนด้วยมือได้ 27 องศา และมีน้ำหนัก 522 กรัม

ทั้งนี้ พัดลมรุ่นนี้ไม่ได้ใช้แบรนด์ Xiaomi แต่มีวางจำหน่ายในร้าน Mi Home

ที่มา – MyDrivers
https://www.flashfly.net/wp/249935

from:https://www.flashfly.net/wp/249935

ประกอบพีซีทั้งทีก็ซื้อมันดีๆไปเลย กับอุปกรณ์ที่หลายๆท่านมองข้าม

เดี๋ยวนี้ใครๆก็ประกอบพีซีกันเพียบ ด้วยสเปคที่แรงขึ้นมาในราคาที่ถูกลงไปอีก แค่หมื่นนิดๆก็เล่นเกมลื่นได้สบายแล้ว หรือบางคนประกอบคอมจัดเต็มไปเลย สีห้าหมื่นเล่นเกมลื่น ซีพียูอย่างแรงการ์ดจออย่างดี แค่เคสนี่ไม่ถึงพัน ไม่ต้องพูดถึงพาวเวอร์ซัพพลายนะครับ บางเครื่องโดยเฉพาะผู้ที่เน้นราคาประหยัดใช้พาวเวอร์วัตต์เยอะก็จริง แต่ราคาไม่ถึงพัน ใช้ได้อยู่หรอกครับ แต่ใช้ได้ไม่ดี อาจจะมีปัญหาได้ในระยะยาว เพราะฉะนั้นวันนี้ทีมงานขอแนะนำอุปกรณ์ที่ผู้ใช้หลายท่านมองข้าม แต่ซื้อทั้งที่ก็ซื้อให้มันดีๆไปเลย

พาวเวอร์ซัพพลาย (Power Supply)

ผมเชื่อว่าเพื่อนๆส่วนใหญ่จะเลือกพาวเวอร์ซัพพลายดีๆ แบรนด์ดังๆเป็นอันดับแรกๆในการเลือกอุปกรณ์ประกอบเครื่อง แต่ก็ยังมีผู้ใช้อีกหลายๆท่านโดยเฉพาะกลุ่มที่ประกอบพีซีราคาประหยัดพวกหมื่นนิดๆ โดยที่เน้นความแรงของการ์ดจอซีพียูเป็นหลัก ทำให้ไม่เหลืองบประมาณไปอัพเกรทอุปกรณ์อย่างอื่น และทำให้ได้พาวเวอร์ซัพพลายที่ไม่ค่อยดีนัก หรือหลายๆร้านที่รับประกอบพีซีเองก็ไม่ได้ใส่ใจตรงนี้เท่าที่ควรเพราะมันทำให้ต้นทุนเครื่องสูงขึ้น วัตต์เยอะในราคาประหยัดไม่ถึงพันบาทแน่นอนว่ามันพอใช้ได้ แต่ไม่ควรใช้ในระยะยาว อย่าลืมนะครับว่าพาวเวอร์ซัพพลายจ่ายไฟให้ทุกอุปกรณ์บนเครื่องถ้าเกิดไฟตก ไฟเกินนี่อันตรายมากๆเลยครับ เพราะฉะนั้นถ้ามีงบสักหน่อยเปลี่ยนพาวเวอร์ซัพพลายดีๆ อย่างน้อยก็เป็นแบรนด์ที่รู้จักบ้างราคาพันขึ้น ก็ช่วยให้อุ่นใจปลอดภัยได้อีกครับ

เคส (Case)

สำหรับบางคนเคสเป็นอุปกรณ์ที่ให้ความสำคัญอย่างมากเพราะเหมือนเป็นหน้าตาเวลาเอาไว้โชว์อวดเพื่อน 55 แต่บางคนเคสมันก็เป็นแค่กล่องที่เอาไว้ใส่อุปกรณ์คอมพิวเตอร์เท่านั้น ไม่เห็นต้องซื้อดีให้ความสำคัญอะไรมาก โดยเฉพาะพวกเคสถูกๆระดับไม่กี่ร้อย ผมนี่เจอมาแล้วคือเหล็กบางมาก บางขนาดที่บิดนิดหน่อยก็ผิดรูปแล้วที่สำคัญคือเมื่อผิดรูปแล้วเปิดไม่ออก นั่งดึงกันอยู่นาน จนเปิดฝาเคสออกมาได้ อันนี้เป็นแค่ตัวอย่างแรกนะครับ นอกจากนั้นก็ยังมีปัจจัยอื่นๆที่เช่นติดตั้งอุปกรณ์ได้ยาก ไม่มีพอร์ตด้านหน้าเคส หรือไม่มีช่องพัดลมเลย อมความร้อน ต่างๆนาๆ การซื้อเคสอาจจะไม่ต้องเป็นหลายๆพันก็ได้ครับ แต่เอายี่ห้อที่พอรู้จักหน่อย หรือมีการเจอะช่องติดตั้งพัดลม พอร์ตต่างๆที่ครบครัน ที่สำคัญคือสามารถถอดอุปกรณ์เปิดฝาเคสได้ง่ายก็ถือว่าใช้ได้แล้วครับ

พัดลมระบายความร้อน (Fan)

บางท่านที่ซื้อคอมราคาประหยัดอาจจะไม่มีพัดลมระบายความร้อนอื่นๆนอกจากซีพียูเลย ซึ่งไม่ดีนักทำให้เครื่องระบายความร้อนได้ไม่ดี หรือมีก็แค่ 1 ถึง 2 ตัวเท่านั้นและพัดลมที่แถมมาก็ไม่ได้ดีนัก ใช้งานนานไปก็จะพังหรือมีเสียงดัง จึงควรซื้อพัดลมระบายความร้อนดีๆหน่อย จะมีไฟไม่มีไฟอันนี้ก็แล้วแต่ชอบตามงบประมาณเลย พัดลมดีๆหลายๆตัวลมแรงและยังเงียบ บางยี่ห้อประกันยาวถึง 5 ปี เบื่อไม่ได้ใช้ก็ยังขายต่อได้ด้วย หรือถ้างบน้อยจริงๆก็ซื้อยี่ห้อถูกๆมาติดก่อนก็ได้สำหรับเคสบางตัวที่ไม่มีพัดลืมอื่นช่วยระบายความร้อนเลย ดีกว่าไม่มีพัดลมครับความร้อนจะไม่ได้สะสมในเคสยืดอายุอุปกรณ์

สายไฟ สายเชื่อมต่อ (Wire)

จริงๆสายที่แถมมากับเมนบอร์ดหรือพาวเวอร์ซัพพลายก็จัดว่ามีคุณภาพดีใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ แต่สำหรับเพื่อนๆที่ต้องซื้อสายต่างๆเพิ่มโดยเฉพาะสาย SATA ที่ต่อฮาร์ดดิสค์ อยากให้ซื้อสายดีๆมียี่ห้อหน่อย เพราะแม้ว่าจะใช้งานได้เหมือนกัน แต่สายถูกๆบางตัวอาจจะส่งข้อมูลได้ไม่เต็มที่ เช่นเมนบอร์ดกับฮาร์ดดิสค์รองรับ SATA III แต่สายถูกๆเป็น SATA II ก็ทำให้ไม่สามารถใช้งานเต็มที่ได้ อีกทั้งการจ่ายไฟที่ไม่เสถียรหรือสายมีตำหนิก็อาจจะทำให้ฮาร์ดดิสค์หรือเมนบอร์ช๊อตได้

เมาส์ คีย์บอร์ด (Mouse & Keyboard)

เมาส์และคีย์บอร์ด เป็นอุปกรณ์ที่เราต้องสัมผัสโดยตรงเป็นระยะเวลานาน ถ้าเมาส์ไม่ดีเวลาใช้นานๆก็จะเมื่อมือ หรือคีย์บอร์ดถูกๆก็จะทำให้พิมพ์ไม่สะดวก แม้หลายร้านหรือพีซีแบรนด์เองจะแถมเมาส์คีย์บอร์ดมา ส่วนใหญ่ก็เป็นของราคาถูกที่ใช้งานได้ แต่ไม่ดีนัก เพราะฉะนั้นอาจจะเลือกไม่รับหรือขอเป็นส่วนลดเพิ่มสำหรับซื้อเมาส์คีย์บอร์ดดีๆ นอกจากใช้งานสะดวกแล้ว ยังสามารถใช้งานได้นานทนทานกว่าอีกด้วย ของดีๆบางรุ่นอาจจะใช้ได้หลายปีเลยทีเดียว

from:https://notebookspec.com/the-pc-is-good-to-buy-it/413288/

รีวิว Thermaltake Riing 12 พัดลมเพื่อชาวชุดน้ำโดยเฉพาะ พร้อมแสงสี RGB : ZoLKoRn on Live – EP#21

พักจากเรื่องราวของความแรง มาพูดคุยกันกับเรื่องเบา ๆ สบาย ๆ ในยุคของแสงสีกันอีกสักครั้ง สำหรับเรื่องราวของพัดลมในขนาด 120mm จากทาง Thermaltake ในโมเดล Riing 12 ซึ่งนอกจากที่มันจะโดดเด่นในเรื่องของแสงสี ที่สามารถปรับเปลี่ยนสีในระดับ RGB 256 สีแล้วนั้น ความพิเศษอีกอย่างของพัดลมในโมเดลดังกล่าวนี้ก็คือเรื่องของการออกแบบให้มันมีแรงดันหรือ Static pressure ของตัวพัดลมมากเป็นพิเศษ เพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุดหรือเหมาะกับการใช้งานร่วมกับหม้อน้ำโดยเฉพาะ

ด้วยการทำงานด้วยรอบสูงสุดเพียง 1500 รอบต่อนาที แต่ทาง Thermaltake เคลมว่ามันจะสามารถให้แรงดันอากาศได้มากถึง 2.01 mm-H2O ซึ่งหากเปรียบเทียบกับพัดลมทั่ว ๆ ไปมันจะมีความดันอากาศเพียงประมาณ 1.xx mm-H2O เท่านั้น สำหรับใครที่กำลังมองหาพัดลมในขนาด 120mm เพื่อใช้งานร่วมกับระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ หรือติดตั้งกับหม้อน้ำกันอยู่ ก็ลองมาติดตามรับชมรายละเอียดทั้งหมดของมันกันดูนะครับว่า โดยรวมแล้วจะมีความน่าสนใจขนาดไหน แสงสีจะสวยงามเพียงไร ?

from:http://feedproxy.google.com/~r/zolkorn/~3/kl-pMPh7n4M/

รีวิว Thermaltake Riing 12 พัดลมเพื่อชาวชุดน้ำโดยเฉพาะ พร้อมแสงสี RGB : ZoLKoRn on Live – EP#21

พักจากเรื่องราวของความแรง มาพูดคุยกันกับเรื่องเบา ๆ สบาย ๆ ในยุคของแสงสีกันอีกสักครั้ง สำหรับเรื่องราวของพัดลมในขนาด 120mm จากทาง Thermaltake ในโมเดล Riing 12 ซึ่งนอกจากที่มันจะโดดเด่นในเรื่องของแสงสี ที่สามารถปรับเปลี่ยนสีในระดับ RGB 256 สีแล้วนั้น ความพิเศษอีกอย่างของพัดลมในโมเดลดังกล่าวนี้ก็คือเรื่องของการออกแบบให้มันมีแรงดันหรือ Static pressure ของตัวพัดลมมากเป็นพิเศษ เพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุดหรือเหมาะกับการใช้งานร่วมกับหม้อน้ำโดยเฉพาะ

ด้วยการทำงานด้วยรอบสูงสุดเพียง 1500 รอบต่อนาที แต่ทาง Thermaltake เคลมว่ามันจะสามารถให้แรงดันอากาศได้มากถึง 2.01 mm-H2O ซึ่งหากเปรียบเทียบกับพัดลมทั่ว ๆ ไปมันจะมีความดันอากาศเพียงประมาณ 1.xx mm-H2O เท่านั้น สำหรับใครที่กำลังมองหาพัดลมในขนาด 120mm เพื่อใช้งานร่วมกับระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ หรือติดตั้งกับหม้อน้ำกันอยู่ ก็ลองมาติดตามรับชมรายละเอียดทั้งหมดของมันกันดูนะครับว่า โดยรวมแล้วจะมีความน่าสนใจขนาดไหน แสงสีจะสวยงามเพียงไร ?

from:http://feedproxy.google.com/~r/zolkorn/~3/hKCecOi4Xng/

Fractal Design Dynamic GP-14 และ GP-12 เราใส่ใจทุกรายละเอียด เพราะพัดลมเราเน้นที่ “แรงลม และความเงียบ”

บริษัท เอสเซนตี้ รีซอร์สเซส จำกัด ผู้นำเข้า และจัดจำหน่ายหน่วยเคส พัดลม พาวเวอร์ซัพพลายระดับโลก Fractal Design Dynamic GP 14-12 เราใส่ใจทุกรายละเอียด เพราะพัดลมเราเน้นที่ “แรงลม และความเงียบ”

Fractal Design Dynamic GP-14 และ GP-12เป็นพัดลมที่ถูกออกแบบมาเพื่อเน้นการไหลเวียนของอากาศ (Airflow) และเสียงรบกวนที่น้อยที่สุด จึงทำให้ภายในเคสคอมพิวเตอร์ของคุณเย็นขึ้นทั้งระบบ รวมถึงความเงียบที่เหมือนดั่งไม่ได้เปิดเครื่อง

พัดลม Dynamic Series ถูกออกแบบด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงที่ใช้เช่นเดียวกับการออกแบบปีกเครื่องบิน ผลจากการออกแบบที่ยอดเยี่ยมจึงทำให้ได้พัดลมที่ประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมด้วยเช่นกัน

Key Features

• ใช้ตลับลูกปืนแบบHydraulic Bearings เพื่อความลื่น ลดเสียงรบกวน ทนความร้อน และมีอายุการใช้งานยาวนานกว่าแบบSleeve Bearings พร้อมกับใส่แม่เหล็ก Counter-Balancing เพื่อช่วยลดความตึงให้กับแกนของตลับลูกปืน
  
• เพิ่มเส้นนูนTrip Wire ที่ขอบของใบพัดลมแบบใบมีด ช่วยให้ดูดกระแสลมที่ผ่านเข้ามาในเฟรมเป็นด้วยความนิ่งไม่ปั่นป่วน
  
• ใบพัดลมแบบใบมีดดูดลมเข้ามาในเฟรมจะเกิดเสียงลม แต่ด้วยการออกแบบที่เพิ่มรอยหยัก Aerodynamically ที่ใกล้ศูนย์กลางของใบพัดลมจะช่วยลดการกระจายของเสียงเมื่อลมผ่านไปยังเสาเฟรมทั้ง 4 เสา
  
• เสาเฟรมทั้ง 4 (Perpendicular Blades)ได้ถูกออกแบบให้มีมุมตั้งฉากกับใบพัดลมเพื่อช่วยลดเสียงรบกวนที่กระแสลมผ่านออกมาจากตัวเฟรม
• ด้วยการออกแบบทีคำนึงถึงหลักเรขาคณิต ความสมดุลช่วยทำให้ความดันของลม (Pressure) คงที่ และกระแสลม Airflow (CFM) ได้อย่างสูงสุด
• มีจำหน่าย 2 รุ่นคือ 120 มม. และ 140มม.

Specifications

สำหรับราคา 120mm 450 บาท / 140mm 550 บาท ทั้งนี้ทุกท่านที่สนใจสามารถจับจองกันได้แล้ว ณ ตัวแทนจำหน่าย เอสเซนตี้รีซอร์สเซส ตามห้างไอทีชั้นนำทั่วไป หรือ สอบถามได้ที่
Ascenti Resources>>> https://www.facebook.com/Ascenti.Resources
Fractal Design Thailand>>> https://www.facebook.com/FractalDesignThailand

from:http://feedproxy.google.com/~r/zolkorn/~3/Rec8qO4TdEA/

Dyson เปิดตัวพัดลมฟอกอากาศ Dyson Pure Cool Link แสดงคุณภาพอากาศภายในบ้าน เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนได้

ในปัจจุบันนี้สภาพมลพิษทางอากาศในเมืองต่างๆทั่วโลกได้ทวีความรุนแรงขึ้น แต่จะมีใครรู้บ้างว่ามลพิษทางอากาศภายในอาคารและบ้านพักอาศัยของเรามีความรุนแรงได้มากกว่ามลพิษทางอากาศภายนอกอาคารถึง 5 เท่า ซึ่งพวกเราใช้เวลาในแต่ละวันอยู่ภายในอาคารถึงประมาณ 90% มลพิษทางอากาศภายในอาคารที่เราพบได้บ่อย จะมาจากก๊าซที่เราใช้หุงต้มอาหารและความร้อนในการประกอบอาหาร, ขนสัตว์เลี้ยง, ละอองเกสรดอกไม้ และสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ มลพิษเหล่านี้ล้วนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น เป็นอนุภาคขนาดเล็กมากและมีแนวโน้มที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย อนุภาคเหล่านี้ล่องลอยและหมุนเวียนอยู่ในอากาศภายในบริเวณบ้านที่เราพักอาศัย

ไดสัน (Dyson) ผู้นำเทคโนโลยีเครื่องใช้ไฟฟ้าจากประเทศอังกฤษ จึงได้ระดมทีมวิศวรกรคิดค้นเทคโนโลยีเพื่อแก้ปัญหามลพิษอากาศภายในอาคาร โดยนำความรู้ความเชี่ยวชาญด้านพลศาสตร์ของไหล (fluid dynamics) และระบบการกรอง มาประกอบกัน เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ นั่นคือพัดลมฟอกอากาศ Dyson Pure Cool™ Link ซึ่งพัดลมฟอกอากาศเครื่องนี้มีระบบตรวจจับอัจฉริยะ คำนวณและแสดงผลคุณภาพอากาศภายในบ้านพักอาศัยของคุณได้โดยอัตโนมัติ ทั้งยังรายงานผลเปรียบเทียบคุณภาพอากาศภายในบ้านและนอกบริเวณบ้านส่งตรงถึงคุณผ่านแอพพลิเคชั่นในมือถือและแท็บเล็ต เพียงดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น Dyson Linkนั่นทำให้มลพิษที่เรามองไม่เห็นด้วยตาเปล่า สามารถสังเกตเห็นและรับรู้ถึงอันตรายได้ เพียงปลายนิ้วสัมผัส

เจมส์ ไดสัน ผู้ก่อตั้งและหัวหน้าทีมวิศวกรของไดสัน กล่าวว่า : “พวกเรามักจะกังวลเกี่ยวกับมลพิษทางอากาศภายนอกอาคาร ซึ่งแท้จริงแล้วมลพิษทางอากาศภายในอาคารกลับมีความรุนแรงที่น่ากลัวกว่ามาก ทีมวิศวกรของไดสันตระหนักถึงความจริงข้อนี้เป็นอย่างดี จึงพัฒนาเครื่องฟอกอากาศที่มีระบบการทำงานอัตโนมัติ สามารถกำจัดอนุภาคขนาดเล็ก สารก่อภูมิแพ้ต่างๆ กลิ่นไม่พึงประสงค์ ที่ก่อให้เกิดมลพิษในอากาศได้โดยเราไม่ต้องสั่งการ และยังรายงานผลแบบ real time ส่งตรงถึงคุณ”

พัดลมฟอกอากาศ Dyson Pure Cool™ Link ใช้เทคโนโลยีการกรอง ระบบ 360° Glass HEPA filter ที่พัฒนาขึ้นเฉพาะไดสัน ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะสามารถดักจับมลพิษในอากาศ ได้ถึง 99.95% ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นไม่พึงประสงค์ อนุภาคขนาดเล็ก ที่แม้จะเล็กเพียง 0.1 ไมครอน ที่ลอยอยู่ในอากาศให้ถูกเก็บอยู่ในแผ่นกรอง ความพิเศษไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้ เพราะระบบเซ็นเซอร์ในตัวเครื่องจะทำหน้าที่ตรวจจับและวัดระดับคุณภาพอากาศภายในอาคารโดยอัตโนมัติ แม้คุณจะไม่อยู่บ้าน ถ้าพบว่ามีคุณภาพอากาศที่ต่ำกว่ามาตราฐาน พัดลมฟอกอากาศนี้ก็จะทำการฟอกอากาศเพื่อให้อากาศที่ไหลผ่านออกมามีคุณภาพอย่างแท้จริง ทันทีที่คุณก้าวเข้าบ้าน คุณก็พร้อมจะสูดอากาศที่ปลอดภัยเข้าไป และนี่ไม่ใช่เพียงเครื่องฟอกอากาศ แต่เป็นพัดลมฟอกอากาศ ดังนั้นจึงมีประสิทธิภาพเช่นเดียวกับพัดลมรุ่นอื่นๆของไดสัน นั่นคือ ทำงานเงียบและทรงพลัง Dyson Pure Cool™ Link จะทำให้อากาศภายในบ้านของคุณปลอดภัย ไร้มลพิษ รวมถึงคงความเย็นให้บ้านของคุณได้ตลอดทั้งปี

นอกจากนี้แอพพลิเคชั่น Dyson Link ยังเก็บบันทึกผลคุณภาพอากาศภายในบ้านของคุณ ให้คุณได้ทราบถึงระดับมลพิษทางอากาศว่าช่วงใดมีระดับสูงหรือต่ำอย่างไร เพื่อทำการวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่มาของมลพิษนั้นๆต่อไป เช่น ช่วงฤดูมรสุม ที่มีลมพัดอย่างต่อเนื่อง เราจะพบมลพิษที่มาจากฝุ่นละอองภายนอกมากกว่าปกติ หรือ ในขณะที่คุณกำลังทำกับข้าว มลพิษภายในบ้านของคุณก็จะสูงขึ้นเช่นกัน แต่คุณสามารถหมดกังวลกับปัจจัยต่างๆที่จะทำให้บ้านของคุณมีมลพิษทางอากาศสูงขึ้นได้ เพียงเลือกตั้งค่าไปที่ระบบอัตโนมัติ พัดลมฟอกอากาศนี้ก็จะสามารถรักษาสมดุล ให้บ้านของคุณมีคุณภาพอากาศที่ได้มาตรฐานตลอดเวลา

Dyson Pure Cool™ Link พร้อมวางจำหน่ายในประเทศไทยปลายเดือนกรกฎาคมนี้ ที่ ห้างสรรพสินค้าและร้านจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำ อาทิเช่น เซ็นทรัล ชิดลม/ เพาเวอร์บาย เซ็นทรัลเวิล์ด / เซ็นทรัล ลาดพร้าว / สยามพารากอน / เอ็มโพเรียม / เดอะมอลล์ บางกะปิ / เดอะมอลล์ บางแค ฯลฯ โดยวางจำหน่าย 2 ขนาด คือขนาดทาวเวอร์ ราคา 31,900 บาท และขนาดตั้งโต๊ะ ราคา 25,900 บาท สำหรับสีที่มีวางจำหน่ายในประเทศไทยได้แก่สี Silver-White ทั้งยังรับประกันคุณภาพ 2 ปี (ฟรีค่าแรงและค่าอะไหล่ ภายใต้เงื่อนไขการรับประกัน)

ใส่ใจสุขภาพของคุณและครอบครัว เริ่มตั้งแต่อากาศที่คุณหายใจเข้าไป กับ Dyson Pure Cool™ Link เทคโนโลยีเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น

from:http://www.flashfly.net/wp/?p=154731

Samsung จ้างหน้าม้า 500 คนในจีนร่วมงานเปิดตัว Galaxy S6/Edge !!

ตามรายงานจากเซี่ยงไฮ้พบว่า Samsung ได้จ้างหน้าม้าจำนวน 500 คนเพื่อเข้าร่วมงานเปิดตัว Galaxy S6 และ S6 Edge เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาตามเวลาในประเทศจีน ไม่ใช่น้อยๆเลยนะครับสำหรับคนจำนวนครึ่งพันที่เข้าร่วมงาน โดยผู้ที่จัดหาหน้าม้าให้กับ Samsung นั้นจะสรรหาคนที่มีอายุต่ำกว่า 30 ที่ดูท่าทางเหมือนกับนักศึกษาเพื่อเข้าร่วมงานนี้ โดยจะจ่ายให้คนที่เข้าร่วมงานอย่างน้อย 1 ชม. เป็นจำนวนเงิน $4.80 USD หรือประมาณ 150 บาท และสำหรับคนที่จัดหาหน้าม้าให้เข้ามาร่วมงานได้นั้นจะได้รับเงินจำนวน $3.20 USD หรือประมาณ 100 บาท ต่อจำนวนคนที่ชวนเข้ามาร่วมได้

ยกตัวอย่างเช่นถ้าผมชวนคนได้ 10 คนผมจะได้เงินทั้งหมดราวๆ 1500 บาทจาก Samsung ครับ ส่วนหน้าม้าที่ไปเข้าร่วมงานก็จะได้เงิน 150 บาทถ้าอยู่ครบ 1 ช.ม.

โดยหลังจากที่ทางหน้าม้าตกลงจะเข้าร่วมในงานแล้ว จะมีการบอกรายละเอียดของงานให้ฟังว่า : ต้องทำตัวเป็นสาวกของ Samsung ที่เข้ามาร่วมงานนี้เพราะสนใจในการเปิดตัวเรือธงตัวใหม่นี้มากๆจริงๆ  ซึ่งจะเห็นได้ว่าพวกเค้าเหล่านั้นทำตัวได้สมกับเป็นแฟนของ Samsung จริงๆครับ เดินไปรอบๆงานดูนู่นดูนี่ แล้วก็ที่ขาดไม่ได้เลยคือการถ่ายรูปเรือธงรุ่นใหม่อย่าง Galaxy S6และ S6 Edge ด้วย iPhone ของพวกเค้า

หน้าม้าที่เข้าร่วมงานคนหนึ่งบอกมาว่า เธอได้ตอบรับคำชวนมางานนี้หลังจากมีคนที่เข้ามาชวนเธอในแอพ Wechat โดยเธอจะได้เงินจำนวน $8.14 USD หรือประมาณเกือบ 250 บาท ขอเพียงแค่เธอโผล่หน้ามาในงานแค่ 15 นาทีเท่านั้น

นอกจากนี้เหล่าหน้าม้าที่ได้รับการว่าจ้างมาต้องโพสรูปการเข้าร่วมงาน รวมทั้งชื่อและเบอร์โทรศัพท์ลงในแอพ WeChat และที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือพวกเค้าต้องเข้าไปกดไลค์แฟนเพจ  Samsung Galaxy Baidu ด้วย แหม่..จ้างมาทั้งทีก็ต้องให้คุ้มหน่อยสิจริงไหมครับ

สาเหตุของการว่าจ้างหน้าม้าในครั้งนี้อาจจะเป็นเพราะว่าทาง Samsung รู้สึกกดดันจากตัวเลขของส่วนแบ่งทางการตลาดในประเทศจีนนั่นเอง เพราะว่า iPhone จาก Apple นั้นสามารกุมส่วนแบ่งทางการตลาดในจีนได้ถึง 27.6% ในระหว่างเดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาตามสถิติที่ทาง Kantar สำรวจไว้นั่นเองครับ โดยสมาร์ทโฟนที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในช่วงเวลานั้นก็คือ iPhone 6 ตามมาด้วย Xiaomi Redmi และ iPhone 6+ ตามลำดับ

 

CREDIT : PHONEARENA

from:http://www.appdisqus.com/2015/04/06/samsung-paid-500-fake-fan-press-event.html

แหวกแนว…ฉลองล้าน Like ด้วยการเปลี่ยนชื่อยี่ห้อเป็นชื่อของคนที่กด Like คนที่ 1 ล้าน

Mike’s Hard Lemonade เป็นแบรนด์เครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ที่ชาวอเมริกันรู้จักดี ล่าสุด Mike’s Hard Lemonade ปิ๊งไอเดียฉลองยอด Like บน Facebook ทะลุ 1 ล้านครั้งด้วยการนำชื่อผู้ที่คลิก “Like ที่ 1 ล้าน” มาตั้งเป็นชื่อแบรนด์เสียเลย งานนี้ Mike’s Hard Lemonade จึงเปลี่ยนชื่อเป็น Paul’s Hard Lemonade นาน 24 ชั่วโมง แถมยังมีการมอบเครื่องดื่ม 12 ขวดที่พิมพ์โลโก้ใหม่ Paul’s Hard Lemonade ลงไปบนขวด พร้อมกับเสื้อเชิ้ตและสินค้าที่ระลึกซึ่งใช้ชื่อ Paul เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้โชคดี ถือเป็นอีกวิธีสุดเก๋ที่แบรนด์สร้างสรรค์มาเพื่อฉลองยอด Facebook Like ได้อย่างน่าสนใจ

ที่ผ่านมา แบรนด์ดังมักจะเฉลิมฉลองสถิติ Facebook Like บนเพจทางการของแบรนด์เกิน 1 ล้านครั้งด้วยการลุ้นโชคหรือการมอบของรางวัล แต่วันนี้รูปแบบการฉลองนั้นเปลี่ยนแปลงไปถึงขั้น “เปลี่ยนยี่ห้อแบรนด์เนม” เพื่อเป็นการให้เกียรติแฟนคลับผู้โชคดีแล้ว โดย Mike’s Hard Lemonade เป็นแบรนด์ที่คลอดแคมเปญนี้ซึ่งอาจจุดประกายให้หลายแบรนด์ลับคมไอเดียฉลองแบบใหม่ในอนาคต

รายงานระบุว่า Mike’s Hard Lemonade ร่วมมือกับเอเจนซี่โฆษณาชื่อ Tris3ct เป้าหมายหลักคือการขอบคุณผู้โชคดีที่คลิก Like บนเพจของ Mike’s Hard Lemonade เป็นครั้งที่ 1 ล้าน นั่นคือ Paul Siano ผู้ใช้ Facebook จากรัฐอิลินอยส์ สหรัฐอเมริกา ขณะผลพลอยได้คือการบอกโลกว่า Mike’s Hard Lemonade ให้ความสำคัญกับแฟนคลับมากเพียงไร

ชื่อ Paul Siano ทำให้แบรนด์ Mike’s Hard Lemonade ถูกเปลี่ยนเป็น Paul’s Hard Lemonade ในพริบตา การเปลี่ยนชื่อแบรนด์เนมนี้ถูกเตรียมการอย่างดีเพื่อให้ดูเหมือนว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่จริงจัง จุดนี้ Mike’s Hard Lemonade มีการออกแบบสัญลักษณ์ใหม่เตรียมไว้ล่วงหน้า พร้อมพิมพ์ลงบนขวดเครื่องดื่ม 12 ขวดซึ่งบรรจุเป็นแพคเกจละ 6 ขวด เช่นเดียวกับการพิมพ์ลงบนเสื้อทีเชิร์ต ซึ่งทั้งหมดจะถูกส่งให้ผู้โชคดีที่อิลินอยส์

แน่นอนว่า Mike’s Hard Lemonade ไม่ใช่แบรนด์แรกที่พยายามสร้างสรรค์แคมเปญสไตล์เก๋เพื่อฉลองหลักไมล์สำคัญบนโลกโซเชียลมีเดีย ก่อนหน้านี้ เครื่องดื่มน้ำดำอย่าง Coca Cola ก็สร้างวิดีโอขอบคุณวาระแฟนเพจทะลุ 5.7 ล้านคน หรือร้าน Buffalo Wild Wings ที่ทำวิดีโอเพื่อชวนให้แฟนคลับมาร่วมโหวตให้คะแนน 3 ผู้โชคดีในโอกาสยอด Like ทะลุ 3 ล้าน ขณะที่ Porsche ประกาศสลักชื่อแฟนคนที่ 1 ล้านบน Facebook ไว้บนรถหรูรุ่น 911 GT3 R Hybrid ซึ่งถือเป็นหนึ่งในรถที่มีราคาแพงติดอันดับโลก

กรณีของ Mike’s Hard Lemonade กิมมิคเล็กๆนี้ทำให้โลกจับตาว่าฉลอง 1 ล้าน Like ยังไอเดียเก๋เช่นนี้ แล้วการฉลอง 5 ล้าน Like ในอนาคตจะไอเดียกระฉุดขนาดไหน ผู้สนใจติดตามชมวิดีโอด้านล่าง

ที่มา: PSFK

from:http://thumbsup.in.th/2014/06/mikes-hard-lemonade-1-million-facebook-fan/

สำรวจพบ “Facebook Fan” 1 คนมีมูลค่า 174 เหรียญสหรัฐฯ

บริษัทวิจัยด้านโซเชียลมีเดียมาร์เก็ตติงเผย แฟนผู้คลิกชื่นชอบแบรนด์บน Facebook หรือ Facebook Fan นั้นมีมูลค่าเฉลี่ย 174 เหรียญสหรัฐฯต่อ 1 แบรนด์ (ประมาณ 5,200 บาท) คิดเป็นมูลค่าเพิ่มขึ้น 28% จากปี 2010

ผลสำรวจนี้เป็นของบริษัท Syncapse ซึ่งร่วมมือกับบริษัทวิจัย Hotspex ทำการสำรวจโดยรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง 2,000 ในสหรัฐฯช่วงมกราคม-กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จากการเปรียบเทียบข้อมูลระหว่างกลุ่มที่เป็น Facebook Fan และกลุ่มที่ไม่ใช่แฟน (non-fan) พบว่ากลุ่มที่เป็นแฟนนั้นมีปริมาณการซื้อสินค้าและความภักดีในแบรนด์มากกว่า จนคิดเป็นมูลค่เฉลี่ย 174 เหรียญสหรัฐฯต่อแบรนด์

นอกจากยอดการซื้อสินค้าของแบรนด์ และความภักดีในแบรนด์ การสำรวจยังประเมินมูลค่ารายรับจากการแนะนำบอกต่อ รวมถึงมูลค่าการซื้อสื่อและมูลค่าการควบรวมกิจการมาคำนวณเป็นมูลค่าของ Facebook Fan ในครั้งนี้ด้วย ซึ่งพบว่ามีหลายแบรนด์ที่ Facebook Fan มีมูลค่าสูงกว่าค่าเฉลี่ย 174 เหรียญ เช่น เสื้อผ้าแบรนด์ Zara และ Levi’s

ซีอีโอ Syncapse อย่าง Michael Scissons อธิบายว่าเหตุที่มูลค่า Facebook Fan ของแต่ละแบรนด์ต่างกันนั้นมาจากราคาการซื้อสินค้า เท่ากับราคาเสื้อ Zara ที่สูงกว่าทำให้มูลค่า Facebook Fan สูงกว่า Fan ของ Coke

การสำรวจยังนำพฤติกรรมของกลุ่มผู้เป็น Facebook Fan และที่ไม่ใช่มาเปรียบเทียบกัน โดยพบว่ากลุ่ม Facebook Fan จะเป็น Fan ของแบรนด์เพจเฉลี่ยราว 10 แบรนด์ในเวลาเดียวกัน ขณะที่ราว 2 ใน 3 ของกลุ่ม non-fan จะติดตามหรือ follow แบรนด์เพจราว 10 เพจหรือน้อยกว่านั้น

ที่น่าสนใจคืออย่าเพิ่งวางใจกลุ่ม Fan มาก เพราะการสำรวจพบว่า 3 ใน 4 ของกลุ่ม Fan จะส่งต่อเรื่องราวประสบการณ์ดีๆรวมถึงโปรโมชันส่วนลดแก่เพื่อนบน Facebook แต่ 2 ใน 3 ของกลุ่ม Fan ก็พร้อมจะบอกเล่าเรื่องราวแง่ลบของแบรนด์เช่นกัน

ทราบแบบนี้แล้ว พยายามทำให้แบรนด์ของเรามีแต่ประสบการณ์สวยหรูจะดีที่สุด

ที่มา : Mashable

from:http://thumbsup.in.th/2013/04/facebook-fan-value-researcher/