คลังเก็บป้ายกำกับ: DASSAULT_SYSTÈMES

แดสสอลท์ ซิสเต็มส์ เผยประสบการณ์ Virtual Twin ตัวเร่งพัฒนาการเดินทางในอนาคต (Future Mobility) และเมืองอัจฉริยะ (Smart Cities) ของประเทศไทยสู่ความยั่งยืน [Guest Post]

  • แดสสอลท์ ซิสเต็มส์ มุ่งมั่นสนับสนุนประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero) ภายในปี ค.ศ. 2065 ภายใต้นโยบาย 30@30
  • ชูประสบการณ์ Virtual Twin เป็นกุญแจสำคัญสำหรับพัฒนาโซลูชันการเดินทางแห่งอนาคตและการวางแผนเมืองอัจฉริยะ เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ยุคใหม่ที่ยั่งยืน 
  • แพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE ของแดสสอลท์ ซิสเต็มส์ จะสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานร่วมกันเพื่อการวางแผน ออกแบบ การทำวิศวกรรมและการผลิต

แดสสอลท์ ซิสเต็มส์  (Euronext Paris: FR0014003TT8, DSY.PA) เดินหน้าร่วมขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปสู่ยุคใหม่ที่ยั่งยืนมากขึ้น ด้วยการนำศักยภาพของประสบการณ์ Virtual Twin มาใช้วางแผนพัฒนาเมืองอัจฉริยะและโซลูชันการเดินทางในอนาคต

การพัฒนารูปแบบการเดินทางไปสู่ความยั่งยืนเปิดโอกาสการลงทุนใหม่ ๆ พร้อมเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันและยังช่วยสร้างทักษะแรงงานรวมถึงอาชีพใหม่ ๆ เพื่อรองรับการขยายตัวอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทย

พลังงานหมุนเวียน ระบบขนส่งอัจฉริยะและรถยนต์ไฟฟ้า (EV) มีบทบาทสำคัญต่อเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนของประเทศไทยและเป็นไปตามวัตถุประสงค์เพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ. 2065  นอกจากนี้ประเทศไทยยังเตรียมขับเคลื่อนเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยตั้งเป้าผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศถึง 30% ภายในปี ค.ศ. 2030 ภายใต้นโยบาย ‘30@30’

อย่างไรก็ตามการขยายตัวอย่างรวดเร็วของเมืองเป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญของการจัดการระบบขนส่ง โดยในปี ค.ศ. 2050 ประชากรไทยจะเพิ่มขึ้นอีก 11 ล้านคน และ 73% จะอยู่อาศัยในเขตเมือง ซึ่งการขยายตัวของเมืองจะมีอย่างต่อเนื่องตามเทรนด์โลกและก่อให้เกิดความท้าทาย 3 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ ความพร้อมและความสามารถของโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรับมือสังคมเมืองที่ขยายใหญ่ขึ้น ปัญหาการจราจรที่หนักหน่วงขึ้น และปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมหรือมลภาวะที่เพิ่มขึ้น

การจราจรหนาแน่นจากยานพาหนะที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) ที่เป็นตัวการสำคัญของการปล่อยคาร์บอนและทำให้คุณภาพอากาศในเมืองแย่ลง ทำให้เมืองต่าง ๆ กำลังผลักดันให้เปลี่ยนมาใช้ EV เพื่อลดมลพิษทางอากาศ เนื่องจากการใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นอนาคตของการเดินทาง การผลักดัน EV ขับเคลื่อนผู้ผลิตยานยนต์ให้ออกแบบ พัฒนาด้านวิศวกรรมและผลิต EV ให้มีประสิทธิภาพ คุ้มค่า และยั่งยืน

นวัตกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลจะมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อประเทศไทยในการปรับขนาดการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด ช่วยเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมยานยนต์ พร้อมยังสามารถแข่งขันและดึงดูดผู้ผลิตให้เข้ามาเปิดสายการผลิตในโรงงานในประเทศไทย โดยแพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE และประสบการณ์ Virtual Twin ของแดสสอลท์ ซิสเต็มส์ จะช่วยวางแผนด้านโครงสร้างพื้นฐานการเดินทางในเมืองต่าง ๆ ทำให้เมืองน่าอยู่และมีความอัจฉริยะยิ่งขึ้น

นาย อึง อิค ฮอค  ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจบริการสาธารณะและเมือง ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกใต้ แดสสอลท์ ซิสเต็มส์ กล่าวว่า “ปัจจุบันมีการนำแพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE ของแดสสอลท์ ซิสเต็มส์ ไปใช้พัฒนายานพาหนะไฟฟ้าสูงถึง 85% ของโลก โดยผู้ผลิตสามารถเร่งกระบวนการพัฒนาและลดต้นทุนการผลิตในด้านต่าง ๆ ด้วยการสร้างแบบจำลองคู่แฝดเสมือนของรถยนต์และนำไปใช้จำลองการทดสอบสมรรถนะรถยนต์เสมือนจริง นอกจากนี้ผู้ผลิตยังได้รับข้อมูลและความรู้เชิงลึกสำหรับการสร้างที่ยั่งยืนตลอดวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ เช่นเดียวกับการทำงานร่วมกันบนแพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE ที่ช่วยให้ นักผังเมือง ผู้ให้บริการด้านพลังงานและผู้ผลิตยานยนต์สามารถเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานของสถานีชาร์จ EV เพื่อตอบสนองความต้องการของเมืองตามปัจจัยสำคัญ อาทิ ระยะทาง จำนวนประชากรและโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ โดยเทคโนโลยี Virtual Twins สามารถช่วยวางแผนและประเมินการเข้าถึงสถานีชาร์จ EV ที่ติดตั้งแล้วได้ และเราพร้อมสนับสนุนประเทศไทยบรรลุเป้าหมายอันสูงสุดเพื่อพัฒนาการเดินทางในอนาคตให้เกิดขึ้นจริง”

เขายังอธิบายเพิ่มเติมว่า Virtual Twins สามารถใช้เพื่อสนับสนุนการกำหนดนโยบายผ่านการสร้างโมเดลและการจำลองเสมือนจริง โดยให้ข้อมูลเชิงลึกด้านผลกระทบต่อคุณภาพอากาศจากการเปลี่ยนยานพาหนะ ICE ไปเป็น EV มากขึ้น ขณะที่กำลังมองไปถึงอนาคตการเดินทาง แต่การปรับปรุงและพัฒนาการเดินทาง ณ ปัจจุบันควรดำเนินต่อไป ซึ่งการวางแผนสร้างทางหลวง ถนนหรือเส้นทางจักรยานใหม่ ตลอดจนปรับปรุงความสะดวกสบายของการสัญจรในเมือง รวมถึงการเดินบนทางเท้าแบบไร้สิ่งกีดขวางสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย Virtual Twins”

ล่าสุดบริษัทฯ ยังได้ร่วมนำเสนอเทคโนโลยีและข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับอุตสาหกรรมยานยนต์ ในงาน Future Mobility Asia ที่จัดขึ้นระหว่าง 17-19 พฤษภาคม 2566 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมคลิก https://events.3ds.com/future-mobility-asia-2023

from:https://www.techtalkthai.com/dassault-systems-unveils-virtual-twin-experience-accelerating-future-mobility-and-smart-cities-in-thailand-towards-sustainability/

[Guest Post] แดสสอล์ท ซิสเต็มส์เปิดตัวแพลตฟอร์มการออกแบบใหม่ “3DEXPERIENCE SOLIDWORKS” เพิ่มศักยภาพทำงานร่วมกันให้กับนัก ประดิษฐ์และเพิ่มโอกาสจ้างงานให้นักเรียน-นักศึกษา

  • แพลตฟอร์มใหม่บนคลาวด์เปิดตัวที่งาน 3DEXPERIENCE World 2021 สร้างการเรียนรู้และแนวทางนำเสนองานสร้างสรรค์ผ่านการออกแบบดิจิทัล 3 มิติ งานวิศวกรรมและแอปพลิเคชันการทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • 3DEXPERIENCE SOLIDWORKS for Makers มอบวิธีการการออกแบบ การแบ่งปัน การเชื่อมโยงและทำงานรูปแบบใหม่ ๆ ร่วมกับชุมชนระดับโลก Madein3D ให้ชุมชนนักออกแบบดิจิทัลรุ่นใหม่
  • 3DEXPERIENCE SOLIDWORKS for Student นำเสนอแนวทางในการพัฒนาทักษะการออกแบบ พร้อมรับรองความสามารถที่อุตสาหกรรมให้การยอมรับ ยกรับความสามารถของนักเรียน-นักศึกษาให้เริ่มอาชีพได้เร็วกว่าเดิม

แดสสอล์ท ซิสเต็มส์ (Euronext Paris: #13065, DSY.PA) ประกาศเปิดตัว 2 แพลตฟอร์มการออกแบบใหม่ในอนาคต ได้แก่ “3DEXPERIENCE SOLIDWORKS for Makers” และ “3DEXPERIENCE SOLIDWORKS for Student” ภายในงาน 3DEXPERIENCE World 2021 ในรูปแบบเสมือนจริง นำเสนอวิธีการใหม่ ๆ สำหรับการออกแบบ การทำงานร่วมกัน การแบ่งปันและพัฒนาทักษะสู่ความเป็นเลิศ ช่วยให้นักประดิษฐ์และนักเรียน-นักศึกษาสามารถเข้าถึงเครื่องมือและสภาพแวดล้อมดิจิทัลบนคลาวด์ที่มีศักยภาพที่สุดในโลกเพื่อใช้สำหรับงานด้านการออกแบบ วิศวกรรมและนวัตกรรมการทำงานร่วมกัน

แพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE SOLIDWORKS for Makers ได้ร่วมศูนย์นักประดิษฐ์  และแนวความคิดต่าง ๆ เพื่อสร้างการทำงานร่วมกัน โดยนักออกแบบดิจิทัลมือใหม่ยังสามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ได้โดยใช้แอปพลิเคชัน 3DEXPERIENCE SOLIDWORKS Professional, 3D Creator และ 3D Sculptor พร้อมแชร์โปรเจกต์ส่วนตัวไปยังชุมชนผู้ผลิตระดับโลกอย่าง Madein3D ที่ แดสสอล์ท ซิสเต็มส์ ดูแลอยู่ โดยชุมชนแห่งนี้มีผู้ผลิตระดับแนวหน้าในวงการออกแบบ รวมถึงนวัตกรที่คอยให้ความช่วยเหลือและสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักออกแบบสมัครเล่นต่าง ๆ

สำหรับแพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE SOLIDWORKS for Students จะช่วยเตรียมความพร้อมให้กับนักเรียน-นักศึกษาและเพิ่มโอกาสการทำงานที่มีการแข่งขันสูงในตลาด ซึ่งจะพัฒนาทักษะด้านวิศวกรรม การทำงานร่วมกัน การจัดการโปรเจกต์ รวมถึงการนำข้อมูลมาวิเคราะห์และต่อยอด ที่ล้วนเป็นทักษะที่เป็นที่ต้องการอย่างสูงในอุตสาหกรรม แพลตฟอร์มนี้ยังสามารถใช้งานได้จากทุกที่และมีฟีเจอร์การใช้งานครบครัน อาทิ 3DEXPERIENCE SOLIDWORKS Student, 3D Designer Student และ Collaborative Business รวมถึงแอปพลิเคชันที่จำเป็นของบรรดานวัตกรในอุตสาหกรรม นอกจากนี้ยังสามารถเข้าถึงชุมชนออนไลน์ระดับโลกที่มีเพื่อนนักออกแบบและเหล่าผู้เชี่ยวชาญแพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE พร้อมได้รับรองความสามารถในระดับที่อุตสาหกรรมให้การยอมรับ 2 รายการ

เพื่อเป็นการสนับสนุนการเปิดตัวของ 3DEXPERIENCE SOLIDWORKS for Student แดสสอล์ท ซิสเต็มส์ได้จัดงาน “World Wide Virtual Career Fair” ขึ้นเป็นครั้งแรกระหว่างงาน 3DEXPERIENCE World 2021 โดยเชิญนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยในอเมริกาเหนือ ยุโรปและญี่ปุ่น มาพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและสร้างเครือข่ายแบบตัวต่อตัวกับทีมงานที่มีความสามารถระดับโลกของ แดสสอล์ท ซิสเต็มส์ พร้อมด้วยลูกค้าของ SOLIDWORKS

มร. จิอัน เปาโล บาสซี่ ประธานบริหาร, โซลิดเวิร์ค, แดสสอล์ท ซิสเต็มส์ กล่าวว่า “เราเริ่มต้นจากผลิตภัณฑ์เปลี่ยนไปสู่แพลตฟอร์ม จากการความเชื่อมโยงและพัฒนาไปสู่สัมพันธภาพ…3DEXPERIENCE SOLIDWORKS จะพลิกโฉมวิธีการเรียนรู้ การทำงานร่วมกันและแนวทางการพัฒนานวัตกรรมของทั้งนักประดิษฐ์และนักเรียน-นักศึกษา พวกเขาสามารถใช้เครื่องมือที่เหมาะสมเพื่อพัฒนาทักษะที่ภาคอุตสาหกรรมต้องการและสร้างความก้าวหน้าในด้านอาชีพได้ตั้งแต่ในช่วงเรียน ขณะที่ผู้ผลิตสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนผ่านการแชร์ความมุ่งมั่นทุ่มเทในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และพร้อมให้การช่วยเหลือด้วยประสบการณ์ความเชี่ยวชาญและทำงานร่วมกัน ซึ่งทั้งนักประดิษฐ์และนักเรียน-นักศึกษาต่างได้รับความรู้และวิธีการชั้นเลิศเพื่อสร้างประสบการณ์พลิกเกมธุรกิจ เบนเดสก์ท็อปไปสู่การจัดการโดยแพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE”

แพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE SOLIDWORKS for Student จะพร้อมวางจำหน่ายในเดือนพฤษภาคม 2564 ส่วนแพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE SOLIDWORKS for Makers จะวางจำหน่ายในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ผ่านช่องทางออนไลน์ที่จะให้ประสบการณ์การซื้อที่ง่ายและสะดวกกว่าเดิมบนแพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE

 

 

from:https://www.techtalkthai.com/guest-post-dassault-3-dexperience-solidworks/

[Guest Post] Dassault Systèmes เปิดตัวแคมเปญ “น้ำเพื่อชีวิต” หนุนภาคอุตสาหกรรมใช้น้ำอย่างฉลาดและรักษาทรัพยากรอันมีค่า

  • แคมเปญใหม่ภายใต้โครงการ “The Only Progress is Human” เพื่อสร้างจิตสำนึกเรื่องปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม มีเป้าหมายสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืนของยูเอ็น โดยผลักดันให้ภาคอุตสาหกรรมในการใช้โลกเสมือนจริงเพื่อลดผลกระทบจากการใช้น้ำ
  • Dassault Systèmes ช่วยบริษัทต่างๆ ประเมินและปรับปรุงการใช้น้ำ รวมถึงสนับสนุนแนวคิดลดการใช้น้ำ โดยเร่งการสร้างนวัตกรรมร่วมกับ 3DEXPERIENCE Lab พร้อมส่งเสริมโครงการให้ความรู้
  • ลูกค้าที่ตั้งเป้าดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนจะต้องประเมินและจำลองการใช้น้ำในกระบวนการผลิตและส่งมอบสินค้า 

 

Dassault Systèmes (Euronext Paris: #13065, DSY.PA) เปิดตัวแคมเปญ “น้ำเพื่อชีวิต” (Water for Life) ภายใต้โครงการ “The Only Progress is Human” เพื่อกระตุ้นจิตสำนึกเกี่ยวกับปัญหาด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมและสร้างแรงบันดาลใจในการใช้โลกเสมือนจริง เพื่อขับเคลื่อนการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ยั่งยืน  “Water for Life” เป็นการผสานรวมแนวคิดเรื่องน้ำและการอุปโภคบริโภค เพื่อสำรวจความท้าทายของภาคอุตสาหกรรมในการใช้และรักษาทรัพยากรที่มีค่าที่สุดของโลกอย่างชาญฉลาดมากขึ้น ขณะที่โลกของเรากำลังประสบปัญหาการใช้น้ำมากเกินความพอดี  แคมเปญนี้เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (United Nations Sustainable Development Goals) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป้าหมายที่ 6 “เพื่อสร้างหลักประกันว่าจะมีการจัดสรรทรัพยากรน้ำและสุขอนามัยสำหรับทุกคนด้วยแนวทางการบริหารจัดการที่ยั่งยืน”

ภายใต้แคมเปญ “Water for Life” Dassault Systèmes จะให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าเพื่อแก้ไขปัญหาท้าทายดังกล่าวใน 3 แง่มุม ได้แก่ การตรวจวัดและปรับปรุงประสิทธิภาพ การคิดค้นและสร้างสรรค์นวัตกรรม และการให้ความรู้  โดยขั้นแรก บริษัทฯ จะผลักดันการใช้แพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการตรวจวัดและปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้น้ำ (Water Footprint) ขององค์กรธุรกิจ โดยจะจัดหาโซลูชั่นภาคอุตสาหกรรมแบบครบวงจรให้แก่ลูกค้า ซึ่งจะนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการใช้น้ำในส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับประสบการณ์ที่นำเสนอ รวมถึงผลกระทบของตัวเลือกการออกแบบที่หลากหลาย  และในอนาคต จะมีการให้คำแนะนำโดยระบบ AI ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ บริการ และประสบการณ์ใหม่ๆ ที่มีความยั่งยืนเพิ่มมากขึ้น

 

นอกจากนี้ Dassault Systèmes ยังสนับสนุนแนวคิดเรื่องการแก้ไขปัญหาการใช้น้ำ (Water Handprint) ผ่านทาง 3DEXPERIENCE Lab โดยมีการใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่เก็บรวบรวม เพื่อเร่งการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่จะก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เช่น กรณีของ EEL Energy ซึ่งปรับเปลี่ยนกระบวนการในภาคอุตสาหกรรมที่จำเป็นเพื่อลดการใช้น้ำ รวมถึงการส่งเสริมการมีส่วนร่วมกับหน่วยงานบ่มเพาะธุรกิจ (Incubator) จากทั่วโลก เช่น OceanHub Africa

สุดท้าย บริษัทฯ ให้การสนับสนุนโครงการด้านการศึกษา เพื่อสร้างจิตสำนึกในเรื่องปัญหาสำคัญๆ ที่เกี่ยวกับน้ำ และสร้างแรงบันดาลใจให้แก่คนรุ่นใหม่ในการอนุรักษ์ทรัพยากรที่สำคัญนี้ เช่น โครงการ Mission Ocean ในฝรั่งเศส ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิ Dassault Systèmes (La Fondation Dassault Systèmes)

 

เบอร์นาร์ด ชาร์แลส รองประธานและซีอีโอของ Dassault Systèmes

 

เบอร์นาร์ด ชาร์แลส รองประธานและซีอีโอของ Dassault Systèmes กล่าวว่า “ทั่วโลกกำลังตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ และการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการพัฒนาที่ยั่งยืนและความรับผิดชอบต่อสังคม  ภาคอุตสาหกรรมจึงมีบทบาทสำคัญในการดำเนินการตาม ‘แผนปฏิบัติการของสหประชาชาติ’ เกี่ยวกับการจัดการน้ำ  นอกจากนี้โลกเสมือนจริง (Virtual Universe) ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้ลูกค้าของเราคิดค้น ออกแบบ และทดสอบผลิตภัณฑ์ วัสดุ และกระบวนการผลิตใหม่ๆ ที่จำเป็นสำหรับระบบเศรษฐกิจที่ยั่งยืนในอนาคต  โซลูชั่นด้านอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่เรานำเสนอจะทำให้เราครองอันดับหนึ่งของโลกในฐานะพาร์ทเนอร์สำหรับการปฏิวัติอุตสาหกรรมที่มีความยั่งยืนมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมาย ข้อตกลงปารีส (Paris Agreement)”

 

 

น้ำมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อชีวิต แต่การใช้น้ำซึ่งมีปริมาณที่มากเกินไปสำหรับการผลิตสินค้าและการให้บริการแก่ผู้คนทั่วโลกในแต่ละวัน ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อทรัพยากรน้ำ โดยปัจจุบัน กว่า 40% ของประชากรโลกกำลังประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ  ภายใต้เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน สหประชาชาติได้ประกาศแผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำสำหรับช่วงปี 2561-2571 โดยมุ่งเน้นการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการและการพัฒนาที่ยั่งยืน  แคมเปญ “Water for Life” สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการดังกล่าว ทั้งยังสอดรับกับความมุ่งมั่นของ Dassault Systèmes ในการดำเนินการตามเป้าหมายในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตาม Science Based Targets initiative อีกทั้งบริษัทฯ ยังทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนหลักของคณะทำงานด้านการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ (Taskforce for Climate-related Financial Disclosures หรือ TCFD) อีกด้วย

แคมเปญ “Water for Life” ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในวิดีโอที่นำเสนอโดย เบอร์นาร์ด ชาร์แลส พร้อมด้วย ไมค์ ฮอร์น ผู้เชี่ยวชาญในด้านการสำรวจและนักผจญภัย ซึ่งมีความสนใจและความมุ่งมั่นในเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำเช่นเดียวกัน

 

ไมค์ ฮอร์น ผู้เชี่ยวชาญในด้านการสำรวจและนักผจญภัย

 

ไมค์ ฮอร์น กล่าวว่า “ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการสำรวจ ผมได้พบเห็นกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์ที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสภาพแวดล้อมและโลกของเรา  ดังนั้นเราทุกคนจำเป็นที่จะต้องปกป้องดูแลธรรมชาติและอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ ซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุดสำหรับมนุษย์เรา  ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่สหประชาชาติ NGOs และนักการเมืองมีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และยังรวมถึง ผู้นำภาคอุตสาหกรรมอย่าง คุณเบอร์นาร์ด ชาร์แลส ซีอีโอของ Dassault Systèmes ที่ได้ตอกย้ำถึงความสำคัญของประเด็นดังกล่าวอีกด้วย”

โครงการ “The Only Progress is Human” ซึ่งเปิดตัวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2563 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อกระตุ้นจิตสำนึกเกี่ยวกับปัญหาด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้คนและภาคส่วนต่างๆ ในการใช้โลกเสมือนจริง (Virtual World) เพื่อเก็บรวบรวมและกลั่นกรองข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับปัญหาเหล่านี้ พร้อมทั้งผลักดันการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ยั่งยืนเพื่ออนาคตที่ดีกว่า  โครงการนี้นำเสนอ “10 แคมเปญ” ที่แสดงให้เห็นถึงวิธีการประยุกต์ใช้งานระบบ Virtual Twin เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์ในโลกแห่งความเป็นจริง โดยให้ความสำคัญกับผู้คนเป็นหลักและความท้าทายที่เกี่ยวข้องในแต่ละแคมเปญ โดยแคมเปญแรกมุ่งเน้นไปยังความท้าทายที่เกี่ยวกับ “การใช้โลกเสมือนจริงเพื่อเปลี่ยนแปลงประสบการณ์ด้านอารมณ์ความรู้สึก” โดยมีการนำเสนอประสบการณ์ที่แปลกใหม่ทางด้านภาพและเสียงดนตรี ซึ่งเรียกว่า “Virtual Harmony” โดยมีการใช้เทคโนโลยี 3Dvarius รวมไปถึงไวโอลินไฟฟ้าตัวแรกที่สร้างขึ้นจากเครื่องพิมพ์ 3 มิติ โดยใช้โซลูชั่นของ Dassault Systèmes

โซเชียลมีเดีย:

แชร์ข้อความผ่านทาง Twitter:  .@Dassault3DS เปิดแคมเปญ “น้ำเพื่อชีวิต” หนุนภาคอุตสาหกรรมใช้น้ำอย่างฉลาด ปกป้องทรัพยากรอันมีค่า #3DEXPERIENCE #progressishuman

ติดต่อDassault Systèmes ผ่านทาง Twitter Facebook LinkedIn YouTube

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม:

The Only Progress is Human:  https://progress-is-human.3ds.com/

แพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE, ซอฟต์แวร์การออกแบบ 3 มิติ, โซลูชั่น 3D Digital Mock Up และ Product Lifecycle Management (PLM) ของ Dassault Systèmes: http://www.3ds.com

 

เกี่ยวกับ Dassault Systèmes

แดสสอล์ท ซิสเต็มส์ คือบริษัท 3DEXPERIENCE ที่นำเสนอโลกเสมือนจริงให้แก่ผู้คนและองค์กรธุรกิจ เพื่อรองรับ การสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างยั่งยืน ด้วยโซลูชั่นระดับชั้นนำของโลกที่ปรับปรุงแนวทางการออกแบบ ผลิต และ สนับสนุนผลิตภัณฑ์ต่างๆ โซลูชั่นการประสานงานร่วมกันของแดสสอล์ท ซิสเต็มส์ ช่วยส่งเสริมนวัตกรรมทางสังคม ขยายความเป็นไปได้สำหรับโลกเสมือนจริงเพื่อปรับปรุงโลกแห่งความเป็นจริง บริษัทฯ มอบคุณประโยชน์ให้แก่ ลูกค้าองค์กรทุกขนาดกว่า 220,000 รายในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมในกว่า 140 ประเทศ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.3ds.com

3DEXPERIENCE, the Compass logo and the 3DS logo, CATIA, SOLIDWORKS, ENOVIA, DELMIA, SIMULIA, GEOVIA, EXALEAD, 3D VIA, BIOVIA, NETVIBES and 3DEXCITE เป็นเครื่องหมายการค้า จดทะเบียนของแดสสอล์ท ซิสเต็มส์ หรือเป็นของบริษัทในเครือ ทั้งที่อยู่ในสหรัฐอเมริกา และ/หรือ ประเทศอื่นๆ

from:https://www.techtalkthai.com/guest-post-dassault-systemes-water-for-life/

แฝดเสมือน (Virtual Twin) ความสำเร็จบทใหม่ของโรงงานแห่งอนาคต

การทำลายเชิงสร้างสรรค์ (Creative destruction) คือการรื้อแนวทางปฏิบัติเดิมที่มีมายาวนานเพื่อหาหนทางไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ เป็นกระบวนการที่มีส่วนทำให้อายุเฉลี่ยของบริษัทที่ประสบความสำเร็จน้อยลงไปด้วย ซึ่งสอดคล้องกับผลการจัดอันดับของนิตยสาร Fortune ที่พบว่าปัจจุบันอายุเฉลี่ยของบริษัทที่ติดอันดับ Fortune 500 company มีอายุน้อยกว่า 20 ปี ซึ่งมีจำนวนที่ลดลงมากเมื่อเทียบบริษัทยุคก่อนจากผลสำรวจเมื่อปีในปี 1950 ที่มีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 60 ปี

เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมการผลิตที่ได้รับผลกระทบจากการดิสรัปชั่นทางสังคม เศรษฐกิจ และเทคโนโลยี ทำให้องค์กรต้องมองหารูปแบบการบริหารจัดการธุรกิจแบบใหม่เพื่อตอบสนองต่อความต้องการลูกค้า ในขณะที่การรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วอย่างมีประสิทธิภาพนั้นทำได้ยาก ถึงแม้จะอยู่ในช่วงเวลาที่เหมาะสมก็ตาม แต่ความท้าทายที่เกิดจาก COVID-19 มีความซับซ้อนมากกว่านั้น นับเป็นครั้งแรกที่ผู้ประกอบการโรงงานต้องเผชิญกับวิกฤติใหม่ๆ ที่ไม่เคยพบมาก่อน ซึ่งเกี่ยวข้องกับความสนใจและพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคในอนาคต จากผลการสำรวจล่าสุดจัดทำโดย EY พบว่า มีผู้บริหารในอุตสาหกรรมห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) เพียง 10% เท่านั้นที่เตรียมพร้อมรับมือกับการดิสรัปชั่นที่เกิดจากการระบาดใหญ่นี้


ขณะนี้เราก้าวเข้าสู่ยุคแห่งประสบการณ์ (Age of Experience) ส่งผลให้อุตสาหกรรมการผลิตจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อขยายขอบเขตการทำงานแบบดั้งเดิมไปสู่การสร้างเครือข่ายที่สามารถเพิ่มมูลค่าระดับโลกได้ โดยต้องใช้วิธีการทำงานและเฟรมเวิร์คสำหรับสายงานผลิตที่อัจริยะขึ้น และควรตั้งเป้าหมายองค์กรให้เป็นมากกว่าที่หนึ่งของอุตสาหกรรม แต่ต้องปรับทัพองค์กรและวิถีการทำงานให้มีความคล่องตัวมากขึ้น รวมทั้งดึงข้อมูลมาใช้เพื่อยกระดับการทำงานของแต่ละส่วนงานในองค์กรให้ทำงานสอดคล้องและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น หรือที่เรารู้จักกันว่ากลยุทธ์ Data-Driven

Big Data กุญแจสำคัญสู่การสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้ธุรกิจ

ขณะนี้เรากำลังอยู่ในยุคฟื้นฟูอุตสาหกรรมทั่วโลก (Industry Renaissance) ซึ่งเป็นการนำเสนอวิธีการมองโลกในมุมที่แตกต่างออกไป การพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้ วิธีการผลิตและการค้า ในขณะที่ผู้ประกอบการพิจารณาแนวทางในการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานหรือเปลี่ยนการผลิตจำนวนมากไปเป็นการผลิตที่มีขนาดเล็กลง สามารถปรับแต่งตามความต้องการได้มากขึ้น ซึ่งทำให้ข้อมูลจะเป็นแรงผลักดันในการเปลี่ยนแปลง Big Data คือข้อมูลมหาศาลมีอยู่รอบตัวเราและเราสามารถเสพข้อมูลจากสตรีมอินพุตต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้ประกอบการใช้ Industrial Internet of Things (IIoT) ในการผลิตและการดำเนินงานมากขึ้น


ในอดีต ผู้ประกอบการมีข้อมูลไม่เพียงพอที่ใช้สำหรับบริหารจัดการปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ นั้นหมายความว่าจะต้องมีการตั้งสมมติฐานให้กับปัญหาต่างๆ ก่อนที่จะรวบรวมข้อมูลเพื่อหาข้อเท็จจริง ซึ่งถือเป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการดำเนินงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการการตรวจสอบระบบต่างๆ ด้วยตนเองซึ่งก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายสูง สิ้นเปลืองเวลาและต้องใช้แรงงานคนในการดำเนินการ นอกจากนี้จากการตรวจสอบดังกล่าวยังพบว่าการใช้แรงงานคนมีความเสี่ยงจากการผิดพลาดการทำงานและอาจมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการบาดเจ็บในที่ทำงานอีกด้วย

วันนี้ IIoT ทำให้ผู้ประกอบการมีกระบวนการใหม่ๆ ซึ่งทำให้สามารถผลิตสินค้าภายใต้กระบวนการที่มีคุณภาพ สามารถรวบรวมข้อมูลสินค้าได้ครอบคลุมทุกขั้นตอนของห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) การผลิตและกระบวนการจัดจำหน่าย ด้วยความสามารถในการวิเคราะห์ที่มีประสิทธิภาพโดยใช้ความสามารถของปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเรียนรู้ของระบบคอมพิวเตอร์ (Machine learning) จึงสามารถรวบรวมข้อมูลเชิงลึกที่ต้องการเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาได้

พลิกโฉมวิธีการทำงาน

การดิสรัปชั่นที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ทำให้ผู้ประกอบการเห็นโอกาสทองในการปรับโครงสร้างการดำเนินงานและห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) ใหม่โดยการนำเอากระบวนการการผลิตอัจฉริยะมาใช้เร่งกระบวนการทางดิจิทัล โดยเฉพาะเน้นความสำคัญในด้านความสามารถในการปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองต่อการดิสรัปชั่นหรือเข้าถึงโอกาสใหม่ๆ ภายใต้ห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) ที่มีความยืดหยุ่น

เทคโนโลยีแฝดเสมือน (Virtual Twin) จึงมีบทบาทสำคัญอย่างมากในสถานการณ์ดังกล่าว การจำลองแบบดิจิทัลที่สมบูรณ์ของเครื่องมือหรือกระบวนการผลิตที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติงานตามแบบดั้งเดิม เช่น โรงงานหรือห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) โดยใช้ Virtual Twin สามารถทำให้ช่วยจำลองห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) ของการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำจรดปลายน้ำ ทำให้สามารถตรวจสอบและแก้ไขข้อบกพร่องที่พบได้แบบเรียลไทม์ รวมทั้งมอบประสบการณ์และสร้างไอเดียใหม่ๆ ได้โดยใช้ระยะเวลาอันสั้น

สิ่งนี้ช่วยสร้างความยืดหยุ่นและผลผลิตใหม่ๆ ไปสู่การปฏิบัติงานจริงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเพิ่มความยืดหยุ่นทางธุรกิจ และเป็นการวางฐานรากเพื่อพัฒนาไปสู่การเป็นโรงงานแห่งอนาคต

ทำความเข้าใจ Big Data และนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งของ ปริมาณข้อมูลที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว (exponential data) คือความสามารถในการประมวลผลและสรุปข้อมูลให้เป็นรูปธรรมอย่างรวดเร็ว รวมทั้งการแสดงผลลัพธ์ต้องให้ผู้ใช้นำไปใช้งานได้อย่างสะดวก ทว่าในความเป็นจริงผู้ประกอบการหลายแห่งใช้เวลากว่า 30% ไปกับกระบวนการแบบเดิมๆ เช่น การค้นหาข้อมูลและการอัปเดตข้อมูล ซึ่งทั้งหมดนี้จะสะท้อนผลลัพธ์ผ่านสินค้าที่ผลิต คุณภาพการทำงานและผลกำไร

ในขณะที่ผู้ประกอบการเพียง 6% ที่มีความมั่นใจในระบบและความสามารถของตนเองว่าสามารถเข้าใจและมองเห็นขั้นตอนการทำงานจากต้นทางถึงปลายทางได้ แต่โรงงานแห่งอนาคตจะเชื่อมต่อข้อมูลทั้งหมดอย่างราบรื่นและจะขยายการเชื่อมต่อเหล่านั้นไปยังห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) ทั้งหมด ซึ่งการเห็นและเข้าใจในทุกๆ กระบวนการนี้จะช่วยให้ได้ข้อมูลเชิงลึกที่นำไปใช้ได้จริง ช่วยในการตัดสินใจได้รวดเร็วขึ้น เนื่องจากจะช่วยจัดการกับความแปรปรวนจำนวนมากที่ธุรกิจการผลิตต้องรับมือในปัจจุบัน

นอกจากนี้ผู้ประกอบการการยังสามารถเปรียบเทียบข้อมูลของตนเองกับข้อมูลโรงงานอื่น ๆ ทั่วโลก มาใช้เพื่อปรับปรุงโรงงาน เพิ่มผลผลิตและปรับปรุงประสิทธิภาพได้อย่างต่อเนื่อง

เพิ่มขีดความสามารถให้กับพนักงาน

จากความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจโลก เป็นตัวบ่งชี้ให้ผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องตระหนักถึงการพัฒนาบุคลากรและแรงงานมากยิ่งขึ้น ในความเป็นจริงแล้ว แรงงาน ถือเป็นหนึ่งปัจจัยที่โรงงานจะจัดว่าเป็นต้นทุนความเสี่ยงอย่างหนึ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโรงงานที่ต้องอาศัยแรงงานขับเคลื่อนเป็นหลัก (Lean Manufacturing) ดังนั้นการแก้ไขจึงควรมุ่งเน้นใช้ประโยชน์จากความคิดสร้างสรรค์ของพนักงาน ด้วยการใช้ความรู้และความสามารถในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ และเพื่อแก้ปัญหา เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการและสร้างความยั่งยืนนั่นเอง

เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของบุคลากรได้มากขึ้น ทำงานได้ดีในสภาพแวดล้อมที่มีประสิทธิผล พวกเขาต้องการความมีอิสระในการทำงานซึ่งมาพร้อมกับแรงงานที่เข้าใจบทบาทของตนในองค์กรและเครือข่าย เทคโนโลยี Virtual Twin สามารถเพิ่มขีดความสามารถให้กับพนักงานในโรงงานโดยให้พนักงานสามารถเข้าถึงข้อมูลที่สามารถใช้ในการวัดผลการปฏิบัติงานของตนได้ รวมทั้งมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มพูนทักษะ โดยพนักงานแต่ละคนสามารถตรวจสอบความคืบหน้าในขณะที่ผู้จัดการก็สามารถตรวจสอบและปรับปรุงประสิทธิภาพของพนักงานได้

เชื่อมต่อกระบวนการต่าง ๆ ทางธุรกิจด้วยดิจิทัล

การก้าวนำหน้าคู่แข่งจำเป็นต้องอาศัยกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์แบบครบวงจรซึ่งเกี่ยวข้องกับ 3 เสาหลักของนวัตกรรม ได้แก่ การนำข้อมูลไปใช้ (data science) การนิยามบริบทในมิติต่าง ๆ (contextualisation) และการทำงานร่วมกัน (collaboration) ด้วยการจัดหาจุดเชื่อมดิจิทัลตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบผลิตภัณฑ์ไปจนถึงการจัดจำหน่าย ทำให้ผู้ประกอบการสามารถรวบรวม วิเคราะห์และแปลงข้อมูลให้เป็นข้อมูลเชิงลึกสำหรับการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง

เทคโนโลยี Virtual Twin จะขับเคลื่อนมูลค่าที่จับต้องได้ให้กับบริษัทต่างๆ สร้างแหล่งรายได้ใหม่และไขข้อสงสัยให้กับคำถามเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญ ด้วยการผสมผสานชุดความรู้ที่สมบูรณ์เข้ากับโซลูชั่นการจำลองคุณภาพสูง ผู้ประกอบการสามารถป้อนข้อมูลที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติงานและจำลองวัฏจักรของนวัตกรรม รวมทั้งการสร้างมูลค่าที่ต่อเนื่องซึ่งอ้างอิงจากกิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวงจรการผลิตจนถึงการจัดจำหน่าย

from:https://www.enterpriseitpro.net/virtual-twin/

[Guest Post] Dassault Systèmes แนะ How to กลับมาทำงานที่ออฟฟิศอย่างปลอดภัยด้วยเทคโนโลยี

การระบาดครั้งใหญ่ของไวรัสโคโรน่า (COVID-19) ส่งผลให้องค์กรต้องเปลี่ยนรูปแบบการบริหารการทำงานให้พนักงานสามารถทำงานได้แบบมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรัฐบาลประกาศคลายมาตรการล็อคดาวน์ต่าง ๆ  ส่งผลให้พนักงานทยอยกลับมาทำงานที่สำนักงาน ทว่าหลายบริษัทฯ กลับต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นเมื่อต้องกลับมาเปิดสำนักงาน อาทิ มาตรการเว้นระยะห่าง การควบคุมการเข้า-ออกสำนักงาน และคำแนะนำต่าง ๆ ในการเดินทาง เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับพนักงาน

 

5 ปัจจัยสำคัญ ที่องค์กรควรพิจารณาเพื่อวางแผนการกลับมาทำงานที่สำนักงานของพนักงาน

  1. มาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาล : แต่ละรัฐบาลจะมีการวางมาตรการหรือข้อจำกัดที่แตกต่างกัน เช่น กฎการเว้นระยะห่างควรนำมาปรับใช้ในสำนักงาน
  2. ข้อปฏิบัติทางธุรกิจ : มีบริษัทฯ จำนวนมากที่อนุญาตให้พนักงานทำงานจากบ้าน แต่ก็มีพนักงานบางส่วนจำเป็นต้องเดินทางมาทำงานที่สำนักงาน
  3. เรียงลำดับความสำคัญของธุรกิจและบทบาทการทำงาน : ขึ้นอยู่กับบทบาทพนักงานในแต่ละแผนก ซึ่งบางแผนกต้องมีพนักงานมาทำงานที่สำนักงาน
  4. สถานการณ์ส่วนบุคคล : แรงงานคนที่ถือว่าเป็นแกนหลักของทุกธุรกิจ พนักงานแต่ละคนอาจมีสถานการณ์การใช้ชีวิตแตกต่างกัน ตั้งแต่การต้องดูแลเด็กเล็กหรือพ่อแม่ผู้สูงวัย ไปจนถึงความไม่สะดวกหากต้องทำงานจากที่บ้าน ซึ่งประเด็นเหล่านี้ต้องนำมาพิจารณาร่วมด้วย
  5. ความต้องการส่วนบุคคล : บางคนมีความต้องการไม่เหมือนกัน ถ้าพวกเขาชื่นชอบทำงานจากที่บ้านหรือจากสำนักงาน ควรนำปัจจัยเหล่านี้มาพิจารณาด้วยเช่นกัน

Dassault Systèmes เล็งเห็นถึงประเด็นการสร้างความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน เพื่อดูแลพนักงานทุกภาคส่วน หุ้นส่วนทางธุรกิจ หรือลูกค้าต่าง ๆ เราจึงได้นำโซลูชัน Back to Office Workforce Planner มาใช้เพื่อจัดระเบียบสำหรับการกลับมาทำงานที่สำนักงาน โดยมีฟีเจอร์สำคัญ ๆ ได้แก่ การแจ้งสภาพอากาศแบบเรียลไทม์ รายงานความเคลื่อนไหวล่าสุดเกี่ยวกับมาตราการต่าง ๆ ที่รัฐบาลประกาศใช้ แนวทางและข้อปฏิบัติเพื่อใช้ดำเนินธุรกิจ และความต้องการส่วนบุคคล เพื่อพิจารณาว่าพนักงานในตำแหน่งใดหรือบุคคลใดมีความจำเป็นต้องเข้ามาทำงานที่สำนักงาน ซึ่งการบริหารความท้าทายเหล่านี้ค่อนข้างซับซ้อน!

โดย Planner จะรับหน้าที่ออกแบบแผนการกลับมาทำงานโดยพิจารณาลักษณะของพื้นที่สำนักงานเป็นสำคัญ ตัวอย่าง Dassault Systèmes ดำเนินการตามขั้นตอนโดยเริ่มต้นให้พนักงานกลับมาทำงานที่สำนักงานในอัตราส่วน 25% ของพื้นที่ทั้งหมดและค่อย ๆ เพิ่มเป็น 50% ก่อนให้ทุกคนกลับมาทำงานตามปกติในอีกไม่กี่เดือนนับจากนี้ โดยสร้างรูปแบบการทำงานเป็น “กะ” และเลือกพนักงานให้กลับมาทำงาน

อย่างไรก็ดีหากต้องดำเนินการภายใต้ขั้นตอนทั้งหมด เพื่อบริหารจัดการพนักงานของบริษัทต่าง ๆ ไม่ว่าจะหลักสิบคนหรือร้อยคนด้วยการทำงานแบบเดิมๆ อาจทำให้เกิดความยุ่งยาก  ใช้เวลานาน และยังมีโอกาสผิดพลาดได้ ดังนั้นการทำงานโดยใช้ระบบอัตโนมัติจะช่วยให้ผู้บริหารระดับสูงสามารถโฟกัสไปที่จุดสำคัญได้ทันที เช่น เดินหน้าบริหารธุรกิจภายใต้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด หรือสื่อสารกับพนักงานและดูแลเอาใจใส่ ตลอดจนวางกลยุทธ์และกำหนดบทบาทธุรกิจเพื่อเตรียมพร้อมในอนาคต

ปัจจุบันโซลูชัน Back to Office Workforce Planner นำมาใช้แล้วที่สำนักงานของ Dassault Systèmes ในออสเตรเลีย มาเลเซียและสิงคโปร์ และอีกไม่นานจะนำมาใช้ที่สำนักงานในญี่ปุ่นและอินเดีย และที่อื่น ๆ ที่จะตามมาอีกเพื่อพาพนักงานกลับมาทำงานร่วมกันอีกครั้งที่สำนักงาน

โซลูชัน Back to Office Workforce Planner เป็นโซลูชันที่พัฒนาจากแพลตฟอร์ม DELMIA Quintiq Workforce Planner ประกอบด้วยชุดเครื่องมือที่เหมาะสำหรับการวางแผนและเพิ่มประสิทธิภาพของทีมงานในหน่วยงานราชการ บริการสาธารณะ สนามบิน บริษัทฯ และโรงงานต่าง ๆ

 

 

ประโยชน์ของแพลตฟอร์ม DELMIA Quintiq Workforce Planner มีดังนี้:

  • ช่วยวางแผนด้านกำลังแรงงาน
    • ให้คุณเข้าใจว่าแผนการจัดการพนักงานในระยะยาว ซึ่งตอบโจทย์การดำเนินงานของธุรกิจ
  • ช่วยมอบหมายงานได้ตามตารางการปฏิบัติตรงตามหน้าที่
    • ให้คุณสร้างตารางงานและเพิ่มรายละเอียดต่าง ๆ ของพนักงานแต่ละคนได้ อาทิเช่น ความต้องการทำงานเป็น “กะ” กฎระเบียบและข้อกำหนดต่าง ๆ รวมถึงระเบียบการลาพักร้อน
  • ให้พนักงานเป็นผู้จัดสรรความต้องการของตนได้เอง
    • เปิดโอกาสให้พนักงานสามารถเสนอและสลับ “กะ” การทำงานได้ กำหนดชั่วโมงทำงานหรือเลือกวันลาที่ต้องการได้เอง โดยทำได้เองทั้งหมดผ่านโแอปพิเคชั่นบนมือถือ
  • ช่วยมอบหมายงาน
    • เพิ่มประสิทธิภาพการจ่ายงานและดึงศักยภาพการทำงานของพนักงานที่เหมาะกับเนื้องานนั้น ๆ ออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่
  • ทราบเวลาและการมีส่วนร่วมของพนักงาน
    • เป็นมากกว่าการจัดทำตารางการทำงาน แต่คุณยังสามารถติดตามชั่วโมงทำงาน รวมถึงเวลาทำงานโดยรวมและความสามารถในการมีส่วนร่วมในเนื้องานได้
  • ช่วยวางแผนและจัดสรรตารางการทำงานแบบวันต่อวัน
    • แพลตฟอร์มจะนำส่งข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์ให้แก่ Planner ให้สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้เมื่อเกิดข้อติดขัดด้วยวิธีการที่รวดเร็วที่สุดและประหยัดต้นทุนสูงสุด

ขณะที่เราต้องต่อสู้กับภัยโรคระบาด COVID-19 เราพยายามช่วยเหลือธุรกิจให้สามารถดำเนินต่อไปได้โดยไม่สะดุด พร้อมกับสร้างความมั่นใจให้พนักงานว่าจะพวกเขาสามารถกลับมาทำงานได้อย่างปลอดภัย

ข้อมูลเพิ่มเติมติดตามได้ที่:

  • ชมวิดีโอ ของผู้บริหารระดับสูงจาก Dassault Systèmes พูดถึงขั้นตอนการนำพนักงานกลับมาทำงานที่สำนักงานอย่างปลอดภัย
  • ร่วมรับฟังแนวทางการสร้างสถานที่ทำงานให้ปลอดภัยและสร้างประสิทธิภาพการทำงานให้กับพนักงาน เพื่อบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจได้จากตัวเเทนผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ผ่านเว็บบินาร์ DELMIA Back to Office Webinar
  • คลิกชมข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ Dassault Systèmes’ DELMIA Quintiq Workforce Planner เพื่อปรับเปลี่ยนตารางการทำงานของพนักงานในหลากหลายอุตสาหกรรม

from:https://www.techtalkthai.com/dassault-systemes-back-to-office-workforce-planner/

Dassault Systèmes เปิดตัวชุดซอฟต์แวร์ใหม่ SOLIDWORKS 2018 ความง่ายที่ได้ใจกับการออกแบบสุดล้ำในทุกอุตสาหกรรม

แดสสอล์ทซิสเต็มส์ (Euronext Paris: #13065, DSY.PA) ประกาศเปิดตัวชุดผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ SOLIDWORKS 2018 ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นทางด้านวิศวกรรมและการออกแบบสามมิติเวอร์ชั่นล่าสุด SOLIDWORKS 2018 เป็นโซลูชั่นที่ครบวงจรตั้งแต่การออกแบบผลิตภัณฑ์ไปจนถึงกระบวนการผลิตในโรงงาน

ช่วยให้ธุรกิจทุกขนาดสามารถปรับปรุงแนวคิดในการสร้างและประกอบชิ้นส่วนและผลิตภัณฑ์ สามารถนำแนวคิดที่เป็นนวัตกรรมมาใช้ได้อย่างรวดเร็วเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดซึ่งในวันนี้เป็นเศรษฐกิจแบบเน้นการสร้างประสบการณ์การรับรู้ที่ดีแก่ผู้บริโภค (Experience Economy)

ด้วยความสามารถของแพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE ของแดสสอล์ทซิสเต็มส์ ทำให้ SOLIDWORKS 2018 สามารถรองรับการทำงานทางธุรกิจโดยเข้ามาช่วยเติมเต็มตั้งแต่การออกแบบผลิตภัณฑ์ไปจนถึงการกำหนดกลยุทธ์การผลิตภายในโรงงานด้วยโซลูชั่นที่ส่งเสริมการประสานงานกันเป็นหนึ่งเดียวระหว่างแผนกต่าง ๆ ตลอดทั้งกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทำได้ง่ายยิ่งขึ้น กระบวนการทำงานที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันนี้ทำให้สามารถยกระดับเป็นโรงงานอัจฉริยะ (Smart Manufacturing) ได้ไม่ยาก – ผลจากข้อมูลที่เชื่อมโยงถึงกันโดยไม่ขาดฃ่วงนี่เองทำให้ทีมงานทุก ๆ ทีมที่ร่วมในกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์สามารถนำข้อมูลที่ต้องการมาใช้งานได้ทุกเวลา ทุกที่ ทุกฟอร์แมต (Format) โดยไม่ต้องเสียเวลาโยกย้ายหรือแปลงข้อมูลจากระบบหนึ่งไปยังอีกระบบหนึ่ง

“การออกแบบอุตสาหกรรมส่วนมากมักเกี่ยวข้องกับการประกอบหรือเชื่อมแม่พิมพ์ (Welding Plate) และชิ้นส่วนโลหะ (Sheet Metal) ให้เป็นชิ้นงาน ส่วนมากนิยมใช้เทคนิคการทำเดือยและช่องเสียบ (Tab and Slot Techniques) ด้วยการออกแบบก่อนแล้วจึงนำมาประกอบเอง (Self-fixturing)” Edson Gebo เจ้าของบริษัท Digital Details & Design กล่าวและเสริมต่อ “แต่ด้วยเทคนิคเดือยและช่องเสียบแนวใหม่ที่ใช้ซอฟต์แวร์จำลองแบบเสมือนจริงของ SOLIDWORKS 2018 ช่วยลดเวลาของเราลงเมื่อเทียบกับการที่จะต้องลองทำชิ้นส่วนเหล่านี้ขึ้นมาจริง ๆ แล้วลงมือประกอบเองทีละอัน คุณสมบัตินี้ช่วยเราออกแบบและผลิตชิ้นส่วนให้สำเร็จจนสามารถนำออกมาวางตลาดได้รวดเร็วยิ่งกว่าเดิม”

ทุกวันนี้ตลาดมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น นอกจากนั้นความอยู่รอดของธุรกิจจำเป็นต้องอาศัยความภักดีของผู้บริโภคที่เกิดจากประสบการณ์อันล้ำเลิศที่ได้รับจากผลิตภัณฑ์มากกว่าแค่เพียงซื้อหรือใช้งานเท่านั้น แรงกดดันนี้ทำให้ธุรกิจล้วนต้องสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ขึ้นมาให้ได้ในทุก ๆ ส่วนของการดำเนินงานเพื่อที่จะเจริญเติบโตได้ต่อไป ทำให้โครงสร้างองค์กร กระบวนการทำงาน และเครื่องมือแบบเดิม ๆ ที่แยกกระบวนการออกแบบออกจากการผลิตในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นตัวการของปัญหายุ่งยากนานาประการ ซึ่งมักจะนำไปสู่ความผิดพลาดหรือส่งผลกระทบไปถึงการทำงานร่วมกัน กำหนดการ และงบประมาณขององค์กร

ด้วยการใช้ SOLIDWORKS 2018 ทีมงานสามารถทำงานไปพร้อม ๆ กันเพื่อความรวดเร็วและประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้นในการออกแบบผลิตภัณฑ์และชิ้นส่วนประกอบต่าง ๆ ตลอดจนทดสอบความถูกต้องในการทำงาน การผลิต จัดการข้อมูลและกระบวนการที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทำกระบวนการผลิตให้ต่อเนื่องไหลรื่นแบบอัตโนมัติ และทดสอบผลิตภัณฑ์ในท้ายที่สุด การเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในการออกแบบหรือการผลิตสามารถจัดการได้รวดเร็วง่ายดาย ทำให้ทุกขั้นตอนมีความต่อเนื่องเป็นอัตโนมัติไปยังทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น Models, Programs, Drawings และการทำเอกสาร อันเป็นผลมาจากกระบวนการออกแบบที่ถูกสร้างสรรค์มาเนิ่นนานตั้งแต่เริ่มแรกของโซลูชั่นดังกล่าว ซึ่งถือเป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่มีค่าคู่ควรกับอุตสาหกรรมการผลิตในทุกแขนง

คุณลักษณะที่เป็นกุญแจสำคัญของ SOLIDWORKS 2018 ในการทำกระบวนการที่กล่าวมานี้คือ SOLIDWORKS CAM เป็นแอพพลิเคชั่นตัวใหม่ที่สร้างกฎเกณฑ์ในการทำงานของระบบได้ด้วยตัวมันเอง (Rules-based Machine) โดยใช้ความรู้ที่ระบบเก็บรวบรมไว้ ทำให้สามารถสร้างโปรแกรมการผลิตของโรงงานให้เป็นแบบอัตโนมัติได้ นักออกแบบและวิศวกรสามารถทำความเข้าใจถึงวิธีการผลิตผลงานต่าง ๆ ที่ตนออกแบบ มีข้อมูลในการทำการตัดสินใจมากขึ้น สามารถสร้างชิ้นส่วนต้นแบบผ่านกระบวนการผลิตต้นแบบภายในหน่วยงานทดลองขึ้นมาก่อนได้อย่างรวดเร็วเพื่อควบคุมคุณภาพ ต้นทุน และระยะเวลาในการผลิต แอพพลิเคชั่นนี้ยังทำให้ทีมงานสามารถดำเนินกลยุทธ์ทางการผลิตแบบตามสั่ง (Build to Order) โดยสามารถปรับส่วนประกอบให้เป็นไปตามต้องการ ซึ่งจะปรับเปลี่ยนการออกแบบและสร้างโปรแกรมการผลิตขึ้นมาโดยอัตโนมัติได้ภายในเวลาไม่กี่วินาทีจากเดิมที่ต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมงหรือหลายวัน

Gian Paolo Bassi ซีอีโอของ SOLIDWORKS ของแดสสอล์ทซิสเต็มส์ กล่าวว่าการจะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จในการสร้างประสบการณ์ของผู้บริโภคที่มีต่อผลิตภัณฑ์ใด ๆ นั้น ส่วนหนึ่งขึ้นกับการออกแบบที่ดีของผลิตภัณฑ์ตั้งแต่แกนหลักจนถึงกระบวนการผลิตที่ได้ประสิทธิภาพ SOLIDWORKS 2018 มิใช่เพียงทำให้เกิดแนวคิดที่ชาญฉลาดกว่าเดิมในการผลิตชิ้นส่วนและผลิตภัณฑ์ ยังช่วยให้ธุรกิจสามารถแปลงความใฝ่ฝันให้กลายเป็นนวัตกรรมและสร้างระบบ Ecosystems ขึ้นมาในขั้นตอนการผลิตอีกด้วย

“SOLIDWORKS ในเวอร์ชั่นที่แล้วเมื่อเทียบกับเวอร์ชั่น SOLIDWORKS 2018 เราได้เพิ่มเครื่องมือและคุณสมบัติใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการและผลตอบรับ (Feedback) จากประชาคม SOLIDWORKS ของเรา ในเวอร์ชั่นใหม่นี้จึงเพียบพร้อมทั้งเครื่องมือทรงพลังและขีดความสามารถที่มากขึ้น ช่วยให้พวกเขาทำการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ยิ่งใหญ่และผลิตออกสู่ตลาดได้รวดเร็ว สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงด้วยต้นทุนที่ลดลง ต่อไปในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเราจะมีการเปิดตัวโซลูชั่นที่เป็นกระบวนการแบบครบวงจรเพิ่มเติมที่มีเป้าหมายช่วยให้สมาชิกในประชาคมของเราสามารถนำไปปรับปรุงผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดีขึ้นได้” Gian Paolo Bassi กล่าวเพิ่มเติม

from:http://mobileocta.com/dassault-systemes-launches-new-solidworks-2018-software-suite/

[PR] Dassault Systèmes ประกาศเปิดตัวงาน SOLIDWORKS World 2017

เป็นงานประจำปีครั้งที่ 19 เพื่อประชาคมนักออกแบบและวิศวกรรม 3D โดยเฉพาะ  วิทยากรที่โดดเด่นจะมีนักบินอวกาศหญิง Anoushed Ansari และนักอนาคตศาสตร์ Jason Silva ในงานจะมีการออกใบรับรองการทดสอบความสามารถแก่ให้ลูกค้า มีการฝึกอบรมแบบอินเตอร์แอคทีฟกว่า 200 บทเรียน มีพาร์ทเนอร์ร่วมออกงานจัดแสดงกว่า 100 ราย

กรุงเทพมหานคร : 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 – แดสสอล์ท ซิสเต็มส์ Dassault Systèmes (Euronext Paris: #13065, DSY.PA) บริษัทแห่งแพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE  ผู้นำของโลกด้านซอฟต์แวร์การออกแบบ 3D (3 มิติ), การสร้างโมเดลจำลอง 3D แบบดิจิทัล (3D Digital Mock Up) และโซลูชันการจัดการวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ (Product Lifecycle Management; PLM) ประกาศเปิดตัวงาน SOLIDWORKS World 2017 เป็นงานประจำปีครั้งที่ 19 เพื่อประชาคมนักออกแบบและวิศวกรรม 3D โดยเฉพาะ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 ที่ศูนย์ประชุมแห่งมหานครลอสแอนเจลิส  ประเทศสหรัฐอเมริกา

ในงาน SOLIDWORKS World 2017 จะมีวิศวกรและนักออกแบบมากกว่าห้าพันรายเดินทางมาพบกันจากทั่วโลก ที่ประชาคมนี้ผู้เข้าร่วมงานจะสามารถสร้างเครือข่าย การเรียนรู้ การแบ่งปันและได้พบเห็นเทคโนโลยีทางด้านแอพพลิเคชั่นและวิศวกรรมใหม่ ๆ ที่ช่วยให้ผู้ใช้งาน SOLIDWORKS ทั้งหลายสามารถสร้างงานที่น่าประทับใจให้แก่ลูกค้าของตน  ผู้สนใจเยี่ยมชมงานผ่านอินเตอร์เน็ตสามารถเข้าไปทำการลงทะเบียนได้ที่ SOLIDWORKS World 2017 website เพื่อเข้าชมบรรยากาศสด ๆ ในห้องประชุมสัมมนาหลักของงาน

conference agenda ของงาน SOLIDWORKS World 2017 จะมี  4 วัน  จะมีการกล่าวปาฐกถาและแสดงภาพประกอบโดยวิทยากรที่โดดเด่นของงาน ผู้เป็นนักบุกเบิกผู้มีจิตนาการกว้างไกลที่เป็นพลังผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงเทคโนโลยี ธุรกิจและการสร้างสรรค์ความเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน เป็นแรงบันดาลใจให้วิศวกรและนักออกแบบทั้งหลายสร้างสรรค์นวัตกรรม  วิทยากรเหล่านี้ได้แก่

  • Anousheh Ansari วิศวกรหญิงลูกครึ่งอิหร่านอเมริกัน เป็นผู้หญิงคนแรกของโลกที่ได้ขึ้นยานสำรวจอวกาศของเอกชน ไปใช้ชีวิตถึง 8 วันบนสถานีอวกาศนานาชาติ เธอยังเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและประธานของบริษัท  Prodea Systems เจ้าของระบบแพลตฟอร์มที่สำคัญอันหนึ่งในการสร้างอินเตอร์ของสรรพสิ่ง (the internet of things)
  • Jason Silva ศิลปินสื่อสารมวลชน นักทำนายอนาคต นักปรัชญา และเป็นวิทยากรหลักในรายการ Brain Games รายการสุดฮิตในโทรทัศน์ช่อง National Geographic เขายังเป็นผู้สร้างสรรค์ซีรี่เรื่อง Shots of Awe ซึ่งเป็นเรื่องสั้นที่ออกอากาศอย่างต่อเนื่องแสดงให้เห็นการค้นพบนวัตกรรม การสร้างสรรค์เทคโนโลยี เรื่องเกี่ยวกับอนาคตศาสตร์และเมตาฟิสิกส์ของโลกแห่งจินตนาการ

นอกจากนั้นในงานมีการแสดงให้เห็นคุณลักษณะและความสามารถของ SOLIDWORKS ที่ลูกค้านำไปใช้สร้างความสำเร็จในงานของตน มีการเน้นยำให้เห็นเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าของ SOLIDWORKS ที่ช่วยให้งานวิศวกรรม การออกแบบและการทำงานร่วมกันเป็นไปได้อย่างง่ายดาย โดยวิทยากรดังต่อไปนี้

  • Paul Reed Smith และ Jon Wasserman จาก บริษัทPRS Guitars พร้อมทั้งMark Tremonti นักกีต้าร์มือระดับโลกจากวงดนตรีร็อคAlter Bridge และ Creed สนทนากันในเรื่องการออกแบบกีตาร์รุ่น Mark Tremonti Signature ร่วมกันโดยใช้ SOLIDWORKS
  • Duane Elgin,ผู้เชี่ยวชาญการทำการเกษตรแบบยั่งยืนและมีวิสัยทัศน์ทางสังคมที่กว้างไกลกับ Jon Friedman ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Freight Farms มาสนทนากันถึงวิธีการที่บริษัทเปลี่ยนแปลงตู้ขนถ่ายสินค้าขนาดใหญ่ ให้กลายเป็นแปลงปลูกพืชเกษตรกรรมที่สามารถทำได้ทั้งปีในสภาพสิ่งแวดล้อมแบบต่าง ๆ และช่วยเพิ่มผลิตผลให้แก่การผลิตอาหารในท้องถิ่น
  • Amir Abo-Shaeer ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการของบริษัท Dos Pueblos Engineering Academy และผู้ชนะรางวัล Genius Grant จากสถาบัน MacArthur เขาจะมาอธิบายให้เห็นว่านักฟิสิกส์ วิศวกร และนักคณิตศาสตร์ ในอนาคตจะได้ประโยชน์อะไรบ้างจากการใช้ SOLIDWORKS มาช่วยทำงานวิจัย
  • Motiv Roboticsหนึ่งในหุ้นส่วนของ Jet Propulsion Laboratoryจะมาสนทนาถึงการออกแบบระบบหุ่นยนต์ที่ก้าวหน้าเพื่อนำมาใช้เป็นช่วยงานในอุตสาหกรรม การช่วยบรรเทาสาธารณะภัย การป้องกันประเทศ และการทำการสำรวจในสภาพสิ่งแวดล้อมที่ค่อนข้างเป็นอันตรายต่อชีวิต

ในงานยังมีการฝึกอบรมมากกว่า 200 บทเรียน ให้แก่ผู้ใช้งาน SOLIDWORKS ตั้งแต่ระดับผู้เริ่มต้นใช้งาน ระดับกลาง ไปจนถึงระดับสูง โดยใช้การสร้างตามตัวอย่างงานชั้นเลิศ (best practices) ทั้งในงาน 3D CAD และการสร้างสรรค์นวัตกรรมในการออกแบบและวิศวกรรมจักรกล ที่สำคัญอย่างเช่น

  • มีการฝึกอบรมและแจกเอกสารคู่มือในหัวข้อต่าง ๆ มากมายได้แก่ การออกแบบเครื่องกลอัตโนมัติ การออกแบบวงจรและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ การจำลองและจัดการข้อมูลผลิตภัณฑ์
  • มีพาร์ทเนอร์ร่วมการออกงานจัดแสดงกว่า 100 รายแสดงเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ในบริเวณSOLIDWORKS World 2017 Partner Pavilion
  • เปิดตัว 10 ประชาคมผู้ใช้ระดับต้น ๆ ที่ช่วยขยายวิสัยทัศน์ให้แก่ SOLIDWORKS
  • มีสิทธิ์สามารถเข้าถึงการสัมมนาที่จัดก่อนการประชุมหลักจะเริ่มขึ้นอันได้แก่ Boot Camp ของเหล่า CAD Manager และสามารถเข้าทำ Certification Testing and Reseller Preview
  • ชมการแสดงคุณลักษณะที่เพิ่มขึ้นใน SOLIDWORKS 2017
  • ชมเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่จะถูกบรรจุลงใน SOLIDWORKS 2018

“ในประชาคม SOLIDWORKS เราจะมีการแบ่งปันความชื่นชอบในนวัตกรรม การสร้างสรรค์งานร่วมกัน และการออกแบบที่โดดเด่น” กล่าวโดย Gian Paolo Bassi ผู้เป็น CEO ของ SOLIDWORKS ของ แดสสอล์ท ซิสเต็มส์  “งาน SOLIDWORKS World จะปลดปล่อยพลังในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และกลยุทธทางเทคโนโลยีที่ผลักดันให้เกิดพัฒนาการของ the internet of things, model based definition, additive manufacturing และแนวคิดต่าง ๆ อีกมากมาย เป็นสถานที่ที่นักสร้างสรรค์มาพบแรกเปลี่ยนความรู้และประสพการณ์กัน  เรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ และเปลี่ยนแปลงวิธีการออกแบบ การผลิตและการให้บริการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ของตน”

 

ข้อมูลเพิ่มเติมของงาน SOLIDWORKS World 2017 ดูได้ที่ https://swworld.solidworks.com/

###

เกี่ยวกับ แดสสอล์ท ซิสเต็มส์ 

แดสสอล์ท ซิสเต็มส์ บริษัทแห่งแพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE ที่ช่วยให้องค์กรธุรกิจและผู้ใช้ในการจำลองจินตนาการทุกอย่างในจักรวาลด้วยนวัตกรรมอันยั่งยืน ด้วยโซลูชั่นต่างๆ ระดับโลกที่เข้ามาเปลี่ยนวิถีของผลิตภัณฑ์ทั้งการออกแบบผลิตและสนับสนุนการทำงาน นอกจากนั้นโซลูชั่นการทำงานร่วมกันของ แดสสอล์ท ซิสเต็มส์ยังทำให้เกิดนวัตกรรมทางสังคมในการขยายความเป็นไปได้ที่จะทำให้โลกเสมือนนั้นเข้ามาปรับเปลี่ยนในโลกของความเป็นจริง โดยที่ทั้งกลุ่มบริษัทนั้นมีลูกค้ามากกว่า 210,000 รายที่มีทุกขนาดธุรกิจและหลากหลายอุตสาหกรรมในกว่า 140 ประเทศทั่วโลก ข้อมูลเพิ่มเติมเยี่ยมชมได้ที่ www.3ds.com.

3DEXPERIENCE, the Compass logo and the 3DS logo, CATIA, SOLIDWORKS, ENOVIA, DELMIA, SIMULIA, GEOVIA, EXALEAD, 3D VIA, BIOVIA, NETVIBES and 3DEXCITE เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Dassault Systèmes หรือเป็นของบริษัทในเครือ ทั้งที่อยู่ในสหรัฐอเมริกา และ/หรือ ประเทศอื่นๆ

from:https://www.techtalkthai.com/dassault-systemes-announces-solidworks-world-2017/

Dassault Systèmes ประกาศเปิดตัวงาน SOLIDWORKS World 2017

แดสสอล์ท ซิสเต็มส์ Dassault Systèmes (Euronext Paris: #13065, DSY.PA) บริษัทแห่งแพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE  ผู้นำของโลกด้านซอฟต์แวร์การออกแบบ 3D (3 มิติ), การสร้างโมเดลจำลอง 3D แบบดิจิทัล (3D Digital Mock Up) และโซลูชันการจัดการวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ (Product Lifecycle Management; PLM) ประกาศเปิดตัวงาน SOLIDWORKS World 2017 เป็นงานประจำปีครั้งที่ 19 เพื่อประชาคมนักออกแบบและวิศวกรรม 3D โดยเฉพาะ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 ที่ศูนย์ประชุมแห่งมหานครลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา

ในงาน SOLIDWORKS World 2017 จะมีวิศวกรและนักออกแบบมากกว่าห้าพันรายเดินทางมาพบกันจากทั่วโลก ที่ประชาคมนี้ผู้เข้าร่วมงานจะสามารถสร้างเครือข่าย การเรียนรู้ การแบ่งปันและได้พบเห็นเทคโนโลยีทางด้านแอพพลิเคชั่นและวิศวกรรมใหม่ ๆ ที่ช่วยให้ผู้ใช้งาน SOLIDWORKS ทั้งหลายสามารถสร้างงานที่น่าประทับใจให้แก่ลูกค้าของตน ผู้สนใจเยี่ยมชมงานผ่านอินเตอร์เน็ตสามารถเข้าไปทำการลงทะเบียนได้ที่ SOLIDWORKS World 2017 website เพื่อเข้าชมบรรยากาศสด ๆ ในห้องประชุมสัมมนาหลักของงาน

SOLIDWORKS-2017

conference agenda ของงาน SOLIDWORKS World 2017 จะมี 4 วัน จะมีการกล่าวปาฐกถาและแสดงภาพประกอบโดยวิทยากรที่โดดเด่นของงาน ผู้เป็นนักบุกเบิกผู้มีจิตนาการกว้างไกลที่เป็นพลังผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงเทคโนโลยี ธุรกิจและการสร้างสรรค์ความเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน เป็นแรงบันดาลใจให้วิศวกรและนักออกแบบทั้งหลายสร้างสรรค์นวัตกรรม วิทยากรเหล่านี้ได้แก่

  • Anousheh Ansari วิศวกรหญิงลูกครึ่งอิหร่านอเมริกัน เป็นผู้หญิงคนแรกของโลกที่ได้ขึ้นยานสำรวจอวกาศของเอกชน ไปใช้ชีวิตถึง 8 วันบนสถานีอวกาศนานาชาติ เธอยังเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและประธานของบริษัท Prodea Systems เจ้าของระบบแพลตฟอร์มที่สำคัญอันหนึ่งในการสร้างอินเตอร์ของสรรพสิ่ง (the internet of things)
  • Jason Silva ศิลปินสื่อสารมวลชน นักทำนายอนาคต นักปรัชญา และเป็นวิทยากรหลักในรายการ Brain Games รายการสุดฮิตในโทรทัศน์ช่อง National Geographic เขายังเป็นผู้สร้างสรรค์ซีรี่เรื่อง Shots of Awe ซึ่งเป็นเรื่องสั้นที่ออกอากาศอย่างต่อเนื่องแสดงให้เห็นการค้นพบนวัตกรรม การสร้างสรรค์เทคโนโลยี เรื่องเกี่ยวกับอนาคตศาสตร์และเมตาฟิสิกส์ของโลกแห่งจินตนาการ

นอกจากนั้นในงานมีการแสดงให้เห็นคุณลักษณะและความสามารถของ SOLIDWORKS ที่ลูกค้านำไปใช้สร้างความสำเร็จในงานของตน มีการเน้นยำให้เห็นเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าของ SOLIDWORKS ที่ช่วยให้งานวิศวกรรม การออกแบบและการทำงานร่วมกันเป็นไปได้อย่างง่ายดาย โดยวิทยากรดังต่อไปนี้

  • Paul Reed Smith และ Jon Wasserman จาก บริษัทPRS Guitars พร้อมทั้งMark Tremonti นักกีต้าร์มือระดับโลกจากวงดนตรีร็อคAlter Bridge และ Creed สนทนากันในเรื่องการออกแบบกีตาร์รุ่น Mark Tremonti Signature ร่วมกันโดยใช้ SOLIDWORKS
  • Duane Elgin,ผู้เชี่ยวชาญการทำการเกษตรแบบยั่งยืนและมีวิสัยทัศน์ทางสังคมที่กว้างไกลกับ Jon Friedman ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Freight Farms มาสนทนากันถึงวิธีการที่บริษัทเปลี่ยนแปลงตู้ขนถ่ายสินค้าขนาดใหญ่ ให้กลายเป็นแปลงปลูกพืชเกษตรกรรมที่สามารถทำได้ทั้งปีในสภาพสิ่งแวดล้อมแบบต่าง ๆ และช่วยเพิ่มผลิตผลให้แก่การผลิตอาหารในท้องถิ่น
  • Amir Abo-Shaeer ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการของบริษัท Dos Pueblos Engineering Academy และผู้ชนะรางวัล Genius Grant จากสถาบัน MacArthur เขาจะมาอธิบายให้เห็นว่านักฟิสิกส์ วิศวกร และนักคณิตศาสตร์ ในอนาคตจะได้ประโยชน์อะไรบ้างจากการใช้ SOLIDWORKS มาช่วยทำงานวิจัย
  • Motiv Robotics หนึ่งในหุ้นส่วนของ Jet Propulsion Laboratoryจะมาสนทนาถึงการออกแบบระบบหุ่นยนต์ที่ก้าวหน้าเพื่อนำมาใช้เป็นช่วยงานในอุตสาหกรรม การช่วยบรรเทาสาธารณะภัย การป้องกันประเทศ และการทำการสำรวจในสภาพสิ่งแวดล้อมที่ค่อนข้างเป็นอันตรายต่อชีวิต

SOLIDWORKS-2017-CAR-(1)

ในงานยังมีการฝึกอบรมมากกว่า 200 บทเรียน ให้แก่ผู้ใช้งาน SOLIDWORKS ตั้งแต่ระดับผู้เริ่มต้นใช้งาน ระดับกลาง ไปจนถึงระดับสูง โดยใช้การสร้างตามตัวอย่างงานชั้นเลิศ (best practices) ทั้งในงาน 3D CAD และการสร้างสรรค์นวัตกรรมในการออกแบบและวิศวกรรมจักรกล ที่สำคัญอย่างเช่น

  • มีการฝึกอบรมและแจกเอกสารคู่มือในหัวข้อต่าง ๆ มากมายได้แก่ การออกแบบเครื่องกลอัตโนมัติ การออกแบบวงจรและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ การจำลองและจัดการข้อมูลผลิตภัณฑ์
  • มีพาร์ทเนอร์ร่วมการออกงานจัดแสดงกว่า 100 รายแสดงเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ในบริเวณSOLIDWORKS World 2017 Partner Pavilion
  • เปิดตัว 10 ประชาคมผู้ใช้ระดับต้น ๆ ที่ช่วยขยายวิสัยทัศน์ให้แก่ SOLIDWORKS
    มีสิทธิ์สามารถเข้าถึงการสัมมนาที่จัดก่อนการประชุมหลักจะเริ่มขึ้นอันได้แก่ Boot Camp ของเหล่า CAD Manager และสามารถเข้าทำ Certification Testing and Reseller Preview
  • ชมการแสดงคุณลักษณะที่เพิ่มขึ้นใน SOLIDWORKS 2017
  • ชมเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่จะถูกบรรจุลงใน SOLIDWORKS 2018

“ในประชาคม SOLIDWORKS เราจะมีการแบ่งปันความชื่นชอบในนวัตกรรม การสร้างสรรค์งานร่วมกัน และการออกแบบที่โดดเด่น” กล่าวโดย Gian Paolo Bassi ผู้เป็น CEO ของ SOLIDWORKS ของ แดสสอล์ท ซิสเต็มส์  “งาน SOLIDWORKS World จะปลดปล่อยพลังในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และกลยุทธทางเทคโนโลยีที่ผลักดันให้เกิดพัฒนาการของ the internet of things, model based definition, additive manufacturing และแนวคิดต่าง ๆ อีกมากมาย เป็นสถานที่ที่นักสร้างสรรค์มาพบแรกเปลี่ยนความรู้และประสพการณ์กัน เรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ และเปลี่ยนแปลงวิธีการออกแบบ การผลิตและการให้บริการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ของตน”

สำหรับงาน SOLIDWORKS World 2017เป็นงานประจำปีครั้งที่ 19 เพื่อประชาคมนักออกแบบและวิศวกรรม 3D โดยเฉพาะ วิทยากรที่โดดเด่นจะมีนักบินอวกาศหญิง Anoushed Ansari และนักอนาคตศาสตร์ Jason Silva ในงานจะมีการออกใบรับรองการทดสอบความสามารถแก่ให้ลูกค้า มีการฝึกอบรมแบบอินเตอร์แอคทีฟกว่า 200 บทเรียน มีพาร์ทเนอร์ร่วมออกงานจัดแสดงกว่า 100 ราย

ข้อมูลเพิ่มเติมของงาน SOLIDWORKS World 2017 ดูได้ที่ https://swworld.solidworks.com/

from:http://mobileocta.com/dassault-systemes-announces-launch-solidworks-world-2017/

[PR] Dassault Systèmes เปิดตัว SOLIDWORKS 2017

ผลิตภาพที่เพิ่มขึ้น, การทำงานร่วมกัน และ การจัดการข้อมูลผลิตภัณฑ์ ช่วยให้ผู้ใช้งานกว่าสามล้านคนทั่วโลกสามารถใช้พลังความคิดในการออกแบบ เพื่อประสบการณ์การสร้างสรรค์ที่เปี่ยมด้วยความสามารถ

solidworks2017_02 

 

กรุงเทพมหานคร – 26 กันยายน พ.ศ. 2559Dassault Systèmes, บริษัท 3DEXPERIENCE ผู้นำของโลกด้านซอฟต์แวร์การออกแบบ 3D (3 มิติ), การสร้างโมเดลจำลอง 3D แบบดิจิทัล (3D Digital Mock Up) และโซลูชั่่นการจัดการวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ (Product Lifecycle Management; PLM) ประกาศเปิดตัว SOLIDWORKS 2017 ที่จะทำให้ธุรกิจสตาร์ตอัปขนาดเล็ก ไปจนถึงองค์กรใหญ่ที่ครอบคลุมอยู่ทั่วโลก มีผู้ใช้งานมากกว่า 1.3 ล้านราย สามารถสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่หลากหลายความรู้สึกผ่านนวัตกรรมการออกแบบผลิตภัณฑ์ โดยมุ่งสู่การใช้ซอฟต์แวร์สำหรับการออกแบบและพัฒนา 3D ที่ทำได้ง่าย ทุกเวลา, ทุกที่ และด้วยอุปกรณ์ใดก็ได้

ด้วยความสามารถของแพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE ของ Dassault Systèmes ทำให้ SOLIDWORKS 2017 สามารถช่วยเหลือผู้สร้างนวัตกรรมได้ ทั้งในการออกแบบ, การตรวจสอบ, การทำงานร่วมกัน, การสร้างและการบริหารกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของพวกเขาด้วยการใช้งานแบบผสมผสาน โดย SOLIDWORKS 2017 มีจุดเด่นมากกว่า ทั้งพลังความสามารถและสมรรถนะซึ่งเป็นแกนหลัก รวมทั้งความสามารถใหม่ๆ สำหรับแก้ปัญหาการผลิตทางอุตสาหกรรมแบบไร้กระดาษ ไปจนถึงการสนับสนุน Model Based Definition และการออกแบบแผงวงจรพิมพ์ (PCB) ทั้งผู้ใช้มือใหม่และที่มีประสบการณ์แล้ว สามารถเพิ่มผลิตภาพให้สูงขึ้นด้วยการจำลองแบบเพื่อการวิเคราะห์, แก้ปัญหา, การทำให้เห็นภาพ และการตรวจพิสูจน์การทำงานได้ตามที่ออกแบบไว้ก่อนที่จะสร้างต้นแบบขึ้นมา เครื่องมือใหม่ๆ สามารถเปิดโมเดล 3D ต่างๆ ได้ จึงสามารถทำงานร่วมกันกับคู่ค้าและลูกค้าได้ดีกว่า และการจัดการข้อมูลผลิตภัณฑ์ (PDM) แบบพลวัต โดยเริ่มตั้งแต่การสร้างแนวคิด ไปจนถึงการผลิตทางอุตสาหกรรม โดยคำนึงถึงการสนับสนุนแก่ทีมงานที่กระจายกันอยู่หลายๆ แห่ง และที่อยู่ไกลได้อย่างน่าเชื่อถือ

“เราจำเป็นต้องทำตามข้อกำหนดหลายๆ อย่างของอุปกรณ์ทางการแพทย์ SOLIDWORKS ช่วยให้เกิดแรงขับในการออกแบบทางอุตสาหกรรมที่ล้ำสมัย ทำให้งานของเราสำเร็จลุล่วงได้เร็วกว่า และสามารถนำผลิตภัณฑ์พยุงแขนโดยอาศัยการกระตุ้นด้วยไฟฟ้าจากกล้ามเนื้อ (myoelectric upper limb orthosis) ของเราเข้าสู่ตลาดได้” กล่าวโดย Andrew Harlan วิศวกรเครื่องกลผู้ที่มีบาทสำคัญจาก Myomo Inc. “เราใช้ SOLIDWORKS เป็นการเฉพาะ เพื่อให้งานออกแบบของเราทำออกมาได้เต็มที่ ด้วยความสามารถในการทำงานร่วมกันกับนักออกแบบทางอุตสาหกรรม, ที่ปรึกษา และโรงงานผู้ผลิต ตลอดจนการทำงานข้ามเขตเวลาที่ต่างกันได้ง่ายขึ้นตลอดทั้งกระบวนการ โมเดลที่สร้างขึ้นจาก SOLIDWORKS มีความถูกต้องแม่นยำมาก และมีความน่าสนใจตรงที่ทำให้เราทำงานได้เร็ว ทั้งการออกแบบ, การทำซ้ำ และการปรับปรุงชิ้นส่วนในทางเทคนิคขั้นสูง”

“SOLIDWORKS 2017 ทำให้กระบวนการออกแบบและการพัฒนาทำได้ง่ายขึ้น ทั้งจากประสบการณ์ของผู้ใช้ที่ดีกว่า, ความสามารถใหม่ๆ ที่เพิ่มเข้ามาเพื่อรองรับเทคโนโลยีที่กำลังจะเกิดขึ้น และฟังก์ชั่นการใช้งานที่เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับการทำงานเป็นทีมและเครือข่ายได้อย่างไร้รอยต่อ” กล่าวโดย Gian Paolo Bassi, CEO, SOLIDWORKS, Dassault Systèmes. “ในแต่ละปี มีเสียงตอบรับจากประชาคมผู้ใช้ SOLIDWORKS ของเรา ซึ่งกลายเป็นแรงขับเคลื่อนให้เรามุ่งมั่นการวิจัยและพัฒนา เพื่อเสนอชุดผลิตภัณฑ์ที่มีความยืดหยุ่น และตอบสนองความต้องการทั้งทางธุรกิจ, การออกแบบ และทางวิศวกรรม เรารู้สึกตื่นเต้นดีใจที่ได้นำเอาความสามารถและสมรรถนะที่สูงขึ้นไปใส่ไว้ในมือของพวกเขาไปพร้อมกับ SOLIDWORKS 2017”

solidworks2017_01

คุณลักษณะเด่นบางอย่างต่อไปนี้มาจากการร้องขอของผู้ใช้มากเป็นอันด้บต้นๆ รวมทั้งความสามารถใหม่ๆ และสิ่งที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น ได้ถูกรวมเอาไว้ในชุด SOLIDWORKS 2017:

ปรับเปลี่ยนใหม่เพื่อแก้ปัญหาการออกแบบ PCB โดยตรง :

  • SOLIDWORKS PCB — สามารถออกแบบทั้งในส่วนของงานทางอิเล็กทรอนิกส์และงานทางกลไปพร้อมกันตามที่ต้องการได้อย่างไร้รอยต่อ พร้อมทั้งรวมเอาทักษะความเชี่ยวชาญในการออกแบบทางอิเล็กทรอนิกส์ของ Altium และความง่ายต่อการใช้งานของ SOLIDWORKS มาไว้ด้วยกัน
  • User-friendly interface — สภาพแวดล้อมของเครื่องมือสำหรับการสร้างแผนผังและเลย์เอาต์ถูกทำให้มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อการเลือกใช้ตัวเลือกต่างๆ ในการจัดเส้นทางของลายวงจรให้ออกมาดีที่สุด โดยอยู่บนข้อจำกัดพื้นฐานของการออกแบบ จากตัวเลือกทั้ง Interactive Routing, AutoRoute, Multi-Track, และ Differential Pair ซึ่งการจัดวางตำแหน่งและเลือกองค์ประกอบขึ้นมาใหม่นั้น เป็นการตัดสินใจจากข้อมูลที่ได้รับในเวลาจริง (real-time) จากซัพพลายเออร์ และนำมารวมเข้าด้วยกันกับโมเดลที่ SOLIDWORKS สร้างขึ้นภายในสภาพแวดล้อมของการออกแบบ PCB และเป็นเจตนาเพื่อตรวจพิสูจน์ความถูกต้องของงานออกแบบในทางไฟฟ้า-ทางกล

 

เร่งกระบวนการออกแบบ ด้วยพลังความสามารถและสมรรถนะหลักที่เพิ่มขึ้น :

  • Modeling power — เร่งกระบวนการออกแบบให้เร็วขึ้น ด้วยเครื่องมือใหม่ๆ ทั้ง Chamfer, Fillet, และ Advanced Hole Specification ทำให้สามารถสร้างพื้นผิวที่มีความลาดเอียงที่บริเวณขอบหรือมุมให้สมมาตรกัน (chamfers) และสามารถแปรเปลี่ยนได้อีกหลายแบบจากการปฏิบัติง่ายๆ เพียงครั้งเดียว, การสลับจาก Chamfer ที่มีอยู่ก่อนแล้วไปที่ Fillet และสลับในทางกลับกัน เพื่อทำให้งานออกแบบเปลี่ยนแปลงภายในชั่ววินาที, การนำเอาและเข้าถึง hole definitions ที่มีอยู่ก่อนแล้ว และนำมาใช้เพื่อให้งานเป็นไปตามข้อกำหนดเฉพาะเอาไว้ก่อนได้อย่างฉับไว, และการสร้าง stepped holes ได้รวดเร็วกว่าจากการปฏิบัติเพียงครั้งเดียว
  • Surfacing — กำจัดสิ่งที่เป็นอุปสรรคในการสร้างรูปทรง 3 มิติที่ซับซ้อน, ช่วยประหยัดเวลา และหลีกเลี่ยงการเอาชนะปัญหาด้วยวิธีการที่ซับซ้อน ด้วยการใช้คุณสมบัติใหม่ของ Surfacing เช่น wrap, drag and drop, emboss, deboss, และ 3D Curve
  • Magnetic mates — สำหรับงานที่มีขนาดใหญ่ ความท้าทายอยู่ที่การจัดองค์ประกอบ โดยที่สามารถจัดระบบของอุปกรณ์และพื้นที่ได้ง่าย, การปล่อยชิ้นส่วนและองค์ประกอบที่มีคุณค่าออกมาวาง โดยที่มีการใช้จุดต่ออย่างเหมาะสม ก็เพื่อให้ง่ายต่อการจับลากและวางในการจับคู่กัน และง่ายต่อการปรับตำแหน่งใหม่ของโมเดล

 

เข้าใจงานออกแบบได้อย่างถูกต้องจากแบบจำลอง :

  • Simulation static study — การใส่ตัวแปรอินพุต เพื่อทำให้การตัดสินใจในทางลอจิกเป็นไปโดยอัตโนมัติ
  • Stress hot spots — การพิสูจน์จุดที่เกิดความเค้นเหล่านั้นก็เพื่อการตรวจสอบโมเดล โดยสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว หรือจะตั้งค่าเอาไว้เพื่อสนับสนุนการจำลองแบบ และตรวจสอบความถูกต้องของผลลัพธ์ได้ละเอียดยิ่งขึ้น
  • Single-click conversion — ศึกษาผลการเปลี่ยนแปลงได้อย่างฉับไว ทั้งการเปลี่ยนแปลงจากแบบ linear static ไปเป็นแบบ non-linear หรือแบบพลวัต (dynamic)
  • RealView — แสดงผลการจำลองแบบ เพื่อการวิเคราะห์การติดต่อสื่อสารได้อย่างชัดเจน

 

เพิ่มความสามารถในการทำงานร่วมกัน ด้วยการเปิดผังระบบงานออกแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และกำจัดสิ่งที่เป็นอุปสรรคที่มีต่อข้อมูลจากแหล่งภายนอก :

  • 3D Interconnect — ทำงานได้ทั้งข้อมูลกลาง และข้อมูลที่กำเนิดมาจาก CAD (native CAD) อย่างเช่น การอัปเดตไฟล์ของชิ้นส่วนและองค์ประกอบที่มีการปรับเปลี่ยนแบบโดยใช้คุณสมบัติ Update Model, การเปิดไฟล์ที่อิมพอร์ตเข้ามาได้โดยตรง และดำเนินการต่อไปด้วย Base Parts หรือเปิดผังระบบงาน (workflows) ที่มาจากหลายๆ แหล่ง เพื่อการทำงานร่วมกันกับลูกค้าและคู่ค้า
  • eDrawings — ทำให้เห็นเป็นภาพได้จากการใช้ข้อมูลการออกแบบผลิตภัณฑ์ได้ทุกชนิด ทำให้สามารถทำงานร่วมกันได้ง่ายและมีความถูกต้อง จากข้อมูลที่กำเนิดมาจาก CAD ถูกนำไปสร้างเป็นรูป 3 มิติจริงด้วย Google Cardboard โดยสามารถเข้าถึงการใช้ข้อมูลผลิตภัณฑ์ด้วยโมไบล์แอพได้ทั้งอุปกรณ์ Android และ iOS

 

การสร้างและการจัดการรวบรวมข้อมูลเข้าด้วยกัน เริ่มตั้งแต่ข้อมูลในแนวคิดไปจนถึงการผลิตทางอุตสาหกรรม:

  • SOLIDWORKS PDM — เพิ่มวิธีการทำงานของทีมในด้านการจัดการและการร่วมมือกันในด้านการออกแบบ โดยการควบคุมข้อมูลการออกแบบ และทำให้มั่นใจได้ว่าเป็นชุดข้อมูลที่ถูกต้อง มีการสนับสนุนเพิ่มมากขึ้นจาก SOLIDWORKS MBD (model based definition) ด้วยการสร้าง 3D PDFs แบบอัตโนมัติ ทั้งนี้รายการไฟล์ที่กำเนิดมากจาก CAD ที่อยู่ใน SOLIDWORKS PDM Vault จะมีการเข้าเช็คอินโครงสร้าง และติดตามตรวจสอบ เมื่อพวกเขานำข้อมูลไปใช้และเขียนทับชุดไฟล์ ทั้งนี้เพื่อทำให้เกิดความยุ่งยากน้อยที่สุด
  • SOLIDWORKS MBD — การสื่อสารข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่มีความสำคัญสามารถทำได้อย่างรวดเร็วและถูกต้องแม่นยำไปตลอดเส้นทางของการปฏิบัติในการผลิตทางอุตสาหกรรม ด้วยคุณสมบัติต่างๆ เช่น มิติพื้นฐาน และ Polar Dimensioning Schemes ที่เป็นไปโดยอัตโนมัติอย่างสมบูรณ์แบบ, การอ้างอิงกับแนวขอบโดยตรง, การสร้างจุดตัดของรูปทรงเรขาคณิตที่เกิดขึ้นระหว่างพื้นผิวที่ร่างขึ้นมาได้โดยง่าย, และการสร้าง 3D PDF ให้มีระดับความละเอียดที่แตกต่างกัน ทั้งนี้เพื่อการควบคุมทั้งขนาดและคุณภาพของไฟล์

 

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ SOLIDWORKS 2017 รวมทั้งการสาธิตผลิตภัณฑ์ และกำหนดการขายปลีกที่กำลังจะจัดขึ้น กรุณาเข้าเยี่ยมชมได้ที่ : solidworks.com/launch/index.htm?scid=SW2017_SWCOM_Innovate

from:https://www.techtalkthai.com/dassault-systemes-announces-solidworks-2017/

Dassault Systèmes เปิดตัว SOLIDWORKS 2017 ช่วยให้ผู้ใช้งานใช้พลังความคิดในการออกแบบแพลตฟอร์ม 3 มิติ

Dassault Systèmes, บริษัท 3DEXPERIENCE ผู้นำของโลกด้านซอฟต์แวร์การออกแบบ 3D (3 มิติ), การสร้างโมเดลจำลอง 3D แบบดิจิทัล (3D Digital Mock Up) และโซลูชั่่นการจัดการวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ (Product Lifecycle Management; PLM) ประกาศเปิดตัว SOLIDWORKS 2017 ที่จะทำให้ธุรกิจสตาร์ตอัปขนาดเล็ก ไปจนถึงองค์กรใหญ่ที่ครอบคลุมอยู่ทั่วโลก มีผู้ใช้งานมากกว่า 1.3 ล้านราย สามารถสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่หลากหลายความรู้สึกผ่านนวัตกรรมการออกแบบผลิตภัณฑ์ โดยมุ่งสู่การใช้ซอฟต์แวร์สำหรับการออกแบบและพัฒนา 3D ที่ทำได้ง่าย ทุกเวลา, ทุกที่ และด้วยอุปกรณ์ใดก็ได้

ด้วยความสามารถของแพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE ของ Dassault Systèmes ทำให้ SOLIDWORKS 2017 สามารถช่วยเหลือผู้สร้างนวัตกรรมได้ ทั้งในการออกแบบ, การตรวจสอบ, การทำงานร่วมกัน, การสร้างและการบริหารกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของพวกเขาด้วยการใช้งานแบบผสมผสาน โดย SOLIDWORKS 2017 มีจุดเด่นมากกว่า ทั้งพลังความสามารถและสมรรถนะซึ่งเป็นแกนหลัก รวมทั้งความสามารถใหม่ๆ สำหรับแก้ปัญหาการผลิตทางอุตสาหกรรมแบบไร้กระดาษ ไปจนถึงการสนับสนุน Model Based Definition และการออกแบบแผงวงจรพิมพ์ (PCB) ทั้งผู้ใช้มือใหม่และที่มีประสบการณ์แล้ว สามารถเพิ่มผลิตภาพให้สูงขึ้นด้วยการจำลองแบบเพื่อการวิเคราะห์, แก้ปัญหา, การทำให้เห็นภาพ และการตรวจพิสูจน์การทำงานได้ตามที่ออกแบบไว้ก่อนที่จะสร้างต้นแบบขึ้นมา เครื่องมือใหม่ๆ สามารถเปิดโมเดล 3D ต่างๆ ได้ จึงสามารถทำงานร่วมกันกับคู่ค้าและลูกค้าได้ดีกว่า และการจัดการข้อมูลผลิตภัณฑ์ (PDM) แบบพลวัต โดยเริ่มตั้งแต่การสร้างแนวคิด ไปจนถึงการผลิตทางอุตสาหกรรม โดยคำนึงถึงการสนับสนุนแก่ทีมงานที่กระจายกันอยู่หลายๆ แห่ง และที่อยู่ไกลได้อย่างน่าเชื่อถือ

press-con-2017

“เราจำเป็นต้องทำตามข้อกำหนดหลายๆ อย่างของอุปกรณ์ทางการแพทย์ SOLIDWORKS ช่วยให้เกิดแรงขับในการออกแบบทางอุตสาหกรรมที่ล้ำสมัย ทำให้งานของเราสำเร็จลุล่วงได้เร็วกว่า และสามารถนำผลิตภัณฑ์พยุงแขนโดยอาศัยการกระตุ้นด้วยไฟฟ้าจากกล้ามเนื้อ (myoelectric upper limb orthosis) ของเราเข้าสู่ตลาดได้” กล่าวโดย Andrew Harlan วิศวกรเครื่องกลผู้ที่มีบาทสำคัญจาก Myomo Inc. “เราใช้ SOLIDWORKS เป็นการเฉพาะ เพื่อให้งานออกแบบของเราทำออกมาได้เต็มที่ ด้วยความสามารถในการทำงานร่วมกันกับนักออกแบบทางอุตสาหกรรม, ที่ปรึกษา และโรงงานผู้ผลิต ตลอดจนการทำงานข้ามเขตเวลาที่ต่างกันได้ง่ายขึ้นตลอดทั้งกระบวนการ โมเดลที่สร้างขึ้นจาก SOLIDWORKS มีความถูกต้องแม่นยำมาก และมีความน่าสนใจตรงที่ทำให้เราทำงานได้เร็ว ทั้งการออกแบบ, การทำซ้ำ และการปรับปรุงชิ้นส่วนในทางเทคนิคขั้นสูง”

“SOLIDWORKS 2017 ทำให้กระบวนการออกแบบและการพัฒนาทำได้ง่ายขึ้น ทั้งจากประสบการณ์ของผู้ใช้ที่ดีกว่า, ความสามารถใหม่ๆ ที่เพิ่มเข้ามาเพื่อรองรับเทคโนโลยีที่กำลังจะเกิดขึ้น และฟังก์ชั่นการใช้งานที่เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับการทำงานเป็นทีมและเครือข่ายได้อย่างไร้รอยต่อ” กล่าวโดย Gian Paolo Bassi, CEO, SOLIDWORKS, Dassault Systèmes. “ในแต่ละปี มีเสียงตอบรับจากประชาคมผู้ใช้ SOLIDWORKS ของเรา ซึ่งกลายเป็นแรงขับเคลื่อนให้เรามุ่งมั่นการวิจัยและพัฒนา เพื่อเสนอชุดผลิตภัณฑ์ที่มีความยืดหยุ่น และตอบสนองความต้องการทั้งทางธุรกิจ, การออกแบบ และทางวิศวกรรม เรารู้สึกตื่นเต้นดีใจที่ได้นำเอาความสามารถและสมรรถนะที่สูงขึ้นไปใส่ไว้ในมือของพวกเขาไปพร้อมกับ SOLIDWORKS 2017”

คุณลักษณะเด่นบางอย่างต่อไปนี้มาจากการร้องขอของผู้ใช้มากเป็นอันด้บต้นๆ รวมทั้งความสามารถใหม่ๆ และสิ่งที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น ได้ถูกรวมเอาไว้ในชุด SOLIDWORKS 2017:

mbd

ปรับเปลี่ยนใหม่เพื่อแก้ปัญหาการออกแบบ PCB โดยตรง :

SOLIDWORKS PCB — สามารถออกแบบทั้งในส่วนของงานทางอิเล็กทรอนิกส์และงานทางกลไปพร้อมกันตามที่ต้องการได้อย่างไร้รอยต่อ พร้อมทั้งรวมเอาทักษะความเชี่ยวชาญในการออกแบบทางอิเล็กทรอนิกส์ของ Altium และความง่ายต่อการใช้งานของ SOLIDWORKS มาไว้ด้วยกัน

User-friendly interface — สภาพแวดล้อมของเครื่องมือสำหรับการสร้างแผนผังและเลย์เอาต์ถูกทำให้มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อการเลือกใช้ตัวเลือกต่างๆ ในการจัดเส้นทางของลายวงจรให้ออกมาดีที่สุด โดยอยู่บนข้อจำกัดพื้นฐานของการออกแบบ จากตัวเลือกทั้ง Interactive Routing, AutoRoute, Multi-Track, และ Differential Pair ซึ่งการจัดวางตำแหน่งและเลือกองค์ประกอบขึ้นมาใหม่นั้น เป็นการตัดสินใจจากข้อมูลที่ได้รับในเวลาจริง (real-time) จากซัพพลายเออร์ และนำมารวมเข้าด้วยกันกับโมเดลที่ SOLIDWORKS สร้างขึ้นภายในสภาพแวดล้อมของการออกแบบ PCB และเป็นเจตนาเพื่อตรวจพิสูจน์ความถูกต้องของงานออกแบบในทางไฟฟ้า-ทางกล

เร่งกระบวนการออกแบบ ด้วยพลังความสามารถและสมรรถนะหลักที่เพิ่มขึ้น :

Modeling power — เร่งกระบวนการออกแบบให้เร็วขึ้น ด้วยเครื่องมือใหม่ๆ ทั้ง Chamfer, Fillet, และ Advanced Hole Specification ทำให้สามารถสร้างพื้นผิวที่มีความลาดเอียงที่บริเวณขอบหรือมุมให้สมมาตรกัน (chamfers) และสามารถแปรเปลี่ยนได้อีกหลายแบบจากการปฏิบัติง่ายๆ เพียงครั้งเดียว, การสลับจาก Chamfer ที่มีอยู่ก่อนแล้วไปที่ Fillet และสลับในทางกลับกัน เพื่อทำให้งานออกแบบเปลี่ยนแปลงภายในชั่ววินาที, การนำเอาและเข้าถึง hole definitions ที่มีอยู่ก่อนแล้ว และนำมาใช้เพื่อให้งานเป็นไปตามข้อกำหนดเฉพาะเอาไว้ก่อนได้อย่างฉับไว, และการสร้าง stepped holes ได้รวดเร็วกว่าจากการปฏิบัติเพียงครั้งเดียว

Surfacing — กำจัดสิ่งที่เป็นอุปสรรคในการสร้างรูปทรง 3 มิติที่ซับซ้อน, ช่วยประหยัดเวลา และหลีกเลี่ยงการเอาชนะปัญหาด้วยวิธีการที่ซับซ้อน ด้วยการใช้คุณสมบัติใหม่ของ Surfacing เช่น wrap, drag and drop, emboss, deboss, และ 3D Curve

Magnetic mates — สำหรับงานที่มีขนาดใหญ่ ความท้าทายอยู่ที่การจัดองค์ประกอบ โดยที่สามารถจัดระบบของอุปกรณ์และพื้นที่ได้ง่าย, การปล่อยชิ้นส่วนและองค์ประกอบที่มีคุณค่าออกมาวาง โดยที่มีการใช้จุดต่ออย่างเหมาะสม ก็เพื่อให้ง่ายต่อการจับลากและวางในการจับคู่กัน และง่ายต่อการปรับตำแหน่งใหม่ของโมเดล

3d-interconect-video-shot-1-1

เข้าใจงานออกแบบได้อย่างถูกต้องจากแบบจำลอง :

Simulation static study — การใส่ตัวแปรอินพุต เพื่อทำให้การตัดสินใจในทางลอจิกเป็นไปโดยอัตโนมัติ

Stress hot spots — การพิสูจน์จุดที่เกิดความเค้นเหล่านั้นก็เพื่อการตรวจสอบโมเดล โดยสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว หรือจะตั้งค่าเอาไว้เพื่อสนับสนุนการจำลองแบบ และตรวจสอบความถูกต้องของผลลัพธ์ได้ละเอียดยิ่งขึ้น

Single-click conversion — ศึกษาผลการเปลี่ยนแปลงได้อย่างฉับไว ทั้งการเปลี่ยนแปลงจากแบบ linear static ไปเป็นแบบ non-linear หรือแบบพลวัต (dynamic)

RealView — แสดงผลการจำลองแบบ เพื่อการวิเคราะห์การติดต่อสื่อสารได้อย่างชัดเจน

เพิ่มความสามารถในการทำงานร่วมกัน ด้วยการเปิดผังระบบงานออกแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และกำจัดสิ่งที่เป็นอุปสรรคที่มีต่อข้อมูลจากแหล่งภายนอก :

3D Interconnect — ทำงานได้ทั้งข้อมูลกลาง และข้อมูลที่กำเนิดมาจาก CAD (native CAD) อย่างเช่น การอัปเดตไฟล์ของชิ้นส่วนและองค์ประกอบที่มีการปรับเปลี่ยนแบบโดยใช้คุณสมบัติ Update Model, การเปิดไฟล์ที่อิมพอร์ตเข้ามาได้โดยตรง และดำเนินการต่อไปด้วย Base Parts หรือเปิดผังระบบงาน (workflows) ที่มาจากหลายๆ แหล่ง เพื่อการทำงานร่วมกันกับลูกค้าและคู่ค้า

eDrawings — ทำให้เห็นเป็นภาพได้จากการใช้ข้อมูลการออกแบบผลิตภัณฑ์ได้ทุกชนิด ทำให้สามารถทำงานร่วมกันได้ง่ายและมีความถูกต้อง จากข้อมูลที่กำเนิดมาจาก CAD ถูกนำไปสร้างเป็นรูป 3 มิติจริงด้วย Google Cardboard โดยสามารถเข้าถึงการใช้ข้อมูลผลิตภัณฑ์ด้วยโมไบล์แอพได้ทั้งอุปกรณ์ Android และ iOS

pcb-for-web

การสร้างและการจัดการรวบรวมข้อมูลเข้าด้วยกัน เริ่มตั้งแต่ข้อมูลในแนวคิดไปจนถึงการผลิตทางอุตสาหกรรม:

SOLIDWORKS PDM — เพิ่มวิธีการทำงานของทีมในด้านการจัดการและการร่วมมือกันในด้านการออกแบบ โดยการควบคุมข้อมูลการออกแบบ และทำให้มั่นใจได้ว่าเป็นชุดข้อมูลที่ถูกต้อง มีการสนับสนุนเพิ่มมากขึ้นจาก SOLIDWORKS MBD (model based definition) ด้วยการสร้าง 3D PDFs แบบอัตโนมัติ ทั้งนี้รายการไฟล์ที่กำเนิดมากจาก CAD ที่อยู่ใน SOLIDWORKS PDM Vault จะมีการเข้าเช็คอินโครงสร้าง และติดตามตรวจสอบ เมื่อพวกเขานำข้อมูลไปใช้และเขียนทับชุดไฟล์ ทั้งนี้เพื่อทำให้เกิดความยุ่งยากน้อยที่สุด

SOLIDWORKS MBD — การสื่อสารข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่มีความสำคัญสามารถทำได้อย่างรวดเร็วและถูกต้องแม่นยำไปตลอดเส้นทางของการปฏิบัติในการผลิตทางอุตสาหกรรม ด้วยคุณสมบัติต่างๆ เช่น มิติพื้นฐาน และ Polar Dimensioning Schemes ที่เป็นไปโดยอัตโนมัติอย่างสมบูรณ์แบบ, การอ้างอิงกับแนวขอบโดยตรง, การสร้างจุดตัดของรูปทรงเรขาคณิตที่เกิดขึ้นระหว่างพื้นผิวที่ร่างขึ้นมาได้โดยง่าย, และการสร้าง 3D PDF ให้มีระดับความละเอียดที่แตกต่างกัน ทั้งนี้เพื่อการควบคุมทั้งขนาดและคุณภาพของไฟล์

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ SOLIDWORKS 2017 รวมทั้งการสาธิตผลิตภัณฑ์ และกำหนดการขายปลีกที่กำลังจะจัดขึ้น กรุณาเข้าเยี่ยมชมได้ที่ : solidworks.com/launch/index.htm?scid=SW2017_SWCOM_Innovate

The post Dassault Systèmes เปิดตัว SOLIDWORKS 2017 ช่วยให้ผู้ใช้งานใช้พลังความคิดในการออกแบบแพลตฟอร์ม 3 มิติ appeared first on MobileOcta.

from:http://mobileocta.com/dassault-systemes-launched-solidworks-2017/