คลังเก็บป้ายกำกับ: chat

Samsung เปลี่ยนใจหันกลับมาเลือก Google เหมือนเดิม

Samsung เปลี่ยนใจหันกลับมาเลือก Google เหมือนเดิม

Samsung กลับมาจับมือกับ Google อีกครั้งในการใช้ Google เป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้นในการค้นหา หลังจากก่อนหน้านี้มีข่าวว่าจะหันไปจับมือกับ Bing

แอปเบราว์เซอร์ในการค้นหา Internet ของซัมซุง (Samsung) มีพันธสัญญาอย่างยาวนานกับ Google ในการตั้งให้ Google เป็น Search Engine แรกเริ่ม แต่เมื่อไม่นานมานี้สัญญาดังกล่าวได้หมดลงทางซัมซุงเลยมีการพิจารณาตัวเลือกใหม่อย่าง Bing ที่กำลังมาแรงในด้านของ AI

Advertisementavw

ทางแหล่งข่าว The Verge ได้ระบุว่าในตอนแรกได้ยินข่าวการเปลี่ยนแปลงไปใช้ Bing ครั้งนี้คิดว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบมากนักเนื่องจากผู้ใช้โทรศัพท์ซัมซุงส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้แอป Internet ของซัมซุงในการค้นหาเป็นหลักอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ทางซัมซุงอาจมีความกังวลในด้านของความสัมพันธ์กับ Google และแนวโน้มการตลาดที่อาจจะเปลี่ยนไปเพราะมี AI เข้ามาเกี่ยวข้องก็ได้

ในงาน Google I/O ที่ผ่านมาเพิ่งเปิดตัว Bard AI ที่ค่อนข้างจะสูสีกับ ChatGPT (อาจจะได้เปรียบคู่แข่งนิดหน่อยในเรื่องของ Google Workspace) ด้วยฟีเจอร์มากมายที่เปิดตัวออกมา ไม่แน่ว่านี่อาจเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทางซัมซุงกลับมาสนใจและจับมือกับพันธมิตรเดิมอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าทางซัมซุงจะไม่เปลี่ยนใจไปหา Bing ได้อีกในอนาคต

ที่มา: The Verge

from:https://notebookspec.com/web/702798-samsung-is-sticking-with-google

Microsoft ดุดันไม่เกรงใจ Bard! แอบโฆษณาผ่าน Goolge Bard สร้างข้อได้เปรียบของ Bing

Bing

ผู้ใช้ทวีตเตอร์นามว่า Vitor de Lucca ค้นพบเรื่องแปลกใจที่เธอเห็นแบนเนอร์ Bing ขนาดใหญ่เมื่อใช้งาน Google Bard ในเบราว์เซอร์ Edge

Vitor กล่าวว่าเห็นแบนเนอร์นี้ขณะที่ตนใช้งาน Microsoft Edge Dev สำหรับนักพัฒนา ตอนนั้นได้ลงชื่อเพื่อทำการขอใช้งาน Google Bard แต่ในจังหวะที่รอคำขอของเธออนุมัติก็มีข้อความเสนอให้เปรียบเทียบคำตอบระหว่าง Bard กับ Bing และสามารถคลิกโฆษณาจะเปิด Bing Chat ในแท็บแยกหน้าจอ

Fuv97ZfaMAsEZIp?format=jpg&name=large

แม้นี่ไม่น่าใช้วิธีที่แปลกใหม่อะไร แต่การทำแบบนี้ก็ดูจะเสียมารยาทไปสักหน่อย แต่ก็ถือว่าเพิ่มสีสันการแข่งของ AI Search egine แถมผู้ใช้งานยังได้ข้อมูลการเปรียบเทียบการทำงานแบบชัดๆ เรียนได้ว่าผู้ที่ได้ประโยชน์เต็ม ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์สองรายการและตัดสินใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ใดดีกว่ากัน

ที่มา: Neowin

from:https://notebookspec.com/web/699129-microsoft-bing-ads-steal-google-bard

นิสิต Stanford ผุดไอเดียทำแว่นตา rizzGPT โดยนำ ChatGPT มาใช้ในการพัฒนา

rizzGPT

นักศึกษาจากมหาวิทยาลัย Stanford ผุดไอเดียนำ ChatGPT มาทำเป็น rizzGPT แว่นตา AI ที่ไม่ธรรมดา เพราะจะทำให้คุณเหมือนมีเลขาส่วนตัวตลอด 24 ชม.

Bryan Hau-Ping Chiang นักศึกษาคณะวิทยาการคอมพิวเตอร์และวิศวกรรมไฟฟ้า (Computer science and electrical engineering) ของมหาวิทยาลัย Stanford ทำโปรเจ็คพัฒนาต่อยอดโมเดลภาษาขนาดใหญ่อย่าง ChatGPT ให้กลายเป็นผู้ช่วยที่สามารถพกพาไปได้ทุกที่ในรูปแบบแว่นตา เสริมประสิทธิภาพในการโต้ตอบด้วยฮาร์ดแวร์แบบโอเพ่นซอร์ส Monocle AR และสามารถจดจำเสียงได้ด้วย Whisper ของ OpenAI (ASR) แถมยังสามารถสั่งการผ่านโทรศัพท์มือถือได้อีก และด้วยการผสมผสานเทคโนโลยีเหล่านี้เข้าด้วยกัน Chiang จึงตั้งชื่อว่า “rizzGPT” โดยคำว่า rizz เป็นคำสแลงของ charisma นั่นเอง

Advertisementavw

หลักการทำงานของแว่นตา rizzGPT

จากแผนผังที่ทาง Chiang ได้โพสต์ไว้จะเห็นว่ามีโทรศัพท์มือถือเป็นตัวกลางระหว่าง Input และ Output มาดูที่ Input กันก่อน อย่างแรกจะเป็นการรับข้อมูลจากบทสนทนาของผู้ใช้กับบุคคลอื่นผสมกับการรับข้อมูลจากการประมวลผลในการจดจำเสียงด้วย Whisper และวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับผ่าน OpenAI จากนั้นก็ส่งข้อมูลกลับมาที่ตัวโทรศัพท์แล้วส่ง Output ไปยัง Monocle AR ของแว่นตา

rizzGPT

ตัวอย่างการนำไปใช้งาน

  • หากต้องอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดทำให้สมองเบลอคิดอะไรไม่ออก อย่างเช่น การนัดเดทหรือสัมภาษณ์งาน rizzGPT จะช่วยให้คุณหาคำตอบหรือบทสนทนาที่เหมาะสมได้
  • แลกเปลี่ยนบทสนทนาในเรื่องที่อีกฝ่ายที่คุณคุยด้วยสนใจอยู่โดยไม่ติดขัดจากข้อมูลที่ AI ช่วยหาให้
  • การอ่านเมนูอาหาร AI จะทำการแสกนอ่านเมนูอาหาร พร้อมเรียนรู้ว่าคุณชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร
  • ใช้เป็น speech transcription, TTS, and OCR ในแอป real-world AI ได้อีกด้วย

นี่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการนำ ChatGPT มาพัฒนาให้เกิดประโยชน์สูงสุด เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงโลกอย่างมากมาย สังเกตได้จากการที่หลายๆ บริษัทยักษ์ใหญ่เริ่มเปิดตัว AI ของตัวเอง ในอนาคตเป็นไปได้ว่าหากนำงานนี้ไปต่อยอดอาจจะมีแว่นตาจาวิส (Javis) ของ Iron man ขึ้นมาจริงๆ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าก็เป็นได้

ที่มา: Tom’s Hardware

from:https://notebookspec.com/web/697774-chatgpt-glasses-rizzgpt

กว่าจะมาเป็นสติ๊กเกอร์ไลน์ คุยกับ ‘บิ๊ก-เมธา’ ผู้วาด ‘แมวน่าเบื่อเพื่อนรัก’ คาแรคเตอร์สุดกวน

สติ๊กเกอร์คุ้นตาอย่าง Brown, Cony, Sally และผองเพื่อน ได้ช่วยเสริมอรรถรสในการส่งข้อความบนแอปพลิเคชั่น LINE เสมอมา แต่ใครจะคิดว่า นอกจากสร้างสีสันในการแชทแล้ว ยังสร้างรายได้ให้เราได้อีกด้วย เมื่อมิถุนายน ปี 2560 LINE ได้เปิดตัว LINE Creators Studio ให้เราทุกคนสามารถส่งผลงานสติ๊กเกอร์ของเราเองได้ จะมีสติ๊กเกอร์ไว้ใช้เองขำๆ ก็ได้ หรืออยากสร้างรายได้ก็ดี จนกระทั่ง LINE Creators กลายมาเป็นอีกหนึ่งอาชีพให้เราได้เห็นกันแล้วในวันนี้ 

LINE Creators Market ในตอนนี้ ถือว่าเปิดกว้างให้ทุกคนเข้ามาเป็น LINE Creators ได้ โดยมีคู่มือคำแนะนำ สอนกันแบบ step by step ที่ช่วยให้มือใหม่เข้าใจว่า สติ๊กเกอร์แบบไหนที่ผู้คนชื่นชอบ ใช้งานง่าย แบบไหนที่ไม่ควรใช้ แบบไหนที่จะไม่ผ่านการพิจารณา ควรเป็นขนาดเท่าไหร่ มีจำนวนกี่ชิ้น เรียกได้ว่า ต่อให้เป็นมือใหม่ไม่เคยใช้งานมาก่อน ก็เข้าใจการทำงานได้ง่ายๆ เลยล่ะ นอกจากสติ๊กเกอร์ไลน์แล้ว ยังมีอีโมจิกับธีมที่เหล่า LINE Creators สามารถสร้างสรรค์ผลงานของตัวเองได้ด้วย

ทีนี้มาดูกันที่รายได้กันบ้าง บนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ ได้บอกรายละเอียดของรายได้ไว้คร่าวๆ ว่า “ครีเอเตอร์จะได้รับส่วนแบ่ง 50% จากยอดขายสติกเกอร์และธีม (หลังหักค่าธรรมเนียม 30% ของ Apple Google หรืออื่นๆ แล้ว)” และจากการที่ได้คุยกับครีเอเตอร์หลายคน ต้องแอบกระซิบกันก่อนว่า รายได้ของเรานั้นจะเป็นค่าเงินเยน และต้องมีรายได้สะสม 1,000 เยนขึ้นไป จึงจะสามารถถอนรายได้ก้อนนั้นออกมาได้ 

รู้รายละเอียดเบื้องต้นกันไปแล้ว ว่าสติ๊กเกอร์ลายแปลกตาหน้าใหม่ ที่ไม่ได้มาจาก official นั้นเป็นฝีมือของเหล่า LINE Creators ทีนี้ลองมาคุยกับเจ้าตัวดูเองบ้างว่าการได้เป็น LINE Creators สร้างสรรค์ผลงานให้เราได้จิ้มใช้เพิ่มสีสันระหว่างบทสนทนา นั้นจะยากง่ายแค่ไหน

คุ้นๆ เจ้าแมวหน้าเบื่อโลกตัวนี้กันบ้างไหม? คาแรคเตอร์สุดกวนจากเพจ ‘แมวน่าเบื่อเพื่อนรัก’ ที่ไม่ได้เป็นแค่แก๊กกวนๆ เสียดสีชีวิตประจำวัน แต่ยังเป็นสติ๊กเกอร์ไลน์ที่เราได้เห็นกันบ่อยๆ ผลงานโดย บิ๊ก-เมธา โกศลสาธิต หรือในชื่อ AiBig ครีเอเตอร์ที่พาเจ้าแมวหน้ากวน มาโผล่เป็นสติ๊กเกอร์ไลน์หลายต่อหลายคอลเลคชั่น ให้เราได้เลือกใช้ได้แทบทุกโอกาส 

จากคาแรคเตอร์ประจำเพจ กลายมาเป็นสติ๊กเกอร์ไลน์ยอดฮิต ที่สร้างรายได้อีกทาง เป็นเหมือน Passive Income ที่สามารถอยู่ไปได้เรื่อยๆ ใช่ว่าทุกอย่างจะเสกขึ้นมาได้ง่ายดั่งใจคิด ชวนมาพูดคุยกับคุณบิ๊ก ถึงการเป็น Line Creator และขั้นตอนกว่าจะได้สติ๊กเกอร์แต่ละเซ็ต จะเป็นยังไงบ้าง มาดูกัน

แม้เราจะเห็นว่า ‘แมวน่าเบื่อเพื่อนรัก’ มีทั้งลายเส้นสื่ออารมณ์ เข้าใจง่าย มาพร้อมกับข้อความหรือแก๊กที่สร้างสรรค์ จับประเด็นรอบตัวได้ทันควัน อาจชวนให้คิดว่าคุณบิ๊กเรียนจบทางด้านศิลปะมาโดยเฉพาะหรือเปล่า แต่จริงๆ ไม่ใช่แบบนั้นเลย คุณบิ๊กเล่าว่า การวาดรูปเป็นเหมือนงานอดิเรกที่ติดตัวมานานมาก เลยอยากลองวาดอะไรสักอย่างลงบนเพจเฟซบุ๊ก ลองผิดลองถูกมาหลายอย่าง จนมาลงตัวกับเจ้า ‘แมวน่าเบื่อเพื่อนรัก’ ที่เป็นแก๊กเกี่ยวกับชีวิตน่าเบื่อของเจ้าแมวเบื่อโลก เราจะได้เห็นการเสียดสีชีวิตประจำวัน ผ่านทางสีหน้าและข้อความประกอบในภาพ แล้วพอจะเข้าใจว่า เจ้าแมวตัวนี้กำลังรู้สึกยังไงกันนะ

การวาดแก๊กลงเพจของคุณบิ๊กก็ดำเนินมาเรื่อยๆ จนกระทั่งหลายปีก่อน LINE Creators ได้เปิดตัว ให้ผู้ใช้งานทั่วไปสามารถส่งผลงานของตัวเองเข้าไปเป็นสติ๊กเกอร์ไลน์ได้ พอเห็นโอกาสตรงนี้ บวกกับมีตัวคาแรคเตอร์ที่แข็งแรงแล้วอยู่ในมือ จึงลองเริ่มจับเจ้า ‘แมวน่าเบื่อเพื่อนรัก’ มาลงสนามสติ๊กเกอร์ไลน์กับเขาบ้าง โดยแต่ละคอลเลคชั่น ก็จะมีคอนเสปต์แตกต่างกันออกไป เพื่อใช้ในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน 

เมื่อถามถึงคอลเลคชั่นที่ขายดีที่สุด คุณบิ๊กบอกว่า เป็นคอนเลคชั่นเกี่ยวกับพนักงานออฟฟิศ อาจเพราะมัน related กับคนค่อนข้างมาก อย่างการโดนลูกค้าแก้งาน นินทาเจ้านาย เบื่อเพื่อนร่วมงาน ต่างก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงของเรากันบ่อยๆ เลยเกิดคำถามว่า เหมือนเราต้องเป็นทั้งคนวาดและเป็นครีเอทีฟในตัวเองไปด้วยหรือเปล่า? คุณบิ๊กตอบว่า “ค่อนข้างใช่ครับ เพราะเราต้องคิดหาไอเดียให้มันแล้วก็เป็นคนวาดเองด้วย ต้องหยิบจับเรื่องราวที่เกิดขึ้น บันทึกเอาไว้ไวๆ ว่าอะไรที่พอจะเอาไปใช้ได้บ้าง หรือบางทีก็จดเป็นคำพูดเอาไว้”

คุณบิ๊กเล่าถึงการหาแรงบันดาลใจไว้ว่า “ส่วนมากผมจะมองหาจากสิ่งรอบตัวเลยนะ อะไรที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน เริ่มจากการหาไอเดียให้มันก่อน ว่ามันจะมีสถานการณ์แบบนี้ๆ นะ คิดเผื่อไว้หลายๆ อย่าง พอมีภาพในหัวแล้ว ก็ต้องมาเลือกคำที่ใช้ อย่างเช่น แม่ค้าออนไลน์ ก็จะมีประมาณว่า รับยอดค่ะ ที่ใช้กันบ่อยๆ หรือใส่อะไรที่มันกวนๆ ลงไปด้วย ซึ่งอาจจะไม่ได้ใช้จริงก็ได้ อย่างพวก จะโอนยังคะ อะไรพวกนี้”

ขั้นตอนการส่งสติ๊กเกอร์ไปให้ LINE พิจารณา ก็ใช่ว่าจะราบรื่นเสมอไป “ในเว็บไซต์ทางการของ LINE มีแนะนำไว้หมดเลยครับ เรื่องคู่มือต่างๆ ว่าควรใช้ขนาดเท่าไหร่ เซ็ตหนึ่งมีกี่ตัว หรือพวกข้อห้ามต่างๆ ที่จะทำให้ถูก reject แล้วก็ต้องกลับมาแก้” พอถึงตรงนี้เลยพูดถึงขั้นตอนการส่งสติ๊กเกอร์ให้ LINE พิจารณากันอีกสักหน่อย “พอส่งไปทางญี่ปุ่น เขาจะมีบอกเลยครับว่าตัวนี้โดน reject เพราะอะไร บางอันถือมีด ก็เข้าใจได้ว่าดูรุนแรงน่ากลัว แต่บางอันแค่อ้วก ก็โดน reject เหมือนกัน แต่ก็ต้องว่าไปตามบรรทัดฐานของเขาแหละครับ” 

พอเห็นภาพกันมากขึ้นแล้วว่า ไม่ใช่เพียงแค่การวาดรูปเป็นแล้วกดส่งไปเท่านั้น แต่ยังต้องมีความครีเอทีฟในตัวเองด้วย เลยอยากให้คุณบิ๊กแนะนำสำหรับมือใหม่ ที่อยากจะเริ่มต้นวาดสติ๊กเกอร์ไลน์ดูบ้าง ควรเริ่มจากอะไร “หยิบจุดเด่นของเราออกมาให้ได้ มองให้ออกว่าคนเขาอยากซื้อสติ๊กเกอร์ของเราเพราะอะไร อย่างของผมรู้อยู่แล้วว่าไม่ได้ซื้อเพราะลายเส้นน่ารัก สวยงาม แต่เป็นเพราะความกวน ก็ต้องหยิบจุดขายนี้ออกมาให้ชัด อย่างครีเอเตอร์ท่านอื่น ที่กำลังดังตอนนี้ มีลายเส้นน่ารัก ใช้ได้ทุกวัน เขาก็เอาความน่ารักตรงนั้นออกมาใช้เป็นจุดขายด้วย” และเสริมอีกว่า “หากอยากจะลองวาดอะไรสักอย่าง ให้ลองสิ่งง่ายๆ รอบตัวเรา หรือเริ่มต้นจากสิ่งที่เราชอบ เราสนใจ จะทำให้เราเริ่มได้ดีกว่า” 

สำหรับรายได้ในส่วนนี้นั้น คุณบิ๊กแอบกระซิบว่ามันยังไม่ได้เป็นกอบเป็นกำขนาดนั้น อาจเพราะมีสิ่งนี้เป็นงานอดิเรก แต่ก็ถือเป็น Passive Income ที่จะอยู่กับเราไปได้อีกนาน แต่ท่ามกลางเหล่า LINE Creators ก็มีทั้งคนที่เลือกทำเป็นงานอดิเรก และทำเป็นงานประจำแบบ 100% ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม 

 

ช่องทางการหารายได้ในยุคนี้ ผุดขึ้นมาเหมือนดอกเห็ด อยู่ที่เราเองด้วยว่าจะก้าวตามสิ่งเหล่านั้นได้ทันแค่ไหน หากใครอยากจะลองจะลงมือดูสักตั้ง สามารถเข้าไปที่ https://creator.line.me/th/ เพื่อเริ่มต้นมีสติ๊กเกอร์ไลน์เป็นของตัวเองดูสักชุดก็ได้

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post กว่าจะมาเป็นสติ๊กเกอร์ไลน์ คุยกับ ‘บิ๊ก-เมธา’ ผู้วาด ‘แมวน่าเบื่อเพื่อนรัก’ คาแรคเตอร์สุดกวน first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/aibig-line-creator/

Google Hangouts เตรียมปิดให้บริการทั้งหมด พฤศจิกายน 2022 นี้

กูเกิลประกาศแผนปิดตัวบริการแชต Hangouts หลังประกาศย้ายผู้ใช้งานที่ยังมีอยู่ใน Google Workspace เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยผู้ใช้งานแอป Hangouts ในมือถือจะได้รับข้อความให้ย้ายไปใช้แชตใน Gmail หรือแอป Chat แทน เช่นเดียวกับผู้ใช้ Chrome extension จะได้ข้อความเตือนให้ย้ายเหมือนกัน

ส่วนผู้ใช้ Hangouts ใน Gmail เวอร์ชันบนเว็บ กูเกิลบอกว่าจะเริ่มแสดงข้อความในการย้ายแชตอย่างเร็วที่สุดตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป

ทั้งนี้กูเกิลแนะนำให้ผู้ใช้งานที่ต้องการเก็บข้อมูลแชตเดิมไว้ ให้ดาวน์โหลดข้อมูลออกมาก่อนผ่าน Google Takeout โดยบริการ Hangouts ทั้งหมด จะปิดและไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้อีก ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2022 เป็นต้นไป

ที่มา: The Verge

No Description

from:https://www.blognone.com/node/129139

Rocket.Chat ประกาศใช้โปรโตคอล Matrix เปิดทางแชตข้ามแอป

Rocket.Chat โปรแกรมแชตสำหรับองค์กรแบบโอเพนซอร์ส ประกาศรองรับโปรโตคอล Matrix เปิดทางให้สามารถใช้ Rocket.Chat คุยกับองค์กรอื่นๆ แม้ใช้โปรแกรมคนละตัวกัน

บริการแชตในช่วงหลังมีลักษณะเป็นระบบปิดมากขึ้นเรื่อยๆ แอปแต่ละตัวไม่สามารถใช้งานร่วมกันได้ แม้แอปแชตระดับองค์กรจะมีฟีเจอร์คุยข้ามองค์กร เช่น Microsoft Teams หรือ Slack แต่ก็บังคับว่าทั้งสององค์กรต้องใช้บริการเดียวกันเท่านั้น เทียบกับบริการดั้งเดิมอย่างอีเมลนั้นสามารถใช้งานได้ครอบคลุม (แม้จะมีปัญหาสแปมหนักหน่วงจนทุกวันนี้)

ทางโครงการ Matrix แสดงความยินดีที่ Rocket.Chat อิมพลีเมนต์ฟีเจอร์นี้และแสดงความหวังว่าโปรแกรมแชตโอเพนซอร์สอื่น เช่น Nextcloud หรือ Mattermost จะอิมพลีเมนตโปรโตคอล Matrix ตามมาในอนาคต

ที่มา – Matrix, Rocket.Chat

No Description

from:https://www.blognone.com/node/128764

WhatsApp เพิ่มฟีเจอร์ Communities จัดกลุ่มแชตเหมือนแอปแชตทำงาน

WhatsApps ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ Communities สำหรับการสร้างกลุ่มที่สร้างห้องแชตย่อยๆ ภายในได้ แบบเดียวกับแอปแชตทำงานทั้งหลาย เช่น Slack, Microsoft Teams, หรือ Discord

แนวทางการใช้งานก็คล้ายกับแอปแชตทำงานจำนวนมาก คือการจัดคนในองค์กรเข้าด้วยกันในกลุ่มแล้วเปิดให้จัดห้องย่อย เช่น โรงเรียนก็สามารถสร้างห้องย่อยของผู้ปกครองในแต่ละชั้น, นิติอาคารอาจจะสร้างห้องย่อยสำหรับแจ้งซ่อมหรือช่วยเหลือกัน

นอกจากฟีเจอร์ใหญ่อย่าง Communities แล้วยังมีการปรับปรุงย่อยๆ ได้แก่

  • Reactions: สำหรับกดแสดงความรู้สึกกับข้อความ
  • Admin Delete: ผู้ดูแลกลุ่มแชตสามารถสั่งลบข้อความจากทุกคนในกลุ่มได้
  • แชร์ไฟล์ขนาดใหญ่สูงสุด 2GB
  • โทรเสียงแบบกลุ่มขนาดห้องสูงสุด 32 คน

ฟีเจอร์ต่างๆ จะค่อยๆ ปล่อยออกมา เฉพาะฟีเจอร์ย่อยก็จะต้องใช้เวลาอีกหลายสัปดาห์

ที่มา – WhatsApp

No Description

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/128051

Hangouts Classic จะเปลี่ยนเป็น Google Chat ตั้งแต่ 22 มีนาคมนี้

กูเกิลประกาศยุติแบรนด์แอปแชต Hangouts อย่างเป็นทางการ (หลังเริ่มมาตั้งแต่ปี 2020) ซึ่งตอนนี้เหลือเฉพาะ Hangouts Classic ที่เป็นแอปต้นฉบับ และมีเฉพาะในผู้ใช้ Google Workspace โดยการใช้งาน Hangouts ทั้งหมดจะรีไดเรกต์เป็น Google Chat

การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลตั้งแต่ 22 มีนาคม 2022 เป็นต้นไป ทั้งการเข้าผ่าน Gmail หรือ Hangouts.google.com

การรีแบรนด์แอปแชตของกูเกิลนั้นมีมาเรื่อย ๆ ถ้าจำกันได้ก็ตั้งแต่ Google Talk ที่เปลี่ยนเป็น Hangouts และล่าสุดก็คือ Hangouts ที่เปลี่ยนเป็น Google Chat นั่นเอง

ที่มา: The Verge

Hangouts

from:https://www.blognone.com/node/127299

iMessage บีบวัยรุ่นสหรัฐต้องซื้อ iPhone ตามเพื่อน, ผู้บริหารกูเกิลเรียกร้องให้รองรับ RCS

Hiroshi Lockheimer หัวหน้าทีม Android และ Chrome ออกมาเรียกร้องให้แอปเปิลรองรับมาตรฐานส่งข้อความ RCS (Rich Communication Services) เพื่อความเข้ากันได้ระหว่าง iOS และ Android

เรื่องเริ่มมาจากบทความของ Wall Street Journal ที่ระบุว่าฟีเจอร์ iMessage เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้วัยรุ่นในสหรัฐต้องซื้อ iPhone เพราะถ้าใช้โทรศัพท์ที่ไม่รองรับ iMessage จะหลุดจากกลุ่มเพื่อนๆ (ถ้า iMessage ด้วยกันจะเห็นกล่องข้อความสีฟ้า ถ้าไม่ใช้จะเห็นสีเขียว) ซึ่งในบางกรณี วัยรุ่นถูกเพื่อนๆ กลั่นแกล้งหรือล้อเลียนจากการไม่ใช้ iMessage เลยด้วยซ้ำ

บทความนี้ทำให้ Lockheimer ออกมาแสดงความเห็นว่า iMessage เป็นกลยุทธ์ “ล็อค” ผู้ใช้ให้อยู่กับแพลตฟอร์มผ่านแรงกดดันในกลุ่มเพื่อน (peer pressure)

โพสต์ของ Lockheimer ได้รับความสนใจอย่างมาก เพราะเป็นครั้งแรกที่ผู้บริหารกูเกิลออกมาพูดเรื่องนี้ตรงๆ ซึ่งเจ้าตัวก็ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ไม่ได้เรียกร้องให้แอปเปิลนำ iMessage มาลง Android แต่เรียกร้องให้ iMessage สนับสนุนมาตรฐานการส่งข้อความที่มีอยู่แล้วอย่าง RCS

No Description

ภาพจาก Apple

ที่มา – Wall Street Journal

from:https://www.blognone.com/node/126645

กองทัพสวิสประกาศแบนแอปแชทต่างชาติ ให้ใช้แอป Threema ของสวิสแทน

กองทัพของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ออกประกาศแบนบริการส่งข้อความต่างชาติทั้งหมดเมื่อเดือนที่แล้ว และระบุว่ากองกำลังจะต้องใช้งานแอป Threema ซึ่งเป็นแอปส่งข้อความของสวิสเท่านั้น

การที่กองทัพสวิสออกประกาศบังคับให้ใช้ Theema เนื่องจากข้อกังวลด้านความเป็นส่วนตัว เพราะตามกฎหมาย CLOUD Act คือถ้าบริการใดก็ตามตกอยู่ภายใต้อำนาจศาลของสหรัฐฯ จะต้องสืบหลักฐานได้ไม่ว่าเซิร์ฟเวอร์จะตั้งอยู่ที่ไหนก็ตาม ในขณะที่เซิร์ฟเวอร์ของ Threema นั้นตั้งอยู่ในสวิสและอยู่ภายใต้กฎหมายด้านข้อมูลของยุโรป จึงไม่อยู่ในอำนาจศาลของสหรัฐฯ และไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามหากศาลสหรัฐฯ ต้องการสืบพยาน

Delphine Schwab-Allemand โฆษกของกองทัพสวิสได้ให้ข้อมูลกับ AP ผ่านทางอีเมล โดยยืนยันว่ากองทัพสวิสได้ออกประกาศดังกล่าวจริง แต่ที่กองทัพให้ใช้แอป Threema เป็นเพียง “คำแนะนำ” ไม่ใช่ “บังคับ”

สำหรับตัวแอป Threema นั้น ผู้พัฒนาชูจุดเด่นด้านความเป็นส่วนตัวโดยระบุว่าแอปเข้าหัสแบบ end-to-end และไม่ได้บังคับให้ผู้ใช้กรอกเบอร์โทรศัพท์หรืออีเมลแอดเดรส ซึ่งตัวแอปจะสร้าง Threema ID เป็นค่าสุ่มที่ไม่ผูกกับไอดีอื่นของผู้ใช้เพื่อเป็นไอดีสำหรับใช้งานใน Threema – threema.ch

ที่มา – The Verge, AP

No Description
ภาพจาก JonHoefer/Pixabay

from:https://www.blognone.com/node/126619