คลังเก็บป้ายกำกับ: BNK48

เอไอเอส 5G ดึง ‘BNK48- TRINITY’ ผลิต Virtual Reality คอนเทนต์แบบเอ็กซ์คลูซีฟ

เอไอเอส 5G เปิดแคมเปญ Big Co-Creation จับมือค่าย iAM (ไอแอม) ต้นสังกัดดูแลบริหารงานศิลปินไอดอลหญิงวง BNK48 และ 4NOLOGUE (โฟร์โนล็อค) ผู้บริหารและดูแลศิลปิน TRINITY ผลิต VR Content และ AR Content แบบเอ็กซ์คลูซีฟ สร้างประสบการณ์แบบใกล้ชิดไปกับไลฟ์สไตล์โมเมนต์ของศิลปินไอดอลได้ทุกที่ ทุกเวลา เอาใจแฟนคลับ พร้อมเปิดประตูคนไทยก้าวเข้าสู่ยุค Virtual Reality สร้างความบันเทิงอย่างเต็มรูปแบบ

นางศิวลี บูรณสงคราม หัวหน้าแผนกงานบริหารแบรนด์ เอไอเอส กล่าวว่า “เอไอเอส มีความยินดีที่จะได้ทำงานในรูปแบบ Co-Creation Content ร่วมกับศิลปินไอดอลระดับแนวหน้าของประเทศไทย ได้แก่ เจน  มิวสิค ปัญ  โมบายล์  เนย และเจนนิษฐ์ สมาชิกวง BNK48 และ เติร์ด ปอร์เช่ แจ๊คกี้ จาก TRINITY ม่าผลิต VR Content ให้เหล่าแฟนคลับทั่วประเทศได้ฟินไปกับโมเมนต์ใกล้ชิดกับศิลปินมากกว่าที่เคย”

“ยิ่งเมื่อรับชมบนเครือข่าย AIS 5G ยิ่งให้อรรถรสที่สมจริงยิ่งกว่า ซึ่งสามารถรับชมได้ผ่านแอปพลิเคชัน  AIS 5G PLAY VR และยังสามารถเพิ่มความเสมือนจริงได้เมื่อรับชมแบบ VR MODE ผ่านแว่น AIS PLAY VR และแว่น AIS VR 4K”

ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2563 ที่ผ่านมา เอไอเอส 5G ได้นำเทคโนโลยี VR เข้ามาเปิดมิติใหม่ของการสร้างสรรค์คอนเทนต์ของเหล่าศิลปินอย่างต่อเนื่อง อาทิ เป๊ก ผลิตโชค บิวกิ้น-พีพี และสกาย วงศ์รวี ตลอดจนร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พาคนไทยเที่ยวแบบนิวนอร์มอล และจับมือ Absolute You สร้างประสบการณ์การออกกำลังกายที่บ้าน

โดยปัจจุบัน เอไอเอส มีคอนเทนต์ VR จำนวน 181 คอนเทนต์ และ AR จำนวน 9 ชุด ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ ทั้ง Star dating, Travel, International, Music, Wellness และ Education ถือได้ว่าเป็นแหล่งรวม VR และ AR Content ที่มากที่สุดในประเทศไทย

 

from:https://www.thumbsup.in.th/ais-bnk48-trinity-vr-content?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=ais-bnk48-trinity-vr-content

แพลน บี ซื้อหุ้นเพิ่มทุนแอพตามรถประจำทาง ViaBus – เพิ่มเงินลงทุนแอพ BNK48

PLANB ได้แจ้งกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่าบริษัทได้เข้าลงทุนในหุ้นเพิ่มทุนเจ้าของแอพพลิเคชั่นติดตามรถเมล์ในกรุงเทพมหานครอย่าง ViaBus รวมไปถึงเพิ่มเงินลงทุนในแอพพลิเคชั่นที่เกี่ยวข้องกับวงไอดอลอย่าง BNK48

Bus Stop Bangkok Thailand ป้ายรถเมล์ กรุงเทพมหานคร
ภาพจาก Shutterstock

บมจ. แพลน บี มีเดีย ได้แจ้งกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า บริษัทได้เข้าลงทุนในบริษัท เวียร์ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของแอพพลิเคชั่นติดตามรถเมล์ในกรุงเทพมหานครอย่าง ViaBus ด้วยสัดส่วน 15% มูลค่าการลงทุน 3.75 ล้านบาท โดยการลงทุนดังกล่าวนั้นจะช่วยให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจในการดำเนินการศาลาที่พักผู้โดยสารรถประจำทาง (Smart Bus Shelter) ในอนาคต

นอกจากนี้บริษัทยังได้อนุมัติให้ บริษัท อินดิเพนเด้นท์ อาร์ทิสท์ เมเนจเม้นท์ จำกัด เข้าลงทุนในหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท ทาเลนท์คอนเนคท์ จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของแอพพลิเคชั่น iAM48 เพื่อเป็นการสร้างโอกาสการขยายธุรกิจสื่อบันเทิง เกมส์ และข่าวสารของวง BNK48 ผ่านดิจิตัลแพลตฟอร์มออนไลน์ เป็นมูลค่า 20 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 66.67%

สำหรับ บริษัท อินดิเพนเด้นท์ อาร์ทิสท์ เมเนจเม้นท์ จำกัด นั้นทาง แพลน บี มีเดีย ได้ถือหุ้นในสัดส่วน 35% โดยธุรกิจหลักคือ ธุรกิจ Idol Management ภายใต้โมเดล AKB48 จากประเทศญี่ปุ่น เช่น BNK48

ที่มา – ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย [1], [2]

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/planb-buy-stakes-from-owner-viabus-application-and-invest-bnk48-app-17-sep-2020/

‘iAM’ ชูกลยุทธ์ ‘3-Os’ ลุยครึ่งหลังปี 63 ตอกย้ำวงไอดอลหญิงอันดับ 1 ของไทย

ตลาดไอดอลในปัจจุบันไม่ได้แค่เผชิญกับวิกฤตโควิด-19 เพียงอย่างเดียว แต่ยังเผชิญกับการแข่งขันทั้งจากวงไอดอลอื่นๆ รวมถึงกระแสอินฟลูเอนเซอร์บนโซเชียลมีเดีย ดังนั้นทางรอดของธุรกิจคือการมัดใจและขยายฐานแฟนคลับให้ได้

บริษัท อินดิเพนเด้นท์ อาร์ทิสท์ เมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ iAM (ไอแอม) ต้นสังกัดดูแลศิลปินไอดอลหญิงวง BNK48 และ CGM48 เปิดแผนการตลาดครึ่งหลังปี 2563 ชูกลยุทธ์ “3-Os” ตอกย้ำวงไอดอลหญิงอันดับ 1 ของประเทศไทยที่ครองกระแสนิยมสูงสุด 

1.Online มุ่งทำ Online Content สร้าง Exposure และ Awareness ผ่าน Social Media และ Digital Platform ทุกช่องทาง รวมถึงการนำออฟไลน์อีเว้นต์มาถ่ายทอดสดทางออนไลน์เพื่อตอบโจทย์กลุ่มแฟนคลับตามกระแส New Normal

2.ONGROUND เตรียมจัด 2 อีเว้นต์ใหญ่ได้แก่ ‘BNK48 JANKEN TOURNAMENT 2020 – SENBATSU OF DESTINY’ หรือ งานเป่ายิ้งฉุบ และงาน Signature อย่าง ‘Sport Day’ เพื่อรักษาความสัมพันธ์ของแฟนคลับ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมย่อยทุกสัปดาห์ พร้อมจัดกิจกรรมโร๊ดโชว์ขยายฐานแฟนคลับให้เข้าถึงในทุกช่วงอายุ

3.OUT-OF-HOME MEDIA โดยมี PLAN B เป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งช่วยในการประชาสัมพันธ์ทั่วประเทศผ่านทางจอ Screen LED ทั่วประเทศ รวมไปถึงจอประชาสัมพันธ์ใน ร้านสะดวกซื้อ 7-11 ที่มีจอครอบคลุมมากกว่า 1,000 สาขา

มั่นใจรายได้ไม่ลดแม้เจอโควิด-19

ปัจจุบัน รายได้หลักของบริษัทมาจากอัลบั้มและการขายสินค้า รองลงมาเป็นงาน Event สุดท้าย สปอนเซอร์ชิพและพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งในส่วนงานจำหน่ายอัลบั้มและขายสินค้ายังคงทำได้ดี โดยเปลี่ยนรูปแบบจากงานจับมือมาเป็น Vitual greeting

และในส่วนของพรีเซ็นเตอร์เดิมยังคงแข็งแรง อาทิ แกร็บ, เซเว่น อีเลฟเว่น และที่เปิดตัวล่าสุด คือ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) คาดว่าจะได้เห็นตลาดใหม่ๆ ต่างจากที่เคยมี

อ้างอิง positioningmag

from:https://www.thumbsup.in.th/iam-strategy-half-year-63?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=iam-strategy-half-year-63

เปิดผลประกอบการบริษัท ‘iAM’ ต้นสังกัด BNK48, CGM48

เปิดผลประกอบการบริษัท อินดิเพนเด้นท์ อาร์ทิสท์ เมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ ‘iAM’ ต้นสังกัดดูแลศิลปินหญิงวง BNK48 และ CGM48 ซึ่งได้นำส่งข้อมูลงบการเงินแสดงผลประกอบการปี 2562 ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดยแจ้งประกอบกิจการจัดการ ดูแล บริหาร ศิลปิน นักร้อง นักแสดง ทุกประเภท และประกอบธุรกิจผลิตภาพยนตร์ ละคร รายการทีวีทุกรูปแบบ โดยมุ่งเน้นจุดขายธุรกิจ Idol management พบว่ามีรายได้รวม 727 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 7.99% กำไรสุทธิ 166.56 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 13.60%

  • งบกำไรขาดทุนปี 2560 รายได้รวม : 40.54 ล้านบาท รายจ่ายรวม : 62.58 ล้านบาท กำไร (ขาดทุน) สุทธิ : -22.29 ล้านบาท
  • งบกำไรขาดทุนปี 2561 รายได้รวม : 673.29 ล้านบาท (1560%) รายจ่ายรวม : 489.43 ล้านบาท กำไร (ขาดทุน) สุทธิ : 146.85 ล้านบาท (758.81%)
  • งบกำไรขาดทุนปี 2562 รายได้รวม : 727.09 ล้านบาท (7.99%) รายจ่ายรวม : 515.18 ล้านบาท กำไร (ขาดทุน) สุทธิ : 166.56 ล้านบาท (13.60%)

ตลาดไอดอลเติบโตขึ้นทุกปี

การแข่งขันในตลาดเมืองไทยพบว่ามีรูปแบบไอดอลมาร์เกตติ้งอยู่กว่า 30 วง เฉพาะในปี 2561 มีเกิดขึ้นถึง 20 วง มูลค่าภาพรวมธุรกิจไอดอลจึงยิ่งเติบโตอย่างก้าวกระโดด

สถานะการเงินที่แข็งแกร่งของ iAM ตอกย้ำกระแสนิยมของ BNK48 ถึงการเป็นวงไอดอลหญิงอันดับ 1 ของประเทศไทย โดยปี 2563 มีสินทรัพย์ทั้งสิ้น 448 ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้สิน 159 ล้านบาทและส่วนของผู้ถือหุ้น 289 ล้านบาท

อ้างอิง กรมพัฒนาธุรกจิการค้า

from:https://www.thumbsup.in.th/iam-asset-report?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=iam-asset-report

ฟังเด็กๆ บ้าง! โฆษณาใหม่ GrabFood จับ BNK48 มาสั่งอาหาร ในการกำกับของ เต๋อ นวพล

Grab ปล่อยโฆษณาตัวใหม่ หลายคนอาจได้ดูแล้ว แต่สำหรับใครที่ยังไม่ได้ดู​ ขอแนะนำให้ดูก่อนเลย

พอดูจบ จะรู้สึกได้ถึงเอกลักษณ์ของหนังแนวๆ นี้ เพราะเป็นผลงานกำกับของ เต๋อ นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ จะว่าขายของก็ใช่ แต่ดูแล้วก็ยังได้ความบันเทิง บวกอารมณ์ขันอยู่ในที

ด้วยสไตล์ความเป็นเต๋อ จะให้โฆษณามีแค่การขายและบันเทิงก็คงไม่ใช่ ดังนั้นจึงมีเนื้อหาที่อยากจะสื่อไปถึงคนดู นั่นคือ ฟังเด็กบ้าง ไม่ว่าจะเป็นกรณีแรก ผู้ใหญ่ในที่ทำงานกับเด็กใหม่, รุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยกับน้องใหม่เฟรชชี่ หรือปิดท้ายด้วย แม่และลูกในบ้านเดียวกัน

ในมุมของ Grab อาจเป็นการสื่อว่า ไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นไหนก็สามารถใช้บริการได้ อยากให้เปิดใจมาใช้บริการดู อย่าติดกับความเคยชินเดิมๆ และก็แฝงไปถึงมุมอื่นๆ ที่ไม่ว่าจะเลือกอย่างไรก็ไม่ผิด แต่ถ้าลองเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ อาจจะมีสิ่งที่ดีกว่ารออยู่

สำหรับแคมเปญ GrabFood Free Your Hunger มีเป้าหมายกระตุ้นการบริโภคในไตรมาส 3 โดยจัดตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2563 ถึง 4 ตุลาคม 2563 ความพิเศษนอกจากโปรโมชั่น คือ เมนูพิเศษ Signature Menu เช่น โดนัททิรามิสุ จากร้าน Tim Horton, Salmom Sasimi Noddles with Yusu Pozu Sauce จากร้าน Sushi Hiro, น้ำตกคุโรบูตะกระดูกแก้วจากร้านทองสมิทธิ์, ครัวซองต์สตอเบอร์รี่และครัวซองต์ทราฟเฟิลจากร้าน Paul Bakery

น่าจะช่วยกระต้นการแข่งขันในธุรกิจ Food Delivery ในไตรมาส 3 ให้คึกคักมากกว่าเดิม

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/grabfood-freedom/

แกร็บ ประเทศไทย เปิดตัว ‘Grab Loves Thais ช่วยกันนะคนไทย’ โครงการส่งต่อกำลังใจและสนับสนุนก้าวต่อไปของผู้คนในสังคม

แกร็บ ประเทศไทย ผู้นำด้านซูเปอร์แอปที่ช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันให้กับผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดตัวโครงการ ‘Grab Loves Thais ช่วยกันนะคนไทย’  เพื่อตอกย้ำพันธกิจในการดำเนินธุรกิจของแกร็บที่มุ่งยกระดับและส่งเสริมคุณภาพชีวิตคนไทย

พร้อมผนึกพันธมิตรกับภาครัฐและเอกชนเพื่อเยียวยาและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 ให้ก้าวต่อไปข้างหน้าอย่างแข็งแกร่ง ผ่าน 4 กิจกรรมหลัก ได้แก่ Grab Loves Locals ช่วยร้านค้าคนไทยกันนะ, Grab Loves Farmers ช่วยเกษตรกรกันนะ, Grab Loves Partners ช่วยพี่คนขับกันนะ และ Grab Loves Children ช่วยเด็กไทยกันนะ

ผนึกกำลังหน่วยงานภาครัฐอย่าง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) พร้อมด้วยพันธมิตรทางธุรกิจ มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย พร้อมสนับสนุนและขับเคลื่อนประเทศไทยผ่านเศรษฐกิจดิจิทัล

นางสาวจันต์สุดา ธนานิตยะอุดม ผู้อํานวยการฝ่ายการตลาด แกร็บ ประเทศไทย เผยว่า แกร็บ ประเทศไทย ในฐานะแอปพลิชันที่ตอบโจทย์ผู้ใช้บริการในทุก ๆ วัน (Everyday Everything App) ได้ยึดมั่นการดำเนินธุรกิจตามพันธกิจหลักขององค์กรที่เรียกว่า “Grab For Good” ซึ่งให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคมทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

โดยมุ่งเน้นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อสร้างโอกาสในการหารายได้ พร้อมพัฒนาทักษะและเสริมศักยภาพในการแข่งขันให้กับทุกคนที่อยู่ในระบบนิเวศธุรกิจ (Ecosystem) ของเรา เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนสามารถก้าวทันเศรษฐกิจในยุคดิจิทัล

ในขณะเดียวกัน แกร็บยังได้ผนึกความร่วมมือกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในการส่งเสริมการพัฒนาในด้านต่างๆ ทั้งทางเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม อาทิ การพัฒนาเพื่อยกระดับมาตรฐานการเดินทางและขนส่ง การส่งเสริมและกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวภายในประเทศ การผลักดันสังคมดิจิทัลและระบบเศรษฐกิจแบ่งปันให้เป็นรูปธรรม รวมไปถึงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรและผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็ก เป็นต้น

“นับเป็นเวลากว่า 7 ปีแล้วที่ธุรกิจของเราค่อยๆ เติบโตและหยั่งรากลึกเพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคงเคียงคู่ไปพร้อมกับสังคมไทย จากวันนั้นถึงวันนี้ ความมุ่งมั่นของ แกร็บ ไม่เคยเปลี่ยนแปลง แม้ในวันที่พวกเราทุกคนต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งยิ่งใหญ่ก็ตาม โดยแกร็บได้ริเริ่มโครงการต่างๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือกับพาร์ทเนอร์ บุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 กว่า 100 โครงการทั่วทั้งภูมิภาค สำหรับในประเทศไทย นอกจากกิจกรรมและความร่วมมือต่างๆ กับหน่วยงานภาครัฐที่เราได้ดำเนินการในช่วงที่ผ่านมา 

ล่าสุด เราได้เปิดตัว ‘Grab Loves Thais ช่วยกันนะคนไทย’ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งโครงการสำคัญที่ถือกำเนิดขึ้นจากความตั้งใจของพวกเราทุกคน โดยมุ่งหวังที่จะนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ในการปลดล็อคและทลายข้อจำกัดต่างๆ เพื่อสร้างโอกาส ยกระดับคุณภาพชีวิต แก้ไขปัญหาและให้ความช่วยเหลือแก่ผู้คนในสังคมผ่าน 4 กิจกรรมหลัก”  นางสาวจันต์สุดา กล่าวเพิ่มเติม

โครงการ Grab Loves Thais ช่วยกันนะคนไทย ประกอบไปด้วย 4 กิจกรรมหลัก ได้แก่ 

  • Grab Loves Locals ช่วยร้านค้าคนไทยกันนะ ที่ริเริ่มขึ้นเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการขนาดเล็กโดยการให้ความรู้ด้านการทำการตลาดออนไลน์เพื่อเพิ่มยอดขายอย่างยั่งยืนผ่าน GrabAcademy โครงการเพื่อผู้ประกอบการรายย่อยในการให้ความรู้ในการทำการตลาดอออนไลน์, การจัดแคมเปญ Support Local Restaurant สนับสนุนร้านค้าคนไทยเพื่อเพิ่มยอดขายให้แก่ร้านค้า ผ่านพื้นที่โฆษณาพิเศษ GrabAds เพื่อโปรโมทร้านค้าคนไทยกว่า 500 ร้านที่อยู่บนแพลตฟอร์มแกร็บฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย พร้อมโปรโมชั่นฟรีค่าส่งตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2563 ถึง 31 กรกฎาคม 2563 มูลค่ารวมกว่า 6 ล้านบาท รวมไปถึงการเปิดตัวเพลงหัวใจใกล้กัน ของ BNK48 เพื่อกระตุ้นการรับรู้ของผู้คนออกไปในวงกว้าง 
  • Grab Loves Farmers ช่วยเกษตรไทยกันนะ ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการช่วยเหลือเกษตรกรไทยขยายช่องทางการจัดจำหน่ายผลไม้คุณภาพส่งออกผ่านบริการ แกร็บมาร์ท (GrabMart) บนแอปพลิเคชันแกร็บ (Grab) ภายใต้ชื่อ ‘Farmers’ Market (ตลาดเกษตรกร) ณ จุดวางจำหน่าย 10 จุดหลักทั่วกรุงเทพฯ และยังมีแผนที่จะขยายการจัดจำหน่อยออกไปยังทั่วประเทศฯ ในเร็วนี้ๆ 
  • Grab Loves Partners ช่วยพี่คนขับกันนะ ซึ่งแกร็บได้ผนึกความร่วมมือกับ 6 พันธมิตรจัดทำถุงยังชีพที่บรรจุผลิตภัณฑ์อาหารและสินค้าอุปโภคบริโภคจากแบรนด์ชั้นนำ จำนวน 40,000 ชุด รวมมูลค่ากว่า 8 ล้านบาท เพื่อมอบความห่วงใยและส่งต่อกำลังใจให้แก่พาร์ทเนอร์คนขับของแกร็บทั่วประเทศ ตลอดเดือนมิถุนายน ถึง กรกฎาคม 2563
  • Grab Loves Children ช่วยเด็กไทยกันนะ โดยร่วมมือกับ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เพื่อให้ผู้ใช้บริการทุกท่านมีส่วนร่วมในการส่งต่อมื้ออาหารที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการให้แก่เด็กยากจนที่มีภาวะทุพโภชนาการภายใต้แนวคิด #มื้อนี้พี่เลี้ยง เพียงกดสั่งอาหารภายในร้าน ‘ทุพโภชนา’ บน GrabFood เพื่อส่งมอบเป็นมื้ออาหารเช้าให้กับเด็กๆ

ด้าน นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานเปิดโครงการ กล่าวว่า “ภายใต้นโยบายเทคโนโลยีเกษตร 4.0 ของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ตั้งเป้าหมายปฏิรูปการบริหารและการบริการของกระทรวงเกษตรฯ และภาคเกษตรกรรมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล

พร้อมพัฒนาศักยภาพการบริหารจัดการสินค้าเกษตรด้วยการเพิ่มช่องทางการกระจายสินค้าทางการเกษตรผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ประกอบกับวิกฤติโควิด-19  ส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงและการปรับตัวอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นในด้านรูปแบบการค้า การบริการ การบริโภค รวมไปถึงภาคการผลิต เทคโนโลยีก็ได้กลายมาเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในยุคดิจิทัล แม้แต่ในกลุ่มสินค้าการเกษตรของไทย

กระทรวงเกษตรฯจึงได้ร่วมมือกับแกร็บ ในการพัฒนาและขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลให้กับประเทศไทยผ่านโครงการ Grab Loves Farmers ช่วยเกษตรไทยกันนะ เปิดตัว Farmers’ Market (ตลาดเกษตรกร)โดยในปัจจุบันเกษตรกรไทยสามารถขายสินค้าเกษตรได้บนแพลตฟอร์มแกร็บแล้ว ซึ่งกระทรวงพาณิชย์เองก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ภาคเอกชนให้ความใส่ใจในการส่งเสริมและสนับสนุนคนไทยให้ก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน รวมถึงช่วยผลักดันให้ประเทศไทยสามารถเติบโตต่อไปได้ท่ามกลางกระแสตามการเปลี่ยนโลกด้วยธุรกิจดิจิทัล”

จากรายงานผลลัพธ์ทางสังคมของแกร็บประจำปี 2562/2563 (Social Impact Report 2019/2020) พบว่าในช่วงที่คนไทยต้องหยุดอยู่กับบ้านตามมาตรการอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ที่ผ่านมา แกร็บได้เปิดโอกาสในการสร้างรายได้ให้แก่พาร์ทเนอร์คนขับกว่าแสนคน ร้านค้ารายใหม่กว่า 30,000 ร้านค้าให้ขึ้นมาอยู่บนแพลตฟอร์มแกร็บ พร้อมเงินสนับสนุนการเพื่อช่วยร้านค้าคนไทยมูลค่ารวมกว่า 6 ล้านบาท และเพิ่มช่องทางขายผลไม้ให้แก่เกษตรกรไทย

โดยตั้งเป้าในการช่วยเหลือเกษตรกรผ่านจำนวนการสั่งผลไม้ 40,000 ออเดอร์ภายในสิ้นปี รวมไปถึงการส่งมอบความห่วงใยและกำลังใจผ่านถุงยังชีพให้แก่พาร์ทเนอร์คนขับแกร็บที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 รวมมูลค่ากว่า 8 ล้านบาท และในยามที่ประเทศหยุดชะงักแกร็บยังได้ขยายโอกาสในการเข้าถึงบริการที่จำเป็นให้แก่ผู้ใช้บริการกว่าล้านรายใน 30 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด แกร็บ ก็ยังคงพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างและช่วยเหลือคนไทยทุกคนไปตลอด 

“ถึงแม้ว่าสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยจะกำลังดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่พวกเราทุกคนก็ยังคงต้องใช้ชีวิตอยู่กับผลกระทบของโควิด-19 กันไปอีกระยะเวลาหนึ่ง แต่ในเมื่อชีวิตของพวกเรายังต้องดำเนินต่อไป แกร็บ ก็จะยังคงมุ่งมั่นที่จะดูแลคุณภาพชีวิตคนไทย ผ่านการสร้างงานสร้างรายได้ และการเข้าถึงบริการต่างๆ ที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน บนแพลตฟอร์มและเทคโนโลยีของแกร็บ เพื่อให้สังคมไทยยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้

เพราะเราเชื่อว่าในสถานการณ์แบบนี้ หากพวกเราร่วมมือร่วมใจ เราก็จะรอดพ้นจากวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน กิจกรรมต่างๆ ภายใต้โครงการนี้ไม่อาจเกิดขึ้น และคงไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้ หากขาดซึ่งความร่วมมือและการสนับสนุนจากองค์กรภาคีต่างๆ ทั้งหน่วยงานภาครัฐ พันธมิตรทางธุรกิจ ที่สำคัญที่สุด คือ ผู้ใช้บริการทุกคน

เพราะทุกครั้งที่คุณใช้บริการของแกร็บ ไม่ว่าจะเรียกรถ สั่งอาหาร หรือบริการใดๆ ก็ตาม นั่นหมายถึงคุณได้มีส่วนช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับคนไทย ทำให้เกษตรกรไทยมีกำลังใจและรอยยิ้ม ช่วยให้เหล่าพาร์ทเนอร์คนขับและจัดส่งอาหารใน 30 จังหวัดทั่วประเทศมีรายได้เพื่อหล่อเลี้ยงและจุนเจือครอบครัว ช่วยสร้างโอกาสให้เจ้าของร้านอาหารต่างๆ ยังดำเนินธุรกิจต่อไปได้ และช่วยให้เด็กยากจนที่มีภาวะทุพโภชนาการ” นางสาวจันต์สุดา กล่าวปิดท้าย

from:https://www.mobileocta.com/grab-thailand-introduces-grab-loves-thais-help-thais/

โควิดกระทบวงไอดอลไทย ในวันที่จัดงานจับมือไม่ได้ ต้องปรับตัวไลฟ์สด VDO Call กับแฟนๆ

นอกจากกระแสความนิยมในศิลปินจากประเทศเกาหลีที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นศิลปินเดี่ยว เกิร์ลกรุ๊ป หรือบอยแบนด์แล้ว ความบันเทิงในอีกรูปแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน คือกลุ่มศิลปินไอดอลทั้งสัญชาติญี่ปุ่น และสัญชาติไทย

กลุ่มศิลปินไอดอลในประเทศไทย ความจริงแล้วมีที่มาและได้รับอิทธิพลจากวงการศิลปินไอดอลในประเทศญี่ปุ่นค่อนข้างมาก ด้วยลักษณะของศิลปินที่มีความน่ารัก สดใส เป็นเด็กผู้หญิงในวัยรุ่น ใส่ชุดยูนิฟอร์มคล้ายชุดนักเรียน รวมถึงมีกฎระเบียบที่ค่อนข้างเข้มงวด โดยเฉพาะการห้ามมีความสัมพันธ์ในเชิงชู้สาวกับผู้ชาย ซึ่งถือเป็นความผิดร้ายแรง โดยอาจต้องลาออกจากวงเลยทีเดียว

สมาชิกภายในวงไอดอลจะได้รับการคัดเลือกจากเด็กผู้หญิงที่มีความสามารถในการร้องเพลง และการเต้นเป็นพื้นฐาน แต่ใช่ว่าคนที่ไม่มีความสามารถด้านนี้จะเป็นศิลปินไอดอลไม่ได้ เพราะวงไอดอลบางวงก็อาจคัดเลือกคนที่ร้องเพลงไม่เป็น เต้นไม่ได้ แต่มีแววความสามารถ นำมาฝึกสอนและพัฒนาทักษะ ซึ่งจะทำให้กลุ่มแฟนคลับได้เห็นพัฒนาการของสมาชิกแต่ละคนในวง ค่อยๆ เก่งขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดเป็นความรู้สึกภาคภูมิใจทั้งตัวศิลปินไอดอล และแฟนคลับ

Grab BNK48
BNK48 หนึ่งในวงไอดอลที่มีชื่อเสียงอย่างมากในประเทศไทย ภาพจาก Shutterstock

กลุ่มศิลปินไอดอลในประเทศไทยที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันมีอยู่ด้วยกันหลายวง เช่น BNK48, CGM48 (วงลูกของ BNK48), Sweat16 และ FEVER เป็นต้น

กลุ่มแฟนคลับพร้อมสนับสนุนวงไอดอล

กลุ่มแฟนคลับของศิลปินไอดอลในประเทศไทยจะมีการสนับสนุนศิลปินด้วยกิจกรรมที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนมากจะมี “งานจับมือ” ซึ่งงานจับมือนี้ก็เหมือนงาน Meet and greet ของศิลปินคนอื่นๆ โดยจะมีการจำกัดเวลาที่ใช้ในการพูดคุยและจับมือกับศิลปินไอดอล ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 15 วินาทีต่อครั้ง

นอกจากงานจับมือแล้ววงไอดอลยังมีกิจกรรมอื่นๆ ด้วยเช่นกัน เช่น กิจกรรมการถ่ายรูปคู่กับสมาชิกภายในวง โดยจะให้แฟนคลับถ่ายรูปคู่กับสมาชิกวงไอดอลที่ตัวเองชื่นชอบได้ 1 รูป (กฎระเบียบของแต่ละวงอาจแตกต่างกันไป)

แฟนคลับที่ต้องการเข้าร่วมงานจับมือ หรืองานถ่ายรูป สามารถซื้อบัตรที่วงไอดอลแต่ละวงทำขายได้ โดยมีราคาอยู่ที่ประมาณ 300-500 บาท แล้วแต่แหล่งที่ซื้อบัตร หากซื้อบัตรที่หน้างานก็จะมีราคาแพงกว่า หรือบางครั้งบัตรเข้าร่วมงานจับมือ อาจได้จากการสุ่มผู้โชคดีที่ซื้ออัลบั้มเพลงของวงไอดอลก็ได้เช่นกัน

วงไอดอลงัดกลยุทธ์ปรับตัว เชื่อมสัมพันธ์แฟนคลับช่วงโควิด-19

อย่างไรก็ตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้กิจกรรมที่วงไอดอลจัดให้แฟนคลับไม่สามารถทำได้เลย เพราะส่วนใหญ่แล้วเป็นงานที่ต้องมีความใกล้ชิด มีการจับมือ ถ่ายรูปคู่ ทำให้ไม่สามารถทำตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ได้เลย

และแน่นอนว่ากระแสความนิยมในวงไอดอลในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้น ย่อมมีแฟนคลับจำนวนมากอยากที่จะมาร่วมกิจกรรมกับศิลปินไอดอล การต่อคิวยาวๆ ภายในงานคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ วงไอดอลต่างๆ ในไทยจึงจำเป็นต้องยกเลิกการจัดงานจับมือ งานถ่ายรูป หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่จะจัดขึ้นออกไปอย่างไม่มีกำหนด

จัดงานจับมือไม่ได้ ให้ Video Call แทน

วงไอดอลต่างๆ ในไทยจึงจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยพยายามรักษาความสัมพันธ์กับกลุ่มแฟนคลับเอาไว้ ด้วยการจัดกิจกรรมอื่นๆ ทดแทน โดยเฉพาะการจัดกิจกรรมในรูปแบบออนไลน์เป็นหลัก

(กิจกรรม Private Birthday Meeting ของพิม Sweat16)

Sweat16 เป็นอีกวงไอดอลที่ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์โควิด-19 ได้เป็นอย่างดี เมื่อจัดงานจับมือที่ศิลปินไอดอลต้องเจอกับกลุ่มแฟนคลับไม่ได้ Sweat16 จึงเลือกที่จะจัดงานพบปะระหว่างไอดอลกับแฟนคลับผ่านทางระบบ Video Call แทน

โดย Sweat16 ได้จัดงาน Private Birthday Meeting เพื่อให้แฟนคลับร่วม Video Call แบบส่วนตัวในวันเกิดของศิลปินไอดอล โดยมีการขายบัตรเพื่อเข้าร่วม Video Call ในราคา 300 บาท สามารถพูดคุยกันได้นาน 20 วินาที หลังจากนั้นจะมีทีมงานจับภาพหน้าจอ Video Call แล้วส่งให้กับแฟนคลับเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึกต่อไป

แอปพลิเคชัน iAM48 มีฟังค์ชันในการ Live สดได้ ของวง BNK48 ภาพจาก app.bnk48.com

Live สด เชื่อมความสัมพันธ์กับศิลปิน

นอกจากการจัดกิจกรรม Video Call แล้ว ศิลปินไอดอลวงอื่นๆ ก็มีการทำกิจกรรมบนโลกออนไลน์ที่แตกต่างกันไป แต่ก็มีจุดประสงค์เดียวกัน คือต้องการรักษาความสัมพันธ์กับกลุ่มแฟนคลับเอาไว้ในช่วงที่สถานการณ์ไม่ปกติ ซึ่ง BNK48 และ CMG48 (วงลูกของ BNK48) มีแอปพลิเคชัน iAM48 ที่ใช้เป็นช่องทางติดต่อสื่อสารระหว่างวงไอดอล กับกลุ่มแฟนคลับ

โดยในแอปพลิเคชัน iAM48 นี้มีฟังค์ชันที่ศิลปินไอดอลสามารถไลฟ์สดให้แฟนคลับชมได้ ซึ่งแฟนคลับสามารถสนับสนุนศิลปินด้วยการกดปุ่มส่งของขวัญให้ศิลปินที่ตัวเองชื่นชอบ ทดแทนการซื้อบัตรเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมจับมือ หรือถ่ายรูป ซึ่งเป็นสิ่งที่ยังไม่สามารถทำได้ในช่วงเวลานี้ โดยศิลปินก็จะได้ส่วนแบ่งจากการส่งของขวัญนั้นด้วย ซึ่งจะช่วยให้แฟนคลับรู้สึกว่าตัวเองได้สนับสนุนศิลปินไอดอลที่ตัวเองชื่นชอบ เหมือนช่วงเวลาปกติ

ถ่าย MV ไม่ได้ ต้องใช้ Animation แทน

แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะส่งผลต่อการถ่าย MV ของศิลปินต่างๆ เพราะเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่จำเป็นต้องใช้ทีมงานจำนวนมาก บางครั้งอาจมีทีมงานหลายสิบคน การถ่าย MV จึงเป็นสิ่งที่ทำได้ยากในช่วงที่สถานการณ์ยังไม่ปกติ

วงไอดอลบางส่วนจึงเลือกที่จะทำ MV ให้กับเพลงใหม่ที่ออกมาด้วยการใช้ Animation ทดแทนการให้ศิลปินไอดอลในวงแสดง เช่น ไอดอลวง FEVER ที่เพิ่งปล่อย MV เพลง Stop! ออกมาให้รับชม ด้วยการใช้ Animation การ์ตูนที่มีความน่ารัก สวยงาม ทดแทนการแสดงของศิลปิน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลบางส่วนจาก – All about Japan

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/thai-idol-adapt-to-covid-19-situation/

สายกินห้ามพลาด!!! เฌอปราง BNK48 ชวนอุดหนุนร้านค้าคนไทยผ่าน GrabFood ตะลุยชิม 5 เมนูโปรดจากย่านดังทั่วกรุงเทพฯ

 

ร้านนู้นก็ดี ร้านนี้ก็น่าโดน สารภาพมาซะดี ๆ ว่าใครเป็นบ้างที่เวลาหิวไม่รู้จะกินอะไรดี เพราะใน GrabFood เขามีเมนูเด็ดจากร้านดังให้เลือกเยอะมาก ๆ วันนี้พิเศษสุด ๆ เพราะ เฌอปราง BNK48 จะมาบอก 5 เมนูโปรดที่สั่งบ่อยจากร้านค้าคนไทยชื่อดังทั่วกรุงเทพฯ ที่รับประกันว่าถูกปากใครหลายคนแน่นอน อ่านจบแล้วอย่าลืมแชร์เก็บไว้เป็นไอเดียสำหรับกดสั่งในแอปกันได้เลย!!

Grab Food

ข้าวซอยไก่ จากร้านรสมือแม่ – ประชาชื่น

ข้าวซอยไก่ รสชาติเข้มข้นถูกใจ

มากันที่เมนูโปรดจานแรกที่เฌอปรางปลื้มเป็นพิเศษ ‘ข้าวซอยไก่’ เมนูอาหารพื้นบ้านยอดนิยมของภาคเหนือที่รับประทานกี่ครั้งเฌอปรางก็ฟินกับความหอมมันเข้มข้นเป็นที่ถูกอกถูกใจทุกครั้งไป ข้าวซอยที่ทำจากแป้งสาลี ซอยเป็นแผ่นคล้ายบะหมี่ นำมาทอดกรอบจนมีสีเหลืองทองน่ารับประทาน คลุกเคล้ากับแกงรสจัดจ้าน เสิร์ฟพร้อมน่องไก่ชิ้นยักษ์ เข้ากันอย่างลงตัว เฌอปรางขอรับประกันความอร่อยปะล้ำปะเหลือของเมนูนี้ ได้กินแล้วเหมือนได้ไปเที่ยวภาคเหนือในเสี้ยววินาทีเลยหละ

ปลาหมึกผัดไข่เค็ม จากร้านวัดยางโภชนา 11 – ถนนพรานนก

ปลาหมึกผัดไข่เค็ม หอมมันเต็มปากเต็มคำ

ไปต่อกันด้วยเมนูเด็ดที่กินกี่ครั้งก็ฟินเหมือนอยู่ในทะเลกับเมนู ‘ปลาหมึกผัดไข่เค็ม’ อันเลื่องชื่อ ที่มาพร้อมกับปลาหมึกสดตัวโต คลุกเคล้าอยู่ในซอสไข่เค็มรสกลมกล่อมที่เข้ากันแบบลงตัว แต่ถ้าอยากเพิ่มความอร่อยให้เมนูนี้ เฌอขอแนะนำให้นำปลาหมึกมาชุบแป้งทอดกรอบจนมีสีเหลืองทองก่อน แล้วค่อยนำไปคลุกกับซอสไข่เค็ม เป็นเมนูจานเด็ดที่เฌอปรางขอยกนิ้วให้เลย เคี้ยวไปแล้วกรอบนอกนุ่มใน อร่อยถูกใจเป็นที่สุด ใครไม่ลองทานเมนูนี้จะต้องเสียใจ เฌอปรางเตือนแล้วนะ!

ผัดไทมันกุ้งลายเสือ จากร้านผัดไทยหมื่นลี้ – ลาดพร้าว 101

ผัดไทมันกุ้งลายเสือ อร่อยไม่มีเบื่อ

เชื่อว่าผัดไทคงเป็นเมนูสุดโปรดของใครหลายๆ คน และเป็นอีกหนึ่งเมนูโปรดของเฌอปรางอีกด้วย ผัดไทเลิศรส มีความโดดเด่นที่เส้นจันท์ที่นุ่มหนึบนุ่มลิ้น ผัดด้วยซอสผัดไทสูตรพิเศษ ทำให้มีรสชาติกลมกล่อมครบรส จะเปรี้ยว หวาน เค็ม หรือมัน ก็ตอบโจทย์ความอร่อยได้อย่างลงตัว ราดด้วยมันกุ้งที่มีความหอมมัน เสิร์ฟคู่กับกุ้งลายเสือตัวใหญ่สะใจ เฌอปรางบอกได้คำเดียวเลยว่า เป็นเมนูที่เด็กถูกใจ ผู้ใหญ่ถูกปาก คุ้มค่าน่ารับประทานสุดๆ

หมี่กระเฉดกุ้ง จากร้าน Home (โฮม) – ถนนเทอดไท

หมี่กระเฉดกุ้ง ปรุงรสกลมกล่อม

มาต่อกันด้วยสายเส้นอีกหนึ่งจานกับ ‘ผัดหมี่กระเฉดกุ้ง’ เมนูอันแสนโปรดปรานของเฌอปรางด้วยเช่นกัน เส้นหมี่ขาวลวกสุดผัดกับผักกระเฉดสดและกรอบ คลุกเคล้ากับกุ้งเด้งๆ เต็มคำ ปรุงด้วยซอสปรุงรสเข้มข้น เพิ่มรสชาติจัดจ้าน เปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด ให้เมนูนี้ได้อย่างลงตัว อีกหนึ่งเมนูจานเด็ดสำหรับใครที่กำลังเบื่อเมนูข้าวหรือก๋วยเตี๋ยว เฌอปรางขอแนะนำเมนูหมี่กระเฉดกุ้ง รับรองความอร่อยสุดแซ่บที่จะทำให้หายเบื่ออาหารกันเลยทีเดียว

บัวลอยไข่หวาน จากร้านบัวลอยไข่เค็ม – คลองสานพลาซ่า

บัวลอยไข่หวาน หอมหวานมันเกินต้านทาน

ปิดท้ายด้วยของหวานกันบ้าง  รู้ไหมเฌอปรางชอบทานของหวานอะไร?… เฉลยย! ‘บัวลอยไข่หวาน’ นั่นเอง บัวลอยปั้นสดๆ รสชาติกลมกล่อมหอมหวานมันทุกคำที่รับประทาน มีหลากหลายสีสันสุดน่ารักที่ทำมาจากสีของวัตถุดิบธรรมชาติ รับประกันความหอมหวานของน้ำกะทิกลิ่นใบเตย และที่ขาดไม่ได้เลย ไข่หวานๆ ทานคู่กับบัวลอย หวานมันนุ่มลิ้นชวนให้ฟินเป็นที่สุด เฌอปรางมั่นใจได้เลยว่าต้องถูกใจสายคนรักของหวานแน่นอน!

เป็นยังไงกันบ้าง? กับเมนูสุดโปรดของเฌอปรางจาก 5 ร้านเด็ด ซึ่งนอกจากเมนูแสนอร่อยจากร้านที่เฌอปราง มาแนะนำวันนี้ยังมีร้านเด็ดๆ อีกหลายร้านบนแอปพลิเคชัน GrabFood ที่สายกินต้องลองให้ได้ ก่อนจากกันไป

เฌอปรางขอเป็นส่วนหนึ่งในการชวนทุกคนมาอุดหนุนร้านอาหารของคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ปัจจุบัน ผ่านการกดสั่งซื้อรายการอาหารแสนอร่อยหลากหลายรายการ

เพียงเข้าไปที่แอปพลิเคชัน GrabFood และคลิกที่ไอคอน Support Local Restaurants (อุดหนุนร้านค้าคนไทย )  หรือคลิก https://grb.to/SupportSME 

เพียงเท่านี้ เราก็สามารถช่วยอุดหนุนและสนับสนุนให้ร้านอาหารของคนไทยยังคงดำเนินกิจการไปได้อย่างต่อเนื่อง วันนี้เฌอปรางขอส่งกำลังใจให้กับพี่ๆเจ้าของร้านทุกคน ทุกร้านทั่วประเทศเพื่อผ่านวิกฤตในครั้งนี้ไปด้วยกันค่ะ 

สำหรับร้านค้าที่สนใจเข้าร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับ GrabFood สามารถสมัครได้ที่ https://grb.to/thmerchant

 

from:http://mobileocta.com/cherprang-bnk48-invites-thai-people-to-shop-through-grabfood/

สายกินห้ามพลาด!!! เฌอปราง BNK48 ชวนอุดหนุนร้านค้าคนไทยผ่าน GrabFood ตะลุยชิม 5 เมนูโปรดจากย่านดังทั่วกรุงเทพฯ

 

ร้านนู้นก็ดี ร้านนี้ก็น่าโดน สารภาพมาซะดี ๆ ว่าใครเป็นบ้างที่เวลาหิวไม่รู้จะกินอะไรดี เพราะใน GrabFood เขามีเมนูเด็ดจากร้านดังให้เลือกเยอะมาก ๆ วันนี้พิเศษสุด ๆ เพราะ เฌอปราง BNK48 จะมาบอก 5 เมนูโปรดที่สั่งบ่อยจากร้านค้าคนไทยชื่อดังทั่วกรุงเทพฯ ที่รับประกันว่าถูกปากใครหลายคนแน่นอน อ่านจบแล้วอย่าลืมแชร์เก็บไว้เป็นไอเดียสำหรับกดสั่งในแอปกันได้เลย!!

Grab Food

ข้าวซอยไก่ จากร้านรสมือแม่ – ประชาชื่น

ข้าวซอยไก่ รสชาติเข้มข้นถูกใจ

มากันที่เมนูโปรดจานแรกที่เฌอปรางปลื้มเป็นพิเศษ ‘ข้าวซอยไก่’ เมนูอาหารพื้นบ้านยอดนิยมของภาคเหนือที่รับประทานกี่ครั้งเฌอปรางก็ฟินกับความหอมมันเข้มข้นเป็นที่ถูกอกถูกใจทุกครั้งไป ข้าวซอยที่ทำจากแป้งสาลี ซอยเป็นแผ่นคล้ายบะหมี่ นำมาทอดกรอบจนมีสีเหลืองทองน่ารับประทาน คลุกเคล้ากับแกงรสจัดจ้าน เสิร์ฟพร้อมน่องไก่ชิ้นยักษ์ เข้ากันอย่างลงตัว เฌอปรางขอรับประกันความอร่อยปะล้ำปะเหลือของเมนูนี้ ได้กินแล้วเหมือนได้ไปเที่ยวภาคเหนือในเสี้ยววินาทีเลยหละ

ปลาหมึกผัดไข่เค็ม จากร้านวัดยางโภชนา 11 – ถนนพรานนก

ปลาหมึกผัดไข่เค็ม หอมมันเต็มปากเต็มคำ

ไปต่อกันด้วยเมนูเด็ดที่กินกี่ครั้งก็ฟินเหมือนอยู่ในทะเลกับเมนู ‘ปลาหมึกผัดไข่เค็ม’ อันเลื่องชื่อ ที่มาพร้อมกับปลาหมึกสดตัวโต คลุกเคล้าอยู่ในซอสไข่เค็มรสกลมกล่อมที่เข้ากันแบบลงตัว แต่ถ้าอยากเพิ่มความอร่อยให้เมนูนี้ เฌอขอแนะนำให้นำปลาหมึกมาชุบแป้งทอดกรอบจนมีสีเหลืองทองก่อน แล้วค่อยนำไปคลุกกับซอสไข่เค็ม เป็นเมนูจานเด็ดที่เฌอปรางขอยกนิ้วให้เลย เคี้ยวไปแล้วกรอบนอกนุ่มใน อร่อยถูกใจเป็นที่สุด ใครไม่ลองทานเมนูนี้จะต้องเสียใจ เฌอปรางเตือนแล้วนะ!

ผัดไทมันกุ้งลายเสือ จากร้านผัดไทยหมื่นลี้ – ลาดพร้าว 101

ผัดไทมันกุ้งลายเสือ อร่อยไม่มีเบื่อ

เชื่อว่าผัดไทคงเป็นเมนูสุดโปรดของใครหลายๆ คน และเป็นอีกหนึ่งเมนูโปรดของเฌอปรางอีกด้วย ผัดไทเลิศรส มีความโดดเด่นที่เส้นจันท์ที่นุ่มหนึบนุ่มลิ้น ผัดด้วยซอสผัดไทสูตรพิเศษ ทำให้มีรสชาติกลมกล่อมครบรส จะเปรี้ยว หวาน เค็ม หรือมัน ก็ตอบโจทย์ความอร่อยได้อย่างลงตัว ราดด้วยมันกุ้งที่มีความหอมมัน เสิร์ฟคู่กับกุ้งลายเสือตัวใหญ่สะใจ เฌอปรางบอกได้คำเดียวเลยว่า เป็นเมนูที่เด็กถูกใจ ผู้ใหญ่ถูกปาก คุ้มค่าน่ารับประทานสุดๆ

หมี่กระเฉดกุ้ง จากร้าน Home (โฮม) – ถนนเทอดไท

หมี่กระเฉดกุ้ง ปรุงรสกลมกล่อม

มาต่อกันด้วยสายเส้นอีกหนึ่งจานกับ ‘ผัดหมี่กระเฉดกุ้ง’ เมนูอันแสนโปรดปรานของเฌอปรางด้วยเช่นกัน เส้นหมี่ขาวลวกสุดผัดกับผักกระเฉดสดและกรอบ คลุกเคล้ากับกุ้งเด้งๆ เต็มคำ ปรุงด้วยซอสปรุงรสเข้มข้น เพิ่มรสชาติจัดจ้าน เปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด ให้เมนูนี้ได้อย่างลงตัว อีกหนึ่งเมนูจานเด็ดสำหรับใครที่กำลังเบื่อเมนูข้าวหรือก๋วยเตี๋ยว เฌอปรางขอแนะนำเมนูหมี่กระเฉดกุ้ง รับรองความอร่อยสุดแซ่บที่จะทำให้หายเบื่ออาหารกันเลยทีเดียว

บัวลอยไข่หวาน จากร้านบัวลอยไข่เค็ม – คลองสานพลาซ่า

บัวลอยไข่หวาน หอมหวานมันเกินต้านทาน

ปิดท้ายด้วยของหวานกันบ้าง  รู้ไหมเฌอปรางชอบทานของหวานอะไร?… เฉลยย! ‘บัวลอยไข่หวาน’ นั่นเอง บัวลอยปั้นสดๆ รสชาติกลมกล่อมหอมหวานมันทุกคำที่รับประทาน มีหลากหลายสีสันสุดน่ารักที่ทำมาจากสีของวัตถุดิบธรรมชาติ รับประกันความหอมหวานของน้ำกะทิกลิ่นใบเตย และที่ขาดไม่ได้เลย ไข่หวานๆ ทานคู่กับบัวลอย หวานมันนุ่มลิ้นชวนให้ฟินเป็นที่สุด เฌอปรางมั่นใจได้เลยว่าต้องถูกใจสายคนรักของหวานแน่นอน!

เป็นยังไงกันบ้าง? กับเมนูสุดโปรดของเฌอปรางจาก 5 ร้านเด็ด ซึ่งนอกจากเมนูแสนอร่อยจากร้านที่เฌอปราง มาแนะนำวันนี้ยังมีร้านเด็ดๆ อีกหลายร้านบนแอปพลิเคชัน GrabFood ที่สายกินต้องลองให้ได้ ก่อนจากกันไป

เฌอปรางขอเป็นส่วนหนึ่งในการชวนทุกคนมาอุดหนุนร้านอาหารของคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ปัจจุบัน ผ่านการกดสั่งซื้อรายการอาหารแสนอร่อยหลากหลายรายการ

เพียงเข้าไปที่แอปพลิเคชัน GrabFood และคลิกที่ไอคอน Support Local Restaurants (อุดหนุนร้านค้าคนไทย )  หรือคลิก https://grb.to/SupportSME 

เพียงเท่านี้ เราก็สามารถช่วยอุดหนุนและสนับสนุนให้ร้านอาหารของคนไทยยังคงดำเนินกิจการไปได้อย่างต่อเนื่อง วันนี้เฌอปรางขอส่งกำลังใจให้กับพี่ๆเจ้าของร้านทุกคน ทุกร้านทั่วประเทศเพื่อผ่านวิกฤตในครั้งนี้ไปด้วยกันค่ะ 

สำหรับร้านค้าที่สนใจเข้าร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับ GrabFood สามารถสมัครได้ที่ https://grb.to/thmerchant

 

from:https://www.mobileocta.com/cherprang-bnk48-invites-thai-people-to-shop-through-grabfood/

BNK48 รีแบรนด์ตัวเองเป็น iAM มองอนาคตเป็น Talent Management และเตรียมทำไอดอลผู้ชาย

เมื่อ BNK48 ไม่ได้บริหารวงไอดอลผู้หญิงต่อไป แต่เป้าหมายต่อไปนั้นคือการเป็น Talent Management ไม่ว่าจะเป็นไอดอลรวมไปถึง Influencer ต่างๆ

Grab BNK48
BNK48 ในการเป็นพรีเซ็นเตอร์ของ Grab – ภาพจาก Shutterstock

จิรัฐ บวรวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้กล่าวถึงการเปลี่ยนชื่อบริษัทจาก บริษัท BNK48 Office จำกัด ไปเป็น iAM หรือ บริษัท Independent Artist Management จำกัด หลังมองว่าธุรกิจหลังจากนี้นั้นไม่ได้จำกัดแค่วงไอดอลอย่าง BNK48 อีกต่อไป โดยเป้าหมายสำคัญคือเรื่องของ ต้องการสร้างสรรค์ Talent ใหม่ๆ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนไทย รวมถึงการออกไปต่างประเทศผ่านทาง Content ต่างๆ รวมไปถึงภาพยนตร์

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ iAM ได้กล่าวถึงธุรกิจหลักๆ หลังจากนี้คือ

  1. ธุรกิจ Idol Management ภายใต้โมเดล AKB48 จากประเทศญี่ปุ่น เช่น BNK48 และวงน้อง
  2. ธุรกิจ Idol Management ศิลปินชาย
  3. ธุรกิจ Talent Management บริหาร ศิลปิน นักร้องนักแสดง และ Influencer

โดยสำหรับอนาคตของวงไอดอล BNK48 จิรัฐ ได้กล่าวว่าจะมีการพาน้องๆ ของวงออกไปมีประสบการณ์จากต่างประเทศ ขายไปที่อื่นด้วย ซึ่งจิรัฐดีใจที่น้องๆได้รับการยอมรับจากต่างประเทศจากภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัล เช่น เกาหลีใต้ ขณะเดียวกันปีหน้าดึงน้องแยกเป็นกลุ่มย่อย และมองว่าหลังจากนี้ BNK เหมือนเป็นแพลตฟอร์ม

เรื่องของการรับงานลูกค้าของ BNK48 นั้นจะเน้นกิจกรรมกับลูกค้ามากขึ้น เช่น โตโยต้า แกร้บ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมองว่าเรื่องเพลงนั้นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของธุรกิจเท่านั้น ขณะเดียวกันก็ต้องสร้างความยั่งยืนให้กับวงด้วย

จิรัฐ กล่าวถึงการเปิดวงย่อยของ BNK48 ขึ้นมา (เรียกว่ายูนิต) ในชื่อของ Mimigumo ประกอบไปด้วย ไข่มุก จ๋า และมิวสิค ทำให้ได้เรื่องแบรนด์ของวงขึ้นมาอีก และที่ผ่านมายังมีการทำ Sister Group (วงน้อง) ด้วย คือ CGM48 ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยจิรัฐตั้งใจที่จะเน้นเผยแพร่การท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่เป็นพิเศษ และถ้าโมเดลของเชียงใหม่สำเร็จอาจขยายไปเมืองอื่นๆ

ความตั้งใจของจิรัฐกับ BNK48 นั้นจิรัฐได้กล่าวว่า ต้องการให้ BNK48 โด่งดังเหมือนดาราและนักแสดงจากเกาหลีที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก

จิรัฐ บวรวัฒนา
จิรัฐ บวรวัฒนา – ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Independent Artist Management จำกัด

สำหรับการเปิดตัวไอดอลชายชื่อว่า The Brothers นั้นได้ศิลปินและดาราชายที่ได้รับการยอมรับจากคนไทยในฐานะพี่ชายแห่งชาติถึง 4 ท่าน ได้แก่ ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี มาริโอ้ เมาเร่อ อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม รวมไปถึง นิชคุณ หรเวชกุล ซึ่งจะมีการเปิดรับสมัครเร็วๆ นี้ ซึ่งจิรัฐได้ไอเดียว่า อยากโคลนนิ่งพี่ติ๊กออกมา

ไอดอลชายวงใหม่นี้จะบริหารงานโดย บริษัท Dream Society Management จำกัด (DMS) มีสัดส่วนการถือหุ้นระหว่าง iAM และ เจษฎาภรณ์ ผลดี ในสัดส่วน 60% และ 40% ตามลำดับ และจะใช้โมเดลจากความสำเร็จของ BNK48 มาปรับเพื่อสร้างความแตกต่าง และความน่าสนใจ เพื่อปฏิวัติวงการไอดอลชายไทย

The Brothers จะเน้นหาไอดอลในช่วงอายุ 20 ปี ซึ่งจะได้ 4 พี่ชายข้างต้นมาร่วมพัฒนาไอดอลชายกลุ่มใหม่ของเมืองไทย ซึ่งจิรัฐมองว่าไอดอลชายจะเป็นโอกาสใหม่ๆ ในการหารายได้ด้วย เช่น โฟมล้างหน้าผู้หญิงอาจใช้ BNK48 ของผู้ชายอาจใช้ The Brothers เป็นต้น และมองว่าไอดอลชายกลุ่มนี้จะครอบคลุมกลุ่มอายุตั้งแต่ 40 ปีลงมาจนถึง 20 ปี

ธุรกิจสุดท้ายอย่าง Talent Management นั้น จิรัฐ มองว่าต่อไป Influencer จะเน้นเรื่องเฉพาะกลุ่มมากขึ้น โดยเขาได้ยกกรณีการเกิดขึ้นของ BNK48 และมองว่าเมื่อเป็นเรื่องเฉพาะกลุ่มใครก็ลงโฆษณาได้ ซึ่งต่างกับกระแสหลักที่ใช้เงินมากกว่า ขณะเดียวกันโลกออนไลน์ที่เกิดขึ้นใครก็เป็นดาราได้ ไม่อยู่ในสื่อเดิมๆ อีกต่อไป และอยากทำ iAM เป็นศูนย์รวม Influencer ขยายไปเมืองนอก

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย

  • ค่าตัว BNK ยังเท่าเดิม เต็มวง 16 คนราคา 1 ล้าน ขณะที่ 6 คนถ้าเลือกเอง 5 แสนบาท สุ่มให้ 2.5. แสนบาท
  • มองธุรกิจนี้นั้นอยู่ได้จากฐานแฟนคลับ
  • ความท้าทายธุรกิจนี้ จิรัฐมองว่า มีความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา อยู่กับที่ไม่ได้
  • จิรัฐพยายามเพิ่มศักยภาพของน้องๆ BNK48 ให้มากขึ้นกว่าเดิม
  • ปีหน้าจะมีหนังเปิดตัว 4 เรื่อง
  • กลางปีหน้าภาพรวมของ iAM จะชัดกว่านี้ และยอมรับว่ามีพาร์ตเนอร์แข็งแรง
  • ปัจจุบัน iAM มีสัดส่วนการถือหุ้น 55% กลุ่มจิรัฐิติ (รวม RAM) 35% Plan B 10% AKS (จากญี่ปุ่น)
  • ภายใน 2 ปี สัดส่วนรายได้กลุ่ม 48 ที่ 50% ที่เหลือ 50% จากไอดอลชายและ Talent Management
  • จิรัฐพยายามไม่เน้นการขายดราม่า สิ่งที่เขาเน้นคือเรื่องของ
  • The Brothers จะเน้นการขายโฆษณาก่อน หลังจากนี้สัดส่วนจะเปลี่ยนเป็นโฆษณาครึ่งนึงและที่เหลืออื่นๆ เช่น ซีดี ฯลฯ
  • จิรัฐสนใจทุกอย่างที่สร้างปรากฏการณ์ออกมาได้ Positive Energy
  • อย่าเอาธุรกิจหนึ่งมาใส่ธุรกิจหนึ่ง เขาได้เทียบโมเดล BNK48 กับ CGM48 ว่าคนละแบบกัน
  • จิรัฐกล่าวว่า ข่าวร้ายเป็นที่สนใจของคนทั่วไป แต่ข่าวดีคนไม่สนใจ เช่น น้องๆ ใน BNK48 ได้เกียรตินิยม
  • เขาได้กล่าวถึงรายการไอดอลชายว่า “คุณเชื่อใน The Brothers แค่ไหน”

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/bnk48-rebranding-to-iam-and-having-view-about-talent-management-in-thailand/