คลังเก็บป้ายกำกับ: ASUS_ZENBOOK_FLIP_14

แนะนำ 2-in-1 Notebook ปี 2020 ของดีมีปากการาคาได้ สเปก Core i / Ryzen เริ่ม 15,000 – 25,000 บาท

แนะนำ 2-in-1 Notebook ปี 2020 ของดีมีปากการาคาได้ ในช่วงราคาประมาณตั้งแต่ 15,000 บาท จนไปถึงไม่เกิน 25,000 บาท โดยรองรับการใช้งานได้หลากหลาย ได้หน้าจอทัชสกรีนขนาด 13.3″ – 14″ พับได้ 360 องศา มีโหมดต่างๆ รวมไปถึงมีปากการองรับแรงกดได้หลายระดับ ทำให้ขีดเขียนหรือวาดรูปได้สมจริง ดีไซน์ให้ความบางเบา พกพาสะดวก แบตเตอรี่ยาวนาน สนับสนุนการใช้งานทั่วไป การใช้งานพื้นฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ดูหนัง ฟังเพลง ทำงานเอกสาร เล่นอินเตอร์เน็ต ก็ทำได้อย่างลื่นไหลทั้งหมด

สเปกภายในจะได้เป็นชิปประมวลผล Intel Core i อย่าง Core i3 / i5 / i7 หรือ AMD Ryzen 5 / 7 ที่เน้นแรงประหยัดพลังงาน พร้อมให้ประสิทธิภาพประมวลผลได้หลากหลาย ส่วนการ์ดจอมีทั้งเป็นแบบออนชิปของ Intel / AMD ที่รองรับการทำงานทั่วไปเป็นหลัก และการ์ดจอแยกระดับเริ่มต้น หน่วยความจำแรมจะได้เป็นขนาด 4GB – 8GB พร้อมด้วยที่เก็บข้อมูลมาตรฐานเป็น SSD ความจุ 256GB – 512GB ที่สำคัญทุกรุ่นจะได้ Windows 10 มาพร้อมใช้งานทันทีด้วย

น้ำหนักประมาณ 1.3 – 1.6 กิโลกรัม เน้นเรื่องของแบตเตอรี่ที่ยาวนาน โดยใช้งานได้ประมาณ 8 ชั่วโมงกรณีที่ไม่ต่ออแดปเตอร์ สำหรับความละเอียดหน้าจอทุกรุ่นจะเป็นมาตรฐาน Full HD 1920 x 1080 พิกเซล พาเนลได้เป็น IPS คุณภาพดี ให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยียม ทั้งสีสันสดใส มุมมองที่กว้าง บางรุ่นได้ฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือเพื่อเข้าใช้งาน Windows 10 ได้สะดวกรวดเร็วปลอดภัยอีกด้วย

เหมาะกับคนที่ต้องการ Notebook ใช้งานหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา ที่ต้องการหน้าจอทัชสกรีน พร้อมมีปากกาไว้ขีดเขียน รองรับการทำงานด้านกราฟิกหรือวาดภาพ จดบันทึก ส่วนการรองรับใช้งานเอกสาร ใช้งานอินเตอร์เน็ตออนไลน์ ส่งอีเมล รวมไปถึงดูหนังฟังเพลง เป็นมาตรฐานที่ต้องทำได้ดี โดยได้รูปแบบประกันดีที่สุดเป็นมาตรฐาน 2 ปี On-site Servcie ซ่อมฟรีถึงบ้าน ซึ่งจะมีรุ่นอะไรบ้างนั้น ไปชมกันต่อเลย

ASUS VivoBook Flip 14 ราคา 15,900 – 16,900 บาท

ASUS VivoBook Flip 14 เป็น 2-in-1 Notebook ปี 2020 รุ่นใหม่ล่าสุด บาง 17.6 มิลลิเมตร น้ำหนักเพียง 1.5 กิโลกรัม ดีไซน์หรูหรากะทัดรัด หน้าจอ 14″ มาพร้อมชิปประมวลผล Intel อย่าง Core i3-8145U หรือ Core i3-10110U ส่วนสเปกอื่นๆ ก็มาพร้อมกับหน่วยความจำแรมขนาด 4GB และแหล่งเก็บข้อมูล SSD M.2 ความจุ 256GB – 512GB พร้อมกับ Windows 10 แท้ในตัว ซึ่งมีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 15,900 – 16,900 บาท รองรับการพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้อย่างสบายๆ ในราคาไม่แพง

ตัวเครื่องบางเพียง 17.6 มม. บางกว่าเก่าถึง 11% และเบาเพียง 1.6 กิโลกรัม มาพร้อมกับความเรียบหรูระดับพรีเมี่ยม เป็นโน้ตบุ๊คที่บางที่สุดรุ่นนึงจากทาง Lenovo บานพับ 360 องศา  หน้าจอสัมผัส Full HD พาเนล TN ขอบบาง 6.15 มิลลิเมตร ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล NanoEdge ที่บางเฉียบเป็นพิเศษ ทำให้ ASUS VivoBook Flip 14 เหมาะกับจอภาพ Full HD ขนาด 14″ ในตัวเครื่องขนาด 13.3″ โดยมีอัตราส่วนจอภาพมากถึง 82% ของตัวเครื่องเพื่อการรับชมที่สมจริง รองรับการใช้งานหลากหลายโหมดได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังมีอุปกรณ์เสริมอย่าง ASUS Active Pen 

การเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง HDMI, 2 x USB 2.0 Type-A, 1 x USB 3.1 Type-A, USB 3.1 Type-C, Kensington Lock, 2-in-1 SD และ Headset 3.5mm พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 4.1 และ Wi-Fi มาตรฐานใหม่ 802.11a/b/g/n/ac ระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้ในตัว มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ Fingerprint สแกนลายนิ้วมือเพื่อการถอดรหัสเข้าสู่ระบบที่รวดเร็วและง่ายดายโดยผ่านคุณสมบัติของ Windows Hello

สำหรับ ASUS VivoBook Flip 14 รุ่นที่ต่อยอด ASUS VivoBook Flip รุ่นก่อนๆ มาดีไซน์โดยรวมถือว่าคล้ายเดิม ในตระกูลของ 2-in-1 Notebook มีสไตล์นี้มาพร้อมกับกรอบโลหะสุดอลังการ ด้วยสีน้ำเงิน Galaxy Blue บานพับโลหะที่พับได้รอบถึง 360 องศาของ VivoBook Flip 14 ที่ออกแบบมาเพื่อความทนทาน ได้รับการทดสอบการเปิดและปิดอย่างทรหดกว่า 20,000 ครั้ง เพื่อให้ได้ความทนทานสูงสุด โดยเหมาะมากๆ สำหรับคนทำงานนักเรียนนักศึกษาที่เน้นใช้งานทั่วไปแต่ลื่นไหล และใช้งานได้หลากหลาย

Lenovo IdeaPad C340 ราคา 16,900 – 23,900 บาท

Lenovo IdeaPad C340 เป็น 2-in-1 Notebook ดีไซน์หรูหรากะทัดรัด หน้าจอ 14″ ขอบจอบาง พาเนล IPS จอทัชสกรีนมีปากกา มาพร้อมขุมพลังชิปประมวลผล AMD Ryzen 5 3500U / Ryzen 7 3700U พร้อมการ์ดจอออนชิป Radeon VEGA 8 / 10 ส่วนสเปกอื่นๆ ก็มาพร้อมกับหน่วยความจำแรมขนาด 4GB / 8GB และแหล่งเก็บข้อมูล SSD M.2 NVMe ความจุ 256GB / 512GB พร้อมกับ Windows 10 แท้ในตัว ซึ่งมีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 16,900 บาท และ 23,900 บาท ตามลำดับ ได้ประกัน 2 ปีตามมาตรฐาน Lenovo

ตัวเครื่องบางเพียง 17.9 มิลลิเมตร และเบาเพียง 1.65 กิโลกรัม มาพร้อมกับความเรียบหรูเน้นความคุ้มค่า เป็นโน้ตบุ๊คที่รองรับการใช้งาน Multi-Mode จากทาง Lenovo โดยได้บานพับ 360 องศา รองรับการใช้งานหลากหลายโหมดได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังมีอุปกรณ์เสริมอย่าง Lenovo Active Pen ที่มีเทคโนโลยี Palm-Rejection ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติขณะเขียนเหมือนการเขียนปากกาบนกระดาษ ให้เสียงนุ่มจากลำโพงคุณภาพอย่าง Dolby Audio ที่สำคัญได้โปรแกรม Office Home & Student 2019 มูลลค่า 4,290 บาทมาให้ทันทีด้วย

หน้าจอจะเป็นแบบกระจกมัลติทัชขนาด 14″ รองรับสัมผัสด้วยนิ้วมือและปากกา Stylus รองรับแรงกดได้หลายระดับ พาเนลจอเป็น IPS ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล (Full HD) แถมตัวคีย์บอร์ดยังมีไฟ LED Backlit สีขาวมาให้ด้วย การเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง HDMI, 2 x USB 3.1, USB 3.1 Type-C, Kensington Lock, 2-in-1 SD และ Headset 3.5mm พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 4.1 และ Wi-Fi 5 AC รวมไปถึงมีระบบ Fingerprint ให้เราสแกนลายนิ้วมือเข้าใช้งานอีกด้วย

Lenovo IdeaPad C340 มาพร้อมสีสัน Platinum Grey หรือ Onyx Black ซึ่งต้องยอมรับงานประกอบตัวเครื่องดีมากๆ วัสดุเป็นพลาสติกผิวแบบไม่ลื่นจับแล้วติดมือ ทำให้ตัวเครื่องดูเนี้ยบหรูสวยงาม เป็นรอยขีดข่วนรอยนิ้วมือยาก ทนทานกว่าเดิม ซึ่งแม้ขอบจอจะบางเฉียบแต่ก็ได้ติดตั้งกล้องเว็บแคมไว้ด้านบนเหมือนเดิมพร้อมไมโครโฟนแบบคู่ ที่มาพร้อมฟีเจอร์ TrueBlock Privacy Shutter ม่านชัตเตอร์ปิดเลนส์กล้องที่ทำให้เรามั่นใจว่ากล้องจะเห็นในเวลาที่เราต้องการใช้งานเท่านั้น การใช้งานก็ง่ายมากๆ ด้วยการใช้นิ้วเลื่อนเปิดหรือปิดการใช้งานเท่านั้น

HP Pavilion x360 14 ราคา 20,900 – 23,900 บาท

HP Pavilion x360 14 ปี 2020 นั้นถือเป็น 2-in-1 Notebook ที่ได้ความบางเบาหรูหรา ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ล่าสุดได้สเปก Core i Gen 10 ในราคาคุ้มค่าเหมือนเดิม มาพร้อมดีไซน์ใหม่ที่สวยงามลงตัว อีกทั้งยังแถมปากกา Stylus ใช้วาดรูปมาให้ในกล่องอีกด้วย ซึ่งบอกเลยว่าเป็น 2-in-1 Notebook ที่คาดว่าจะขายดีเช่นเดิม จากดีไซน์ที่สวยงามหรูหรา พกพาสะดวก พร้อมสเปกและฟีเจอร์ที่เกินราคา

ในราคาเริ่มต้นเพียง 20,900 บาท สเปกจะเป็น Core i3-10310U + GeForce MX130 + RAM 8GB + SSD 512GB สำหรับชิปประมวลผล Intel Core i5-10210U + NVIDIA GeForce MX130 + RAM 8GB + SSD 512GB จะมีราคาอยู่ที่ 23,900 บาท ที่ในส่วนชิปประมวลผล Core i3 / i5 นี้เป็นสถาปัตยกรรม Comet Lake ใหม่ล่าสุดที่การผลิต 14 นาโนเมตร ส่วนหน้าจอเป็นแบบจอกระจกสัมผัส 14″ รองรับสัมผัสมัลติทัชและปากกา Stylus รองรับแรงกดได้หลายระดับ พาเนลจอเป็น IPS ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล พร้อมกับ Windows 10 ประกัน 2 ปี On-Site

ทางด้านพอร์ตที่ติดตั้งมีมาให้จะใช้ถือว่าครบครันเลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็น USB 3.1 Type-A จำนวน 2 ช่อง, USB 3.1 Type-C จำนวน 1 ช่อง, SD Card Reader, HDMI สำหรับต่อหน้าจอเสริม และรูหูฟังกับไมค์แบบคอมโบ ซึ่งแน่นอนว่ารองรับการเชื่อมต่อไร้สายด้วย Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac (1×1) กับ Bluetooth 4.2

HP Pavilion x360 14 เป็น 2-in-1 Notebook บางเบาหน้าจอ 14 ปรับได้หลากหลายโหมด โดยเลือกใช้เป็นพาเนล IPS คุณภาพดี ที่มาพร้อมกับความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล รองรับมัลติทัชกรีน และปากกา HP Active Pen รองรับแรงกดได้หลายระดับ ทำให้ใช้งานกับระบบปฏิบัติการ Windows 10 ได้อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมการขีดเขียนที่สมจริง ด้วยน้ำหนักตัวเครื่องเพียง 1.58 กิโลกรัม และบางเพียง 20 มิลลิเมตร ทำให้การพกพาทำได้โดยง่าย

HP Pavilion x360 14 มาพร้อมกับดีไซน์การออกแบบใหม่ ขอบจอบางเฉียบ ซึ่งจัดได้ว่าเป็นโน้ตบุ๊คยุคปัจจุบันที่มาพร้อมสีสันที่สวยงามลงตัวอย่าง Cloud Blue โดยฝาหลังจะเป็นน้ำเงินอ่อนส่วนตัวเครื่องภายในจะเป็นเทาเข้มที่ดุดัน เชื่อได้ว่ายังโดนใจวัยรุ่นเพราะมีความโดดเด่นสะดุดตาเป็นพิเศษ มีหน้าตาออกไปทางเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความหรูหราด้วยการเล่นกับการออกแบบที่มีความโค้งเว้ามีมิติในหลายๆ ส่วน

ASUS ZenBook Flip 14 UM462DA ราคา 18,900 บาท

ASUS ZenBook Flip 14 UM462DA นั้นถือเป็น 2-in-1 Notebook ที่ได้ความบางเบาราคาคุ้มค่ารุ่นล่าสุด โดดเด่นด้วยชิปประมวลผล AMD Ryzen 5 3500U  อีกทั้งยังแถมปากกา Stylus ใช้วาดรูปขีดเขียนอีกด้วย ซึ่งบอกเลยว่าเป็น 2-in-1 Notebook ที่มีราคาถูกมากๆ ตอนนี้ในตลาดเหลือเพียง 18,900 บาท จากดีไซน์ที่สวยงามหรูหรา พกพาสะดวก พร้อมสเปกและฟีเจอร์ที่เกินราคา กว่า 2-in-1 Notebook ทั่วไป กับขนาดหน้าจอ 14″ แต่ตัวเครื่องเล็กกระทัดรัดเทียบเท่า 13.3″ นี้ โดยมีน้ำหนักที่ 1.6 กิโลกกรัม  พร้อมดีไซน์หรูหราตามสไตล์ของ ZenBook จากทาง ASUS

สเปกเต็มๆ ของ ASUS ZenBook Flip 14 UM462DA ใช้ชิปประมวลผล AMD Ryzen 5 3500U ที่เป็นสถาปัตยกรรมใหม่ล่าสุดที่การผลิต 12 นาโนเมตร โดยมีค่าการกินไฟ TDP ที่ 15 Watt เท่านั้น การ์ดจอออนบอร์ดเป็น Radeon RX VEGA 8 ประสิทธิภาพใช้ได้ดี ควบคู่กับแรมขนาด 8 GB และ SSD M.2 NVMe ความจุ 512 GB ส่วนหน้าจอจะเป็นแบบมัลติทัชขนาด 14″ แบบกระจก รองรับสัมผัสมัลติทัชและปากกา Stylus รองรับแรงกดได้หลายระดับ พาเนลจอเป็น IPS ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล (Full HD) โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 95% และ AdobeRGB ที่ 72% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันนั้นดีมากกว่า 2-in-1 Notebook รุ่นอื่นๆ พอตัว

มีกล้องเว็บแคมและมีไมค์ดิจิตอลในตัว ที่สำคัญมีกล้องอินฟราเรด IR 3D Camera ที่สามารถใช้งานร่วมกับ Windows Hello เพื่อปลดล็อคตัวเครื่องได้อีกด้วยตัวคีย์บอร์ดยังมีไฟ LED Backlit สีขาวมาให้ด้วย พร้อหน้าจอพับปรับได้ 360 องศา มีบันเดิลปากกา Stylus อย่าง ASUS Active Pen มาให้เลยในกล่องเลย ประกัน 2 ปีเต็มตามมาตรฐาน ASUS พร้อมประกันอุบัติเหตุใน 1 ปีแรกอีกด้วย โดดเด่นด้วยการเคลมผ่านทางร้าน 7-11 ได้

วัสดุหลักของ ASUS ZenBook Flip 14 UM462DA เป็นพลาสติกเกรดสูงที่แทบจะไร้รอยต่อตลอดทั้งตัวเครื่อง โดดเด่นด้วยการออกแบบจอภาพไร้กรอบ NanoEdge แบบใหม่ที่ทำให้กรอบจอภาพมีขนาดเล็กลงกว่ารุ่นก่อนเกือบ 10% จอแสดงผลขนาด 14″ แบบขอบจอบางทั้ง 4 ด้านทำให้มีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 90% ทำให้ตัวเครื่องมีขนาดกะทัดรัดยิ่งขึ้น ได้บานพับ ErgoLift 360° ที่ว่านี้นั้นทาง ASUS ได้ทำการวิจัยออกมาเป็นอย่างดี ว่ามันจะช่วยให้เราใช้งานโน๊ตบุ๊คนั้นสามารถที่จะพิมพ์ได้อย่างสบาย เวลาที่กางบานพับออกมานั้นมันจะทำให้ส่วนของฐานคีย์บอร์ดมีระยะห่างกับฐานตั้งซึ่งทำให้ความร้อนที่เกิดขึ้นในส่วนของตัวเครื่องนั้นมีการดูดลมเย็นเข้าไปช่วย พร้อมกันนั้นยังให้เสียงที่ดีขึ้นด้วย

HP ENVY x360 13 ราคา 24,900 บาท

HP ENVY x360 นั้นถือเป็น 2-in-1 Notebook ที่ได้ความบางเบาหรูหรา ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดย HP ได้นำเสนอ HP ENVY x360 ปี 2019 รุ่นใหม่ในราคาคุ้มค่าเหมือนเดิม อีกทั้งยังแถมปากกา Stylus ใช้วาดรูปมาให้ในกล่องอีกด้วย ซึ่งบอกเลยว่าเป็น 2-in-1 Notebook ที่ขายดีเช่นเดิม จากดีไซน์ที่สวยงามหรูหรา พกพาสะดวก พร้อมสเปกและฟีเจอร์ที่เกินราคา กว่า 2-in-1 Notebook ทั่วไป ในราคาในล่าสุดที่คุ้มค่ามากๆ เพียง 24,900 บาท สำหรับชิปประมวลผล AMD Ryzen 5 3500U ได้การ์ดจออนชิปเป็น VEGA 8 ทำงานร่วมกับแรมขนาด 8GB และ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ที่ทั้งแรงและลื่นไหล

ส่วนหน้าจอจะเป็นแบบมัลติทัชขนาด 13.3 นิ้ว รองรับสัมผัสมัลติทัชและปากกา Stylus รองรับแรงกดได้หลายระดับ พาเนลจอเป็น IPS ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล(Full HD) มีกล้องเว็บแคมและมีไมค์ดิจิตอลในตัว แถมตัวคีย์บอร์ดยังมีไฟ LED Backlit สีขาวมาให้ด้วย ที่สำคัญตัวเครื่องยังบางเฉียบ และมีน้ำหนักเบาเพียง 1.30 กิโลกรัมเท่านั้น พร้อมพับปรับได้ 360 องศา

พอร์ตการเชื่อมต่อมีมาตามนี้คือ 2 x USB 3.1 Type-A, USB 3.1 Type-C, Kensington Lock, Micro SD Card Reader และ Headset 3.5 mm พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 4.2 และ Wi-Fi มาตรฐานใหม่ 802.11a/b/g/n/ac 2×2 ระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้ในตัว ประกัน On-Site 2 ปีเต็ม  พร้อมบันเดิลปากกา Stylus อย่าง HP Active Pen มาให้เลยในกล่องเลย

วัสดุที่ทาง HP เลือกใช้บอดี้จะเป็น Aluminum ทั้งหมด สี Nightfall Black ดีไซน์แบบมินิมอลและพื้นผิวขัดลายเพิ่มความหรูหราอย่างมีระดับ พร้อมกับโลโก้ HP ที่เป็นสีเงินเงางามบริเวณกลางฝาหลัง ส่วนด้านในเครื่องบริเวณหน้าจอกระจกขอบบางเฉียบที่เป็น Corning Gorilla Glass ทั้งบาน ซึ่งเล่นสีกับขอบจอด้านในเป็นสีดำดูเข้ากันดี  ตัวคีย์บอร์ดยังมีไฟ LED Backlit สีขาวมาให้ด้วย ที่สำคัญตัวเครื่องยังบางเฉียบ พกพาได้สะดวก พร้อมพับปรับได้ 360 องศา เพื่อใช้งานมัลติโหมด

นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นที่ยี่ห้ออื่นไม่มีคือ HP Sure View ฟีเจอร์กันคนแอบมองจอที่สามารถกดเปิดปิดได้ในปุ่มเดียว และสวิตช์ Webcam Kill ป้องกันเพื่อความปลอดภัย อย่างที่หาไม่ได้ในโน้ตบุ๊คแบรนด์อื่นๆ แน่นอน โดดเด่นด้วยลำโพงแบบ Quad Speakers ของ Bang & Olufen ที่หาได้ยากมากในโน้ตบุ๊คราคาระดับนี้ และขาดไม่ได้เลยสำหรับสแกนลายนิ้วมือผ่านทาง Windows Hello เพื่อเพิ่มความสะดวกและปลอดภัยในการใช้งาน

from:https://notebookspec.com/introducing-2-in-1-notebook-for-the-year-2020-model-june-good-price-with-pen-spec-core-i-ryzen/523887/

Review | รีวิว ASUS ZenBook Flip 14 จอสัมผัส น้ำหนักเบา ขุมพลัง Ryzen + SSD 512GB ราคาเริ่มต้น 19,990 บาท

เห็นราคาแล้วถึงกับตกใจ ปกติแล้วโน้ตบุ๊คที่เป็น ซีรีส์ ZenBook จะถือเป็นตัวพรีเมียมราคาสามสี่หมื่นอัพ แต่คราวนี้ ASUS ได้เปิดตัวเจ้า ZenBook Flip 14 UM462DA ที่เป็นโน้ตบุ๊ค 2-in-1 หน้าจอสัมผัส พับได้ 360 องศา ดีไซน์แบบใหม่ ขอบจอบางทั้ง 4 ด้าน น้ำหนักเบาเพียง 1.4 กิโล สเปคก็ถือว่าใช้ได้ มีปากกาให้พร้อม โดยตัวราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 19,990 บาทเท่านั้น

สเปคเบื้องต้น

  • CPU : AMD Ryzen 5 2500U / AMD Ryzen 7 3700U
  • GPU : AMD Radeon RX Vega 8 / Vega 10 (On Board)
  • Ram : 8 GB DDR4, 2400 MHz (On Board)
  • Storage :  SSD m.2 PCIe ขนาด 512 GB
  • Display : จอสัมผัส 14 inch (1920×1080) Full HD IPS 60 Hz
  • Network : Wi-Fi 802.11 ac (2×2) Bluetooth 4.2
  • Interface : COMBO audio jack, USB 3.1 Type-A, USB 3.1 Type C, USB 2.0 Type A และ HDMI
  • Weight : 1.40 Kg
  • Warranty : 2 Years
  • OS : Windows 10 Home
  • Price : 19,990 บาท (Ryzen 5) / 22,990 บาท (Ryzen 7)

ดีไซน์ตัวเครื่อง


ตัวเครื่องที่ทีมงานได้มารีวิวนั้นจะเป็น ASUS ZenBook Flip 14 UM462DA ที่เป็นรุ่นท็อปใช้ซีพียูเป็น Ryzen 7 ซึ่งดีไซน์ทั้งตัว Ryzen 5 และ Ryzen 7 จะเหมือนกันต่างกันแค่สติ๊กเกอร์ เรามาเริ่มกันดูจากวัสดุบอดี้ตัวเครื่องกันก่อน ทั้งหมดเป็นอะลูมิเนียมผิวด้าน สีไม่เป็นรอยนิ้วมือง่าย สัมผัสได้ถึงความพรีเมียมที่สมกับเป็นซีรีส์ ZenBook แต่ฝาหลังไม่ได้มีลายเป็นวงๆ เหมือนรุ่นก่อนซึ่งดูแล้วรุ่นนี้เน้นความเรียบง่ายเสียมากกว่า


แกนฝาพับตัวเครื่องจะเป็นลักษณะสี่เหลี่ยม 2 แกนพับได้ 360° ซึ่งทาง ASUS เคลมไว้ว่าตัวเครื่องผ่านการทดสอบ US Military-Grade (MIL-STD-810G) สามารถเปิดปิดบิดพับหน้าได้มากกว่า 20,000 ครั้ง จะเปิดปิดหมุนพับบ่อยๆ ได้ไม่ต้องกลัวพัง พร้อมมียางรองแบบ ErgoLift ไว้สำหรับยกตัวเครื่องให้สูงขึ้นทำมุม 135° เพื่อช่วยให้ข้อมือเวลาพิมพ์อยู่ในลักษณะที่ถูกต้องและใช้ในเรื่องของการระบายความร้อนอีกด้วย

คีย์บอร์ดตัว ASUS ZenBook Flip 14 จะให้มาแบบเป็นไซต์มาตรฐานตามหน้าจอ 14 นิ้ว ไม่มี numpad มีไฟ Backlit สีขาวปรับได้ 3 ระดับ ทัชแพทก็จะอยู่ด้านล่างคีย์บอร์ดมีปุ่มคลิกซ้ายคลิกขวาเป็นแบบซ่อนปุ่ม ใช้งานมัลติทัชได้ลื่นไหลปกติไม่มีปัญหา

ทางหน้าหน้าจอสังเกตว่าตัวเครื่องทำมาเป็น NanoEdge หรือขอบจอบางทั้งสี่ด้าน ทำให้มีสัดส่วนพื้นที่หน้าจอถึง 90% ของพื้นที่ทั้งหมด พร้อมกับมีกล้อง IR ที่ใช้สำหรับปลดล็อคหน้าจอผ่านใบหน้าได้ (สังเกตไฟสีแดง) โดยรวมแล้วลักษณะการดีไซน์เจ้า ASUS ZenBook Flip 14 รุ่นใหม่นี้ถือว่าทำได้ดีเลย ทั้งงานประกอบที่แข็งแรงและดีไซน์ที่เรียบง่าย แต่ตัวเครื่องด้านข้างอาจจะหนาไปสักนิด

พอร์ตเชื่อมต่อ


พอร์ตเชื่อมต่อ ASUS ZenBook Flip 14 ให้มาแบบพอดีๆ คือด้านขวาตัวเครื่องจะมี Micro SD Card, USB 2.0 Type-A, Headset 3.5 mm, ไฟแสดงสถานะ และปุ่มเปิดปิดเครื่อง ส่วนทางด้านซ้ายก็จะมี ช่องเสียบสายชาร์จ, HDMI, USB 3.1 Type A และ USB 3.1 Type C 3.1 แอบเสียดายนิดๆ ที่ตัวเครื่องไม่มีพอร์ต Lan มาให้ เพราะอุตส่าห์ทำเครื่องหนามาแล้วน่าจะใส่มาให้สักหน่อย

แกะเครื่อง / การอัปเกรด

 ASUS ZenBook Flip 14 เห็นเครื่องหนาแบบนี้ใช่ว่าจะแกะง่าย ถ้าจะแกะต้องแงะยางรองด้านหลังฝั่งแกนฝาพับออก 2 ตัวด้วย ซึ่งหากใครจะแกะทำความสะอาดหรืออัปเกรดต้องค่อยๆ ทำใจเย็นๆ นะครับ โดยตัวเครื่องจะสามารถอัปเกรดได้แค่ SSD m.2 เท่านั้น คือถอดอันเก่าออกใส่อันใหม่เข้าไป ส่วน Ram ฝังบอร์ดอยู่แล้ว 8GB ไม่สามารถใส่เพิ่มได้




การระบายความร้อน ASUS ZenBook Flip 14 มีพัดลมระบายความร้อน 1 ตัว ฮีทไปป์เส้นใหญ่ 1 เส้น แบตเตอรี่ใช้ขนาด 3,550 mAh ลำโพงอยู่ด้านล่างซ้ายขวา ซึ่งใช้การจูนเสียงของ Harman/Kardon ด้วย

ทดสอบประสิทธิภาพ



ด้วย ASUS ZenBook Flip 14 เป็นโน้ตบุ๊ค 2-in-1 ทำให้สามารถใช้งานได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็นโน้ตบุ๊คโน้ตบุ๊คธรรมดา, พับเป็นแท็บเล็ต หรือตั้งสแตนด์ไว้วาดรูป โดยตัวปากกา ASUS Pen จะใช้ถ่าน AAAA 1 ก้อน (แถมมาให้เลย) รองรับการเขียนและวาดภาพได้ดีระดับหนึ่ง ซึ่งรองรับแรงกดได้สูงสุด 1,024 ระดับ

สเปค CPU ด้านในตัวเครื่อง ASUS ZenBook Flip 14 รุ่นที่ทีมงานได้มารีวิวจะใช้เป็น Ryzen 7 3700U ความเร็ว 2.30 – 4.00 Ghz แบบ 4 Core/ 8 Thread ขนาด 12nm TDP 15w การ์ดจอออนบอร์ดใช้เป็น AMD Radeon RX Vega 10 ส่วน Ram ตัวเครื่องจะเป็น On Board 8 GB (ใส่เพิ่มไม่ได้) และ SSD m.2 NVMe ใช้ของ WDC PC SN520 ขนาด 512 GB ด้วยกัน

ทดสอบความเร็วของ SSD m.2 512 GB ได้ค่า Read อยู่ที่ 1742.6 MB/s และ Write อยู่ที่ 1458.0 MB/s ถือว่าค่อนข้างแรงในเลยทีเดียวทั้งอ่านและเขียน ส่วนความจุจาก 512 GB จะสามารถใช้งานได้สูงสุด 476 GB

ทางด้านระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ ทีมงานทดสอบโดยการต่อ Wifi ดู YouTube ปรับแสงหน้าจอระดับกลาง เปิดโหมดประหยัดพลังงาน ผลปรากฏว่าสามารถใช้งานได้สูงสุดอยู่ที่ 7 ชั่วโมง 16 นาที


คราวนี้มาทดสอบเล่นเกมกับบ้างโดยทีมงานได้ทำการทดสอบเล่นเกม DOTA 2 โดยปรับตั้งค่าแบบ Normal ผลเป็นดังนี้คือ ค่า FPS เฉลี่ยอยู่ที่ 51 ต่ำสุด 31 สูงสุด 73 ซึ่งถือว่าการ์ดจอออนบอร์ดตัว Vega 10 สามารถทำได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ถ้าหากปรับกราฟิกสูงกว่านี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน

หลังจากที่ทดสอบเล่นเกมไปยาวๆ 2 ชั่วโมงติด มาดูที่อุณหภูมิตัวเครื่อง ASUS ZenBook Flip 14 กันบ้าง จะเห็นว่าซีพียูวิ่งไปสูงสุดอยู่ที่ 87 องศา (การ์ดจอเป็นออนบอร์ดตัวเดียวกับซีพียู) การระบายความร้อนสามารถทำได้ดีเลยทีเดียว ด้วยซีพียู Ryzen ใหม่ขนาด 12 nm พัดลม 1 ตัว ฮีทไปป์ 1 เส้น ใครที่ติดภาพว่า AMD ร้อนนี่ควรลบภาพเดิมๆ ทิ้งไปได้แล้วครับ ส่วนบอดี้ตัวเครื่องจะร้อนขึ้นบริเวณฝั่งด้านบนซ้ายคีย์บอร์ดนิดหน่อยเวลาใช้งานหนักๆ นานๆ (เรื่องปกติของบอดี้โลหะ)

สรุป

ตลอดระยะเวลาการใช้งาน ASUS ZenBook Flip 14 ส่วนตัวถือว่าค่อนข้างประทับใจเลยทีเดียว ทั้งในเรื่องของประสิทธิภาพเครื่อง อายุการใช้งานแบต และการพกพาไปไหนมาไหน ทุกอย่างดูลงตัวไปหมด สเปคที่ให้ก็ไม่เลวเลยที่ได้ทั้ง Ryzen 7 3700U รุ่นใหม่ขนาด 12 nm ทำให้กินไฟน้อยลงและมีความร้อนลดลงด้วย ส่วน Ram ก็ให้มา 8GB กับ SSD m.2 512GB เพียงพอต่อการทำงานทั่วไปเหลือๆ หรือจะเอามาเล่นเกมเบาๆ ก็สามารถทำได้โอเคเหมือนกัน

ในเรื่องของอายุการใช้งานแบตก็เปิดดู YouTube ได้ยาวๆ ระดับ 7 ชั่วโมงขึ้นไป อะแดปเตอร์ไฟก็มีขนาดเล็กบวกกับตัวเครื่องน้ำหนักแค่ 1.4 กิโล ทำให้พกพาไปทำงานที่ไหนก็สะดวก และที่สำคัญคือโน้ตบุ๊ครุ่นใหม่ๆ มี Windows 10 แท้ติดมากับเครื่อง ไม่ต้องไปจ้างร้านลงหรือซื้อเพิ่ม เปิดใช้งานกดติดตั้งนิดหน่อยใช้งานได้ทันทีไม่ยุ่งยากอะไร

นอกจากนี้การใช้งานเรื่องของหน้าจอสัมผัสก็สามารถทำได้ดี ลื่นไหลแทบไม่ต่างกับหน้าจอมือถือในปัจจุบัน คีย์บอร์ดเวลาพิมพ์งานเร็วๆ ก็มันมือใช้ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ASUS ZenBook Flip 14 ก็ยังพอมีข้อสังเกตอยู่บ้านคือในเรื่องของความหนาส่วนตัวมองว่าตัวเครื่องอาจจะหนาไปสักหน่อย บาลานซ์เครื่องยังทำได้ไม่ค่อยดีนัก กับเรื่องหน้าจอกระจกเวลาใช้งานที่แสงเยอะจะสะท้อนหน้าจอเยอะไปหน่อย

และหากใครที่สงสัยว่า ASUS ZenBook Flip 14 มี 2 รุ่น จะซื้อรุ่นไหนดีระหว่างตัว Ryzen 5 3500U กับ Ryzen 7 3700U ส่วนตัวทีมงานแนะนำตัว Ryzen 5 3500U ก็พอ เพราะสเปค Ram, SSD และอื่นๆ เท่ากันหมดมีปากกาให้เหมือนกัน จุดแตกต่างจริงๆ คือ การ์ดจอออนบอร์ด APU Vega 8 กับ Vega 10 (ต่างกันเรื่องเล่นเกม) และคล็อคสปีดของซีพียูนิดหน่อยเท่านั้นครับ

จุดเด่น

  • บอดี้อะลูเนียมทั้งตัวเครื่อง งานประกอบทำได้แน่น แข็งแรงดีมาก
  • หน้าจอสัมผัสทัชได้ลื่นไหล และรองรับมัลติทัช
  • ซีพียูเป็น Ryzen ตัวใหม่ 12 nm ความร้อนน้อยลง ประหยัดไฟขึ้น
  • ความจุตัวเครื่องให้เป็น SSD m.2 PCIe 512GB เหลือๆ และอ่านเขียนแรงใช้ได้
  • มีระบบ IR Camera สแกนใบหน้าปลดล็อคหน้าจอ
  • น้ำหนักเบา 1.4 กิโลกรัม
  • ลำโพงใช้การจูนเสียง Harman Kardon ให้คุณภาพเสียงที่ดี
  • แบตเตอรี่ถึก ใช้ดู YouTube ได้นานเกิน 7 ชั่วโมง

ข้อพิจารณา

  • ตัวเครื่องค่อนข้างหนา และบาลานซ์เครื่องยังทำได้ไม่ค่อยดีนัก
  • ไม่สามารถอัปเกรด Ram เพิ่มได้
  • หน้าจอเป็นแบบกระจกทำให้จอสะท้อนแสงเวลาใช้งานที่สว่างๆ (แก้ได้โดยการติดฟิล์มด้าน)

from:https://droidsans.com/review-asus-zenbook-flip-14-um462da/