คลังเก็บป้ายกำกับ: เบอร์เกอร์

เอาใจคนรักเบอร์เกอร์ Beyond Meat เตรียมปล่อย Beyond Burger 2 เวอร์ชั่น ปี 2021 นี้

เนื้อที่ทำจากพืชกำลังมาแรง ก่อนหน้านี้ McDonald เตรียมปล่อย McPlant เบอร์เกอร์เนื้อที่ทำจากพืช ล่าสุด Beyond Meat ประกาศเตรียมปล่อย Beyond Burger เอาใจคนรักเบอร์เกอร์ด้วยการเตรียมปล่อยเบอร์เกอร์เนื้อที่ทำจากพืชให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากยิ่งขึ้น 

เบอร์เกอร์ 2 เวอร์ชั่นที่กำลังออกใหม่นี้ มีทั้งการเน้นความชุ่มฉ่ำของเนื้อที่สอดใส้อยู่ในเบอร์เกอร์ และแบบที่ลดไขมันอิ่มตัวลง ทั้งนี้ Beyond Meat ระบุว่า เบอร์เกอร์ใหม่ที่กำลังจะปล่อยออกมานี้ ได้พยายามเสนอทางเลือกให้คนทานมากขึ้น โดยจะมีทั้งแบบที่เนื้อที่ชุ่มฉ่ำ ไขมันอิ่มตัวต่ำกว่า 35% ซึ่งถือว่าน้อยกว่าเบอร์เกอร์ที่ใช้เนื้อไม่ติดมัน 80% ไขมัน 20% Beyond พยายามรักษารสชาติให้คงเดิมแต่ให้พลังงานน้อยกว่า 

อีกแบบคือเหมาะสำหรับคนรักสุขภาพแต่มีไขมันอิ่มต่ำน้อยกว่าเบอร์เกอร์เนื้อทั่วไปถึง 55% และทั้ง 2 รสที่กำลังจะออกนี้จะมีทั้งวิตามินบีและแร่ธาติแบบเดียวกับที่ได้ทานเนื้อวัวด้วย

เนื้อที่ทำจากพืชและกำลังเป็นที่นิยมนี้ ทั้ง Beyond Meat และ Impossible Foods ก็ทำตลาดให้โด่งดังมากในไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เอง อย่างไรก็ดี Burger Meat จะถือเป็นตัวเลือกทางอาหารมากขึ้น ทั้งนี้ หุ้นของ Beyond Meat มีมูลค่าอยู่ที่ 7.88 พันล้านเหรียญสหรัฐ 

ที่มา – CNBC, The Verge

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/beyond-meat-will-launch-beyound-burger-2-version-in-the-year-of-2021/

เอาใจคนรักเบอร์เกอร์ Beyond Meat เตรียมปล่อย Beyond Burger 2 เวอร์ชั่น ปี 2021 นี้

เนื้อที่ทำจากพืชกำลังมาแรง ก่อนหน้านี้ McDonald เตรียมปล่อย McPlant เบอร์เกอร์เนื้อที่ทำจากพืช ล่าสุด Beyond Meat ประกาศเตรียมปล่อย Beyond Burger เอาใจคนรักเบอร์เกอร์ด้วยการเตรียมปล่อยเบอร์เกอร์เนื้อที่ทำจากพืชให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากยิ่งขึ้น 

เบอร์เกอร์ 2 เวอร์ชั่นที่กำลังออกใหม่นี้ มีทั้งการเน้นความชุ่มฉ่ำของเนื้อที่สอดใส้อยู่ในเบอร์เกอร์ และแบบที่ลดไขมันอิ่มตัวลง ทั้งนี้ Beyond Meat ระบุว่า เบอร์เกอร์ใหม่ที่กำลังจะปล่อยออกมานี้ ได้พยายามเสนอทางเลือกให้คนทานมากขึ้น โดยจะมีทั้งแบบที่เนื้อที่ชุ่มฉ่ำ ไขมันอิ่มตัวต่ำกว่า 35% ซึ่งถือว่าน้อยกว่าเบอร์เกอร์ที่ใช้เนื้อไม่ติดมัน 80% ไขมัน 20% Beyond พยายามรักษารสชาติให้คงเดิมแต่ให้พลังงานน้อยกว่า 

อีกแบบคือเหมาะสำหรับคนรักสุขภาพแต่มีไขมันอิ่มต่ำน้อยกว่าเบอร์เกอร์เนื้อทั่วไปถึง 55% และทั้ง 2 รสที่กำลังจะออกนี้จะมีทั้งวิตามินบีและแร่ธาติแบบเดียวกับที่ได้ทานเนื้อวัวด้วย

เนื้อที่ทำจากพืชและกำลังเป็นที่นิยมนี้ ทั้ง Beyond Meat และ Impossible Foods ก็ทำตลาดให้โด่งดังมากในไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เอง อย่างไรก็ดี Burger Meat จะถือเป็นตัวเลือกทางอาหารมากขึ้น ทั้งนี้ หุ้นของ Beyond Meat มีมูลค่าอยู่ที่ 7.88 พันล้านเหรียญสหรัฐ 

ที่มา – CNBC, The Verge

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/beyond-meat-will-launch-beyond-burger-2-version-in-the-year-of-2021/

กระแสเนื้อไร้เนื้อแรง! Burger King จับมือ Impossible Foods ออกเมนูใหม่อาหารเช้ามังสวิรัติ

Burger King ประกาศวางขายเมนู Impossible Croissan’wich (ครัวซองต์แซนด์วิชไส้กรอกมังสวิรัติ) เมนูอาหารเช้าทั่วสหรัฐอเมริกา 

กระแสเนื้อไร้เนื้อดีต่อเนื่อง

หลังจากที่ Burger King เริ่มทดลองเมนู “ครัวซองต์แซนด์วิชไส้กรอกมังสวิรัติ” เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา และถือเป็นเจ้าแรกที่ได้ใช้ไส้กรอกมังสวิรัติของ Impossible Foods ในเมนูอาหารเช้า ล่าสุดก็พร้อมส่งเมนูนี้ขายทั่วสหรัฐอเมริกาแล้ว

Burger King มั่นใจว่าเมนูใหม่จะช่วยเพิ่มยอดขายเมนูอาหารเช้าให้กับทางแบรนด์ได้ เพราะเมื่อปีที่ผ่านมากระแสคนทานอาหารมังสวิรัติมาแรงมาก ทำให้ Burger King วางขายเมนู Impossible Whopper หรือเบอร์เกอร์ไร้เนื้อสัตว์ไปทั่วสหรัฐอเมริกา และเมื่อต้นปีนี้ Burger King ก็ได้ทำโปรโมชั่นซื้อแฮมเบอร์เกอร์มังสวิรัติ 2 ชิ้น ในราคาเพียง 6 ดอลลาร์ (ประมาณ 186 บาท) เพื่อเอาใจผู้บริโภคที่ต้องการสินค้าคุณภาพในราคาที่ต่ำลง รวมถึงทำแคมเปญโปรโมทเมนูใหม่ โดยลูกค้าที่ซื้อเมนูใดก็ได้ผ่านทางแอปพลิเคชั่น Burger King จะได้รับเมนูใหม่นี้ไปทานฟรีๆ (Burger King เตรียมแจกเมนูใหม่กว่า 100,000 รายการ)

สาเหตุที่ทำให้ Burger King วางขายเมนูนี้เนื่องจากในช่วงโควิดที่ผ่านมา ยอดขายอาหารเช้าลดลงเป็นอย่างมาก เพราะคนส่วนใหญ่เปลี่ยนมาทำงานและทานอาหารเช้าจากที่บ้านแทน ซึ่งผลกระทบดังกล่าวยังส่งผลไปถึงแบรนด์อื่นๆ ด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่าง ร้านอาหารเม็กซิกันอย่าง Taco Bell ที่ได้ลดชั่วโมงการขายสินค้าต่อวันลง รวมถึงในฝั่งของ Dunkin’ ก็ได้ใช้ไส้กรอกที่ทำจากพืชของ Beyond Meat ในเมนูแซนด์วิชที่เป็นอาหารเช้าเช่นกัน  

อย่างไรก็ตาม ความน่าสนใจอีกอย่างคือ เมื่อมีข่าวว่า Burger King จะวางขายเมนูใหม่ที่ใช้เนื้อไร้เนื้อของ Impossible Foods ส่งผลให้ Beyond Meat ซึ่งเป็นคู่แข่งโดยตรงของ Impossible Foods มีราคาหุ้นก่อนเปิดตลาดลดลงไป 2%

ที่มา: CNBC

 

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/burger-king-impossible-foods-beyond-meat/

MOS Burger ไทยที่ถือหุ้นใหญ่โดย “พิธาน องค์โฆษิต” จะสู้อย่างไรในตลาดที่รายใหญ่ครองแชร์ 90%

หลังจากที่ MOS Burger ในไทยได้เปลี่ยนมือผู้ถือหุ้นใหญ่เป็น “พิธาน องค์โฆษิต” คำถามคือ ก้าวต่อจากนี้ของ MOS Burger ในไทยจะสู้กับเบอร์ใหญ่ๆ ในตลาดเบอร์เกอร์ที่ครอบครองส่วนแบ่งไว้แทบหมดแล้วอย่างไร?

MOS Burger
MOS Burger Photo: Shutterstock

ต้องทำการตลาดใหม่ ของเก่าทำไว้ไม่ค่อยดี

ในงานแถลงข่าวของ MOS Burger เชนร้านเบอร์เกอร์จากญี่ปุ่น โดยบริหารงานโดยบริษัท มอส ฟูดส์ เซอร์วิสเซส(ประเทศไทย) จำกัด แต่ล่าสุดได้เปลี่ยนผู้ถือหุ้นใหญ่เป็น พิธาน องค์โฆษิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการของ บมจ. เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ ซึ่งในปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานบริษัท มอส ฟูดส์ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) หลังได้เข้าซื้อหุ้น 75% และเพิ่มทุนจดทะเบียนอีกกว่า 206 ล้านบาท

พิธาน บอกว่า ต่อจากนี้ MOS Burger ไทยจะต้องรุกหนักทางการตลาดมากขึ้น เนื่องจาก “การตลาดของ MOS Burger ไทยที่ทำมาก่อนหน้านี้ค่อนข้างอ่อน” 

กลยุทธ์แรกที่จะได้เห็น MOS Burger เดินเกมในไทยหลังจากนี้ พิธาน ระบุว่า จะทุ่มเงินและกลยุทธ์ทำการตลาดอย่างหนัก “เราวางงบการตลาดไว้ที่ประมาณ 7% ของรายได้ อย่างปีที่แล้ว MOS Burger ในไทยมีรายได้ 80 ล้านบาท” นอกจากนั้น “เราจะรวมออกเมนูใหม่ในทุกๆ 2 เดือน เราเชื่อว่าสิ่งนี้จะทำให้ลูกค้าตื่นเต้นเสมอ เพราะถ้าพูดเรื่องคุณภาพของเรา วัตถุดิบ 70% มาจากญี่ปุ่น อีก 30% เราปรับในไทยให้เข้ากับลิ้นคนไทย เราเชื่อว่ากลยุทธ์นี้จะดึงลูกค้าได้” ไม่หมดแค่นั้น “ตลาดเดลิเวอรี่เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่เราต้องการเข้าไปเล่น เพราะปัจจุบัน MOS Burger มีสัดส่วนเดลิเวอรี่เพียง 13-15% แต่เป้าหมายของเราคือ 40% เหมือนกับคู่แข่งรายอื่นๆ ในตลาด”

MOS Burger
ผู้บริหาร MOS Burger ประเทศไทย

ขยายสาขาหลักสิบ แต่เจาะแค่กทม. เท่านั้น

ปัจจุบัน MOS Burger มีสาขาในไทยเพียง 8 สาขาเท่านั้น โดยตั้งอยู่ในเซ็นทรัลเวิลด์, แฟชั่นไอส์แลนด์, เซ็นจูรี่ เดอะมูฟวี่ พลาซ่า สุขุมวิท. เซ็นทรัลพลาซ่า บางนา, เซ็นทรัล พระราม 3, เอ็มโพเรียม, ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต และเทอมินอล 21 (อโศก)

การเข้ามาถือหุ้นใหญ่ของพิธาน จะขยายสาขาเพิ่ม 6 สาขา นั่นหมายความว่าในปีนี้ MOS Burger จะมีสาขาทั้งหมด 14 สาขาทั่วกรุงเทพ (ยังไม่ได้มีแผนจะขยายออกไปในต่างจังหวัด) โดยหลังจากปีนี้เป็นต้นไป MOS Burger วางแผนขยายสาขาไว้ที่ 9 สาขาต่อปีต่อเนื่องไป 5 ปี คิดง่ายๆ คือในอีก 5 ปีหลังจากนี้ MOS Burger จะมีสาขาในไทยทั้งหมด 59 สาขา

MOS Burger
MOS Burger

MOS Burger จะสู้รายใหญ่ๆ ได้อย่างไร?

ถ้าดูจากตัวเลขปัจจุบัน MOS Burger ครองส่วนแบ่งตลาดเบอร์เกอร์ที่มีมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาทเพียง 1% เท่านั้น ส่วนคู่แข่งรายใหญ่ๆ อย่าง McDonald’s และ Burger King ต่างครองส่วนแบ่งตลาดเบอร์เกอร์ไทยไว้แล้วมากกว่า 90%

  • พิธาน มองเห็นถึงเรื่องนี้ดี แต่บอกว่า “ไม่ใช่ว่าสู้ไม่ได้ แต่มันคนละตลาดกัน จุดยืนของ MOS Burger ไม่เหมือนเบอร์เกอร์ฟาสต์ฟู้ดทั่วไป เราเน้นไปที่คุณภาพของเบอร์เกอร์ หลายคนอาจจะมองว่าราคาคืออุปสรรค แต่เราต้องบอกว่า MOS Burger คืออีกตลาด คือคนละกลุ่มเป้าหมาย (target group)”

พิธาน เปิดเผยว่า ยอดขายของ MOS Burger ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 80 ล้านบาท แต่เป้าหมายต่อไปในอีก 4 ปีหลังจากนี้คือจะมียอดขายให้ได้ 500 ล้านบาท

คงต้องจับตาดูว่า การเปลี่ยนมือผู้ถือหุ้นมาเป็นคนไทยในครั้งนี้ของ MOS Burger จะทำให้ธุรกิจเติบโตจนเป็นที่น่าพอใจได้หรือไม่

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/mos-burger-thailand-after-pitharn-ongkosit-is-the-president/

ดีเกินคาด Shake Shack เชนเบอร์เกอร์ชื่อดัง รายงานผลประกอบการ ทำหุ้นพุ่ง 6% สูงสุดในรอบหลายเดือน

🍔 Shacke Shack รายงานผลประกอบการประจำปี 2019 ปรากฏว่าดีเกินกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ส่งผลให้หุ้นพุ่งสูง 6% สูงที่สุดในรอบหลายเดือน

Shake Shack เบอเกอร์
Shake Shack

Shake Shack ไตรมาส 1 ปี 2019 ผลประกอบการดีเกินคาด ทำหุ้นพุ่งแรง

Shake Shack เชนเบอร์เกอร์ชื่อดังจากนิวยอร์ก รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกในงบการเงินประจำปี 2019

  • ยอดขายของสาขาเดิมทั้งหมดเติบโตขึ้น 3.6% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้เพียง 0.8% เท่านั้น
  • ส่วนรายได้ในไตรมาสแรกปี 2019 อยู่ที่ 132.6 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้เพียง 127.2 ล้านดอลลาร์

หลังการรายงานผลประกอบการไตรมาสแรก ทำให้หุ้นของ Shake Shack พุ่งขึ้น 6% สูงที่สุดในรอบ 7 เดือน และหากนับภาพรวมหุ้นของ Shake Shack ในปีนี้ ถือว่าพุ่งขึ้นมาทั้งหมดถึง 37% แล้ว

การรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของ Shake Shack ที่ดีเกินคาด ทำให้บริษัทปรับตัวเลขคาดการณ์รายได้ของทั้งปี 2019 ขึ้น จากเดิมที่ประเมินไว้ที่ 570-576 ล้านดอลลาร์ ได้ปรับใหม่เป็น 576-572 ล้านดอลลาร์ พร้อมทั้งได้ปรับตัวเลขคาดการณ์ยอดขายเพิ่มขึ้น จากเดิมที่ตั้งไว้ 0-1% มาอยู่ที่ 1-2%

Shake Shack
Shake Shack

Shake Shack เตรียมขยายสาขาต่อเนื่อง

หากไปเปิดดูในงบการเงินของ Shake Shack จะพบว่าในปี 2018 ที่ผ่านมา ได้เปิดสาขาใหม่ไปทั้งหมด 208 แห่ง โดยแบ่งเป็น

  • ในสหรัฐอเมริกา เปิดไปทั้งหมด 124 สาขา
  • ส่วนนอกสหรัฐอเมริกาเป็นระบบสาขาแบบแฟรนไชส์ เปิดไปทั้งหมด 84 สาขา

ส่วนในไตรมาสแรกของปี 2019 ที่ผ่านมา Shake Shack ขยายสาขาในสหรัฐอเมริกาไปทั้งหมด 5 สาขา ส่วนนอกสหรัฐอเมริกาเปิดไปทั้งหมด 7 สาขา แต่สิ่งที่น่าสนใจจริงๆ คือเป้าหมายของการขยายสาขาไปยังตลาดใหม่ๆ ในปีนี้ คือจีน สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และเม็กซิโก

อย่างล่าสุดเมื่อช่วงกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา Shake Shack ได้ขยายสาขาแรกมาเปิดที่ Jewel Changi Airport ห้างหรูแห่งใหม่ใกล้สนามบินชางฮีในสิงคโปร์ ผลปรากฎว่า ได้รับการตอบรับที่ดีมาก คนต่อแถวรอซื้อกันล้มหลาม ถือเป็นสัญญาณที่ดีในตลาดฝั่งเอเชีย

แน่นอนว่า เห็นแบบนี้แล้ว หลายคนอาจจะตั้งคำถามว่า Shake Shack มีโอกาสที่จะมาเปิดสาขาในไทยบ้างหรือไม่ ก็คงต้องรอติดตามกันต่อไป เพราะถ้าดูจากงบการเงินประจำปี 2019 ต้องบอกว่า “ยังไม่มีวี่แวว”

Shake Shack เบอเกอร์
Shake Shack Photo: Shutterstock

อ่านข่าวเกี่ยวกับ Shake Shack เพิ่มเติมได้ที่ด้านล่างนี้

ที่มา – Shake Shack, Market Business InsiderStraitstimes

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/shake-shack-fiscal-year-2019/

Burger King เตรียมขาย Impossible Whopper เบอร์เกอร์มังสวิรัติทั่ว US ภายในปีนี้

หลังจากที่ Burger King ได้ทดลองจำหน่าย Impossible Whopper ใน Missouri พบว่าได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี มีแผนวางจำหน่ายทั่วสหรัฐอเมริกาภายในปีนี้

Impossible Whopper เป็นเมนูพิเศษที่ทาง Burger King เพิ่งวางจำหน่ายได้ไม่นาน เป็นเบอร์เกอร์ที่ทำมาจากพืช ไม่มีเนื้อสัวต์ หรือจะเรียกว่าเบอร์เกอร์มังสวิรัติแบบกลายๆ ก็ได้ ในช่วงแรกได้วางจำหน่ายแค่ 59 สาขา ที่เมือง St Louis รัฐ Missouri แห่งเดียวเท่านั้น

แต่หลังจากที่ได้วางจำหน่ายไปแล้ว พบว่าประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม โดยที่ทาง Burger King มีแผนที่จะขยายตลาดสำหรับ Impossible Whopper เพื่อวางจำหน่ายทั่วประเทศในช่วงปลายปีนี้ ถ้าหากผลตอบรับยังดีอยู่เรื่อยๆ

จุดเริ่มต้นของ Impossible Whopper มาจากการที่ Burger King ได้เจริญรอยตามร้าน White Castle ร้านเบอร์เกอร์ร่วมอุตสาหกรรมในการออกเมนูเบอร์เกอร์ไร้เนื้อสัตว์ จึงออกเมนู Impossible Whopper ออกมา ส่วนผสมทำมาจากพืชผักทั้งหมด

ส่วนผสมอื่นๆ ของเบอร์เกอรNมังสวิรัตินี้ยังประกอบไปด้วยผักกาดหอม มะเขือเทศ หัวหอม ซอสมะเขือเทศ มายองเนส และมีการจำลองกลิ่นเนื้อสัตว์ลงไปเพื่อให้ความรู้สึกของเบอร์เกอร์มากขึ้น

ไม่แน่ว่าการขยายตลาดไปยังทั่วประเทศสหรัฐอเมริกาแล้วได้รับผลตอบรับอย่างดี อาจจะมีแผนในการนำเมนูนี้ไปยังประเทศอื่นๆ ก็ได้ เพราะในปัจจุบันมีกลุ่มคนที่ทานมังสวิรัติเพิ่มมากขึ้น เป็นการสร้างทางเลือกอีกทางหนึ่ง

Source

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/burger-king-launch-impossible-whopper/

อิทธิพลเปลี่ยนชื่อ IHOb ช่วยทำให้ IHOP ขายเบอร์เกอร์เพิ่มเป็น 4 เท่า

ข่าวการเปลี่ยนชื่อของ IHOP เป็น IHOb เมื่อปีที่แล้วถือว่าได้ผลอย่างดี เพราะช่วยทำให้แบรนด์ขายเบอร์เกอร์เพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า กระตุ้นรายได้เพิ่มขึ้น 1.2%

Photo : Shutterstock

เมื่อช่วงปีที่แล้วคงได้เห็นข่าวฮือฮาถึงการเปลี่ยนชื่อแบรนด์ของร้านแพนเค้กอย่าง IHOP เป็น IHOb เพื่อต้องการโปรโมทเมนูกลุ่มเบอร์เกอร์ให้มากขึ้น เพื่อให้ครอบคลุมมื้ออาหารของลูกค้า ไม่ได้แค่ทานแพนเค้กแค่ตอนเช้าอย่างเดียว

แต่ข่าวการเปลี่ยนชื่อแบรนด์ในตอนนั้นก็สร้างดราม่าอยู่ไม่น้อย จนทำให้ IHOP ตัดสินใจเปลี่ยนชื่อกลับคืน ไม่ได้ใช้ IHOb แต่อย่างใด

สุดท้ายแล้วการไวรัลการเปลี่ยนชื่อก็ได้ผล เพราะล่าสุดทาง IHOP ได้ออกมาเปิดเผยว่า หลังจากที่มีข่าวการเปลี่ยนชื่ออกไป มียอดขายเมนูเบอร์เกอร์เพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า มีช่วงที่พีคที่สุดสามารถขายได้ถึง 500,000 ชิ้น/สัปดาห์

ถือว่าเป็นกลยุทธ์การตลาดที่ได้ผล สามาถรสร้างการรับรู้ถึงเมนูเบอร์เกอร์ได้อย่างดี ถึงแม้ว่าที่ร้านจะขายเบอร์เกอร์มาหลายปีแล้ว แต่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังไม่ทราบ เพราะแบรนด์โด่งดังจากเมนูแพนเค้กมากกว่า

ซึ่งก่อนหน้าที่จะมีข่าวการเปลี่ยนชื่อแบรนด์นั้น สถานการณ์ของ IHOP ไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่นัก เพระามีทราฟิกการเข้าร้านลดลงตลอดในช่วง 10 ไตรมาส

แต่หลังจากที่มีข่าวการเปลี่ยนชื่อแบรนด์ ยิ่งสร้างการรับรู้บนโลกออนไลน์ กระตุ้นให้คนเข้าร้านมากขึ้น

ล่าสุด IHOP ได้รายงานผลประกอบการของสาขาเดิมมีเพิ่มขึ้น 1.2% ในช่วงไตรมาสที่ 3

Source

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/ihop-fake-name-sell-4-times-more-burgers/

รู้จัก Big Mac เมนูอายุ 50 ปีของ McDonald’s ที่เปรียบดั่ง Wolverine ของวงการ Fast Food

ในที่สุด Big Mac สุดยอดเมนูที่ขายได้มากที่สุดในแง่มูลค่าของ McDonald’s ก็มีอายุครบ 50 ปีแล้ว แสดงให้เห็นว่าทุกคนก็ยังอยากซื้อกิน ถึงมันจะให้พลังงาน 540 แคลอรี่ และอุดมไปด้วยไขมันถึงครึ่งหนึ่งที่ต้องการใน 1 วัน

Big Mac // ภาพโดย https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Big_Mac_hamburger_-_Japan_(3).jpg

เมนูในตำนานที่รังสรรค์ด้วยความตั้งใจ

หลายคนน่าจะเคยได้ยินชื่อ หรือรับประทานเมนู Big Mac กันมาบ้าง แต่รู้หรือไม่ว่าเมนูนี้กำลังจะมีอายุครบ 50 ปีนี้ในปีแล้ว เรียกว่าเป็นหนึ่งในเมนูที่เก่าแก่ที่สุดของ McDonald’s ก็ว่าได้ ที่สำคัญเมนูนี้ยังเป็นหนึ่งในเมนูยอดนิยมของทางร้าน ผ่านยอดขายกว่า 1,300 ล้านชิ้นทั่วโลก

และถึง Big Mac ที่ประกอบด้วยเนื้อย่าง 2 แผ่น, ซอสสูตรพิเศษ, ผักกาดซอย, ชีส, แตงกวาดอง, หอมใหญ่ และขนมปังโรยงา แถมยังให้พลังงานสูงถึง 540 แคลอรี่ แต่ทุกคนก็ยังอยากรับประทานมันอยู่ดี แม้ว่าปัจจุบันการใส่ใจเรื่องสุขภาพจะมีมากขึ้นทั่วโลกก็ตาม

“มันเกิดขึ้นมา 50 ปี และไม่มีอะไรมาทดแทนมันได้สำหรับเรา ที่สำคัญมันก็ไม่มีใครสามารถเลียนแบบได้เหมือนกัน แล้วถ้าถามว่าเราจะต้องพัฒนารสชาติในตำนานนี้อีกหรือไม่ ก็ต้องตอบว่ามันคงตลกถ้าเราไปปรับเปลี่ยน Big Mac” Steve Easterbrook ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร McDonald’s กล่าว

เมื่อผู้บริหารระดับสูงยืนยันที่จะไม่เปลี่ยนสูตร Big Mac ก็แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในเมนูยอดนิยมตัวนี้ และถึง McDonald’s เคยสร้างเมนูใหม่ๆ เช่น McWraps, Chicken Wings และ McPizza ออกมาเพื่อกระตุ้นยอดขาย เพราะช่วงที่ผ่านมานั้นยอดขายปรับตัวลดลงมาโดยตลอด แต่พวกมันก็ต้องทยอยหายไปเพราะเป็นแค่สีสัน

Big Mac // ภาพโดย Amin [CC BY-SA 4.0 (https://creativecommons.org/licenses/by-sa/4.0)%5D, from Wikimedia Commons

ดังนั้น Big Mac จึงเปรียบเหมือนกับ Wolverine ของวงการ Fast Food เพราะถึงจะเกิดขึ้นมานาน และมีกระแสรักสุขภาพคอยกดดันให้ปรับตัว แต่มันก็ไม่ตายไปจากหน้าเมนูของ McDonald’s เสียที คล้ายกับ Wolverine ที่มี Healing Factor ที่คอยฟื้นฟูบาดแผล และทำให้ร่างกายเป็นอมตะ

ทั้งนี้ในสหรัฐอเมริกา McDonald’s มีการแจก MacCoins จำนวน 6.2 ล้านชิ้น ให้กับผู้ที่ซื้อ Big Mac ตั้งแต่วันที่ 2 ส.ค. โดยผู้ที่ได้รับจะสามารถนำเหรียญดังกล่าวไปแลกซื้อเบอร์เกอร์มารับประทานได้ฟรี นอกจากนี้ในพื้นที่นอกสหรัฐอเมริกา ทางบริษัทยังมีการทำขาย Big Mac โดยใช้ไก่ และมีการทดลองลด รวมถึงเพิ่มขนาดเมนูนี้มาแล้ว

สรุป

การเฉลิมฉลองครั้งนี้ยังไม่แน่ชัดว่าจะเกิดขึ้นในประเทศไทยหรือไม่ เพราะปัจจุบันราคาของ Big Mac ในไทยก็เรียกว่าสูงพอควร (123 บาท) แต่ถึงจะราคาสูง ตัวขนาดของเมนูก็ดึงดูดให้ผู้ใช้บริการในร้านอยากลิ้มลองสักครั้ง แล้วคุณล่ะเคยกิน Big Mac หรือยัง?

เกร็ดน่ารู้ // ปัจจุบัน Big Mac เป็นหนึ่งในเครื่องมือชี้วัดเศรษฐกิจในแต่ละประเทศด้วย ผู้สนใจสามารถกดเช็คได้ที่นี่

อ้างอิง // BuzzFeedNews

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/big-mac-50th-years/

แฟรนไชส์ไก่ทอด Hooters สุดเซ็กซี่ทำบริษัทแม่หุ้นพุ่งขึ้น 50% แค่บอกว่าจะทำ Blockchain

หลังจากที่บริษัทแม่ประกาศว่าจะนำเอา Blockchain เข้ามาใช้ในร้านไก่ทอดและเบอร์เกอร์ของตัวเอง ปรากฏว่า หุ้นปรับตัวสูงขึ้นทันที 50% ถือว่าตลาดค่อนข้างมั่นใจในเทคโนโลยีนี้อย่างสูงทีเดียว

Photo: Shutterstock | Hooters สาขาภูเก็ต ประเทศไทย

ประกาศทำ Blockchain หุ้นพุ่งทันที 50%

Hooters ร้านไก่ทอดและเบอร์เกอร์ชื่อดังจากสหรัฐอเมริกา ทำหุ้นบริษัทแม่ Chanticleer Holdings พุ่งสูงขึ้น 50% หลังจากที่ประกาศว่า จะนำเอา Blockchain เข้ามาใช้ในการสมนาคุณลูกค้า

  • ตัวเลขชัดๆ คือ หุ้นบริษัทแม่จากราคา 1 ตัว 4 ดอลลาร์ พุ่งขึ้นเป็นตัวละ 8 ดอลลาร์ (ราคาเมื่อวันอังคารที่ 2 มกราคม 2018)

Dennis Becker ซีอีโอของ Mobivity บริษัททำ Blockchain ที่เข้ามาช่วยบอกว่า ต่อจากนี้ “กินเบอร์เกอร์ก็จะเหมือนได้ขุดเงินสกุลดิจิทัลไปในตัว” ที่สำคัญ สกุลเงินดิจิทัลที่ได้จากการสมนาคุณจากทางร้านก็สามารถนำมาใช้ซื้อไก่ทอดและเบอร์เกอร์ในทุกร้านที่ Chanticleer Holdings เป็นบริษัทแม่อยู่ หรือจะเอาไปแลกกับลูกค้าคนอื่นๆ ก็ได้

โดยสกุลเงินดิจิทัลที่มีแผนทำออกมาจะใช้ชื่อว่า Mobivity Merit พร้อมทั้งยืนยันว่าเป็นสกุลเงินดิจิทัลของจริง เพราะใช้พื้นฐานเทคโนโลยีเหมือนกันกับ Bitcoin, Ethereum, Ripple, litecoin ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดการณ์ว่าจะนำเอา Blockchain มาใช้ในทุกสาขาภายในสิ้นปี 2018 นี้

แค่คำว่า Blockchain ก็ทำให้หุ้นพุ่งขึ้นได้ ไม่ใช่เรื่องใหม่

ก่อนหน้านี้ มีข่าวในทำนองเดียวกันนี้เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา โดยเป็นบริษัทชาชื่อ Long Island Iced Tea Corp. ที่มีผลประกอบการขาดทุน หลังจากนั้นได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ขอเปลี่ยนชื่อมาเป็น Long Blockchain Corp. ผลปรากฏว่า ราคาหุ้นของบริษัทพุ่งขึ้นทันทีถึง 500% และปิดการซื้อขายไปด้วยมูลค่าที่เพิ่มขึ้น 183% ภายในวันเดียว

ปรากฏการณ์ทำนองนี้ ชี้ให้เห็นได้ชัดว่า ตลาดค่อนข้างมีความเชื่อมั่นใจกับเทคโนโลยี Blockchain จากนี้รอดูต่อว่าจะมีบริษัทไหนที่ประกาศนำเอาเทคโนโลยีนี้มาใช้ และจะเกิดปรากฏการณ์ทำนองเดียวกันนี้เกิดขึ้นอีกหรือไม่

ที่มา – ArstechnicaCNBC

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/hooters-chanticleer-holdings-stock-blockchain/

เชนเบอร์เกอร์ดัง Shake Shack ประกาศนำหุ่นยนต์เข้ามาใช้ แต่ยืนยันว่าไม่กระทบแรงงานคน

หุ่นยนต์กับคนคงจะเป็นประเด็นให้ต้องติดตามในหลายวงการ ล่าสุด เชนเบอร์เกอร์ Shake Shack บอกจะนำเอาหุ่นยนต์มาใช้ในสาขาที่นิวยอร์ก แต่คนจะไม่ตกงาน แถมจ้างชั่วโมงละ 15 เหรียญด้วย

Photo: flickr.com by Kathy YL Chan

ยืนยันไม่กระทบคน หุ่นยนต์แค่มาช่วยเสริมการทำงาน

เชนเบอร์เกอร์ชื่อดัง Shake Shack ประกาศนำเอาตู้อัตโนมัติเข้าไปใช้ในสาขาที่ Astor Place นครนิวยอร์ก เพื่อทดแทนการสั่งอาหารแบบเดิมๆ ที่ต้องมีพนักงานคนมาเป็นตัวกลาง

ไอเดียนี้เป็นความต้องการในสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้า เพราะลูกค้ามาสั่งเบอร์เกอร์ที่ร้านผ่านตู้ก็ได้ หรือจะสั่งผ่านแอพพลิเคชั่น แล้วให้ไปส่งแบบเดลิเวอรี่ก็ได้ ช่องทางนี้ Shake Shack มองว่าจะทำให้การจ่ายเงินเป็นแบบไร้เงินสดทั้งหมด

ข้อตำหนิจากการจะนำเอาการสั่งอาหารผ่านหุ่นยนต์ไปใช้นี้ มีอย่างเช่น หรือว่าต่อไปนี้ Shake Shack จะไม่ใส่ใจพนักงานแล้ว? 

  • ผู้บริหาร Shake Shack บอกแบบนี้ว่า ไม่จริง เราต้องการทำให้พนักงานของเราตอบโจทย์ความต้องการของเศรษฐกิจในปัจจุบันและอนาคตต่างหาก ดูอย่างตอนนี้ ถ้าเราไปจองตั๋วเครื่องบิน จองโต๊ะร้านอาหาร หรือทำธุรกรรมทางการเงินบางอย่าง สิ่งเหล่านี้ก็ไม่จำเป็นจะต้องมีคนในกระบวนการใดๆ เลย ส่วนพนักงานที่เหลือก็เพิ่มทักษะให้ทำเช่น ฝึกปรุงอาหารให้ชำนาญ จัดการงานที่ใช้ทักษะสูงและหุ่นยนต์ทำไม่ได้ ฯลฯ
Photo: Shake Shack

ตอนนี้หุ้นเบอร์เกอร์ตก แต่ตามกฎหมายให้จ่าย 15 เหรียญต่อชั่วโมง

ข่าวเกี่ยวกับหุ้นเชนเบอร์เกอร์ตอนนี้คือ “ร่วง” ด้วยปัจจัยหลายอย่างเช่น มีหลายรายเกินไปในตลาด แค่สำหรับในตอนนี้สาขาที่ Astor Place ของ Shake Shack ระบุว่ากำลังเร่งฝึกอบรมพนักงานกว่า 60 คนให้พร้อมทำงาน และ ได้สัญญาไว้ว่าจะจ่ายเงินให้พนักงานที่สาขานี้คนละ “15 เหรียญต่อชั่วโมง” ในขณะที่สาขาอื่นๆ ของ Shake Shack ยังจ่ายเพียง 12.50 เหรียญเท่านั้น นอกจากนั้นก็ได้บอกไว้ว่า จะเพิ่มค่าแรงให้ 20% หรืออาจมากกว่านั้นตามสภาพธุรกิจ

Photo: Shake Shack

อีกเรื่องที่น่าสนใจคือ ข่าวการนำเอาหุ่นยนต์มาใช้งานได้เกิดขึ้นหลังจากที่ Danny Meyer ได้ระดมทุนจากเอกชนจำนวน 200 ล้านเหรียญ เพื่อมาลงในด้านพนักงานของ Union Square Hospitality Group ซึ่ง Shake Shack เคยอยู่ในกลุ่มนี้มาก่อน

หลังจากนั้น Meyer ผู้ก่อตั้ง Shake Shack และซีอีโอของ Union Square Hospitality Group ออกมาบอกว่า “การนำเอาระบบอัติโนมัติมาใช้ใน Shake Shack ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับกองทุนก้อนใหม่ที่เพิ่งระดมได้มา เพราะตั้งแต่ปี 2015 ที่ Shake Shack เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ ก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับ Union Square Hospitality Group อีกต่อไป”

ที่มา – Bloomberg

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/shake-shack-chain-burger-automation/