คลังเก็บป้ายกำกับ: X

Alphabet แยก Sandbox หน่วยงานด้าน Quantum Technology ออกมาเป็นบริษัทอิสระ

Sandbox สตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีควอนตัมในกลุ่มธุรกิจใหม่ X ของ Alphabet บริษัทแม่กูเกิล ประกาศแยกบริษัทออกมาเป็นอิสระ โดยหัวหน้าทีม Jack Hidary จะเป็นซีอีโอของบริษัทตั้งใหม่นี้

Sandbox ก่อตั้งในปี 2016 เป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจ moonshot ของ Alphabet ที่เรียกรวมในรายงานงบการเงินว่า Other Bets เน้นงานพัฒนาฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการที่เกี่ยวข้องกับ AI และ Machine Learning บนเทคโนโลยีควอนตัม ตัวอย่างเช่นบริการ การเข้ารหัสที่ทนทานต่อควอนตัม (post-quantum cryptography) เนื่องจากเทคโนโลยีควอนตัมส่วนใหญ่ ยังอยู่ในสถานะงานวิจัย บริษัทจึงมีความร่วมมือกับกับสถาบันการศึกษาหลายแห่ง มีพนักงานประจำ 55 คน

บริษัทได้รับเงินลงทุนเพื่อก่อตั้งเป็นบริษัทอิสระ โดยมีผู้ลงทุนรายสำคัญเช่น Eric Schmidt อดีตซีอีโอกูเกิล ซึ่งรับตำแหน่งประธานบอร์ดบริษัทด้วย, กองทุน TIME Ventures ของ Marc Benioff ซีอีโอ Salesforce ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้ารายใหญ่ เช่น Vodafone, SoftBank, Mt. Sinai Health System, Wix

ที่มา: CNBC และ Sandbox

Sandbox

from:https://www.blognone.com/node/127741

Alphabet เผยหุ่นยนต์ต้นแบบ Everyday Robots สามารถเรียนรู้และทำงานเช่น แยกขยะ เช็ดโต๊ะ จัดเก้าอี้

X ฝ่ายพัฒนาโครงการ moonshot ของ Alphabet ประกาศความก้าวหน้าของโครงการ Everyday Robots โดยเปลี่ยนสถานะจากโครงการ มาสู่การใช้งานจริง เพื่อพัฒนาต่อยอดต่อไป

Everyday Robot เป็นการสร้างหุ่นยนต์ที่สามารถทำงานทั่ว ๆ ไป ได้หลายอย่างในหุ่นยนต์เดียว ตั้งแต่งานแยกขยะเพื่อไปรีไซเคิล เช็ดทำความสะอาดโต๊ะ ไปจนถึงจัดเก้าอี้ ซึ่งแตกต่างจากหุ่นยนต์อุตสาหกรรมที่กำหนดให้ทำงานซ้ำ ๆ มีรูปแบบชัดเจน ขณะเดียวกันงานทั่วไปเหล่านี้ก็เป็นงานที่มนุษย์สามารถเรียนรู้ เข้าใจ และทำได้ง่าย แต่กับหุ่นยนต์เมื่อรูปแบบงานเป็น unstructure จึงมีความท้าทายในการพัฒนา

alt="Everyday Robots"

ตัวหุ่นยนต์มีกล้องติดที่ส่วนหัวและรอบตัว สำหรับตรวจสอบภาพตรงหน้า และการเคลื่อนที่ แขนมีด้านจับสำหรับจับสิ่งของเพื่อทำงานต่าง ๆ ซอฟต์แวร์ออกมาแบบเพื่อให้หุ่นยนต์ฝึกเรียนรู้การทำงานด้วยโมเดลต่าง ๆ อาทิ reinforcement, collaborative ไปจนถึงเรียนรู้จากการสาธิตให้ดู โดยตัวอย่างผลลัพธ์ หุ่นยนต์สามารถใช้เวลาไม่ถึง 1 วัน เรียนรู้การเปิดประตู ที่ success rate 90%

alt="Everyday Robots"

alt="Everyday Robots"

ปัจจุบันทีม Everyday Robots ได้นำหุ่นยนต์นี้มากกว่า 100 ตัว ทดสอบและทำงานในพื้นที่สำนักงานของกูเกิลที่ Bay Area

ที่มา: X ผ่าน The Verge

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/125920

Alphabet เผยความก้าวหน้า Project Taara ส่งข้อมูลแบบออปติคัลถึง 700TB ในระยะ 5 กิโลเมตร

Alphabet รายงานความก้าวหน้าของ Project Taara ที่ใช้เทคโนโลยีการส่งข้อมูลแบบออปติคัลแบนด์วิดท์สูง ระดับ 20Gbps ขึ้นไป แบบเดียวกับที่ใช้ใน Project Loon ที่ประกาศปิดตัวไปเมื่อต้นปี โดยเป็นการส่งข้อมูลข้ามแม่น้ำคองโก ระหว่างเมืองบราซาวีล ในสาธารณรัฐคองโก กับเมืองกินชาซา ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก

เหตุผลที่ Alphabet เลือกใช้การเชื่อมต่อระหว่างสองเมืองนี้ เนื่องจากแม่น้ำคองโกมีความกว้าง 4.8 กิโลเมตร เป็นแม่น้ำที่ลึกที่สุดในโลก และมีกระแสน้ำเร็วเป็นอันดับสอง การลากสายไฟเบอร์ข้ามเมืองจึงมีต้นทุนที่สูงกว่าปกติ 5 เท่า ไม่คุ้มค่าในการลงทุน การส่งข้อมูลแบบออปติคัลจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจกว่า

alt="beams of light"

ผลการทดสอบเมื่อติดตั้งอุปกรณ์รับส่ง ภายใน 20 วัน มีการส่งผ่านข้อมูลถึง 700TB มีเวลาที่ใช้งานได้ (availability) ระดับ 99.99%

ทีมงานของ Project Taara พูดถึงสิ่งท้าทายที่ได้ปรับปรุงไปแล้ว ได้แก่ การปรับอุปกรณ์รับส่งลำแสง ให้สามารถปรับขยับตำแหน่งได้ตามสภาพแวดล้อม เพราะตัวกระจกรับลำแสงมีขนาดเพียง 5 เซนติเมตร รวมทั้งปรับกระบวนการตรวจสอบข้อมูล เพื่อรองรับกรณีสภาพแวดล้อมไม่ดีจนการส่งข้อมูลเพี้ยน เช่น ฝุ่นควัน ฝนตก หรือนกบินขวาง

ที่มา: X ผ่าน The Verge

alt="Congo River"

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/124798

Alphabet เผยข้อมูล Project Amber เพื่อพัฒนาตัวชี้วัดสำหรับสุขภาพจิตอย่างเป็นรูปธรรม อยู่ใต้สังกัด X

X ศูนย์รวมโครงการ Moonshot Factory โพสต์เรื่อง Project Amber เป็นโครงการเกี่ยวกับสุขภาพจิตจาก X ซึ่งเริ่มต้นมทาได้ราว 3 ปีแล้ว เป้าหมายของโครงการนี้คือต้องการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อรับมือกับปัญหาสุขภาพจิต

ความท้าทายของ Project Amber อย่างหนึ่งคือการประเมินสุขภาพจิต ทั้งฝ่ายผู้ที่มีปัญหาและฝ่ายผู้ให้บริการด้านสุขภาพที่ไม่ได้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต เพราะปัญหาสุขภาพจิตมีกว่านับพันรูปแบบที่แตกต่างกัน ปัจจุบันการประเมินมักจะเป็นการพูดคุยด้วยคำถามที่ออกแบบมาเพื่อสุขภาพจิตหรือทำแบบสอบถามอย่าง PHQ-9 หรือ GAD-7 แต่ทั้งหมดนี้ก็ยังเป็นนามธรรม ในขณะที่โรคอื่น ๆ อย่างเบาหวานจะมีตัวชี้วัดแบบเป็นรูปธรรมที่บ่งบอกได้ชัดเจน Project Amber จึงตั้งขึ้นเพื่อหาคำตอบที่เป็นรูปธรรมให้กับการประเมินด้านสุขภาพจิต

วิธีหนึ่งที่ Project Amber จะใช้คือนำเทคโนโลยี electroencephalography หรือ EEG มาใช้งานร่วมกับเทคนิค machine learning

วันนี้ Project Amber เริ่มโอเพ่นซอร์สทั้งส่วน hardware design, visualizer และ stimulus software โดยโค้ดสำหรับโปรเจคนี้อยู่ที่ GitHub รวมถึงเปิดให้ใช้แอปและสิทธิบัตรของโครงการที่ระบุไว้ในหน้านี้ เพื่อให้นักวิจัยด้านสุขภาพจิตนำเครื่องมือไปสร้าง EEG หรือออกแบบใหม่โดยใช้ดีไซน์ของ Amber เป็นตัวตั้งต้นก็ได้

นอกจากโอเพ่นซอร์สแล้ว Project Amber ได้บริจาคโปรโตไทป์กว่า 50 ตัวให้ Sapien Labs สำหรับให้นักวิจัยทั่วโลกใช้งานตามโครงการ Human Brain Diversity Project เพื่อสนับสนุนงานวิจัย EEG ทั่วโลก

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Project Amber อ่านได้จาก Medium

ที่มา – Project Amber (Medium)

No Description
โปรโตไทป์ EEG ล่าสุดของโครงการ ภาพจาก Project Amber

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/119398

Alphabet เปิดตัว Mineral โครงการพัฒนาหุ่นยนต์เพื่อวิเคราะห์พืชแบบต้นต่อต้น อยู่ในสังกัด X

Alphabet เปิดตัวโครงการ moonshot ภายใต้แล็ป X ใหม่ในชื่อว่า Mineral เป็นโครงการพัฒนาหุ่นยนต์สำหรับตรวจสอบพืชแต่ละต้นเพื่อสร้าง big data

ทีม X ของ ​Alphabet มองว่าการนำดิจิทัลมาใช้กับการเกษตรในทุกวันนี้ถือว่ายังไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่คาดหวังไว้ ซึ่งโลกในอนาคตยังมีความจำเป็นในการผลิตอาหารสูงขึ้นในขณะที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้ผลผลิตน้อยลง ทำให้ทีมคิดจะพัฒนา Mineral ขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ในด้านนี้อย่างจริงจัง

โครงการ Mineral ระบุว่า ปัจจุบันเกษตรกรรมคือการปลูกพืชเพียงไม่กี่ชนิดที่ให้ผลตอบแทนสูง ซึ่งข้าว, ข้าวสาลี และข้าวโพดทุกวันนี้คิดเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งของแคลอรี่จากพืชที่ทั่วโลก แต่การปลูกพืชแบบไม่กี่ชนิดมีความเสี่ยงต่อแมลง, โรคระบาด และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในขณะที่พืชกินได้ทุกวันนี้มีอยู่ราว 30,000 ชนิดทั่วโลก แต่พืชที่มนุษย์นำมาใช้ปลูกเพื่อบริโภคในทุกวันนี้คิดเป็นสัดส่วนยังไม่ถึง 1% ของทั้งหมด

เครื่องมือจาก Mineral จะใช้วิธีการตรวจสอบและเก็บข้อมูลจากพืชแบบต้นต่อต้น ซึ่งจะช่วยเปลี่ยนระบบดูแลพืชในรูปแบบเดียวกันทั้งฟาร์มที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ มาเป็นระบบการดูแลแบบต้นต่อต้นที่จะช่วยเพิ่มผลผลิตโดยรวมของฟาร์ม ทั้งยังเป็นการปลดล็อกโอกาสในการปลูกพืชหลากหลายชนิดในฟาร์มเดียวกันเพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาพืชเพียงไม่กี่ชนิดอีกด้วย

Mineral เริ่มเข้าไปทำโครงการในฟาร์มหลายแห่งแล้ว เพื่อเก็บประสบการณ์เกี่ยวกับพืชตั้งแต่ช่วงแตกหน่อจนถึงเก็บเกี่ยวและหาโซลูชั่นสำหรับช่วยให้เกษตรกรเข้าใจพืชมากขึ้น และตอนนี้ Mineral เริ่มทำหุ่นยนต์โปรโตไทป์เบื้องต้นออกมาแล้ว ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์โครงการ X (Mineral)

ที่มา – Medium, TechCrunch

No Description

from:https://www.blognone.com/node/118984

Project Wing ของ Google ได้รับการรับรองจาก FAA สำหรับให้บริการโดรนขนส่ง

Project Wings โครงการพัฒนาโดรนได้คนขับสำหรับขนส่งพัสดุภายใต้โครงการ X ของ Alphabet ได้รับใบรับรองจาก FAA และกระทรวงคมนาคมในฐานะผู้ให้บริการการขนส่งทางอากาศสำหรับขนส่งพัสดุแล้ว

อันที่จริง Project Wings ได้ทำงานภายใต้โครงการ Unmanned Aircraft Systems Integration Pilot Program ซึ่งเป็นโครงการของกระทรวงคมนาคมร่วมกับ Mid-Atlantic Aviation Partnership และ Virginia Tech มานานแล้ว ซึ่งเป็นโครงการที่ผลักดันการใช้งานโดรนและช่วย FAA ในการร่างกฎหมายเกี่ยวกับโดรน

ขณะที่การให้บริการเชิงพาณิชย์ของ Project Wings จะเริ่มในเมือง Blacksburg รัฐ Virginia ภายในสิ้นปีนี้

ที่มา – Recode

No Descriptionภาพจาก X

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/109398

Alphabet ตั้งบริษัทใหม่ Loon และ Wing แยกโครงการออกมาจากสังกัด X

วันนี้ Alphabet ประกาศแยก Project Loon และ Project Wing ซึ่งเป็นโครงการทดลองภายใต้ X ออกมาเป็นอิสระในชื่อบริษัทว่า Loon และ Wing ตามลำดับ โดยทั้งสองบริษัทนี้จะขึ้นกับ Alphabet

โดยปกติแล้ว Alphabet มักจะแยกโครงการที่ประสบความสำเร็จแล้วออกจากสังกัด X เพื่อให้การดำเนินงานของบริษัทคล่องตัวมากยิ่งขึ้น โดยทั้งสองบริษัทนี้ก็จะยังคงดำเนินธุรกิจตามเป้าหมายของโครงการต่อไป โดย Loon มีเป้าหมายทำงานร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่ายเพื่อขยายการให้บริการอินเทอร์เน็ตกับผู้คนทั่วโลก ส่วน Wing เน้นพัฒนาระบบโดรนส่งของที่รวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่าย และปลอดภัย

Loon จะมี Alastair Westgarth นั่งตำแหน่งซีอีโอของบริษัท ส่วน Wing จะมี James Ryan Burgess ดำรงตำแหน่งซีอีโอและ Adam Woodworth ดำรงตำแหน่งซีทีโอ ซึ่งสองบริษัทนี้จะถูกรวมไว้ในส่วนกลุ่มธุรกิจ Other Bets ของ Alphabet

สำหรับโครงการก่อนหน้าภายใต้ X ของ Alphabet ที่แยกออกมาเป็นบริษัทแล้วได้แก่ Verily บริษัทด้าน life science, Waymo บริษัทพัฒนารถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ, Chronicle บริษัทด้านความปลอดภัย เป็นต้น

ที่มา – X, The Moonshot Factory (Medium)

No Description
ภาพจาก Loon

from:https://www.blognone.com/node/103769

Alphabet เริ่มโครงการวิจัยนำ AI มาช่วยในการเกษตร อยู่ในสังกัด X

Alphabet ได้เปิดตัวโครงการวิจัยใหม่ที่จะใช้ AI เพื่อการพัฒนาความสามารถในการผลิตอาหาร รวมถึงการนำโดรนและหุ่นยนต์มาใช้งานในฟาร์มด้วย โดยโครงการนี้จะอยู่ภายใต้ X

องค์กรอาหารและการเกษตรของสหประชาชาติได้ประมาณการว่า ทุกวันนี้การผลผลิตจากการเพาะปลูกทั่วโลกได้สูญเสียไปเป็นสัดส่วนกว่า 20-40% ในแต่ละปีเนื่องมาจากโรคระบาดและสัตว์ ซึ่งการค้นหาหนทางการพัฒนาการทำการเกษตรแบบใหม่ ๆ จะเป็นประโยชน์แก่คนทั่วโลกอย่างมาก และ X ได้เริ่มวิจัยโครงการนี้แล้ว

Astro Teller หัวหน้า X เผยว่าทุกวันนี้การเกษตรนั้นเป็นงานที่ซับซ้อนและใหญ่มาก X จะไม่ได้เข้าไปจัดการทำให้งานต่าง ๆ เป็นเรื่องง่ายทั้งหมด ซึ่ง Teller ได้พูดถึงประเด็นบางอย่างที่ machine learning สามารถเข้าไปช่วยได้ โดยการใช้เทคโนโลยีไปเพิ่มความชำนาญในพื้นที่กันดาร อย่างเช่นตัดสินใจว่าเมื่อไรควรจะปลูกพืชผลหรือใช้การชลประทาน, วางแผนการปลูกในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลงที่ทำนายสภาพอากาศยาก, ทำนายความเสียหายของพืชผลจากสัตว์หรือปัจจัยอื่น ๆ เป็นต้น

ที่มา – MIT Technology Review

No Description

ภาพโดย Ram Yoga / Flickr (CC BY-NC 2.0)

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/101052

แนะนำ Dandelion สตาร์ทอัพด้านพลังงานความร้อนใต้พิภพ ผลผลิตจากทีม X แห่ง Alphabet

ช่วงกลางปีที่แล้ว Alphabet ได้เปิดตัวบริษัทใหม่ Dandelion สตาร์ทอัพผู้พัฒนาระบบการใช้พลังงานความร้อนใต้พิภพมาใช้กับระบบทำความร้อนและระบบทำความเย็นในบ้านพักอาศัย เวลาผ่านมายังไม่ถึง 1 ปี หลังการทดลองติดตั้งใช้งานกับบ้านเรือนใน New York ก็เริ่มมีสัญญาณบวกทั้งผลการทดลองที่สะท้อนความคุ้มค่าด้านต้นทุนพลังงาน และแรงบวกจากนโยบายลดภาษีจากภาครัฐ

กล่าวถึง Dandelion สักหน่อยว่าเป็นสตาร์ทอัพที่เกิดจากการบ่มเพาะของทีม X ซึ่งหลังจากเห็นโอกาสทางธุรกิจอย่างจริงจังเรื่องการใช้พลังงานทางเลือก Dandelion จึงหลุดพ้นสถานะทีมพัฒนาภายในและแยกตัวออกมาเป็นบริษัท แบบเดียวกับที่ Waymo ทำมาก่อนหน้า

Dandelion เป็นสตาร์ทอัพที่เกิดจากการพยายามตอบโจทย์ด้านการใช้พลังงานในภาคครัวเรือน แม้ว่าในประเทศไทยนั้น ช่วงฤดูร้อนจะเป็นช่วงเวลาที่มีการใช้พลังงานไฟฟ้าเยอะที่สุด (ซึ่งก็คาดเดาได้ไม่ยากว่าเป็นเพราะการใช้เครื่องปรับอากาศ และการใช้น้ำ) ทว่าในสหรัฐอเมริกา ช่วงฤดูหนาวก็เป็นช่วงที่ผู้คนต่างก็ต้องใช้พลังงานเพื่อสร้างความอบอุ่นและเสียค่าใช้จ่ายไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน การนำเอาพลังงานความร้อนใต้พิภพมาใช้เพื่อรักษาระดับอุณหภูมิในบ้านพักอาศัยและต้มน้ำให้ร้อนนั้นทำให้ค่าแก๊ส, ค่าเชื้อเพลิงและค่าไฟอาจพุ่งสูงถึงหลายพันดอลลาร์ได้ และนั่นคือโอกาสที่ทีม X ของ Alphabet มองเห็น และกลายเป็นที่มาของการสร้างทีมพัฒนาภายในภายใต้ชื่อ Dandelion

การทำงานของระบบอุปกรณ์โดย Dandelion นี้ประกอบไปด้วย “ปั๊มความร้อน” และท่อ ground loop ซึ่งจะถูกฝังอยู่ในชั้นดินต่ำกว่าระดับ frost line (หมายถึงเส้นแบ่งระดับความลึกลงไปในดิน ที่น้ำในดินซึ่งอยู่ใต้เส้นดังกล่าวจะไม่แข็งตัวในช่วงฤดูหนาว) โดยท่อ ground loop นี้อาจจัดเรียงตัวในแนวดิ่งลึกถึง 150 เมตร หรือเรียงตัวในแนวนอน ขึ้นอยู่กับลักษณะพื้นที่หน้างานและสภาพเฉพาะตัวของชั้นดินที่แตกต่างกันไป

No Description

ปั๊มความร้อนจะทำหน้าที่ดันน้ำซึ่งผสมสารป้องกันการแข็งตัวให้ไหลไปตามท่อที่ติดตั้งขดไปมาในชั้นดิน ในระหว่างนั้นความร้อนจากชั้นดินจะถูกส่งผ่านท่อมาทำให้น้ำมีอุณหภูมิสูงขึ้น ก่อนไหลวนกลับมาที่ปั๊มอีกครั้ง

ความร้อนที่น้ำได้รับระหว่างการไหลผ่านท่ ground loop จะถูกนำมาใช้ประโยชน์โดยส่งต่อไปใช้กับระบบทำความร้อนและทำความเย็นในบ้าน ซึ่งตรงจุดนั้นน้ำในระบบจะมีอุณหภูมิลดต่ำลง และถูกปั๊มความร้อนดันมันให้กลับไปไหลผ่านท่อ ground loop เพื่อรับพลังงานความร้อนมาใช้ใหม่อีกครั้ง

ในทางกลับกัน เมื่อถึงช่วงฤดูร้อน น้ำที่ไหลเวียนผ่านท่อ ground loop จะทำหน้าที่นำความร้อนในบ้านไปถ่ายเทออกสู่ชั้นดินแทน (ระบบการถ่ายเทความร้อนเป็นแบบตรงข้ามกับในช่วงฤดูหนาว) ช่วยลดอุณหภูมิภายในบ้าน ลดภาระการทำงานของเครื่องปรับอากาศ

ด้วยหลักการดังกล่าวจะทำให้บ้านพักอาศัยประหยัดค่าพลังงานไฟฟ้า และการใช้เชื้อเพลิงรูปแบบอื่นเพื่อการต้มน้ำและอุ่นอากาศภายในบ้านได้มาก 20-40% และปล่อยก๊าสคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่ชั้นบรรยากาศได้น้อยกว่าระบบทำความร้อนและทำความเย็นแบบทั่วไป 20-65%

หลังการแยกตัวออกเป็นบริษัทและระดมทุนแรกเริ่มได้ 2 ล้านดอลลาร์ Dandelion ก็ได้ทำการทดลองติดตั้งระบบการนำความร้อนใต้พิภพมาใช้กับบ้านเรือนใน New York จำนวน 20 หลัง โดย Matt VanDerlofske หนึ่งในผู้ร่วมโครงการทดสอบติดตั้งระบบ Dandelion โดยฝังท่อ ground loop ลึกกว่า 150 เมตร ภายในพื้นที่ว่างอันจำกัดในสวนหลังบ้าน ได้ให้ข้อมูลว่าในเดือนพฤศจิกายนปี 2017 ที่ผ่านมา เขาเสียค่าไฟไป 114 ดอลลาร์ และจ่ายค่าไฟ 182 ดอลลาร์สำหรับเดือนธันวาคม ซึ่งถือว่าลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2016 ที่เขาต้องจ่ายค่าไฟ 240 ดอลลาร์ และ 480 ดอลลาร์ตามลำดับ

No Description
ภาพการติดตั้งระบบ ground loop บันทึกโดย VanDerlofske หนึ่งในลูกค้าของ Dandelion

ไม่เพียงแต่ผลตอบรับจากผู้เข้าร่วมการทดสอบที่ออกมาในแง่ดีเท่านั้น นโยบายจากภาครัฐก็ดูจะช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้แก่ Dandelion ยิ่งขึ้น หลังจากรัฐสภาได้มีมติขยายระยะเวลาการใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีให้แก่ประชาชนผู้ติดตั้งระบบการใช้พลังงานสะอาดเป็นมูลค่าไม่เกิน 30% ของค่าติดตั้งระบบ (รายละเอียดการลดหย่อนแตกต่างกันไปตามประเภทของพลังงานที่ใช้ และขนาดของอาคารบ้านพัก ตลอดจนประเภทของผู้เสียภาษี) ซึ่งในกรณีการใช้พลังงานความร้อนใต้พิภพของ Dandelion ที่มีราคาประมาณ 26,000 ดอลลาร์ ก็อาจช่วยลดหย่อนภาษีได้ราว 6,000 ดอลลาร์

การนำพลังงานความร้อนใต้พิภพมาใช้กับระบบทำความร้อนและทำความเย็นในบ้านถือเป็นเทคโนโลยีที่กำลังแพร่หลายมากขึ้น หลายพื้นที่ฟากตะวันออกของสหรัฐอเมริกาก็เริ่มมีการใช้เทคโนโลยีนี้กับอาคารของหน่วยงานรัฐ ซึ่งก็พิสูจน์ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจได้อย่างดี ดังเช่นตัวอย่างอาคารศาลใน Missouri ที่สามารถลดค่าแก๊สลงจาก 5,400 ดอลลาร์ เหลือเพียง 800 ดอลลาร์ หลังติดตั้งระบบการใช้ความร้อนใต้พิภพ

อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่ถอดด้ามเสียทีเดียว ในยุโรปนั้นมีการใช้ประโยชน์จากพลังงานความร้อนใต้พิภพมานานนับทศวรรษ อย่างในสวีเดนนั้น มีผู้คนราว 20% ที่ใช้ประโยชน์จากพลังงานสะอาดนี้ ในขณะที่จีนก็เริ่มผลักดันการใช้เทคโนโลยีพลังงานนี้เพื่อหวังจะลดการใช้ถ่านหิน 70 ล้านตันให้ได้ภายในปี 2020

ที่มา – InsideClimate News, Recode

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/100342

Apple โชว์หนังสั้นไวรัลดังในจีน ถ่ายด้วย iPhone X

ตามไปดูความเคลื่อนไหวล่าสุดของ Apple ที่สร้างสรรค์ภาพยนตร์สั้นด้วย iPhone X จนเป็นไวรัลดังในประเทศจีน อิทธิพลของช่วงหยุดยาว “ตรุษจีน” ทำให้หนังสั้นเรื่องนี้ได้รับความนิยม ถูกเปิดชมมากกว่า 68 ล้านครั้งในเวลาไม่ถึงสัปดาห์ที่เริ่มออกอากาศ

สำนักข่าว Adweek รายงานว่าภาพยนตร์สั้นเพื่อโปรโมต iPhone X ในประเทศจีนนี้ใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า “3 Minutes” โดยใช้เวลาก่อนตรุษจีนเปิดตัว เพื่อเล่าเรื่องราวครอบครัวจีนปัจจุบันที่ต้องห่างไกลกันเพราะหน้าที่การงาน

เหตุผลที่ทำให้ภาพยนตร์นี้ถูกส่งต่อและเปิดชมมากกว่า 68 ล้านครั้งในเวลาไม่ถึงสัปดาห์ที่ออกอากาศคืออารมณ์กินใจ ภาพยนตร์เรื่องนี้เล่าเรื่องของคุณแม่พนักงานการรถไฟคนหนึ่งที่ต้องดูแล 1 ในเส้นทางรถไฟสายยาวที่สุดในประเทศจีน ซึ่งโดยปกติแล้ว พนักงานรถไฟจะต้องทำงานในวันตรุษจีนและไม่สามารถใช้วันหยุดกับลูกชายได้

ในภาพยนตร์เรื่องนี้ น้องสาวของพนักงานการรถไฟคนนี้ จัดการพาหลานชายไปรอที่สถานีรถไฟ เพื่อให้ 2 แม่ลูกได้มีเวลาพบหน้ากันเป็นเวลา 3 นาที แต่การเผชิญหน้าไม่เป็นไปตามที่คุณแม่จินตนาการ แถมในระหว่างที่เรื่องราวดำเนินไป นาฬิกาบนหน้าจอก็นับเวลาถอยหลังจนสร้างความรู้สึกเร่งด่วนขึ้นมาบีบหัวใจผู้ชม

“3 Minutes” เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของผู้กำกับ Peter Chan ที่ถ่ายทำด้วย iPhone แต่ก่อนหน้านี้เขาได้สร้างวิดีโอสอน “วิธีการถ่ายวิดีโอด้วย iPhone X” ซีรีส์วิดีโอ 5 ชิ้นในชุดนี้มีวิดีโอย่อยรวมกันกว่า 9 ล้านคลิป

ขอเชิญชมวิดีโอ “3 Minutes” ได้จากด้านล่าง

ที่มา: MarketingDive

 
Source: thumbsup

from:http://thumbsup.in.th/2018/02/apple-iphone-x/