คลังเก็บป้ายกำกับ: WINDOWS_TIP

เพิ่มความเร็วให้ Windows 10 ด้วยการปิด Animations จัดการปัญหาเครื่องหน่วง

 

ใน Windows รุ่นใหม่ ๆ อย่างเช่น Windows 10 ในปัจจุบันนั้นจะมีการเพิ่มลูกเล่นด้านกราฟฟิกขึ้นมาเพื่อให้ Windows นั้นดูทันสมัยและน่าใช้มากยิ่งขึ้น แต่กระนั้นในคอมพิวเตอร์รุ่นเก่า ๆ หรือ Notebook สำหรับการใช้ทำงานเป็นหลักนั้นก็อาจจะมีการประมวลผลด้านกราฟฟิกที่ต่ำ ก็จะทำให้ Windows ของเราดูหน่วง เพราะส่วนหนึ่งใช้ไปกับการประมวลด้านกราฟฟิกของตัว Windows เอง ดังนั้น ทีมงาน Notebookspec จึงมานำเสนอวิธีการง่าย ๆ ในการปิด Animations (Animations จะส่งผลเกี่ยวกับการเปิด-ปิดหน้าต่างโปรแกรมต่าง ๆ ขึ้นมา หรือเวลาขยาย-ลดหน้าต่างลงไปไว้ที่ Taskbar โดยฟีเจอร์นี้จะทำให้การกระทำเหล่านี้ใน Windows มีความนุ่มนวล ดูสบายตามากขึ้น แต่ก็กินทรัพยากรของเครื่องเช่นกัน) ที่จะทำให้ Notebook หรือคอมพิวเตอร์ของเราเร็วและลื่นขึ้น

เข้าไปที่ “Windows Settings” >> “Ease of Access”

เลื่อนลงมาที่ส่วนของ “Simplify and Personalize Windows” >> กดปิด “Show Animations in Windows”

เพียงเท่านี้ก็ปิดฟีเจอร์ Animations ใน Windows 10 ได้เรียบร้อยแล้ว ทีนี้การเรียกโปรแกรมขึ้นมาก็จะไม่มีเอฟเฟ็กที่ที่จะมากินทรัพยากรในเครื่องเราแล้ว ทำให้การเปิด-ปิด, ย่อ-ขยาย โปรแกรมทำได้รวดเร็วขึ้น ส่งผลให้ Windows ของเราทำงานได้เร็วและลื่นขึ้นนั่นเอง

 

 

 

from:https://notebookspec.com/turn-off-animations-make-windows-10-seem-faster/514061/

5 ฟีเจอร์เบสิก ที่ทำให้ Windows 10 ดูชิคขึ้นทันตา

ระบบปฏิบัติการ Windows เป็นหนึ่งระบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับ PC/Notebook หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า Windows 10 ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนั้นได้รับการอัปเดตเพิ่มฟีเจอร์อะไรใหม่ ๆ ขึ้นมาบ้าง ทีมงาน Notebookspec จึงถือโอกาสมาแนะนำ 5 ฟีเจอร์เบสิก ที่ทำให้วินโดวส์ของเราดูชิค น่าใช้ขึ้นมาทันตา

Windows Timeline

รู้ไหมว่าการกดปุ่ม ‘windows key + tab’ นั้นนอกจากจะแสดงหน้าต่างของโปรแกรมที่หมดที่เราเปิดไว้แล้วนั้น หากเราเลื่อนลงไปด้านล่าง มันยังแสดง Timeline ของ Activities ที่เราใช้งานใน Windows 10 ซึ่งโปรแกรมที่จะปรากฏในไทม์ไลน์นี้ ในขณะนี้รองรับโปรแกรมของทาง Microsoft เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นตระกูล Office หรือ Microsoft edge ฯลฯ ฟีเจอร์นี้แม้ดูไม่มีอะไรมากมาย แต่การกดเข้าไปดูไทม์ไลน์การใช้งานของเราโดยเฉพาะไฟล์เอกสาร อาจทำให้เราประหยัดเวลาไม่ต้องคอยไปเปิดโฟลเดอร์หาไฟล์ที่เคยทำไว้ก่อนหน้าได้ด้วย

Snip & Sketch

หลาย ๆ คนที่ต้องอาจจะ capture หน้าจอคอมพิวเตอร์ในรูปแบบภาพนิ่งมักจะใช้การกดปุ่ม ‘prt sc’ ซึ่งอาจจะต้องไปวางในโปรแกรมอื่น ๆ เพื่อแสดงรูป แต่ Windows 10 ให้ความสะดวกกับเรามากยิ่งขึ้นด้วยโปรแกรม Snip & Sketch ที่ทำให้เราสามารถแคปหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเราได้ แถมยังกำหนดขนาดได้อย่างตามใจของเราว่าอยากจะแคปส่วนไหน หรือแคปทั้งหมด ทั้งยังเขียนลงไปในรูปได้ทันทีด้วย การเข้าโปรแกรมนี้ก็ทำได้ง่าย ๆ ด้วยการ กดปุ่ม ‘windows key + shift + s’

และที่นอกเหนือไปกว่านั้นคือเมื่อเรากดคีย์ดังกล่าวแล้ว รูปที่เราแคปจะทำการคัดลอกไปยังคลิปบอร์ดทันที ซึ่งเราก็สามารถวางรูปในโปรแกรมอื่น ๆ ได้เช่นกัน

Dark Theme

การใช้ Theme เดิมที่เวลาเปิดโปรแกรมของ Windows มาแล้วมักจะเป็นพื้นสีขาว ทำให้ใครหลายคนอาจจะไม่ถูกใจ ชอบสีดำมากกว่า Windows 10 ก็มีฟีเจอร์เบสิกที่ให้เราเปลี่ยน Theme เป็น Dark Themeได้นะ เพียงแค่เข้าไปที่ ‘Start >> Settings >> Personalization >> Colors >> Dark ’ เพียงเท่านี้ Theme ใน Windows ของเราก็จะเป็น Dark Theme เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้เรายังสามารถเลือก ‘Custom’ ได้ด้วย สำหรับบางคนอาจจะอยากให้ตัวแอปเป็นสีดำ แถบ Start เป็นสีขาว หรือกลับกันก็ได้เช่นกัน

Bigger bolder cursors

Windows 10 มีลูกเล่นให้เราสามารถปรับแต่งเจ้าเคอร์เซอร์ของเมาส์เล่นได้ด้วยนะ โดยที่เราสามารถเลือกขนาดและสีได้เองตามใจต้องการกันเลย เพียงแค่เข้าไปที่ ‘Start >> Settings >> Ease of Access >> Cursor & pointer’

Storage sense

เมื่อใช้คอมพิวเตอร์ไประยะเวลาหนึ่ง สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยคือไฟล์จำพวกไฟล์ขยะ ที่มักจะแฝงตัวหรือมีขึ้นในผ่านข้อมูลหรือไฟล์ต่าง ๆ ที่เราดาวน์โหลด เจ้าฟีเจอร์เบสิกนี้จะช่วยให้เราเคลียร์ไฟล์ขยะในเครื่องของเราได้โดยไม่ต้องพึ่งโปรแกรมเสริมกันเลยทีเดียว โดยเข้าไปที่ ‘Start >> Settings >> System >> Storage’ จากนั้นจะปรากฏข้อมูลของหน่วยความจำ พื้นที่ที่ถูกใช้ไปแล้ว และคงเหลืออยู่ จากนั้นจะมีส่วนที่เขียนว่า ‘Temporary files’ ซึ่งเป็นที่ไฟล์ขยะของเราอยู่นั่นเอง ให้เราทำการกดเข้าไปแล้วเลือกลบได้เลย

 

เป็นอย่างไรกันบ้างกับฟีเจอร์เบสิกของ windows 10 ที่ทีมงานเอามาฝากกัน หากใครอ่านแล้วก็อย่าลืมไปทำตามกันได้นะคะ เพิ่มความชิค เพิ่มลูกเล่นให้แก่คอมพิวเตอร์ของเรา

 

 

 

from:https://notebookspec.com/5-basic-features-windows-10/512554/

How to / Windows Tip – ขนาด Allocation Unit Size ที่เหมาะสมเมื่อทำการ Format ฮาร์ดดิสก์

เชื่อว่าหลายๆ ท่านที่เคย Format ฮาร์ดดิสก์เองนั้นน่าจะต้องคุ้นเคยอย่างดีกับการเห็นตัวเลือก Allocation Unit Size ที่อยู่บนหน้าจอของการ Format ตัวเครื่อง ซึ่งบางท่านก็อาจจะปล่อยทิ้งเอาไว้อย่างนั้นเพราะไม่รู้ว่าเจ้าค่า Allocation Unit Size นี้นั้นมันคืออะไรกันแน่ วันนี้นั้นเราจะมาไขข้อข้องใจดังกล่าวพร้อมกับเสนอการตั้งค่า Allocation Unit Size ที่เหมาะสมในการ Format ฮาร์ดดิสก์ขนาดต่างๆ ให้ทุกท่านได้ทราบกันเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้งานฮาร์ดดิสก์ของท่าน

ก่อนอื่นคงต้องบอกกันก่อนว่า Allocation Unit Size นั้นก็คือขนาดของ block ที่เราจะแบ่งเอาไว้ใช้ในการเก็บข้อมูลสำหรับบนฮาร์ดดิสก์นั้นๆ ตัวอย่างเช่นหากคุณตั้งค่า Allocation Unit Size เอาไว้ที่ 4096 bytes นั่นก็หมายความว่าบนฮาร์ดดิสก์ของคุณนั้นจะมีการแบ่งบล๊อคที่ใช้ในการเก็บข้อมูลโดยแต่ละบล๊อคนั้นจะมีขนาดอยู่ที่ 4096 byte หรืออยู่ที่ 0.004096 MB เวลาที่คุณเก็บข้อมูลขนาด 1 MB ลงไปบนฮาร์ดดิสก์นั้นก็จะใช้พื้นที่ในการเก็บข้อมูลทั้งหมดจำนวน 245 บล๊อคนั่นเอง

ทีนี้ปัญหาจริงๆ มันจะอยู่ที่ว่าหากเราจะหาจำนวนบล๊อคในการเก็บข้อมูลขนาด 1 MB ดังกล่าวลงไปบนฮาร์ดดิสก์ที่มีบล๊อคขนาด 4096 bytes ต่อบล๊อคนั้น จริงๆ แล้วมันจะต้องการจำนวนบล๊อคที่ 244.140625 เท่านั้น ทำให้บล๊อคที่ 245 จะเก็บข้อมูลอยู่ที่ 0.140625 bytes สำหรับความจุที่เหลือนั้นก็จะไม่สามารถนำมาใช้งานได้อีก ตรงนี้นั้นหากเกิดขึ้นกับไฟล์หลายๆ ไฟล์เข้าแล้วนั้นก็จะทำให้พื้นที่ในการเก็บข้อมูลจริงของคุณหายไปเป็นจำนวนมาก

ดังนั้นแล้วการพิจารณาว่าควรจะตั้งค่า Allocation Unit Size เท่าไรดีนั้นจึงถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมากเพราะหากตั้งถูกวิธีแล้วนั้น ในการอ่านและเขียนข้อมูลลงไปบนฮาร์ดดิสก์ลูกดังกล่าวก็จะเร็วมากขึ้นกว่าเดิมด้วยเช่นเดียวกัน

สำหรับการตั้งค่า Allocation Unit Size นั้นทาง Microsoft เองได้เคยตอบข้อสงสัยเอาไว้แล้วว่าการตั้งค่าตามที่ตัว Format เริ่มต้นมาให้นั้นจะถือว่าเป็นค่าที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตามแต่แล้วมันไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไปเพราะมันขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้งานการจัดเก็บไฟล์บนฮาร์ดดิสก์นั้นมากกว่า ซึ่งวิธีการพิจารณานั้นควรทำดังต่อไปนี้

  1. ดูที่ขนาดของฮาร์ดดิสก์ว่ามีความจุสูงสุดมากน้อยแค่ไหน ตัวอย่างเช่นหากฮาร์ดดิสก์ของคุณมีความจุมากกว่า 4 TB ขึ้นไป ค่า Allocation Unit Size ที่ดีนั้นก็ควรจะอยู่ที่ 4096 bytes โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการ Format ตัวฮาร์ดดิสก์ให้ File system เป็น NTFS
  2. ดูที่รูปแบบของไฟล์ที่คุณจะทำการจัดเก็บไว้บนฮาร์ดดิสก์นั้นๆ ตัวอย่างเช่นหากไฟล์ที่คุณจะทำการจัดเก็บเป็นเพียงไฟล์เอกสารไม่ว่าจะเป็น Word หรือ Powerpoint ฯลฯ ขนาด Allocation Unit Size ที่ดีและเหมาะสมนั้นควรจะเป็นค่าต่ำๆ มากกว่าเพราะนั่นจะทำให้ฮาร์ดดิกส์ดังกล่าวสามารถที่จะจัดเก็บไฟล์ได้มากขึ้นกว่าเดิม(ตามเหตุผลของการสูญเสียบล๊อคเก็บข้อมูลที่ได้บอกไปในตอนต้น) แถมในการอ่านไฟล์ดังกล่าวนั้นยังจะเร็วอีกด้วย ส่วนถ้าหากคุณจะใช้ฮาร์ดดิสก์ดังกล่าวนั้นเพื่อที่จะทำการจัดเก็ไฟล์ขนาดใหญ่อย่างเช่นการใช้ไฟล์วีดีโอความละเอียดระดับ HD ค่า Allocation Unit Size นั้นก็ควรจะเป็นค่าสูงๆ เพราะจะช่วยให้การเข้าถึงข่อมมูลต่างๆ ของคุณนั้นเร็วมากขึ้นกว่าเดิม(เนื่องจากไฟล์นั้นๆ จะอยู่ในบล๊อคเดียวกันและใกล้ๆ กันทำให้การค้นหาทำได้ดีมากกว่าเดิม)

ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้วอย่างที่ได้บอกเอาไว้ว่าทาง Microsoft หรือแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญเองต่างก็มีความเห็นตรงกันว่าค่า Allocation Unit Size ที่ดีนั้นควรจะใช้ค่าที่การ Format ตั้งให้มาตั้งแต่ตอนต้นจะดีกว่าเพราะไม่อย่างนั้นแล้วปัญหาที่ตามมาอย่างการที่บล๊อคเก็บข้อมูลถูกกระจายมากขึ้นเนื่องจากมีหลายๆ บล๊อคที่ไม่เต็มจะทำให้ฮาร์ดดิสก์นั้นๆ อ่านข้อมูลได้ช้าขึ้นหรือที่เราเรียกว่าปัญหาการกระจายตัวของบล๊อคข้อมูลนั่นเอง

หมายเหตุ – ทั้งนี้ไม่ว่าเราจะตั้งค่าอย่างไรก็ไม่สามารถที่จะหนีปัญหาเรื่องการกระจายตัวของบล๊อคเก็บข้อมูลได้อยู่แล้ว ซึ่งถือว่าโชคยังดีที่เรามีวิธีการแก้ปัญหานั้นซึ่งนั่นก็คือการทำ Disk defragment นั่นเอง โดยผู้ใช้สามารถที่จะรู้ตัวว่าควรจะต้องทำการ Disk defragment เมื่อไรนั้นก็สามารถสังเกตจากการเปิดไฟล์ต่างๆ บนฮาร์ดดิสก์นั้นๆ ว่าไฟล์ดังกล่าวเปิดช้าลงกว่าเดิมหรือไม่ หรือหากคุณใช้ฮาร์ดดิสก์ลูกนั้นเก็บข้อมูลไปนานๆ คุณก็สามารถที่จะทำ Disk defragment สักเดือนละ 1 ครั้งได้เช่นเดียวกัน

ที่มา : howtogeek

from:https://notebookspec.com/what-should-i-set-the-allocation-unit-size-to-when-formatting/506287/

Windows Tip – Sticky Note แบบใหม่ใน Windows 10

บางคนที่ใช้ Windows 7 มาก่อนอาจจะคุ้นเคยกับเจ้า Sticky Note พอมาลง Windows 10 อาจจะไม่รู้ว่าใน Windows 10 นั่นเองก็มีเจ้า Sticky Note อยู่ด้วย อีกทั้งยังอัพเกรดตัวเองให้ทำอะไรได้หลากหลายมากขึ้นอีกด้วย โดยไว้ใช้จดบันทึกหรือสิ่งที่เราต้องทำต่างๆ ถือว่ามีประโยชน์มากเลยทีเดียว

Sticky Note

วิธีใช้งาน Sticky Note ใน Windows 10

ให้เพื่อนๆ เข้าไปที่ Search จากนั้น พิมพ์ Sticky Notes ที่ออกแบบมาใหม่

เมื่อเปิดขึ้นมาจะพบหน้าตาที่แปลกไปจากเดิมเล็กน้อย

โดยสามารถทำการเพิ่ม + เผื่อเพิ่ม Notes ต่างๆ ลืมทำการกด x เพื่อลบโน้ตต่างๆ อีกทั้งเมื่อพิมพ์ไป จะพบว่า ในหน้าส่วนกลาง Sticky Note จะมีลิสรายการโน้ตขึ้นมาอีกด้วย

เมื่อทำการปิดเครื่องคอมแล้วเปิดใหม่อีกครั้ง Sticky Notes ต่างๆ ก็จะไม่หายจนกว่า เพื่อนๆ จะทำการกด x ที่ โน็ต เพื่อลบออกไป

 

 

from:https://notebookspec.com/new-sticky-note-windows-10/464708/

Windows Tip – เซฟรายการ Process ที่ทำงานอยู่ใน Windows

เชื่อว่าเวลาที่เพื่อนๆ มีปัญหาหรือไม่มั่นใจว่าเครื่องเราผิดปกติหรือเปล่านั่น หากเราต้องการจะถามเพื่อนหรือถามในกลุ่ม Facebook แน่นอนเราอาจจะสื่อออกมาไม่ถูก หรือ ทำให้หลายๆคนไม่เข้าใจ แต่ทีมงานมีวิธีง่ายๆในการดึงข้อมูลของ Process ที่เพื่อนๆ อาจคิดว่ามีปัญหา

Process

วิธีเซฟ รายการ Process ที่กำลังทำงานอยู่ออกมา

ก่อนอื่นให้เพื่อนๆ เปิด command prompt ขึ้นมา โดยกด WIN+R จากนั้นพิมพ์ CMD

คัดลอกและวางโค้ดด้านล่างลงใน command prompt, และ กด Enter

tasklist /V > “%userprofile%\Desktop\Running processes.txt”

แค่นี้เพื่อนๆ ก็จะได้ไฟล์ Running processes.txt เรียบร้อย แค่นี้เวลาที่เพื่อนๆ สงสัยว่าคอมเพื่อนๆ มีปัญหาหรือไม่ ก็สามารถนำไฟล์นี้ ไปโพสต์สอบถามในกลุ่ม IT ได้อย่างง่ายๆแล้วหรือจะคัดลอกข้อมูลด้านในไปโพสต์ก็ได้เช่นกัน

from:https://notebookspec.com/process-to-files/457666/

Windows Tip – ตั้งค่า Preview Handlers แสดงข้อมูลโดย ไม่ต้องเปิดไฟล์

ใน Windows 10 นั้นมีฟีเจอร์แสดงข้อมูลในไฟล์ Text หรือ ไฟล์อื่นๆ ให้โชว์ขึ้นมาโดยที่ ไม่ต้องเปิดไฟล์ เพื่อความสะดวกกับผู้ใช้งาน สำหรับใครที่ยังไม่ทราบ วันนี้เรามีวิธีในการเปิดใช้งานอยู่โดยสามารถทำตามได้ด้านล่างเลยครับ โดยรองรับตั้งแต่ Windows 8.1 / Windows 10

ไม่ต้องเปิดไฟล์

วิธีการ ตั้งค่า แสดงข้อมูลโดย ไม่ต้องเปิดไฟล์

ก่อนอื่นให้เข้าไปที่ Control Panel โดยเข้าไปที่ Search ตามภาพ

จากนั้นให้เปิด File Explorer Options ขึ้นมา

ไปที่แท็ป View จากนั้นเลื่อนลงมาดูหัวข้อ Advanced settings จากนั้นติ้กถูกที่หัวข้อ Show preview handlers in preview pane จากนั้นกด OK

เมื่อตั้งค่าเสร็จแล้วให้เราเปิด Explorer ขึ้นมา จากนั้นไปที่แท็ป View และเลือกเป็น Preview pane จากนั้นให้ลองทดสอบดู

จะเห็นว่าเราสามารถดูข้อมูลที่อยู่ไฟล์นั้นได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องเปิดไฟล์ขึ้นมา ถือว่าสะดวกมากเลยทีเดียว สำหรับคนที่ค้นหาหาข้อมูลในไฟล์ อยู่ โดยที่ไม่จำเป็นต้องเปิดไฟล์ขึ้นมา

from:https://notebookspec.com/preview-handlers/455806/

Windows Tip – วิธี ปิด Windows Defender แบบชั่วคราว เพื่อไม่ให้ลบไฟล์อัตโนมัติ ทั้งที่ไม่ใช่ไวรัส

สอน ปิด Windows Defender ใครที่เคยโหลดโปรแกรมบางโปรแกรมมาติดตั้งบ้าง โปรแกรมเพื่อนหลายๆ คนอาจพบเจอปัญหา ไฟล์โดน Windows Defender ลบหายไปทันทีที่แตกไฟล์ ทั้งๆ ที่ไฟล์นั่นไม่ใช่ไวรัสแน่นอน วันนี้ทางทีมงานมีวิธี ปิด Windows Defender แบบชั่วคราว เพื่อให้เราสามารถติดตั้งโปรแกรมหรือเปิดไฟล์ต่างๆ ที่เรามั่นใจว่าไม่ใช่ไวรัสแต่โดน Windows Defender ลบทิ้งไปได้

ปิด Windows Defender

วิธี ปิด Windows Defender แบบชั่วคราว

ก่อนอื่นให้เปิด Windows Defender ขึ้นมาจากนั้น คลิกเปิดได้จาก icon ที่ Toolbar หรือ Start menu

จากนั้นให้เลือก Virus & threat protection

เลือกที่ Virus & threat protection settings

ให้ทำการเลือกปิด Real-time protection แล้วจะมีหน้าต่างยืนยันขึ้นมาให้คลิก Yes

แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยสำหรับ วิธีปิด Windows Defender แบบชั่วคราว หากเพื่อนๆต้องการเปิดใช้งานก็ ไปเปิดที่ Real-time protection แค่นี้ก็เรียบร้อย แต่เพื่อนๆต้องระวังนิดหนึ่ง เพราะการปิดแบบนี้อาจทำให้ไฟล์ไวรัสเข้าเครื่องได้

from:https://notebookspec.com/disable-windows-defender/450631/

Windows Tip – 5 ไฟล์/โฟลเดอร์ต้องห้าม !!! ที่ไม่ควรลบออกจากคอม/โน้ตบุ๊ค ถ้าไม่อยากเจ๊ง (อย่าเอาไปแกล้งเพื่อนนะ)

มีหลาย ๆ ครั้งที่เราจำเป็นจะต้องลบไฟล์บางอย่างในเครื่องทิ้งไปเพราะไม่จำเป็นต้องใช้งานหรือลบเพราะต้องการเนื้อที่เพิ่มแต่ก็อย่าได้เผลอลบไฟล์บางไฟล์ในเครื่องก็แล้วกันครับมันจะทำให้คอมของเราทำงานผิดปกติหรือเข้าขั้นหยุดทำงานไปเลยจึงเรียกได้ว่ามันเป็นไฟล์ต้องห้าม Can’t Touch This กันเลยทีเดียว

แต่ไฟล์ที่ว่านั้นมันคืออะไรมันอยู่ส่วนไหนของเครื่องบ้างก็ลองมาดูกันครับโดยจะมี 5 ไฟล์ที่เข้าข่ายว่าห้ามเผลอไปกดลบทิ้งเด็ดขาดรวมไปถึงโฟลเดอร์บางโฟลเดอร์ด้วย!! ดังนี้

Program Files และ Program Files (x86)

ตำแหน่ง: C:\Program Files และ C:\Program Files (x86)

หากคุณติดตั้งซอฟต์แวร์หรือรันไฟล์ EXE บ่อย ๆ ซอฟต์แวร์เหล่านั้นที่ติดตั้งมักจะอยู่ในโฟลเดอร์ที่ชื่อ Program Files กันหมด ถ้าหากผู้ใช้งานเป็น Windows 32-bit จะพบว่ามีโฟลเดอร์ชื่อ Program Files อย่างเดียวแต่ถ้าเป็น 64-bit จะมีโฟลเดอร์ Program Files (x86) แถมเข้ามาด้วยซึ่งจะทำหน้าที่เก็บพวกโปรแกรมที่เราติดตั้งเหมือนกัน

ดังนั้นจึงไม่ควรอย่างมากถ้าหากจะลบโฟลเดอร์นี้ทิ้งหรือลบไฟล์อื่น ๆ ในโฟลเดอร์นี้แต่ถ้าต้องการจะลบโปรแกรมที่ติดตั้งออกก็ควรทำให้ถูกต้องโดยไปที่ Control Panel และไปที่หมวด Uninstall โปรแกรมออกครับเพราะการลบโปรแกรมในโฟลเดอร์ Program Files ไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง

System32

ตำแหน่ง: C:\Windows\System32

ในโฟลเดอร์นี้ก็จะรวมแหล่งไฟล์กับโปรแกรมที่เป็นพื้นฐานสำหรับ Windows เช่นไฟล์ .DLL ชุดคำสั่งในการรันโปรแกรมบนคอม , DirectX , ไฟล์ .inf รวมไปถึงไดรเวอร์ทั้งหมดที่ติดตั้งมามันก็จะมากองกับโฟลเดอร์ System 32 นี่แหละครับและยังรวมไปถึงโปรแกรมที่ติดมากับ Windows อย่าง Notepad , Calculator , Paint ด้วย

ฉะนั้นมันเป็นโฟลเดอร์ที่สำคัญต่อระบบอย่างมาก ๆ ไม่ควรยุ่งกับมันจะเป็นการดีที่สุดแต่ถ้าเกิดเผลอตัวเผลอใจลบไปแล้วหรือโดนผู้ไม่หวังดีแกล้งว่าลบโฟลเดอร์ System 32 แล้วจะทำให้คอมทำงานเร็วขึ้นล่ะก็คงต้องลง Windows ใหม่สถานเดียวครับ

Page File

ตำแหน่ง: C:\pagefile.sys

เป็นไฟล์ที่จะอยู่ในไดร์ฟ C ที่คุณจะมองไม่เห็นมันแต่จะต้องติ๊กถูกช่องปลดล็อคการซ่อนไฟล์เสียก่อน (Hide protected operating system files) ซึ่งไฟล์ตัวนี้มีข้อสังเกตคือมันจะมีขนาดที่ใหญ่พอสมควรมีหน้าที่ทำเป็นหน่วยความจำสำรองหรือทำหน้าที่ย้ายข้อมูลจาก RAM มายัง Harddisk

หากเราบังเอิญหรือตั้งใจปิดการทำงานของมันก็จะส่งผลกับตัวหน่วยความจำซึ่งมันอาจจะแจ้งเตือน Low Memory หรืออาจจะทำให้โปรแกรมบางตัวไม่สามารถทำงานได้เลยหรือข้อมูลบางส่วนหายไปครับ

System Volume Information

ตำแหน่ง: C:\System Volume Information

ในส่วนของโฟลเดอร์ตัวนี้จะเป็นที่เก็บข้อมูลเกี่ยวกับ System Restore เป็นเหมือนการเก็บข้อมูลไฟล์ในระบบมีจุดประสงค์คือการกู้ข้อมูลในภายหลังซึ่งการเข้าไปในโฟลเดอร์นี้ทาง Windows จะปฏิเสธการเข้าถึงหรือเข้าไปดูไม่ได้แต่อย่างไรก็ตามการมีโฟลเดอร์นี้อยู่จะกินเนื้อที่ในไดร์ฟมากพอสมควรหากใครคิดว่ามันกินที่เกินไปมันก็มีวิธีแก้ไขได้อยู่

ถึงเราจะไม่สามารถลบมันได้หรือถ้ามีวิธีการไปแล้วลบได้ก็อาจจะเกิดปัญหางานเข้าแน่นอนแต่เราสามารถจำกัดลดขนาดมันได้ครับเพียงแค่ไปที่ Start Menu แล้วไปที่ Create a Restore Point เลือกไดร์ฟที่ต้องการจากนั้นกดปุ่ม Configure มันจะปรากฏแท่งสไลด์ Max Usage ให้คุณปรับเพิ่ม-ลดเนื้อที่ได้ตามใจชอบ

ไม่ว่าอย่างไรทางที่ดีเราไม่ควรไปยุ่งกับโฟลเดอร์นี้เด็ดขาดถ้าไม่อยากงานเข้านะครับ

WinSxS

ตำแหน่ง: C:\Windows\WinSxS

เป็นโฟลเดอร์ที่เก็บไฟล์ระบบหรือเป็นคลัง DLL ที่เวลาเราลงโปรแกรมอื่น ๆ หรือลงเกมไว้ตัว DLL มันก็จะถูกมาสุมหัวรวมกันในนี้ครับและถ้าถามว่าเราลบได้ไหมสามารถทำได้แต่ไม่แนะนำครับเพราะจะทำให้ตัวเครื่องทำงานผิดปกติส่งผลต่อการอัพเดต Windows หนักเข้าจนถึงขั้นต้องลง Windows ใหม่เลยครับ

จะเห็นว่าทั้ง 5 โฟลเดอร์/ไฟล์ที่นำเสนอมานี้มีความสำคัญต่อระบบต่อคอมของคุณมาก ๆ ดังนั้นอย่ามือบอนไปกดลบเป็นอันขาดแต่ถ้าหากเกิดเห็นไฟล์แปลก ๆ ขึ้นมาแล้วอยากจะจะลบมันเหลือเกินก็ขอแนะนำให้ Backup ข้อมูลสำรองไว้ก่อนจะดีกว่าครับ

ที่มา: makeuseof

from:https://notebookspec.com/5-files-and-folder-in-pc-you-can-not-delete-it/435735/