คลังเก็บป้ายกำกับ: WINDOWS_NEWS

Microsoft ปล่อยแอพ Photo Story ร้อยภาพถ่ายของคุณเป็นเรื่องราวแบบง่ายๆ

หลังจากที่ Nokia เคยปล่อยแอพที่ชื่อว่า Story Teller ซึ่งเป็นแอพสำหรับการร้อยเรียงภาพถ่ายข้าวของเราเข้าด้วยกันเป็นวิดีโอสั้นๆ ซึ่งหลังจากที่ Microsoft ซื้อกิจการของ Nokia ไป ก็ดูเหมือนแอพนี้จะไม่ค่อยได้รับการอัพเดทอีก

ตอนนี้ Microsoft โดยทีมงานที่อยู่ภายใต้โครงการ Microsoft Garage ซึ่งเป็นโครงการที่ให้พนักงานของ Microsoft ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์โดยการผลิตแอพเล็กๆออกมา ได้ปล่อยแอพตัวใหม่ภายใต้แนวคิดของแอพ Story Teller อย่าง Microsoft Photo Story ออกมาครับ

Photo story_Lead 2

 

Photo Story เป็นแอพที่มีคุณสมบัติตามชื่อคือ การนำเอาภาพถ่ายของเรามาร้อยเรียงเป็นเรื่องเล่า ซึ่งการใช้งานทำได้ง่ายๆ โดยคุณสมบัติของแอพในเวอร์ชั่นแรกนี้มีดังนี้

  • เริ่มต้นสร้างวิดีโอของเราเองได้ง่ายๆ แค่เลือกภาพแรกที่จะใช้เป็นภาพปก จากนั้นระบบจะเลือกภาพที่ถ่ายในช่วงเวลาใกล้เคียงกันมาให้ด้วยเทคโนโลยี Computer vision
  • ปรับแต่งวิดีโอด้วย theme ที่มีให้เลือกในแอพ
  • เพิ่มลูกเล่นด้วยการใส่เพลงประกอบที่มีอยู่ในแอพ
  • รองรับการแก้ไข แต่งวิดีโอภายหลังด้วย edit mode
  • แบ่งปันวิดีโอของเราขึ้นสู่โซเชียลเน็ตเวิร์คได้อย่างง่ายดาย
  • รองรับการทำงานร่วมกับ Cortana ด้วย

Photo story_Lead Photo story_1

 

โดย Microsoft ทำวิดีโอแนะนำแอพที่เข้าใจง่ายมากๆมาให้เราได้ดูกันด้วยครับ

ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดแอพ Photo Story ได้ฟรี รองรับทั้ง Windows phone 8.1 และ Windows 10 Mobile ด้วย เพื่อนๆสามารถดาวน์โหลดได้จากที่นี่ครับ

ดาวน์โหลด: Microsoft Photo Story

QR Code:

QR_photo story

 

 

ที่มา: WMPoweruser

 

from:http://www.appdisqus.com/2015/08/13/microsoft-photo-story-the-interactive-video-apps-from-microsoft.html

แอพ Lumia Selfie เวอร์ชั่นใหม่ รองรับไม้เซลฟี่และรีโมทบลูทูธแล้ว

หลังจากที่ Microsoft อัพเกรดบลูทูธในมือถือ Windows phone ผ่านเฟิร์มแวร์ Windows phone 8.1 update 2 และเริ่มปล่อยให้แอพ Lumia Camera Beta สามารถใช้งานร่วมกับไม้เซลฟี่และรีโมทบลูทูธได้ก่อนหน้านี้

Lumia735_Selfie_feat

 

ตอนนี้ Microsoft ปล่อยอัพเดทแอพ Lumia Selfie เพื่อให้รองรับการใช้งานร่วมกับไม้เซลฟี่และรีโมทบลูทูธแล้วเช่นกัน ซึ่งนั่นทำให้เราสามารถใช้ประโยชน์จากแอพนี้ได้มากยิ่งขึ้นครับ

ผู้สนใจก็สามารถอัพเดทแอพ Lumia Selfie ได้จากที่นี่

ดาวน์โหลด: Lumia Selfie

QR Code:

qr_lumia_selfie

 

ที่มา: WinBeta

 

from:http://www.appdisqus.com/2015/08/13/lumia-selfie-now-support-selfie-stick.html

Twitter ปลดล็อก อนุญาตให้ส่ง Direct Message (DM) ได้ไม่จำกัดตัวอักษรแล้ว!

ถือเป็นข่าวดีของผู้ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์คอันดับต้นของโลกอย่าง Twitter จริงๆ ครับ เพราะล่าสุดนี้ ทวิตเตอร์ได้ปลดล็อกการจำกัดตัวอักษรในการส่งข้อความส่วนตัว หรือ DM ที่ 140 ตัวอักษรซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์กันในวงกว้างออกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถทวิตข้อความส่วนตัวถึงเพื่อนผ่านทาง DM ได้แบบไม่ติดลิมิตให้ต้องมาวุ่นวายใจอีกต่อไป (ใครใช้ Twitter ก่อนหน้านี้คงจำกันได้ถึงความหงุดหงิดที่ว่าขนาดส่งข้อความแชตกันสองคนยังต้องห้ามพิมพ์เกิน 140 ตัวอักษรก่อนหน้านี้)

โดยการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มีผลทั้งบนเว็บบราวเซอร์และบน Smart Phone ทุกระบบ ทั้งนี้บนสมาร์ทโฟนจะต้องทำการอัพเดตตัวแอพพลิเคชั่น Twitter เสียก่อนจึงจะสามารถใช้ฟังก์ชั่นใหม่ DM แบบไม่ติดลิมิตตัวอักษรนี้ได้

Twitter DM No limit

APPDISQUS แอบหวังว่านี่จะเป็นก้าวแรกของการเปลี่ยนแปลงสำหรับ Twitter ที่อาจจะพิจารณาเพิ่มตัวอักษรจาก 140 ตัวอักษรให้มากกว่าเดิมในฟังก์ชั่นอื่นๆ ต่อไปนะครับ เราไม่ได้ต้องการอันลิมิต แต่เราต้องการแค่ให้เราพิมพ์ได้ยาวขึ้นหน่อยแค่นั้นเองนะเจ้านกสีฟ้า…

from:http://www.appdisqus.com/2015/08/13/twitter-allows-unlimited-character-dm.html

ผลสำรวจ: ผู้ใช้ Windows Phone ในสหรัฐอเมริกา 80% เปลี่ยนระบบไปใช้ iOS และ Android

 

จากรายงานผลการสำรวจของ Consumer Intelligence Research Partners หรือ CIRP เกี่ยวกับความจงรักภักดีต่อระบบปฏิบัติการของผู้ใช้ชาวสหรัฐอเมริกา ที่ซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ในช่วงเวลาไตรมาสที่ 3 ปี 2013 ถึงไตรมาสที่ 2 ปี 2015 ซึ่งผลการสำรวจสรุปผลได้ตามตารางนี้

image26

 

จากตารางเราก็จะเห็นความจงรักภักดีต่อระบบปฏิบัติการของผู้ที่ซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ตลอด 2 ปี ที่ผ่านมาว่า ผู้ใช้ระบบ Android จะมีความจงรักภักดีต่อระบบมากที่สุด นั่นคือ 82 % ยังเลือกใช้ Android อยู่เหมือนเดิม เพิ่มขึ้นจากการสำรวจครั้งก่อนซึ่งอยู่ที่ 77 % ส่วนระบบปฏิบัติการ iOS ลดลงจากการสำรวจครั้งก่อน 79 % เลือก 78 % ในการสำรวจครั้งนี้

windows to android

 

แต่ปัญหาใหญ่ที่เห็นได้ชัดจากการสำรวจนี้ก็คือ ผู้ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows Phone ที่ซื้อเครื่องใหม่ในรอบ 2 ปีที่ผ่านมาเปลี่ยนระบบไปใช้ Android และ iOS รวมกันแล้วมากขึ้น 80 % โดยย้ายไปใช้ Android, iOS และ Blackberry คิดเป็น 45 %, 35 % และ 1 % ตามลำดับ ซึ่งมีเพียง 19 % เท่านั้น ที่ยังเลือกใช้ Windows Phone อยู่เช่นเดิม

 

จากผลการสำรวจเรามองว่าปัญหาของ Windows Phone ไม่ใช่การแข่งขันกับระบบอื่น แต่เป็นการแข่งขันกับตัวเองมากกว่า นั่นคือ ต้องรักษาผู้ใช้เดิมให้ได้ ด้วยระบบที่ตอบสนองการใช้งานได้เพียงพอต่อความต้องการของผู้ใช้ ไม่ใช่อาศัยเพียงพอบุญเก่าของ Nokia หรืออาศัยความแปลกใหม่หากินไปวันๆ ดังนั้นการที่ Microsoft เน้นที่การพัฒนาระบบมากกว่าการโฆษณาดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ จึงเป็นแนวทางที่ถูกต้องแล้ว Windows 10 Mobile จึงกลายเป็นความหวัง Microsoft และผู้ใช้ที่จงรักภักดีต่อระบบนี้อย่างมาก เราต้องรอดูกันต่อไปว่าผลการสำรวจครั้งหน้า Windows 10 Mobile จะทำให้ตัวเลขที่ออกมาดูดีขึ้นได้สักแค่ไหน?

 

 

ที่มา: CIRP ผ่าน WMPoweruser

 

from:http://www.appdisqus.com/2015/08/13/cirp-2015-windows-phone.html

Windows 10 Mobile Build 10512 ปล่อยให้อัพเดทอย่างเป็นทางการ มีอะไรใหม่บ้าง มาดูกัน

หลังจากที่ Microsoft แย้มๆเอาไว้ว่า Build ใหม่สำหรับชาว Windows 10 Mobile Insider Preview จะปล่อยให้อัพเดทกันเร็วๆนี้ และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ Microsoft สัญญาไว้แล้วครับ

windows-10-mobile

 

โดย Build ล่าสุดที่ Microsoft ปล่อยออกมานี้ คือ Build 10512 ซึ่งเป็นการอัพเดทแบบกระโดดจาก build ก่อนหน้านี้อย่าง build 10166 ไปมาก อย่างไรก็ดีใน Build นี้ไม่มีคุณสมบัติอะไรใหม่ๆเข้ามามากนัก เนื่องจากวัตถุประสงค์หลักของ build นี้จะเน้นไปที่การปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานและแก้ไขบั๊คมากกว่า และนี่นับเป็นการกลับมาโฟกัสที่ Windows 10 สำหรับมือถือครั้งแรกของ Microsoft หลังการปล่อย Windows 10 อย่างเป็นทางการสำหรับเวอร์ชั่นพีซี

Change log อย่างเป็นทางการของ Microsoft ระบุถึงสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปใน Build นี้เอาไว้ ดังนี้ครับ

  • ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานโดยทั่วไปและความเสถียรของระบบ
  • เพิ่มความสามารถในการตั้งภาพพื้นหลังของ live tiles และหน้าล็อกสกรีนได้จากภายในแอพ photos
  • แก้ไขบั๊คที่ผู้ใช้งานบางรายไม่สามารถเปิดแอพที่ติดตั้งไว้ใน SD card ภายหลังเริ่มระบบใหม่ได้
  • แก้ไขบั๊คการใช้งานสำหรับภาษาลัตเวียและจีน
  • ปรับปรุงการแสดงผล Live tiles ในหน้าจอ Kids’ corner
  • ปรับปรุงการทำงานของคุณสมบัติ Data Sense ให้แม่นยำยิ่งขึ้น
  • ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของระบบการค้นหารายชื่อผู้ติดต่อ
  • แก้ไขปัญหาไม่สามารถเปิดใช้งานแอพถ่ายภาพได้เมื่อหน้าจอล็อกอยู่
  • แก้ไขปัญหาการแจ้งเตือนข้อความ sms ไม่ทำงาน
  • แก้ไขปัญหาระบบทัชสกรีนไม่ตอบสนองหลังจบการสนทนาในโทรศัพท์บางรุ่น
  • แก้ไขการแสดงผลชื่อโฟลเดอร์เพี้ยนในหน้าจอ live tiles

 

อย่างไรก็ดี ใน Build ล่าสุดนี้มีปัญหาที่ Microsoft ได้แจ้งเตือนเอาไว้เช่นกัน ซึ่งท่านที่อัพเดท build นี้ ควรระวังสิ่งเหล่านี้เอาไว้ครับ

  • ฟังก์ชั่น mobile hotspot ไม่สามารถใช้งานได้ใน build นี้ (หรือพูดง่ายๆคือไม่สามารถแชร์เน็ตมือถือของเราได้นั่นเอง)
  • สำหรับผู้ที่เปิดใช้งานระบบ Two-factor authentication จะไม่สามารถใช้งานฟังก์ชั่นนี้ได้ เพราะฉะนั้นระหว่างที่ใช้ build นี้ห้าม hard reset โทรศัพท์เด็ดขาดหรือไม่ก็ต้องระบุอีเมลสำรองสำหรับการทำ Two-factor authentication แทน
  • สำหรับผู้ใช้งานบางรายอาจประสบปัญหากระบวนการย้ายข้อมูลหลังการอัพเดทนานผิดปกติ ให้รอจนกว่ากระบวนการทั้งหมดจะเสร็จสิ้น ห้ามปิดเครื่องก่อน
  • แอพที่ใช้งานฟังก์ชั่น background audio อาจประสบปัญหาปิดตัวเองหลังการอัพเดท ให้ปิด-เปิดเครื่องใหม่อีกครั้งก็จะแก้ไขปัญหานี้ได้
  • สำหรับโทรศัพท์บางเครื่องที่มี Live tiles เป็นจำนวนมาก อาจพบปัญหาค้างที่หน้าจอ loading ได้ ซึ่งทางแก้ที่ Microsoft แนะนำคือให้แฟลชรอมกลับไปเป็น Windows phone 8.1 แทน (ดูวิธีได้จากที่นี่ครับ)
  • สำหรับบางแอพอาจพบปัญหาไม่สามารถอัพเดทแอพผ่าน Windows store ได้ โดยจะได้รับข้อความ error รหัส 0x80073cf9 ให้แก้ไขโดยการลบและติดตั้งแอพใหม่
  • แอพ Movies & TV ไม่สามารถใช้งานได้ใน build นี้ (ดูไฟล์หนังไม่ได้นั่นเอง ต้องใช้แอพอื่นๆช่วยครับ)

 

เรียกได้ว่า Build นี้ถึงแม้ระบบหลักๆอาจจะได้รับการปรับปรุงมากขึ้น แต่ด้วยข้อด้อยที่เป็นปัญหาที่ Microsoft แจ้งมา ก็น่าจะทำให้หลายๆคนที่ใช้งานมือถือเครื่องหลักเพียงเครื่องเดียวลังเลได้

อย่างไรเสีย ท่านที่ไม่ชัวร์ในการแก้ไขปัญหาต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นด้วยตัวเอง ทางทีมงานแนะนำให้อย่าเพิ่งรีบอัพเดทในตอนนี้จะเป็นการดีกว่าครับ

 

 

ที่มา: Microsoft

from:http://www.appdisqus.com/2015/08/13/windows-10-mobile-build-10512-official-released-here-whats-new.html

และแล้วก็ถึงเวลา Nokia Lumia 830 สิ้นสุดช่วงเวลาการทำตลาดแล้ว

หลังจากที่ Microsoft เปิดตัว Nokia Lumia 830 เป็นครั้งแรกในปีที่ผ่านมา เจ้ามือถือที่ได้ชื่อว่าเรือธงราคาประหยัด (Affordable flagship) ของ Microsoft ก็ได้รับการตอบรับค่อนข้างดีพอสมควร แต่ตอนนี้อายุขัยของมันในตลาดก็จะหมดลงแล้วครับ

Lumia 830 สีทอง

Lumia 830 สีทอง

 

จากเอกสารภายในของ Microsoft ที่ส่งให้กับร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั้งหมดในอเมริการะบุว่า Nokia Lumia 830 ได้มาถึงช่วงเวลการสิ้นสุดการทำตลาด (End of life) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นั่นหมายความว่าหลังจากนี้จะไม่มีการผลิต Nokia Lumia 830 ออกมาอีก และสินค้าที่วางขายจะมีเฉพาะที่ยังเหลืออยู่ในสต๊อกเท่านั้น รวมถึงร้านค้าต่างๆก็จะนำเครื่องเดโม่ของเจ้า Lumia 830 ออกไปด้วย และแทนที่ด้วยมือถือรุ่นอื่นๆที่ Microsoft แนะนำแทน (เช่นที่อเมริกา Microsoft แนะนำให้วาง Nokia Lumia 735 แทน)

lumia-830-stock1
น่าสนใจว่า Nokia Lumia 830 ซึ่งเพิ่งเปิดตัวได้เพียง 10 เดือนจะถึงช่วง end of life ค่อนข้างเร็ว ในขณะที่เจ้า Lumia 730/735 ที่เปิดตัวพร้อมๆกันยังคงจะทำตลาดต่อไป

หรือนี่เป็นสัญญาณของการมาถึงของรุ่นต่ออย่าง Lumia 840 ที่มีข่าวลือออกมาก่อนหน้านี้ก็เป็นได้

 

 
ความเห็นผู้เขียน

แต่ช่วง End of life นี้จะเป็นคนละช่วงกับ End of support นะครับ นั่นหมายความว่าอะไหล่ต่างๆของมือถือรุ่นนี้ และการบริการหลังการขายยังคงอยู่ เพียงแต่ยังไม่ชัดเจนว่าช่วงเวลาการบริการหลังการขายจะอยู่อีกนานแค่ไหน แต่โดยทั่วๆไปก็น่าจะยังอยู่อีกอย่างน้อยเป็นปีครับ

 

 

ที่มา: WMPoweruser

from:http://www.appdisqus.com/2015/08/12/lumia-830-reached-its-end-of-life.html

Windows 10 Mobile เตรียมปล่อย preview build ใหม่สัปดาห์นี้

หลังจากปล่อยให้ชาว Windows Insider บนมือถือรอมานาน ตอนนี้ Microsoft ก็พร้อมที่จะเดินหน้าโครงการทดสอบระบบ Windows 10 Mobile กันต่อแล้ว (หลังจากต้องหลีกทางให้กับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการของเวอร์ชั่นพีซีตลอดเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา)

ล่าสุดคุณ Gabriel Aul หัวหน้าทีม Windows Insider ได้ทวีตข้อความว่า ตอนนี้ทีมงานได้เลือก Build ที่เหมาะสมสำหรับปล่อยให้ผู้เข้าร่วมโครงการ Windows Insider แล้ว ซึ่งเลข Build number จะเป็น Build 105XX และจะปล่อยให้ใช้งานกันเร็วๆนี้ ซึ่งน่าจะไม่เกินสัปดาห์นี้

Gab tweet

 

น่าสนใจว่า ด้วยเลข Build number ที่กระโดดจาก Insider preview build ปัจจุบันอย่างมาก (ปัจจุบันเราอยู่ที่ build 10166) นั่นน่าจะทำให้เราสามารถคาดหวังการพัฒนาในหลายๆส่วนและบางทีอาจจะมีคุณสมบัติใหม่ๆให้ชาว Windows Insider ได้ทดสอบเล่นกันก็ได้ครับ

 

คอยติดตาม AppDisqus กันให้ดีๆ ถ้ามีความคืบหน้าเราจะรีบแจ้งให้เพื่อนๆทราบกันแน่นอนครับ

 

 

ที่มา: ทวีตเตอร์ Gabriel Aul (@GabeAul)

from:http://www.appdisqus.com/2015/08/12/next-windows-10-mobile-build-will-release-this-week.html

สี่เท้ายังรู้พลาด…ย้อนอดีตดูความพลาดจนเฟลของโฆษณามือถือจาก Apple, Samsung และ Microsoft

วันสองวันมานี้กระแสเรื่อง โฆษณา iPhone ตัวล่าสุดจาก DTAC ถือว่ากำลังได้รับความสนใจและถูกวิพากษ์วิจารณ์กันไปในวงกว้างทีเดียว แน่นอนว่าบางคนอาจไม่ได้รู้สึกอะไรกับโฆษณานั้นสักเท่าไหร่นัก แต่กับบางคนก็อาจรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโดนดูถูกหรืออะไรก็ตามจากโฆษณาเดียวกัน ทั้งนี้เนื่องมาจากหลายๆ ปัจจัยที่ทำให้คนเรารู้สึกแตกต่างกันไป และไม่ว่าจะรู้สึกแบบไหนก็คงไม่มีใครผิด แต่หากจะมีใครพลาดก็ต้องยกให้ DTAC เองที่ออกแคมเปญจ์โฆษณาที่ทำลายภาพ Feel Good ของตัวเองไปแบบนี้เสียได้ ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม (ตอนนี้โฆษณาเจ้าปัญหาโดยตั้งไว้เป็น Private แล้ว แต่หากใครอยากดูยังหาได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ตครับ)

Apple Samsung Microsoft Fail Ads

แน่นอนว่าไม่ใช่เพียงแต่ DTAC เท่านั้น ย้อนกลับไปเพียงไม่กี่ปี บริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกที่เป็นเจ้าของแบรนด์มือถือโดยตรงเองก็เคยพลาดให้ได้เกิดเป็นประเด็นกันไปบ้างแล้วเหมือนกัน วันนี้ APPDISQUS จะพาเพื่อนๆ มาย้อนรอยกลับไปดูโฆษณาและเหตุการณ์เหล่านั้นกันอีกหนเพื่อเตือนความจำและเพื่อเป็นกรณีศึกษาต่อไป

 

APPLE กับโฆษณา ‘แค่นิ้วโป้งเดียว’ สำหรับ iPhone 5

Apple ปล่อยโฆษณาชิ้นนี้ออกมาหลังจากเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนังถึงหน้าจอของ iPhone ที่ Apple ไม่ยอมอัพขนาดให้มันใหญ่ขึ้นบ้างเหมือนคู่แข่งรายอื่นๆ (และเหมือนที่ข่าวหลุดในช่วงนั้นโหมกะพรือกัน) แน่นอนว่า Apple เองนั้นก็มีเหตุผลของตัวเองในตอนนั้นว่าทำไมถึงไม่ยอมทำมือถือที่หน้าจอใหญ่กว่า 4 นิ้วขึ้นมา โดยเหตุผลนั้นก็ตามโฆษณาที่เห็นเลย นั่นก็เพราะขนาด 4 นิ้วสำหรับ Apple (อย่างน้อยๆ ก็ในตอนนั้น) คือขนาดที่เหมาะสมที่สุดแล้วที่คุณจะสามารถใช้ “นิ้วโป้งเดีย” ในการใช้งานมันนั่นเอง

แน่นอนว่าโฆษณาตัวนี้ของ Apple ดูมีเหตุผลมากจนช่วยกลบกระแสด้านลบเรื่องขนาดหน้าจอไปได้จนแทบมิด แต่ท้ายที่สุดแล้วเมื่อเวลาผ่านไป Apple ก็ปล่อย iPhone 6 (4.7 นิ้ว) และ iPhone 6 Plus (5.5 นิ้ว) ซึ่งมีหน้าจอขนาดใหญ่กว่า iPhone 5 และ iPhone 5S ขึ้นมาด้วยวลีเด็ดๆ ที่ว่า ‘Bigger than Bigger’ หรือ “ใหญ่กว่าไอ้ที่ใหญ่กว่าซะอีก”

อาวเห้ย…แล้วไหนบอกว่า 4 นิ้วมันคือหน้าจอมือถือที่สไลด์ได้ด้วยนิ้วโป้งนิ้วเดียวและเหมาะสมที่สุดแล้วไงล่ะเฮีย?

 

Samsung กับโฆษณา “มนุษย์กอดผนัง” สำหรับ Samsung Galaxy S5

สงครามระหว่าง Samsung และ Apple นั้นถือเป็นอะไรที่มีกันมาอย่างช้านานจริงๆ และ Samsung พยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้ iPhone ดูเป็นสินค้าที่ไม่ค่อยฉลาดเลือกนัก (คือพยายามแสดงให้เห็นในโฆษณากันอย่างตรงๆ ไม่อ้อมค้อมตลอด ใช้วิธีการประชาสัมพันธ์ลักษณะใกล้เคียงกันกับที่ DTAC ใช้และเป็นประเด็นในบ้านเราตอนนี้ หากแต่ที่ต่างคือบริบทของสังคมที่ยังไม่ถึงขั้นกดดันกันให้ต้องถอดโฆษณาขนาดนี้ และอีกเรื่องคือเป็นการโจมตีกันเองระหว่างแบรนด์สินค้า ไม่ได้มาจากบุคคลที่สาม) โดยในตอนที่ Samsung Galaxy S5 เปิดตัวนั้น Samsung เลือกที่จะใช้ประเด็นเรื่องแบตเตอร์รี่ที่ iPhone ไม่สามารถถอดแบตเตอร์รี่เปลี่ยนได้มาเป็นประเด็นสำคัญในการลดทอนความน่าใช้งานของ iPhone และเรียกขานคนใช้งาน iPhone ว่า ‘มนุษย์กอดผนัง (Wall Hugger)’

แน่นอนว่าทันทีที่โฆษณาชิ้นนี้ถูกปล่อยออกมาก็ได้ถูกนำไปใช้เป็นโฆษณาอ้างอิงค์กันทั่วว่าการที่ iPhone ไม่สามารถถอดแบตเตอร์รี่เปลี่ยนได้แถมยังต้องเสียบสายชาร์ตตลอดเวลานั้นเป็นเรื่องไม่ดีเอามากๆ…แต่ยังไม่ทันไร Samsung ก็เปลี่ยนไลน์ผลิตภัณฑ์ตัวเองมาเป็น Samsung Galaxy S6 พร้อมกับดีไซน์ใหม่เพื่อความบางและหรูหรามากยิ่งขึ้น ที่ทำให้ตัวเครื่อง “ไม่สามารถถอดฝาหลังออกมาเปลี่ยนแบตเตอร์รี่ได้อีกต่อไป”

ที่ดูเหมือนจะโชคร้ายกว่านั้นคือ S6 และ S6 Edge เหมือนจะเจอประเด็นสงครามดราม่าเรื่องแบตเตอร์รี่ที่ใช้งานได้ไม่ถึงวันหนักกว่า iPhone มากทีเดียว (ไม่ว่าจะเพราะระบบปฏิบัติการณ์ที่ยังจัดการเรื่องแบตเตอร์รี่ได้ไม่ดีนัก หรือจะเพราะผู้ใช้งาน Samsung ยังไม่ชินเหมือนผู้ใช้งาน iPhone ก็ตามแต่) แต่ที่แน่ๆ การกลืนน้ำลายตัวเองในครั้งนี้ของ Samsung ทำให้ค่ายมือถือยักษ์ใหญ่จากเกาหลีค่ายนี้ต้องสั่งถอดโฆษณาชุดนี้ออกจากช่องหลักบน Youtube ของตัวเองเลยทีเดียว แต่โชคยังดีที่จนถึงตอนนี้ ในช่องหลักของ Samsung ออสเตรเลียยังคงมีโฆษณาชิ้นนี้ให้เราได้เห็นกันอยู่

แหม่…มาเถิดมาเรามาร่วมใจ มาเป็น ‘มนุษย์กอดผนัง’ ไปโดยพร้อมเพียงกัน

 

Microsoft (Nokia Lumia Series) กับโฆษณา “ถ้ารู้จักฉัน…เขาจะยังตีกันอยู่ไหม?” สำหรับมือถือ Nokia Lumia

Microsoft เข้าใจเลือกจับกระแสแฟนบอยระหว่างค่ายของ Apple และ Samsung มาเป็นประเด็นในการทำโฆษณากัดเลือดสายแต่ตลกน่ารักชิ้นนี้ของตัวเองได้เป็นอย่างดี…หากไม่มาพลาดตกม้าตายเอากับเรื่องที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น…

หลังจากที่โฆษณาชิ้นนี้ถูกเผยแพร่ออกไป กระแสวิจารณ์ในโลกออนไลน์จากทั้งกลุ่มคนที่ใช้ Windows Phone และกลุ่ม iPhone และ Samsung เองต่างก็พุ่งเป้าไปที่เรื่องของโพสิชั่นของมือถือ Lumia ที่ทาง Microsoft วางเอาไว้ โดยโฆษณาชิ้นนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าทำให้ Lumia กลายเป็นโทรศัพท์แบรนด์ที่มีโพสิชั่นตลาดล่างเมื่อเทียบกับ Samsung และ Apple โดยในโฆษณานั้นถ่ายทอดให้เห็นว่าผู้ที่มาเข้าร่วมงานและดูเป็นผู้ลากมากดีชีวิตดูจริงจังทั้งหลายต่างก็ใช้ iPhone กันทั้งหมด ในขณะที่ชายอีกสองคนที่ดูเป็นกลุ่มคนทำงานทั่วไปที่รักสนุกก็ใช้ Samsung ส่วนมือถือ Lumia เองนั้นเปิดเผยมาในฉากสุดท้ายว่าใช้โดยบริกรในงานแต่งงานทั้งสองคน

การวางโพสิชั่นของ Lumia ในโฆษณาชุดนี้ทำให้คนวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นาๆ ยาวไปจนถึงเรื่องของชนชั้นวรรณะทางสังคมเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีผู้คาดการณ์อีกด้วยว่าเพราะภาพพจน์ที่เกิดจากโฆษณาชิ้นนี้นี่เองที่ทำให้ Lumia ไม่สามารถทำตลาดบนได้สำเร็จ ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว APPDISQUS คงต้องบอกว่าการใช้มือถือมันไม่ได้บ่งบอกสถานะทางสังคมอะไรเลยนะจ๊ะ แต่ก็คงไม่ผิดหากจะมีใครคิดเห็นไปในแนวทางนั้น

 

 

 

จากตัวอย่างข้างต้นที่เราพาไปย้อนรำลึกกันนี้จะเห็นได้ว่า ไม่ว่างานจะออกมาในลักษณะไหน โอกาสที่จะเป็นที่ชื่นชมหรือจะสร้างความไม่พออกพอใจกับใครสักกลุ่มหนึ่งนั้นมันมีความเป็นไปได้เสมอ แต่ทั้งนั้นทั้งนั้นแบรนด์เองก็ต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมของโฆษณาสักชิ้นด้วย เพราะมันเปรียบเสมือนหน้าตาของตัวเองล้วนๆ เช่นเดียวกับคนทำโฆษณาที่หลังจากนี้คงต้องไตร่ตรองให้รอบคอบมากยิ่งขึ้นเพื่อกันผลเสียที่จะขึ้นต่อทั้งแบรนด์และทั้งชื่อของคนทำโฆษณาเองนั่นล่ะครับ

โลกโซเชียลสมัยนี้ไปไว และเมื่อมันไปแล้วก็เหมือนดั่งไฟลามทุ่ม จะปรามมันนั้นเหรอก็ยากมากทีเดียว แต่ยังไงเราคนใช้คนเสพโลกโซเชียลเองก็ต้องเหลือพื้นที่ไว้ให้กับคนอื่นๆ ได้แก้ไข แก้ตัว หรือพัฒนาด้วยเหมือนกันนะครับ อย่าเอาความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเพียงครั้งมาตัดสินภาพลักษณ์โดยรวมของคนหรือแบรนด์ๆ ใดทั้งหมดล่ะ เพราะจะเห็นได้ว่า แม้แต่แบรนด์ที่คุณรัก (ไม่ว่าจะแบรนด์ไหน) ต่างก็เคยผิดพลาดมาด้วยกันแล้วทั้งนั้นนะครับ

from:http://www.appdisqus.com/2015/08/11/apple-samsung-microsoft-failed-advertisement.html

Cortana สำหรับ Android สามารถใส่ในปุ่ม Home แทน Google Now ได้แล้ว!!

 

หลังจากที่ Microsoft ทำแผนการตลาดเชิงรุก ส่งบริการต่างๆ ของตัวเองลงในระบบปฏิบัติการอื่นๆ มากขึ้น ทั้ง Android, iOS หรือ Mac OS โดยไม่คำนึงว่าจะเป็นคู่แข่งกันหรือไม่ ซึ่งมีบริการหนึ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก นั่นคือ ระบบผู้ช่วยส่วนตัวที่สามารถพูดคุยโต้ตอบกับเราได้เหมือนกับ Siri ซึ่งเธอมีชื่อว่า Cortana เป็นระบบหรือแอพฯ ที่ชาว Windows ใช้งานกันมานานพอสมควรแล้ว แต่ไม่นานมานี้ Microsoft ก็ส่ง Cortana เวอร์ชั่น Beta ให้ชาว Android ได้ใช้งานกัน

cortana google now

 

 

สำหรับเวอร์ชั่นล่าสุด Cortana Beta (1.0.0.204) ก็สามารถใส่ลงในปุ่ม Home โดยการกดค้างแทน Google Now ได้แล้วครับ ไม่ว่าจะใส่แบบชั่วคราวหรือถาวร โดยวิธีการนั้นก็ไม่ยุ่งยาก เพียงติดตั้ง Cortana Beta (1.0.0.204) จากไฟล์ APK แล้วกดปุ่ม Home ค้าง และลากขึ้นไปปุ่มวงกลม เหมือนที่เราเรียกใช้ Google Now แล้วเครื่องก็จะให้เราเลือกว่าจะใช้งาน Cortana หรือ Google เท่านี้เราก็จะไดสนุกกับ Cortana ได้ง่ายขึ้นมากครับ

 

ที่มา: engadget

from:http://www.appdisqus.com/2015/08/11/cortana-replace-google-now.html

[บทความแปล] Microsoft Translator กับ Google Translate การแข่งขันครั้งใหม่ที่จะเกิดขึ้น

สำหรับ Microsoft Translator นั้นแน่นอนว่ามันไม่ใช่บริการแปลบริการแรกของโลกหรือในสมาร์ทโฟนครับ แต่ต้องบอกว่า Microsoft Translator ถือเป็นบริการแรกที่หากนำมาวัดกับ Google Translate แล้วมีความสูสีกันค่อนข้างมากทีเดียวครับ ซึ่งคงไม่แปลกอะไรที่จะต้องมีคนถามแน่ๆว่าบริการอันไหนดีกว่ากัน วันนี้เราจึงถือโอกาสมาพูดถึงระหว่าง Microsoft Translator กับ Google Translate ให้ชัดๆครับ ไปดูกันว่าทั้งคู่นั้นมีความแตกต่างหรือความคล้ายคลึงกันในส่วนไหนบ้าง

ap_resize

วิธีการที่แตกต่าง

อย่างที่เราเคยเห็นว่าหลายแอพของ Microsoft นั้นมักจะใส่ใจในเรื่องของการออกแบบ Interface ซึ่งสำหรับ Translator ของ Microsoft ก็เป็นอีกหนึ่งแอพครับที่ทาง Microsoft สามารถทำออกมาได้อย่างดีทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของหน้าจอเริ่มต้นของแอพหรือไอคอนนั้นถูกออกแบบมาได้อย่างทันสมัยและสวยงาม ถึงแม้ว่าในส่วน “Recent” และ “Pinned” อาจจะดูเรียบง่ายไปหน่อยหากเทียบกับส่วนอื่นๆของการใช้งานก็ตาม นอกจากนี้ในส่วนอื่นๆของแอพก็ทำออกมาได้น่าใช้งานดีทีเดียวครับ

1439252420056

แน่นอนว่าแอพ Translator แบบนี้สิ่งที่ทาง Microsoft จะโฟกัสและมุ่งเน้นมากที่สุดก็คือเรื่องของความเรียบง่ายและสามารถเข้าถึงได้ง่ายในส่วนของฟีเจอร์สำคัญๆต่างๆ แตกต่างจากทาง Google Translate ครับ

1439252433748

หากว่าเราไม่พูดถึงหน้าจอ UI ของ Google Translate หรือหน้าจอเริ่มแรกของแอพนั้น แอพ Google Translate ก็ถือเป็นแอพที่ทำได้ถูกต้องแล้วล่ะครับ เพราะแน่นอนว่าผู้ใช้จะเปิดแอพนี้ขึ้นมาในเวลาที่ต้องการแปลเท่านั้น ซึ่ง Google ก็ทราบถึงจุดนี้ดี จึงเห็นได้ว่าแอพ Google Translate ไม่มีความสวยงามเทียบเท่ากับ Microsoft Translate

ในส่วนออพชั่นการทำงานต่างๆของแอพจะเป็นแบบที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายและยังมาพร้อมกับความรวดเร็วและประสิทธิภาพในการทำงานที่สูงครับ

ความคล้ายคลึงที่มากกว่าที่คุณคิด

ความคล้ายคลึงกันของทั้ง Microsoft และ Googel ก็คือความเข้าใจในส่วนของแอพที่จะนำมาใช้ในการแปลนั่นเองครับว่าแอพที่ใช้สำหรับการแปลมีอะไรที่จำเป็นจะต้องมีบ้าง ไม่ว่จะเป็นส่วนของการแปลจากข้อความหรือการแปลจากเสียงพูดก็ถือเป็นฟีเจอร์สำคัญสำหรับแอพแปล และเมื่อมีผู้ใช้ได้ทำการแปลไม่ว่าจะแปลเสียงพูดหรือแปลจากตัวหนังสือก็ตาม ทั้งสองแอพจะสามารถรับฟังคำแปลออกมาเป็นเสียงได้เช่นเดียวกันครับ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ในแบบ Fullscreen ได้ด้วย เผื่อว่าเราต้องคุยกับคนแปลกหน้า จะทำให้เราโชว์คำแปลดังกล่าวโดยไม่มีสิ่งรบกวนได้ชัดเจนขึ้นครับ นอกจากนี้ทั้งคู่ยังสามารถย้อนกลับไปดูสิ่งที่แปลล่าสุดได้ใน “Recent” และยังสามารถตั้ง Favorite ให้คำต่างๆเหล่านั้นได้ด้วยครับ หากเราเห็นว่ามันเป็นคำที่ใช้บ่อย

1439252441910

การสนทนาสด

นอกจากที่เราจะสามารถแปลคำศัพท์ต่างๆจากภาษาหนึ่งไปอีกภาษาหนึ่งได้แล้ว สำหรับ Google Translate ยังมีฟีเจอร์ที่จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้แอพเพื่อแปลบทสนทนาที่มีผู้พูด 2 คน พูดคนละภาษาได้โดยอัตโนมัติด้วย เรียกว่าเป็นแอพที่มีประโยชน์มากๆครับ เพราะในบางครั้งที่เราจำเป็นต้องสื่อสารกับใครสักคนที่พูดกันคนละภาษา แอพนี้จะช่วยเราได้อย่างมากครับเหมือนกับเรามีล่ามส่วนตัวพกติดตัวไปด้วยตลอดเวลาทีเดียว

และแน่นอนว่าบริการในส่วนของการแปลนี้เป็นอะไรที่สะดวกและง่ายสำหรับทุกคนครับ เพราะหากว่าเราไม่ได้มีเงินมากมายขนาดที่จะไปจ้างล่ามหรือไกด์มาเดินตามติดตัวเราตลอดเวลาแล้วล่ะก็ บริการฟรีๆแบบนี้ก็ถือว่าใช้ได้ทีเดียวครับ ถึงแม้ว่าบางครั้งอาจจะมีการแปลหรือการจัดเรียงประโยคที่ผิดพลาดไปบ้างก็ตาม ก็ยังดีกว่าที่เราจะไม่มีเครื่องมืออะไรไว้ช่วยเราจริงไหมครับ

 

1439252458349

ทั้งนี้สิ่งที่ Google Translate สามารถทำได้ดีกว่าทาง Microsoft Translate ก็คือแอพแปลของทาง Microsoft ไม่สามารถที่จะสลับภาษาในการแปลได้ในทันทีครับ เช่นหากเราเลือกที่จะแปลไทยเป็นอังกฤษ เราจะไม่สามารถกลับมาเลือกแปลอังกฤษเป็นไทยได้ในทันทีครับ ซึ่งแตกต่างจากของ Google อย่างชัดเจน

ภาพและการเขียนด้วยลายมือ

นอกจากโหมดของการแปลจากคำพูดและการแปลคำศัพท์ต่างๆที่ถูกพัฒนาให้ดีขึ้นแล้ว Google Translate ยังสามารถที่จะแปลคำศัพท์ต่างๆจากรูปภาพและการเขียนด้วยลายมือได้อีกด้วย โดยเฉพาะในส่วนของการแปลจากลายมือนั้นจะเป็นประโยชน์มากครับหากเรานำมาใช้กับภาษาที่มีตัวอีกษรที่ค่อนข้างอลังการอย่างภาษาจีน นอกจากนี้ในโหมดของการแปลจากรูปภาพนั้นเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา Google ได้ซื้อ Word Lens เข้ามาช่วยเสริม จึงทำให้การแปลจากรูปภาพเป็นอะไรที่เหมาะมากๆครับสำหรับนักท่องเที่ยวหรือผู้ที่ต้องเดินทางไปต่างแดนบ่อยๆ เพราะเพียงแค่เราทำการใช้กล้องหันไปทางป้ายหรือข้อความที่เราต้องการอยากจะรู้ความหมาย มันก็จะทำการแปลให้เราโดยอัตโนมัติเลยครับ ไม่จำเป็นต้องถ่ายหรือพิมพ์คำต่างๆลงไปในแอพแปลด้วยซ้ำ

1439252464938

การใช้งานในโหมด Offline

อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นประโยชน์มากๆสำหรับการใช้งาน Google Translate คือโหมดออฟไลน์ครับ เพราะเราจะสามารถดาวน์โหลดภาษาต่างๆที่เราต้องการใช้มาเก็บไว้ในเครื่องได้เลย (ไม่ทั้งหมดจากทั่วโลก แต่ส่วนใหญ่มีครับ) ซึ่งทำให้เราสามารถใช้งานการแปลโดยไม่จำเป็นต้องมีการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้นั่นเอง และนอกจากนี้มันยังสามารถทำงานร่วมกับฟีเจอร์ Live Camera หรือการแปลจากรูปภาพได้อีกด้วย ทั้งนี้จะเป็นอะไรที่ช่วยเราได้เยอะจริงๆครับในการไปท่องเที่ยวประเทศที่เรารู้อยู่แล้วว่าจำเป็นต้องใช้ภาษาอะไร

1439252472992

และมากไปกว่านั้น

ยังมีอีกหลายๆสิ่งที่มีใน Google Translate แต่ไม่มีใน Microsoft Translate ครับ

  • เวลาที่พิมพ์คำศัพท์ต่างๆ Google Translate จะสามารถอ่านออกเสียงคำที่เราพิมพ์ออกมาได้ หากว่าเราไม่แน่ใจว่าคำศัพท์ที่เราพิมพ์นั้นออกเสียงอย่างไรครับ
  • Google Translate สามารถแชร์คำที่เราแปลไปแอพอื่นๆได้

1439252483372

  • สามารถซิงค์ข้อมูลที่เราตั้งค่าไว้เป็น Favorite ในแอพแปลไปยังอุปกรณ์อื่นๆของเราได้ ดังนั้นเราจะสามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดาย1439252492098
  • หากว่าเราเลือกภาษาผิด Google Translate จะสามารถเดาได้ว่าจริงๆแล้วเราต้องการแปลเป็นภาษาอะไร จากนั้นมันก็จะถามเราว่าต้องการเปลี่ยนไปเป็นภาษาที่เราต้องการแปลไหมครับ
  • Google Translate มีฟีเจอร์ที่ทำให้เราสามารถสลับภาษาไปมาได้ อย่างเราเลือกแปลจากภาษา A ไปเป็นภาษา B แล้วจะสามารถสลับจากภาษา B มาภาษา A ได้เช่นกัน

1439252499982

  • Google Translate สามารถแปล SMS ที่ได้รับได้ในทันทีแทนที่เราจะต้อง Copy ข้อความเหล่านั้นไปในแอพแปลครับ1439252507934
  • Google Translate จะมาพร้อมกับดิคชันนารี่ในตัวครับ ซึ่งทำให้เราเห็นการแปลในหลายๆความหมาย อย่างที่เรารู้กันว่าคำหนึ่งคำสามารถทำหน้าที่ได้หลายอย่างรวมทั้งแปลได้หลายความหมายนั่นเองครับ

1439252521437

ภาษาที่รองรับ

หากมองในแง่ความหลากหลายของภาษาแล้ว Google จะเหนือกว่าครับเพราะมันรองรับการแปลจากการพิพม์คำศัพท์ทั้งหมด 90 ภาษา และรองรับการแปลจากเสียงพูดอีก 40 ภาษา และในโหมดของการแปลรูปภาพอีก 26 ภาษาครับ นอกจากนี้ยังรองรับการแปลภาษาท้องถิ่นในบางภาษาอีกด้วยครับ (อราบิค,จีน,อังกฤษ,โปรตุเกส,สเปน)

1439252531803

เปรียบเทียบกับ Microsoft Translator ที่รองรับการแปลจากการพิมพ์คำศัพท์ทั้งหมด 50 ภาษา แน่นอนว่าจะต้องแปลผ่านเสียงพูดได้น้อยกว่านั่นเองครับ

ความแม่นยำของการแปล

ในส่วนของความถูกต้องของการแปลนั้น หากทำการทดสอบโดยพิมพ์คำศัพท์ลงไปเพียงคำเดียว สำหรับ Google ผลลัพธ์ที่ได้มาเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมเสมอครับ อย่างที่เราบอกไว้ก่อนหน้านี้คือ Google Translate มันมาพร้อมกับดิคชั่นนารีนั่นเอง

ส่วนของการแปลประโยคสั้นๆตรงนี้ทาง Microsoft สามารถทำได้ดีกว่าครับ อย่างที่จะเห็นจากในรูปด้านล่างว่าทาง Google แปลเป็น ne est แทนที่จะเป็น n’est เพราะปกติแล้วจะต้องใช้คำว่า n’est ครับถึงจะถูกต้อง

1439252585147

แต่บางครั้ง Microsoft กลับสับสนในเรื่องของ Tense โดยไม่มีเหตุผล และบางครั้ง Google ก็แปลศัพท์เอกพจน์และพหูพจน์แบบมั่วๆเช่นกัน

1439252591749

นอกจากนี้ Microsoft ยังสามารถเข้าใจในส่วนของการแปลชื่อหรือคำนามเฉพาะเจาะจงที่ขึ้นต้นด้วยตัวใหญ่ได้ถูกต้องกว่า แต่ Google กลับพยายามจะแปลคำศัพท์เหล่านั้นซะอย่างนั้นครับ

อย่างคำว่า Android Police ที่จริงๆแล้วไม่ต้องการให้แปล แต่ Google กลับแปลครับ แถมยังไปเปลี่ยนตัวพิมพ์ใหญ่ที่อยู่หน้าคำเสียอีก

1439252602170

นอกจากนี้หากลองทดสอบกับประโยคที่มีความยาวมากขึ้นทั้ง Microsoft และ Google กลับทำได้ไม่ดีทั้งคู่ครับ เริ่มจะแปลผิดออกมาให้เห็นกันบ่อยขึ้น พูดง่ายๆว่าทั้งทางฝั่งของ Google และ Microsoft ทำได้ไม่ดีนักในส่วนของการแปลประโยคยาวๆ

1439252621010

แต่ทั้งนี้ต้องบอกไว้ด้วยว่าเป็นเพียงการทดสอบเท่านั้นนะครับ สำหรับการแปลของ 3 ภาษาที่นำมาทดสอบ ไม่แน่ในภาษาอื่นๆอาจทำได้ดีกว่านี้ แต่อย่างไรก็ตาม Google ดูจะได้เปรียบในส่วนของการแปลคำศัพท์คำเดียวครับ

การแปลผ่านนาฬิกา

สำหรับแอพ Microsoft Translator นั้นจะเป็นแอพที่รองรับการทำงานร่วมกับ Android Wear ได้ด้วยครับ ซึ่งแน่นอนว่ามันจะสามารถใช้ฟีเจอร์ได้เหมือนกับการใช้งานผ่านสมาร์ทโฟนเลย แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เหมือนกันคือมันจะไม่สามารถอ่านออกเสียงผ่านทางอุปกรณ์ Wearable ได้ครับ คือเสียงจะไปออกทางสมาร์ทโฟนแทน อาจจะทำให้เราสับสนนิดหน่อยครับ

1439252630349

แน่นอนว่าสำหรับฟีเจอร์นี้มันช่วยได้เยอะเลยครับ โดยเฉพาะใครที่พูดได้หลายภาษา(ตั้งแต่ 2 ภาษาขึ้นไป) การได้ใช้ฟีเจอร์การแปลผ่านทางนาฬิกาที่อยู่ตรงข้อมือ ถือเป็นอะไรที่สะดวกมากๆ เพราะไม่จำเป็นต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก็สามารถแปลผ่านทางนาฬิกาอย่างรวดเร็วได้เลยครับ

1439252637847

แต่สำหรับการใช้งานในส่วนของการแปลในระหว่างสนทนานั้นอาจจะไม่ได้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานเท่าไรนักในตอนนี้ เพราะเรายังต้องทำการสลับภาษาไปมาด้วยตัวเอง คือมันจะไม่เปลี่ยนภาษาให้เ่ราโดยอัตโนมัติครับ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาใช้น่าจะสะดวกกว่า

1439252644438

อีกสิ่งหนึ่งคือตอนนี้ทาง Google Translate ยังไม่มีแอพสำหรับอุปกรณ์ Wearable ครับ แต่มันก็สามารถแปลได้หากเราพูดว่า “OK Google”ก่อนจากนั้นก็บอกไปว่า translate ยกตัวอย่างเช่น Translate I am having such a great day to French,” หรือ “how do you say You’re so nice in Spanish” มันก็จะทำการแปลให้เราและแสดงผลลัพธ์เป็นการ์ดข้อความให้เราครับ ทั้งนี้มันจะไม่เข้าใจภาษาอื่นที่เราไม่ได้ใช้ในการออกคำสั่ง OK Google นะครับ

สรุป

หากมองกันตอนนี้ก็คงต้องบอกว่าทาง Google Translate ยังเหนือกว่า Microsoft Translator ในหลายๆฟีเจอร์ แต่ก็ต้องไม่ลืมว่ามันยังเป็นแค่การเริ่มต้นของ Microsoft เท่านั้นครับ ในอนาคตอาจมีการใส่ฟีเจอร์อื่นๆเข้ามาอีกมากมาย รวมทั้งน่าจะมีอีกหลายๆภาษาที่จะต้องเพิ่มเข้ามา ในบทความนี้เราไม่ได้จะบอกว่า Microsoft Translator ไม่ดี เพียงแต่ ณ ตอนนี้ Google Translate ถูกพัฒนาไปมากกว่าครับ

นอกจากนี้ในส่วนของความถูกต้องในการแปล จริงๆแล้วต้องเป็นตัวคุณเองครับที่จะต้องทำการทดสอบมัน เพราะสำเนียงหรือภาษาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะของเราจริงๆแล้วเป็นภาษาไทย ฉะนั้นการทดลองเองน่าจะดีกว่าครับ ทั้ง 2 แอพปล่อยให้เราดาวน์โหลดมาใช้กันฟรีๆอยู่แล้ว ดังนั้นเราก็ไม่ได้เสียอะไรเลย อาจจะต้องเสียเวลาที่ต้องมาทดสอบนิดหน่อยเท่านั้นครับ ซึ่งเรามองว่ามันคุ้มค่ามากที่จะทำการทสอบ แต่หากใครที่้ต้องการจะติดตั้งไว้ทั้ง 2 แอพก็ไม่ได้ผิดอะไรครับ เพราะบางครั้งการแปลจากแต่ละแหล่งที่มาอาจจะได้มาซึ่งความหมายของคำศัพท์ที่แตกต่างกันครับ

 

ดาวน์โหลด Google Translate

ดาวน์โหลด Microsoft Translator

ที่มา : Androidpolice

from:http://www.appdisqus.com/2015/08/11/microsoft-translator-and-google-translate-compared-is-there-a-new-challenger-in-the-house.html