คลังเก็บป้ายกำกับ: SMART_DISPLAY

Google ประกาศหยุดอัพเดต Assistant ของ Smart Display ผู้ผลิต 3rd Party หลายรุ่น

กูเกิลประกาศหยุดออกอัพเดตซอฟต์แวร์ ให้กับอุปกรณ์หน้าจอสัมผัส (Smart Display) ของผู้ผลิต 3rd Party โดยระบุไว้ในหน้าซัพพอร์ตของวิธีการโทรออกหรือรับสาย Duo ผ่านอุปกรณ์ดังกล่าว ว่าอุปกรณ์ที่จะได้ไม่รับอัพเดตได้แก่ Lenovo Smart Display (รุ่น 7″, 8″ และ 10″), JBL Link View และ LG Xboom AI ThinQ WK9 Smart Display

กูเกิลเปิดตัว Google Assistant บน Smart Displays ตั้งแต่ปี 2018 และผู้ผลิตก็เริ่มวางขายหน้าจอออกในปีนั้น อย่างไรก็ตามกูเกิลได้ปรับโฟกัสสินค้ากลุ่มดังกล่าว โดยเฉพาะการประกาศยุติโครงการ Android Things ที่มีผลต่อสินค้าสมาร์ทโฮม

อย่างไรก็ตาม ประกาศของกูเกิลนี้ว่าด้วยการหยุดออกอัพเดตเท่านั้น อุปกรณ์เหล่านี้จึงน่าจะยังใช้งานได้ต่อไประยะเวลาหนึ่ง แต่กูเกิลไม่การันตีคุณภาพการทำงานแล้วนั่นเอง

ที่มา: 9to5Google

from:https://www.blognone.com/node/133353

เบื้องหลัง Meta เลิกทำจอ Portal เพราะตลาดไม่ใหญ่พอ เคยเกือบขายให้ Amazon แต่ดีลล่ม

Andrew Bosworth ซีทีโอของ Meta ให้สัมภาษณ์ Buzzfeed เล่าถึงเบื้องหลังการปิดแผนกหน้าจออัจฉริยะ Portal เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2022 ที่เกิดขึ้นพร้อมการปลดพนักงานรอบใหญ่ของบริษัท

Bosworth บอกว่า Portal ขายดีเป็นหลักล้าน (millions) โดยกลุ่มลูกค้าหลักคือผู้หญิงและคนอายุมากกว่า 40 ปี แต่บริษัทตัดสินใจปิดธุรกิจนี้เพราะไม่คิดว่ามันจะใหญ่ไปกว่านี้อีกมากนัก เมื่อบริษัทต้องปรับโฟกัสธุรกิจจึงไม่มีทางเลือกนอกจากเลิกทำ ซึ่งเขาบอกว่าเสียใจมากในเรื่องนี้ แต่ก็เปรียบเทียบกับอุปกรณ์สมาร์ทโฮมประเภทอื่นๆ ว่าไม่ได้มียอดขายเยอะอย่างที่ทุกคนคาดไว้ตอนแรกเช่นกัน

นอกจากนี้ Bosworth ยังเปิดเผยว่า Meta เกือบขายเทคโนโลยีของ Portal ให้ Amazon (ที่มีอุปกรณ์แบบเดียวกันคือ Echo Show) ช่วงกลางปี 2020 แต่ดีลล่มไปก่อน ด้วยเหตุผลว่าตอนนั้นเกิด COVID พอดี ยอดขาย Portal เลยกลับมาพุ่งทะยาน ทำให้บริษัทพับแผนการขายไปในตอนนั้น (ภายหลังเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย ยอดขายของ Portal ก็ลดลง)

Bosworth เล่าว่าบทเรียนสำคัญของการทำ Portal คือถึงแม้มันเป็นสินค้าที่ดี ผู้ใช้ชอบ แต่การขายอุปกรณ์ที่มีความสามารถวิดีโอคอลล์ได้เหมือนกับบนมือถือ (แต่สะดวกเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย) เป็นเรื่องไม่ง่ายเลย

ที่มา – Buzzfeed

from:https://www.blognone.com/node/132312

[ลือ] Apple กำลังพัฒนา Smart Display ควบคุมอุปกรณ์ในบ้าน หวังแข่งกับ Amazon, Google Nest

ข่าวลือสินค้าใหม่แอปเปิลวันนี้มาจาก Mark Gurman แห่ง Bloomberg คนเดิม เขาให้ข้อมูลว่าแอปเปิลกำลังพัฒนาหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะ (Smart Display) ซึ่งพัฒนามาจาก iPad แต่มีฟังก์ชันสำหรับควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ ในบ้าน เช่น เทอร์สแตท ไฟ ตลอดจนเล่นวิดีโอ หรือ FaceTime ซึ่งอุปกรณ์นี้มีแม่เหล็กยึดเกาะ สามารถติดตั้งได้ตามจุดต่าง ๆ ในบ้าน รูปแบบจึงไม่เหมือนกับ iPad

ปัจจุบัน iPad เอง สามารถใช้งานสำหรับควบคุมอุปกรณ์สมาร์ทโฮมได้อยู่แล้ว แต่ปัจจุบันคู่แข่งในตลาดมีการพัฒนาจออัจฉริยะสำหรับควบคุมโดยเฉพาะ เช่น Echo Show ของ Amazon หรือ Nest Hub ของกูเกิล ความท้าทายของแอปเปิลคืออุปกรณ์เหล่านี้เน้นการสั่งงานด้วยเสียง ซึ่งทั้ง Alexa และ Google Assistant มีผู้ใช้งานจำนวนมากกว่าเมื่อเทียบกับ Siri ของแอปเปิล

ในรายงานนี้ Gurman ยังพูดถึง Apple TV รุ่นใหม่ด้วย โดยบอกว่าจะมีออกมาในครึ่งแรกของปีหน้า 2024 ดีไซน์เดิม เป็นการอัพเกรดสเป็ก

ที่มา: Bloomberg

No Description

from:https://www.blognone.com/node/132301

Amazon เปิดตัว Echo Show 15 กรอบรูปอัจฉริยะติดกล้องหน้า ใช้เป็นทีวีดูหนังได้

Amazon เปิดตัวหน้าจออัจฉริยะรุ่นใหม่ Echo Show 15 ขยายจอใหญ่เป็น 15.6″ 1080p Full HD และสามารถวางแขวนผนัง ทำเป็นกรอบรูปอัจฉริยะที่มีกล้องหน้า

Echo Show 15 ยังปรับอินเทอร์เฟซใหม่ให้โชว์ข้อมูลสำคัญๆ ของบ้านตลอดเวลา เช่น ปฏิทิน สภาพอากาศ โน้ต ดูภาพจากกล้องวงจรปิด เมื่อบวกกับการที่หน้าจอใหญ่ถึง 15″ สามารถใช้ดูหนังแทนทีวีได้เลย รองรับสตรีมมิ่งอย่าง Amazon Prime/Netflix และใช้เป็นกรอบรูปดิจิทัลได้

สเปกภายในของ Echo Show 15 ใช้ชิป Amazon AZ2 Neural Edge ที่พัฒนาขึ้นจากชิป AZ1 ที่ใช้ใน Echo Show 10 มีความสามารถด้านประมวลผล AI สูงขึ้น ทำให้ Echo Show 15 ได้ฟีเจอร์ใหม่คือ Visual ID ใช้กล้องสแกนบุคคลที่อยู่หน้ากล้อง และปรับการแสดงผลข้อมูลให้ตรงกับบุคคลนั้นๆ ได้

Echo Show 15 วางขายในราคาตัวละ 249.99 ดอลลาร์

No Description

No Description

No Description

No Description

ที่มา – Amazon

from:https://www.blognone.com/node/124994

หน้าจออัจฉริยะ Nest Hub รุ่นที่สองมาแล้ว มีเซ็นเซอร์ Soli ในตัว ตรวจคุณภาพการนอนได้

กูเกิลเปิดตัวหน้าจออัจฉริยะ Nest Hub รุ่นที่สอง (รุ่นแรกออกในปี 2018 ตอนนั้นใช้ชื่อ Google Home Hub) มีฟีเจอร์เด่นคือใส่เซ็นเซอร์ Soli แบบเดียวกับ Pixel 4 ลักษณะเดียวกับที่ใช้ใน Nest Thermostat รุ่นล่าสุด

การมีเซ็นเซอร์ Soli ทำให้ Nest Hub รุ่นใหม่สามารถสั่งงานด้วย gesture ได้ เช่น โบกมือใกล้เครื่องเพื่อสั่งหยุดเพลง และมีฟีเจอร์ตรวจสอบการนอน (Sleep Sensing) ว่าการนอนมีคุณภาพแค่ไหน โดยไม่ต้องใช้กล้องหรืออุปกรณ์สวมใส่เลย เมื่อบวกกับเซ็นเซอร์อื่นๆ และไมโครโฟนของเครื่อง ยังสามารถเช็คความเคลื่อนไหว การหายใจ สามารถตรวจจับการไอ กรน การเปลี่ยนแปลงของแสง-อุณหภูมิในห้องได้ด้วย

กูเกิลบอกว่าฟีเจอร์ Sleep Sensing ไม่ได้เปิดใช้เป็นค่าเริ่มต้น และไม่ได้ส่งข้อมูลกลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ของกูเกิลด้วย ฟีเจอร์นี้จะคิดเงินในอนาคต แต่จะเปิดให้ใช้ฟรีไปจนถึงปีหน้า และอนาคตจะพัฒนาให้ใช้ร่วมกับระบบตรวจสอบการนอนของ Fitbit ด้วย

No Description

อีกอย่างที่ Nest Hub รุ่นที่สองปรับปรุงขึ้นจากเดิมคือระบบเสียง ที่ใช้เทคโนโลยีเดียวกับลำโพง Nest Audio รุ่นล่าสุด มีเสียงเบสเพิ่มขึ้นจากรุ่นแรก 50%

Nest Hub รุ่นที่สองยังมีชิป machine learning ในตัว (เช่นเดียวกับ Nest Mini และ Nest Audio) ช่วยให้ประมวลผลคำสั่ง Google Assistant ได้เร็วขึ้น ไม่ต้องส่งคำสั่งไปศูนย์ข้อมูลของกูเกิลก่อน

Nest Hub เริ่มเปิดพรีออเดอร์แล้ว ราคาตัวละ 99.99 ดอลลาร์ ถูกลงจากรุ่นแรกที่ตั้งราคา 149 ดอลลาร์

ที่มา – Google

from:https://www.blognone.com/node/121714

หมดยุคแปะโน้ตบนตู้เย็น กูเกิลเพิ่มฟีเจอร์ “แปะโน้ตดิจิทัล” บนหน้าจอ Smart Display

ในอดีตเราอาจคุ้นเคยกับการแปะกระดาษโน้ตไว้บนตู้เย็น เพื่อส่งข้อความบอกสมาชิกภายในบ้าน (เช่น “ข้าวเย็นอยู่ในตู้”) พอมาถึงยุคที่บางบ้านเริ่มมีหน้าจออัจฉริยะ (Smart Display) วางไว้เป็นคอมพิวเตอร์ส่วนกลางในห้องนั่งเล่นหรือในครัว กูเกิลจึงเพิ่มฟีเจอร์ Family Notes ให้เป็นการแจ้งเตือนแบบเดียวกัน

รูปแบบของ Family Notes เป็นเหมือนการแปะโน้ตยุคก่อนทุกประกาศ แต่แทนที่จะแปะไว้หน้าตู้เย็นหรือประตู ก็เปลี่ยนมาแสดงบนหน้าจอ Smart Display แทน ส่วนวิธีการเขียนโน้ตก็สามารถสั่งงานด้วยเสียง เช่น “Hey Google, leave a family note that says defrost the pie” ได้เลย

No Description

หน้าจอ Smart Display สายกูเกิลยังมีฟีเจอร์อีกตัวคือ Family Bell หรือประกาศเตือนสำหรับสมาชิกในบ้าน (เช่น “หมดเวลาเล่นแล้ว อาบน้ำกินข้าวได้”) ซึ่งสามารถประกาศได้ทั้งทางเสียงผ่านลำโพง แสดงข้อความบนหน้าจอ Smart Display รวมถึงขึ้นเตือนในสมาร์ทโฟน

ฟีเจอร์นี้มีได้สักระยะและได้รับความนิยมไม่น้อย ล่าสุดกูเกิลเพิ่มเสียงแจ้งเตือนใหม่ เพิ่มวิธีการตั้งประกาศ (สั่ง “Hey Google, create a Family Bell.”) และจะเพิ่มฟีเจอร์ให้หยุดประกาศเป็นบางวัน (เช่น เสาร์อาทิตย์) ได้ด้วย

ฟีเจอร์เหล่านี้ใช้ได้กับอุปกรณ์ Smart Display สายกูเกิล เช่น Nest Hub Max หรือของผู้ผลิตยี่ห้ออื่นๆ ที่รองรับ Google Assistant

ที่มา – Google

from:https://www.blognone.com/node/119690

กูเกิลอัพเดต Smart Display เปลี่ยนมาใช้ UI แบบแยกแท็บ, รองรับหลายบัญชี, Dark Theme

กูเกิลประกาศอัพเดตฟีเจอร์และ UI ให้อุปกรณ์กลุ่มหน้าจออัจฉริยะ (Smart Display) ทั้งยี่ห้อของกูเกิลเอง (Nest Hub Max) และยี่ห้ออื่นๆ (เช่น Lenovo)

การเปลี่ยนแปลงสำคัญคือแยก UI เป็นแท็บ แบ่งออกเป็นหน้าจอต่างๆ ดังนี้

  • หน้า Your Morning สรุปข้อมูลสำคัญให้ดูว่าวันนี้ต้องทำอะไรบ้าง (และจะเปลี่ยนเป็น Your Afternoon, Your Evening ตามช่วงเวลาของวัน)
  • หน้า Media แนะนำคลิปวิดีโอที่น่าสนใจจากแหล่งต่างๆ เช่น Disney+, Netflix, YouTube TV, Spotify
  • หน้า Home Control สำหรับควบคุมอุปกรณ์ในบ้าน
  • หน้า Communicate สำหรับวิดีโอคอลล์ผ่านแอพต่างๆ เช่น Google Meet, Duo, Zoom ที่เพิ่งรองรับ
  • หน้า Discover สอนวิธีการใช้งานอุปกรณ์

No Description

ฟีเจอร์อย่างอื่นนอกจากการเปลี่ยน UI คือ

  • รองรับ multiple account แล้ว สามารถเห็นทั้งนัดหมายเรื่องงานและนัดหมายส่วนตัวได้พร้อมกัน โดยไม่ต้องสลับบัญชีไปมา
  • auto-frame ขณะที่คุยวิดีโอคอลล์ กล้องจะจับภาพเราเป็นศูนย์กลางให้อัตโนมัติ แม้เราเคลื่อนที่ไปมาก็ตาม
  • เพิ่ม Dark theme และเลือกสลับธีมมืด-สว่างได้อัตโนมัติ
  • เพิ่มเสียงกล่อมก่อนนอน เช่น เสียงฝนตก หรือ จั๊กจั่นร้อง
  • Sunrise Alarm ค่อยๆ เพิ่มความสว่างของหน้าจออย่างช้าๆ ก่อนเวลาปลุก 30 นาที เพื่อให้ตื่นง่ายขึ้น

ที่มา – Google

from:https://www.blognone.com/node/119110

Tips | วิธีต่อลำโพงบลูทูธทั่วไปเข้ากับลำโพงอัจฉริยะ Google Home หรือ Home Hub แบบง่ายๆ ไม่กี่ขั้นตอน

ลำโพงอัจฉริยะ Google Home, Home Mini หรือ Home Hub ถ้าใครที่มีใช้แล้วจะรู้ว่ามันเพิ่มความสะดวกสบายให้เราเยอะเลย เช่นใครที่มีหลอดไฟอัจฉริยะ, ปลั๊กไฟอัจฉริยะ ฯลฯ ก็สั่งงานอุปกรณ์เหล่านั้นด้วยเสียงได้เลย นอกจากนี้เรายังสามารถเล่นเพลงได้จากตัว Google Home หรือ Home Hub ได้เลยด้วย จะติดตรงที่ว่าเสียงของมันอาจจะไม่ดีเท่ากับลำโพงบลูทูธตัวโปรดของเรา ทำให้สุดท้ายแล้วต้องมาฟังเพลงผ่านมือถือเหมือนเดิม…แต่จริงๆ แล้วเราสามาถต่อลำโพงอัจฉริยะเข้ากับลำโพงบลูทูธทั่วไปได้ด้วยนะ! แถมวิธีทำก็ไม่ได้ยากอะไรเลย

อย่างที่บอกไปแล้วว่าพวกลำโพงอัจฉริยะรุ่นเริ่มต้นอย่างเช่น Google Home Mini เป็นลำโพงดอกเล็กๆ ซึ่งไม่ได้เน้นเอาไว้ฟังเพลงเป็นหลัก (เสียงไม่แย่ แต่ก็ไม่ได้ดีเด่อะไร) ซึ่งหากเราอยากได้ลำโพงอัจฉริยะที่เสียงดีๆ ก็ต้องโดดขึ้นไปเล่นพวก Google Home Max ที่มีราคาหลัก 10,000+ บาท หรือพวกลำโพง 3rd Party อย่าง LG WK7 XBOOM ราคาประมาณ 6,XXX บาท และรุ่นอื่นๆ แต่ถ้าเรามีลำโพงบลูทูธที่ชอบอยู่แล้ว และอยากจะให้มันมีความอัจฉริยะของ Google Home Mini ด้วย ก็ต้องเอามาจับคู่กันซะเลย เราก็จะได้ทั้งลำโพงไร้สายเสียงดี ที่สั่งงานด้วยคำสั่งเสียงได้อีกต่างหาก

คนที่เชื่อมต่อลำโพงอัจฉริยะ Google Home, Home Mini หรือพวกหน้าจออัจฉริยะ Home Hub อยู่แล้ว ในมือถือก็จะต้องมีแอป Home ติดไว้สำหรับการตั้งค่าต่างๆ เอาไว้ด้วยแน่นอน โดยเมื่อเข้ามาที่หน้าแรกของแอป ก็จะเจอกับรายชื่ออุปกรณ์ของเราที่มีอยู่แบบนี้

ถ้าเกิดว่าอยากจะเชื่อมต่อลำโพงบลูทูธตัวโปรดของเราเข้ากับหน้าจออัจฉริยะที่อยู่ในห้องนอน (ชื่ออุปกรณ์ที่ผมตั้งไว้คือ Bedroom Display) ก็กดเลือกอุปกรณ์ดังกล่าว แล้วมันก็จะเข้ามาที่หน้าสำหรับควบคุม Media แบบนี้

จากนั้นกดเลือกที่เมนู Device settings (รูปเฟืองมุมขวาบน) เลื่อนลงมาเรื่อยๆ จนเจอกับเมนู Paired Bluetooth devices

พอเข้ามาที่หน้านี้ก็ให้เราเปิดโหมดจับคู่ที่ลำโพงบลูทูธซะก่อน แล้วกดเลือก Pair Bluetooth speaker ที่มือถือ เมื่อมีชื่อของลำโพงที่เราต้องการโผล่ขึ้นมาแล้วก็กดจับคู่ซะ

พอออกมาที่หน้า Device settings ตรงเมนู Default music speaker ก็จะเปลี่ยนเป็นชื่อของลำโพงบลูทูธของเราแทน ซึ่งตอนนี้เพลงที่เล่นจาก Google Home, Home Mini, Home Hub หรืออื่นๆ จะมาออกที่ลำโพงบลูทูธแล้วล่ะครับ โดยถ้าเราเลิกฟัง และปิดลำโพงบลูทูธไปแล้ว คราวหลังต้องการทำแบบนี้อีก ก็แค่เปิดลำโพงบลูทูธ จากนั้นมาเปิดที่เมนู Default music player เลือกชื่อลำโพงตัวเดิมก็ใช้ได้เลย ไม่ต้องจับคู่ใหม่

ซึ่งวิธีการเชื่อมต่อลำโพงบลูทูธเข้ากับลำโพงอัจฉริยะ หรือหน้าจออัจฉริยะแบบนี้ จะเป็นการเล่นเสียงจากอุปกรณ์ดังกล่าวโดยตรง ไม่ได้มาจากมือถือ เพราะฉะนั้นเราก็สามารถใช้มือถือเล่นนู่นเล่นนี่ได้ตามสบาย โดยที่ไม่ต้องกลัวว่าเสียงอื่นๆ จะออกมาที่ลำโพงครับ

from:https://droidsans.com/how-to-connect-bluetooth-speaker-with-google-home-speaker/

Amazon เปิดตัว Echo Show 10 ใช้กล้องและเสียงสะท้อนตรวจหาคนแล้วหมุนจอตาม

Amazon Echo Show ไลน์สินค้าประเภทหน้าจออัจฉริยะที่เปิดตัว Echo Show 5 รุ่นเล็ก จอ 5 นิ้วไปเมื่อปีที่แล้ว วันนี้กลับมาอัปเกรดรุ่นใหญ่ Echo Show 10 ที่มีหน้าจอ HD ขนาด 10 นิ้วพร้อมฐานแบบมีมอเตอร์

ตัวหน้าจอสามารถใช้กล้อง (computer vision) ร่วมกับเสียงสะท้อน (echolocation) เพื่อระบุตำแหน่งคนที่ใช้งานในห้อง และหมุนหน้าจอตามคนได้ และจะขยับตอนมีคนใช้งานเท่านั้น Amazon ระบุว่ามอเตอร์ที่ใช้จะไม่มีเสียงรบกวน รวมถึงเวลาวิดีโอคอล หรือประชุมทางวิดิโอ ก็จะใช้การแพนของหน้าจอ ร่วมกับการซูมแบบดิจิทัล ขยับกล้องตามคนพูดได้เช่นกัน

Amazon Echo Show 10 ใช้ชิป AZ1 ที่ Amazon ผลิตร่วมกับ MediaTek และจะประมวลผลคำสั่งเสียงในตัวเครื่องโดยไม่ต้องส่งขึ้นไปในคลาวด์ ทำให้ตอบสนองเร็วขึ้น (ยังส่งไปให้ Amazon ทีหลังอยู่ดี แต่สามารถลบได้) สามารถคอลผ่าน Alexa, Zoom, และ Amazon Chime ได้ รวมทั้งมีโหมดรักษาความปลอดภัย Alexa Guard ที่ Echo Show 10 จะคอยขยับกล้องตรวจหาบุคคลและส่งแจ้งเตือนให้ได้หากมีผู้บุกรุก

Echo Show 10 ผลิตด้วยวัสดุรีไซเคิล เช่นผ้ารีไซเคิลแบบ 100 % (ที่หุ้มฐาน) อะลูมิเนียมไดแคสต์รีไซเคิล 100% และพลาสติกรีไซเคิล 30 เปอร์เซ็นต์ สั่งจองได้ตั้งแต่วันนี้ ในสหรัฐอเมริกา ราคา 249.99 เหรียญ (ราว 7,900 บาท) และจะจัดส่งภายในก่อนช่วงวันหยุดยาวปลายปีในสหรัฐ

ที่มา – The Verge

No Description

from:https://www.blognone.com/node/118639

กูเกิลส่ง Nest Hub ใช้ตามโรงแรม ใช้คำสั่งเสียงเข้าถึงบริการโรงแรมเพื่อลดการสัมผัส

กูเกิลเผยว่าโรงแรมบางแห่งในสหรัฐฯ และอังกฤษใช้งานหน้าจออัจฉริยะ Google Nest Hub ในห้องพัก ผู้เข้าพักสามารถใช้คำสั่งเสียง Google Assistant เพื่อเข้าถึงบริการต่างๆ ของโรงแรมทั้งสั่งอาหาร เปิดปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าในห้อง เปิดเพลง ฟังข่าวท้องถิ่น หรือใช้ Duplex ในการโทรออก เป็นต้น เพื่อลดการสัมผัสปุ่มต่างๆ ในห้องพัก และลดความเสี่ยงการติดเชื้อ

กูเกิลบอกด้วยว่า ผู้ใช้งานหรือผู้เข้าพักไม่ต้องล็อกอินบัญชีตัวเอง จะได้ไม่ต้องมีกิจกรรมในห้องที่ผูกกับบัญชีของตัวเอง เพื่อความเป็นส่วนตัว บน Google Nest Hub ไม่มีกล้อง และสามารถกดปิดสวิตช์ไมโครโฟนได้ กิจกรรมที่เกิดขึ้นจะถูกลบออกจากเครื่องและรีเซตใหม่เพื่อรองรับแขกเข้าพักคนถัดไป

ตัวอย่างโรงแรมที่ใช้งาน Google Nest Hub มี Fairmont Princess ใน Scottsdale, Dr. Wilkinson’s Resort ใน Calistoga, Gale และ Shelborne South Beach ในไมอามี Gansevoort Meatpacking และ Synergy Chelsea ในนิวยอร์กซิตี้ Hotel Zena และ Viceroy DC ตลอดจน Village Hotels ในสหราชอาณาจักร

No Description

ที่มา – กูเกิล

from:https://www.blognone.com/node/118149