คลังเก็บป้ายกำกับ: MARSHALL

รีวิวMarshall Headphone Major2 Bluetooth ความมันส์แบบไร้สาย

หูฟัง On-Ear Marshall ขวัญใจขาร็อค Headphone รุ่น Major 2 ก็มาในรูปแบบไร้สาย หน้าตาเหมือนรุ่น Major 2 ปกติต่างแค่ตรงไม่ต้องมีสายระโยงระยางอีกต่อไป

ใช่งานได้ยาวๆ นานถึง 30 ชั่วโมง ซึ่งได้พิสูจน์มาแล้วด้วยการชาร์จหูฟังก่อนเดินทางเพียงครั้งเดียว ถึงจะไม่ได้ใช้งานตลอดเวลาแต่ตลอดทริปก็ไม่ได้ชาร์จแบตฯเพิ่ม อยากฟังเมื่อไหร่ก็ยกขึ้นมาครอบหัวระเบิดหูกันไปเลย



ตัวหูฟังเป็นหูฟังขนาดกลางทรงเหลี่ยมพับเก็บได้ น้ำหนักเบาพกพาง่ายแต่น่าเสียดายไม่มีถุงใส่หูฟังมาให้เช่นเคย มาพร้อมหูฟัง Dynamic Driver ขนาด 40 mm เชื่อมต่อผ่านบลูทูธ ระบบ Bluetooth AptX

ถึงจะเป็นบลูทูธแต่ก็มีสายเสียบมาให้ หัวแจ็ค 3.5 mm สีทองมีสปริงกันกระชาก สาย USB ไว้เสียบชาร์จปั้มโลโก้ Marshall หุ้มยางข้อต่อกันกระชากดูทนไม้ทนมือ

ก้านหูฟังด้านในเป็นโลหะแข็งแรงยืดหยุ่นได้ดี หุ้มด้วยหนังเทียมบุนวมสกรีนโลโก้ Marshall และปี ค.ศ ปลายก้านหูด้านในเป็นโลหะสีทองปั้มระบุด้าน ซ้าย/ขวา ( LEFT/RIGHT ) ชัดเจน คัพครอบหูปะโลโก้ Marshall สีขาวตัดตัวหูฟังสีดำดูเด่นเลยทีเดียว ด้านในหูฟังฟองน้ำนิ่มใส่นานๆ ไม่เจ็บหู หูตัวนี้จะฝังไมค์มาให้ด้วยซึ่งหมายความว่าสามารถรับสาย และคุยผ่านตัวหูฟังได้ทันที



ปุ่มควบคุมมีแค่ปุ่มสีทองด้านล่างฝั่งซ้ายแค่ปุ่มเดียว แต่ควบคุมได้หลายอย่าง

  • ปัดมาทางด้านขวาเข้าหาตัวเป็นการเลื่อนเพลงไปข้างหน้า
  • ปัดซ้ายเป็นการแบ็กกลับเพลงที่เล่นไว้ ปัด 2 ครั้งเป็นการแบ็กกลับไปเพลงก่อนหน้า
  • ปัดขึ้นหรือลง เป็นการเพิ่มหรือปรับลดเสียง
  • กดที่ตัวปุ่ม 1 ครั้งเป็นการรับสาย กด 2 ครั้งเป็นการวางหู

วิธีการเชื่อมต่อ บริเวณด้านล่างของหูฟังด้านขวาจะมีปุ่มให้กดค้างเพื่อเป็นการเปิดเครื่อง ไฟสีขาวจะขึ้นเพื่อเป็นการแสดงสถานะ กด 2 ครั้งเพื่อการเชื่อมต่อไฟสถานะจะแสดงเป็นสีน้ำเงิน เวลาเสียบชาร์จไฟจะแสดงสถานะเป็นสีแดง ช่องเสียบสายชาร์จและรูเสียบสายต่อกรณีแบตฯ หมด

 

 

การรับสายผ่านหูฟังด้วยการกดปุ่มด้านซ้ายเพียงครั้งเดียว เสียงสนทนาชัดเจนดี เวลามีสายเข้าเสียงเพลงที่เราฟังอยู่จะดร๊อปลงจะไม่เปลี่ยนเป็นเสียงเรียกเข้าที่เราตั้งไว้ ถ้าอยู่ดีๆ เพลงที่ฟังอยู่เสียงเป็นกระป๋องปาหัวหมา แสดงว่ามีสายเข้านั่นเอง กดย้ำ 2 ครั้งเป็นการวางสาย

ส่วนตัวเป็นคนชอบเสียงของหูฟัง Marshall เสียงมีมิติ เสียงร้องชัดเจน ซาว์ดดนตรีเป็นวงกว้างไม่กระจุกตัว เบสแน่นหนักกำลังดี ไม่ต้องสายร็อคก็ฟังสนุก แกะกล่องก็ใช้ได้เลยไม่ต้องมาเบริ์นหูฟังเหมือนรุ่นอื่นๆ คุมเสียงรั่วได้ดีระดับไม่ต้องเผื่อแผ่ให้คนข้างๆ ฟัง ปกติเป็นคนชอบฟังเพลงแล้วเปิดโวลุ่มค่อนข้างดัง เวลารีวิวก็จะเปิดเกือบสุด จะให้คนข้างๆ เป็นคนตัดสินว่าเสียงรั่วระดับไหน ซึ่งตัวนี้ผ่ายฉลุยแทบไม่ได้ยินเลยทีเดียว กันเสียงในออก กันเสียงผ่านนอกก็เยี่ยมแต่ไม่ถึงขนาดเงียบกริ๊บ เหมาะสำหรับผู้รักสันโดษนั่งฟังเงียบๆ แต่ใส่เดินถนนคงไม่ดีแน่ๆ ใส่ฟังเพลงบนเครื่องบินแอร์ฯ ต้องสะกิดให้รับถาดอาหารเพราะเรียกแล้วไม่หัน 555

ราคาเปิดตัว 5,990 ถือว่าคุ้มค่าเทียบกับหูฟัง On-Ear ในระดับราคาที่แพงกว่านี้ได้สบายๆ ถ้าใครที่ชื่นชอบแบรนด์ Marshall อยู่แล้วคงตัดสินใจได้ไม่ยาก

 

from:https://www.appdisqus.com/2018/02/11/%e0%b8%a3%e0%b8%b5%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%a7%e0%b8%ab%e0%b8%b9%e0%b8%9f%e0%b8%b1%e0%b8%87-marshall-headphone.html

ซื้อลำโพง Marshall รุ่นใดก็ได้ แถมฟรีหูฟังรุ่น Major II มูลค่า 4,390 บาท

Studio7 Marshall Promotion Due31dec17 Cover

ไม่ต้องสงสัยแล้วกับคุณภาพของ Marshall ซึ่งอยู่ในวงการเพลง Rock’n roll และผลิตแอมป์กีตาร์ที่เสียงดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาในยุคนั้นตั้งแต่ปี 1962 ผ่านการบอกเล่าของนักดนตรีแบบปากต่อปาก จนกระทั่งมาถึงปี 2010 ก็มีการผลิตหูฟังเพื่อใช้งานสำหรับคนทั่วไป ที่ต้องการสัมผัสเอกลักษณ์เสียงในแบบ Marshall และต่อเนื่องมาจนถึงปี 2012 ก็ได้มีการผลิตลำโพงที่เชื่อมต่อบลูทูธได้ และได้รับความนิยมอย่างมากมาย จากสไตล์เสียงและดีไซน์ Vintage ที่ไม่เหมือนกัน

Studio7 Marshall Promotion Due31dec17

ซื้อลำโพง Marshall แถมฟรีหูฟัง Major II

สิบปากว่าไม่เท่าฟังเองสำหรับลำโพง Marshall ซึ่งถึงแม้ว่าแบรนด์อื่นจะขยันปล่อยรุ่นใหม่ออกมา แต่ดูเหมือนกาลเวลาจำไม่อาจทำอะไรแบรนด์นี้ได้เลย ด้วยคุณภาพเสียงที่เป็นเอกลักษณ์และดีไซน์ที่คลาสสิคตลอดกาล หากซื้อในช่วงเวลาปกติอาจต้องคิดหนักหน่อย

แต่ในวันนี้ Studio 7 เอามาจัดโปรโมชั่น “ซื้อลำโพง Marshall รุ่นใดก็ได้ แถมฟรีหูฟังรุ่น Major II มูลค่า 4,390 บาท” ไม่ว่าจะเป็นรุ่น Stockwell, Kilburn, Stanmore หรือ Woburn เองก็ตาม (ยกเว้นรุ่น Action) รับฟรีไปเลยหูฟัง Marshall รุ่น Major II หนึ่งในรุ่นที่ขายดีที่สุดไปเลย

ความพิเศษแบบนี้ที่ Studio 7 ทุกสาขา ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2560 (หรือจนกว่าของแถมจะหมด)

from:https://www.iphonemod.net/marshall-free-major-ii-2017.html

รีวิว Marshall Mode EQ หูฟัง In ear สายร็อคที่เหมาะกับสมาร์ทโฟน

ถ้าให้พูดถึงแบรนด์ Marshall (มาแชล) แบรนด์ดังจากอังกฤษที่หลายคนอาจจะนึกถึงแอมป์กีตาร์ ลำโพง มากกว่าจะนึกถึงตัวหูฟัง วันนี้ AppDisqus ขอนำเจ้าตัวหูฟัง In ear มาทดสอบกันว่าของดีจริงอย่างที่หลายๆ คนพูดถึงจริงหรือไม่ ต้องบอกว่ารุ่นนี้ออกมาได้สักพักหญ่ายยยยย..แล้ว แต่สำหรับคนที่กำลังมองหาหูฟังที่ใช้กับสมาร์ทโฟนเสียงเทพ สายเฮฟวี่เมททัล Slipknot ต้องมี Metallica ต้องมา ขอบอกว่าต้องมาโดน แกะกล่องกันดีกว่า..ฮูเล่!!

 

เห็นตัวกล่องก็บ่งบอกความเป็นร็อคเกอร์พอสมควร วัสดุเป็นพลาสติกสกรีนโลโก้ตัว M สีทองหลังตัวหูฟัง ดีไซด์ให้ตัวท่อนำเสียงตะแคงเข้ารับช่องหู ลดเสียงรบกวนภายนอกได้ดี ใส่นานๆ ได้สบายไม่เจ็บหู


ความยาวสาย 1.20 เมตร Controltalk มีคลิปเกี่ยว ตัวไมค์วัสดุก็เป็นยางหุ้มเสียงสนทนาชัดเจน หัวแจ็คสีทอง 3.5 mm รูปตัว L มีสปริงสีทองทำให้ทนทานกันกระชากขึ้น อุปกรณ์ภายในกล่อง หัวยางสลีฟมีมาให้ 3 ไซด์ XL , L , S (ไซด์ M มากับตัวหูฟัง) กระดาษแผ่นพับคู่มือการใช้งาน  และ…ไม่มีถุงหรือกล่องใส่หูฟัง… แง.. เสียใจ!!



ตัว Controltalk หรือปุ่มรีโมทควบคุมจะมีหลักๆ สีทองแค่ปุ่มเดียวแต่ไม่ได้มีแค่ไว้สำหรับวางสายรับสายเท่านั้น สามารถกดย้อนหรือเลื่อนเพลงได้ด้วย ถ้าจะเลื่อนเพลงให้กดปุ่ม 2 ครั้ง หรือ แบ็กกลับมาก็กด 3 ครั้ง

 

ส่วนปุ่มด้านข้างจะเป็นปุ่ม EQ ความพิเศษของเจ้า Mode EQ คือสามารถปรับแต่ง EQ ได้ ทั้งแบบมาตราฐานที่ทาง Marshall ตั้งค่ามาให้ และสามารถปรับให้เสียงแน่นขึ้นได้อีกระดับหนึ่งด้วยการกดปุ่มด้านข้าง ก็จะเปลี่ยน EQ ในช่วงย่านความถี่ต่ำปรับให้ขึ้นมาอีกระดับหนึ่งทำให้เสียงต่ำเสียงกลางเด่นขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง เสียงก็จะแน่นขึ้น เหมาะกับการฟังเพลงที่มีซาวด์หนักๆ หน่อย ซึ่งพอทดสอบฟังแล้วก็แตกต่างชัดเจนโดยเฉพาะกับเพลงร็อคที่มีซาวด์ดนตรีที่หนักหน่วง

ทดสอบฟังเสียงโดยการเสียบจึกเข้ามือถือแบบไม่คิดมาก เพราะเน้นใช้งานบนมือถืออยู่แล้วไม่ต้องมาเบริ์นให้เสียเวลา ตัวหูฟังใช้ได้ทั้ง Android และ ios การทดสอบก็ทดสอบฟังผ่านแอพสตรีมมิ่งทั่วไป คุณภาพเสียงแรกฟังต้องบอกว่าสมราคาคุย ในราคา 3,490 บาท  มิติเสียงค่อนข้างกว้างพอสมควรเสียงแหลมก็ไม่แหลมจนแสบหูถือว่าระดับกำลังดี ฟังวนไปหลายๆ แนว ป๊อปใสๆ มุ้งมิ้ง BNK48 คุ้กกี้เสี่ยงทายยัน EDM  ของ Skillet ฟังสนุกเท้าแอบดีดตามจังหวะกันเลยทีเดียว หยิบเอา Soft Rock เบาๆ ของ Phil Collins อ๋อย..ไม่อยากไปไหนเลยบอกตรง อยากนอนฟังเพลงอยู่กับบ้านมาก ไม่ต้องกดปุ่ม EQ ก็ให้เสียงที่ดีเหมาะกับแนวเพลงมาก

 

โดดไป Metal ที่เค้าว่าใครชอบเบสหนักๆ น่าจะชอบ จัดไปรัวๆ ราวกับยก Metal Zone มาไว้ในบ้าน พอฟังเข้าจริงเบสก็ไม่ได้หนักอะไรมากมาย ปรับปุ่ม EQ ด้านข้างเพื่อเสียงที่แน่นขึ้น เสียงเบส เสียงกลอง กีตาร์ มากันครบแต่ก็ไม่ถึงขนาดขึ้นเป็นลูกๆ อาจเป็นเพราะการใช้งานแรกๆ ต้องให้เวลามันจดจำซาวด์ซะก่อนเหมือนเป็นการเบริ์นไปในตัว เข้าไปปรับอีควอไลเซอร์ในแอพฯ สตรีมมิ่ง (เริ่มทดสอบฟังตั้งค่าพื้นฐาน) โอ้โหเหะ..เสียงดีขึ้นเป็นกอง

สรุปหล่ะนะ ควรค่าแก่การเสียเงินสู้หูฟังราคาสูงกว่านี้ได้สบายๆ เลย ในราคา 3,490 ถือว่าคุ้มราคาค่ะ ใส่สบายเข้าร่องหูพอดีใส่นานๆ ไม่เจ็บด้วย มีขายตามร้านหูฟังใหญ่ๆ ทั่วไป หรือลองไปดูในนี้ได้ >>https://www.ashop.asia/

 

 

 

from:https://www.appdisqus.com/2017/12/13/marshall-mode-eq.html

[Headphone] Marshall Monitor Bluetooth หูฟังไร้สายระดับท๊อปอีกหนึ่งรุ่นที่ดีที่สุด ในราคา 8,600 บาท

Marshall นั้นถือได้ว่าเป็นบริษัทที่ได้รับการรองรับจากผู้ใช้มากมายว่าผลิตหูฟังที่อยู่ในระดับต้นๆ ของวงการหูฟังครับ หลังจากที่เปิดตัวหูฟังรุ่น Monitor ออกมานั้นถือได้ว่ามีเสียงตอบรับจากผู้ใช้อย่างกว้างขวาง ล่าสุดนั้นทาง Marshall ได้กระตุ้นตลาดอีกครั้งด้วยการเปิดตัวหูฟังไร้สายอย่าง Monitor Bluetooth ออกมาครับ

Marshall Monitor Bluetooth 600 01

นอกจาก Monitor Bluetooth จะตัดสายออกไปโดยใส่การเชื่อมต่อแบบ Bluetooth เข้ามาแทนนั้นส่วนประกอบการดีไซด์ ฯลฯ ของ Monitor Bluetooth นั้นแทบจะไม่แตกต่างกันเลยครับ ดังนั้นหากจะว่าไปแล้ว Monitor Bluetooth เป็นหูฟังที่เน้นผู้ใช้ที่ชื่นชอบการเชื่อมต่อแบบไร้สายก็คงจะได้ครับ

ในการใช้งาน(ของเจ้าของบทความอย่างคุณ Chaim Gartenberg) นั้นพบว่า Monitor Bluetooth สามารถที่จะใช้งานได้อย่างที่ทาง Marshall ได้ให้คำมั่นสัญญาเอาไว้ การใข้งานนั้นหากทำการปรับแต่งผ่านจุดปรับแต่ง(รูปทางด้านล่าง) จะมีแสงสว่างออกมาด้วยทำให้ผู้ใช้สามารถรับรู้ถึงการปรับใช้งานของตัวเองได้ครับ

หมายเหตุ – ในการฟังนั้นได้เสียงที่ชัดเจนโดยไม่มีเสียงเปลี่ยนไปทาง Bass หรือ Treble ทางใดทางหนึ่งมากเกินไป

Marshall Monitor Bluetooth 600 02

ด้านฮาร์ดแวร์ของ Bluetooth นั้นก็มาพร้อมกับเทคโนโลยี Bluetooth aptX ซึ่งเป็นเทคโนโลยีของการส่งสัญญาณเสียงสำหรับ Bluetooth โดยตรง ตัวหูฟังนั้นมาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่อง 30 hr ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับดี ทั้งนี้การปรับเสียงและควบคุมการเล่นเพลงนั้นจะเหมือนกับหูฟังของ Marshall รุ่นอื่นๆ ที่ใช้การปรับจากจุดเดียวกันครับ

Monitor Bluetooth นั้นจะมาพร้อมกับการชาร์จผ่านพอร์ต micro USB ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายมากที่มันไม่ได้มาพร้อมกับ USB Type-C รุ่นใหม่ ทั้งนี้ Monitor Bluetooth จะมีราคาอยู่ที่ $250 หรือประมาณ 8,600 บาท โดยเริ่มวางจำหน่ายผ่านเว็บไซต์ของทาง Marshall แล้วครับ

ที่มา : theverge

from:https://notebookspec.com/the-marshall-monitor-bluetooth-take-the-companys-top-headphones-wireless/391590/

รีวิว Asus Zenfone 3 ยกระดับความหรูขึ้นมาอีกสักนิด (Marshall Linited Edition)

Asus เปิดตัว Zenfone 3 ซีรีย์ ที่จะนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยหลายรุ่นครับ แตกต่างกันไปตามสเปคและระดับราคา มีตั้งแต่รุ่นราคาไม่กี่พันบาทไปจนถึงราคาเกือบสามหมื่นบาทสำหรับตัวท็อปสเปคจัดเต็ม แต่ตัวที่เราจะพูดถึงกันในวันนี้ คือ Zenfone 3 ตัวออริจินัลของซีรีย์ ขนาดหน้าจอ 5.5 นิ้ว ที่ประกาศราคาจำหน่ายออกมาที่ 14,990 บาท และสำหรับรุ่น Marshall Limited Edition ที่มาพร้อมกับหูฟัง Marshall Major II ภายในกล่องสุดหรู ก็ทำราคาโปรโมชั่นเอาใจคนรักการฟังเพลง อยู่ที่ 14,990 บาทครับ

Asus Zenfone 3IMG_1015

Asus Zenfone 3IMG_1010
Asus Zenfone 3IMG_1012

ก็ไม่มีแล้วครับ ตัวเครื่องพลาสติกเน้นขายราคาถูกแบบรุ่นเดิมๆ ของ Asus Zenfone เพราะในเจนเนอเรชั่นที่สามนี้ ยกระดับมาเต็มที่กับความหรูหราที่มากขึ้นอย่างชัดเจน เป็นสิ่งที่เปลี่ยนไปแบบจับต้องได้เป็นเรื่องแรกเลย ตัวเครื่องเป็นกระจกโค้ง 2.5D ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ขอบเครื่องโค้งเป็นโลหะมนเข้ามือเวลาถือจับรู้สึกหรูเลยละครับ สวยงามรอบตัว

น่าเสียดายที่ปุ่มควบคุมหลักสามปุ่มด้านล่างยังคงออกแบบมาไม่มีไฟสำหรับใช้งานในตอนกลางคืน มีเพียงสกรีนสัญลักษณ์สีเงินสะท้อนแสงให้พอมองเห็นได้

Asus Zenfone 3PICT_20160817_150924 1

รองรับสองซิมการ์ดครับ โดยเป็นการเชื่อมต่อควบคู่กันได้ระหว่างสัญญาณ 4G และ 3G พร้อมกัน หนึ่งซิมหลักจะจับสัญญาณ 4G และอีกหนึ่งซิมจากสามารถจับสัญญาณ 3G ไปได้ในเวลาเดียวกัน ซึ่งเป็นเทรนด์ใหม่ของเครื่องระบบสองซิมในปีนี้นั้นเอง

ด้านหลังเครื่องเป็นที่สแกนลายนิ้วมือที่ทรงแปลกตาสักหน่อยครับ เป็นทรงตั้ง ซึ่งจะบอกว่าด้วยตัวเครื่องที่ทำเป็นกระจกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง รวมถึงวัสดุที่ใช้ตรงเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ทำให้เกิดรอยนิ้วมือง่ายมาก ใครที่ไม่ชอบก็เช็ดกันทั้งวันละครับ

Asus Zenfone 3PICT_20160817_150843
Asus Zenfone 3PICT_20160817_150823 1

แต่ยังไงก็ต้องบอกว่า เครื่องสวยมาก สวยมากกว่ารุ่นเดิมเยอะจริงๆ Asus ยกระดับเรื่องความหรูหราและภาพลักษณ์มาได้อย่างดีครับ Zenfone 3 ไม่ได้เป็นเครื่องไก่การาคาถูกเหมือนเดิมอีกต่อไป

Asus Zenfone 3PICT_20160817_151212 1

ยิ่งมีการจับคู่กันกับหูฟังแบรนด์ระดับโลกอย่าง Marshall ยิ่งเสริมภาพให้ดูดียิ่งขึ้นครับ แกะกล่องออกมาอลังการ หูฟัง Marshall Major II รุ่นนี้มีราคาตอนเปิดตัวอยู่ที่ประมาณสี่พันกว่าบาทครับ ปัจจุปันอาจจะหาได้ในราคาไม่ถึง แต่คุ้มกว่ามากถ้าซื้อมาคู่กันกับเครื่อง Asus Zemfone 3 ในชุดแพ็คเกจนี้

ตัวหูฟังเป็นรุ่นแบบเสียบสายนะครับ สามารถสลับเสียบสายเข้าได้ทั้งตัวหูฟังด้านซ้ายและด้านขวาแล้วแต่สะดวก งานวัสดุด้านนอกเป็นพลาสติก PU ที่อาจจะดูธรรมดาๆ ไปสักหน่อย แต่ปะยี่ห้อ Marshall ยังไงก็ยังดูขลัง ใส่นุ่มมสบาย ปรับระดับที่ครอบศีรษะได้ประมาณ +-10 เซนติเมตร มาพร้อมกับสายที่สามารถใช้งานเป็นสมอลล์ทอร์คได้ในตัวพร้อมรีโมทควบคุมแบบสามปุ่ม

คุณภาพเสียงอยู่ในลักษณะฟังง่าย เสียงกลองเสียงแบสแน่น นุ่ม และซาวด์ต่างๆ ไม่โฉ่งฉ่าง แต่หูฟังตัวนี้ซาวด์สเตจแคบไม่อลังการ ถือเป็นหูฟังระดับกลางๆ ที่มาภายใต้แบรนด์ชั้นดีครับAsus Zenfone 3IMG_1014

การใช้งานภายใน

ตัวเครื่อง Asus Zenfone 3 ความลื่นไหลสุดยอดครับ อยู่ในระดับที่สูงแล้ว ไม่ต้องไปสนใจสเปคตัวเลขใดๆ ถ้าไม่เข้าใจ เอาว่าสามารถใช้งานได้ทุกอย่างแบบไม่ช้า ไม่แลค ไม่ว่าจะเป็นแอพพลิเคชั่นทั่วไปหรือเกมขนาดใหญ่ๆ ก็สามารถเล่นได้เต็มอารมณ์ครับ เป็นเครื่องที่พกฟังชั่นมาเต็มกระเป๋า ตั้งแต่การปรับแต่งหน้าการใช้งาน ปรับตั้งได้หลายรูปแบบ รวมทั้งรูปแบบสำหรับผู้ใหญ่และเด็กเล็กที่เราต้องการควบคุมการเข้าถึงเนื้อหาของเขาด้วยครับ รวมทั้งมีธีมให้เลือกดาวน์โหลดมาใช้อีกมากมายภายในสโตร์ของเขาเอง

review Asus Zenfone 3 011
review Asus Zenfone 3 013
review Asus Zenfone 3 014
review Asus Zenfone 3 015

หน้าจอแสดงผลมีความสดใสชัดเจนมากขึ้นครับ ไม่อมเหลืองแล้ว ประกอบกับกระจกจอที่มีขอบโค้งลง 2.5D ทำให้มันดูจอสวยมากทีเดียว มุมมองกว้างชัดเจนครับ

Asus Zenfone 3PICT_20160817_151417 1

ลำโพงใต้เครื่องเสียงออกใสๆ หน่อยครับ เสียงดังพอประมาณ เปิดสุดเสียงไม่แตก สามารถรับสัญญาณวิทยุ FM ได้เมื่อเสียบสายหูฟังใช้งานครับ และจะสังเกตเห็นว่าพอร์ตใต้เครื่องเปลี่ยนมาใช้ USB Type C  แล้วนะครับ สะดวกสะบายขึ้นเยอะ ^^

Asus Zenfone 3PICT_20160817_151150 1

มีฟังชั่นที่น่าสนใจเพิ่มเข้ามา เป็นโหมดที่ออกมาเพื่อคนที่ชื่นชอบการเล่นเกมโดยเฉพาะครับ เราสามารถอัดภาพวีดีโอขณะเล่นเกมได้ สามารถกดค้นหาข้อมูลเกียวกับเกมที่เราเล่นอยู่ในขณะนั้นได้ และในกรณีที่เรารู้สึกว่าเครื่องมีอาการแลคหรือช้ากว่าปกติที่เคย ก็กดไอคอนรูปจรวดเพื่อเคลียข้อมูลต่างๆ ในเครื่อง ให้เกิดความลื่นไหลที่มากขึ้นครับ

review Asus Zenfone 3 001
review Asus Zenfone 3 002
review Asus Zenfone 3 003
review Asus Zenfone 3 004

Asus Zenfone 3 รองรับระบบการสแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อกนะครับ สามารถใช้เพื่อปลดล็อกเข้าใช้งานเครื่อง หรือต้องใช้ลายนิ้วมือเพื่อรับโทรศัพท์สายเรียกเข้าก็ได้เช่นกัน

review Asus Zenfone 3 007
review Asus Zenfone 3 008

มีแอพพลิเคชั่นอีกมากมายของทาง Asus ที่เตรียมเอาไว้ให้ใช้ภายในเครื่อง สามารถดาวน์โหลดและอัพเดทแอพพลิเคชั่นเพื่อใช้งานกันได้จากในเมนูตัวเครื่องเลยครับ

review Asus Zenfone 3 016
review Asus Zenfone 3 017

แบตเตอรี่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผมค่อนข้างแปลกใจ นี่ไม่ใช่เครื่องแรกที่ผมได้ลองใช้สมาร์ทโฟนแบตเตอรี่ขนาด 3,000 mAh ตัวนี้แบตเตอรี่อึดครับ ใช้งานได้เช้าถึงค่ำ ในวันที่ใช้งานหนักๆ ก็ยังอยู่กับผมได้ถึงเย็น เรื่องการใช้พลังงานปรับแต่งมาดี

review Asus Zenfone 3 009

ผลทดสอบต่างๆ

review Asus Zenfone 3 018
review Asus Zenfone 3 019
review Asus Zenfone 3 020
review Asus Zenfone 3 021

จับสัญญาณ GPS ไม่ช้า มีแกว่งบ้างเล็กน้อยแต่ไม่มาก สามารถนำไปใช้นำทางหรือเล่น Pokemon GO ได้เลยครับ ^^

Asus Zenfone 3PICT_20160817_151311

กล้องถ่ายภาพ

กล้องของ Asus Zenfone 3 ดีขึ้นชัดเจนครับ โฟกัสไวขึ้น คุณภาพไฟล์ดีขึ้น และวัดแสงปรับสภาพแสงได้แม่นยำกว่าเดิม ภาพออกมาสวยได้ไม่ยากครับ แสงเพียงพอก็ได้ภาพที่คุณภาพดีพอตัวเลย มีโหมดฟังชั่นเยอะแยะมากมายทั้งกล้องถ่ายภาพด้านหลังและกล้องหน้า โหมดเซลฟี่ปรับได้หลายระดับ แล้วแต่จะชอบความฟรุ้งฟริ้งระดับไหน มีฟังชั่นการถ่ายภาพในที่แสงน้อย และอื่นๆ อีกมากมาย ช่วยได้ในระดับหนึ่งครับ กล้องมือถือระดับนี้ แสงน้อยมากๆ ยังไงก็ยังไม่ไหวครับ โฟกัสจะเบลอได้ง่ายเวลาถ่ายในที่มืด

Asus Zenfone 320160816_194323

ตัวอย่างภาพถ่าย

P_20160815_131509
P_20160815_131517
P_20160815_131527
P_20160816_193657
P_20160816_193725
P_20160816_194345
P_20160816_194412
P_20160822_125209
P_20160822_125312
P_20160822_125324
P_20160822_130909
P_20160822_131251
P_20160822_133516
P_20160822_134210

P_20160815_131550
P_20160816_194021
P_20160822_131127
P_20160822_135049_BF

สรุปท้ายรีวิว

ยกระดับตัวเองครับ Zenfone 3  ใส่ใจในเรื่องวัสดุและการออกแบบภายนอกมาด้วย สเปคภายในยังคงจัดเต็ม ให้ประสบการณ์การใช้งานในระดับที่สูงครับ ไม่ใช่สมาร์ทโฟนเน้นราคาถูกอีกต่อไปแล้วเท่านั้นเอง ฟังชั่นเยอะมาก ใช้งานน่าจะสนุก และได้ภาพลักษณ์ที่ไม่เคยมีในเครื่อง Asus Zenfone รุ่นก่อนๆ นั้นคือความหรูหราครับ

 

from:https://www.appdisqus.com/2016/08/31/review-asus-zenfone-3.html

[บทความแปล] Hands-On Marshall London สมาร์ทโฟนดีไซน์คลาสสิคที่มีไว้เพื่อบ่งบอกไลฟ์สไตล์

หลังจากที่ Marshall ได้ออกมาทำเซอร์ไพรซ์พวกเราเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาด้วยการเปิดตัว London สมาร์ทโฟนธรรมดาๆ ที่ดูจะไม่ค่อยจะธรรมดาเท่าไร เพราะสไตล์การออกแบบของเจ้าเครื่องนี้คงต้องยอมรับครับว่าดูคลาสสิคมากๆทีเดียว และที่เหนือไปกว่านั้น Marshall ยังเลือกที่จะทำอะไรที่แตกต่างไปจากสมาร์ทโฟนเจ้าอื่นๆในตลอดอีกด้วย แต่จะแตกต่างสักแค่ไหนวันนี้เราลองมาดูกันครับ

DSC04260.0

หลังจากที่เราได้ทดลองเล่นเจ้าสมาร์ทโฟนแนวร็อคแอนด์โรลล์เครื่องนี้ ก่อนอื่นเลยเราคงต้องขอพูดถึงดีไซน์ของมันก่อนครับ เพราะมันเป็นแว๊บแรกที่เราเห็น คือการออกแบบของมันนี่ดูๆไปแล้วอาจจะไม่ได้สวยเฉียบเรียบหรูทันสมัยเหมือนกับสมาร์ทโฟนจากค่ายอื่นๆ แต่มันดูมีมนต์เสน่ห์ของ London แฝงอยู่ตามชื่อรุ่นของมันมากครับ ไม่ว่าจะเป็นลูกบิดปรับระดับเสียงสีทองที่เป็นเอกลักษณ์มากๆ แตกต่างกับสมาร์ทโฟนเครื่องอื่นๆที่จะเป็นปุ่ม 2 ปุ่ม และอีกอย่างที่สำคัญคือขอบด้านข้างตัวเครื่องที่ถูกห้อมล้อมมาด้วยวัสดุชั้นดีที่ดีไซน์ออกมาคล้ายๆกับยางจักรยาน บวกกับการผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างสีทองและสีแดง บอกเลยว่าความสวยนี่ระดับ “สะพรั่ง” ครับ

DSC04266.0

ทั้งหมดย่อมดีกว่าส่วนใดส่วนหนึ่ง

คือหากเราหยิบยกส่วนใดส่วนหนึ่งของตัวเครื่องมาพูดถึง เจ้าเครื่องนี้จะดูค่อนข้างไม่น่าประทับใจเท่าไรครับ เพราะไม่ว่าจะเป็นวงล้อปรับระดับเสียงเอย หรือตัวเครื่องที่ทำจากพลาสติกเอย คือดูๆไปแล้วก็ไม่ได้มีอะไรที่ดูพรีเมียมนั่นเองครับ นอกจากนี้ Marshall ยังได้ทำเคสออกมาสำหรับเจ้า London นี้ด้วยนะครับ โดยตัวเคสแบบแรกจะทำขึ้นมาจากผ้าที่ให้ความรู้สึกกนุ่มเมื่อสัมผัส นอกจากนี้มันยังมีสีแดงและมาพร้อมกับช่องใส่บัตรเครดิตด้วยครับ ส่วนเคสอีกตัวจะเป็นแบบธรรมดาที่ทำจากพลาสติกสีดำครับ

DSC04253.0 DSC04254.0 DSC04256.0

ในส่วนของเสียงหลังจากที่เราได้สัมผัส ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เป็นไปตามที่เราคาดหวังเอาไว้เท่าไรครับสำหรับ London เครื่องนี้ คือพูดถึง Marshall เราก็ต้องคิดถึงลำโพงแบบร็อคๆสักตัวจริงไหมครับ ดังนั้นสมาร์ทโฟนของ Marshall ก็น่าจะมาพร้อมกับลำโพงเจ๋งๆ แต่ความเป็นจริงแล้วก็ไม่ได้ล้ำกว่าค่ายไหนเท่าไรนะครับ แต่บางทีทางเราอาจจะคิดไปเองก็เป็นได้

290_fixed.0

ซึ่งหลังจากที่เราได้ทำการสำรวจเจ้า London มาสักพัก คงต้องยอมรับแล้วครับว่า London เครื่องนี้มันเป็นสมาร์ทโฟนจริงๆครับ ไม่ได้ผลิตออกมาเพื่อเป็นลำโพงแต่อย่างใด แต่ถึงแม้ว่ามันจะเป็นสมาร์ทโฟนก็ตามสเปคของมันก็ไม่ได้ถึงกับเป็นสมาร์ทโฟนที่น่าจับตามองเท่าไรครับ ด้วยหน้าจอ 4.7 นิ้ว 720p และ RAM 2GB มาพร้อมกับกล้องหลัง 8MP และพื่นที่ภายในอีก 16GB รัน Android Lollipop เรียกว่าไม่ได้แย่ แต่ก็ไม่ได้โดดเด่นครับ

ถึงแม้ว่าเจ้า London เครื่องนี้จะไม่ใช่ลำโพงตัวเก่งของเหล่านักดนตรีหรือผู้ชื่นชอบในเสียงเพลง แต่ Marshall ก็ยังไม่ได้ทิ้งลายของผู้ผลิตเครื่องเสียงไปซะทีเดียวครับ เพราะ London มาพร้อมกับฟีเจอร์อย่าง Dual headphone รวมทั้งมีปุ่ม M บริเวณด้านบนของตัวเครื่องที่จะทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าสู่การฟังเพลงได้อย่างรวดเร็วครับ นอกจากนี้เราจะสังเกตุเห็นว่าบริเวณด้านหน้าของตัวเครื่องจะมีเส้นสีขาวๆล้อมรอบหน้าจออยู่ใช่ไหมครับ เจ้าเส้นนี่แหละที่จะทำให้เรามั่นใจว่าหาก London ตกพื้นในแบบที่หน้าจอคว่ำลง หน้าจอของมันจะไม่แยกเป็นเสี่ยงๆไปต่อหน้าเราครับ

DSC04283.0

โดยรวมแล้ว London เครื่องนี้อาจไม่ใช่สมาร์ทโฟนที่เหมาะกับทุกคนครับ แต่ที่แน่ๆมันเป็นสมาร์ทโฟนที่ดูมีเอกลักษณ์และแตกต่างจากสมาร์ทโฟนจากเจ้าอื่นๆค่อนข้างมากครับ คือพูดง่ายๆว่าเป็นเครื่องที่ใช้บ่งบอกไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้มากกว่า แบบว่าใครใช้เครื่องนี้น่าจะต้องอยู่ในวงการดนตรี หรือชื่นชอบเสียงเพลงอะไรประมาณนั้นครับ

DSC04265_2.0 DSC04295.0

ที่มา : theverge

from:http://www.appdisqus.com/2015/09/09/marshall-smartphone-london.html

Marshall London สมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกับระบบเสียงที่ดีที่สุดในโลก และดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์

สำหรับบริษัท Marshall นั้นหลายๆ ที่เป็นนักเล่นเครื่องขยายเสียงหรือหูฟังคงจะพอรู้จักคุ้นเคยชื่อนี้กันอยู่บ้างครับ ทว่าเมื่อโลกเราในตอนนี้นั้นสมาร์ทโฟนกำลังมาแรงและเป็นที่ต้องการของตลาดเป็นอย่างมาก ทาง Marshall จึงได้เห็นโอกาสนี้แล้วกระโดดเข้าตลาดสมาร์ทโฟนด้วยสมาร์ทโฟน Marshall London ที่เน้นทางด้านเรื่องของเสียงเป็นพิเศษตามความถนัดของ Marshall ครับ(จริงๆ ก็เป็นเรื่องแปลกอยู่นะครับเพราะตลาดสมาร์ทโฟนนั้นถือว่ามีผู้เล่นเยอะเต็มไปหมดจนแทบจะไม่มีที่ว่างสำหรับรายย่อยใหม่ๆ แล้ว)

Marshall_Headphones_London_smartphone 600

เอาเป็นว่าเราลองมาดูกันดีกว่าครับว่า Marshall London ที่นอกเหนือไปจากที่ผู้ผลิตจะอ้างเอาไว้ว่าคุณจะได้รับประสบการณ์ทางด้านเสียงที่ดีที่สุดผ่านลำโพงคู่เฉพาะแบบที่มาพร้อมกับ enhanced bass technology และ dedicated hifi-grade sound card ร่วมด้วยความสามารถในการเล่นไฟล์แบบ crystal-clear playback of lossless FLAC แล้ว คุณยังจะได้พบกับสมาร์ทโฟนที่มี stereo jacks ถึง 2 รู กับ individual volume controls ทางด้านบน สำหรับการลดเสียงรบกวน เช่นเดียวกันกับการปรับแต่งแบบ global wide equalizer ด้วยครับ

ทางด้านสเปคของ Marshall London นั้นอาจจะไม่ได้ดูเสมือนสมาร์ทโฟนเรือธงสักเท่าไรนัก เพราะตัวสเปคมีดังต่อไปนี้ครับ

  • หน้าจอขนาด 4.7 นิ้วแบบ multitouch รองรับความละเอียดระดับ 720p
  • หน่วยความจำ(RAM) ขนาด 2 GB
  • แหล่งเก็บข้อมูลภายใน 16 GB สามารถเพิ่มได้ผ่าน microSD Card
  • กล้องหลังความละเอียด 8 MP
  • รองรับการเชื่อมต่อแบบ 4G LTE
  • แบตเตอรี่ความจุ 2,500 mAh
  • พร้อมด้วยหูฟังระดับสูงของทาง Marshall

ดูๆ แล้วก็อาจจะคิดหนักกันนิดหนึ่งครับเพราะราคาเปิดตัวของ Marshall London นั้นอยู่ที่ $590 หรือประมาณ 20,060 บาท ซึ่งราคาในระดับนี้สามารถซื้อเรือธงยี่ห้ออื่นๆ ที่สเปคสูงกว่าได้สบาย แต่อย่างว่า Marshall London นั้นมีเป้าหมายไปที่ผู้ใช้ที่ต้องการความบันเทิงทางด้านเสียงมากกว่า ส่วนกำหนดการวางจำหน่ายนั้นตอนนี้ทาง Marshall เปิดให้ pre-ordered แล้วโดยจะสามารถส่งได้ 22 ประเทศทั่วโลกตั้งแต่เดือนสิงหาคมนี้เป็นต้นไป สิ่งที่น่าเสียดายก็คือไม่มีประเทศไทยรวมอยู่ด้วยครับ

ที่มา : notebookcheck

from:http://notebookspec.com/marshall-headphones-unveils-london/306069/

Marshall London Phone สมาร์ทโฟนสำหรับผู้มีสุนทรีย์ทางดนตรีในหัวใจ

ไม่รู้อะไรไปดลใจ Marshall Headphones ให้ผลิตมือถือออกมาขาย แต่ที่แน่ๆ เหล่าสาวกและผู้ที่ชื่นชอบในการฟังเพลงน่าจะมีอาการหูสั่นกับ Marshall London Phone สมาร์ทโฟนเน้นการฟังเพลงที่มาพร้อมกับลำโพงคู่พร้อมกับคำโปรยที่บอกว่า “มันคือสมาร์ทโฟนที่(เสียง)ดังที่สุดในโลก”

Marshall London Phone มาในดีไซน์เรียบหรู ดำขลิบทอง แฝงมาด้วย DNA ของดนตรีอยู่ภายในจากชิปเสียง Wolfson WM8281 ที่จะมาขับเสียงดนตรีอันละเมียดละไมผ่านหูฟัง หรือลำโพงคู่ด้านหน้า 

ตัวเครื่องมาพร้อมกับปุ่ม M ที่ด้านบน ให้คุณกระโดดเข้าสู่การฟังเพลงในทันที แถมยังมาพร้อมช่องหูฟัง 3.5 มม. คู่กันด้านบน ให้คุณและคนข้างๆ ได้เพลินไปพร้อมๆ กัน

ระบบ Global Equalizer ที่ปรับเสียงทั้งหมดของตัวเครื่องได้ในที่เดียว ไม่ว่าคุณจะฟังเพลง ดูหนัง รับชม YouTube ก็สามารถตั้งค่าเสียงที่ชอบและรูปแบบที่ใช่ได้ทันที

ส่วนสเปคและรายละเอียดทั้งหมดของ Marshall London Phone ก็ดูได้ตามนี้เลยครับ

  • Android 5.0.2 Lollipop
  • หน้าจอ 4.7 นิ้ว IPS ความละเอียด HD 720p พร้อม Gorilla Glass 3
  • หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 410 1.2GHz quad-core
  • ROM 16GB รองรับ micro SD
  • RAM 2GB
  • ชิปเสียง Wolfson WM8281
  • กล้องความละเอียด 8MP พร้อม LED Flash
  • กล้องหน้าความละเอียด 2MP
  • ลำโพงคู่ด้านหน้าขนาด 13×18 มิลลิเมตร
  • แบตเตอรี่ 2,500 mAh (แบตถอดได้)
  • รองรับ nano SIM
  • รองรับการใช้งาน 3G/4G
  • ราคาเปิดตัวราวๆ 20,000 บาท

การขาดหายไปของ Sony Xperia Walkman สมาร์ทโฟนที่เน้นการฟังเพลงนั้นอาจทำให้หลายๆ คนบ่นเสียดายกันมาแล้วรอบนึง ซึ่งค่ายจีนอย่าง vivo และ Meizu เองก็มีการเลือกใช้ชิปเสียงเทพๆ มาใช้ในสมาร์ทโฟนของตัวเองและเสียงที่ได้นั้นก็ถือว่าดีมากๆ แต่การที่แบรนด์อย่าง Marshall ลงทุนมาผลิตสมาร์ทโฟนที่เน้นการฟังเพลงนั้น ถือว่ามีความน่าสนใจมากอยู่เหมือนกัน

ใครที่สนใจลองไปลงชื่อกันได้ที่เวป marshallheadphones ครับ โดยราคาเปิดตัวนั้นอยู่ที่ 4,995 โครนสวีเดน คำนวนเป็นเงินไทยก็ราวๆ 20,000 บาท ในตอนนี้เปิดให้สั่งจองได้ที่สวีเดนประเทศเดียวเท่านั้น

 

source : marshallheadphones via thenextweb

from:http://droidsans.com/marshall-london-phone-music-smartphone-by-marshall

Marshall Headphons เปิดตัวสมาร์ทโฟนของตัวเอง ชูจุดเด่นด้านดนตรี รองรับไฟล์ FLAC

Marshall Headphones บริษัทหูฟังสายพันธุ์อังกฤษเปิดตัว London สมาร์ทโฟนรุ่นแรกของตัวเองในดีไซน์เรโทรสีดำทอง โดยชูจุดขายด้านดนตรีด้วย audio hub รุ่น Wolfson WM8281 รองรับการเล่นไฟล์เพลงที่มี bit rate สูงๆ อย่างไฟล์ FLAC พร้อมลำโพงคู่ด้านหน้าและช่องเสียบหูฟัง 2 ช่องด้านบนพร้อมปุ่ม M สำหรับกดเล่นเพลงและปรับ equalizer

ด้านสเปค London มาพร้อมชิปเซ็ต Snapdragon 410 หน้าจอ LCD IPS ขนาด 4.7 นิ้ว ครอบด้วย Gorilla Glass 3 ความละเอียด 720p แรม 2GB กล้องหลัง 8 เมกะพิกเซล กล้องหน้า 2 เมกะพิกเซล ความจุ 16GB รองรับ microSD รันแอนดรอยด์ Lollipop 5.0.2 แบตเตอรี่ขนาด 2,500 mAh ถอดเปลี่ยนได้ รองรับ 4G LTE

London จะวางจำหน่ายวันที่ 21 สิงหาคมนี้ในราคา 590 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 17,770 บาท) พร้อมหูฟัง Marshall Mode

ที่มา – Marshall Headphones via The Verge

marshall-london-phone-1_1900

marshall-london-phone-8_3800.0

marshall-london-phone-6_1900 (1)

REGULAR-SLIDER-3_3800.0

Soundcard_1600.0

Marshall, Mobile

from:https://www.blognone.com/node/70437

ผู้ผลิตแอมป์และหูฟัง Marshall เปิดตัวสมาร์ทโฟนเพื่อการฟังเพลงโดยเฉพาะ

Marshall บริษัทสัญชาติอังกฤษที่โด่งดังมาจากการผลิตแอมป์กีตาร์คุณภาพดี และช่วงหลังก็เริ่มผลิตหูฟังจำหน่าย ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของบริษัทในชื่อรุ่น “London” ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนที่ทำมาเพื่อการฟังเพลงโดยเฉพาะ มีสเปกและจุดเด่นดังนี้

  • ซีพียู Qualcomm Snapdragon 410 ที่ 1.2GHz
  • แรม 2GB พร้อมหน่วยความจำ 16GB ใส่การ์ด microSD เพิ่มได้
  • หน้าจอ 4.7″ IPS ความละเอียด 720p
  • กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล และกล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล
  • ไม่โครโฟนคู่
  • แบตเตอรี่ Li-Ion 2500mAh แบบถอดเปลี่ยนได้
  • รองรับ Bluetooth aptX
  • รัน Android 5.0.2 พร้อมแอพฟังเพลงของ Marshall เอง
  • ใช้ชิปเสียง Wolfson WM8281
  • รองรับการเล่นไฟล์ FLAC
  • มีช่องต่อหูฟัง 3.5 มม. สองช่อง!
  • มีปุ่ม “M” พิเศษด้านบนเครื่อง กดแล้วเข้าแอพฟังเพลงได้ทันที
  • ลำโพงคู่หน้า ซึ่งทาง Marshall เคลมว่าดังที่สุดในโลก
  • มีให้ปรับ EQ แบบครอบคลุมเสียงทุกอย่างในเครื่อง
  • มาพร้อมหูฟัง Marshall Mode In-Ear
  • ไม่มีปุ่มปรับเสียง แต่ใส่เป็น “ล้อเลื่อน” เข้ามาแทน ทำให้ปรับระดับเสียงได้ละเอียดมาก

Marshall London เปิดราคาที่ 4,995 โครนสวีเดน หรือประมาณสองหมื่นบาท เริ่มจำหน่ายกลางเดือนสิงหาคมนี้

ที่มา – The Next Web, Marshall Headphones

Marshall, Music, Smartphone

from:https://www.blognone.com/node/70436