คลังเก็บป้ายกำกับ: MACBOOK_PRO_2018

ความร้อน เป็นสาเหตุหลัก ที่ทำให้ Mac ทำงานช้ากว่า PC

Linus Sebastian เจ้าของช่อง Linus Tech Tips ใน YouTube ได้ออกมาอธิบายว่าทำไม Mac จึงทำงานช้ากว่า PC ซึ่งสาเหตุหลักมาจากความร้อนนั่นเอง

ปัญหาความร้อนที่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพ Mac ถูกสะท้อนออกมาอย่างชัดเจนกับ MacBook Pro ที่ออกมาในปี 2018 เมื่อมีผู้ใช้งานพบว่า MacBook Pro รุ่น 15 นิ้ว ที่มาพร้อมโปรเซสเซอร์ Intel Core i9 ไม่สามารถทำความเร็วได้ถึง 2.9GHz ในอุณหภูมิห้องปกติ เนื่องจากแล็ปท็อปเกิดความร้อนสูงจนทำให้ระบบทำงานช้าลง ก่อนที่ Apple จะออกซอฟต์แวร์มาแก้ไขปัญหาดังกล่าวในเวลาต่อมา

อย่างไรก็ตาม Linus ยังแสดงให้เห็นว่าการควบคุมความร้อนยังเป็นปัญหาใหญ่ของผลิตภัณฑ์ Mac โดยนำ Mac mini และ MacBook Pro 2018 ใน Chill Box ที่ทำขึ้นเอง แล้วทดสอบเรนเดอร์กราฟิก ซึ่งพบว่า Mac ทั้ง 2 รุ่น ใช้เวลาทำงานสั้นลงอย่างชัดเจน เมื่อเทียบกับการเรนเดอร์โดยไม่ได้ใช้ Chill Box

Linus เชื่อว่าปัญหาการควบคุมความร้อนของ Mac มาจากความตั้งใจในการออกแบบของ Apple โดยใช้ประโยชน์จากพื้นที่ระบายความร้อนที่เพิ่มขึ้น เพื่อให้พัดลมทำงานในระดับต่ำที่สุด แทนที่จะเร่งการทำงานของพัดลมตามการทำงานของซีพียู ซึ่งอาจทำให้พัดลมส่งเสียงดังจนน่ากลัว ด้วยเหตุนี้ Apple จึงออกแบบผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภคทั่วไปมากกว่ามืออาชีพ

แต่ถ้าต้องการผลิตภัณฑ์ Mac สำหรับมืออาชีพ Apple พร้อมแล้วที่จะนำเสนอ Mac Pro ที่มาพร้อมสถาปัตยกรรมระบายความร้อนที่ล้ำสมัย ช่วยให้โปรเซสเซอร์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพถึง 28 คอร์ แต่อาจต้องจ่ายในราคาสูงถึง 40,000 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 1,249,360 บาท ถึงแม้รุ่นเรื่มต้นจะมีราคา 5,999 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 187,370 บาท

ที่มา – PetaPixel
https://www.flashfly.net/wp/255263

from:https://www.flashfly.net/wp/255263

MacBook Pro 2019 ราคาถูกลงกว่ารุ่นก่อนหน้าหลายพันบาท

Macbook Pro 2019 New Cheaperหลายคนอาจจะตกใจกับราคา MacBook Pro 15″ ปี 2019 ราคา 243,900 บาท ซึ่งนั่นเป็นการจัดสเปกแบบเต็มสูบจึงทำให้ราคากระโดดไปถึงขนาดนั้น แต่หากพิจารณาดี ๆ แล้วจะพบว่าราคาของรุ่นนี้ถูกลงพอสมควรเลยทีเดียว MacBook Pro 2019 ราคาถูกลงกว่ารุ่นก่อนหน้าหลายพันบาท เมื่อ 11 ก.ย. 2018 ผมได้กดสั่งซื้อ MacBook Pro 15″ ไปซึ่งสเปกหลัก ๆ ประกอบไปด้วย ซีพียู Intel Core i7 รุ่นที่ 8, 6-core, 2.2GHz กราฟิก Radeon Pro 555X RAM 32GB 2400MHz DDR4 memory SSD 512GB สรุปราคารวมที่จ่ายไปคือ 109,900 บาท หากเทียบสเปกเดียวกันกับ MacBook Pro 15″ ปี […]

from:https://www.iphonemod.net/macbook-pro-2019-cheaper-than-previous.html

Apple ขยายโปรแกรมซ่อมแซมแผงคีย์บอร์ด ให้ครอบคลุม MacBook Pro 2018 และ MacBook Air ในปัจจุบัน

หลังจากทราบถึงปัญหาปุ่มคีย์บอร์ดแบบปีกผีเสื้อในปี 2018 เมื่อต้นปีที่ผ่านมา Apple ก็ได้ขยายโปรแกรมซ่อมแซมแผงคีย์บอร์ด โดยครอบคลุม MacBook Pro 2018 และ MacBook Air โดยเปลี่ยนมาใช้วัสดุใหม่แบบเดี่ยวกับปุ่มคีย์บอร์ดแบบปีกผีเสื้อในรุ่นที่ 3

Apple อ้างว่าปุ่มคีย์บอร์ดรุ่นใหม่ ได้รับการแก้ไขปัญหาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการกดปุ่มไม่ติด หรือต้องกดย้ำ 2 ครั้ง นอกจากนี้ Apple ยังเปิดโปรแกรม MacBook Pro ที่พบปัญหากับแสงไฟพื้นหลัง

ล่าสุด Apple ได้ประกาศขยายโปรแกรมซ่อมแซมแผงคีย์บอร์ด สำหรับ MacBook Air และ MacBook Pro รุ่นปัจจุบันที่ใช้ปุ่มคีย์บอร์ดแบบปีกผีเสื้อในรุ่นที่ 3 จากเดิมที่ครอบคลุมเฉพาะรุ่นที่ 1 และ 2 ส่งผลให้โปรแกรมซ่อมแซมของ Apple รองรับแล็ปท็อป Mac ทุกรุ่น ที่ใช้ปุ่มคีย์บอร์ดแบบปีกผีเสื้อ และคาดว่าระยะเวลาในการซ่อมแซมจะแล้วเสร็จไวกว่าเดิม จากก่อนหน้านี้ที่ใช้เวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์

สำหรับเจ้าของ MacBook สามารถตรวจสอบรายชื่ออปกรณ์ที่ถูกรวมไว้ในโปรแกรมซ่อมแซมของ Apple ได้ที่นี่

ที่มา – 9to5mac
https://www.flashfly.net/wp/252076

from:https://www.flashfly.net/wp/252076

เจ้าของ MacBook Pro รุ่นใหม่และรุ่นปี 2016 พบปัญหาจอแสดงผล แสดงไฟพื้นหลังเหมือนแสงไฟบนเวที

มีรายงานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากเจ้าของ MacBook Pro รุ่นใหม่และรุ่นปี 2016 โดยเฉพาะรุ่นที่มาพร้อม Touch Bar เกี่ยวกับปัญหาแสงไฟพื้นหลังของจอแสดงผล ที่สว่างขึ้นมาเป็นจุดๆ ตามขอบด้านล่าง เหมือนกับแสงไฟบนเวที ทำให้ถูกเรียกว่าเป็นปัญหา “stage light effect”

iFixit ผู้เชียวชาญด้านการซ่อมแซม ระบุว่าปัญหาดังกล่าว เกิดมาจากสาย Fragile Flex Cables ที่ Apple นำมาติดตั้งมีความบางเกินไป โดยสายนี้จะเชื่อมต่อระหว่างจอแสดงผลกับบอร์ดควบคุมจอแสดงผล และดูเหมือนจะมีความทนทานน้อยกว่าสายที่ใช้ในรุ่นเก่า

การเปิด-ปิดบานพับของ MacBook Pro บ่อยๆ ทำให้สาย Fragile Flex Cables เริ่มชำรุดเมื่อเวลาผ่านไป และมักจะเกิดปัญหาขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป 1 ปี ซึ่งนั่นหมายถึงอยู่นอกระยะเวลารับประกันของ Apple

มีเจ้าของ MacBook Pro รุ่นใหม่และรุ่นปี 2016 พบปัญหาเดียวกันหลายราย และได้ร้องเรียนผ่านทางฝ่ายสนับสนุนของ Apple รวมทั้งฟอรั่มของเว็บไซต์ MacRumors และรวมตัวกันที่เว็บไซต์ appleissues.net ภายใต้หัวข้อ Flexgate

ปัญหาแย่ลงเมื่อเจ้าของ MacBook Pro ส่งไปซ่อมแซม และรับทราบว่าปัญหานี้ไม่สามารถทดแทนอะไหล่เฉพาะชิ้นที่ชำรุดได้ แต่ต้องเปลี่ยนชุดประกอบจอแสดงผลทั้งหมด ซึ่งมีค่าใช้จ่ายมากกว่า 600 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 19,100 บาท สำหรับผู้ใช้งานที่ไม่มี AppleCare+ บางรายได้รับการซ่อมแซมฟรี บางรายได้รับส่วนลด และมีบางรายที่ต้องจ่ายค่าซ่อมเต็มจำนวน

Apple ยังไม่ได้เปิดโปรแกรมซ่อมแซมจากปัญหาที่้เกิดขึ้น แต่เจ้าของ MacBook Pro กำลังรวมตัวกันเพื่อกระตุ้นให้ Apple รับเป็นปัญหาที่สมควรซ่อมแซมให้ฟรี และตอนนี้มีเจ้าของ MacBook Pro ลงชื่อร่วมกันมากกว่า 6,200 ราย

ที่มา – MacRumors

from:http://www.flashfly.net/wp/240043

5 เหตุผลที่ MacBook Air 2018 น่าสนใจกว่า MacBook Pro

Apple เปิดตัว MacBook Air รุ่นใหม่ล่าสุดเมื่อปลายปีที่ผ่านมา โดยมีคุณสมบัติที่น่าสนใจหลายอย่าง ตามที่เราเคยนำเสนอไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่จะสามารถดึงดูดความสนใจไปจาก MacBook Pro ได้หรือไม่?

เว็บไซต์ BusinessInsider ได้ยกตัวอย่างมา 5 ข้อ ที่ช่วยทำให้เรามั่นใจได้กว่า MacBook Air 2018 น่าซื้อกว่า MacBook Pro โดยเหตุผลส่วนใหญ่เป็นการเปรียบเทียบกันระหว่าง MacBook Air 2018 ซึ่งมีราคาเริ่มต้น 42,900 บาท กับ MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว ที่มีราคาเรี่มต้น 47,900 บาท

น้ำหนักเบากว่า

MacBook Air รุ่นใหม่ มีน้ำหนัก 2.75 ปอนด์ หรือ 1.25 กิโลกรัม ซึ่งเบากว่ารุ่นก่อนหน้านั้น และยังเบากว่า MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว ที่มีน้ำหนัก 3.02 ปอนด์ หรือ 1.37 กิโลกรัม ถึงแม้จะไม่แตกต่างกันมากมาย แต่น้ำหนักที่เบากว่า ก็ถือเป็นข้อได้เปรียบ

แบตเตอรี่ให้อายุการใช้งานยาวนานกว่า

ตามสเปกบนเว็บไซต์ทางการของ Apple ระบุว่า MacBook Air รุ่นใหม่ สามารถท่องเว็บผ่านระบบไร้สายนานสูงสุด 12 ชั่วโมง และเล่นภาพยนตร์ iTunes นานสูงสุด 13 ชั่วโมง ขณะที่ MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว สามารถท่องเว็บผ่านระบบไร้สายและเล่นภาพยนตร์ iTunes นานสูงสุด 10 ชั่วโมง

บางกว่าในภาพรวม

ความจริงแล้ว MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว มีความบางกว่า MacBook Air รุ่นใหม่ อยู่เล็กน้อย 0.02 นิ้ว ซึ่งเป็นการเปรีบเทียบตรงจุดที่หนาที่สุดของแล็ปท็อปทั้ง 2 รุ่น อย่างไรก็ตาม MacBook Pro มีความบางที่สม่ำเสมอ แต่ MacBook Air มีความลาดเอียง ทำให้ในภาพรวม MacBook Air มีความบางกว่า และจุดที่บางที่สุดคือ 0.16 นิ้ว หรือ 4.1 มิลลิเมตร

รองรับ Touch ID

MacBook Air รุ่นใหม่ มาพร้อม Touch ID ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นที่มีราคา 42,900 บาท ขณะที่รุ่นเริ่มต้นของ MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว มีราคา 47,900 บาท แต่ไม่สนับสนุน Touch ID โดยรุ่นที่มี Touch ID จะวางจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 65,900 บาท แต่ก็มาพร้อม Touch Bar ด้วย

ราคาถูกกว่า

อย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้น MacBook Air รุ่นใหม่ มีราคา 42,900 บาท ขณะที่ MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว มีราคาเรี่มต้น 47,900 บาท

MacBook Air รุ่นเริ่มต้น ใช้โปรเซสเซอร์ Intel Core i5 รุ่นที่ 8 แบบ Dual‑core ความเร็ว 1.6GHz พร้อม Turbo Boost สูงสุด 3.6GHz กราฟิกเป็น Intel UHD Graphics 617 หน่วยความจำ LPDDR3 ความเร็ว 2133MHz ขนาด 8GB ตัวจัดเก็บข้อมูลแบบ SSD ความจุ 128GB จอภาพ Retina ขนาด 13.3 นิ้ว รองรับ Touch ID มาพร้อมแทร็คแพด Force Touch และสนับสนุนพอร์ต Thunderbolt 3 จำนวน 2 พอร์ต

MacBook Pro รุ่นเริ่มต้น ใช้โปรเซสเซอร์ Intel Core i5 รุ่นที่ 7 แบบ Dual-core ความเร็ว 2.3GHz พร้อม Turbo Boost สูงสุด 3.6GHz กราฟิกเป็น Intel Iris Plus Graphics 640 หน่วยความจำ LPDDR3 ความเร็ว 2133MHz ขนาด 8GB ตัวจัดเก็บข้อมูลแบบ SSD ความจุ 128GB จอภาพ Retina ขนาด 13.3 นิ้ว และสนับสนุนพอร์ต Thunderbolt 3 จำนวน 2 พอร์ต

ที่มา – BusinessInsider

from:http://www.flashfly.net/wp/238673

MacBook Air 13 นิ้ว สเปกแรงสุด กับ MacBook Pro 13 และ 15 นิ้ว รุ่นปรับสเปก ซื้อแบบไหนคุ้มกว่ากัน

Macbook Air 13 Vs Macbook Pro 13 And 15 Spec

เมื่อวาน (12 พ.ย. 61) Apple ได้เปิดขาย MacBook Air ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ วันนี้ทีมงานมีข้อมูลเปรียบเทียบ MacBook Air (2018) 13 นิ้วกับ MacBook Pro 13 และ 15 นิ้ว (2018) รุ่นปรับแต่งสเปกมาให้ชมกันค่ะ

สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจจะซื้อ MacBook Air (2018) หน้าจอ 13 นิ้วรุ่นปรับสเปคแรงสุด ในราคา 92,900 บาท ที่ปรับสเปก SSD สูงสุด 1.5TB และเพิ่ม RAM เป็น 16GB แนะนำให้ชมข้อมูลเปรียบเทียบในด้านอื่นๆ กับ MacBook Pro (2018) ที่มีราคาใกล้เคียงกัน แต่สเปกที่ได้อาจจะคุ้มและเหมาะสมกับการใช้งานมากกว่า

เปรียบเทียบ MacBook Air 13 นิ้ว สเปกแรงสุด กับ MacBook Pro 13 และ 15 นิ้ว รุ่นปรับแต่งสเปก

Mac Air Vs Mac Pro 13 15

จากรูปเปรียบเทียบสเปกระหว่าง MacBook Air 13 นิ้ว, MacBook Pro 13 นิ้ว และ MacBook Pro 15 นิ้ว รุ่นปี 2018 ทีมงานได้เลือกปรับสเปกของ MacBook Pro ที่มีราคาใกล้เคียงกับ MacBook Air รุ่นสเปกสูงสุด เพื่อให้คนที่สนใจได้เห็นความต่างของสเปกที่จะได้ในแต่ละรุ่น

ความเห็นจากทีมงาน

จุดที่ต้องพิจารณาหลักๆ ก็คือเรื่องของ CPU เห็นได้ว่า MacBook Pro (2018) 13 นิ้ว ได้หน่วยประมวลผล (CPU) Core i5 Gen 8 ถึง 4 Core (Quad Core) ถึงแม้ว่า CPU ของทั้ง 2 รุ่นจะเป็น Core i5 Gen 8 เหมือนกัน แต่แกนประมวลผล 4 Core ย่อมเร็วกว่า 2 Core (Dual Core)

และถ้าเปรียบเทียบกับ MacBook Pro 15 (2018) นิ้วที่ปรับสเปกใช้ CPU Core i7 Gen 8 ที่มีแกนประมวลผลถึง 6 Core การประมวลผลของ CPU Core i7 ก็ยิ่งเร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่า ด้วยความเร็วการประมวลผลสูงสุดถึง 4.1GHz

เรื่องที่สองก็คือ หน่วยประมวลผลทางด้านกราฟฟิคที่ MacBook Pro (2018) ทั้ง 2 รุ่นมีประสิทธิภาพสูงกว่า เหมาะกับงานที่ต้องประมวลผลทางด้านกราฟฟิคหนักๆ MacBook Pro ก็อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า และ MacBook Pro ทั้ง 2 รุ่นยังมี Touch Bar ที่อำนวยความสะดวกในการทำงานอีกด้วย

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การปรับสเปกดังกล่าว ยังมีส่วนที่ต้องตัดสินใจในเรื่องของความจุ SSD ที่ผู้ใช้ต้องเลือกให้เหมาะกับการเก็บข้อมูลของตนเอง ถ้าเก็บงานที่มีไฟล์ขนาดใหญ่และเก็บข้อมูลเยอะ ก็อาจจะต้องเลือก SSD 1-1.5TB แต่สำหรับใครที่เก็บข้อมูลในเครื่องไม่เยอะมาก มีการแบ่งเก็บไว้กับผู้ให้บริการบน Cloud อื่นๆ SSD 512 ก็อาจจะเพียงพอ

สำหรับคนที่กำลังดู MacBook Air (2018) 13 นิ้ว รุ่นสเปก Max สุดในราคา 92,900 บาท ทีมงานแนะนำว่าให้ลองพิจารณาลักษณะงานของตนเองก่อน หากลักษณะงานของคุณต้องใช้การประมวลผลหนักๆ อย่าง งานกราฟิค 3D, งานออกแบบ หรืองานโปรแกรมมิ่ง ที่ต้องการประสิทธิภาพในการประมวลผลสูงๆ MacBook Pro (2018) อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีและคุ้มค่ามากกว่าในราคาที่ใกล้เคียงกัน แนะนำว่าให้เลือกตามความเหมาะสมในการใช้งานนะคะ

from:https://www.iphonemod.net/macbook-air-13-vs-macbook-pro-13-and-15-spec.html

iPad Pro 2018 มีประสิทธิภาพเทียบเท่า MacBook Pro 2018 อ้างอิงจากผลการทดสอบของ Geekbench

iPad Pro รุ่นใหม่ ยังไม่พร้อมวางจำหน่ายจนกว่าจะถึงวันที่ 7 พฤศจิกายนนี้ แต่พบว่าเริ่มถูกทดสอบประสิทธิภาพแล้วด้วยแอพพลิเคชั่น Geekbench ในงานเปิดตัว Apple กล่าวว่า iPad Pro รุ่นใหม่ มีประสิทธิภาพดีกว่าคอมพิวเตอร์พกพาส่วนใหญ่ในตลาด และคะแนนจาก Geekbench ก็ช่วยยืนยันว่า Apple พูดเรื่องจริง

iPad Pro รุ่นใหม่ ทำคะแนนจาก Geekbench ได้ประมาณ 5030 คะแนน สำหรับ Single-Core และประมาณ 1800 คะแนน สำหรับ Multi-Core ทั้งนี้ Geekbench ระบุชื่อ iPad Pro รุ่นใหม่ว่า iPad8,8 ทำงานบน iOS 12.1 และมากับ RAM 6GB

แหล่งข่าวระบุว่า คะแนน Single-Core ของ iPad Pro รุ่นใหม่ ที่ได้จากแอพ Geekbench สามารถเทียบได้กับ MacBook Pro 2018 ที่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel Core i7 2.6GHz ขณะที่คะแนน Multi-Core ของ Intel Core i7 ทำได้ดีกว่า แต่ไม่ไกลนัก

MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว ใช้โปรเซสเซอร์ Intel Core i7 ความจุ SSD 256GB มีราคา 77,900 บาท ขณะที่ iPad Pro (2018) รุ่น 12.9 นิ้ว ความจุ 256GB มีราคาเริ่มต้น 40,900 บาท

MacBook Pro รุ่น 15 นิ้ว ใช้โปรเซสเซอร์ Intel Core i7 ความจุ SSD 512GB มีราคา 100,900 บาท ขณะที่ iPad Pro (2018) รุ่น 12.9 นิ้ว ความจุ 512GB มีราคาเริ่มต้น 47,900 บาท

เมื่อเทียบกับ iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว (2017) จะพบว่ามีคะแนน Single-Core ไม่ถึง 4,000 คะแนน และคะแนน Multi-Core ทำได้ไม่ถึง 10,000 คะแนน

ที่มา – 9to5mac

from:http://www.flashfly.net/wp/233220

iMac Pro และ MacBook Pro 2018 หลังซ่อมต้องผ่านการรันทดสอบเครื่องมือ Apple เพื่อให้ระบบทำงานได้ปกติ

Imac Pro Macbook Pro 2018 Aasp Fix Only Cover

รายงานจาก MacRumors ได้พูดถึงเรื่องการซ่อมเครื่อง iMac Pro และ MacBook Pro 2018 ประเด็นที่สำคัญว่าไว้ว่า หลังซ่อมเครื่องทั้ง 2 รุ่นจะต้องผ่านการทดสอบในการวิเคราะห์ปัญหา (Diagnostic Test) ด้วยเครื่องมือของทาง Apple เสียก่อน เครื่องถึงจะทำงานได้อย่างปกติ

iMac Pro และ MacBook Pro 2018 หลังซ่อมต้องผ่านการรันทดสอบโดยเครื่องมือของ Apple เพื่อให้ระบบทำงานได้ปกติ

Imac Pro Films

รายละเอียดฟังแล้วอาจจะงงๆ หน่อย แต่เดี๋ยวขอสรุปเป็นข้อเพื่อให้เข้าใจง่ายๆ นะครับ

  • MacBook Pro 2018 ถ้าต้องซ่อมเกี่ยวกับอุปกรณ์ หน้าจอ(Display), ลอจิกบอร์ดหรือเมนบอร์ด(Logic board), Touch ID และ เคสส่วนบน (Top case) ซึ่งรวมถึง คีย์บอร์ด (Keyboard), แบตเตอรี่ (Battery), แทร็กแพด (Trackpad) และ ลำโพง (Speakers)
  • iMac Pro ถ้าต้องซ่อมเกี่ยวกับอุปกรณ์ ลอจิกบอร์ดหรือเมนบอร์ด(Logic board) และหน่วยเก็บข้อมูล (Flash Storage)
  • หลังซ่อมอะไหล่ส่วนที่กล่าวไว้ด้านบนเสร็จแล้วจะต้องได้รับการรันทดสอบตัวเครื่องด้วยเครื่องมือ Apple Service Toolkit เพื่อรันเช็คระบบของเครื่องเสียก่อน
  • ถ้าไม่ได้รันเครื่องมือนั้นแม้ว่าอะไหล่ที่เปลี่ยนใหม่จะดี แต่ระบบจะไม่สามารถทำงานได้ หรือพูดอีกอย่างคือ ถ้าไม่รันก็เหมือนซ่อมไม่เสร็จนั่นแหละ
  • ที่มาเกิดจากชิป T2 ที่ติดตั้งใน Mac ทั้ง 2 รุ่นซึ่งมีอยู่หลายที่และทำหน้าที่หลายอย่าง เช่น ระบบจัดการส่วนกลาง system management controller, ระบบประมวลผลภาพ image signal processor, ระบบควบคุมเสียง audio controller, ระบบควบคุมหน่วยเก็บข้อมูล SSD controller, ระบบ Secure boot, ระบบ encrypted storage และระบบตรวจสอบตัวตนของ Touch ID
  • ซึ่งการรันทดสอบนั้นก็เมื่อให้ชิปรู้จักอุปกรณ์ที่เปลี่ยนเข้ามาใหม่ เครื่องถึงจะทำงานได้ตามปกติ
  • ร้านนอกที่ไม่ใช้ตัวแทนของ Apple ก็หมดสิทธิ์ที่จะซ่อมทั้ง 2 รุ่นนี้ เพราะไม่มีเครื่องมือทดสอบตัวดังกล่าว
  • และอนาคตหากเครื่อง Mac ทั้ง 2 ตกรุ่นและเลิกให้การสนับสนุนก็หมายความว่า “เสียแล้วต้องทิ้ง” เพราะร้านนอกก็อาจจะซ่อมไม่ได้

Macbook Pro 2018 15inch I9 Review 4442 2

ดังนั้นวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้อย่างเราๆ ก็คือ

ซื้อ AppleCare ให้ Mac เอาไว้ อย่างน้อย 3 ปีนี้ที่เครื่องเกิดงอแง Apple ก็ยังคงดูแลให้คุณได้

ส่วนเรื่องของอนาคตต่อไปก็ค่อยรอดูกัน

ว่าแล้วใครสนใจ AppleCare สำหรับ Mac ทุกรุ่นบอกก่อนนะว่าถ้าจะต่อประกันต้องทำก่อนที่เครื่อง Mac จะประกันขาดนะครับ สอบถามที่ Studio7 ได้เลย

from:https://www.iphonemod.net/imac-pro-macbook-pro-2018-required-run-test-apple-service-toolkit.html

Apple เผย macOS High Sierra 10.13.6 (Supplemental Update 2) แก้ปัญหาลำโพงเสียงช็อตของ MacBook Pro 2018

Macos High Sierra 10 13 6 Supplemental Update 2 Crackling Speakers Fixed

Apple ยืนยันว่า macOS High Sierra 10.13.6 (Supplemental Update 2) ที่ปล่อยอัปเดตก่อนหน้านี้มาพร้อมตัวแก้ปัญหาลำโพงเสียงช็อตที่พบใน MacBook Pro 2018

macOS High Sierra 10.13.6 (Supplemental Update 2) แก้ปัญหาลำโพงเสียงช็อตของ MacBook Pro 2018

MacRumors ได้เผยข้อมูลที่ได้จาก Apple ว่า macOS High Sierra 10.13.6 (Supplemental Update 2) นั้นเป็นเวอร์ชันที่ปรับปรุงความสเถียรด้านการใช้งาน แก้ปัญหาหลักๆ โดยเฉพาะปัญหาลำโพงเสียงช็อตที่เจอใน MacBook Pro 2018 รุ่น Touch Bar

Macos High Sierra 10 13 6 Supplemental Update 2

ก่อนหน้านี้ผู้ใช้ MacBook Pro 2018 รุ่น Touch Bar หลายรายเจอปัญหาลำโพงเสียงช็อตระหว่างการเปิดเพลง, วิดีโอ โดย macOS High Sierra 10.13.6 (Supplemental Update 2) ได้แก้ปัญหานี้แล้ว

Some Macbook Pro 2018 Users Found Crackling Speakers Cover

ดังนั้นผู้ใช้ MacBook Pro 2018 รุ่น Touch Bar ควรอัปเดต macOS High Sierra 10.13.6 (Supplemental Update 2) เพื่อแก้ไขและป้องกันปัญหาลำโพงเสียงช็อต สามารถอัปเดตได้ที่ Software Update

ที่มา – idownloadblog

from:https://www.iphonemod.net/macos-high-sierra-10-13-6-supplemental-update-2-crackling-speakers-fixed.html

Apple ปล่อยซอฟต์แวร์ macOS High Sierra 10.13.6 Supplemental Update สำหรับ MacBook Pro 2018 ได้อัพเดท

ระหว่างที่เจ้าของ Mac กำลังรอให้ Apple ปล่อยระบบปฏิบัติการ macOS Mojave ออกมาในปลายปีนี้ เมื่อวันที่ 28 สิงหาคมที่ผ่านมา Apple ก็ได้ปล่อยเวอร์ชั่นอัพเดทของ macOS High Sierra 10.13.6 ออกมาให้เจ้าของ MacBook Pro 2018 โดยเฉพาะ

Apple ได้แนะนำให้เจ้าของ MacBook Pro 2018 ได้อัพเดท macOS High Sierra 10.13.6 Supplemental Update 2 โดยมีบันทึกสั้นๆ ว่าช่วยให้อุปกรณ์มีความเสถียรและความน่าเชื่อถือเพิ่มมากขึ้น

เจ้าของ MacBook Pro 2018 สามารถดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ macOS High Sierra 10.13.6 Supplemental Update 2 ได้โดยตรงจาก Mac App Store หรือผ่านฟังก์ชัน Software Update ใน Mac App Store

ข้อมูลเพิ่มเติม https://support.apple.com/th-th/HT209081

from:http://www.flashfly.net/wp/227692