[Acer] Switch Alpha 12 กับ 2-in-1 Notebook ระบายความร้อนด้วยน้ำ พร้อมขายไทย ปลายสิงหาคมนี้

• Acer LiquidLoop™ การออกแบบเทคโนโลยีระบายความร้อนแบบไม่มีพัดลม จึงวางใจได้ในระบบการทำงานที่เงียบสงบ
• เป็นเจ้าแรกที่ทำโน้ตบุ้ค 2 in 1 ที่ไม่มีพัดลม โดยใช้ระบบปฏิบัติการ  6th Generation Intel® Core™  processors และแบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมใช้งานได้ยาวนานถึง 8 ชั่วโมง
• ขาตั้งที่ออกแบบมาให้ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ
• หน้าจอแสองผล 12 นิ้ว ความละเอียด 2160×1440 มาพร้อม Acer Active Pen
• Switch Alpha 10 ขยายขีดความสามารถได้ทุกข้อจำกัด

Acer เปิดตัวโน้ตบุ้ค 2 in 1 Switch Alpha 12 พร้อม Windows10 ที่มาพร้อมระบบระบายความร้อนอัจฉริยะ และเครื่องที่บางเฉียบ ที่สามารถปรับใช้ได้ทั้งโน้ตบุ้คและแท็บเล็ต

ดีไซน์ที่สวยงามและทนทาน

Switch Alpha 12 ใหม่ เป็นเจ้าแรกที่ทำโน้ตบุ้ค 2 in 1 ที่ไม่มีพัดลม โดยใช้ระบบปฏิบัติการ  6th Generation Intel® Core™  i7, Core i5 or Core i3 processor ทำให้การเปิดเครื่องได้รวดเร็ว ด้วยการทำงานของ Windows 10 ซึ่งมีมากกว่า 270 ล้านคนที่อุปกรณ์ใช้งานนี้

“Switch Alpha 12 เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ของ Acer รุ่นใหม่ ของโทรศัพท์มือถือ 2 in 1 ที่มุ่งเน้นในประสิทธิภาพของการทำความเย็นที่เงียบสงบ” กล่าวโดย Jerry Hou General Manager Commercial & Detachable Notebooks, IT Products Business, Acer Inc.

“Switch Alpha จะนำลักษณะเด่นของเราที่ได้รับรางวัลผลิตภัณฑ์ในสาย Switch 2 in 1 และเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ อย่างการออกแบบที่ไม่มีพัดลม, แป้นพิมพ์บางเฉียบที่ถอดออกได้ และประสิทธิภาพการทำงานที่ยอดเยี่ยมของคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่

“ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องไปพร้อมกับการออกแบบนวัตกรรมใหม่เพื่อออกสู่ตลาดในประเภทของ 2 in 1”  กล่าวโดย Navin Shenoy, corporate vice president and general manager, Client Computing group, Intel Corp. “6th Generation Intel Core-powered ใหม่ใน Acer Switch Alpha 12 เป็นการรวมตัวกันอย่างดี เพื่อประสิทธิภาพการทำงานที่ดีของคอมพิวเตอร์กับแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนาน จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการทำงานตลอดจนการเล่นในระหว่างเดินทาง”

“Acer Switch Alpha 12 มาพร้อม Windows 10 จะช่วยให้ผู้คนได้เลือกสัมผัสกับความบันเทิงและประโยชน์ที่เป็นทั้งโน้ตบุ้คและแท็บเล็ต กับการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์แบบเต็มรูปแบบ” กล่าวโดย Peter Han, vice president worldwide OEM Marketing, Microsoft Corp. “โดยเฉพาะ Windows 10 จะส่งผลให้คอมพิวเตอร์ส่วนตัว ช่วยผสานผลผลิตและการใช้พลังงานของระบบคลาวด์ เพื่อให้ประสบการณ์ส่วนตัวของคุณไปอยู่ทุกบนอุปกรณ์ต่างๆ ที่คุณคุ้นเคย”

LiquidLoop™ ระบบระบายความร้อนที่เงียบสงบ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความคงทน

Acer Switch Alpha 12 เหมาะกับสถานที่ทำงานที่เงียบสงบ เช่น การประชุม สำนักงานรวม ห้องเรียน และห้องสมุด ความเงียบของ LiquidLoop ระบบระบายความร้อนนี้จะช่วยให้ Switch Alpha 12 มีอุณหภูมิที่เหมาะสมและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่มีเสียงพัดลมมารบกวน เป็นเจ้าแรกที่ทำอุปกรณ์ 2 in 1 มาพร้อมระบบปฏิบัติการ  6th Generation Intel® Core™ processor ที่ออกแบบให้ไม่มีพัดลม การผสมผสานนี้ทำให้เกิดประสิทธิภาพที่ดีของระบบตลอดการใช้งานทั้งวันยาวนานถึง 8 ชั่วโมง ด้วยระบบระบายความร้อนของ LiquidLoop แม้จะไม่มีพัดลม Switch Alpha 12 ก็ไม่จำเป็นต้องมีช่องระบายอากาศ เพราะระบบนี้สามารถจัดการปัญหาการถ่ายเทอากาศและลดการสะสมฝุ่นได้อย่างดี

2-in-1 การออกแบบให้ใช้งานได้หลากหลาย

ขาตั้งที่ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ, คีย์บอร์ดถอดได้, และ Acer Active Pen  จึงทำให้ Switch Alpha 12

ได้พาคุณเพลิดเพลินอย่างต่อเนื่องในฐานะคอมพิวเตอร์เต็มรูปแบบที่เป็นทั้งโน้ตบุ้คและแท็บเล็ต เลือกใช้คีย์บอร์ดได้สองแบบ ทั้งแบบมาตรฐานและแบบ Backlit สำหรับที่มีแสงไฟน้อย การออกแบบขาที่มั่นคงเป็นรูปตัว U เพื่อป้องกันการลื่นไหลในการถือเมื่อลูกค้าสัมผัสหรือเขียนที่หน้าจอ มันสามารถปรับเปลี่ยนได้ถึง 165 องศา ทำให้ Switch Alpha 12 ใช้งานได้สะดวกทั้งบนโต๊ะ บนเครื่องบิน หรือบนตัก นอกจากนี้ ยังมีขาบานพับที่ทนทาน ที่สามารถรับกับการปรับมุมบ่อยๆ

Switch Alpha 12 ทำจาก Anodized Aluminum มีความหรูหราและทันสมัย ตกแต่งด้วยลวดลายที่ลงตัว และช่วยให้พกพาได้สะดวกขณะเดินทาง

Switch Alpha 12 มาพร้อมคีย์บอร์ดขนาดใหญ่ กับปุ่มที่กว้างขวาง แต่กลับเป็นปุ่มที่บางและเบาอย่างน่าเหลือเชื่อ โดยมีความกว้าง 5.85 mm. และบางเพียง 1.4 mm ทำให้พิมพ์ได้สะดวกสบายในทุกการเดินทาง

Trackpad ขนาดใหญ่รองรับการใช้งานที่ง่ายและสะดวก มีความแม่นยำพร้อมตอบสนอง windows 10 ให้ทำงานได้อย่างราบรื่น เชื่อมต่อคีย์บอร์ดกับบานพับแม่เหล็กได้อย่างปลอดภัย เชื่อมต่อง่าย และสามารถปรับมุมให้เหมาะกับการทำงานและความชอบของลูกค้าได้ เมื่อปิดด้านบนของแท็บเล็ต แป้นพิมพ์จะช่วยปกป้องหน้าจอ เพื่อให้มั่นใจในการพกพา

นอกจากนี้ลูกค้ายังเพลิดเพลินกับการสัมผัสบนหน้าจอได้แบบ 10-point touch controls และสามารถเลือกใช้งานปากกา Acer Active Pen ที่จะช่วยให้การสัมผัสการเขียนและวาดได้ง่ายยิ่งขึ้น Acer Active Pen มีคุณสมบัติการตอบสนองที่รวดเร็ว มีความไวต่อแรงกดถึง 256 ระดับ Acer Active Pen ช่วยให้ใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น เมื่อ Windows 10 ครบรอบที่จะมาอัพเดตในฤดูร้อนนี้

การแสดงผลที่ยอดเยี่ยม

Switch Alpha 12 มีหน้าจอแสดงผลแบบสัมผัสขนาด 12 นิ้ว สีสันสดใส ซึ่งเป็นขนาดที่เหมาะสำหรับทุกคนที่จะสร้างสรรค์ แก้ไข หรือสนุกไปกับเนื้อหาระหว่างเดินทาง ด้วยเทคโนโลยี IPS ความละเอียด 2160×1440 และรองรับ Intel HD Graphics 520 ลูกค้าจะได้เพลิดเพลินไปกับหน้าจอที่สีสดใสและรายละเอียดที่คมชัด ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีเยี่ยมสำหรับการประชุมทางวีดีโอ และการเก็บความความทรงจำ กับ Switch Alpha 12 ด้วย กล้องที่มีความละเอียด 1080p ระบบเสียงแบบ Full HD และการบันทึกวีดีโอ บวกไปกับระบบเสียงที่มีประสิทธิภาพสูงของ Acer TrueHarmony ที่มีลำโพงคู่หน้า ให้ได้ประสบการณ์ด้านเสียงที่หนักแน่นและทรงพลังเพื่อการแสดงผลที่พิเศษ

เครื่องมือเหมาะสำหรับมืออาชีพ

คอมพิวเตอร์ 2 in 1 เป็นโอกาสดีสำหรับการใช้งานที่บ้านและที่โรงเรียน Switch Alpha 12 จะพร้อมให้ลูกค้าเชิงธุรกิจใช้งานได้อย่างหลากหลายรูปแบบด้วยประสิทธิภาพและคุณสมบัติที่ช่วยให้ธุรกิจและลูกค้าทุกสถาบัน ได้จัดการทำงานทุกด้านของพวกเขา มันสามารถใช้งานโน้ตบุ้คได้ทั้งแบบดั้งเดิมสำหรับการเข้าถึงข้อมูลโดยเฉพาะ เป็นจอแสดงผลสำหรับการนำเสนองาน และเป็นแท็บเล็ตที่มาพร้อมปากกาสำหรับเก็บไอเดียและสเก็ตงานคร่าวๆ รวมถึงต้นแบบธุรกิจมาบูรณาการ Trusted Platform Modules เพื่อให้แน่ใจว่าคอมพิวเตอร์มีความปลอดภัยในทุกสภาพแวดล้อมและได้มาตรฐานของ Windows 10 Pro

หลังจากเสอนแถบไอคอนที่เป็นตัวเลือกที่จะขยายความสามารถใน Switch Alpha12 ลูกค้าสามารถเชื่อมต่อ Switch Alpha 12 กับสายเคเบิลเพียงเส้นเดียวด้วย Acer USB Type-C ให้ถ่ายโอนได้ทรงพลังอย่างง่ายดาย dock นี้ใช้งานได้สะดวกและมีขนาดกะทัดรัด จะช่วยให้การรับชมวิดีโอและเสียงด้วยความเร็วสูง และการถ่ายโอนข้อมูล การเก็บพื้นที่การทำงานไม่ให้เกะกะ เชื่อมต่อได้ทันทีพร้อมการแสดงผลบนจอแสดงผลบนอุปกรณ์อื่นๆ ไปพร้อมๆ กันด้วย นอกจากนี้ ยังเชื่อมต่อผู้ใช้ทางธุรกิจที่จำเป็น รวมถึง

DisplayPort, HDMI, two USB 3.1 Type-C ports and three USB Type-A ports ตลอดจนการต่อสัญญาณเสียงสำหรับไมโครโฟนและเสียงสำหรับลำโพง อุปกรณ์เสริม Acer ProDock Wireless สามารถรองรับลูกค้าหลายรายด้วยความเร็วสูง 802.11ad wireless 4.6Gbps ในการโอนย้ายข้อมูลมากกว่า 60GHz นอกจากนี้ยังรองรับทั้ง 802.11ac และ 802.11ad สำหรับการเข้าถึงหลาย port รวมถึงการรองรับ DisplayPort, HDMI, VGA และ USB

บาง น้ำหนักเบา จากการออกแบบด้วยเทคโนโลยีล่าสุด

Acer Switch Alpha 12 บาง และ เบา ด้วยขนาดเพียง 292.1 x 201.4 (D) x 15.85 (H) mm (11.5 x 7.93 x 0.62 inches) และหนักเพียง 1250 กรัม เป็นน้ำหนักเมื่อแท็บเล็ตและคีย์บอร์ดเชื่อมต่อกัน ส่วนแท็บเล็ตอย่างเดียวมีขนาดความสูงเพียง 9.5mm (0.37 นิ้ว) และหนัก 900 กรัม

Switch Alpha 12 มีพื้นที่จัดเก็บข้อมูล 128GB, 256GB หรือ 512GB SSD และสามารถเข้าถึงไฟล์เพิ่มเติมบนช่อง MicroSDXC เครื่องที่จะเสนอเป็น 4GB หรือ 8GB ของ LPDDR3 SDRAM มันมีความบางและเปลี่ยนกลับ USB 3.1 Type-C เพื่อการโอนถ่ายข้อมูลที่รวดเร็วถึง 5Gbps จากอุปกรณ์ต่อพ่วงที่เชื่อมต่อเพื่อแบ่งปันวีดีโอและพลังงานบนอุปกรณ์อื่น นอกจากนี้ Switch Alpha 12 ยังเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่อพ่วงอื่นด้วย Bluetooth 4.0

รวดเร็วด้วยระบบสองคลื่นความถี่ 2×2 MU-MIMO 802.11ac/a/b/g/n ช่วยให้การเชื่อมต่อ Wi-Fi บน Switch Alpha 12 ของลูกค้าเชื่อต่อได้เร็วขึ้นถึงสามเท่าเมื่อเทียบกับ 802.11n

 

ราคาและการจัดจำหน่าย

Acer Switch Alpha 12  จะวางจำหน่ายในอเมริการเหนือ ในเดือนมิถุนายน ราคาเริ่มต้นที่ $599, ที่  EMEA ในเดือนพฤษภาคม ราคาเริ่มต้นที่ €699 และที่ประเทศจีน ในเดือนพฤษภาคม ราคาเริ่มต้นที่ ¥5,999 และพร้อมขายไทยประมาณปลายสิงหาคมที่จะถึงนี้

สเปค ราคา และการจัดจำหน่ายจะแตกต่างกันไปตามแต่ละภูมิภาค เพื่อหาข้อมูลการวางจำหน่าย สเปคสินค้าและราคา กรุณาติดต่อสอบถามศูนย์บริการ Acer หรือตัวแทนจำหน่ายที่ใกล้เคียง

from:http://notebookspec.com/pr-acer-switch-alpha-12-2-in-1-notebook/357721/

[Dell] เปิดตัว Inspiron 17 7000 โน๊ตบุ๊คแบบ 2-in-1 รุ่นขนาดจอ 17 นิ้วตัวแรกของโลกพร้อมวางตลาดภายในปีนี้

กระแสโน๊ตบุ๊คแบบ 2-in-1 นั้นมาแรงจริงๆ หล่ะครับ โดยเฉพาะในงาน Computex 2016 ที่ผ่านมานั้นไม่เพียงแค่ ASUS เท่านั้นที่ได้ทำการเปิดตัวโน๊ตบุ๊คแบบ 2-in-1 รุ่นใหม่ออกมา ทว่าทาง Dell ก็ได้เปิดตัวโน๊ตบุ๊ตแบบ 2-in-1 ในซีรีส์ Inspiron ออกมาด้วยพร้ิมกันถึง 3 รุ่น 3 ขนาดหน้าจอได้แก่

Inspiron 17 7000 2-in-1 ซึ่งเป็นโน๊ตบุ๊คแบบ 2-in-1 ตัวแรกของโลกที่มาพร้อมกับขนาดหน้าจอ 17 นิ้ว, Inspiron 5000 ที่มาพร้อมกับขนาดหน้าจอ 13 และ 15 นิ้วกับรุ่นน้องเล็ก Inspiron 11 3000 ที่มาพร้อมกับขนาดหน้าจอ 11 นิ้วครับ

เริ่มกันที่น้องเล็กก่อนอย่าง Inspiron 11 3000 ที่มาพร้อมกับขนาดหน้าจอ 11.6 นิ้วและเน้นไปที่ตลาดสำหรับผู้ใช้งานที่มีงบประมาณจำกัดทำให้มันมาพร้อมกับหน้าจอที่รองรับความละเอียดสูงสุดที่ระดับ 1366 x 768 pixels เท่านั้นแถมชิปเซ็ทที่ใช้งานนั้นก็เป็นรุ่นเล็กอย่าง Intel Core M3 อีกด้วยต่างหาก(ดีที่ไม่ใช่ตระกูล Atom) แต่ก็อย่างว่าหล่ะครับ ราคาเริ่มต้นของ Inspiron 11 3000 นั้นจะอยู่ที่ $249 หรือประมาณ 8,970 บาทเท่านั้น งานนี้น่าจะเหมาะกับนักเรียนนักศึกษาได้เป็นอย่างดีครับ

หมายเหตุ – Inspiron 11 3000 เริ่มวางจำหน่ายในประเทศจีนและสหรัฐอเมริกาแล้วตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมา

หมายเหตุ 2 – Inspiron 11 3000 มีตัวเลือกแหล่งเก็บข้อมูลแบบ HDD และ SSD(จะราคาจะเพิ่มขึ้นไปสูงพอควร) และจะมาพร้อมกับพอร์ทเชื่อมต่อ USB 3.0 และ Micro SD media card reader ตามมาตรฐานทั่วไป

ขยับกันมาที่รุ่นใหญ่หน่อยอย่าง Inspiron 5000 ที่จะมีขนาดหน้าจอให้เลือกที่ 2 ขนาดคือ 13 และ 15 นิ้วรองรับความละเอียดที่ระดับ Full HD โดยสเคปทั่วไปนั้นก็จะสูงกว่ารุ่น Inspiron 3000 ไม่ว่าจะเป็นตัวเลือกชิปเซ็ทหน่วยประมวลผลที่ดีกว่า(มีให้เลือกได้สูงสุดถึงหน่วยประมวลผลสถาปัตยกรรม Skylake ของทาง Intel รุ่น Core i7 เป็นรุ่นสูงสุด)

หน่วยความจำที่สามารถเลือกได้มากกว่า(สูงสุดที่ 16 GB แบบ DDR4), รวมไปถึงแหล่งเก็บข้อมูลที่มากกว่า(โดยมีให้เลือกทั้งแบบ HDD และ SSD) จุดที่เด็ดสุดของ Inspiron 5000 คงหนีไม่พ้นตัวเลือกกล้องอินฟราเรดที่รองรับกับการใช้งานฟีเจอร์ Windows Hello บน Windows 10 ราคาเริ่มต้นของ Inspiron 5000 นั้นจะอยู่ที่ $529 หรือประมาณ 19,050 บาทครับ

หมายเหตุ – Inspiron 5000 เริ่มวางจำหน่ายในประเทศจีนและสหรัฐอเมริกาแล้วตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมา

หมายเหตุ 2- ซีรีส์ Inspiron 5000 จะมาพร้อมกับ True-life LED-Backlit Touch Display

ปิดท้ายกันที่รุ่นใหญ่สุดอย่าง Inspiron 7000 ที่จะมีขนาดหน้าจอให้เลือกที่ 3 ขนาดคือ 13, 15 และ 17 นิ้วรองรับความละเอียตั้งแต่ระดับ Full HD ขึ้นไป โดยสเคปทั่วไปนั้นก็จะสูงกว่ารุ่น Inspiron 3000 ไม่ว่าจะเป็นตัวเลือกชิปเซ็ทหน่วยประมวลผลที่ดีกว่า(มีให้เลือกได้สูงสุดถึงหน่วยประมวลผลสถาปะตยกรรม Skylake ของทาง Intel รุ่น Core i7 หรือหน่วยประมวลผลของทาง AMD),

หน่วยความจำที่สามารถเลือกได้มากกว่า(สูงสุดที่ 16 GB แบบ DDR4), รวมไปถึงแหล่งเก็บข้อมูลที่มากกว่าและเป็นแบบ SSD จุดที่เด็ดสุดของ Inspiron 7000 คงหนีไม่พ้นตัวเลือกกล้องอินฟราเรดที่รองรับกับการใช้งานฟีเจอร์ Windows Hello บน Windows 10 และการมาพร้อมกับพอร์ทเชื่อมต่อรุ่นใหม่อย่าง USB Type-C และ DisplayPort ด้วยครับ ทั้งนี้เริ่มต้นของ Inspiron 7000 นั้นจะอยู่ที่ $749 หรือประมาณ 29,970 บาทครับ

หมายเหตุ – Inspiron 7000 เริ่มวางจำหน่ายในประเทศจีนและสหรัฐอเมริกาแล้วตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมา

หมายเหตุ  2 – ซีรีส์ Inspiron 7000 จะมาพร้อมกับ Standard Waves MaxxAudio Pro audio software เพื่อเพิ่มความสามารถในการรับฟังเพลงหรือภาพยนตร์ให้เหมาะกับผู้ใช้ได้ครับ

ที่มา : theverge

from:http://notebookspec.com/dell-launches-the-worlds-first-17-inch-2-in-1-laptop/351318/

[Microsoft] ลือ Surface book 2 ติด i7-7600U / GT 1040M เปิดตัวเดือนหน้า

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมากระแสโน้ตบุ๊ค 2-in-1 ในสไตล์ถอดจอได้ หรือแม้แต่พับได้นับได้ว่าเป็นที่นิยมมากๆ จากทั้งการทั้งผลักทั้งดันของ Microsoft เอง รวมถึงความหลายในการใช้งานที่ผู้ใช้ต้องการมากยิ่งขึ้น แน่นอน หนึ่งในนั้นต้องเป็น Surface book จาก Microsoft นับเป็นโน้ตบุ๊ค Hybrid ที่น่าสนใจมากด้วยความเบาบาง แต่สเปคล้ำหน้าคู่แข่งอย่าง Apple นับว่าเป็นโน้ตบุ๊ค 2-in-1 2016 ตัวนี้ถึงสมบูรณ์แบบมากๆ

 

 

Microsoft Surface book 2

ยิ่งกับล่าสุดตามข่าวลือที่เผยแพร่ออกมา ดูเหมือน Microsoft ยังไม่หยุดความสมบูรณ์แบบเอาไว้แค่นั้น แต่ได้กำลังพัฒนา Surface book 2 รุ่นใหม่ๆ ที่ว่ากันว่าจะดีกว่าเดิมในทุกๆ ด้านโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านของการจัดสรรพลังงานที่ยังเป็นรองคู่แข่ง รวมไปถึงอัดสเปคให้เร็วแรงมากขึ้น

ที่ว่ากันว่า Surface book 2 มาพร้อมคีย์ฟีเจอร์ที่น่าสนใจทั้งจาก Intel Core i5 / i7 (Kaby Lake)7th generation ที่แรงเร็วแต่ประหยัดพลังงานมากกว่าเดิม คาดว่าจะเป็น Core i5-7300U หรือ i7-7600U รุ่นพิเศษ พร้อมกราฟฟิกการ์ดอย่าง GeForce GT 1040M ที่อาจจะเป็นชิป Pascal บนหน้าจอแสดงผล 13.5 นิ้วความละเอียด 3000 x 2000 px ไปจนถึง 4K และแน่นอนว่าต้องมี Type-C USB port (USB 3.1) บนน้ำหนักตัวราว 1.5 กิโลกรัมคล้ายๆ กับ Surface book ตัวก่อน

น่าสนใจมากๆ เลยใช่ไหมละครับกับข่าวลือที่หลุดออกมา ซึ่งต้องย้ำกันอีกทีว่าเป็นเพียงแค่ข่าวลือที่มีมูลเท่านั้น เพื่อนๆ ที่สนใจต้องรอดูกันต่อไปว่าสรุปสุดท้ายแล้ว Surface book 2 จะเป็นอย่างที่ว่ากันไว้หรือไม่ แต่ที่แน่ ADBIG เชื่อว่ามีความเป็นได้อย่างแน่นอน ถ้ามาเดี๋ยวเราได้เห็นกันในงาน Computex 2016 แน่นอน!!! มารอดูกัน!!!

from:http://notebookspec.com/surface-book-2-i7-7600u-gt-1040m/347624/

[Review] Dell Inspiron 7568 โน้ตบุ๊ค 15″ สุดหรู ที่มาพร้อมกับความสามารถ 2-in-1 พับจอได้

โน้ตบุ๊คแบรนด์ Dell ได้รับความน่าเชื่อถือมาอย่างยาวนานและเป็นที่นิยมในการใช้งานกับองค์กรและภาคธุรกิจอย่างมากมาย ทั้งมาตรฐานการบริการ Dell ProSupport และ On-site Service “บริการซ่อมตรงถึงที่ ทุกที่ ในอีก 1 วันทำการ” ถึง 2 ปีด้วยกัน มาพร้อมดีไซน์ที่เรียบๆ แต่แฝงความหรูหรา รวมถึงโดยทั่วไปแล้วคนมักจะมองว่าแบรนด์ Dell เป็นแบรนด์ระดับสูง เพราะผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในท้องตลาดนั้นค่อนข้างจะอยู่ในเกรดที่สูงกว่าโน้ตบุ๊คทั่วไปนั่นเอง

โดยล่าสุดทางทาง Dell ได้นำเสนอ Dell Inspiron 7568 ที่เป็นโน้ตบุ๊คหน้าจอ 15 นิ้ว สุดหรู ที่มาพร้อมกับความสามารถ 2-in-1 พับจอได้ ส่วนสเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7 และแรมขนาด 8GB สำหรับความละเอียดหน้าจอก็เป็นระดับ Full HD ให้ภาพคมชัดสวยงามสมจริง มุมมองกว่า พร้อมใช้งานด้วย Windows 10 สนนราคา Dell Inspiron 7568 อยู่ที่ 39,990 บาท

from:http://notebookspec.com/review-dell-inspiron-7568/344408/

[2-in1 Notebook] มีปัญหาทางด้านอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่อยู่ไม่ยืด และใน 4 ปีนี้จะมีส่วนแบ่ง 25%

คงต้องยอมรับกันจริงๆ หล่ะครับว่าในช่วงที่ผ่านมานั้นกระแสของโน๊ตบุ๊คแบบ 2-in-1 ที่สามารถถอดหน้าจอออกเพื่อใช้งานในรูปแบบของแท็บเล็ตหรือจะเชื่อมกับส่วนที่เป็นคีย์บอร์ดเพื่อใช้งานแบบโน๊ตบุ๊คก็ได้นั้นมาแรงจริงๆ ความดีความชอบนี้คงต้องมอบให้กับทาง Microsoft ที่ยืนหยัดกับซีรีส์ Surface จนทำให้เกิดเป็นกระแสจนกระทั่งมีหลายๆ ผู้ผลิตทำตามกันออกมามากมาย แถมเหนือไปกว่านั้นก็คือบริษัทวิเคราะห์ตลาดรายใหญ่อย่าง IDC ยังได้ทำนายตลาดไว้อีกด้วยครับว่าภายหลังจากนี้ไปอีก 4 ปียอดส่งออกของโน๊ตบุ๊คแบบ 2-in-1 นี้จะสามารถครองส่วนแบ่งในตลาดคอมพิวเตอร์ PC ได้ถึง 1 ใน 4 ส่วนเลยทีเดียวอีกด้วยต่างหาก

อย่างไรก็ตามแต่แล้วภายใต้ความสดใหม่และดีไซน์อันเพียวบางของโน๊ตบุ๊คแบบ 2-in-1 นั้นมีปัญหาที่ยิ่งใหญ่ซ่อนเอาไว้อยู่ครับ ปัญหาดังกล่าวนั้นก็คือปัญหาเรื่อง “อายุการใช้งานแบตเตอรี่ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง” ซึ่งเวลาใช้ๆ งานอยู่เนี่ยผู้ใช้หลายๆ คนอาจจะเจอปัญหาที่ระบบปฎิบัติการ Windows บนเครื่องโน๊ตบุ๊คแบบ 2-in-1 นั้นขึ้นหน้าจอแบบรูปภาพทางด้านล่างนี้ครับ

ทาง LaptopMag โดย Sam Rutherford(ซึ่งเป็นที่มาของบทความนี้) ได้บอกเอาไว้เลยครับว่าตั้งแต่ในการทดสอบโน๊ตบุ๊คแบบ 2-in-1 ของทาง LaptopMag กับเครื่องโน๊ตบุ๊คแบบ 2-in-1 มานั้นพวกเขา(ทางเว็บไซต์ LaptopMag) ได้เจอปัญหานี้กับเครื่องโน๊ตบุ๊คแบบ 2-in-1 ทุกรุ่นที่ผ่านเข้ามาให้พวกเขาได้ทำการทดสอบ และไม่ต้องไปไกลเลยครับจากประสบการณ์ส่วนตัวของผมเองนั้นเครื่อง Lenovo Miix 700 ที่มาพร้อมกับหน่วยประมวลผลอย่าง Intel Core m5-6Y54 ที่ว่ากันว่าประหยัดพลังงานแล้วก็เจอปัญหานี้บ่อยๆ เหมือนกันครับ

ทั้งนี้ทั้งนั้นจากการทดสอบอายุการใช้งานโดยรวมของโน๊ตบุ๊คแบบ 2-in-1 จากทาง LaptopMag นั้นเมื่อดูอายุการใช้งานแบตเตอรี่ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งแบบเฉลี่ยเครื่องที่ทาง LaptopMag ทดสอบมาทั้งหมดนั้นจะมีเวลาเฉลี่ยอยู่ที่ 5.57 ชั่วโมงเท่านั้นต่างจาก Ultrabook ที่มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งแบบเฉลี่ยอยู่ที่ 8 ชั่วโมงซึ่งทำให้เห็นได้ถึงความแตกต่างอย่างชัดเจนของอุปกรณ์ทั้ง 2 ประเภทนี้เป็นอย่างมากครับ

จากภาพเปรียบเทียบอายุการใช้งานของโน๊ตบุ๊คแบบ 2-in-1 ทั้งหมดที่ LaptopMag ทำการทดสอบทางด้านบนโดยมีการกำหนดความสว่างของหน้าจอของเครื่องทดสอบไว้ที่ 100 nits และใช้งานในการเข้าถึงเว็บไซต์ต่างๆ เรื่อยๆ ผ่านทาง WiFi จะเห็นได้ว่า Samsung Galaxy TabPro S มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่นานสุดตามมาด้วย HP Spectre x2, Microsoft Surface Pro 4, Lenovo Miix 700 และ Dell XPS 12 ตามลำดับ ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้นั้นต่างก็ใช้ระบบปฎิบัติการ Windows โดยจากภาพกราฟการทดสอบทางด้านบนจะเห็นได้ครับว่าอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้งแตกต่างจากอุปกรณ์ในลักษณะเดียวกันที่ใช้ระบบปฎิบัติการ iOS(อย่าง iPad Pro) และ Android(อย่าง Pixel C) เป็นอย่างมาก(เกือบเท่าตัว)

หมายเหตุ – โน๊ตบุ๊คแบบ 2-in-1 ทั้งหมดที่อยู่ในกราฟการทดสอบนั้นใช้หน่วยประมวลผลของ Intel ซีรีส์ Core M ทั้งหมดเว้น Microsoft Surface Pro 4 ที่ใช้หน่วยประมวลผล Intel Core i5-6300U

ทั้งนี้อาจจะมีหลายๆ ท่านถามถึง Surface Book ของทาง Microsoft ครับว่าเป็นอย่างไรบ้าง ทาง LaptopMag ก็มีคำตอบให้เช่นเดียวกันว่า Surface Book นั้นมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่เฉลี่ยอยู่ที่ 12.5 ชั่วโมง(ภายใต้การทดสอบเดียวกันกับเครื่องรุ่นอื่น) ซึ่งถือว่าน่าประทับใจมากเลยทีเดียวแต่ทว่าภายใต้ความน่าประทับใจนั้นก็มีคำถามเกิดตามมาต่อครับว่าทั้งๆ ที่ลักษณะ From Factor ของ Surface Book และ Surface Pro 4 รวมไปถึงเครื่องรุ่นอื่นๆ ที่อยู่ในการทดสอบก็คล้ายๆ กันแต่ทำไมผลการทดสอบถึงได้ห่างกันแบบสิ้นเชิงขนาดนี้

คำตอบของปัญหานี้ตอบได้ไม่ยากเลยครับ สาเหตุที่ทำให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้งของ Surface Book และ Surface Pro 4 รวมไปถึงเครื่องรุ่นอื่นๆ ต่างกันมากก็เป็นเพราะ Surface Book มีการออกแบบให้มีแบตเตอรี่อีกก้อนหนึ่งอยู่บนส่วนของคีย์บอร์ดด้วยครับ อย่างไรก็ตามแต่ด้วยราคาของ Surface Book ที่เริ่มต้นที่ $1,499 หรือประมาณ 53,970 บาทนั้นก็คงเอาไปเทียบกับโน๊ตบุ๊คแบบ 2-in-1 ตัวอื่นๆ ที่อยู่ในการทดสอบได้หล่ะครับที่สำคัญไปกว่านั้นแล้วตำแหน่งทางการตลาดของ Surface Book นั้นทาง Microsoft ก็วางไว้ให้เป็นคู่แข่งกับ MacBook Pro นู่นเลยครับ

สาเหตุของปัญหาเรื่องอายุการใช้งานแบตเตอรี่เฉลี่ยบนโน๊ตบุ๊คแบบ 2-in-1 ที่ทาง LaptopMag จำแนกไว้นั้นน่าสนใจครับ ซึ่งสาเหตุต่างๆ เหล่านั้นมีดังต่อไปนี้ครับ

• สาเหตุแรกคือดีไซน์ของตัวเครื่องที่นิยมการมาพร้อมกับความบางเฉียบจนไปเทียบกับแท็บเล็ตได้นั่นแหละครับ ด้วยดีไซน์บางเฉียบที่ดูสวยงามและพกพาสะดวกก็จริงแต่ท้ายที่สุดแล้วปัญหาเรื่องของอายุการใช้งานแบตเตอรี่เฉลี่ยของโน๊ตบุ๊คแบบ 2-in-1 นั้นก็ส่งผลให้ผู้ใช้ยังคงจำเป็นที่จะต้องพกพามันไปไหนมาไหนกับที่ชาร์จด้วยอยู่ดีเพราะว่าหากจะพกตัวเครื่องไปเปล่าๆ แล้วนั้นคงจะไม่สามารถใช้งานได้พ้น 1 วันทำงานแน่ครับ
• สาเหตุที่สองคือหน้าจอขนาด 12 นิ้วที่มาพร้อมกับความละเอียดระดับเกิน Full HD ขึ้นไปตั้งแต่ 2736 x 1824 pixels บน Surface Pro 4 ไปจนถึงระดับ Quad HD ในเครื่องรุ่นอื่นๆ ซึ่งถามว่าการที่เครื่องมาพร้อมกับหน้าจอที่มีความละเอียดสูงนี้ดีไหมต้องตอบว่าดีนะครับเพราะนอกจากจะทำให้การแสดงผลดูคมชัดสวยงาม, มีพื้นที่ในการทำงาน ฯลฯ แล้วยังถือว่าบริษัทผู้ผลิตไม่กั๊กเทคโนโลยีมาให้ผู้ใช้ด้วย ทว่าในทางกลับกันมันก็ได้กลายมาเป็นดาบ 2 คมเพราะการที่หน้าจอมาพร้อมกับความละเอียดสูงมากขึ้นเท่าไรนั่นหมายความว่ามันต้องใช้พลังงานมากขึ้นเท่านั้น(เหมือนกับหน้าจอของสมาร์ทโฟนแหละครับ) — อย่างไรก็ตามแต่ด้วยขนาดหน้าจอที่ระดับ 12 นิ้วนั้นถามว่าความละเอียดที่ให้มาระดับ Quad HD จำเป็นไหมคำตอบก็คือไม่ครับเพราะถึงพื้นที่การใช้งานบน Windows จะมากขึ้นแต่ทว่าไอคอนต่างๆ รวมไปถึงตัวหนังสือที่เห็นจะเล็กลงตามไปด้วยครับ

หมายเหตุ – สาเหตุดังกล่าวทั้ง 2 นี้เกิดขึ้นมาแล้วกับวงการณ์สมาร์ทโฟนที่เห็นได้ว่าผู้ผลิตพยายามในการเร่งในอุตสาหกรรมหน้าจอสมาร์ทโฟนมาพร้อมกับความละเอียดระดับสูงและดีไซน์ของตัวเครื่องที่บางลงเรื่อยๆ เร็วมากจนเกินไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้โดยที่ไม่พัฒนาเรื่องของแบตเตอรี่ตามไปด้วย ผลลัพธ์ก็คือผู้ใช้ต้องทนใช้สมาร์ทโฟนที่อายุการใช้งานหมดอย่างรวดเร็วไปพักใหญ่จนกว่าเทคโนโลยีของแบตเตอรี่หรือการจัดการการใช้งานแบตเตอรี่ของระบบปฎิบัติการบนสมาร์ทโฟนจะสามารถทำได้ดีกว่านี้ครับ

ณ เวลานี้อาจจะยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีมากนักที่คุณจะทำการซื้อโน๊ตบุ๊คแบบ 2-in-1 รุ่นในปัจจุบันมาใช้งานครับถ้าคุณมองอายุการใช้งานแบตเตอรี่เฉลี่ยต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้งเป็นจุดสำคัญ ทว่าถ้าหากคุณอยากจะยังใช้โน๊ตบุ๊คแบบ 2-in-1 จริงๆ อยู่หล่ะก็ลองมองเครื่องรุ่นเก่าอย่าง Surface Pro 3 ที่มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่เฉลี่ยอยู่ที่ 7.27 ชั่วโมงหรือจะเป็น Surface 3 ที่มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่เฉลี่ยอยู่ที่ 8.01 ชั่วโมง(แต่ว่าตัวหลังนี้ใช้หน่วยประมวลผล Atom ที่ไม่ค่อยจะเร็วมากเท่าไร) ดูจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า

หรือถ้าคุณไม่ติดว่าโน๊ตบุ๊คแบบ 2-in-1 ที่คุณจะซื้อมาใช้นั้นจะต้องเป็นแบบที่ถอดหน้าจอออกได้(เพราะถ้าจะแนะนำ Surface Book หลายท่านก็อาจจะบอกว่าแพงไป) ลองดูโน๊ตบุ๊คแบบ 2-in-1 แบบที่มีฝาพับติดอยู่แต่สามารถหมุนหน้าจอได้ 360 องศาอย่างเช่น Lenovo Yoga 900 ที่มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่เฉลี่ยอยู่ที่ 7.57 ชั่วโมงและ HP Spectre x360 13t ที่มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่เฉลี่ยอยู่ที่ 8.26 ชั่วโมงแทนดูก็ได้ครับ(แต่ถ้าคุณไม่ได้รีบมากก็รออีกนิดในช่วงกลางปีนี้ไปน่าจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงกันหล่ะครับ)

ที่มา : laptopmag

from:http://notebookspec.com/windows-detachables-have-big-battery-life-problem/344143/

[Acer] Aspire Alpha 12S Notebook 2-in-1 ตัวใหม่ที่มาพร้อมระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว

ดูเหมือนว่า Acer Aspire 12 S แท็บเล็ตแบบ hybrid ระบบปฎิบัติการ Windows 10 จะยังเก็บความสำเร็จไปได้ไม่นานเท่าไรทาง Acer ก็ได้ทำการสานต่อความสำเร็จแบบไม่ให้ผู้ใช้ไม่ทันได้ตั้งตัวโดยการพัฒนารุ่นสานต่ออย่าง Acer Aspire Alpha 12 S Windows 10 hybrid ออกมาต่อแล้ว โดยเมื่อไม่นานมานี้นั้นได้มีภาพของ Acer Aspire Alpha 12 S หลุดออกมาบนเว็บไซต์ RedDot โดยมีการระบุรายละเอียดเอาไว้เล็กน้อยแต่ก็มากพอที่จะทำให้ Acer Aspire Alpha 12 S กลายเป็น hybrid ที่ใครหลายๆ คนให้ความสนใจและรอคอยได้ครับ ก่อนอื่นไปดูภาพกันก่อนดีกว่าครับว่า Acer Aspire Alpha 12 S Windows 10 hybrid นั้นจะดูสวยงามน่าใช้ขนาดไหน

จากภาพนั้นจะเห็นได้ว่า Acer Aspire Alpha 12 S ค่อนข้างที่จะเหมือนกับ Surface มากกว่า Acer Aspire 12 S พอสมควรครับ โดยตัวเครื่องนั้นจะมาพร้อมกับคีย์บอร์ดขนาดที่บางมากๆ ยึดติดกับส่วนของหน้าจอซึ่งส่วนของหน้าจอนั้นจะสามารถตั้งได้โดยจะมีฐานตั้งในลักษณะของรูปตัว U ปรากฎอยู่ทางด้านหลัง เมื่อมองไปทางซ้ายของตัวเครื่องและสังเกตดีๆ คุณจะเห็นส่วนที่เหมือนกับเป็นช่องสำหรับเอาไว้เสียบอะไรสักอย่างซึ่งในเว็บไซต์ RedDot นั้นคาดว่าน่าจะเอาไว้ใช้สำหรับการเสียบเก็บสไตลัสครับ

ที่ด้านข้างของตัวเครื่องส่วนหน้าจอที่ดูเหมือนจะบางมากทว่าจะเห็นได้ครับว่ามันยังคงมีพอร์ทเชื่อมต่อแบบ USB 3.0 แบบ Full size อยู่ด้วยและแน่นอนว่าเมื่อมองลงมาทางด้านล่างจะเห็นพอร์ทการเชื่อมต่อแบบใหม่ที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบันอย่าง USB Type-C อีกหนึ่งพอร์ทครับ ที่น่าสนใจไปกว่านั้นก็คือบนเว็บไซต์ RedDot ระบุเอาไว้ด้วยครับว่า Acer Aspire Alpha 12 S นั้นจะมาพร้อมกับระบบระบายความร้อนแบบใช้ของเหลวโดยไม่มีปั้มสำหรับการปั้มไหลเวียนของเหลวเพื่อการทำงานที่เงียบที่สุดของตัวเครื่อง ซึ่งระบบดังกล่าวนี้มีชื่อว่า Cardiac thermal liquid cooling system ที่รับประกันประสิทธิภาพในการระบายความร้อนว่าคุณจะต้องชอบอย่างแน่นอนครับ

นอกไปจากนั้นแล้วบนเว็บไซต์ RedDot ยังได้มีการเผยภาพ Lenovo Yoga Book ซึ่งจะเป็น 2-in-1 รุ่นใหม่ของทาง Lenovo ในซีรีส์ Yoga ที่มาพร้อมกับระบบปฎิบัติการ Android สามารถใช้งานได้ทั้งในรูปแบบของแท็บเล็ตและโน๊ตบุ๊ค ขาพับของตัวเครื่อง Yoga Book นั้นมาพร้อมกับนวัตกรรมแบบ 3 axis ทำให้คุณสามารถที่จะพับหน้าจอหมุนรอบได้ 360 องศา ตัวเครื่องมีความหนาโดยรวมอยู่ที่ 9.6 mm เท่านั้นซึ่งถือว่าเป็น 2-in-1 ที่บางมากๆ ตัวหนึ่งครับ

ทั้งนี้ Yaga Book นั้นจะมาพร้อมกับสไตลัสแบบ intellipen ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการผสมผสานระหว่างหมึกธรรมดากับเทคโนโลยีแบบดิจิทัลเข้าไว้ด้วยกัน แบตเตอรี่ของตัวเครื่องนั้นก็สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนานถึง 15 ชั่วโมงต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้งแถมเวลาที่ใช้ในการชาร์จเต็มหนึ่งครั้งนั้นก็ไม่นานอย่างที่คุณคิดด้วยอีกต่างหากครับ

หมายเหตุ – ทั้งนี้ยังคงไม่มีข้อมูลระบุครับว่า Acer Aspire Alpha 12 S และ Lenovo Yoga Book จะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อไรและสเปคเมื่อเปิดตัวอย่างเป็นทางการจะแตกต่างไปจากนี้หรือไม่ หากมีความคืบหน้าอย่างไรทางทีมงานจะนำมารายงานให้ทุกท่านได้ทราบกันต่อไปครับ

ที่มา : mspoweruser

from:http://notebookspec.com/new-acer-aspire-12-s-windows-10-hybrid-with-advanced-liquid-cooling-leaks/343194/

[Preview] HP Elite x2 1012 สุดยอดโน้ตบุ๊ค 2-in-1 สำหรับมืออาชีพที่เหนือกว่า ท้าชนกับ Surface !!!

อาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่ของใครหลายๆ คน กับโน้ตบุ๊ค 2-in-1 ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติการใช้งานได้ทั้งโน้ตบุ๊คหรือแท็บเล็ต ซึ่งที่ผ่านมาก็มีผลิตภัณฑ์ออกมาเรื่อยๆ หลากหลายแบรนด์ด้วยกัน แต่ที่ฮือฮากันที่สุดก็คงเป็นในส่วนของ Microsoft Surface Pro 4 โดยล่าสุดทาง HP ได้พร้อมท้าชนแล้ว กับการนำเสนอ HP Elite x2 1012 ที่เป็นโน้ตบุ๊ค 2-in-1 ระดับมืออาชีพ ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติที่เหนือกว่าหลายๆ อย่าง

ไม่ว่าจะเป็นงานประกอบและดีไซน์ คุณสมบัติที่ทันสมัยที่สุด อุปกรณ์เสริมที่มีอย่างครบครัน รวมไปถึงการรับประกันและการบริการขั้นเทพ ด้วย On-site Service ระยะเวลา 3 ปี อย่างไรก็ตามก็มีข้อสังเกตุว่าชิปประมวลผลเป็น Intel Core m เท่านั้น ไม่ได้มีตัวเลือกเป็น Intel Core i แต่อย่างใด อีกทั้งหน้าจอก็เป็นความละเอียด Full HD

ก่อนอื่นขอลงรายละเอียดสิ่งที่ HP Elite x2 1012 เหนือกว่า Microsoft Surface Pro 4

• ติดตั้งพอร์ต USB Type-C มาในตัว รองรับการใช้งานหลากหลาย
• มาพร้อมระบบความปลอดภัยระดับองค์กรครบครัน
• ดีไซน์สวยสุดๆ พร้อมกับความทนทานระดับกองทัพสหรัฐ
• อุปกรณ์เสริมมีมากมาย ตามลักษณะการใช้งานของแต่ละคน
• มีการรับประกันระยะถึง 3 ปี แบบ On-Site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน

โดยที่ HP Elite x2 1012 มาในรูปลักษณ์ที่มีความบางเบามากกว่าโน้ตบุ๊ค 2-in-1 ทั่วไป ซึ่งมีความบางของตัวเครื่องอยู่ที่ประมาณ 8.1 มิลลิเมตร เท่านั้น และหนักไม่ถึงหนึ่งกิโลกรัม รวมถึงมีลักษณะการใช้งานในสไตล์ของ Microsoft Surface Pro 4 ที่ทำเป็นแบบแท็ปเล็ตและมีขาตั้งด้านหลัง พร้อมคีย์บอร์ดมาให้ รวมถึงเพิ่มสไตลัสมาในตัว พร้อมพลังในการทำงานเช่นเดียวกับ Surface Pro 4 ด้วยหน่วยประมวลผล Intel Core m Gen 6 และหน้าจอขนา 12 นิ้ว ให้ความละเอียด 1920 x 1280 พิกเซล พาเนลคุณภาพสูง IPS รองรับการทัชสกรีน 10 จุดและปากกาสไตลัส HP Active Pen

ปากกาสไตลัส HP Active Pen ทาง HP ได้ร่วมกับ Wacom ในการผลิต โดยตัวสไตลัสจะมีความสามารถเหมือนกันกับสไตลัสของ Surface Pro 4 ทุกอย่าง เช่นจะมาพร้อมกับความสามารถในการใช้งานแบบ N-Trig, มีปุ่มบนตัวสไตลัสจำนวน 2 ปุ่มทางด้านข้างและทางด้านบน (ซึ่งปุ่มทางด้านบนจะเอาไว้ใช้สำหรับการรันโปรแกรม OneNote) และที่สำคัญสไตลัสนี้ยังรองรับระดับแรงกดได้มากถึง 2,048 ระดับเลยทีเดียว ส่วนลำโพงคู่หน้าและระบบเสียงทรงพลัง จาก Bang & Olufsen ที่ขึ้นชื่อ

ฐานตั้งหน้าจอของ HP Elite x2 early 2016 นั้นทาง HP ยืนยันว่าแข็งแรงและทนทาน โดยสามารถที่จะทำการตั้งหน้าจอให้ทำมุมได้มากสุดถึง 150 องศา โดยการตั้งหน้าจอที่มุม 150 องศานี้ทาง HP บอกว่าจะเหมาะสมเป็นอย่างมากกับการใช้งานด้วยสไตลัสในการทำงานต่างๆ

และหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญก็คือ มีการใช้งานบนระบบปฏิบัติการ Windows 10 โดยใน HP Elite x2 1012 มีความทนทานสูง ผลิตขึ้นจากโลหะผสมอลูมิเนียมและยังผ่านการทดสอบ Military Standard ซึ่งทำให้ตัวเครื่องสามารถทนฝุ่นและน้ำ พร้อมหน้าจอในแบบ Corning Gorilla Glass 4 ที่ทนต่อรอยขีดข่วน พอร์ตรองรับ USB 3.0 และ USB Type-C รวมถึง Thunderbolt 3 ผู้ใช้สามารถเลือกการใช้งาน 4G LTE สำหรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในแบบ on-the-go ได้เลย

สำหรับที่ชาร์จของ HP Elite x2 1020 นั้นจะมีขนาดเล็กพอเหมาะเนื่องจากว่าสเปกภายในไม่ค่อนกินพลังงานเท่าไหร่ จะเห็นได้ว่าพอร์ทที่ใช้สำหรับการชาร์จนั้นจะเป็น Thunderbolt 3 ซึ่งจัดว่าเป็นพอร์ตที่สุดยอดและทันสมัยที่สุดไปแล้ว โดยผลิตขึ้นมาจากวัสดุ 7000-series Aluminum เป็นองค์ประกอบในส่วนของฐานตั้งหน้าจอและส่วนอื่นๆ ใช้วัสดุเป็น 6000-series Aluminum (มีน้ำหนักน้อยกว่าซีรีส์ 7000)

นอกจากนี้ HP ยังได้นำเสนอ Travel Keyboard ที่มีความเบาและบางแต่เป็นลักษณะของฮาร์ดคีย์บอร์ดที่เหมือนกับโน้ตบุ๊คปกติทั่วไปแน่นอนมีไฟ backlight ในตัว หรือคีย์บอร์ดแบบรองรับงานหนักๆ ร่วมกับฟีเจอร์ NFC และ Smart Card Reader อีกด้วย ซึ่ง HP ได้พัฒนา Elite x2 1012 ให้มี Dock ที่ง่ายต่อการใช้ในการเชื่อมต่อพอร์ตต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Thunderbolt 3 ในการเชื่อมต่อกับ HP Elite USB-C Docking station เป็นต้น รวมไปถึงยังมี Docking แบบไร้สายด้วย ทำให้เราสามารถเข้าภาพขึ้นจอหรือข้อมูลผ่านยังการเชื่อมต่อ WiGig ได้ เรียกได้ว่าเหนือชั้นจริงๆ

ในส่วนของระบบความปลอดภัย HP Elite x2 1012 มาพร้อมกับ HP Sure with Dynamic Protection, TPM และระบบสแกนลายนิ้วมือหรือตัวอ่านมีเดียการ์ด ถ้าเกิดความเสียหาย ก็ยังมีบริการแบบ On-site Service ระยะเวลา 3 ปีอีกด้วย สนนราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 38,990 บาท สเปกเป็นชิปประมวลผล Intel Core M3-6Y30 แรม 4GB และ SSD 128GB มาพร้อมปากกาสไตลัส HP Active Pen (ไม่มี Travel Keyboard) ซึ่งมีสเปกต่างๆ ดังต่อไปนี้

HP Elite x2 1012 สเปกและราคาที่จำหน่ายในไทย

• Core M3-6Y30 / RAM 4GB / SSD 128GB : ราคา 38,990 บาท
• Core M5-6Y57 / RAM 4GB / SSD 128GB / Travel Keyboard : ราคา 49,990 บาท*
• Core M5-6Y57 / RAM 8GB / SSD 256GB / Travel Keyboard : ราคา 57,990 บาท*
• Core M7-6Y57 / RAM 8GB / SSD 512GB / Travel Keyboard : ราคา 66,990 บาท*

* มี HP Fingerprint Reader ** สามารถออฟชั่นเพิ่มการรองรับ 4G LTE ได้

*** ทาง HP ยังได้มีการเตรียมอุปกรณ์เสริมแยกขายต่างหากเพื่อใช้งานร่วมกับ HP Elite x2 1020 เอาไว้อีกมากมาย

เอาเป็นว่าใครสนใจกับโน้ตบุ๊ค 2-in-1 ก็ลองดูเป็น HP Elite x2 1012 ได้นะครับ ส่วนบทความรีวิวรอติดตามกันได้ แต่ถ้าใครอดใจไม่ไหวต้องสั่งซื้อแล้ว ก็เข้าไปที่ www.hpstorethailand.com กันได้เลย

 

from:http://notebookspec.com/preview-hp-elite-x2-1012-2-in-1-notebook/339595/

[Preview] Lenovo Yoga 900 ไฮบริดโน้ตบุ๊ค Multi mode 2-in-1 ที่ดีที่สุด

หลังจากที่ทาง NBS นำเสนอการเปิดตัวโปรดักส์ใหม่ๆ ของ Lenovo สุดปัง!!! เปิดตัวของใหม่ YOGA 900, MIIX 700, ideapad 700 ที่มีทั้งหรูทั้งคุ้มค่า กันไปแล้วในบทความนี้เราจะมาเจาะลึกโปรดักส์อย่าง Lenovo YOGA 900 ที่หลายๆ สื่อหลายๆ สำนักให้นิยามว่าเป็น โน้ตบุ๊ค Multi mode 2-in-1 ที่ดีที่สุด ให้ลึกลงไปอีก

 

 

Lenovo Yoga 900 

ย้อนกลับไปเมื่อปีก่อน หลายๆ คนที่รู้คุ้นเคยกับ Lenovo Yoga 3 Pro ที่ ณ ตอนนี้ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในเรื่องของความขาดๆ เกินทั้งที่ถูกตั้งความหวังไว้มากทีเดียว ด้วยหน่วยประมวลผลจาก Intel ที่ติดตั้งมาทำประสิทธิภาพได้ไม่ดีพอ ถึงแม้ตัวเครื่อง Yoga 3 Pro จะมีความเพรียบพร้อมสมบูรณ์แบบมากในขณะนั้นๆ ก็ตามที

 

 

แต่กับ Lenovo Yoga 900 รุ่นล่าสุดในปี 2016 ได้ลบล้างความน่าผิดหวังของผู้พี่กับการเปลี่ยนแปลงแบบยกเครื่องให้สามารถปรับ พับและหมุนได้ 360 องศา บนบานพับแบบเดียวกับสายนาฬิกา ที่มีมากกว่า 800 ชิ้นส่วน แน่นอนว่าทำให้แข็งแรงทนทานแม้พับ หมุน เป็นล้านๆ ครั้ง ช่วยปรับสภาพการทำงาน Multi mode ให้เหมาะสมกับผู้ใช้ได้อย่างน่าสนใจเลยทีเดียว มาพร้อมความบางเฉียบ 14.9 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักเพียง 1.29 กิโลกรัมเท่านั้น

 

 

Lenovo Yoga 900 มาพร้อมการออกแบบหรูหรา เลิศเหรอ Luxury สุดๆ เพราะใช้วัสดุอย่าง Magnesium Alloys แข็งแรงทนทาน แต่มีน้ำหนักที่เบามากๆ บนสีสุดไฮโซอย่าง Champagne Gold ส่งเสริมภาพลักษณ์ และบุคคลิกของผู้ใช้ให้ดูสง่ามากขึ้นไปอีก บนความจุแบตเตอรี่ที่การันตีได้เลยว่าใช้ต่อเนื่องได้ตลอดทั้งวันยาวนานถึง 10 ชั่วโมงต่อเนื่อง

สเปคของระบบ Lenovo Yoga 900 ประสานสเปคที่เร็ว แรง ให้การใช้งานได้อลังการณ์ไม่แพ้การออกแบบของเครื่องเลยด้วยชิปประมวลผลเจนเนอเรชั่นใหม่ Intel 6th Generation “Skylake” ที่มีการจัดสรรพลังงานที่ดีขึ้น บนประสิทธิภาพที่สูงมากกว่าเดิมถึง 20% ไม่ว่าจะบันเทิง ดูหนัง ฟังเพลง หรือใช้งานจริงจังก็ทำได้อย่างเพอร์เฟ็ค

 

Lenovo Yoga 900 – สนนราคา 65,990 บาท

สเปค

• หน้าจอแสดงผลขนาด 13.3 นิ้ว ความละเอียด 3200 x 1800 พิกเซล 300 nits
• รองรับการทัชสกรีน 10 จุด พาเนล IPS คุณภาพสูงให้ความสวยงามสมจริงแบบสุดๆ
• ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i7-6500U
• ให้แรมมาขนาด 8GB
• ที่เก็บข้อมูลความเร็วสูงแบบ SSD ที่ความจุ 512GB
• กล้อง Webcam 1MP 720p HD CMOS Camera
• ระบบเสียง JBL Stereo Speakers with Dolby DS 1.0
• ระบบปฏิบัติการ Windows 10

พอร์ตเชื่อมต่อ

• 2 x USB Type A 3.0
• 1 x USB Type C 3.0 with Video-out
• 1 x DC-in with USB 2.0 Function
• 4-in-1 Card Reader (SD, MMC, SDXC, SDHC)
• Audio Combo Jack
• WiFi 2 x 2 802.11 a/c, Bluetooth 4.0

 

ในภาพรวมต้องบอกว่า Lenovo Yoga 900 นับเป็น โน้ตบุ๊ค Multi mode 2-in-1 ที่ดีที่สุด ที่ดีที่สุดจาก Lenovo และนับได้ว่าเป็น ไฮบริดโน้ตบุ๊ค Multi mode 2-in-1 ที่ดีที่สุดในโลก ณ เวลานี้เลยก็ว่าได้ ทั้งจากความหรูหราของการออกแบบ การใช้งานที่ทำได้หลากหลาย แบตเตอรี่ที่อยู่ได้ตลอดทั้งวัน และประสิทธิภาพที่นับว่าดีที่สุดในคลาส

from:http://notebookspec.com/lenovo-yoga-900-preview/338822/

[Hybrid Notebook] เผยโฉมภายใน Lenovo Yoga 710 เล็กแต่อัพเกรดได้ SSD PCIe

หลายคนอาจจะเคยได้เห็นข่าวของโน๊ตบุ๊ก Yoga 510/710 กันมาบ้างแล้ว โดยในงาน MWC 2016 ที่บาเซโลน่า ก็ได้มีการเผยโฉมโน๊ตบุ๊กขนาดเล็ก 11 นิ้ว ในรุ่น Yoga 710 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงองค์ประกอบภายในที่ทาง Lenovo ได้จัดวางลงมาในพื้นที่เล็กๆ โดยที่ Yoga ใหม่นี้ มาพร้อมจอภาพแบบ IPS ความละเอียด Full HD และใช้ซีพียู Intel Skylake พร้อมแรม 8GB รวมถึง SSD 256GB ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ 40Wh รองรับการใช้งานได้ 8 ชั่วโมงต่อการชาร์จครั้งเดียว โดยมีน้ำหนักประมาณ 1 กิโลกรัม

1.เปิดฝาปิดด้านล่าง คงอาจจะไม่ได้คาดหวังว่าจะมีอะไรเป็นทางเลือกในการอัพเกรดได้เยอะสำหรับ Yoga 710 ด้วยขนาดที่เล็ก แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือ การเปิดฝาปิดที่ง่ายกว่าเดิม ด้วยการใช้สกรูจำนวน 11 ตัว และใช้แผ่นพลาสติกในการแกะฝาครอบออกมา

 

2.องค์ประกอบภายในมีให้เลือกปรับใช้ได้เยอะ เพราะถ้ามองจากรูป จะเห็นได้ว่าคุณสามารถเลือกอัพเกรดบางสิ่งได้ ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่ WiFi module หรือจะเป็น SSD และที่ไม่น่าเชื่อก็คือ เป็นแบบ PCIe ซึ่งไม่ใช่แบบ SATA อีกต่อไป ที่จะได้เต็มๆ ก็คือ ความเร็วในการทำงานที่สูงขึ้น

แบตเตอรี่เป็นส่วนที่ใช้พื้นที่จำนวนมากที่สุด โดยถ้าดูจากภายใน จะมองไม่เห็นพัดลมระบายอากาศเลยด้วยซ้ำ ส่วนหนึ่งก็เพราะการใช้ซีพียู Intel Core M ที่ไม่ต้องใช้พัดลมระบายความร้อน ด้วยค่า TDP เพียง 4.5W เท่านั้น เมื่อไม่ต้องมีระบบระบายความร้อนให้วุ่นวาย ก็จะลดพื้นที่ภายในลงไปได้เยอะ เช่นเดียวกับ Yoga 710 รุ่นนี้

Specification

• CPU : Intel Core M Skylake
• RAM : 8GB (1x 8192MB) – DDR3
• GPU : Intel HD Graphics 5300
• HDD/SSD : 128GB SSD (M.2 Samsung)
• Display : 11.6-inch IPS multi-touch, Full HD (1920×1080) resolution, glossy
• Connectivity : 1×1 Wi-Fi 802.11ac, Bluetooth 4.0
• Other features
• 1x USB 3.0, 1x mini HDMI, 3.5 mm combo audio jack, 360-degree rotatable hinge
• Battery : 40Wh
• Thickness : 14.9 mm (0.59″)
• Weight : 1042 g (2.3 lbs)

ที่มา : laptopmedia

from:http://notebookspec.com/inside-lenovo-yoga-710-11-inch-disassembly-internal-photos/338509/

[Lenovo] เปิดตัวโน๊ตบุ๊ครุ่น Yoga 710 และ 510 แถมด้วย 2-in-1 อย่าง Ideapad Miix 310 อีกรุ่น

ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี้ในงาน Mobile World Congress ทาง Lenovo ได้จัดเต็มทำการเปิดตัวโน๊ตบุ๊คและ 2-in-1 ออกมาพร้อมกันถึง 3 รุ่นได้แก่ Yoga 710, Yoga 510 และ Ideapad Miix 310 ซึ่งจากชื่อรุ่นนั้นเชื่อเลยครับว่าทุกท่านน่าจะพอคุ้นๆ กันเป็นอย่างดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ 2-in-1 Ideapad Miix 310 รุ่นอัพเกรดจาก Miix 300 ที่ขายดีค่อนข้างมากเลยทีเดียว แต่ละรุ่นจะมีสเปคเป็นอย่างไรและน่าสนใจมากแค่ไหนนั้นไปติดตามกันได้เลยครับ

Lenovo Yoga 710

Lenovo Yoga 710 รุ่นขนาดหน้าจอ 14 นิ้ว

เริ่มต้นกันที่รุ่นใหญ่สุดก่อนอย่างโน๊ตบุ๊ค convertible รุ่น Yoga 710 ที่ถูกซอยออกเป็น 2 รุ่นย่อยตามขนาดหน้าจอคือ 710-11ISK ที่มีขนาดหน้าจออยู่ที่ 11 นิ้วและ 710-14ISK ที่มีขนาดหน้าจออยู่ที่ 14 นิ้ว โดยความแตกต่างของทั้ง 2 รุ่นนั้นนอกจากจะเป็นส่วนของขนาดหน้าจอแล้วยังต่างกันในสเปคบางส่วนอีกด้วยต่างหากดังต่อไปนี้ครับ

ทั้งนี้ด้วยความที่โน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ใช้ชื่ออยู่ในซีรีส์ Yoga ซึ่งบ่งบอกความเป็นโน๊ตบุ๊ค convertible ทำให้คุณสามารถที่จะปรับการใช้งาน Yoga 710 ได้ทั้งหมดถึง 4 โหมดได้แก่ notebook, stand, tent และ tablet ครับ ทาง Lenovo ได้บอกเอาไว้ว่า Yoga 710 รุ่นขนาดหน้าจอ 14 นิ้วนั้นจะเหมาะสมกับผู้ที่ต้องการเครื่องที่มีประสิทธิภาพมากกว่าและพอร์ทการเชื่อมต่อที่มากกว่าครับ ทั้งนี้ Yoga 710 จะพร้อมวางจำหน่ายในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ครับ

Lenovo Yoga 510 หรือ “Flex 4″

Lenovo Yoga 510 รุ่นขนาดหน้าจอ 14 นิ้ว

ต่อกันที่รุ่นกลางอย่าง Yoga 510 ที่ยังคงเป็นโน๊ตบุ๊ค convertible ทำให้คุณสามารถที่จะปรับการใช้งาน Yoga 510 ได้ทั้งหมดถึง 4 โหมดได้แก่ notebook, stand, tent และ tablet ได้เหมือนกับ Yoga 710 ครับ นอกเหนือไปจากนั้นแล้ว Yoga 510 เองก็ได้มีการซอยแยกรุ่นออกเป็น 2 รุ่นย่อยตามขนาดหน้าจอและสเปคภายในด้วยอีกต่างหากโดยประกอบไปด้วย 510-14ISK ที่มีขนาดหน้าจออยู่ที่ 14 นิ้วและ 510-15ISK ที่มีขนาดหน้าจออยู่ที่ 15 นิ้ว สำหรับสเปคอื่นๆ ของ Yoga 510 แต่ละรุ่นนั้นจะมีดังต่อไปนี้ครับ

สำหรับรุ่น Yoga 510 นั้นจะเหมาะสมกับผู้ที่อยากได้โน๊ตบุ๊คสำหรับการเล่นเกมมากกว่าครับ(แต่ก็ไม่ถึงขั้นกับเล่นเกม 3 มิติแรงๆ ได้เหมือนกับโน๊ตบุ๊คสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะนะครับ) ราคาเริ่มต้นของ Yoga 510 รุ่นขนาดจอ 14 นิ้วนั้นจะอยู่ที่ $599 หรือประมาณ 21,570 บาทส่วนในรุ่นขนาดจอ 15 นิ้วนั้นจะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ $699 หรือประมาณ 25,170 บาทครับ ทั้งนี้ Yoga 510 จะพร้อมวางจำหน่ายในช่วงเดือนเมษายนนี้ครับ

หมายเหตุ – ราคาเริ่มต้นที่บอกนั้นคือรุ่นที่มาพร้อมกับหน่วยประมวลผล Pentium และชื่อ Flex 4 นั้นจะเป็นชื่อที่ใช้ในการขายภายในสหรัฐอเมริกาครับ

หมายเหตุ 2 – ทาง Lenovo ได้ให้ข้อมูลเอาไว้ว่า Yoga 510 สามารถที่จะใช้งานยาวนานได้ถึง 8 ชั่วโมงสำหรับการเล่นไฟล์วีดีโอที่ความละเอียดระดับ HD แบบต่อเนื่องครับ

หมายเหตุ 3 – ทั้ง Yoga 710 และ 510 จะมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ Lenovo เรียกว่า Yoga Rapid Recharge หรือเทคโนโลยีการชาร์จแบบรวดเร็วที่สามารถชาร์จเครื่องจากที่แบตหมดไปยัง 100% ได้ภายในเวลา 2 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น

Lenovo Ideapad Miix 310

ท้ายสุดกับน้องเล็กที่มาในรูปแบบของ 2-in-1 สามารถใช้งานได้ทั้งในรูปแบบของโน๊ตบุ๊คและแท็บเล็ต(สามารถถอดหน้าจอออกได้) ซึ่งเจ้า Ideapad Miix 310 นี้ก็เป็นรุ่นอัพเกรดของ Ideapad Miix 300 เมื่อปีที่แล้วนั่นเองครับ สำหรับสเปคที่เปลี่ยนไปนั้นจะมีอะไรบ้างไปติดตามกันได้เลยครับ

จากตารางจะเห็นได้ครับว่าส่วนที่เปลี่ยนไปแบบสุดๆ เลยนั้นก็คือหน่วยประมวลผลที่ใช้ของใหม่ซึ่งแน่นอนว่าย่อมมีประสิทธิภาพดีขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน ในขณะที่ราคานั้นก็ยังคงอยู่ที่ $229 หรือประมาณ 8,250 บาทเท่านั้น(คาดว่าในบ้านเราน่าจะเข้ามาเหมือนกันแล้วน่าจะมีราคาเท่าเดิมคืออยู่ที่ 8,990 หรือไม่ก็ที่ 9,990 ครับ) ทั้งนี้ Ideapad Miix 310 จะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายนนี้ครับ

ที่มา : tomshardware

from:http://notebookspec.com/lenovo-debuts-yoga-710-510-laptops-ideapad-miix-310-2-in-1/337750/