คลังเก็บป้ายกำกับ: HEADPHONE

เปิดตัวหูฟังไร้สายเรือธง Sony WH-1000XM5 มาพร้อมดีไซน์ใหม่ และระบบตัดเสียงรบกวนเยี่ยมกว่าเดิม

เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว กับหูฟังไร้สายระดับเรือธงรุ่นล่าสุดจากอย่าง Sony WH-1000XM5 เป็นรุ่นภาคต่อจาก WH-1000XM4 ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2020 นั่นเอง โดยรุ่นนี้เด่น ๆ จะเป็นเรื่องดีไซน์ใหม่เอี่ยมและปรับปรุงระบบ ตัดเสียงรบกวน ANC ให้ดีขึ้นกว่าเดิม แต่ว่าค่าตัวก็แอบเพิ่มขึ้นด้วยนะ เพราะเปิดราคามาที่ 399.99 ดอลลาร์ หรือประมาณ 13,900 บาท (รุ่นก่อนเปิดมาที่ 349 ดอลลาร์ หรือราว ๆ 12,140 บาท)

WH-1000XM5 มาพร้อมดีไซน์แบบใหม่ที่รูปทรงจะดูโค้งมนมากขึ้นกว่ารุ่นเดิม ส่วนที่คาดตรงศรีษะจะมีขนาดที่เล็กลงและบางลง ตัวเอียร์คัป ทั้งด้านซ้ายและขวา รอบนี้จะสามารถหมุนได้แล้ว (เวลาคล้องคอจะได้ไม่ค้ำตรงคาง) แต่ที่เปลี่ยนไปจากรุ่นเก่าคือเราจะไม่สามารถพับเก็บได้ ซึ่งหมายความว่าตัวเคสที่เอาไว้เก็บหูฟังตัวนี้ก็เลยต้องมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม


WH-1000XM5 มาพร้อมระบบไมโครโฟนแบบใหม่ถึง 8 ตัว และมีการเพิ่มชิป QN1 audio Processor เป็น 2 ตัว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดเสียงรบกวน ANC ของหูฟังรุ่นใหม่นี้ให้มันอเมซิ่งขึ้นไปจากรุ่นก่อนหน้านี้อีก โดยเฉพาะการตัดเสียงรับกวยในย่านกลางและย่านสูง

หูฟังรุ่นนี้ยังใช้ไดรเวอร์รุ่นใหม่ขนาด 30 มม. ซึ่งแม้ว่าจะมีขนาดเล็กกว่ารุ่นที่แล้ว (40 มม.) แต่ Sony บอกว่าไดรเวอร์ตัวนี้ถูกพัฒนาให้มีการตอบสนองกับเสียงย่านสูงได้ดีกว่า ให้คุณภาพเสียงที่เป็นธรรมชาติกว่าเดิม และยังรองรับ Codec แบบ SBC, AAC, และ LDAC Bluetooth ด้วย

WH-1000XM5 รองรับการเชื่อมต่อแบบ Bluetooth 5.2 และรองรับการเชื่อมต่อหลายอุปกรณ์ด้วย (Multipoint connection) หมายความว่า หูฟังนี้สามารถจะสลับไปมาระหว่างอุปกรณ์ที่เชื่อมไว้ได้แบบง่าย ๆ และยังรองรับ Google Fast Pair และ Windows Swift Pair เพื่อการเชื่อมต่อที่สะดวกง่ายดาย

การใช้งานแบตเตอรี่ของหูฟังรุ่นนี้สามารถใช้งานได้ยาวสูงสุดถึง 30 ชั่วโมง หากเปิดโหมดตัดเสียงรบกวน ANC และใช้งานได้มากขึ้นสูงสุดถึง  40 ชั่วโมง ถ้าปิดโหมดตัดเสียงรบกวน ANC ส่วนการชาร์จแบตเตอรี่รุ่นนี้จะผ่านพอร์ต USB-C รองรับระบบ Fast Charge ชาร์จแค่ 3 นาที ก็สามารถใช้งานต่อได้ถึง 3 ชั่วโมง (ชาร์จผ่านระบบ USB-PD)

วันที่วางขายจะพร้อมวางขายแบบ Global วันที่ 20 พฤษภาคมนี้ โดยมีราคาอยู่ที่ 399.99 ดอลลาร์หรือประมาณ 13,900 บาท ส่วนวันที่จะเข้ามาขายในบ้านเรา ต้องรอทาง Sony ประเทศไทยออกมาประกาศอีกทีนึงครับ

 

ที่มา: Sony UK

from:https://droidsans.com/sony-wh-1000xm5-officially-announced/

โซนี่เปิดตัวหูฟัง WH-1000XM5: ดีไซน์ใหม่ เพิ่มไมโครโฟน ชาร์จเร็วขึ้น

โซนี่เปิดตัวหูฟังรุ่นใหม่ในตระกูล WH-1000X มาพร้อมกับการปรับดีไซน์ใหม่หมดครั้งแรก เพิ่มไมโครโฟนเป็น 8 ตัวเพื่อการตัดเสียงรบกวนที่ดีขึ้น และใช้งานได้ 3 ชั่วโมงจากการชาร์จไฟ 3 นาที

WH-1000XM5 ได้เพิ่มไมโครโฟนขึ้นมาจากรุ่นก่อน 4 ตำแหน่ง กลายเป็น 8 ตำแหน่ง ซึ่งโซนี่ให้ข้อมูลว่าจะช่วยลดเสียงรบกวนที่ความถี่สูงลงได้อีก โดยในจำนวนนี้จะเป็นไมโครโฟนแบบ beamforming จำนวน 4 ตัวที่จะถูกใช้เป็นไมโครโฟนสนทนา ควบคู่กับการใช้ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ในการตัดเสียงรบกวนขณะสนทนา

ที่ครอบหูในรุ่นใหม่ลดแรงกดที่หูลง ภายในเป็นไดรเวอร์ขนาด 30 มิลลิเมตร ส่วนก้านที่เชื่อมที่ครอบหูเข้ากับส่วนรับศีรษะ เปลี่ยนจากแถบกว้างๆ ในรุ่นก่อนหน้ามาเป็นก้านโลหะขนาดเล็ก ที่ปรับเลื่อนความสูงของที่ครอบหูได้แบบอิสระไม่มีสเต็ป (ไม่มีเสียงคลิกเพื่อล็อกตำแหน่ง) ข้อสังเกตคือจะไม่สามารถพับหูฟังเข้าหากันเพื่อเก็บได้แบบในรุ่นก่อนแล้ว

โซนี่ให้ข้อมูลว่าแบตเตอรี่ของ WH-1000XM5 สามารถใช้ 30 ชั่วโมงต่อการชาร์จ (เมื่อเปิดใช้การตัดเสียงรบกวน) และในการชาร์จ 3 นาทีจะสามารถใช้งานได้ 3 ชั่วโมง

ฟีเจอร์ที่ยังคงมีอยู่ในรุ่นใหม่นี้ก็เช่นการเข้ารหัส LDAC เพื่อคุณภาพเสียงผ่านบลูทูธที่ดีขึ้น, สลับอุปกรณ์ไปมาระหว่างสองเครื่องได้, เปิดรับเสียงภายนอกอัตโนมัติเมื่อมีการพูดคุยกัน, เชื่อมต่อกับแอนดรอยด์ได้ง่ายด้วยฟีเจอร์ Fast Pair ของแอนดรอยด์ เป็นต้น

ขณะนี้โซนี่ยังไม่เปิดราคาจำหน่ายในไทย แต่ในสหรัฐอเมริกาจะวางจำหน่ายในราคา 399 ดอลล่าร์ หรือราว 13,900 บาท

แหล่งข้อมูล: Sony

from:https://thehaptic.co/2022/05/20038/

Bang & Olufsen เปิดตัว Beoplay EX หูฟัง True Wireless แบบมีก้าน

Bang & Olufsen เปิดตัวหูฟังรุ่นใหม่ Beoplay EX เป็ นหูฟัง True Wireless แบบมีก้านลักษณะเดียวกับ AirPods

ตัวหูฟัง Beoplay EX ทาง B&O เคลมว่าให้เสียงระดับ superior sound โดยดีไซน์ลักษณะนี้ทำให้ B&O สามารถใส่ไดรเวอร์ขนาดใหญ่ที่สุดถึง 9.2 มิลลิเมตรเข้าไปในหูฟังไร้สายได้ และทำให้ตัวหูฟังที่วางในหูขนาดเล็กลง

B&O ระบุว่า ตัวหูฟังมีฟีเจอร์ ANC เพื่อการตัดเสียงรบกวนภายนอก, กันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP57, ปรับปรุงคุณภาพการใช้งานโทรศัพท์บนตัวหูฟัง, Bluetooth 5.2 และมาพร้อมเคสชาร์จแบตที่รองรับระบบชาร์จไร้สาย โดย B&O ระบุว่า Beoplay EX สามารถใช้งานฟังเพลงได้นานสุดถึง 6 ชั่วโมงเมื่อเปิด ANC และนานสุดถึง 20 ชั่วโมงเมื่อชาร์จกับเคสไร้สาย

B&O วางจำหน่าย Beoplay EX ที่ราคา 399 ดอลลาร์ มีสีให้เลือกคือ ดำ-น้ำเงิน (Anthracite Oxygen), ทอง (Gold Tone) และดำ (Black Anthracite)

ที่มา – Engadget

No Description

No Description

from:https://www.blognone.com/node/128107

Dyson เปิดตัวหูฟังรุ่นแรกของบริษัท กรองอากาศได้ในตัว วางขายฤดูใบไม้ผลินี้

Dyson เปิดตัวหูฟังตัดเสียงรบกวนแบบบลูทูธรุ่นแรกของบริษัท ชื่อ Dyson Zone แต่ยังไม่ทิ้งคอนเซปต์ความล้ำด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับอากาศ เพราะเป็นหูฟัง over-ear ที่สามารถกรองอากาศได้ โดยจะดูดอากาศมากรองทางหูฟัง และปล่อยออกมาที่ด้านหน้าของผู้ใช้ ที่จะไม่ได้สัมผัสกับใบหน้าโดยตรง แต่จะปล่อยอากาศบริสุทธิ์ออกมาบริเวณใกล้ปากและจมูก เพื่อให้หายใจเข้าไปได้แทน

ตัวที่ปล่อยอากาศด้านหน้าสามารถเปิดปิดได้ ปรับเปลี่ยนความแรงได้ มีระบบอัตโนมัติที่ใช้ accelerometer จับความเร็วของผู้ใช้ เพื่อตรวจสอบว่ากำลังวิ่งอยู่หรือไม่ และปรับแรงลมให้แรงขึ้นตามอัตโนมัติ และสามารถถอดเปลี่ยนเป็นอุปกรณ์เพื่อใช้ร่วมกับหน้ากากที่ปิดใบหน้าได้

ส่วนตัวช่วยในการหายใจและอุปกรณ์ต่างๆ ใช้ระบบแม่เหล็กยึด สามารถถอดออกได้หากต้องการใช้แค่หูฟัง ตัวหูฟังเองมี Active Noise Canceling มีโหมด Transparency และชาร์จผ่าน USB-C เชื่อมต่อผ่าน Dyson Link แต่ยังไม่ระบุความจุแบตเตอรี ชั่วโมงการใช้งาน รวมไปถึงยังไม่เปิดเผยราคา เปิดเผยแค่วางจำหน่ายฤดูใบ้ไม้ผลิ หรือเดือนกันยายน-พฤศจิกายนปีนี้

No Description

ที่มา – The Verge

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/127843

6 หูฟังเบสหนักเสียงแน่น ฟังเพลงสะใจทุกแนว เริ่ม 3,990 บาท อัพเดทปี 2022

หูฟังเบสหนักปี 2022 นี้มีตัวเลือกให้ซื้อมากมาย ฟังเพลงสะใจแน่นอน

headphonecover

รสนิยมการฟังเพลงของหลายคนแตกต่างกัน บางคนชอบฟังแนวสบายๆ หรือหลายคนที่เน้นเสียงเบสแล้วหาหูฟังเบสหนักเอาไว้ฟังเพลง ปัจจุบันนี้จะมีรุ่นเด็ดน่าใช้ให้เลือกซื้อกันมากมายทีเดียวไม่ว่าจะเป็นแบบ In-Ear, Earphone ให้ขนาดตัวหูฟังไม่ใหญ่มากพกพาได้ง่าย แต่ถ้าใครเน้นคุณภาพเสียงจัดเต็มไม่มีปัญหาเรื่องพกพาก็มีคนที่ซื้อเป็น Headphone มาใช้แล้วครอบศีรษะหรือคล้องคอเป็นเครื่องประดับไปเลยก็มี

Advertisementavw

ข้อดีของหูฟังสไตล์ Headphone ในปัจจุบันนี้ คือเมื่อตัวบอดี้มีขนาดใหญ่ก็มีพื้นที่ติดตั้งปุ่มสำหรับตั้งค่าตัวหูฟังอย่างเพิ่มลดเสียง, เปิดหรือปิดระบบตัดเสียงรบกวนและใส่พอร์ตเชื่อมต่อหรือชาร์จแบตเตอรี่เข้ามาให้อย่างครบถ้วน เวลาฟังเพลงแล้วเสียงเบาเกินไปหรือมีคนมาคุยด้วยต้องการพูดกับคู่สนทนา ก็สามารถกดปุ่มที่ตัวหูฟังได้เลยไม่ต้องกดหยุดเพลงหรือถอดตัวหูฟังก็ได้ และนอกจากนี้ยังใส่ฟีเจอร์อื่นๆ เข้ามาให้อีกมากมายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะรุ่นอีกด้วย

หูฟังเบสหนัก

6 หูฟังเบสหนักตัวเด็ดน่าโดนเพื่อคนรักเสียงเพลง

หูฟังเบสหนักที่มีขายในประเทศไทยตอนนี้ต้องถือว่ามีรุ่นเด็ดเสียงดีที่ทางสื่อต่างประเทศยกให้เป็นหูฟังที่ฟังเพลงได้อรรถรสและเป็นแบรนด์ที่คนไทยรู้จักผสมกับแบรนด์ที่เพิ่งเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยด้วย โดยทั้ง 6 รุ่นที่ผู้เขียนเลือกมาแนะนำในบทความนี้จะมีดังนี้

  1. EMOTION MAX (3,990 บาท)
  2. Audio Technica ATH-M50x BT (7,690 บาท)
  3. Skullcandy Crusher 3.0 Wireless (7,900 บาท)
  4. Sennheiser Momentum 3 Wireless (9,999 บาท)
  5. Sony WH-1000XM4 (11,990 บาท)
  6. Beats Studio3 (12,500 บาท)
1. EMOTION MAX (3,990 บาท)

emotion max black angle 1 1

EMOTION MAX อาจจะเป็นแบรนด์ที่ยังไม่คุ้นหูคนไทยเท่าไหร่ แต่ฟีเจอร์ของหูฟังตัวนี้เรียกว่าไม่น้อยหน้ากว่าแบรนด์ชั้นนำหลายเจ้าที่คนไทยชื่นชอบแน่นอน โดย SOULEMOTION ผู้ผลิตหูฟังรุ่นนี้ก็อัดสเปคให้หูฟังตัวนี้มาอย่างเต็มที่ โดยเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.0 หรือสาย 3.5 มม. ก็ได้ รองรับการเชื่อมต่อ 2 อุปกรณ์พร้อมกัน ให้ฟังเพลงจากโน๊ตบุ๊คและรับสายจากโทรศัพท์ได้พร้อมกัน ติดตั้งปุ่มตั้งค่าหูฟังทั้งหยุด/เล่นเพลง, ปุ่ม ANC, ปุ่มปรับเพิ่ม/ลดเสียงมาให้ข้างตัวหูฟังและถอดเปลี่ยนฟองน้ำได้ด้วย

ด้านไดรเวอร์เป็นแบบนีโอไดเมี่ยมขนาด 40 มม. ให้เสียงระดับ Hi-Fi รองรับ aptX, AAC เพื่อการเชื่อมต่อที่ดี มี cVc 8.0 ฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนด้วยไมค์คู่ ทำให้ฟังเพลงได้เต็มอิ่มหรือจะเปิด Transparency Mode ฟังเสียงแวดล้อมหรือคู่สนทนาก็ได้ ใช้งานต่อเนื่องได้นานสุด 38 ชม. ถ้าเปิดระบบตัดเสียงรบกวนใช้ได้ 24 ชม. รองรับการชาร์จไวผ่าน USB-C เพียง 10 นาทีก็ฟังเพลงได้ 1.5 ชม. เรียกว่าเป็นหูฟังเบสหนักที่อาจจะยังไม่ติดหูคนไทยนักแต่น่าซื้อมาใช้เช่นกัน

สเปคของ EMOTION MAX
  • เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.0 หรือสาย 3.5 มม. รองรับการเชื่อมต่อ 2 อุปกรณ์พร้อมกัน
  • ติดตั้งปุ่มตั้งค่าหูฟังทั้งหยุด/เล่นเพลง, ปุ่ม ANC, ปุ่มปรับเพิ่ม/ลดเสียง มาให้ใช้งาน
  • ไดรเวอร์เป็นแบบนีโอไดเมี่ยมขนาด 40 มม. ให้เสียงระดับ Hi-Fi รองรับ aptX, AAC
  • cVc 8.0ตัดเสียงรบกวนด้วยไมค์คู่ เปิด Transparency Mode ฟังเสียงแวดล้อมได้
  • ใช้งานได้นานสุด 38 ชม. เปิดระบบตัดเสียงรบกวนใช้ได้ 24 ชม. ชาร์จไวผ่าน USB-C เพียง 10 นาที ฟังเพลงได้ 1.5 ชม.
  • ราคา 3,990 บาท (Asavasopon)
2. Audio Technica ATH-M50x BT (7,690 บาท)

ath

Audio Technica ATH-M50x BT รุ่นนี้ก็เป็นหูฟังเบสหนักที่น่าสนใจ โดยผู้ผลิตเคลมว่าหูฟังรุ่นนี้ให้เสียงระดับ Studio Sound เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.0 รองรับ aptX, AAC, SBC หรือ สายหูฟัง 3.5 มม. ก็ได้ จะใช้ฟังเพลงกับสมาร์ทโฟนก็รองรับการเรียก Siri, Google Assistant ต่อพีซีหรือคอนโซลเพื่อเล่นเกมก็ได้ จัดว่าใช้ดีรอบด้านน่าใช้รุ่นหนึ่ง

ตัวไดรเวอร์แม่เหล็กแร่ Rare earth ระดับ Professional grade ขนาด 45 มม. พร้อมไมค์คอนเดนเซอร์ในตัว รับเสียงแบบ Omnidirectional ติดปุ่มปรับเพิ่มลดเสียง, เปิดปิดหูฟังมาให้ มีระบบตัดเสียงรบกวน Passive noise cancelling แบตเตอรี่ใช้งานได้ 40 ชม. ชาร์จแบตเตอรี่ด้วยสาย USB ใช้เวลา 5-7 ชม. จนแบตเตอรี่เต็ม ในกล่องได้สาย iS controller cable ติดไมค์มาให้ สามารถเสียบหรือถอดจากตัวหูฟังได้ด้วย เรียกว่าเป็นหูฟังตัวเด็ดเสียงดีอีกรุ่นที่น่าเลือกซื้อมาใช้งานกัน

สเปคของ Audio Technica ATH-M50x BT
  • เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.0 รองรับ aptX, AAC, SBC หรือ สายหูฟัง 3.5 มม.
  • ติดตั้งปุ่มตั้งค่าหูฟังทั้งหยุด/เล่นเพลง, ปุ่ม ANC, ปุ่มปรับเพิ่ม/ลดเสียง มาให้ใช้งาน
  • ไดรเวอร์แม่เหล็ก Rare earth ระดับ Professional grade ขนาด 45 มม.
  • ไมค์คอนเดนเซอร์ในตัว รับเสียงแบบ Omnidirectional
  • ระบบตัดเสียงรบกวน Passive noise cancelling
  • ใช้งานได้นานสุด 40 ชม. ชาร์จผ่าน USB 5-7 ชม. จนเต็ม
  • ราคา 7,690 บาท (Munkonggadget)
3. Skullcandy Crusher 3.0 Wireless (7,900 บาท)

7665 14568

Skullcandy Crusher 3.0 Wireless เป็นหูฟังที่สายฟังเพลงหลายคนเลือกซื้อมาฟังเพลงกันและมีจุดเด่นเรื่อง Sensory Bass ทำให้เบสหนักแน่นปรับได้ด้วยแถบเลื่อนที่ตัวหูฟัง ทำให้ผู้ใช้เลือกปรับเสียงเบสได้ตามสไตล์การฟังเพลงได้สะดวกขึ้นและมีปุ่มปรับเพิ่มลดเสียงและเล่น/หยุดเพลงติดมาด้วย

ด้านการเชื่อมต่อรองรับ Bluetooth หรือสาย 3.5 มม. ก็ได้ ด้านไดรเวอร์มีขนาด 35 มม. ดีไซน์ให้ตัดเสียงรบกวนและเข้ากับหูของผู้ใช้ได้พอดี มีไมโครโฟนติดตั้งมาให้ใช้พูดคุยกับคู่สนทนาได้ ส่วนแบตเตอรี่ในตัวสามารถใช้ฟังเพลงได้นานสุด 40 ชม. รองรับการชาร์จไว 10 นาทีใช้งานได้ 3 ชม. จากตัวสไลด์ปรับเสียงเบสก็พูดได้ชัดเจนว่าเป็นหูฟังที่เหมาะกับคนรักเสียงเบสอย่างแน่นอน และใช้งานได้ทั้งพีซีและสมาร์ทโฟนอีกด้วย

สเปคของ Skullcandy Crusher 3.0 Wireless
  • เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth หรือ สายหูฟัง 3.5 มม.
  • ติดตั้งปุ่มตั้งค่าหูฟังทั้งหยุด/เล่นเพลง, ปรับเพิ่ม/ลดเสียง และตัวสไลด์เพิ่มเสียงเบส
  • ไดรเวอร์ขนาด 35 มม. ออกแบบให้ตัวครอบหูฟังปิดหูพอดีเพื่อตัดเสียงรบกวน
  • ติดตั้งไมโครโฟนมาเพื่อคุยสายสนทนาได้
  • ใช้งานได้นานสุด 40 ชม. ชาร์จไวผ่าน USB 10 นาที ใช้ได้ 3 ชม.
  • ราคา 7,900 บาท (Munkonggadget)
4. Sennheiser Momentum 3 Wireless (9,999 บาท)

Sennheiser Momentum 3 Wireless ตัวนี้เชื่อว่าใครเห็นชื่อก็รู้ว่าเป็นหูฟังเน้นฟังเพลงอย่างแน่นอน โดยดีไซน์หูฟังจะเป็นโครงโลหะสวยงามแข็งแรงและปุ่มด้านข้างหูฟังสำหรับปรับเพิ่มลดเสียง, เล่นเพลง ฯลฯ ตั้งค่าหูฟังกับ EQ รวมทั้งอัพเดทเฟิร์มแวร์หูฟังด้วยแอพฯ Sennheiser Smart Control โหลดได้ทั้ง Android, iOS รองรับ Google Assistant, Siri รองรับแอพฯ TILE สำหรับหาหูฟังเวลาหาไม่เจอ นอกจากนี้ยังมีระบบ Auto Pause เมื่อถอดหูฟังออกและเปิดอัตโนมัติเมื่อกางหูฟังและสวมกลับก็เล่นเพลงทันทีเรียกว่าครบเครื่องทีเดียว

การเชื่อมต่อรองรับ Bluetooth 5.0 รองรับ aptX, aptX Low Latency, AAC, SBC หรือสายหูฟัง 3.5 มม., NFC ไดรเวอร์ตอบสนองความถี่ 6 Hz – 22 kHz จัดว่าตอบสนองได้ถี่มาก เปิดระบบตัดเสียงรบกวนได้ 3 ระดับตั้งแต่ตัดเสียงเล็กน้อยไปจนตัดเสียงทั้งหมดเพื่อฟังเพลงอย่างเดียวก็ได้ แบตเตอรี่ในตัวใช้งานได้ 17 ชม. ชาร์จผ่าน USB-C ได้ ซึ่งผู้เขียนเห็นฟว่าถ้าใครรักการฟังเพลงและชอบหูฟังเบสหนักแน่นก็ลงทุนซื้อของดีไปฟังเพลงเลยก็ได้

สเปคของ Sennheiser Momentum 3 Wireless
  • เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.0 รองรับ aptX, aptX Low Latency, AAC, SBC หรือสายหูฟัง 3.5 มม.
  • ติดตั้งปุ่มตั้งค่าหูฟังทั้งหยุด/เล่นเพลง, ปรับเพิ่ม/ลดเสียง ตั้งค่าด้วยแอพฯ Sennheiser Smart Control มี Auto Pause
  • ไดรเวอร์ตอบสนองความถี่ 6 Hz – 22 kH 
  • มีระบบตัดเสียงรบกวน 3 ระดับ เลือกได้ตั้งแต่ตัดเสียงเล็กน้อยจนตัดทั้งหมด
  • ใช้งานได้นานสุด 17 ชม. ชาร์จด้วยสาย USB-C ได้
  • ราคา 9,999 บาท (Munkonggadget)
5. Sony WH-1000XM4 (11,990 บาท)

sony

Sony WH-1000XM4 เป็นหูฟังเบสหนักรุ่นอัพเกรดจาก WH-1000XM3 รุ่นก่อนหน้านี้ให้คุณภาพเสียงดียิ่งขึ้น รองรับเสียง Hi-Res, LDAC รองรับ Google Assistant, Alexa ตั้งค่าและอัพเดทเฟิร์มแวร์ได้ด้วย Sony Headphone Connect โหลดได้ทั้ง Android และ iOS ติดตั้งชิปเสียงแบบ AI “DSEE Extreme” ให้เสียงดิจิตอลมีรายละเอียดและคุณภาพเสียงดีขึ้น จำลองเสียงได้รอบด้านแบบ 360 Reality Audio 

ด้านการเชื่อมต่อหูฟังรองรับ Bluetooth 5.0 รองรับ SBC, AAC, LDAC หรือสายหูฟัง 3.5 มม. จับคู่กับอุปกรณ์ต่างๆ ได้รวดเร็วด้วย NFC มี Google Fast Pair ในตัว ใช้ไดรเวอร์แม่เหล็กนีโอดิเมียมพร้อมไดอะแฟรม LCP ขนาด 40 มม. ให้เสียงดีฟังเพลินพร้อม Sense Engine ปรับเสียงอัตโนมัติตามกิจกรรมของเราพร้อมชิป Sony QN1 ตัดเสียงรบกวนได้อย่างละเอียดและปรับเป็นโหมด Ambient เพื่อรับเสียงภายนอกและแตะหูฟังเพื่อเปิด Quick Attention เพื่อคุยกับคู่สนทนาชั่วคราวก็ได้ ส่วนแบตเตอรี่ในตัวสามารถฟังเพลงได้นานสุด 30 ชม. รองรับชาร์จไวด้วยสาย USB-C เพียง 10 นาทีฟังเพลงได้ 5 ชม. เรียกว่าเป็นหูฟังเบสหนักน่าใช้อีกรุ่นหนึ่งเลย

สเปคของ Sony WH-1000XM4
  • เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.0 รองรับ SBC, AAC, LDAC หรือสายหูฟัง 3.5 มม. มี NFC รองรับ Google Fast Pair
  • ติดตั้งปุ่มตั้งค่าหูฟังทั้งหยุด/เล่นเพลง, ปรับเพิ่ม/ลดเสียง ตั้งค่าด้วยแอพฯ Sony Headphone Connect
  • ไดรเวอร์แม่เหล็กนีโอดิเมียมพร้อมไดอะแฟรม LCP ขนาด 40 มม. มี Sense Engine, DSEE Extreme, 360 Reality Audio
  • มีระบบตัดเสียงด้วยชิป QN1 เลือกเป็น Ambient ได้ มี Quick Attention
  • ใช้งานได้นานสุด 30 ชม. ชาร์จไวด้วยสาย USB-C เพียง 10 นาทีใช้ได้ 5 ชม.
  • ราคา 11,990 บาท (Sony Thailand)
6. Beats Studio3 (12,500 บาท)

studio3 pdp p03

Beats Studio3 รุ่นนี้เรียกว่านอกจากสไตล์สวยดูดีแล้ว ยังเป็นหูฟังเบสหนักเพื่อชาว iOS โดยเฉพาะ เพราะติดตั้งชิป Apple W1 สำหรับเชื่อมต่อกับ iPhone, iPad อย่างรวดเร็วและเสถียรเอาไว้ให้ มี Pure ANC สำหรับตัดเสียงรบกวนจากภายนอกและปรับโทนเสียงแบบอัตโนมัติให้คุณภาพเสียงตอนฟังเพลงฟังได้ดีสุดตลอดการใช้งาน รองรับ Siri ด้วย

การเชื่อมต่อรองรับ Bluetooth 4.0 หรือเชื่อมต่อด้วยสาย 3.5 มม. ใช้กับ Android ได้ด้วย ไดรเวอร์เป็นแบบปรับโทนเสียงตามสภาพแวดล้อมอัตโนมัติให้เสียงออกมาดีที่สุด รองรับ Audio Sharing แชร์เพลงให้หูฟัง Beats หรือ AirPods รุ่นอื่นได้ คุมผ่านปุ่มโลโก้ b ของ Beats ที่ตัวหูฟังทั้งปรับเสียง, เล่นเพลงโทรออกรับสายก็ได้ในปุ่มเดียว แบตเตอรี่หูฟังใช้งานได้ 40 ชม. ถ้าเปิดตัดเสียงรบกวนเหลือ 22 ชม. รองรับชาร์จไว 10 นาทีฟังเพลงได้ 3 ชม. ซึ่งถ้าใครใช้อุปกรณ์ iOS เป็นหลักแล้วชอบหูฟังเบสหนักๆ ล่ะก็ สามารถเลือก Beats Studio3 ตัวนี้ไปใช้งานได้เลย

สเปคของ Beat Studio3
  • เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.0 หรือสาย 3.5 มม. รองรับ มีชิป Apple W1 รองรับ Siri มี Audio Sharing
  • คุมผ่านปุ่มโลโก้ b ของ Beats ที่ตัวหูฟังทั้งปรับเสียง, เล่นเพลงโทรออกรับสาย
  • มีระบบตัดเสียง Pure ANC และปรับโทนเสียงแบบอัตโนมัติ
  • ใช้งานได้นานสุด 40 ชม. เปิด ANC เหลือ 22 ชม. ชาร์จไว เพียง 10 นาทีใช้ได้ 3 ชม.
  • ราคา 12,500 บาท (Apple Thailand)

สรุปสเปคหูฟังเบสหนัก 6 รุ่นเด็ดแนะนำสำหรับคนฟังเพลง

สำหรับหูฟังเบสหนักทั้ง 6 รุ่น จะมีรุ่นน่าสนใจให้เลือกมากมายทีเดียว ซึ่งสเปคโดยสรุปเป็นดังนี้

สเปคหูฟังเบสหนัก การเชื่อมต่อและปุ่มควบคุม ไดรเวอร์และฟีเจอร์พิเศษ ระบบตัดเสียงรบกวน ระยะเวลาใช้งาน ราคา
EMOTION MAX Bluetooth 5.0

สายหูฟัง 3.5 มม.

มีปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง, เล่น/หยุดเพลง, ANC

นีโอไดเมี่ยมขนาด 40 มม.

เสียง Hi-Fi

aptX, AAC

cVc 8.0

Transparency Mode

38 ชม.

เปิดตัดเสียงรบกวนใช้ได้ 24 ชม.

ชาร์จไว 10 นาทีฟังได้ 1.5 ชม.

สาย USB-C

3,990 บาท
Audio Technica ATH-M50x BT Bluetooth 5.0

สายหูฟัง 3.5 มม.

มีปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง, เล่น/หยุดเพลง, ANC

แม่เหล็ก Rare earth

Professional grade 45 มม.

Passive noise cancelling 40 ชม.

ชาร์จ USB 5-7 ชม.

7,690 บาท
Skullcandy Crusher 3.0 Wireless Bluetooth 5.0

สายหูฟัง 3.5 มม.

มีปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง, เล่น/หยุดเพลง, ตัวสไลด์เพิ่มเสียงเบส

ไดรเวอร์ 35 มม. ออกแบบตัวครอบหูฟังให้พอดีหูเพื่อตัดเสียงรบกวน 40 ชม.

ชาร์จไว 10 นาทีฟังได้ 3 ชม.

7,900 บาท
Sennheiser Momentum 3 Wireless Bluetooth 5.0 รองรับ aptX, aptX Low Latency, AAC, SBC

สายหูฟัง 3.5 มม.

มีปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง, เล่น/หยุดเพลง

ตั้งค่าด้วยแอพฯ Sennheiser Smart Control

ไดรเวอร์ตอบสนองความถี่
6 Hz – 22 kH 
ระบบตัดเสียงรบกวน 3 ระดับ 17 ชม. ชาร์จด้วยสาย
USB-C
9,999 บาท
Sony WH-1000XM4 Bluetooth 5.0 รองรับ SBC, AAC, LDAC

สายหูฟัง 3.5 มม.

NFC รองรับ Google Fast Pair

ตั้งค่าด้วยแอพฯ Sony Headphone Connect

ไดรเวอร์แม่เหล็กนีโอดิเมียมพร้อมไดอะแฟรม LCP ขนาด 40 มม. 

Sense Engine

DSEE Extreme

360 Reality Audio

ชิป QN1 เลือกเป็น Ambient ได้

Quick Attention

30 ชม.

ชาร์จไวด้วย USB-C เพียง 10 นาทีใช้ได้ 5 ชม.

11,990 บาท
Beats Studio3 Bluetooth 5.0

สายหูฟัง 3.5 มม.

Apple W1

Audio Sharing

ไดรเวอร์ปรับโทนเสียงแบบอัตโนมัติ Pure ANC 40 ชม.

ANC เหลือ 22 ชม.

ชาร์จไว 10 นาทีใช้ได้ 3 ชม.

12,500 บาท

สำหรับคนที่มองหาหูฟังเบสหนักดีๆ เอาไว้ฟังเพลงสักตัวจะเห็นว่าผู้เขียนเลือกแนะนำเป็นรุ่นราคาสูงสักหน่อย เนื่องจากคุณภาพเสียงและฟีเจอร์และกำลังขับเสียงจะดีกว่า สามารถฟังเพลงได้อรรถรสยิ่งขึ้นด้วย นอกจากนี้หูฟังหลายๆ รุ่นก็มีผู้ขายหลายเจ้าจัดเซลส์ราคาพิเศษเป็นระยะๆ อยู่แล้ว ซึ่งอาจจะรอช่วงลดราคาตอนนั้นแล้วค่อยสั่งซื้อก็ได้ จะได้ราคาคุ้มค่ายิ่งขึ้นอย่างแน่นอน


บทความที่เกี่ยวข้อง

katana cover

tws cover

headphone cover

from:https://notebookspec.com/web/637786-6-heavy-bass-headphone-for-music-lover

รีวิว RAZER KAIRA X หูฟังเล่นเกม เสียงดี ใส่สบาย

RAZER KAIRA X เป็นหูฟังแบบเฮดโฟนที่ออกแบบมาเพื่อชาวคอนโซลโดยเฉพาะ ด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ทั้ง XBOX และ PS5 หรือจะใช้เพื่ออุปกรณ์อื่นก็ได้หมด ดีไซน์มินิมอล ใช้งานง่าย และที่สำคัญ ราคาคุ้ม แต่จะน่าสนใจอย่างไร ไปชมกัน

RAZER KAIRA XRAZER KAIRA X ที่ทีมงานได้มาทดสอบจะมีทั้งเวอร์ชั่นสีขาวดำ ที่ออกแบบมาเพื่อ PS5 และ สีเขียวดำในแบบ XBOX โดยดูเผินๆ จะเหมือนกับ RAZER KRAKEN X ที่ทีมงานทดสอบไปก่อนหน้านี้ แต่ RAZER KRAKEN X จะมีสเปคที่สูงขึ้นไม่ว่าจะเป็นไดร์เวอร์ Razer™ TriForce ขนาด 50 มม. ที่ใหญ่ขึ้น เสียงดีขึ้น ไมโครโฟนก็เปลี่ยนมาใช้ RAZER™ HYPERCLEAR CARDIOID MIC ที่เก็บเสียงได้ดี ลดเสียงรบกวน นอกจากนั้นตัวหูฟังยังออกแบบให้มีน้ำหนักเบา ใส่สบาย พร้อมครอบหูแบบเต็มใบหู และเป็นวัสดุแบบผ้าฟองน้ำ พร้อมเชื่อมต่อผ่านพอร์ต 3.5 มิลลิเมตร มาตรฐาน

Advertisementavw

RAZER KAIRA X

  • FREQUENCY RESPONSE : 20 Hz – 20 kHz
  • IMPEDANCE : 32 Ω
  • SENSITIVITY : 96 dBSPL / mW
  • DRIVER SIZE – DIAMETERS (MM) : 50 mm
  • DRIVER TYPE : Razer™ TriForce 50mm Drivers
  • EARCUPS : Oval ear cushions
  • INNER EARCUP DIAMETER
  • Width: 45 mm
  • Length: 65 mm
  • EARPADS MATERIAL : FlowKnit memory foam ear cushions
  • NOISE CANCELLING : None
  • CONNECTION TYPE :
  • Direct to Xbox / PC via 3.5mm Connection
  • CABLE LENGTH : 1.3 m / 51.18″
  • WEIGHT : 0.62 lbs / 283 g
  • MICROPHONE STYLE : None
  • PICK-UP PATTERN : Unidirectional
  • VIRTUAL SURROUND ENCODING : None
  • MICROPHONE FREQUENCY RESPONSE :
  • 100 Hz – 10 kHz
  • VOLUME CONTROL : Yes (VOL + and VOL – Wheel)
  • OTHER CONTROLS : On Earcup
  • BATTERY LIFE : None
  • LIGHTING :None
  • COMPATIBILITY
  • Xbox, PC, Mac, Nintendo Switch and Mobile Devices
  • MICROPHONE SENSITIVITY (@1KHZ) : -42 ± 3 dB

RAZER KAIRA X 01

RAZER KAIRA X 02 RAZER KAIRA X 04

กล่องของ RAZER KAIRA X มาพร้อมโทนสีของหูฟังที่บอกเอกลักษณ์ พร้อมสเปคฟีเจอร์ต่างๆที่บอกมาอย่างครบครัน

RAZER KAIRA X 27

อุปกรณ์ภายในกล่องจะมีสติกเกอร์ คู่มือ และสติกเกอร์งูเขียว

RAZER KAIRA X 07

พอร์ตเชื่อมต่อหลักจะเป็น 3.5 มิลลิเมตร รองรับทั้งโน้ตบุ๊ค พีซี และเครื่องคอนโซลทุกรุ่น สายเป็นแบบสายถักแข็งแรงคุณภาพดีกว่า

RAZER KAIRA X 06

RAZER KAIRA X 08 RAZER KAIRA X 09

ขอเปิดด้วย RAZER KAIRA X  เวอร์ชั่น XBOX ที่มาพร้อมโทนดำขอบเขียว เหมือนสีเอกลักษณ์ของ Razer เหมือนกันนะนิ ดีไซน์เรียกว่าหล่อเหลาเอาการ กับโครงสร้างสีดำ พร้อมโลโก้สีเขียวด้านข้าง บริเวณครอบหูฟัง ขนาดกระทัดรัด น้ำหนักเบา

RAZER KAIRA X 10

RAZER KAIRA X 16 RAZER KAIRA X 18

ด้านบนจะมีการขึ้นรูปโลโก RAZER ขนาดใหญ่ ครอบศีรษะเป็นเมมโมรีโฟม หุ้มด้วยผ้าสีเขียว มีความนุ่มนวลใช้ได้นานๆไม่อับ

Headband ปรับได้ 9 ระดับ ทำให้การสวมใส่สบายยิ่งขึ้น เพราะเลือกปรับได้ตามขนาดศีรษะของแต่ละบุคคล โดยที่การครอบจะเป็นลักษณะของการหนีบเข้าโดยตรง และใช้เมมโมรีโฟมที่ครอบหู ใส่สบาย ไม่หนักหรือหนีบศีรษะจนเกินไป

razer kaira x for xbox hero desktop

RAZER KAIRA X 13 RAZER KAIRA X 14

ไมค์ไม่สามารถถอดได้ แต่สามารถปรับบิดงอให้เข้ากับรูปปากได้ดี มีเทคโนโลยีช่วยลดเสียงรอบข้าง และยังมีฟองน้ำกันลมให้มาด้วย

RAZER KAIRA X 15

ตัวหูฟังสามารถหมุนเป็นแนวราบเพื่อเก็บได้

RAZER KAIRA X 22

RAZER KAIRA X 20 RAZER KAIRA X 21 

ครอบหูฟังหรือ Earcup นั้น ออกแบบโดยใช้วัสดุที่เป็นเมมโมรีโฟม หุ้มด้วยผ้า โดยจะเป็นแบบครอบทั้งใบหูไม่ได้เพียงกดลงบนใบหูเท่านั้น ทำให้ช่วยเก็บเสียงได้ดี ใส่สบายกว่าแบบหนัง และที่สำคัญใช้นานๆก็ไม่อับหรือร้อนหู

RAZER KAIRA X 24

บนครอบหูฟังนั้น มีปุ่มเพิ่มลดเสียงมาให้ด้วย นอกเหนือจากการปรับบนคีย์บอร์ด หรือซอฟต์แวร์ รวมถึงปุ่ม Mute หรือปิดเสียงไมโครโฟนมาด้วย โดยจะโชว์สถานะเลยว่าปิดหรือเปิดไมค์อยู่

RAZER KAIRA X 28

RAZER KAIRA X 29 RAZER KAIRA X 31

ในเวอร์ชั่น PS5 ก็จะใช้วัสดุเช่นเดียวกัน ตัวเคสเป็นพลาสติก โดยจะเน้นสีขาวที่ก้านหูฟัง ตัดกับตัวหูฟังสีดำ ตัดกับโลโก RAZER สีฟ้า ดีไซน์ดูเรียบๆ แต่สวยงามใช่เล่น

RAZER KAIRA X 34 RAZER KAIRA X 38

ก้านหูฟังสีข้าว มีโลโก้ RAZER พร้อมแพ็ดที่เป็นฟองน้ำสีดำ

RAZER KAIRA X 35

ก้านไมค์สีดำ เก็บเสียงดี

RAZER KAIRA X 43

RAZER KAIRA X 44 RAZER KAIRA X 45

ฟองน้ำหูฟังเป็นสีดำ ภายในสีน้ำเงิน ครอบหูทั้งใบ นุ่มใส่สบาย ไม่อับแม้ใช้นานๆ

RAZER KAIRA X 56

เทียบ 2 สี ดีไวน์เหมือนกัน แต่ให้สีสวยคนละแบบ

LINE ALBUM razor 211209 3

LINE ALBUM razor 211209 0 LINE ALBUM razor 211209 1

LINE ALBUM razor 211209 2 LINE ALBUM razor 211209 11

ทดสอบใช้งาน

  • เล่นเกม ให้รายละเอียดของเสียงที่ชัดเจน เช่นเสียงเอฟเฟก กระสุน สามารถแยกทิศทางซ้าย ขวาได้ชัดเจน มิติเสียงชัดเจน กว่าง ให้ทิศทางที่เที่ยงตรง ว้ายเป็นว้าย ขวาเป็นขวา
  • ฟังเพลง เสียงกลางโดยเฉพาะเสียงร้องชัดเจน เสียงเครื่องดนตรีจัดว่าจัดเจนคมชัดอยู่ เวทีเสียงกว้างกว่าตัว KRAKEN พอสมควร โดยเฉพาะชมภาพยนตร์น่าจะชอบกันเพราะเสียงกว้างกว่า

ด้วยข้อจำกัดของพอร์ตเชื่อมต่อแบบ 3.5 mm ทำให้รายละเอียดของเสียงไม่ได้ดีมากมายเหมือนรุ่นอื่นๆที่เชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB แต่ก้มีข้อดีที่เชื่อมต่อง่าย สะดวก สามารถเชื่อมต่อทั้งโน๊ตบุ๊ค สมาร์ทโฟน หรือเครื่องพีซีได้ทันทีโดยไม่ต้องลงไดร์ฟเวอร์ และแน่นอนว่าสามารถใช้งานร่วมกับ PS5 หรือ XBOX ได้ทันที

ในส่วนของเสียงไมค์อยู่ในเกณฑ์ดีมาก เพราะเก็บเสียงได้ดี มีฟองน้ำช่วงกรองเสียงลมหายใจของเราได้ ช่วยลดเสียงรอบข้างได้ดีพอสมควร ไมค์ปรับให้เข้ากับรูปปากได้ดี

LINE ALBUM razor 211209 24

LINE ALBUM razor 211209 20 LINE ALBUM razor 211209 15

LINE ALBUM razor 211209 17 LINE ALBUM razor 211209 19

การสวมใส่ค่อยข้างสบายศีรษะไม่น้อยเลย ส่วนหนึ่งเพราะน้ำหนักที่เบามาก เรียกว่าใส่เหมือนไม่ได้ใส่ โดยตัวหุฟังครอบทั้งใบหู ไม่ได้เป็นแบบทับใบหู ใหญ่หน่อย แต่ก็ทำให้ใบหูไม่ปวดหรือเมื่อยแม้ใช้งานยาวนาน อีกทั้งตัวหูฟังยังเป็นแบบผ้าทำให้ใส่นานต่อเนื่องได้ไม่เป็นเหงือหรืออับจนร้อนใบหู ในจุดที่เป็น Headband ก็ปรับได้หลายระดับ เลื่อนไปมาได้ง่าย แม้เวลาที่เล่น แต่แม้จะใส่สบาย แต่ถ้าเขย่าศีรษะแรงๆตัวหูฟังก็อาจจะเลื่อนหลุดได้

LINE ALBUM razor 211209 23

RAZER KAIRA X ถือว่าเป็นรุ่นที่อัพเกรทขึ้นมาจาก RAZER KRAKEN X For Console ก็ไม่ผิดนัก เพราะมีให้เลือกหลายสี ทั้ง PS5 หรือ XBOX บอกเลยว่า  สามารถตอบสนองได้เป็นอย่างดี ทั้งพอร์ตเชื่อมต่อที่สะดวกและง่าย แต่อัพเกรทไดร์เวอร์ให้ใหญ่ขึ้น ตอบสนองเสียงได้มากขึ้น และยังมาพร้อมไมค์ลดเสียงรบกวน

แต่แน่นอนว่า RAZER KAIRA X อาจจะไม่ใช่หูฟังที่ไฮเทค หรือมีเทคโนโลยีระบบเสียงรอบทิศทางอะไรมากมาย แต่เป็นหูฟังที่ใช้งานสะดวกและง่าย ที่สามารถใช้ได้ทันทีเพียงแค่เสียบไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน โน๊ตบุ๊ค หรือเครื่องพีซี  สวมใส่สบายน้ำหนักเบา ทำให้ใช้งานนานๆได้โดยไม่เมื่อยล้า ศีรษะ ใส่ต่อเนื่องได้นาน สบายหู สบายศีรษะ

RAZER KAIRA X มาในราคาที่ไม่ถูกไม่แพงจนเกินไป 2,490 บาท ใช้ได้ทั้งเครื่องคอนโซล โน้ตบุ๊ค พีซีผ่านสาย 3.5 มิลลิเมตร ใช้งานสะดวก

จุดเด่น

  • ใส่สบาย น้ำหนักเบา
  • ดีไซน์สวยงามมีให้เหลือกหลายสี
  • เสียงดี โดยเฉพาะเวทีเสียงกว้าง แยกทิศทางได้ชัดเจน
  • ใช้งานสะดวกและง่ายด้วยแจ็ค 3.5 mm ทั้งสมาร์ทโฟน โน๊ตบุ๊ค พีซี

ข้อสังเกต

  • ไมค์ไม่สามารถถอดได้ค่อนข้างเกะกะหากไม่ได้ใช้
  • ปรับแต่อะไรไม่ได้มากนัก

from:https://notebookspec.com/web/627033-%e0%b8%a3%e0%b8%b5%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%a7-razer-kaira-x-%e0%b8%ab%e0%b8%b9%e0%b8%9f%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b9%80%e0%b8%a5%e0%b9%88%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%a1-%e0%b9%80%e0%b8%aa%e0%b8%b5

รีวิว RAZER KAIRA X หูฟังเล่นเกม เสียงดี ใส่สบาย

RAZER KAIRA X เป็นหูฟังแบบเฮดโฟนที่ออกแบบมาเพื่อชาวคอนโซลโดยเฉพาะ ด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ทั้ง XBOX และ PS5 หรือจะใช้เพื่ออุปกรณ์อื่นก็ได้หมด ดีไซน์มินิมอล ใช้งานง่าย และที่สำคัญ ราคาคุ้ม แต่จะน่าสนใจอย่างไร ไปชมกัน

RAZER KAIRA XRAZER KAIRA X ที่ทีมงานได้มาทดสอบจะมีทั้งเวอร์ชั่นสีขาวดำ ที่ออกแบบมาเพื่อ PS5 และ สีเขียวดำในแบบ XBOX โดยดูเผินๆ จะเหมือนกับ RAZER KRAKEN X ที่ทีมงานทดสอบไปก่อนหน้านี้ แต่ RAZER KRAKEN X จะมีสเปคที่สูงขึ้นไม่ว่าจะเป็นไดร์เวอร์ Razer™ TriForce ขนาด 50 มม. ที่ใหญ่ขึ้น เสียงดีขึ้น ไมโครโฟนก็เปลี่ยนมาใช้ RAZER™ HYPERCLEAR CARDIOID MIC ที่เก็บเสียงได้ดี ลดเสียงรบกวน นอกจากนั้นตัวหูฟังยังออกแบบให้มีน้ำหนักเบา ใส่สบาย พร้อมครอบหูแบบเต็มใบหู และเป็นวัสดุแบบผ้าฟองน้ำ พร้อมเชื่อมต่อผ่านพอร์ต 3.5 มิลลิเมตร มาตรฐาน

Advertisementavw

RAZER KAIRA X

  • FREQUENCY RESPONSE : 20 Hz – 20 kHz
  • IMPEDANCE : 32 Ω
  • SENSITIVITY : 96 dBSPL / mW
  • DRIVER SIZE – DIAMETERS (MM) : 50 mm
  • DRIVER TYPE : Razer™ TriForce 50mm Drivers
  • EARCUPS : Oval ear cushions
  • INNER EARCUP DIAMETER
  • Width: 45 mm
  • Length: 65 mm
  • EARPADS MATERIAL : FlowKnit memory foam ear cushions
  • NOISE CANCELLING : None
  • CONNECTION TYPE :
  • Direct to Xbox / PC via 3.5mm Connection
  • CABLE LENGTH : 1.3 m / 51.18″
  • WEIGHT : 0.62 lbs / 283 g
  • MICROPHONE STYLE : None
  • PICK-UP PATTERN : Unidirectional
  • VIRTUAL SURROUND ENCODING : None
  • MICROPHONE FREQUENCY RESPONSE :
  • 100 Hz – 10 kHz
  • VOLUME CONTROL : Yes (VOL + and VOL – Wheel)
  • OTHER CONTROLS : On Earcup
  • BATTERY LIFE : None
  • LIGHTING :None
  • COMPATIBILITY
  • Xbox, PC, Mac, Nintendo Switch and Mobile Devices
  • MICROPHONE SENSITIVITY (@1KHZ) : -42 ± 3 dB

RAZER KAIRA X 01

RAZER KAIRA X 02 RAZER KAIRA X 04

กล่องของ RAZER KAIRA X มาพร้อมโทนสีของหูฟังที่บอกเอกลักษณ์ พร้อมสเปคฟีเจอร์ต่างๆที่บอกมาอย่างครบครัน

RAZER KAIRA X 27

อุปกรณ์ภายในกล่องจะมีสติกเกอร์ คู่มือ และสติกเกอร์งูเขียว

RAZER KAIRA X 07

พอร์ตเชื่อมต่อหลักจะเป็น 3.5 มิลลิเมตร รองรับทั้งโน้ตบุ๊ค พีซี และเครื่องคอนโซลทุกรุ่น สายเป็นแบบสายถักแข็งแรงคุณภาพดีกว่า

RAZER KAIRA X 06

RAZER KAIRA X 08 RAZER KAIRA X 09

ขอเปิดด้วย RAZER KAIRA X  เวอร์ชั่น XBOX ที่มาพร้อมโทนดำขอบเขียว เหมือนสีเอกลักษณ์ของ Razer เหมือนกันนะนิ ดีไซน์เรียกว่าหล่อเหลาเอาการ กับโครงสร้างสีดำ พร้อมโลโก้สีเขียวด้านข้าง บริเวณครอบหูฟัง ขนาดกระทัดรัด น้ำหนักเบา

RAZER KAIRA X 10

RAZER KAIRA X 16 RAZER KAIRA X 18

ด้านบนจะมีการขึ้นรูปโลโก RAZER ขนาดใหญ่ ครอบศีรษะเป็นเมมโมรีโฟม หุ้มด้วยผ้าสีเขียว มีความนุ่มนวลใช้ได้นานๆไม่อับ

Headband ปรับได้ 9 ระดับ ทำให้การสวมใส่สบายยิ่งขึ้น เพราะเลือกปรับได้ตามขนาดศีรษะของแต่ละบุคคล โดยที่การครอบจะเป็นลักษณะของการหนีบเข้าโดยตรง และใช้เมมโมรีโฟมที่ครอบหู ใส่สบาย ไม่หนักหรือหนีบศีรษะจนเกินไป

razer kaira x for xbox hero desktop

RAZER KAIRA X 13 RAZER KAIRA X 14

ไมค์ไม่สามารถถอดได้ แต่สามารถปรับบิดงอให้เข้ากับรูปปากได้ดี มีเทคโนโลยีช่วยลดเสียงรอบข้าง และยังมีฟองน้ำกันลมให้มาด้วย

RAZER KAIRA X 15

ตัวหูฟังสามารถหมุนเป็นแนวราบเพื่อเก็บได้

RAZER KAIRA X 22

RAZER KAIRA X 20 RAZER KAIRA X 21 

ครอบหูฟังหรือ Earcup นั้น ออกแบบโดยใช้วัสดุที่เป็นเมมโมรีโฟม หุ้มด้วยผ้า โดยจะเป็นแบบครอบทั้งใบหูไม่ได้เพียงกดลงบนใบหูเท่านั้น ทำให้ช่วยเก็บเสียงได้ดี ใส่สบายกว่าแบบหนัง และที่สำคัญใช้นานๆก็ไม่อับหรือร้อนหู

RAZER KAIRA X 24

บนครอบหูฟังนั้น มีปุ่มเพิ่มลดเสียงมาให้ด้วย นอกเหนือจากการปรับบนคีย์บอร์ด หรือซอฟต์แวร์ รวมถึงปุ่ม Mute หรือปิดเสียงไมโครโฟนมาด้วย โดยจะโชว์สถานะเลยว่าปิดหรือเปิดไมค์อยู่

RAZER KAIRA X 28

RAZER KAIRA X 29 RAZER KAIRA X 31

ในเวอร์ชั่น PS5 ก็จะใช้วัสดุเช่นเดียวกัน ตัวเคสเป็นพลาสติก โดยจะเน้นสีขาวที่ก้านหูฟัง ตัดกับตัวหูฟังสีดำ ตัดกับโลโก RAZER สีฟ้า ดีไซน์ดูเรียบๆ แต่สวยงามใช่เล่น

RAZER KAIRA X 34 RAZER KAIRA X 38

ก้านหูฟังสีข้าว มีโลโก้ RAZER พร้อมแพ็ดที่เป็นฟองน้ำสีดำ

RAZER KAIRA X 35

ก้านไมค์สีดำ เก็บเสียงดี

RAZER KAIRA X 43

RAZER KAIRA X 44 RAZER KAIRA X 45

ฟองน้ำหูฟังเป็นสีดำ ภายในสีน้ำเงิน ครอบหูทั้งใบ นุ่มใส่สบาย ไม่อับแม้ใช้นานๆ

RAZER KAIRA X 56

เทียบ 2 สี ดีไวน์เหมือนกัน แต่ให้สีสวยคนละแบบ

LINE ALBUM razor 211209 3

LINE ALBUM razor 211209 0 LINE ALBUM razor 211209 1

LINE ALBUM razor 211209 2 LINE ALBUM razor 211209 11

ทดสอบใช้งาน

  • เล่นเกม ให้รายละเอียดของเสียงที่ชัดเจน เช่นเสียงเอฟเฟก กระสุน สามารถแยกทิศทางซ้าย ขวาได้ชัดเจน มิติเสียงชัดเจน กว่าง ให้ทิศทางที่เที่ยงตรง ว้ายเป็นว้าย ขวาเป็นขวา
  • ฟังเพลง เสียงกลางโดยเฉพาะเสียงร้องชัดเจน เสียงเครื่องดนตรีจัดว่าจัดเจนคมชัดอยู่ เวทีเสียงกว้างกว่าตัว KRAKEN พอสมควร โดยเฉพาะชมภาพยนตร์น่าจะชอบกันเพราะเสียงกว้างกว่า

ด้วยข้อจำกัดของพอร์ตเชื่อมต่อแบบ 3.5 mm ทำให้รายละเอียดของเสียงไม่ได้ดีมากมายเหมือนรุ่นอื่นๆที่เชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB แต่ก้มีข้อดีที่เชื่อมต่อง่าย สะดวก สามารถเชื่อมต่อทั้งโน๊ตบุ๊ค สมาร์ทโฟน หรือเครื่องพีซีได้ทันทีโดยไม่ต้องลงไดร์ฟเวอร์ และแน่นอนว่าสามารถใช้งานร่วมกับ PS5 หรือ XBOX ได้ทันที

ในส่วนของเสียงไมค์อยู่ในเกณฑ์ดีมาก เพราะเก็บเสียงได้ดี มีฟองน้ำช่วงกรองเสียงลมหายใจของเราได้ ช่วยลดเสียงรอบข้างได้ดีพอสมควร ไมค์ปรับให้เข้ากับรูปปากได้ดี

LINE ALBUM razor 211209 24

LINE ALBUM razor 211209 20 LINE ALBUM razor 211209 15

LINE ALBUM razor 211209 17 LINE ALBUM razor 211209 19

การสวมใส่ค่อยข้างสบายศีรษะไม่น้อยเลย ส่วนหนึ่งเพราะน้ำหนักที่เบามาก เรียกว่าใส่เหมือนไม่ได้ใส่ โดยตัวหุฟังครอบทั้งใบหู ไม่ได้เป็นแบบทับใบหู ใหญ่หน่อย แต่ก็ทำให้ใบหูไม่ปวดหรือเมื่อยแม้ใช้งานยาวนาน อีกทั้งตัวหูฟังยังเป็นแบบผ้าทำให้ใส่นานต่อเนื่องได้ไม่เป็นเหงือหรืออับจนร้อนใบหู ในจุดที่เป็น Headband ก็ปรับได้หลายระดับ เลื่อนไปมาได้ง่าย แม้เวลาที่เล่น แต่แม้จะใส่สบาย แต่ถ้าเขย่าศีรษะแรงๆตัวหูฟังก็อาจจะเลื่อนหลุดได้

LINE ALBUM razor 211209 23

RAZER KAIRA X ถือว่าเป็นรุ่นที่อัพเกรทขึ้นมาจาก RAZER KRAKEN X For Console ก็ไม่ผิดนัก เพราะมีให้เลือกหลายสี ทั้ง PS5 หรือ XBOX บอกเลยว่า  สามารถตอบสนองได้เป็นอย่างดี ทั้งพอร์ตเชื่อมต่อที่สะดวกและง่าย แต่อัพเกรทไดร์เวอร์ให้ใหญ่ขึ้น ตอบสนองเสียงได้มากขึ้น และยังมาพร้อมไมค์ลดเสียงรบกวน

แต่แน่นอนว่า RAZER KAIRA X อาจจะไม่ใช่หูฟังที่ไฮเทค หรือมีเทคโนโลยีระบบเสียงรอบทิศทางอะไรมากมาย แต่เป็นหูฟังที่ใช้งานสะดวกและง่าย ที่สามารถใช้ได้ทันทีเพียงแค่เสียบไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน โน๊ตบุ๊ค หรือเครื่องพีซี  สวมใส่สบายน้ำหนักเบา ทำให้ใช้งานนานๆได้โดยไม่เมื่อยล้า ศีรษะ ใส่ต่อเนื่องได้นาน สบายหู สบายศีรษะ

RAZER KAIRA X มาในราคาที่ไม่ถูกไม่แพงจนเกินไป 2,490 บาท ใช้ได้ทั้งเครื่องคอนโซล โน้ตบุ๊ค พีซีผ่านสาย 3.5 มิลลิเมตร ใช้งานสะดวก

จุดเด่น

  • ใส่สบาย น้ำหนักเบา
  • ดีไซน์สวยงามมีให้เหลือกหลายสี
  • เสียงดี โดยเฉพาะเวทีเสียงกว้าง แยกทิศทางได้ชัดเจน
  • ใช้งานสะดวกและง่ายด้วยแจ็ค 3.5 mm ทั้งสมาร์ทโฟน โน๊ตบุ๊ค พีซี

ข้อสังเกต

  • ไมค์ไม่สามารถถอดได้ค่อนข้างเกะกะหากไม่ได้ใช้
  • ปรับแต่อะไรไม่ได้มากนัก

from:https://notebookspec.com/web/627033-review-razer-kaira-x

หูฟังออกกำลังกาย 7 หูฟังไร้สาย เสียงเร้าใจ แบตอึด ใช้ได้นาน กันน้ำได้ 2021

หูฟังออกกำลังกาย 7 รุ่น เพิ่มความสนุกให้กับการวิ่ง ฟิตเนส หรือ Workout แบตอึด กันน้ำกันฝุ่น เสียงดี รับสายได้ เป็นทุกอย่างให้แล้ว

หูฟังออกกำลังกาย
ที่มา: Music photo created by senivpetro – www.freepik.com” class=”rank-math-link”>Freepik

หูฟังออกกำลังกาย กลายเป็นอุปกรณ์ยอดฮิตติดชาร์ท สำหรับคนที่ชอบกิจกรรมแบบ Outdoor รวมถึงการวิ่งออกกำลัง เพื่อช่วยให้ไม่เบื่อ หรือต้องการความเป็นส่วนตัว โดยบางคนอาจชอบฟังเพลง หรือดนตรีที่ช่วยปลุกเร้าให้รู้สึกอยากวิ่ง หรือบางคนชอบก็ใช้ในการฟัง Podcast และแน่นอนว่า การฟังเพลงของหลายๆ คน ทำให้มีจังหวะในการออกกำลัง เดิน วิ่งหรือแม้กระทั่งการทำงานอีกด้วย ซึ่งมีส่วนในเรื่องของการเผาผลาญพลังงานได้มากกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นการคาร์ดิโอ หรือแค่การวิ่งเหยาะๆ ในช่วงเช้าหรือเย็นก็ตาม รวมไปถึงเพลงที่กระตุ้นการ Workout ได้ดียิ่งขึ้น บางเพลงถึงกับแนะนำเอาไว้สำหรับ Heart rate แต่ละโซนอีกด้วย แต่หลายคนก็ใช้เพื่อการสนทนา เพื่อไม่ให้พลาดสายสำคัญ แม้ว่าจะอยู่ในช่วง Workout ก็ตาม หูฟังไร้สายจึงกลายเป็นสิ่งที่น่าสนใจ

แต่หูฟังที่ใช้ในการออกกำลังเหล่านี้ ก็มีก็มีให้เลือกหลายรูปแบบเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น In-ear, True Wireless หรือจะเป็น Headset แต่ปัจจัยสำคัญนั่นคือ การเชื่อมต่อ เพราะหูฟังที่เหมาะกับการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องแบบนี้ การไม่ใช้สายต่อพ่วงเลย หรือเป็นแบบไร้สาย ดูจะเหมาะสมและสะดวกมากที่สุด และที่ได้รับความนิยมอย่างมากนั่นคือ การเชื่อมต่อด้วยสัญญาณบลูทูธ เพราะเชื่อมต่อง่าย ให้ระยะในการเชื่อมต่อได้ไกล และยังใช้งานได้นาน กินพลังงานน้อย ทำให้หูฟังในท้องตลาดส่วนใหญ่ เป็นรูปแบบของ Bluetooth ซึ่งมีทั้ง 4.0, 5.0 และ 5.2 ในปัจจุบัน

Advertisementavw

สิ่งที่ใช้ในการเลือกหูฟังออกกำลังกาย

รูปแบบที่ถนัด: เพราะคุณจะต้องใช้งานไปพร้อมๆ กับการเคลื่อนไหว รวมถึงชนิดกีฬาที่คุณเล่น ต้องใช้สะดวกมากที่สุด หูฟังออกกำลังกาย จะเป็นแบบ In-ear, Headset, Ear, True Wireless, หรือจะเป็นแบบคล้องคอ หรือมีขอเกี่ยวหู เป็นต้น แต่ละแบบมีดีต่างกันไป ขึ้นอยู่กับผู้ใช้และความถนัด

หูฟังออกกำลังกาย
ที่มา: EDIFIER

ต้องกันน้ำได้ดีในระดับหนึ่ง: วัตถุประสงค์หลักของการกันน้ำ อยู่ที่การกันเหงื่อเป็นสำคัญ เพราะโอกาสที่จะเกิดขึ้นมีอยู่ตลอดเวลา หูฟังควรต้องมีความทนทานในระดับหนึ่ง กันน้ำ กันเหงื่อ อย่างเช่น การล้างหน้า การสาดน้ำ เพื่อลดความร้อน หรือบางคนก็ใช้ในการวิ่งเทรล และวิ่งมาราธอน ซึ่งอาจจะเจอช่วงฟ้าฝนไม่เป็นใจสาดมาบ้าง ก็ไม่ต้องกังวลมากนัก แต่หูฟังบางค่ายก็ออกแบบมาเพื่อการว่ายน้ำได้อีกด้วย ซึ่งก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่ราคาก็สูงขึ้นไม่น้อย

หูฟังออกกำลังกาย
ที่มา: SONY

น้ำหนักเบา สวมใส่ง่าย พกพาสะดวก: ขนาดและน้ำหนัก ก็เป็นสิ่งสำคัญ แม้คุณจะใช้ในการเล่นกีฬาหรือออกกำลังวันละ 1-2 ชั่วโมง แต่อย่าลืมว่า คุณก็จะต้องสวมเอาไว้ตลอดเวลา ควรจะเป็นวัสดุที่เบา ไม่ระคายเคือง ไม่เจ็บหูหรือหนีบศีรษะเกินไป หรือพกพาไม่สะดวก เพราะบางคนก็ไม่ได้ออกกำลังแถวบ้าน ต้องเดินทางไปสนามกีฬา หรือสวนสาธารณะตามสะดวก การที่พกไปยาก คล้องคอไม่สบาย หรือหนักเกินไป ก็คงไม่เหมาะนัก

แบตอึดใช้งานได้นาน: แต่ก็ไม่ได้หมายความถึงจะใช้กันแบบข้ามวันข้ามคืน เพราะหูฟังออกกำลังกายเหล่านี้ มีขนาดเล็ก และต้องสวมสบาย แบตใหญ่ก็คงไม่สะดวก แต่อย่างน้อย ให้การเชื่อมต่อและเล่นต่อเนื่องได้นานพอ ต่อการออกกำลังกายในแต่ละวัน อย่างไรก็ดีหูฟังในกลุ่ม True Wireless หลายรุ่น ก็สามารถใช้งานต่อเนื่องได้หลายชั่วโมง และมีการชาร์จที่เร็วอีกด้วย

เชื่อมต่อเข้ากับสมาร์ทโฟน หรือเครื่องเล่นที่ใช้อยู่ได้ง่าย: เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก เพราะถ้าจะพกหูฟังไปออกกำลังกายทั้งที ต้องมานั่ง Pair กันใหม่ทุกรอบ ก็คงจะน่าเบื่อ ต้องขอบคุณเทคโนโลยี Bluetooth เวอร์ชั่นใหม่ๆ ที่ทำให้การเชื่อมต่อรวดเร็ว และง่ายดายยิ่งขึ้น แต่เชื่อมต่อเพียงครั้งเดียวในครั้งแรก ครั้งต่อไปเปิดบลูทูธที่มือถือ และหูฟัง ก็เชื่อมต่อกันได้อัตโนมัติแล้ว


หูฟังออกกำลังกาย ไร้สาย 7 รุ่น

  1. Plantronics Blackbeat Fit 3200
  2. AFTERSHOKZ OpenMove
  3. JBL Endurance Dive
  4. SONY WF-SP800N
  5. SoundMAGIC ST80
  6. EDIFIER NEOBUDS PRO
  7. Beats Powerbeats High Performance

1.Plantronics Blackbeat Fit 3200

หูฟังออกกำลังกาย

Plantronics Backbeat Fit 3200 หูฟังออกกำลังกายไร้สายในแบบ True Wireless กระทัดรัด กันน้ำ กันฝุ่นได้ดี สวมใส่สบาย ซึ่งค่ายนี้ เป็นผู้ชำนาญด้านหูฟังมายาวนาน ในรุ่น Backbeat นี้ ก็ถือเป็นเรือธงอีกรุ่นหนึ่ง ที่ได้รับความนิยมมายาวนาน จุดเด่นอยู่ที่ความทนทานระดับ IP57 พอจะกันละอองน้ำ และใช้ในพื้นที่ฝุ่นละออง เช่นการวิ่งสตรีทรันได้สบาย ออกแบบมาเป็นพิเศษในสไตล์แบบ In-ear ซึ่งมีที่คล้องหู และซิลิโคนที่นุ่มนวล ทำให้สวมใส่สบาย เสียงเบสค่อนข้างลึกและแน่น ให้ความดังของเสียงได้ดีในระดับหนึ่ง แต่จะที่น่าสนใจก็คือ ตัดเสียงรบกวนภายนอกได้ดีทีเดียว และยังปรับ Preset ของ Equalizer ได้อีกด้วย การเชื่อมต่อเป็นแบบ Bluetooth 5.0 วัสดุมีความพรีเมียม พกพาสะดวก ใช้งานได้ต่อเนื่องถึง 8 ชั่วโมง พร้อมกับระบบค้นหาหูฟัง เมื่อหล่นสูญหาย และยังรับสายขณะที่ออกกำลังกายได้อีกด้วย การชาร์จเป็นแบบใช้ร่วมกับกล่องเก็บและชาร์จไฟได้ในตัว สนนราคาอยู่ที่ประมาณ 5,990 บาท

จุดเด่น

  • เป็นแบบคล้องหู แต่แยกชิ้นซ้าย-ขวา ใช้สะดวก
  • ขนาดกระทัดรัด พกพาง่าย
  • ใช้งานได้นานถึง 8 ชั่วโมง
  • ควบคุมการทำงานผ่านหูฟังได้เลย

ข้อสังเกต

  • เป็นแบบ Earbud ขึ้นอยู่กับความเคยชินของผู้ใช้
Plantronics Blackbeat Fit 3200
การเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0
ความทนทาน IP57
ย่านความถี่ 20-20000Hz
รูปแบบ True Wireless
ระยะเวลาการใช้งาน 8 ชั่วโมงต่อเนื่อง
ราคา 5,500 บาท

2.AFTERSHOKZ OpenMove

หูฟังออกกำลังกาย

AFTERSHOKZ หูฟังไร้สายที่เหมาะกับการออกกำลังกาย โดยมีรูปแบบการทำงานแบบ Bone Conduction สำหรับผู้ที่จะเริ่มต้นกับการออกกำลังกาย แต่ไม่ชอบการใช้ In-ear หรือการใส่เข้าไปในหู เพื่อลดความรำคาญ เมื่อมีเหงื่อออกมากๆ โดยหูฟังรุ่นนี้ ข้อดีคือ คุณจะได้ยินเสียงรอบข้างไปพร้อมๆ กัน จึงเหมาะกับการเดินสตรีทในเมืองหรืออยากจะพูดคุยกับคนรอบข้างได้ด้วย เมื่อไปออกกำลังพร้อมกับเพื่อนๆ ขนาดกระทัดรัด น้ำหนักเบา มีปุ่มแบบมัลติฟังก์ชั่น ควบคุมการทำงาน เปลี่ยนเพลง เพิ่ม-ลดเสียง รับสาย วางสาย มีไมโครโฟนมาในตัว ให้การเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.0 ความทนทานอยู่ในระดับ IP55 กันละอองน้ำกันฝุ่นในชีวิตประจำวันได้ดี โครงสร้างจะเป็นแบบคล้องกับใบหู และคล้องด้านหลังคอ แต่ไม่รู้สึกรำคาญขณะวิ่ง สนนราคาประมาณ 2,990 บาท

จุดเด่น

  • ได้ยินเสียงรอบข้างได้ถนัดกว่า
  • คล้องกับใบหู เคลื่อนไหวได้สะดวก ไม่ต้องกลัวหลุด
  • ใช้งานได้นานถึง 6 ชั่วโมง

ข้อสังเกต

  • เป็นระบบการเสียงแบบสั่นสะเทือน ขึ้นอยู่กับความถนัดของผู้ใช้แต่ละคน
AFTERSHOKZ OpenMove
การเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0
ความทนทาน IP55
ย่านความถี่ 20-20000Hz
รูปแบบ Bone Conduction
ระยะเวลาการใช้งาน 6 ชั่วโมงต่อเนื่อง
ราคา 2,990 บาท

3.JBL Endurance Dive

หูฟังออกกำลังกาย

JBL รุ่นนี้เป็นหูฟังออกกำลังกายในสไตล์ของ Sport เพื่อการออกกำลังที่เข้มข้นขึ้น เพราะนอกจากเป็นแบบคล้องหู ที่ดูแน่นหนามากขึ้นแล้ว ยังให้สีสันที่ดูสปอร์ต วัสดุส่วนใหญ่เป็นแบบซิลิโคนที่นุ่มนวล และให้ความทนทานในระดับ IPX7 การทนต่อแรงน้ำได้ดีขึ้น จึงทำให้ใช้เล่นกีฬาทางน้ำ เช่น ว่ายน้ำ เจ๊ตสกีหรือพายเรือคายักได้ มาพร้อมฟีเจอร์ TwistLock และ FlexSoft ซึ่งช่วยให้การจับยึดกับใบหูแน่นหนา และมีน้ำหนักเบา การควบคุมเสียง Play-Pause ทำผ่านตัวหูฟังได้ง่าย ด้วยการสัมผัสเท่านั้น โดยพื้นฐานจะยังเป็นแบบ Ear-plug เสียบเข้าไปในหู ใครที่ชอบสไตล์แบบนี้ก็ดูน่าสนใจ เคาะราคาอยูที่ 3,390 บาท

จุดเด่น

  • สีสันสดใสมีให้เลือก
  • เป็นแบบ In-ear มีความกระชับ
  • ความทนทานระดับ IPX7
  • มาพร้อมตัวล็อคคล้องหู

ข้อสังเกต

  • มีเป็นสายคล้อง อาจไม่ได้เหมาะกับกีฬาบางประเภท
JBL Endurance Dive
การเชื่อมต่อ Bluetooth 4.2
ความทนทาน IPX7
ย่านความถี่ 20-20000Hz
รูปแบบ Ear hook
ระยะเวลาการใช้งาน 7 ชั่วโมงต่อเนื่อง
ราคา 3,390 บาท

4.SONY WF-SP800N

หูฟังออกกำลังกาย

หูฟังไร้สายในแบบ Earbud ที่มีทั้งความกระทัดรัด ความทนทาน และใช้งานได้ค่อนข้างสะดวกเลยทีเดียว ดีไซน์ได้ล้ำสมัย จุดสัมผัสเป็นวัสดุเนื้อนิ่ม มีตัวล็อคให้เข้ากับโครงสร้างด้านในหู ที่เรียกว่า ARC 2 ทำให้คนที่เล่นกีฬาที่หนักหน่วงขึ้น เช่น การฟิตเนส ยกน้ำหนัก หรือการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว ด้านในที่เป็น Earbud เป็นยางซิลิโคน มีให้เลือกถึง 5 ขนาด เพื่อความกระชับ และลดเสียงรบกวนได้ดี โดยทาง Sony เคลมการใช้งานได้ที่ 9 ชั่วโมงสำหรับหูฟังที่ชาร์จไฟเต็ม ยังไม่รวมแบตจากกล่องชาร์จจะช่วยให้ใช้งานต่อได้ มีเบสที่แน่น และ Sound stage กว้าง รับสายได้ในนิ้วเดียว และฟีเจอร์ที่ใช้การแตะเบาๆ ที่หูฟัง เพื่อฟังเสียงรอบข้าง โดยไม่ต้องถอดสายออกได้อีกด้วย SONY WF-SP800N สนนราคาอยู่ที่ 5,990 บาท

จุดเด่น

  • มีจุกยาง Ear tip มาให้ถึง 5 ขนาด
  • สวมกระชับ เพราะมีตัวล็อคกับด้านในใบหู
  • ใช้งานได้นานถึง 9 ชั่วโมง
  • Sound stage ที่กว้าง
  • แตะหูฟังเพื่อคอนโทรล

ข้อสังเกต

  • เป็นแบบ IP55 กันฝุ่นและละอองน้ำในเบื้องต้น
SONY WF-SP800N
การเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0
ความทนทาน IP55
ย่านความถี่ 4-40000Hz
รูปแบบ Earbud
ระยะเวลาการใช้งาน 9 ชั่วโมงต่อเนื่อง
ราคา 5,990 บาท

5.SoundMAGIC ST80

หูฟังออกกำลังกาย

หูฟังออกกำลังกาย SoundMAGIC ในสไตล์สปอร์ต เล่นกีฬาก็ได้ ใช้ในชีวิตประจำวันก็ดี มาในรูปลักษณ์ทันสมัย และมาในแบบ Ear hook ที่ดูสนุกสนาน เพราะคุณสามารถปรับเลื่อนระดับการหมุน สูง-ต่ำของตัวเกี่ยวนี้ได้เอง แต่จุดเด่นคือ การใช้งานได้ทั้งแบบไร้สาย ในช่วงเวลาที่ต้องการความคล่องตัว เร่งรีบ หรือใช้สายต่อเข้ากับ ซิลิโคน Ear tip ที่มีให้เลือกทั้งแบบ Sport ที่ต้องเคลื่อนไหว และแบบพื้นฐาน ใช้ในชีวิตประจำวัน โครงสร้างหลักเป็นอะลูมิเนียมอัลลอย ความทนทานอยู่ในระดับ IPX6 ควบคุมการทำงานผ่านสาย ไม่ว่าจะลด-เพิ่มเสียง หรือการรับสาย เป็นต้น ใช้งานได้นาน 16 ชั่วโมง ด้วยแบต 200mAh ราคาอยู่ที่ 2,990 บาท

จุดเด่น

  • ดีไซน์ทันสมัย ใช้ได้ทั้งการทำงานและออกกำลัง
  • การควบคุมผ่านทางตัวสายเป็นหลัก
  • ได้มาตรฐาน IPX6 มีความทนทาน
  • ให้ย่านเสียงที่กว้าง

ข้อสังเกต

  • ขนาดค่อนข้างใหญ่ และชิ้นส่วนที่เป็นข้อต่อมากขึ้น
SoundMAGIC ST80
การเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0
ความทนทาน IPX6
ย่านความถี่ 15-22000Hz
รูปแบบ Ear hook
ระยะเวลาการใช้งาน 6 ชั่วโมงต่อเนื่อง
ราคา 2,990 บาท

6.EDIFIER NEOBUDS PRO

หูฟังออกกำลังกาย

EDIFIER รุ่นนี้ เหมาะสำหรับคนที่ออกกำลังเบาๆ วิ่งใกล้บ้าน หรืออยู่บนเครื่องเล่นในยิม และอยากได้หูฟังที่พกพาสะดวก ใส่แล้วไม่เกะกะ ทนเหงื่อทนฝุ่นได้ดี หูฟังรุ่นนี้ตอบโจทย์ได้ ด้วยการเป็นหูฟังแบบ In-Ear ควบคุมการทำงานด้วยการสัมผัส จะเล่นเกมหรือดูหนังบนมือถือ ก็ให้เสียงได้จัดจ้าน ให้จุกหูฟังซิลิโคน 7 ขนาด เป็นแบบป้องกันแบคทีเรีย อีกทั้งได้การรับรอง Hi-Res Audio Certificated เรื่องของเสียงที่มีรายละเอียด เหมาะทั้งการฟังและสนทนา พร้อมโหมด Active Noise Cancelling ตัดเสียงรบกวนรอบข้างได้ ให้ไดรเวอร์ 2 รูปแบบ เพื่อความบันเทิงในการใช้งานต่างๆ พร้อมกันนี้ยังมีแอพพลิเคชั่น ในการจัดการหูฟัง ปรับแต่งเสียงและลูกเล่นได้สะดวกอีกด้วย ตัวหูฟังรองรับการชาร์จเร็ว และใช้งานได้นานถึง 6 ชั่วโมง ราคาอยู่ที่ 3,990 บาท

จุดเด่น

  • เป็นแบบ In-ear พกพาสะดวก
  • ให้คุณภาพเสียงที่ดีในด้านความบันเทิง
  • มีโหมด ANC ตัดเสียงรบกวน
  • มีกล่องชาร์จ เพิ่มระยะการใช้งานได้นานขึ้น

ข้อสังเกต

  • มาตรฐาน IP54 กันฝุ่นและละอองน้ำในเบื้องต้นเท่านั้น
EDIFIER NEOBUDS PRO
การเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0
ความทนทาน IP54
ย่านความถี่ 20-40000Hz
รูปแบบ In-Ear
ระยะเวลาการใช้งาน 6 ชั่วโมงต่อเนื่อง
ราคา 3,990 บาท

7.Beats Powerbeats High Performance

Beats Powerbeats High Performance

Beats Powerbeats หูฟังไร้สายแนวสปอร์ตแบบ ที่มี Ear hook แขวนกับใบหู และชุดหูฟังแบบ In-ear ทนต่อเหงื่อ น้ำ และฝุ่นจากการออกกำลังกายที่หนักหน่วงได้ดี เหมาะกับกีฬาในหลายประเภท โดยรุ่นนี้ จัดเป็นตัวเกือบท็อปของ Beast Powerbeats และเป็นแบบที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องถึง 15 ชั่วโมงด้วยกัน รองรับการสั่งงานด้วยเสียง ชาร์จไว ความโดดเด่นเป็นเรื่องของเสียงเบสที่แน่น และนุ่มนวล ควบคุมการทำงานผ่านตัวหูฟังได้ รับสาย เพิ่ม-ลดเสียง มาพร้อมจุกซิลิโคน 4 ขนาด และเคสสำหรับชาร์จไฟในตัว ใครที่เป็นชาวอีสปอร์ต ก็ยังนำมาใช้เป็นหูฟังเล่นเกม ได้เสียงเอฟเฟกต์หนักๆ พร้อมกับการสนทนากับเพื่อนร่วมทีมได้ในตัว สนนราคาอยู่ที่ 4,990 บาท

จุดเด่น

  • น้ำหนักเบา
  • ใช้งานได้นาน แบตอึด
  • มี Ear hook คล้องหูได้แน่น ไม่หลุดง่าย

ข้อสังเกต

  • เป็นแบบสายคล้องอาจไม่เหมาะกับกีฬาบางชนิด
Beats Powerbeats High Performance
การเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0
ความทนทาน IPX4
ย่านความถี่ 20-20000Hz
รูปแบบ In-Ear
ระยะเวลาการใช้งาน 15 ชั่วโมงต่อเนื่อง
ราคา 4,990 บาท

Conclusion

Plantronics Blackbeat Fit 3200 AFTERSHOKZ OpenMove JBL Endurance Dive SONY WF-SP800N SoundMAGIC ST80 EDIFIER NEOBUDS PRO Beats Powerbeats High Performance
การเชื่อมต่อ BT 5.0 BT 5.0 BT 4.2 BT 5.0 BT 5.0 BT 5.0 BT 5.0
ความทนทาน IP57 IP55 IPX7 IP55 IPX6 IP54 IPX4
ย่านความถี่ 20-20000Hz 20-20000Hz 20-20000Hz 4-40000Hz 15-22000Hz 20-40000Hz 20-20000Hz
รูปแบบ True Wireless Bone Conduction Ear hook Earbud Ear hook In-Ear In-Ear
เวลาการใช้ 8 ชั่วโมง 6 ชั่วโมง 7 ชั่วโมง 9 ชั่วโมง 6 ชั่วโมง 6 ชั่วโมง 15 ชั่วโมง
ราคา 5,500 บาท 2,990 บาท 3,390 บาท 5,990 บาท 2,990 บาท 3,990 บาท 4,990 บาท

สำหรับคนที่ชอบการออกกำลัง การเลือกหูฟังออกกำลังกาย ที่เหมาะสมและสะดวกในการใช้งาน ก็มีส่วนช่วยเพิ่มขีดความสามารถ รวมถึงการเผาผลาญพลังงานได้อย่างเพลิดเพลินใจในแต่ละครั้งได้ไม่น้อย ซึ่งตัวเลือกก็มีให้เห็นอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแบบคล้องหู In-Ear หรือจะเป็นแนวอื่นๆ แต่สิ่งที่อยากให้เน้นคือ เรื่องของความกระชับ น้ำหนักที่พอดี และใช้งานได้นาน เพราะคุณจะไม่ต้องเสียอารมณ์ในระหว่าง Workout หรือเวลาที่วิ่ง การตัดเสียงรบกวนได้ก็ดีในระดับหนึ่ง แต่ก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัย กับการรับรู้สิ่งแวดล้อมรอบข้างไปพร้อมๆ กัน รวมถึงความทนทานต่อน้ำ ฝน ฝุ่น ก็ถือเป็นสิ่งจำเป็น ส่วนเรื่องของรูปลักษณ์และสไตล์ ก็ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของคุณเป็นหลัก เอาเป็นว่าเลือกมาสักรุ่น แล้วไปออกกำลังกันดีกว่าครับ

from:https://notebookspec.com/web/624993-wireless-headset-workout-2021

รีวิว Marshall Major IV เบาสบายตลอดวัน เสียงดีเกินขนาด

หูฟังแบบสวมศีรษะ ที่น้ำหนักเบา ไร้สาย เสียงดีเกินตัว กับรีวิว Marshall Major IV ที่จัดว่าจิ๋วแต่แจ๋วที่สุดรุ่นหนึ่งตั้งแต่ทีมงานเคยได้รีวิว สวมใส่สบาย เสียงดีในแบบ Marshall พร้อมดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ แต่จะจิ๋วแจ๋วแค่ไหน ต้องไปชมกัน

Marshall Major IV

Advertisementavw

Marshall Major IV เป็นหนึ่งในรุ่นที่มีการอัพเกรทขึ้นมาจากรุ่น 3 อยู่หลายประการ ด้วยหูฟังแบบไร้สายเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.0 ในรูปแบบเฮดโฟนที่มีขนาดไม่ใหญ่ พร้อมจุดเด่นที่ไดร์ฟเวอร์ขนาด 40 มิลลิเมตร มีแบตเตอรี่ในตัวสามารถใช้งานได้ถึง 80 ชั่วโมง อึดขึ้นกว่าเดิม แถมชาร์ตเร็ว 15 นาที ใช้ได้  15 ชั่วโมง และยังรองรับการชาร์ตไร้สาย หรือไม่ชอบไร้สายก็ยังสามาถเชื่อมต่อผ่านสาย 3.5 มิลลิเมตรได้ เบาเพียง 165 กรัม ดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ โดยมี 2 สีให้เลือกทั้งน้ำดำ และน้ำตาลแบบที่ทีมงานได้มารีวิว แต่จะสวย และเสียงดีขนาดไหนไปชมกัน

Marshall Major IV

  • Frequency Response : 20 Hz – 20 kHz
  • Driver Sensitivity : 99 dB SPL (100mV @ 1kHz)
  • Driver Type : Dynamic
  • Driver Impedance : 32 Ω
  • Drivers : 40 mm

BATTERY
  • Wireless Charging : Yes (Wireless charging pad is not included)
  • Play Time : 80+ hours with Bluetooth
  • Charging Time : 3 hours to full recharge
  • 15 minutes charging gives you 15 hours of wireless playtime

CONTROLS AND CONNECTIVITY
  • Microphone & Remote : Yes
  • Bluetooth Range : 10 m
  • Control Knob : Yes
  • Wireless Connectivity : Bluetooth 5.0

INCLUDED IN THE BOX
  • Box Contents
  • Major IV headphones
  • 3.5 mm audio cord
  • User manual and legal and safety information
     
  • USB-C charging cable
  • PHYSICAL UNIT
  • Collapsible : Yes
Weight :165 g
 
Colorways
  • Black
  • Brown

 Marshall Major IV 04

Marshall Major IV 05 Marshall Major IV 06

กล่องของ Marshall Major IV มาในขนาดกะทัดรัด พร้อมโชว์หน้าตาฟีเจอร์ต่างๆที่ครบครัน

Marshall Major IV 07

เปิดกล่องมาจะเจอ Marshall Major IV ในรูปแบบพับเก็บอยู่ภายใน

Marshall Major IV 08

อุปกรณ์มาตรฐานในกล่องจะมีเจ้า Marshall Major IV คู่มือ สายชาร์ต และสายต่อ 3.5 มิลลิเมตร

Marshall Major IV 09

สายต่อแบบ 3.5 มิลลิเมตรที่แถมมาให้สำหรับใช้กับอุปกรณ์ที่ไม่รองรับ Bluetooth หรืออยากสัมผัสเสียงแบบเชื่อมต่อตรงแบบสาย

Marshall Major IV 11

สายชาร์ตเป็นแบบ USB-C to USB-A มีการขึ้นลายที่หัวชาร์ต และมีความแข็งแรงดีมาก

Marshall Major IV 12

หูฟัง Marshall Major IV จะสามารถพับเก็บได้เวลาไม่ใช้งาน

Marshall Major IV 13

Marshall Major IV 16 Marshall Major IV 17

Marshall Major IV เป็นหูฟัง On-Ear แนบหูขนาดเล็ก น้ำหนักเบามากๆ เพียง 165 กรัมเท่านั้น มาพร้อมรูปร่างหน้าตาที่ไม่ต่างจากในรุ่น 3 เท่าไหร่นัก วัสดุที่เลือกสรรค์มาเป็นอย่างดี Earcup ภายในเลือกใช้เป็นโฟมที่ให้สัมผัสที่นุ่มสบายหูมากๆ ส่วนด้านนอกยังคงใช้เป็นหนังที่มีความหรูหราพรีเมียม จับถนัดมือ ให้อารมณ์ความเป็น Marshall อยู่เช่นเดิม ก้านเป็นโลหะสามารถยืดหดได้พอสมควร ดีไซน์นี้หลายๆท่านที่ชื่อชอบสไตล์ Marshall น่าจะชอบกันไม่มากก็น้อย

Marshall Major IV 14

Marshall Major IV 15 Marshall Major IV 18

แพ็ดตัวหุฟังทำมาจากหนักขึ้นลายสีน้ำตลาด พร้อมพิมพ์โลโก้ Marshall และบอกด้านซ้าย ขวา วัสดุที่เป็นหนังดีมาก ทำให้ดูหนูหราและทนทานดีทีเดียว ขอบมีการเย็บอย่างเรียบร้อย งานดี

Marshall Major IV 22

Marshall Major IV 19 Marshall Major IV 20

Earcup เป็นหนัง PU วัสดุคุณภาพดี ภายในเลือกใช้เป็นโฟมที่ให้สัมผัสที่นุ่มสบายหูมากๆ ใส่สบาย และน้ำหนักเบา

Marshall Major IV 25

Marshall Major IV 21 Marshall Major IV 27

บริเวณขอบหูฟังด้านขวาจะเป็นปุ่ม  Control Knob สีทองที่เป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์ ทำหน้าที่ควบคุมต่างๆ อย่างครบครันทั้ง เล่น/หยุดเพลง รับสาย/วางสาย เรียกใช้งานผู้ช่วยเสียง เพิ่มเสียง/ลดเสียง ย้อนกลับเพลงก่อนหน้า/ข้ามไปเพลงถัดไป และเปิด/ปิด นอกจากนั้นก็ยังมีไมค์โครโฟน ช่องต่อสายชาร์ตแบบ USB Type-C และขั้วต่อสาย 3.5 มิลลิเมตร สำหรับเชื่อมต่อหูฟังแบบสาย

marshall major iv 04 1

อีกหนึ่งจุดเด่นของรุ่นนี้เลยคือ รองรับการชาร์ตไร้สายที่หูฟังด้านขวา แค่วางไปบนแท่นก็ชาร์ตได้ทันที

marshall major iv 03 1

ส่วนช่อง AUX/3.5 mm. นั้นสำหรับการเชื่อมต่อแบบมีสาย และพิเศษด้วยฟังก์ชั่น Sharing การทำงานคือขณะที่เชื่อมต่อ Bluetooth อยู่นั้น หากนำหูฟังมีสายอื่นๆ มาเชื่อมต่อก็สามารถแชร์เพลงที่กำลังฟังอยู่เข้าไปในหูฟังนั้นๆ ได้ในทันที

DSC08257

DSC08264 DSC08274

การสวมใส่

ด้วยน้ำหนักที่เบามาก ทำให้สวมใส่ได้สบาย ใส่ต่อเนื่องได้โดยที่ไม่รู้สึกหนักศีรษะ เรียกว่าเหมือนไม่ได้ใส่เลย และการที่เป็นแบบ On Ear ทำให้ใบหูไม่รู้สึกอับ และตัวหูฟังก็ไม่ได้กดลงบนใบหูหนัก แต่ก็เป็นข้อเสียที่ไม่สามารถใส่ออกกำลังกาย หรือเคลื่อนไหวศีรษะหนักๆได้จะทำให้ตัวหูฟังเลื่อนหล่นได้ค่อนข้างง่าย

ฟังค์ชั่น

ฟังค์ชั่นหลักจะอยู่ที่ปุ่มแบบจอยสติ๊กทางด้านขวา ซึ่งจะทำหน้าที่ตั้งแต่เชื่อมต่อ ควบคุมเสียง ควบคุมเพลง ซึ่งใช้ง่ายและสะดวกมาก สะดวกกว่าพวกหูฟังทีุ่่มเยอะๆ ซะอีก ปุ่มเดียวจบ

DSC08279

DSC08269 DSC08266

คุณภาพเสียง

ด้วยไดรเวอร์เสียงแบบ Dynamic ข้างละ 40 มิลลิเมตร สำหรับขับเสียงย่านกลาง สูง และเบส ทำให้สัมผัสได้ถึงแนวเสียงแบบ Marshall ที่ให้รายละเอียดเสียงครบทุกย่าน ไม่ว่าจะโทนเสียงกลางที่ค่อนข้างใส่ รายละเอียดครบ เสียงแหลมก็ดีไม่บาดหรือสูงจนเกินไป และเสียงเบสที่มีความหนักแน่น ลูกใหญ่ ฟังสนุกแต่ก็ไม่ได้หนักจนไม่สบายหู เรียกได้ว่าครบทุกย่านเสียง โดยเฉพาะท่านที่ชอบเบสแน่นๆ หรือฟังเพลงแนวร็อคน่าจะชื่นชอบเป็นพิเศษ นอกจากนั้นเวทีเสียงให้รายละเอียดที่ชัดเจน และกว้างขึ้นกว่ารุ่นก่อน

คุณภาพไมค์

ที่รับเสียงได้คมชัด ตัดเสียงแทรกได้ดีในระดับหนึ่งครับ คุยริมถนน หรือในออฟฟิศที่มีคนอยู่เยอะได้สบายๆ หรือถ้าประชุมในห้องปิดจะรับเสียงได้คมชัดดีมาก แม้ไม่ได้พูดเสียงดัง

แบตเตอรี่

ตามสเปคเคลมไว้ว่าสามารถใช้ได้ 80 ชั่วโมง ซึ่งทีมงานใช้งานต่อเนื่องราว 3 ชั่วโมง แบตเตอรี่ลดไปแค่ราว 20% เท่านั้น จัดว่าแบตเตอรี่อึดทีเดียว นอกจากนั้นยังรองรับการชาร์ตไร้สาย หรือต่อสายชาร์ตด่วน 15 นาที ใช้ได้ถึง 15 ชั่วโมง แบตอึดจริงแถมชาร์ตไวด้วย

DSC08269

Marshall Major IV เป็นเฮดโฟนที่ใส่สบายอย่างมาก ด้วยน้ำหนักที่เบา และเป็นแบบ on ear ทำให้ใส่ต่อเนื่องได้ไม่อับ ใส่ฟังเพลง ทำงานตลอดทั้งวันสบายๆ ในเรื่องของเสียงก็ยังคงเป็นเอกลักษณ์ในแบบ Marshall โดยเฉพาะเสียงเบสที่มาครบ แต่จะฟังเพลงแนวอื่นหรือดูหนังเล่นเกมก็สบายๆ

อีกหนึ่งจุดเด่นก็จะเป็นเรื่องของแบตเตอรี่ที่การันตีความอึดที่หูฟังแบบอื่นให้ไม่ได้ ใช้งานต่อเนื่องได้ยาวๆทั้งวันสบายๆ และยังมีฟังค์ชั่นชาร์ตไว และชาร์ตไร้สายก็ยังได้

สำหรับเพื่อนๆที่อยากได้เฮดโฟนใส่บาย เสียงดี ใช้งานง่ายและแบตอึดละก็ Marshall Major IV ตัวนี้คือคำตอบ ด้วยราคาค่าตัว 5,490 บาท ถ้าเทียบกับคุณภาพเสียงฟังค์ชั่นต่างๆและถือว่าคุ้มค่าน่าโดนทีเดียว

อย่าเชื่อจนกว่าจะได้ลอง หรือซื้อได้ที่ Studio7, Banana, Bb Beyond D-Box, B-Play, bnn.in.th

จุดเด่น

  • น้ำหนักเบาใส่สบาย
  • วัสดุหรูดูดี
  • เสียงดี โดยเฉพาะสายเบส
  • ปุ่มคอนโทรลใช้งานง่าย
  • แบตอึด ชาร์ตเร็ว ชาร์ตไร้สายได้
  • เชื่อมต่อแบบ 3.5 มิลลิเมตรได้

ข้อสังเกต

  • ไม่มีถุงผ้าสำหรับเก็บแถมมา
  • เลื่อนหลุดศีรษะได้ง่าย
  • ตัดเสียงภายนอกได้ไม่ดีเท่าที่ควร

from:https://notebookspec.com/web/619911-review-marshall-major-iv

รีวิว Fender TOUR TWS เสียงดีเกินตัว ในราคา 3,990 บาท

แบรนด์ Fender ถือเป็นพี่ใหญ่ในตลาดเครื่องเสียงเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นตั้งแต่ผู้ผลิตลำโพง อุปกรณ์เครื่องเสียงในระดับคอนเสิร์ต ไปถึงกระทั่งกีตาร์ ไปจนถึงหูฟัง in-ear monitor ที่ได้ต่อยอดมาเป็น TWS ตัวแรกของแบรด์ในนาม Fender TOUR

Fender TOUR

Advertisementavw

Fender TOUR เป็น True Wireless ของแบรนด์ผู้ทำเครื่องเครื่องในระดับคอนเสิร์ตอย่าง Fender ที่ได้พัฒนา TOUR มาจากหูฟังแบบ in-ear monitor ด้วยดีไซน์ที่แบบจะเหมือนกันไม่ผิดเพียนเพียงแค่ตัดสายออก พร้อมดีไซน์สวยงามหรูหรา และยังพกฟีเจอร์มาแน่น ไม่ว่าจะเป็น Dynamic Fixed Brake Ring ขนาด 7 มม. ที่ถือว่าขนาดใหญ่มาห เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.0 แบตเตอรี่ใช้งานได้ 5 ชั่วโมงต่อการชาร์ต 1 ครั้ง และยังชาร์ตกับเคสได้อีก 22 ชั่วโมง พร้อม Fast Charge 10 นาที ใช้ได้ 1 ชั่วโมง กันน้ำกันเหงือได้ระดับ IPX4 มีให้เลือก 2 สี คือดำและแดง ฟังค์ชั่นต่างๆมาครบ แต่จะสวย ใช้ดีขนาดไหนไปชมกันต่อเลย

Fender TOUR

  • เชื่อมต่อด้วย Bluetooth 5.0 ชิปฯ Qualcomm
  • รองรับ SBC, AAC และ aptX™ เชื่อมต่อสเถยีรทั้ง iOS และ Android
  • ดีไซน์แบบ In-ear monitor สวมใส่กระชับดีมาก
  • หูฟังมี Passive Noise Isolation กันเสียงรอบข้างได้ดี ใส่เงียบมาก
  • ไมโครโฟน 4 ตัว แบ่งเป็น 2 ตัวต่อข้าง คุยโทรศัพท์ดี
  • ไดร์เวอร์ Dynamic Fixed Brake Ring ขนาด 7 มม. ให้รายละเอียดเสียงได้ยอดเยี่ยม โดดเด่น ตอบโจทย์สายฟังเพลง
  • กันละอองนํ้าระดับ IPX4 ใส่ฟังเพลงกันเหงื่อในชีวิตประจำวันได้
  • ใช้งานต่อเนื่องได้สูงสุด 5 ชั่วโมงต่อชาร์จ 1 รอบ (ขึ้นอยู่กับการใช้งานและความดัง)
  • กล่องชาร์จชาร์จหูฟังได้สูงสุด 3 รอบ รวมสูงสุด 22 ชั่วโมง
  • หูฟังมี (Fast-Charge) ชาร์จแบตจากกล่องชาร์จเพียง 10 นาที เล่นได้สูงสุด 1 ชั่วโมง

  Fender Tour 03

กล่องของ Fender TOUR โชว์ตัวหูฟัง และตัวเคส พร้อมระบุสเปคต่างๆชัดเจน กล่องดูเป็นเอกลักษ์ในแบบ Fender

Fender Tour 05

อุปกร์ภายในกล่องได้แก่

  • Fender Tour
  • เคสสำหรับจัดเก็บและชาร์จแบตเตอรี่
  • ชุดจุกหูฟัง
  • สายคล้อง
  • คู่มือการใช้งานเบื้องต้น

Fender Tour 06

Fender Tour 28 Fender Tour 11

กล่องของ Fender TOUR เป็นพลาสติกสีดำ ดิบๆ ไม่มีการขึ้นลวดลายอะไร มีเพียงชื่อแบรนด์ Fender โชว์อยู่ พร้อมที่คล้างสาย ดูดิบๆ ไม่หรูหราสวยงามแต่อย่างใด แต่ก็เป็นเช่นเดียวกับสไตล์พวกกล่องกีตาร์ โดยหน้าหน้าของกล่องจะมีไฟแสดงสถานะอยู่ด้วย

Fender Tour 07

พอร์ตชาร์ตเป็นแบบ USB-C

Fender Tour 09

ฝากล่องจะสกรีนข้อความสเปคต่างๆ

DSC08254

ตัวหูฟังยืดด้วยแม่เหล็กพร้อมขาชาร์ตแบบ 2 ขั้ว พร้อมปุ่มแพร์ อยู่ที่กล่องเลย

Fender Tour 15

Fender Tour 16 Fender Tour 21

Fender Tour 17 Fender Tour 18

Fender Tour มาแบบ in ear โดยจะใช้ดีไซน์แบบหูฟัง custom in-ear monitor ทำให้ดูโดดเด่นสวยงามเป็นอย่างมากครับ ตัวบอดี้ผลิตโดยใช้เทคนิคการพิมพ์สามมิติ พร้อมโลโก้ Fender ที่ตัวหูฟังทั้งสองข้าง โดยหูฟังนั้นจะไม่มีปุ่มกดใดๆเพราะใช้การควบคุมด้วยระบบสัมผัสนั่นเอง

วัสดุหลักจะเป็นผิวเงา หรูหราสวยงาม เป็นเอกลักษ์ เข้ากับรูหูได้เป็นอย่างดี แต่อาจจะต้องเป็นคนที่ชอบหูฟังแบบอินเอียร พราะตัวหูฟังสอดเข้าไปในรูหูพอสมควร โดยขอบด้านบนจะมีไฟแสดงสถานะ ไมค์ช่วยรับเสียง และไมค์อีกตัวอยู่ด้านล่าง

Fender Tour 24

Fender Tour 26 Fender Tour 27

ขนาดของตัวหูฟังจะดูเหมือนว่าใหญ่ เนื่องจากก้านที่สอดเข้าไปในรูหูค่อนข้างยาว แต่เอาจริงๆก็ไม่ใหญ่ หรือหนักมากนัก ใส่ต่อเนื่องได้สบายๆ

Screenshot 20211030 204334

เริ่มการใช้งานแอพจะเป็นแนะนำการใช้งานหูฟังว่าแต่ละฟังค์ชั่น ใช้งานอย่างไรได้บ้าง

Screenshot 20211030 204354

หน้าเมนูหลัก GAIN จะเป็นหน้าตาคล้ายๆหน้าจอของตู้แอมป์ ที่เมื่อเปิดเสียงของหูฟังจะดังขึ้นได้อีก

Screenshot 20211030 204408

เมนูต่อมาจะเป็น EQ ที่สามารถปรับแต่งได้เยอะหลายสไตล์มากๆ หรือจะปรับแต่งเองก็ยังได้

Screenshot 20211030 204418

UPDATE เช็คอัพเดทเฟิอร์มแวร์

Screenshot 20211030 204456

ฟังค์ชั่นเด็ดที่ทีมงานชอบ คือเราสามารถตั้งค่าปุ่มสัมผัสให้เป็นโหมดการสั่งงานแบบไหนได้ เช่นอยากให้เตะครั้งเดียวเปลี่ยนจากเพิ่มลดเสียง เป็นเล่นหยุดเพลงก้ได้

Screenshot 20211030 204504

เมนูสุดท้ายจะเป็นรายละเอียดของตัวหูฟังเช่นเฟิร์มแวร์เวอร์ชั่น หรือระดับแบตเตอรี่

DSC08229

DSC08249 DSC08250

DSC08251 DSC08252 

การสวมใส่

การสวมใส่ก็ไม่ยุ่งยาก แค่ใส่ไปตรงๆแต่อาจจะต้องบิดหมุนเล็กน้อยเพื่อให้เข้ากับรูหู ข้อสังเกตเลยคือ ต้องเป็นคนที่ชินกับหูฟัง in-ear พอสมควร เพราะตัวหูฟังจะสอดเข้าไปในรูหูลึกอยู่ ทำให้ถ้าไม่ชินอาจจะระคายเคือง หรือคันรูหูได้ แต่ถ้าชินแล้วจะใส่ได้สบายน้ำหนักเบาไม่ลื่นหลุดง่าย และยังช่วยเก็บเสียงได้ดี แม้ไม่มีฟังค์ชั่นตัดเสียงรบกวน

ฟังค์ชั่น

Fender TOUR จะสั่งงานโดยการแตะสัมผัสบริเวณโลโก้ โดยการแตะครั้งเดียวจะเป็นการเพิ่ม / ลดเสียง ส่วนการแต่ 2 ครั้งจะเป็นการเล่นเพลงถัดไป หรือก่อนหน้า ทำให้เห็นว่าหูฟังให้ความสำคัญกับการปรับระดับเสียงมากกว่า ซึ่งส่วนตัวทีมงานชอบ เพราะชอบปรับเสียงบ่อยมากกว่าการเปลี่ยนเพลง จะต่างจาก TWS รุ่นอื่นที่ส่วนใหญ่การเพิ่มลดเสียงจะเป็นฟังค์ชั่นรอง หรือไม่สามารถปรับแต่งได้เลย หรือถ้าไม่ชอบก็ยังสามารถเปลี่ยนการสั่งงานในซอฟแวร์ได้

DSC08232

คุณภาพเสียง

ครั้งแรกที่ได้ฟังบอกเลยว่าเป็น TWS ที่เสียงดังที่สุดในตลาดที่ทีมงานเคยได้ฟังมา เพราะเพียงแค่เปิดเสียงระดับกลาง เสียงหูฟังก็ดังเทียบเท่ากับหูฟังอื่นๆที่ปรับเสียงไปเกือบสุด

โดยโทนเสียงออกไปทาง flat เน้นรายละเอียดเสียงและความเที่ยงตรงของเสียงดนตรีสูง ไม่ได้มีเบสหนักๆ แต่จะเน้นที่โทนเสียงกลางที่ได้ยินอย่างชัดเจน รายละเอียดของเครื่องดนตรีต่างๆ ทำให้การฟังเพลงสามารถสัมผัสถึงความหนักเบาของเครื่องดนตรีได้ชัดเจน ช่วยให้การฟังเพลงดูมีมิติขึ้น และฟังดูมีความเป็นดนตรีสูง เสียงร้องอาจจะไม่เด่นมาก แต่ก็ได้ยินครบถ้วนอยู่

คุณภาพไมค์

อย่างที่เริ่นไปว่า Fender TOUR มีไมค์อยู่ข้างละ 2 ตัว รวมเป็น 4 ตัว เท่าที่ลองใช้งานถ้าใช้งานในห้อง หรือพื้นที่ซึ่งไม่ค่อยมีเสียงรบกวนสามารถคุยได้สบายๆ ไม่ต้องใช้เสียงดังมาก แต่ถ้าเดินริมถนนหรือที่เสียงดังละก็ อาจจะแค่พอคุยได้ เพราะปลายสายจะได้ยินเสียงรอบข้างเข้ามาด้วย

แบตเตอรี่

ทีมงานลองใช้งานต่อเนื่องราว 2 ชั่วโมง ฟังเพลงด้วยระดับเสียง 50% แบตเตอรี่ยังไม่มีการเตือนใดๆ เหลือแบตอีกราว 50% ถ้าใช้ไป และพักชาร์ตเป็นช่วงๆใช้งานได้ทั้งวันสบายๆ

ในส่วนของการดีเลเมื่อดูหนัง หรือเล่นเกม จัดว่าดีเลน้อย ต้องตั้งใจจับผิดถึงจะรู้สึก ถ้าใช้งานผ่านๆ แทบไม่รู้สึกถึงการดีเลเลย

DSC08248

Fender TOUR ไม่ได้เหมาะแค่นักดนตรีที่ต้องการหูฟัง TWS ดัง แต่ยังเหมาะกับหลายท่านที่ต้องการหูฟังซึ่งสามารถฟังเพลงได้หลากหลายแนว โดยเฉพาะแนว flat ที่เน้นรายละเอียดเสียงที่ครบทุกย่าน โดยเฉพาะเสียงกลางที่เก็บรายละเอียดได้ดี

นอกจากเรื่องของเสียงแล้ว Fender TOUR ยังมาพร้อมดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ในสไตล์นักดนตรี ที่ไม่เหมือนใคร กับราคาที่ 3,990 บาท ซึ่งผมว่าคุ้มค่าดีทีเดียวเมื่อเทียบโทนเสียงที่ได้ และดีไซน์ที่แตกต่างแบบนี้

อย่าเชื่อจนกว่าจะได้ลอง หรือซื้อได้ที่ Studio7, Banana, Bb Beyond D-Box, B-Play, bnn.in.th

จุดเด่น

  • ดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ สวยงาม
  • เสียงดีฟังสนุก
  • เสียงดังมาก เหมือนหูฟังมีสาย
  • สามารถเพิ่มลดเสียงได้ที่ตัวหูฟังเลย

ข้อสังเกต

  • กล่องเคสดูเรียบๆ ดิบๆ ไปหน่อย
  • ก้านสอดเข้าไปในรูหูเยอะ ถ้าไม่ชอบ in-ear อาจจะไม่ชอบ

from:https://notebookspec.com/web/619841-review-fender-tour