คลังเก็บป้ายกำกับ: GULF

Gulf Binance เตรียมเปิดให้บริการแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลในไทย ไตรมาส 4/2566

Binance และ บมจ. กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (Gulf) ประกาศว่าบริษัทร่วมทุน Gulf Binance ได้รับใบอนุญาตในการดำเนินงานธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล และธุรกิจนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล จากกระทรวงการคลังผ่านทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากทั้งสองบริษัทได้ลงนามสัญญาร่วมทุนเมื่อปีที่แล้ว

แพลตฟอร์มของ Gulf Binance จะเปิดให้บริการทั้งระบบการซื้อขายกระเป๋าเงินโทเคนดิจิทัล (Digital Token Wallets) และกระเป๋าเงินคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency Wallets) ภายใต้ข้อกำหนดของ ก.ล.ต. กำหนดเปิดให้บริการภายในไตรมาสที่ 4 ของปี 2566

Richard Teng หัวหน้าส่วนธุรกิจของ Binance ในเอเชีย-ยุโรป-ตะวันออกกลาง-แอฟริกาเหนือ กล่าวว่าบริษัทร่วมทุน Gulf Binance รู้สึกยินดีที่ได้รับใบอนุญาตดำเนินธุรกิจในประเทศไทย โดยบริษัทจะนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานในไทย ด้วยระบบที่มีความน่าเชื่อถือและได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานท้องถิ่น

ที่มา: Gulf และ Binance

No Description

from:https://www.blognone.com/node/134035

แสนสิริ และกัลฟ์ ราคาหุ้นลงแรงรับผลการเลือกตั้ง เพื่อไทย ไม่แลนด์สไลด์

เศรษฐา ทวีสิน
เศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการ และกรรมการผูจัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (SIRI)

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้าวันนี้ (15 พ.ค. 2023) ราคาหุ้น บมจ. แสนสิริ และ บมจ. กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ ต่างปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง โดยช่วงเวลา 10.55 น. มูลค่าหุ้นของแสนสิริปรับตัวลดลงราว 11% และ กัลฟ์ฯ ปรับตัวลดลงราว 7%

เช่นเดียวกับมูลค่าหุ้นอื่น ๆ เช่น บมจ. เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น ปรับตัวลดลงราว 5% และ บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ AIS ปรับตัวลดลงราว 2.2% ซึ่งตัวเลขดังกล่าวอาจสะท้อนมาจากผลการเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทยที่ไม่แลนด์สไลด์ตามเป้าหมาย

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post แสนสิริ และกัลฟ์ ราคาหุ้นลงแรงรับผลการเลือกตั้ง เพื่อไทย ไม่แลนด์สไลด์ first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/siri-gulf-stock-15-may-2023/

ศึกชิงใบอนุญาต Virtual Bank เดือด ทั้ง AIS, CP, Jaymart เดินหน้าลงสนาม มองหาพาร์ทเนอร์ต่างชาติยักษ์ใหญ่

ศึกชิงใบอนุญาตเปิดธุรกิจธนาคารพาณิชย์ไร้สาขาหรือ Virtual Bank เดือด หลังธนาคารแห่งประเทศไทยมีแผนให้ใบอนุญาตดำเนินธุรกิจในช่วงกลางปี 2024

หลายบริษัทใหญ่ของไทยเตรียมหาพาร์ทเนอร์เพื่อขอใบอนุญาตเปิดธุรกิจธนาคารไร้สาขาที่มีมูลค่าหลายพันล้านบาท 

AIS ว่ายังไง?

AIS ได้จับมือกับบริษัทพลังงาน Gulf Energy Development และธนาคารกรุงไทยเพื่อพัฒนาโมเดลธุรกิจเตรียมพร้อมที่จะยื่นขอใบอนุญาต โดย AIS และ Gulf ประกาศในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า ได้ร่วมมือกับ Singtel บริษัทผู้ให้บริการเทเลคอมของสิงคโปร์เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูลในจังหวัดสมุทรปราการเพื่อรองรับความต้องการของธุรกิจและผู้ให้บริการคลาวด์ที่จะเพิ่มมากขึ้นเพื่อมีการเริ่มธุรกิจธนาคารไร้สาขา

ยักษ์ใหญ่อย่าง CP ล่ะ?

ขณะที่ฝั่ง CP ก็ลงแข่งในสนามนี้เช่นกัน โดยทั้งรัฐบาลและนักวิเคราะห์คาดว่า CP จะใช้รายได้จากร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ที่มี 14,000 สาขาทั่วประเทศ และใช้ฐานลูกค้าขนาดใหญ่จาก True เพื่อระดมเงินในการทำธุรกิจธนาคาร

มีคาดการณ์ว่า CP อาจมองหาหนทางทำธุรกิจธนาคารด้วยการจับมือกับบริษัทจีนยักษ์ใหญ่อย่าง Alibaba Group เพราะมีรายงานว่านายธนินท์ เจียรวนนท์ ผู้ก่อตั้ง CP ได้พบปะกับ Jack Ma ผู้ก่อตั้งบริษัทในช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา 

Jaymart ก็มา

Jaymart เป็นผู้เล่นอีกรายที่ลงสนามแข่งนี้ นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ซีอีโอของบริษัทเปิดเผยว่า Jaymart สนใจทำธุรกิจธนาคารไร้สาขาเช่นเดียวกันและกำลังมองหาพาร์ทเนอร์ที่จะมาร่วมมือกันอยู่ เช่นเดียวกับธนาคารไทยพาณิชย์ที่เปิดเผยว่ากำลังศึกษานโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยและมองหาพาร์ทเนอร์อยู่เช่นเดียวกัน

ธปท. ได้ออกเอกสารให้คำแนะนำเพื่อขอรับใบอนุญาตดำเนินธุรกิจธนาคารไร้สาขาในฐานะผู้ให้บริการทางการเงินรายใหม่ โดยบริษัทเอกชนทุกแห่งไม่ว่าจะดำเนินธุรกิจการเงินมาก่อนหรือไม่ มีสิทธิส่งโมเดลธุรกิจภายในสิ้นเดือนมีนาคมนี้เพื่อขอรับใบอนุญาต

ใบอนุญาตของธปท. มีจุดประสงค์เพื่อให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กสามารถกู้ยืมเงินได้ง่ายขึ้น รวดเร็วและปลอดภัยขึ้น พร้อมต้นทุนที่ต่ำลง ซึ่งธุรกิจธนาคารไร้สาขาจำเป็นจะต้องให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพและมีระบบตรวจสอบที่ดีตามนโยบายของธปท. เพราะต้องให้บริการธุรกรรมออนไลน์โดยไม่มีสำนักงานตามสาขา ไม่มีตู้ถอนและตู้ฝากเงิน

ผลลัพธ์ที่ธปท. คาดหวังจากธุรกิจธนาคารไร้สาขานอกจากให้ SMEs เข้าถึงได้แล้วยังเน้นบริการกลุ่มที่ยังไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงิน เช่น กลุ่มที่มีรายได้น้อย นอกจากนี้ ยังเน้นการบริการครบวงจรผ่านแพลตฟอร์มเดียว

ธปท. ยังคาดหวังให้ธนาคารไร้สาขาของไทยดำเนินการสอดคล้องกับธนาคารของประเทศอื่น ๆ อย่างสหราชอาณาจักรที่สามารถติดตามพฤติกรรมการใช้เงินของผู้รับบริการได้ มีระบบรักษาความปลอดภัย เช่น ถ้ามีการใช้บัตรเดบิตซื้อของออนไลน์ที่ไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมลูกค้าก็จะมีขั้นตอนให้กดอนุมัติผ่านแอปพลิเคชันเพิ่มอีกขั้นตอนเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยให้ลูกค้า

ทั้งนี้ ธนาคารไร้สาขาเป็นธุรกิจคนละอย่างกับธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคที่ธปท. เริ่มออกใบอนุญาตเมื่อปี 2019 ให้บริษัทเอกชนปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลในวงเงินสูงสุด 20,000 บาทต่อการกู้หนึ่งครั้ง และให้ระยะเวลาชำระเงินคืนสูงสุด 6 เดือน

ที่มา – Nikkei Asia, ธปท. 1, ธปท. 2

อ่านเพิ่มเติม

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post ศึกชิงใบอนุญาต Virtual Bank เดือด ทั้ง AIS, CP, Jaymart เดินหน้าลงสนาม มองหาพาร์ทเนอร์ต่างชาติยักษ์ใหญ่ first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/thai-corporations-aim-at-virtual-bank-license/

GULF จับมือ Singtel และ AIS เดินหน้าก่อสร้างโครงการก่อสร้างดาต้าเซ็นเตอร์

GULF, Singtel และ AIS เดินหน้าก่อสร้างโครงการดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดกว่า 20 เมกะวัตต์ใน จ.สมุทรปราการ ภายใต้การดำเนินการของบริษัท จีเอสเอ ดาต้า เซ็นเตอร์ จำกัด (GSA) บริษัทร่วมทุนของทั้ง 3 บริษัท ดาต้าเซ็นเตอร์แห่งนี้จะเชื่อมต่ออย่างครบวงจร มุ่งนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาใช้ เน้นใช้พลังงานสะอาด และการบริหารจัดการพลังงานที่ยกระดับประสิทธิภาพการใช้พลังงานของดาต้าเซนเตอร์

รวมถึงมีระบบการเก็บรักษาข้อมูลที่ปลอดภัยสูงสุด พร้อมตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าองค์กรและผู้ให้บริการคลาวด์ในไทยและต่างประเทศ เพื่อตอบสนองต่อการเติบโตอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลในภูมิภาค คาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ภายในปีพ.ศ. 2568

GSA เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท กัลฟ์ อินฟราสตรัคเจอร์ จำกัด (บริษัทในเครือของบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน): GULF), บริษัท เอสที ไดนาโม ทีเอช พีทีอี. แอลทีดี. (บริษัทในเครือของ บริษัท สิงคโปร์ เทเลคอมมูนิเคชั่นส์ จำกัด: Singtel) และ บริษัท เอไอเอส ดีซี เวนเจอร์ จำกัด (บริษัทในเครือของ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน): AIS) ในอัตราส่วน 40% 35% และ 25% ตามลำดับ 

นับเป็นการผนึกความแข็งแกร่งของทั้ง 3 บริษัท ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ โดย GULF มีประสบการณ์ในธุรกิจผลิตไฟฟ้าและธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน และเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจที่กว้างขวาง ในขณะที่ Singtel มีความชำนาญในเทคโนโลยีสำหรับพัฒนาและบริหารดาต้าเซ็นเตอร์ระดับไฮเปอร์สเกล มีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งในหลากหลายธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ระดับไฮเปอร์สเกล ส่วน AIS มีความเชี่ยวชาญด้านโครงข่ายโทรคมนาคมในประเทศ รวมถึงพัฒนาและดำเนินธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์หลายแห่งในประเทศไทย อีกทั้งมีประสบการณ์ในการให้บริการแก่ลูกค้าองค์กรจำนวนมาก

นายรวิ กูรมะโรหิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอสเอ ดาต้า เซ็นเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า การจัดพิธีในวันนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการพัฒนาดาต้าเซ็นเตอร์ และถือเป็นพิธีสิริมงคลสำหรับเริ่มการก่อสร้างดาต้าเซ็นเตอร์อย่างเป็นทางการ

โดยดาต้าเซ็นเตอร์แห่งนี้ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพ ใกล้กับกรุงเทพฯ มุ่งนำเทคโนโลยีทันสมัยมาใช้ ใช้พลังงานสะอาด ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และบริหารจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพที่เอื้อให้การบริหารงานเป็นไปอย่างยั่งยืน ด้วยอัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ ทางบริษัทจึงเห็นศักยภาพของตลาดความต้องการของกลุ่มลูกค้าและผู้ให้บริการคลาวด์ที่เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สอดรับกับการเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัล

ดาต้าเซ็นเตอร์แห่งนี้สร้างตามมาตรฐานระดับโลก อาทิ TIA-942 Certification Rated-3 รวมถึงมาตรฐานอาคารสีเขียว LEED Gold, การรับรองด้านความปลอดภัย (Threat and Vulnerability Assessment: TVRA) และ ISO 27001 เป็นต้น ทั้งนี้ดาต้าเซ็นเตอร์แห่งนี้จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ภายในปีพ.ศ. 2568


คณะผู้บริหาร GSA นำโดยนายรัฐพล ชื่นสมจิตต์ ประธานกรรมการ (ที่ 4 จากซ้าย) ร่วมพิธีเปิดหน้าดินเพื่อเดินหน้าก่อสร้างโครงการดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดกว่า 20 เมกะวัตต์ ในจ.สมุทรปราการ

จากซ้ายไปขวา:

  1. นายมาร์ค ช็อง กรรมการ GSA (รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIS)
  2. นายรวิ กูรมะโรหิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GSA (รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจต่างประเทศ GULF)
  3. นายบิล ชาง กรรมการ GSA (ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Singtel Group Enterprise และประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ในภูมิภาค Singtel)
  4. นายรัฐพล ชื่นสมจิตต์ ประธานกรรมการ GSA (รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GULF)
  5. นายอาเธอร์ แล็ง กรรมการ GSA (ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน กลุ่มบริษัท Singtel)
  6. นายแอนดรูว์ ลิม ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ GSA
  7. นายวีรยุทธ พานิชกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน GSA

.fb-background-color {
background: #ffffff !important;
}
.fb_iframe_widget_fluid_desktop iframe {
width: 100% !important;
}

from:https://www.mobileocta.com/gulf-joins-hands-with-singtel-and-ais/?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=gulf-joins-hands-with-singtel-and-ais

GULF ทุ่มซื้อบริษัทไทยคมมูลค่าหมื่นล้าน เดินหน้าต่อยอดธุรกิจ New Space

บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เผยมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 12/2656 เมื่อ 7 พฤศจิกายน 2565 พิจารณาอนุมัติให้บริษัท กัลฟ์ เวนเชอร์ส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ GULF เข้าซื้อหุ้นสามัญในบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) จากบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และซื้อหุ้นสามัญส่วนที่เหลือทั้งหมดของไทยคม โดยการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของไทยคมแลซื้อขายหุ้นสามัญผ่านตลาดหลักทรัพย์ รายละเอียด ดังนี้

Gulf ไทยคม

บริษัท กัลฟ์ เวนเชอร์ส ซื้อหุ้นสามัญไทยคมจากอินทัช จำนวนทั้งสิ้น 450,870,934 หุ้น คิดเป็น 41.13% ของหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของไทยคม ในราคาหุ้นละ 9.92 บาท คิดเป็นจำนวนเงินรวม 4,472.64 ล้านบาท

ภายหลังซื้อหุ้นสามัญไทยคมจากอินทัชเสร็จสิ้น บริษัท กัลฟ์ เวนเชอร์ส จะดำเนินการซื้อหุ้นสามัญส่วนที่เหลือทั้งหมดของไทยคม โดยทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของไทยคมจำนวนทั้งสิ้น 645,231,020 หุ้น คิดเป็น 58.87% ของหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของไทยคม ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ. 12/2554 โดยราคาหุ้นละ 9.92 บาท คิดเป็นจำนวนเงินรวมประมาณ 6,400.69 ล้านบาท

ธุรกรรมการซื้อขายหุ้นดังกล่าว มีมูลค่าเงินลงทุนรวมประมาณ 10,873.33 ล้านบาท

ไทยคมก่อตั้งเมื่อ 7 พฤศจิกายน 2534 เป็นผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมผ่านดาวเทียมภายใต้สัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศระหว่างไทยคมกับกระทรวงคมนาคม ปัจจจุบันการดูแลสัญญาอยู่ เป็นสัญญาสัมปทานระยะเวลา 30 ปี สิ้นสุดเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2564

ไทยคมได้ส่งมอบการครอบครองดาวเทียมและทรัพย์สินทั้งหมดตามสัญญาสัมปทานคืนแก่กระทรวงดิจิทัลครบถ้วนแล้ว ณ วันสิ้นสุดสัญญา กระทรวงดิจิทัลได้มอบสิทธิในการบริหารจัดการดาวเทียมภายใต้สัญญาสัมปทานให้กับบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) (NT)

หลังสิ้นสุดสัญญา บริษัทย่อยของไทยคมได้เข้าทำข้อตกลงซื้อแบนด์วิธบางส่วนบนดาวเทียมไทยคม 4 และดาวเทียมไทยคม 6 กับ NT เพื่อให้บริการลูกค้ารายย่อยนับตั้งแต่ 11 กันยายน 2564 จึงให้บริการช่องสัญญาณดาวเทียมบนดาวเทียมไทยคม 4 และไทยคม 6 กับลูกค้าบางส่วนของไทยคมต่อไป

ธุรกิจของไทยคมแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้

1) ธุรกิจดาวเทียมและบริการต่อเนื่อง แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือดาวเทียมแบบทั่วไป คือให้บริการสำหรับผู้ใช้บริการประจำที่ โดยสัญญาณจะถูกส่งจากสถานีภาคพื้นดินขึ้นสู่ดาวเทียมและส่งกลับมายังสถานีรับสัญญาณภาคพื้นดิน สามารถส่งและรับสัญญาณได้ทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาค

และดาวเทียมบรอดแบนด์ ให้บริการบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต (แบบจุดต่อจุด) ด้วยเทคโนโลยีออกแบบดาวเทียมโดยใช้การจัดสรรคลื่นความถี่ขั้นสูง ออกแบบพื้นที่ให้บริการเป็นวงกลมแคบๆ หลายๆ วงเรียงติดกันในลักษณะรังผึ้ง ปัจจุบันไทยคมได้ซื้อบนด์วิธบางส่วนบนดาวเทียมไทยคม 4 และดาวเทียมไทยคม 6 บางส่วนจาก NT และไทยคมยังมีช่องสัญญาณดาวเทียมไทยคม 7 และดาวเทียมไทยคม 8 เป็นของไทยคมเอง

2) ธุรกิจอินเทอร์เน็ตและสื่อ ดำเนินการโดยบริษัท ไทย แอดวานซ์ อินโนเวชั่น จำกัด (ไทยเอไอ) ให้บริการแพลตฟอร์ม บอกรับสมาชิก จำหน่ายและให้เช่าแพลตฟอร์ม ให้บริการหลังการขายกล่องสัญญาณดาวเทียมดีทีวี และบริการให้คำปรึกษาและติดตั้งระบบสำหรับเครือข่ายบรอดแบนด์แบบครบวงจร เน้นสื่อดาวเทียมและสื่ออินเทอร์เน็ตอื่นๆ

3) ธุรกิจโทรศัพท์ในต่างประเทศ ให้บริการด้านโทรคมนาคมใน สปป. ลาว ผ่านการลงทุนในบริษัท เชนนิง ตัน อินเวสเม้นท์ส พีทีอี ลิมิเต็ด (เชน) เป็นบริษัทโฮลดิ้งที่จดทะเบียนในประเทศสิงคโปร์ โดยบริษัทภายใต้การลงทุนของเชน ดังนี้

บริษัท ลาว เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์มหาชน (แอลทีซี) ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการโทรคมนาคมครบวงจรใน สปป. ลาว, บริษัท ทีพลัส ดิจิทัล จำกัด (ทีพลัส), บริษัท ลาวโมบายมันนี่ โซล จำกัด ให้บริการชำระเงินและโอนเงินดิจิทัล ภายใน สปป. ลาว ภายใต้แบรนด์ M-Money

ไทยคมยังมีธุรกิจร่วมทุนอื่นกับบริษัท เนชั่น สเปซ แอนด์ เทคโนโลยี จำกดั ให้บริการดิจิทัลผ่านดาวเทียมเพื่อการสื่อสารทางทะเล และร่วมทุนกับบริษัท เอทีไอ เทคโนโลยีส์ จำกัด ภายใต้ความร่วมมือของบริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด (บริษัทย่อยของ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายอากาศยานไร้คนขับหรือโดรน รวมทั้งให้บริการแบบครบวงจร มุ่งยกระดับผลผลิตด้านการเกษตร

ผลประโยชน์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นกับ GULF

เป็นการลงทุนในธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยี มีโอกาสพัฒนาธุรกิจหลายรูปแบบต่อเนื่อง เป็นบริษัทไทยที่ประกอบธุรกิจในหลากหลายประเทศ ไม่ได้อิงรายได้จากภายในประเทศอย่างเดียว และมีโอกาสต่อยอดสู่ธุรกิจ New Space ที่มีศักยภาพเติบโตในอนาคต

แหล่งเงินทุนที่ใช้สำหรับธุรกรรมการซื้อขายหุ้นนั้นจะเป็นเงินหมุนเวียนภายในกิจการและ/หรือวงเงินสินเชื่อจากสถาบันการเงินและ/หรือการออกหุ้นกู้ และ/หรือตราสารหนี้อื่นๆ

ที่มา – SEC

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post GULF ทุ่มซื้อบริษัทไทยคมมูลค่าหมื่นล้าน เดินหน้าต่อยอดธุรกิจ New Space first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/gulf-group-acquisition-thaicom/

GULF ปิดขายหุ้นกู้ได้ตามเป้า 35,000 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ

นอกจาก ซีอีโอของ GULF หรือ สารัชถ์ รัตนาวะดีจะขึ้นเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของไทยเรียบร้อย ตอนนี้บริษัทยังขายหุ้นกู้สำเร็จตามเป้า ด้วยวงเงิน 35,000 ล้านบาทด้วย

GULF-Debenture

ยุพาดิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน แห่ง GULF หรือบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ระบุว่า บริษัทประสบความสำเร็จอย่างมากในการเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ระดมทุนได้ 35,000 ล้านบาทตามเป้า

การออกหุ้นกู้นี้บริษัทตั้งใจแบ่งการเสนอขายเป็น 2 ครั้งในเดือนเดียวกัน เพื่อให้ครอบคลุมและตอบโจทย์นักลงทุนหลากหลายกลุ่ม ไม่เสนอขายให้ผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่เท่านั้น แต่ยังเปิดขยให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกอีกด้วย ซึ่งก็ได้รับผลตอบจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดี

หุ้นกู้ที่เสนอขายให้กลุ่มผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ มี 3 ชุด คือรุ่น 3 ปี 5 ปี และ 10 ปี มูลค่ารวม 11,000 ล้านบาท มีการ bookbuilding เมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมและเสนอขายเมื่อ 2-4 สิงหาคม 2565 มีอัตราดอกเบี้ยคงที่เฉลี่ย 3.57% ต่อปี

หุ้นกู้สำหรับประชาชนทั่วไปเมื่อ 15-17 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมามี 2 รุ่นอายุคือ 4 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.50% ต่อปีและ 7 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.90% มูลค่ารวม 24,000 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ที่เสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปนี้แต่ละรุ่นมีอายุมีการเปิดขายทั้งทางแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” ของธนาคารกรุงไทย และสถาบันการเงินอีก 9 แห่งคือ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ธนาคารทหารไทยธนชาต ธนาคารยูโอบี บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร และบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์

เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนสามารถจองซื้อได้ตามสะดวก ยอดจองผ่านแอปเป๋าตัง อยู่ที่ 3,000 ล้านบาท และยอดจองซื้อหุ้นกู้ผ่านสถาบันการเงินทั้ง 9 แห่ง รวมสูงสุด 21,000 ล้านบาท

อันดับความเชื่อถือขององค์กร GULF อยู่ที่ A แนวโน้ม คงที่ หุ้นกู้ทุกชุดได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ A- จากบริษัททริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อ 21 มิถุนายน 2565

ที่มา – GULF

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post GULF ปิดขายหุ้นกู้ได้ตามเป้า 35,000 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/gulf-debenture-35-billion-baht/

GUNKUL จับมือ GULF ตั้งบริษัทร่วมทุน ลุยโครงการพลังงานสะอาด 1,000 เมกะวัตต์ใน 5 ปี

gunkul

นฤชล ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ สายงานกลยุทธ์การลงทุนและธุรกิจนวัตกรรมพลังงาน บริษัท กันกุล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL เปิดเผยว่า บอร์ดได้มีมติอนุมัติให้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนและเข้าลงนามในสัญญาความร่วมมือในการลงทุนและพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียน (Joint Venture Agreement) กับ บริษัท กัลฟ์ รีนิวเอเบิลเอ็นเนอร์จี จำกัด (Gulf Renewable Energy) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ GULF ถือหุ้น 100% เพื่อเป้าหมายในการศึกษาและลงทุนในโครงการพลังงานหมุนเวียน เช่น โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมทั้งในและต่างประเทศ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และโครงการพลังงานหมุนเวียนรูปแบบอื่นๆ รวมถึงธุรกิจด้านนวัตกรรมพลังงานต่างๆ

ภายใต้การร่วมทุนดังกล่าว GUNKUL และ Gulf Renewable Energy จะถือหุ้น 50-50 เท่ากัน มีเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งในและต่างประเทศ มองว่าประสบการณ์ความชำนาญในด้านธุรกิจสาธารณูปโภค และเครือข่ายธุรกิจของ GULF ผนวกกับความเชี่ยวชาญของ GUNKUL ในการออกแบบและก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบไฟฟ้าที่ครอบคลุมตั้งแต่โรงไฟฟ้า ระบบส่งและจำหน่ายไฟฟ้า จนถึงผู้ใช้ไฟฟ้าแบบครบวงจร จะขับเคลื่อนให้เกิด Synergy ร่วมกัน และทำให้ภายในปี 2023 GUNKUL สามารถบรรลุเป้าหมายกำลังการผลิตพลังงานสะอาดรวมตามเป้าที่ทางบริษัทฯ ได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้

gunkul

นอกเหนือจากโอกาสที่ทั้ง 2 บริษัทจะร่วมกันเปลี่ยนทุกพื้นที่ให้สามารถเป็นแหล่งกำเนิดพลังงานสะอาดบนโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ที่รองรับความต้องการการใช้ไฟฟ้าในทุกมิติที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น และจะเป็นความร่วมมือที่ไม่ได้จำกัดแค่มิติของสิ่งแวดล้อมแต่รวมไปถึงมิติทางด้านสังคมและเศรษฐกิจผ่านรูปแบบของคาร์บอนเครดิตและใบรับรองเครดิตการผลิตพลังงานหมุนเวียน (REC) เพราะปริมาณคาร์บอนที่ลดได้จากอัตราส่วนของพลังงานสะอาดที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทฯ เชื่อว่าจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงและสร้าง Green Energy Landscape ของประเทศให้เป็นจริงขึ้นมาได้

ยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (GULF) กล่าวเสริมว่า ความร่วมมือดังกล่าวจะเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจด้านพลังงานหมุนเวียนของบริษัทร่วมทุนเพื่อบรรลุเป้าหมาย 1,000 เมกะวัตต์ภายใน 5 ปี  ซึ่งสอดคล้องกับแผนกรอบพลังงานชาติ ที่มุ่งเน้นการเพิ่มสัดส่วนกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ภายในปี ค.. 2050

นอกจากนี้ การลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนดังกล่าว ยังสอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจศูนย์ข้อมูล (Data Center) ของบริษัทฯ และยังตอบโจทย์ของลูกค้ารายใหญ่อย่างกลุ่ม Hyperscaler ที่ต้องการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด โดยมีเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามทิศทางพลังงานโลก

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post GUNKUL จับมือ GULF ตั้งบริษัทร่วมทุน ลุยโครงการพลังงานสะอาด 1,000 เมกะวัตต์ใน 5 ปี first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/gunkul-gulf-renewable-energy/

สองยักษ์ใหญ่จับมือกัน: GULF และ SCG ตั้งบริษัท เอสจี โซล่าร์ เดินหน้าทำธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์

Big deal l สองยักษ์ใหญ่อย่าง GULF และ SCG จับมือร่วมกันก่อตั้งบริษัททำธุรกิจด้านพลังงาน

GULF-SCG

โดยบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ส่งบริษัท GULF 1 ซึ่งเป็นบริษัทย่อย และ GULF ถือหุ้นในสัดส่วน 99.99% ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานแสงอาทิตย์ในไทย และพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา เซ็นสัญญาร่วมกับบริษัท เอสซีจี คลีนเนอร์ยี่ จำกัด (SCG Cleanergy) ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานหมุนเวียน ถือหุ้นโดยบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC) ในสัดส่วน 100% จัดตั้งบริษัท เอสจี โซล่าร์ จำกัด (SG Solar) ในไทย

โดยบริษัทร่วมทุนที่ GULF1 และ SCG Cleanergy ถือหุ้นในสัดส่วน 50% ตามลำดับ โดยทุนจดทะบียน 5 ล้านบาท จัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) ให้แก่กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมซึ่งเป็นบริษัทในเครือ SCC และเป็นลูกค้าของโรงไฟฟ้า SPP ของกลุ่มบริษัทกัลฟ์ โดย SG Solar มีแผนจะขยายฐานลูกค้าออกไปในกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมและกลุ่มพาณิชยกรรมที่อยู่ในเครือข่ายของทั้งสองกลุ่มบริษัท

ยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ระบุ ความร่วมมือทางธุรกิจครั้งนี้เป็นการผนึกความเแข็งแกร่งของทั้งสองบริษัทที่ GULF มีความชำนาญเรื่องธุรกิจผลิตไฟฟ้าและธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน มีโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั้งในและต่างประเทศและเครือข่ายทางธุรกิจที่กว้างขวาง ขณะที่ SCC บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) เป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ มีธุรกิจหลักคือธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ธุรกิจเคมีคอลส์และธุรกิจแพคเกจจิ้ง ความร่วมมือนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการขยายฐานลูกค้าและเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจให้สองกลุ่มบริษัท

GULF1 Solar

ผลประกอบการ GULF รายได้เพิ่มขึ้น 125% เทียบจากช่วงเดียวกัน ปีก่อนหน้า

สำหรับผลประกอบการของ GULF ในไตรมาส 1/2565 นี้ มีรายได้รวม 22,453 ล้านบาท รายได้เพิ่มขึ้น 125% จากไตรมาส 1/2564 ซึ่งมาทั้งจากปัจจัยการรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้า ราคาขายไฟฟ้าที่สูงขึ้นตามราคาก๊าซธรรมชาติ ปริมาณการขายไฟฟ้าและไอน้ำแก่ กฟผ. รวมทั้งกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น

ในส่วนของกำไรขั้นต้นจากการขายในไตรมาสแรกนั้นอยู่ที่ 4,453 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51% เทียบกับไตรมาสเดียวกัน ปีก่อนหน้า กำไรจากการดำเนินงานเท่ากับ 3,257 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 867 ล้านบาทหรือ 36% จากไตรมาส 1/2564 สาเหตุหลักมาจากการรับรู้ผลกำไรจากโครงการที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ระหว่างปี 2564 คือโรงไฟฟ้า GSRC หน่วยที่ 1 และ 2 ที่เปิดดำเนินการในเดือนมีนาคมและตุลาคม 2564 รวมทั้ง core profit เพิ่มขึ้นจากการรับรู้ผลกำไรที่เพิ่มขึ้นจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเล BKR2 และจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH จำนวน 1,100 ล้านบาท กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ในไตรมาส 1/2565 เท่ากับ 3,395 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 108% จาก 1,632 ล้านบาทในไตรมาส 1/2564

SCG

ผลประกอบการ SCG เพิ่มขึ้น 25% เทียบจากช่วงเดียวกัน ปีก่อนหน้า

สำหรับไตรมาสแรกของปี 2565 SCG มีรายได้จากการขาย 152,494 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน กำไรสำหรับงวดเท่ากับ 8,844 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาสก่อน ส่วนใหญ่จากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างและส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมของธุรกิจอื่น (ธุรกิจเครื่องจักรกลทางเกษตร)

เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน SCG มีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 25% จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นของทุกกลุ่มธุรกิจ สาเหตุหลักจากราคาผลิตภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาตลาด EBITDA ลดลง 26% จากช่วงเดียวกันของีก่อน และกำไรสำหรับงวดลดลง 41% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุเพราะต้นทุนวัตถุดิบของธุรกิจเคมีคอลส์ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงไตรมาส 1 ปี 2565

ไตรมาส 1 ปี 2565 เอสซีจีมีส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม 3,419 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,171 ล้านบาทหรือ 52% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมธุรกิจเคมีคอลส์คิดเป็น 46% ของทั้งหมดหรือ 1,557 ล้านบาท ลดลง 158 ล้านบาทจากไตรมาสก่อน มีส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมในธุรกิจอื่นคิดเป็น 54% ของทั้งหมดหรือ 1,862 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,329 ล้านบาทจากไตรมาสก่อน

ที่มา – SET, GULF (1), (2), SCG (1), (2), (3)

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post สองยักษ์ใหญ่จับมือกัน: GULF และ SCG ตั้งบริษัท เอสจี โซล่าร์ เดินหน้าทำธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/gulf-joins-forces-with-scg-to-operate-sg-solar/

Gulf เซ็นสัญญา Binance เปิดศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย

บมจ. กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ หรือ Gulf แจ้งกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า วันที่ 13 เมษายน 2565 Gulf Innova บริษัทในเครือ ได้ลงนามในสัญญาผู้ถือหุ้น กับ Binance Capital Management Co., Ltd. โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดตั้ง บริษัทร่วมทุนในการดำเนินธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย

ทั้งให้ Gulf International Investment Limited อีกบริษัทในเครือ ลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล BNB เพื่อเป็นการต่อยอดในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล แต่ไม่ได้เปิดเผยมูลค่าการลงทุน เพราะรายการนี้ไม่ถึงเกณฑ์ตามข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์

ขณะเดียวกัน Gulf ยังให้อีกบริษัทในเครือ Gulf International Investment (Hong Kong) Limited หรือ Gulf HK เข้าไปลงทุนในในหุ้นบุริมสิทธิ์ใหม่ หรือ Series Seed Preferred Stock ที่ออกโดย BAM Trading Services Inc. ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ในประเทศสหรัฐอเมริกา ภายใต้ชื่อ Binance.US

อ้างอิง // SET 1, 2

alt="gulf"

from:https://www.blognone.com/node/128086

GULF จับมือ Binance เตรียมศึกษาและจัดตั้งกระดานเทรดคริปโตในประเทศไทย

บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF บริษัทพลังงานรายใหญ่ในประเทศไทย ทำหนังสือแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่าบริษัทกัลฟ์ อินโนวา จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ GULF ถือหุ้นร้อยเปอร์เซ็นต์ เตรียมจับมือกลุ่มธุรกิจ Binance เจ้าของ Binance.com เว็บไซต์กระดานเทรดคริปโตที่มีปริมาณซื้อขายมากที่สุดในโลก เพื่อศึกษาาและจัดทำแผนพัฒนาธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในประเทศไทย

ในจดหมายแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์เกี่ยวกับการลงนามบันทึกความร่วมมือนี้ บริษัทระบุว่าการทำข้อตกลงความร่วมมือครั้งนี้ เป็นไปเพราะบริษัทเล็งเห็นถึงการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลในประเทศไทย ซึ่งสินทรัพย์ดิจิทัลและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบการเงินของประเทศ และมีความสำคัญในชีวิตประชาชนมากขึ้น และการร่วมมือกับ Binance จะเป็นแรงขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านสินทรัพย์ดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อคเชนของประเทศ

No Description

ตัวแทนของ Binance ระบุกับเว็บไซต์สื่อ Bloomberg ว่าการทำข้อตกลงครั้งนี้เป็นก้าวแรกในการสำรวจโอกาสทางการลงทุนในประเทศไทย ส่วน GULF และตลาดหลักทรัพย์ในประเทศไทย ยังไม่ให้ความเห็นใดอย่างเป็นทางการ

ถือว่าเป็นก้าวที่น่าจับตา เพราะหากภาครัฐต้องการเก็บภาษีคริปโตอย่างจริงจัง การนำกระดานเทรดคริปโตต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยอย่างถูกต้องและมีการเสียภาษี พร้อมกับรายงานสถานะต่างๆ อย่างเป็นทางการ น่าจะเป็นอีกวิถีทางป้องกันเม็ดเงินไหลออกไปยังกระดานเทรดคริปโตนอกประเทศ

ที่มา – จดหมายต่อตลาดหลักทรัพย์ของ GULF, Bloomberg

from:https://www.blognone.com/node/126743