คลังเก็บป้ายกำกับ: GOOGLE_HOME_MINI

Google ขอโทษ หลังลำโพงอัจฉริยะ Google Home Mini Speaker หลุดพูดคำเหยียดสีผิว

Google ออกโรงขอโทษ เหตุมีผู้ใช้ถ่ายคลิปผู้ช่วยอัจฉริยะบนลำโพง Google Home Mini Speaker หลุดพูดชื่อเพลงของแรปเปอร์ดังที่มีคำเหยียดสีผิวลง TikTok  โดยล่าสุดทาง Google ได้ปล่อยอัปเดตให้ Google Assistant เซ็นเซอร์คำดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ขำไม่ออกสำหรับ Google หลังผู้ใช้ TikTok สาวรายหนึ่งอัดคลิปทดสอบระบบเซ็นเซอร์คำของผู้ช่วยอัจฉริยะในลำโพง Google Home Mini Speaker โดยผู้ใช้สาวรายนี้ได้ทำการพูดคำสั่งขอให้ลำโพงเปิดเพลงที่มีคำหยาบอยู่ในชื่อถึงหลายเพลง เพื่อให้ Google Home Assistant พูดทวนชื่อเพลงก่อนที่จะเริ่มเล่น ซึ่งเจ้าลำโพงอัจฉริยะก็ได้เซ็นเซอร์คำหยาบทั่วไปที่อยู่บนชื่อเพลงได้อย่างไม่มีปัญหา

จนกระทั่งผู้ใช้สาวรายนี้ได้ขอให้ Google Assistant ช่วยเปิดเพลงที่มีคำหยาบเหยียดสีผิวที่ถือว่าแรงมาก ๆ ในภาษาอังกฤษ ผลปรากฏว่า Google Assistant ก็ได้พูดคำ ๆ นั้น โดยไม่เซ็นเซอร์ใด ๆ เลย จนผู้ใช้สาวต้องลองขอให้ AI พูดชื่อเพลงอื่นที่มีคำข้างต้นอีกครั้งหนึ่งเพื่อความแน่ใจ ซึ่งผลลัพธ์ก็ออกมาเหมือนเดิม Google Assistant พูดคำที่ว่าเพื่อทวนชื่อเพลงอีกครั้ง โดยที่ไม่เซ็นเซอร์ ทำเอาผู้ใช้สาวที่เป็นคนผิวดำ ตกใจช็อกกันเลยทีเดียว

หลังจากคลิปดังกล่าวได้โด่งดังกลายเป็นไวรัลใน TikTok สื่อนอกอย่าง Gizmodo ได้ทำการติดต่อไปยัง Google เพื่อสอบถามถึงเรื่องที่เกี่ยวข้อง พร้อมตั้งข้อสงสัยว่า Google ใช้มาตรฐานอะไรในการกำหนดว่าคำไหนควรเซ็นเซอร์หรือไม่ควรเซ็นเซอร์ เพราะคำที่มีปัญหานั้น หยาบคาย และส่งเสริมความเกลียดชังต่อกลุ่มคนผิวดำมาก โดย Google เลี่ยงที่จะไขข้อสงสัยดังกล่าว พร้อมกล่าวขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และได้ทำการอัปเดตเพื่อแก้ปัญหานี้เป็นที่เรียบร้อย โดยทาง Google ยังให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำให้ผู้ใช้ทุกคนรู้สึกปลอดภัยในการใช้งาน Google Assistant มากขึ้น

ทั้งนี้ผู้ใช้สาวก็ได้ให้สัมภาษณ์กับ Gizmodo ด้วยเช่นกัน โดยเธอกล่าวว่า เธอไม่ได้ติดใจอะไรกับเหตุการณ์ดังกล่าว และมองเป็นเรื่องขำขันเสียมากกว่า แต่เธอได้พูดเสริมว่า ยังมีอีกหลายคนที่อาจรู้สึกไม่ดีหากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ทั้งนี้เธอได้ลองสั่งการแบบเดิมอีกครั้งหนึ่งให้ผู้สัมภาษณ์ฟังอีกครั้งนึง และในรอบนี้พบว่า Google Assistant ได้เซ็นเซอร์คำที่เป็นประเด็นเรียบร้อยแล้ว

 

ที่มา: Gizmodo, CNET, @ohgustie (TikTok)

from:https://droidsans.com/google-apologizes-for-home-mini-speaker-saying-racial-slur/

Tips | วิธีต่อลำโพงบลูทูธทั่วไปเข้ากับลำโพงอัจฉริยะ Google Home หรือ Home Hub แบบง่ายๆ ไม่กี่ขั้นตอน

ลำโพงอัจฉริยะ Google Home, Home Mini หรือ Home Hub ถ้าใครที่มีใช้แล้วจะรู้ว่ามันเพิ่มความสะดวกสบายให้เราเยอะเลย เช่นใครที่มีหลอดไฟอัจฉริยะ, ปลั๊กไฟอัจฉริยะ ฯลฯ ก็สั่งงานอุปกรณ์เหล่านั้นด้วยเสียงได้เลย นอกจากนี้เรายังสามารถเล่นเพลงได้จากตัว Google Home หรือ Home Hub ได้เลยด้วย จะติดตรงที่ว่าเสียงของมันอาจจะไม่ดีเท่ากับลำโพงบลูทูธตัวโปรดของเรา ทำให้สุดท้ายแล้วต้องมาฟังเพลงผ่านมือถือเหมือนเดิม…แต่จริงๆ แล้วเราสามาถต่อลำโพงอัจฉริยะเข้ากับลำโพงบลูทูธทั่วไปได้ด้วยนะ! แถมวิธีทำก็ไม่ได้ยากอะไรเลย

อย่างที่บอกไปแล้วว่าพวกลำโพงอัจฉริยะรุ่นเริ่มต้นอย่างเช่น Google Home Mini เป็นลำโพงดอกเล็กๆ ซึ่งไม่ได้เน้นเอาไว้ฟังเพลงเป็นหลัก (เสียงไม่แย่ แต่ก็ไม่ได้ดีเด่อะไร) ซึ่งหากเราอยากได้ลำโพงอัจฉริยะที่เสียงดีๆ ก็ต้องโดดขึ้นไปเล่นพวก Google Home Max ที่มีราคาหลัก 10,000+ บาท หรือพวกลำโพง 3rd Party อย่าง LG WK7 XBOOM ราคาประมาณ 6,XXX บาท และรุ่นอื่นๆ แต่ถ้าเรามีลำโพงบลูทูธที่ชอบอยู่แล้ว และอยากจะให้มันมีความอัจฉริยะของ Google Home Mini ด้วย ก็ต้องเอามาจับคู่กันซะเลย เราก็จะได้ทั้งลำโพงไร้สายเสียงดี ที่สั่งงานด้วยคำสั่งเสียงได้อีกต่างหาก

คนที่เชื่อมต่อลำโพงอัจฉริยะ Google Home, Home Mini หรือพวกหน้าจออัจฉริยะ Home Hub อยู่แล้ว ในมือถือก็จะต้องมีแอป Home ติดไว้สำหรับการตั้งค่าต่างๆ เอาไว้ด้วยแน่นอน โดยเมื่อเข้ามาที่หน้าแรกของแอป ก็จะเจอกับรายชื่ออุปกรณ์ของเราที่มีอยู่แบบนี้

ถ้าเกิดว่าอยากจะเชื่อมต่อลำโพงบลูทูธตัวโปรดของเราเข้ากับหน้าจออัจฉริยะที่อยู่ในห้องนอน (ชื่ออุปกรณ์ที่ผมตั้งไว้คือ Bedroom Display) ก็กดเลือกอุปกรณ์ดังกล่าว แล้วมันก็จะเข้ามาที่หน้าสำหรับควบคุม Media แบบนี้

จากนั้นกดเลือกที่เมนู Device settings (รูปเฟืองมุมขวาบน) เลื่อนลงมาเรื่อยๆ จนเจอกับเมนู Paired Bluetooth devices

พอเข้ามาที่หน้านี้ก็ให้เราเปิดโหมดจับคู่ที่ลำโพงบลูทูธซะก่อน แล้วกดเลือก Pair Bluetooth speaker ที่มือถือ เมื่อมีชื่อของลำโพงที่เราต้องการโผล่ขึ้นมาแล้วก็กดจับคู่ซะ

พอออกมาที่หน้า Device settings ตรงเมนู Default music speaker ก็จะเปลี่ยนเป็นชื่อของลำโพงบลูทูธของเราแทน ซึ่งตอนนี้เพลงที่เล่นจาก Google Home, Home Mini, Home Hub หรืออื่นๆ จะมาออกที่ลำโพงบลูทูธแล้วล่ะครับ โดยถ้าเราเลิกฟัง และปิดลำโพงบลูทูธไปแล้ว คราวหลังต้องการทำแบบนี้อีก ก็แค่เปิดลำโพงบลูทูธ จากนั้นมาเปิดที่เมนู Default music player เลือกชื่อลำโพงตัวเดิมก็ใช้ได้เลย ไม่ต้องจับคู่ใหม่

ซึ่งวิธีการเชื่อมต่อลำโพงบลูทูธเข้ากับลำโพงอัจฉริยะ หรือหน้าจออัจฉริยะแบบนี้ จะเป็นการเล่นเสียงจากอุปกรณ์ดังกล่าวโดยตรง ไม่ได้มาจากมือถือ เพราะฉะนั้นเราก็สามารถใช้มือถือเล่นนู่นเล่นนี่ได้ตามสบาย โดยที่ไม่ต้องกลัวว่าเสียงอื่นๆ จะออกมาที่ลำโพงครับ

from:https://droidsans.com/how-to-connect-bluetooth-speaker-with-google-home-speaker/

True วางจำหน่ายลำโพงอัจฉริยะ Google Nest Mini ในราคาพิเศษ 1,990 บาท 28 ก.พ. – 5 มี.ค. 63 เท่านั้น

ใครที่อยากทำให้บ้านของตัวเองกลายเป็นบ้านอัจฉริยะ มีผู้ช่วยระบบ AI ให้สามารถสั่งเปิด-ปิดไฟด้วยเสียงแบบล้ำๆ หรือจะคอยบอกการจราจรก่อนออกจากบ้าน บอกสภาพอากาศ ฯลฯ ตอนนี้ True ก็ได้นำเอาลำโพงอัจฉริยะ Google Nest Mini เข้ามาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการครั้งแรกของประเทศไทยในราคาพิเศษ 1,990 บาท พร้อมประกันศูนย์ 1 ปี อีกด้วย

สำหรับผู้ที่สนใจลำโพงอัจฉริยะ Google Nest Mini จาก True สามารถเข้าไปสั่งซื้อได้เฉพาะช่องทางออนไลน์ ในเว็บไซท์ Truemove H ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 5 มีนาคม 2563 เท่านั้น ในราคาพิเศษเครื่องละ 1,990 บาท (ปกติ 2,290 บาท) ส่งฟรี โดยผู้ที่ซื้อยังจะได้รับทรูพอยท์อีก 79 คะแนนด้วย

Google Nest Mini ที่จำหน่ายโดย True จะมีให้เลือกทั้งหมด 2 สี คือ สีขาว Chalk และสีเทา Charcoal นอกจากนี้ยังจะได้รับประกันศูนย์ฟรีอีก 1 ปีด้วย

สำหรับคนที่ยังไม่รู้ถึงความสามารถของเจ้า Google Nest Mini ว่ามันทำอะไรได้บ้าง ก็ขอกอธิบายง่ายๆ ว่ามันเป็นศูนย์กลางในการควบคุม Smart Device ต่างๆ ภายในบ้านของเรา (อุปกรณ์ต้องระบุว่ารองรับการใช้งาน Google Assistant) ผ่านการสั่งงานด้วยเสียง

หรือจะใช้เป็นลำโพงไร้สายสำหรับฟังเพลงจาก Spotiyfy, YouTube Music หรือแอปอื่นๆ ที่รองรับก็ได้ โดยเราสามารถออกคำสั่งให้มันเล่นผ่านลำโพงโดยตรงเลย หรือจะสั่ง Cast to จากมือถือก็ได้

ใครที่สนใจ Google Nest Mini ก็อย่ารอช้า เข้าไปสั่งซื้อกันได้ตั้งแต่วันนี้จนถึง 5 มีนาคม 2563 ทางเว็บไซท์ของ Truemove H นะครับ

 

ข้อมูลเพิ่มเติม : Truemove H

from:https://droidsans.com/truemove-h-google-nest-mini/

มาไทยแบบเซอไพรส์ “Google Nest Mini” ลำโพงอัจฉริยะเวอร์ชั่นรับภาษาไทย จำหน่ายเฉพาะที่เว็บไซต์ TrueStore เท่านั้น

สำหรับใครที่รอ Google Nest Mini  หรือชื่อเดิม Google Home Mini ในเวอร์ชั่นภาษาไทยไม่ต้องรอแล้วครับ เจ้าลำโพงอัจฉริยะตัวนี้พร้อมแล้วครับ ลำโพงที่รองรับการสั่งการด้วยเสียงในระบบ Google Assistant คอยช่วยเหลือเป็นอุปกรณ์ลำโพงศูนย์กลางภายในบ้าน

ใครที่สนใจเจ้า Google Nest Mini สามารถเป็นเจ้าของได้ก่อนใคร โดยเข้าไปที่เว็บไซต์ TrueStore โดยในตอนนี้มีการจำหน่ายในราคาพิเศษด้วยครับ เพียง 1,990 บาท (จากปกติ 2,290 บาท)

เข้าไปจับจองได้ ภายในวันที่ 28 ก.พ. 2563 ถึงวันที่ 5 มีนาคม 2563 นี้เท่านั้น โดยจะเริ่มจัดส่งสินค้าตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป

Google Nest Mini Smart Speaker ลำโพงอัจฉริยะเวอร์ชั่นภาษาไทย คืออะไร?

  • ลำโพงอัจฉริยะขนาดเล็ก Nest Mini (ชื่อเดิมคือ Google Home Mini) ที่เข้ามาจำหน่ายเป็นรุ่นใหม่
  • ปรับปรุงภายในใหม่และปรับปรุงด้วยซอฟต์แวร์ โดยเฉพาะเรื่องระบบเสียง ให้เล่นเสียงได้ดีขึ้นทุกย่านเสียง รวมถึงมีการปรับปรุงเบสให้แน่นและชัดกว่าเดิม 2 เท่า
  • Nest Mini ตัวใหม่ มีความสามารถปรับเสียงให้ดังขึ้นหรือเบาลงตามสภาพแวดล้อม
  • รับการสั่งงานด้วยเสียงผ่านระบบ Google Assistant ไดไวขึ้นกว่าเดิม มีการใส่ชิปประมวลผล Machine Learning ในตัว
  • ประมวลผลได้ไวระดับ 1 TeraOPS เพื่อช่วยให้การประมวลผลทำได้เองเลยที่ตัวฮาร์ดแวร์ ไม่ต้องส่งข้อมูลไปกลับกับเซิร์ฟเวอร์
  • เป็นศูนย์กลางสั่งงานสำหรับบ้านสมาร์ทโฮม

ใครสนใจเข้าไปช้อปได้เลยครับ ที่ลิงก์นี้ http://bit.ly/2PruRpC


ข่าว: มาไทยแบบเซอไพรส์ “Google Nest Mini” ลำโพงอัจฉริยะเวอร์ชั่นรับภาษาไทย จำหน่ายเฉพาะที่เว็บไซต์ TrueStore เท่านั้น มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.

from:https://www.appdisqus.com/2020/02/28/google-nest-mini-launch-in-thai-truestore.html

ทรูเปิดขาย Google Nest Mini อย่างเป็นทางการ 1,990 บาท

Google Nest Mini Trueหลังจากทรูได้สิทธิ์การเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าจาก Google อย่างเป็นทางการ (Google Authorized Seller) ล่าสุดมีการเปิดตัว Google Nest Mini ลำโพงอัจฉริยะสั่งงานด้วยเสียง เพื่อใช้ควบคุมอุปกรณ์ Smart Home ภายในบ้าน รวมถึงการเป็นผู้ช่วยส่วนบุคคลคล้ายกับ Siri โดยมีการอัปเดตคุณสมบัติล่าสุดคือ “รองรับเสียงไทย” Google Nest Mini สำหรับลำโพงอัจฉริยะตัวนี้เป็นรุ่นที่ 2 (รุ่นเก่าชื่อว่า Google Home Mini) มีการปรับปรุงให้สามารถเล่นเสียงได้ทุกย่าน และมีเสียงเบสได้แน่นกว่าเดิมสองเท่า นอกจากนี้ยังสามารถเล่นเสียงให้ดังหรือเบาได้ตามสภาพแวดล้อม สามารถประมวผลผ่าน Machine Learning ความเร็ว 1 TeraOPS โดยที่ไม่ต้องส่งข้อมูลกลับ สำหรับรุ่น Google Nest Mini ถือว่าเป็นลำโพงรุ่นแรกและรุ่นเดียวที่รองรับภาษาไทย หากอ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ของเกี่ยวกับ เปลี่ยนภาษาของ Google Assistant แต่ทั้งนี้ส่วนตัวผู้เขียนใช้งานรุ่นแรกอยู่ ก็สามารถใช้สั่งการและโต้ตอบด้วยภาษาไทยได้เช่นกัน Google Nest Mini เหมาะกับใช้งานในบ้าน หากใครสนใจ Google Nest Mini พร้อมการรับประกันศูนย์ 1 ปี จากตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ด้วยราคาพิเศษเพียง 1,990 […]

from:https://www.iphonemod.net/true-shop-google-nest-mini.html

Google Home Mini ครองที่ 1 ในตลาด Smart Speakers แซงหน้า Amazon Echo Dot ไปแบบเฉียดฉิว

Strategy Analytics พึ่งปล่อยรายงานยอดขาย Smart Speakers ทั่วโลกในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ จากตัวเลขที่ออกมาในรายงานมากกว่า 50% ของ Smart Speakers นั้นเป็นถ้าไม่ใช่ของยักษ์ใหญ่อย่าง Google ก็จะเป็นของทาง Amazon โดย Google Home Mini นั้นมียอดขายสูงสุดทั่วโลก โดยสามารถขายไปได้ 2.3 ล้านเครื่อง คิดเป็น 20% ของตลาดเลยทีเดียว

Smart Speakers ยอดขาย(จำนวนเครื่อง) ส่วนแบ่งในตลาด(%)
1. Google Home Mini 2.3 ล้านเครื่อง 20%
2. Amazon Echo Dot 2.2 ล้านเครื่อง 18%
3. Amazon Echo 1.4 ล้านเครื่อง 12%
4. Alibaba Tmall Genie 8 แสนเครื่อง 7%
5. Google Home 8 แสนเครื่อง  7%

จากตัวเลขจะเห็นว่าตลาด Smart Speakers เริ่มมีความเข้มข้นขึ้นแต่ผู้บริโภคหรือผู้ใช้ก็ดูเหมือนว่าจะยังชอบ รุ่นที่มีราคาประหยัดและมีขนาดเล็กกระทัดรัดมากกว่า นั้นเลยเป็นสาเหตุให้ Google Home Mini และ Amazon Echo Dot ขายดีเป็นอันดับต้นๆ ส่วน Amazon Echo, Alibaba Tmall Genie และ Google Home ก็มียอดลดหลั่นกันลงมา แต่หากดูจำนวนยอดขายทั้งหมดแล้ว ไม่ค่อยน่าประทับใจสักเท่าไร เพราะในไตรมาสที่ 2 (เมษายนถึงมิถุนายน) มียอดขายแค่ 11.7 ล้านเครื่องเท่านั้น

David Mercer รองประธานของ Strategy Analytics ได้บอกว่าตลาด Smart Speakers นั้นยังจะโตขึ้นอีก และคาดว่าจะมีอีกหลายแบรนด์เข้ามาร่วมในตลาดนี้ในอนาคต น่าจะเพิ่มความหลากหลายและตัวเลือกให้แก่ลูกค้ามากขึ้น

ส่วน Apple นั้นไม่ติดอยู่ใน Top 5 เนื่องจากว่ามีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 6% เท่านั้น ก็คงต้องมารอดูกันว่าจะมีแบรนด์ไหนบ้างที่จะเข้ามาร่วมตลาด และจะทำให้ยอดขายและส่วนแบ่งการตลาดของตลาด Smart Speakers เปลี่ยนไปอีกรึเปล่า

ที่มา : PhoneArena

from:https://droidsans.com/google-home-mini-is-number-1-in-smart-speakers-market-on-q2/

เหมือนคุยกับคน!! Google Assistant สามารถโต้ตอบกับผู้ใช้งานได้ต่อเนื่อง ไม่ต้องพูด OK Google ก่อนทุกครั้ง

ผู้ช่วยส่วนตัว Google Assistant รองรับฟีเจอร์ Continued Conversation อย่างทางการแล้ว หลังจาก Google เปิดตัวในงาน Google I/O 2018 ซึ่งฟีเจอร์ดังกล่าวจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสนทนากับ Google Assistant ได้อย่างต่อเนื่องและราบรื่นเหมือนคุยอยู่กับคนจริงๆ

ก่อนหน้านี้ Google Assistant จะถูกเปิดใช้งาน เมื่อได้ยินคำสั่ง Hey Google หรือ OK Google ก่อนตั้งคำถามทุกครั้ง แต่หลังจากเปิดฟีเจอร์ Continued Conversation จะทำให้ Google Assistant พร้อมรับคำสั่งและโต้ตอบได้อย่างต่อเนื่อง แต่ต้องพูด Hey Google หรือ OK Google ในครั้งแรกก่อน จากนั้น Google Assistant จะตอบสนองต่อคำถามต่อไปทันที และจะปิดการใช้งานเมื่อได้ยินคำว่า “Thank you” หรือ “Stop”

ฟีเจอร์ Continued Conversation พร้อมใช้งานแล้วบนลำโพง Google Home, Home Mini และ Home Max โดยเข้าไปเปิดใช้งานที่ Settings > Preferences > Continued Conversation ภายในแอพ Google Assistant

ที่มา – Google

from:http://www.flashfly.net/wp/221745

รีวิว Phillips HUE หลอดไฟอัจฉริยะที่มาแรงที่สุดในเวลานี้ รองรับสั่งการผ่าน Siri และ Google Assistant

Philips Hue Review

ทุกวันนี้จะทำอะไรๆ ก็ต้องดูสมาร์ตไว้ก่อนไม่ว่าจะเป็น สมาร์ตโฟน, สมาร์ตคาร์, สมาร์ตทีวี, สมาร์ตตู้เย็น ฯลฯ แล้วอีกอย่างก็คือ สมาร์ตโฮม ที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ จะเห็นได้ว่าผู้ใช้หลายคนเริ่มให้ความสนใจการทำบ้านที่อยู่อาศัยของตนเองให้เป็นสมาร์ตโฮม ผมก็คนนึงที่ชอบเรื่องนี้ และวันนี้มีอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่มาแนะนำเพื่อการเพิ่มความสมาร์ตให้กับบ้านของเรากับชุดหลอดไฟอัจฉริยะในนามว่า Philips HUE รีวิวนี้จะไปดูให้ครบว่าทำอะไรได้บ้าง มีความน่าสนใจยังไงพร้อมกับชมการใช้งานในพื้นที่จริงจากห้องนอนของผม เพื่อดูให้รู้กันไปเลยว่ามันจะน่าใช้แค่ไหน ไปติดตามกันครับ

รีวิว Phillips HUE หลอดไฟอัจฉริยะเปลี่ยนได้ 16 ล้านสี รองรับสั่งการผ่าน Siri กับ Apple HomeKit

Disclosure: บทความนี้ได้รับการสนับสนุนแต่ข้อมูลที่เขียนขึ้นนั้นเกิดจากการทดสอบใช้งานจริงและความเห็นทั้งหมดก็มาจากตัวผู้เขียนจริง

สิ่งที่จะได้จากการอ่านรีวิวครั้งนี้

  1. รู้จักกับ Apple HomeKit ระบบสมาร์ตโฮมจาก Apple
  2. รู้จักกับอุปกรณ์ Philips HUE มีรุ่นไหนบ้าง แต่ละรุ่นต่างกันยังไง
  3. การติดตั้งการใช้งาน Philips HUE พร้อมแนะนำรูปแบบการนำไปใช้งาน
  4. การใช้งานร่วมกับ Siri, HomePod และ Google Assistant
  5. การใช้งานร่วมกับ Apple Music และ Spotify
  6. การใช้งานฟังก์ชัน Home & Away จาก Philips HUE
  7. การใช้งานจริงในห้องบรรยากาศจริงทำให้เห็นภาพรวม (ชมคลิป)
  8. ราคาและสถานที่จัดจำหน่าย
  9. สรุป

ต้องยอมรับว่าเทรนด์การตกแต่งบ้านนั้นมีมาแต่ไหนแต่ไรแล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่กี่ปีมานี้เทรนด์บ้านอัจฉริยะหรือว่า Smart Home นั้นมาแรง หลายผู้ผลิตได้กระโดดเข้าเล่นวงการนี้ไม่เว้นแม้กระทั่ง Apple ที่ได้ออกแฟลตฟอร์ม Apple HomeKit เพื่อเจาะกลุ่มตลาดนี้เช่นกัน

1. รู้จักกับ Apple HomeKit ระบบสมาร์ตโฮมจาก Apple

Apple Homekit คืออะไร

ก่อนไปชมอุปกรณ์หลอดไฟอัจฉริยะนั้นเรามาดูกันก่อนว่า Apple HomeKit คืออะไร เพื่อปูพื้นฐานกันก่อนนะครับ

HomeKit allow users to communicate with and control connected accessories in their home using your app. With the HomeKit framework, you can provide a way to configure accessories and create actions to control them. Users can even group actions together and trigger them using Siri.

ระบบ HomeKit ของ Apple นั้นเป็นเฟรมเวิร์กที่ออกแบบมาให้ผู้ใช้งานสามารถติดต่อและควบคุมกับอุปกรณ์ต่างๆ ภายในบ้านได้ สามารถตั้งค่าอุปกรณ์เหล่านั้น สร้างแอคชั่นต่างๆ ที่อยากให้อุปกรณ์นั้นทำ(ในสิ่งที่อุปกรณ์นั้นมีความสามารถในการทำ) และอีกทั้งยังสามารถจัดกลุ่มของอุปกรณ์เข้าด้วยกันพร้อมทั้งสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Siri ได้ทั้ง iPhone, iPad และ HomePod

สิ่งที่จำเป็นต้องมีนั้นมันมาพร้อมใน iOS 11 อยู่แล้วนั่นคือแอป Home เพียงแค่เรามี iPhone, iPad ที่ติดตั้ง iOS 11 ก็จะเห็นแอปนั้นติดตั้งมาแล้วที่เหลือก็แค่หาอุปกรณ์ที่ “Works with Apple HomeKit” ใช้งานร่วมกับระบบ HomeKit ได้ เพียงเท่านี้เราก็จะสนุกกับสิ่งนี้ได้แล้ว

รู้จัก Apple HomeKit กันไปแล้วต่อไปเราไปชมอุปกรณ์ที่จะรีวิวครั้งนี้กันครับ

2. รู้จักกับอุปกรณ์ Philips HUE มีรุ่นไหนบ้าง แต่ละรุ่นต่างกันยังไง

Philips ชื่อนี้เราคงคุ้นหากันมานานแล้วในแบรนด์ที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น หลอดไฟ ทีวี เครื่องโกนหนวด เตารีด เครื่องฟอกอากาศ และอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้มีความเชื่อมั่นว่าสินค้านั้นจะมีคุณภาพมาตรฐานสูงเป็นที่ยอมรับในระดับสากลอยู่แล้ว วันนี้เมื่อตลาด Smart Home (สมาร์ตโฮม) กำลังมา ทาง Philips ซึ่งเป็นเจ้าตลาดระบบไฟฟ้าและแสงสว่างของ ไทยและของโลกก็พร้อมที่จะกระโดดเข้าสู่สนามนี้เช่นกัน

Philips HUE ชุดหลอดไฟอัจฉริยะล่าสุดที่ถูกส่งออกมาตีตลาดสมาร์ตโฮมโดยชูจุดเด่นเรื่องการรองรับระบบ Home Automation หลายๆ ระบบและใช้งานร่วมกันกับ Apple HomeKit, Google Assistant, amazon alexa, IFTTT, logitech, Nest, SmartThins และ XFINITY Home ได้มาพร้อมการเปลี่ยนเฉดสีที่ทำได้มากกว่า 16 ล้านสี (เอาเป็นว่าเปลี่ยนเกิน 10 สีได้นี่ใช้ไม่หมดละ :D) แถมสั่งการผ่านเสียงและตั้งค่าอื่นๆ อย่างกำหนดเวลาเปิดปิด สั่งเปิดปิดไฟได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดบนโลก  นี่แค่จุดเด่นบางส่วนที่จะได้เห็นจากอุปกรณ์ชุดนี้ครับ

รุ่นของ Philips HUE ที่ทีมงาน iMod ทดสอบนั้นประกอบไปด้วย

  • Philips HUE Starter kit
  • Philips HUE Single bulb
  • Philips HUE Go
  • Philips HUE Lightstrip Plus

หน้าตากล่องอุปกรณ์ทั้งหมดอยู่ด้านล่างเรียงลำดับจากซ้ายไปขวานะครับ

Philips Hue Review 0924

รายละเอียดของแต่ละชุด

2.1 Philips HUE Starter kit

Philips Hue Review 1004

ชุดนี้มาพร้อมไฟ LED ขั้ว E27 จำนวน 3 หลอดและมี Hue bridge สำหรับควบคุมหลอดไฟโดยหัวใจสำคัญของในการควบคุมหลอดไฟทั้งหมดก็คือตัว Hue bridge นี่แหละครับ อุปกรณ์ชิ้นนี้สามารถซื้อแยกได้แต่ว่าถ้าซื้อชุด Starter kit ก็จะได้อุปกรณ์ชิ้นนี้รวมอยู่ด้วย (ซึ่งแนะนำครับ เพราะราคาจะถูกและคุ้มกว่ามาก)

ตัว Hue bridge จะเชื่อมต่อกับเร้าเตอร์ WiFi ของที่บ้าน จะอยู่จุดไหนก็ได้ เช่น เร้าเตอร์อยู่ชั้นล่างแต่ว่าหลอดไฟที่จะใช้งานนั้นอยู่ชั้น 2 ก็สามารถทำได้เช่นกันครับ ความสามารถของ Hue bridge 1 ตัวสามารถควบคุมหลอดไฟทั้งสูงสุด 50 หลอด

Philips Hue Review 1019

ตัวหลอดไฟ LED ขั้วชนิด E27 ให้กำลังไฟสูงสุด 10W ให้ความสว่างถึง 806 ลูเมน  แต่หากลดความสว่างลงหรือว่าเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ กำลังไฟนั้นก็จะเปลี่ยนไป (ลดลง) ขั้ว E27 ถือว่าเป็นมาตรฐานสำหรับโคมไฟทั่วไปในบ้านเรา สามารถนำหลอดไฟ Philips HUE นี้ไปเปลี่ยนได้เลยเพียงเท่านี้ก็พร้อมใช้งานแล้ว (ชมคลิปการใช้งานด้านล่างนะครับ)

Philips Hue Review 1038
Philips HUE หลังติดตั้งและปรับแสงผ่านแอป Philips HUE

2.2 Philips HUE Single bulb

Philips Hue Review 1041

หลอดไฟ LED หลอดเดียวที่สามารถซื้อเพิ่มได้หากจำนวนที่ต้องการไม่เพียงพอ เช่น ห้องนอนของเรามีหลอดไฟทั้งหมด 4 ดวงแต่ทว่าชุด Starter kit นั้นให้มีเพียง 3 ดวง เราก็สามารถซื้อแบบเดี่ยวแยกเพิ่มได้ครับ ส่วนถ้าใครอยากใช้เพียงหลอดเดียวก็ซื้อแบบนี้แล้วก็ซื้อ Hue bridge ไปด้วย ไม่งั้นจะสั่ง Siri ไม่ได้นะ

2.3 Philips HUE Go

Philips Hue Review 1065

โคมไฟอัจฉริยะแบบพกพาได้ชาร์จไฟได้แล้วสามารถพกไปใช้งานนอกสถานที่หรือจุดที่ไม่มีปลั๊กเสียบได้ ถือว่าเป็นอุปกรณ์เสริมสามารถยกไปไหนมาไหนได้ รุ่นนี้มีแบตเตอรี่ในตัวในกล่องจะมีตัวชาร์จไฟให้ด้วยจะหยิบไปตั้งจุดไหนๆ ก็ได้ตามสะดวกแต่ที่สำคัญรองรับกับ Apple HomeKit เหมือนกัน สั่งการผ่านเสียงให้เปลี่ยนสีได้เช่นกันครับ

Philips Hue Review 1074

2.4 Philips HUE Lightstrip Plus

Philips Hue Review 1046

ไฟ LED แบบสายโดยส่วนมากจะนำไปติดจำพวกไฟซ่อนฝ้าเพดาน, ติดตั้งหลังทีวี, ขอบเตียงหรืออาจจะเป็นตู้เสื้อผ้าก็ได้ตามแต่ที่จะออกแบบ ชุดที่ได้มาทดสอบนั้นความยาว 2 เมตร สามารถขยายต่อได้ด้วยการซื้ออีกชุดมาต่อเพิ่มหากความยาวนั้นไม่พอ เช่นกันครับชุดนี้รองรับ Apple HomeKit สั่งการด้วยเสียงได้เช่นกัน

Philips Hue Review 1053

3. การติดตั้งการใช้งาน Philips HUE

สิ่งที่ต้องทำอย่างแรกคือนำ Hue bridge เชื่อมต่อเข้ากับเร้าเตอร์ภายในบ้าน จากนั้นติดตั้ง แอป Philips HUE จาก App Store จากนั้นทำตามขั้นตอนในตัวแอปที่แจ้งมา ซึ่งระหว่างการติดตั้งนั้นจะต้องมีการกดปุ่มที่ตัว Hue bridge ด้วย (ในคลิปมีให้ชมครับ) เมื่อติดตั้งระบบ Hue bridge เสร็จต่อไปก็ไม่มีอะไรยากแล้ว​

Philips Hue Review 1014

เสร็จจาก Hue bridge ให้เรานำหลอดไฟไปเปลี่ยนในจุดที่ต้องการ โดยแต่ละหลอดนั้นหลังติดตั้งเข้ากับโคมไฟเสร็จให้เปิดสวิทไฟไว้เลยที่หลอดไฟจะติดเป็นสีวอร์มไวท์(Warm White) เนื่องจากเรายังไม่ได้ตั้งค่าใดๆ จึงยังไม่สามารถเปลี่ยนสีได้ (อันนี้ตอบหลายคนที่สงสัยว่าถ้าซื้อหลอด Hue แล้วไม่ซื้อ Bridge จะใช้งานได้ไหม  ตอบเลยครับว่าได้แต่จะเป็นแค่สีวอร์มไวท์เท่านั้นครับ)

แอป Home ของ iOS และแอป Philips HUE จะทำงานร่วมกัน

ต่อมาให้เปิดแอป Philips HUE ที่ iPhone, iPad แล้วทำตามขั้นตอนโดยในขั้นนี้แอปจะถามให้เราสร้างห้อง เช่น Bedroom, Livingroom, Office ฯลฯ แล้วแต่สะดวก เราก็สร้างขึ้นมา 1 ห้องครับ อย่างผมติดตั้งหลอดไฟนี้ไว้ที่ห้องนอนก็จะตั้งไว้ว่า Bedroom

Philips Hue App 01

เมื่อสร้างห้องเสร็จต่อไปให้เลือกว่าจะนำหลอดไฟตัวไหนบ้างเข้ามาบรรจุให้ห้องนี้ (จับเป็นกลุ่ม) เพื่อให้สะดวกต่อการจดจำและการใช้งานนั่นเองครับ ภาพตัวอย่างด้านบนคือแอป Philips HUE ผมเลือกทั้ง 3 หลอดให้อยู่ในห้องเดียวกันทั้งหมดเลย เท่านี้เราก็จะเริ่มควบคุมหลอดไฟเหล่านั้นได้แล้ว (แต่ยังสั่งการผ่าน Siri ไม่ได้นะ เพราะยังมีขั้นตอนการเชื่อมต่อเข้ากับ HomeKit อีกนิดนึง)

ทดสอบเปลี่ยนสีหลอดไฟทั้งหมดในห้องนอนที่เพิ่งติดตั้งเสร็จโดยใช้แอป Philips HUE นี่แหละ

  • เลือกห้องที่เพิ่งตั้งค่า
  • จากนั้นจะเจอหลอดไฟทั้งหมด
  • กดที่สวิทช์ด้านขวาเพื่อเปิด ปิด
  • แตะที่ไอคอนหลอดไฟ
  • เลือกปรับสีได้ตามต้องการ
  • เลือกจาก Recipes ที่ทางแอปตั้งไว้ให้ก็ได้ เช่น Read พอแตะแบบนั้นปุ๊บหลอดไฟก็จะเปลี่ยนสีไปตามต้องการ

Philips Hue App 02

ทั้งนี้จะเปลี่ยนสีทีละหลอดหรือว่าเปลี่ยนเป็นชุดก็สามารถทำได้เช่นกันครับโดยใช้หลักการเดียวกัน

Philips Hue Review 1034

รูปแบบการนำ Philips HUE ไปใช้งาน

Hue Pos Wac Happy Together Mh L

สำหรับส่วนตัวผมแล้วจะเน้นใช้งานที่ห้องนอนเป็นหลักแต่ไม่ได้หมายความว่า Philips HUE ทำได้แค่นั้นนะ เพราะไม่ว่าจะเป็นห้องไหนๆ ที่มีหลอดไฟเราก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หมด ตัวอย่างใช้กับห้องนั่งเล่นที่สามารถเพลิดเพลินได้กับหลายๆ กิจกรรม เช่น การดูบอลกับเพื่อนๆ การจัดปาร์ตี้วันเกิดเล็กๆ สำหรับครอบครับของที่อยากทำให้สีของหลอดไฟเปลี่ยนบรรยากาศให้เข้ากับกิจกรรมนั้นๆ

หรือว่าจะเป็นห้องครัวที่เราสามารถปรับให้แสดงให้อุ่นๆ เพื่อทำให้สีของอาหารดูสวยงามน่าทานขึ้น หรืออยากจะปรับแสงให้สลัวแล้วจุดเทียนไขสักเล่มก็สามารถดื่มด่ำกับบรรยากาศของการทานอาหารมื้อสุดพิเศษกับคนรักได้ ฯลฯ นี่คือตัวอย่างสำหรับการนำ Philips HUE ไปประยุกต์ใช้งานในชีวิตประจำวันนะครับ ใครมีไอเดียแตกต่างจากนี้ก็นำไปใช้กันได้เลย

4. การใช้งานร่วมกับ Siri, HomePod และ Google Assistant

การทำงานร่วมกับ Siri บน iPhone, iPad ถ้าเราเชื่อมต่อเสร็จหากบ้านใครมี HomePod ก็จะสามารถใช้งานได้พร้อมๆ กันเลยครับ วิธีการไปที่แอป Philips HUE

  • เลือกที่ ​Settings มุมล่างขวา
  • เลือก HomeKit & Siri

จากนั้นทำตามขั้นตอนของแอป สุดท้ายเมื่อเพิ่มเสร็จให้ไปเปิดแอป Home (บ้าน) ของ iOS ขึ้นมา เราก็จะเห็นห้องดังกล่าวถูกลิงก์กับแอป Home เป็นที่เรียบร้อย เท่านี้ก็พร้อมสั่งการด้วยเสียงแล้วครับ ทั้งนี้เราสามารถสั่งผ่าน Siri ได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เช่น หวัดดีสิริ เปิดไฟห้องนอน, หวัดดีสิริเปลี่ยนสีหลอดไฟเป็นสีฟ้า ฯลฯ ที่เหลือก็ปล่อยให้ระบบทำงานตามสั่งของเราครับ

Philips Hue App 03

ตัวอย่างการสั่งผมตั้งไว้ที่ห้องทำงาน (Office) อีกที่หนึ่งก็สั่งตามนี้ได้เลย

  • Change Office to red  หมายถึงการสั่งให้ Siri เปลี่ยนสีของไฟให้เป็นสีแดงให้ส่วนของห้องทำงาน
  • Change the color in the Office to blue  หมายถึงการสั่งให้ Siri เปลี่ยนสีของไฟให้เป็นสีน้ำเงินให้ส่วนของห้องทำงานก็จะเปลี่ยนไปตามที่เราสั่งครับ

Philips Hue Review 1079 Philips Hue Review 1078

นั่นคือคำสั่งพื้นฐานสำหรับควบคุม Philips HUE คือ สั่งเปิด ปิด เปลี่ยนสีสลับไปมาหรือว่าเลือกซีนตามอารมณ์ก็สามารถทำได้เช่นกันครับ เช่น

  • ตั้งค่าซีน (Scene) ว่า I’m back แล้วให้ Siri เปิดไฟทุกดวงในห้องนั้นๆ พอเราถึงบ้านก็บอก Siri ว่า “Hey Siri I’m back” เพียงเท่านี้ไฟก็จะเปิด
  • หรือซีน Good Night เราเลือกว่าให้ Siri ปิดไฟทุกดวง จากนั้นถ้าเราจะเข้านอนก็ Siri ว่า “Hey Siri Good Night” เท่านี้ไฟทุกดวงก็จะดับลง
    สามารถชมตัวอย่างจริงในคลิปได้เลยครับ

ในส่วนของการใช้งานร่วมกับ  Google Assistant นั้นสิ่งที่ต้องมีคือแอป

  • แอป Google Assistant ดาวน์โหลดจาก App Store US เพราะในไทยยังไม่มี คนที่จะโหลดจำเป็นต้องมี Apple ID US นะครับถึงจะโหลดได้ ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมครับ
  • แอป Google Home ดาวน์โหลดจาก App Store ได้ฟรี ซึ่งแอปนี้จะทำหน้าที่เหมือนแอป Home ของ iOS ที่จะสร้างห้องต่างๆ เช่น ห้องนอน ห้องทำงาน ห้องครัว ฯลฯ แล้วเราก็เลือกยัดอุปกรณ์ที่เรามีลงในห้องนั้นๆ จากนั้นก็สั่งงานผ่านเสียงได้เลยครับ
    บัญชีของ Gmail เพื่อใช้งานระบบ  Google Home และ Google Assistant
    ขั้นตอนให้เปิดแอป Google Home> เมนูบนขวา> เลือก Home Control> กด + มุมล่างขวาเพื่อเพิ่มอุปกรณ์> เลื่อนลงไปหา Philips HUE ทำการขั้นตอนด้วยการล็อคอินเข้าระบบ
    เมื่อได้อุปกรณ์ Philips HUE เข้าบัญชี Google เราแล้วก็ค่อยสร้างห้อง แล้วนำอุปกรณ์ที่เพิ่มในด้านบน ยัดเข้าไปในห้อง

นี่คือสิ่งที่ต้องมีของฝั่งผู้ที่จะใช้ Google Assistant นะครับ หลังจากเพิ่มอุปกรณ์เข้าในไป Home Control แล้วก็สามารถสั่งการผ่านเสียงบนแอป Google Assistant หรือว่าจะผ่าน Google Home ก็ได้เช่นกันครับ

Philips Hue App 04

เห็นไหมหละครับว่า Philips HUE ก็ดีไปอย่างที่รองรับหลายๆ ระบบทั้ง Apple HomeKit สำหรับผู้ใช้ Apple และ Google Home สำหรับผู้ใช้ Android และ iOS อย่าง(ผม)เราๆ อีกด้วย

5. การใช้งานร่วมกับ Apple Music และ Spotify

Ilightshow

อีกหนึ่งลูกเล่นที่น่าสนใจของหลอดไฟชุดนี้คือสามารถใช้แอปควบคุมให้หลอดไฟเปลี่ยนสีตามจังหวะของเสียงเพลงได้ รองรับการใช้งานได้ทั้ง Apple Music ,Spotify และแอพเพลงอื่นๆ อีกทั้งยังใช้คู่กับการรับชมภาพยนต์ได้ด้วย แต่รีวิวนี้ผมจะพูดถึงแค่การเปิดเพลงเท่านั้น

สิ่งที่ต้องทำคือการสร้าง Entertainment areas

เข้าไปตั้งค่าได้ที่แอป Philips HUE> Settings> Entertainment areas) สร้างโซนขึ้นมา จากนั้นอัปเดตซอฟต์แวร์ของ Hue Bridge และหลอดไฟให้พร้อม (ขั้นตอนนี้จะอัปเดตนานหน่อยต้องพยายามรอนะครับ)

จากนั้นให้ติดตั้งแอป iLightShow โหลดใช้งานฟรีแต่ว่าจะเปิดใช้งานได้ทีละหลอด หากต้องการเปิดพร้อมกันทั้งหมดก็ให้ซื้อ In-app purchase ในราคา 179 บาท จากนั้นเราก็จะสามารถทำให้หลอดไฟ Philips HUE เหล่านั้นสีเต้นตามจังหวะเพลงได้ ชมตัวอย่างในคลิปนะครับ นอกจากนี้ก็แนะนำ Hue Disco เพิ่มด้วยอีกตัวครับ

6. การใช้งานฟังก์ชัน Home & Away จาก Philips HUE

Hue Home And Aways

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ทาง Philips HUE ได้เตรียมเอาไว้ให้ก็คือ Home & Away หมายถึงการอยู่บ้านและไม่อยู่บ้าน เป็นความสามารถที่เราตั้งค่าได้ว่าถ้าช่วงเวลาใดที่เราอยู่บ้านก็ให้เปิดไฟส่วนช่วงไหนที่เราไม่อยู่บ้านก็ให้ไฟนั้นปิด ประโยชน์ก็คือป้องกันไม่ให้เปิดไฟทิ้งไว้เฉยๆ เมื่อไม่ได้ใช้ หรือว่าเมื่อที่เราไม่อยู่บ้านหรือเดินทางกลับยังไม่ถึงบ้านแต่เราก็ยังสามารถให้หลอดไฟเหล่านั้นเปิดได้ตามวันและเวลาที่ต้องการ เพิ่มความสมาร์ตไปอีกแบบ

สิ่งที่ต้องมีคือ

  • บัญชี HUE ID ซึ่งสมัครได้ที่ https://account.meethue.com/
  • จากนั้นเปิดแอป HUE
  • ไปที่แถบ Explore
  • ทำการล็อคอินเข้าระบบโดยเลือก Lon in to My HUE

หลังจากล็อคอินเข้าระบบเรียบร้อยแล้วเราสามารถที่จะต้องค่า Home & Away ได้ โดยหลักการคือระบบจะยึด GPS ของ iPhone ที่เราใช้ ถ้าสมมติว่าเราเดินทางออกจากบ้านโดยที่ลืมปิดไฟ เราสามารถตั้งค่าได้ว่าให้ปิดไฟและถ้ากำลังกลับบ้านหรือใกล้จะถึงบ้านก็สามารถสั่งให้เปิดไฟรอเลย ประหนึ่งว่ามีคนรอทำให้เราเลย ถือว่าเป็นความสามารถพิเศษที่ Philips HUE เตรียมไว้ให้ครับ

7. การใช้งานจริงในห้องบรรยากาศจริงทำให้เห็นภาพรวม (ชมคลิป)

คงได้เห็นภาพรวมของการนำ Philips HUE ไปใช้งานจริงกันแล้วไม่ว่าจะเป็นการติดตั้ง การใช้งานแอป การสั่งการผ่านเสียงด้วย Siri และ Google Assistant ที่พอเซตทุกอย่างออกมาแล้วมันช่างสะดวกสบายและน่าใช้งานจริงๆ คุ้มค่าคุ้มราคาที่จ่ายไป

8. ราคาและสถานที่จัดจำหน่าย

ราคาจัดจำหน่าย

  • Philips HUE Starter kit  ชุดละ 6,990 บาท
  • Philips HUE Single bulb  ชุดละ 1,790 บาท
  • Philips HUE Go ชุดละ 3,490 บาท
  • Philips HUE Lightstrip Plus ความยาว 2 เมตร ชุดละ 3,190 บาท
  • Philips HUE Lightstrip Plus Extension ความยาว 1 เมตร ไว้ต่อเพิ่ม ชุดละ 1,090 บาท

สามารถซื้อได้ที่

  • iStudio Store สาขาสยามพารากอน เซ็นทรัลเวิล์ด สีลมคอมเพล็กซ์ เซ็นทรัลเอมบราซซี่ พระราม 3
  • Ai Store สยามดิสคัฟเวอรี่
  • .life สาขาสยามพารากอน เซ็นทรัลเวิล์ดพลาซ่า เซ็นทรัลพระราม9 เมกะบางนา พรอมมานาด ปิ่นเกล้า เซ็นทรัลเวสต์เกต เซ็นทรัลอีสต์วิลล์ , Com7 บางสาขา และบุญถาวรสาขารัชดา และเกษตรนวมินต์ ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
  • ช่องทางออนไลน์ที่ Philips Official Store บน Lazada

9. สรุป

หลอดไฟอัจฉริยะ Philips HUE เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่ช่วยทำให้บ้านของเรานั้นก้าวเข้าสู่โลกของสมาร์ตโฮมที่รองรับระบบอัตโนมัติต่างๆ ได้ หากใครคิดจะก้าวเข้ามาสู่วงการนี้จะหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องใช้งานชุดไฟอัจฉริยะนี้ด้วยความที่ทุกบ้านจะต้องมีหลอดไฟจึงหนีไม่ได้ การเล่นกับหลอดไฟถือว่าเป็นพื้นฐานที่ผู้ที่สนใจสมาร์ทโฮมต้องเล่น

ข้อดีในแง่คุณภาพถือว่า Philips HUE ทำได้ดีทั้งในเรื่องของการรองรับระบบ Home Automation จากหลายๆ เจ้าไม่ว่าจะ Apple, Google, Amazon ฯลฯ ทำให้อุปกรณ์นี้สามารถถูกซื้อไปใช้ในระบบต่างๆ ข้ามแฟลตฟอล์มได้ และด้วยแอปที่มีทั้งจาก Philips เองและจากนักพัฒนารายอื่นเองทำให้ Philips HUE นั้นมีลูกเล่นในขั้นสูงมากขึ้นถือว่าเป็นข้อดีหรับผู้ใช้งาน

ข้อที่ผมยังคิดว่าต้องปรับปรุงสำหรับ Philips HUE ในช่วงที่ได้รีวิวก็คือ การอัปเดตซอฟต์แวร์ให้กับตัวอุปกรณ์นั้นทำได้ค่อนข้างที่จะช้าถึงช้ามาเผลอๆ นานกว่าอัปเดต iOS ให้ iPhone เสียอีก ส่วนนี้ทางนักพัฒนาของ Philps อาจจะต้องหันมามองจุดนี้เพิ่มอีกสักหน่อยเพื่อให้การใช้งานนั้นราบลื่นมากขึ้น อีกจุดที่ควรพิจารณาคือเรื่องของ “ราคา” ยอมรับว่า Philips HUE ทำราคามาค่อนข้างสูงด้วยความที่ต้องทำตามข้อกำหนดของ Apple HomeKit ที่ต้องมีมาตรฐานหลายอย่างจึงทำให้ส่วนนี้ราคานั้นจะดูเข้าถึงยากสักหน่อยสำหรับคนส่วนใหญ่ แต่หากเทียบกับราคาในหลายๆประเทศ Philips Hue ในประเทศไทยถือว่าถูกกว่าหลายประเทศอยู่มากครับ และหากพิจารณาเรื่องความสามารถที่หลอดไฟชุดนี้ทำได้นั้นผมก็ยังมองว่า “มันคุ้มค่าและน่าสนใจในการลงทุนเพื่อจัดมาใช้งานกับบ้านของเรา”

ข้อมูลเพิ่มเติม www2.meethue.com/th-th

ขอบคุณสำหรับการติดตาม บทความรีวิวโดย iPhoneMod.net

 

from:https://www.iphonemod.net/philips-hue-smart-bulb-review.html

มิริรีวิว Sensibo Sky เปลี่ยนเครื่องปรับอากาศให้เป็น Smart Aircondition รองรับสั่งการด้วยเสียง

Sensibo Sky Ep1 6498

เรื่องของ Smart Home ก็มีมาให้ชมกันเรื่อยๆ นะครับ ช่วงนี้ผมได้มีโอกาสใช้งาน Smart Home System ของทั้งฝั่ง Apple และ Google วันนี้มีอุปกรณ์หนึ่งชื่อว่า Sensibo Sky มาแนะนำให้ได้รู้จักกัน โดยความสามารถของอุปกรณ์ตัวนี้คือจะเปลี่ยนเครื่องปรับอากาศ(แอร์) ธรรมดาของบ้านเราให้เป็นเครื่องปรับอากาศแบบอัจฉะริยะ ซึ่งมันก็น่าสนใจเป็นอย่างมาก ว่าแล้วไปชมพร้อมกันเลยครับ

มิริรีวิว Sensibo Sky เปลี่ยนเครื่องปรับอากาศให้เป็น Smart Aircondition รองรับสั่งการด้วยเสียง

ก่อนไปชม Sensibo Sky เดี๋ยวไปดูอุปกรณ์ทั้งหมดที่ผมใช้ทดสอบในครั้งนี้กันก่อนครับ (จริงๆ Senbibo แค่มีสมาร์ทโฟนก็สามารถสั่งการได้แล้วครับ)

ในคลิปที่จะได้เห็นนั้นอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องได้แก่

  • Google Home mini สำหรับรับคำสั่งผ่านเสียง
  • ChromeCast เชื่อมต่อทีวีผ่าน HDMI สามารถดูหนัง ฟังเพลงได้ แต่ต้องอาศัยทีวีเพื่อการแสดงภาพ ตอนเปิด Spotify อันนี้จะไม่เกี่ยวกับ Sensibo Sky นะครับ เผื่อใครในเห็นคลิปแล้วถามว่าต้องทำยังไง
  • SmartPlug เชื่อมต่อกับพัดลม สั่งเปิด ปิดผ่านเสียงได้เช่นกัน อันนี้ก็ไม่เกี่ยวกับ Sensibo Sky เช่นกัน
  • Sensibo Sky สำหรับเปลี่ยนเครื่องปรับอากาศธรรมดาให้เป็นแบบสมาร์ตได้ คุมผ่านแอปได้ ตั้งค่าอุณหภูมิได้ บอกอุณหภูมิปัจจุบันของห้องได้ ตั้งค่าพัดลม การสวิง และที่สำคัญสามารถสั่งเปิดเครื่องจากระยะไกลได้ ฯลฯ นอกจากนี้ยังรองรับการใช้งานผ่านเสียงด้วย Google Home และ amazon alexa ด้วย คาดว่า Apple HomeKit จะตามมาเร็วๆ นี้
  • สมาร์ทโฟนสำหรับติดตั้งแอป Sensibo ผมใช้ iPhone X ดาวน์โหลดแอปได้จาก App Store ตามลิงก์นี้
  • สุดท้ายคือ Wifi 2.4Ghz ต้องมีเพื่อให้อุปกรณ์หากันเจอ

แกะกล่อง Sensibo Sky

หน้าตากล่องเป็นแบบนี้ราคาที่ซื้อมาก็ $119 USD สนใจสั่งได้ที่นี่เลย

Sensibo Sky Ep1 6460

หลังกล่องบอกไว้ว่ารองรับ Google Assistant และ amazon alexa ส่วน Apple HomeKit นั้นยังไม่รองรับ ไม่รู้ว่าอนาคตจะมาเมื่อไหร่แต่ได้ยินมาว่าจะรองรับเร็วๆ นี้

Sensibo Sky Ep1 6461

ความสามารถที่ Sensibo Sky ทำได้อยากให้ดูคลิปนี้เลยจะได้เข้าใจมากขึ้น

ถ้าให้ผมสรุปให้ก็คือ

  • สั่งเปิด ปิดแอร์ได้
  • เปลี่ยนอุณหภูมิได้
  • มีเทอร์มอมิเตอร์ในตัวบอกได้ว่าตอนนี้อุณหภูมิห้องเท่าไหร่และเราตั้งอุณหภูมิไว้ที่เท่าไหร่
  • ปรับโหมดของแอร์ได้
  • ปรับความแรง การสวิง การตั้งเวลาของแอร์ได้
  • ตั้งค่าตารางการทำงานตามความต้องการของเราได้ เช่น หากเราเดินทางใกล้ถึงบ้านแล้วให้เปิดแอร์ไว้เลย ซึ่งจะระบุจากตำแหน่ง GPS ของมือถือ
  • สั่งเปิดแอร์ได้จากที่ไหนก็ได้ทั่วโลกเพียงแค่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
  • แชร์อุปกรณ์(แอร์) ผ่านแอปให้คนอื่นควบคุมได้ด้วย

นี่คือฟีเจอร์หลักๆ นะครับที่ได้ลองใช้  ว่าแล้วไปดูอุปกรณ์ในกล่องกันครับ เปิดออกมาก็จะเจอนี่

Sensibo Sky Ep1 6462

ตัว Sensibo Sky คือตัวดำๆ นั่นแหละ

Sensibo Sky Ep1 6463

ในกล่องจะมีอะแดปเตอร์และสาย micro USB มาให้เพื่อจ่ายไฟให้ตัวนี้

Sensibo Sky Ep1 6467ด้านหน้ามีโลโก้และมีตัวส่งสัญญาณอินฟราเรตไปที่แอร์ของเรา

Sensibo Sky Ep1 6464

ด้านหลังจะมีที่แขวนและกาวสองหน้าสำหรับแปะอุปกรณ์กับผนัง โดยต้องหันหน้า Sensibo Sky ไปทางแอร์ (เพราะตัวนี้มันจะเป็นตัวแทนของรีโมทแอร์เราครับ) ส่วน QR Code ที่เห็นนั้นเอาไว้ใช้ในขั้นตอนการติดตั้งซึ่งไม่ยากเลย

Sensibo Sky Ep1 6465

ประกอบร่าง

Sensibo Sky Ep1 6470

สุดท้ายก็แปะผนังไว้ให้หันไปทางแอร์

Sensibo Sky Ep1 6498

ขั้นตอนติดตั้งอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ก็หมดเท่านี้แหละ ต่อไปก็คือการตั้งค่าซอฟต์แวร์

ตั้งค่าซอฟต์แวร์เพื่อคุม Sensibo Sky

  • ดาวน์โหลดแอป Sensibo จาก App Store
  • สมัครใช้งานแอป Sensibo เพื่อสร้างบัญชี (ทำตามขั้นตอนได้เลยง่ายๆ)
  • หลังล็อคอินจะต้องเพิ่มอุปกรณ์เข้าไป นั่นคือ Sensibo Sky
  • กดเพิ่มอุปกรณ์แล้วสแกน QR Code ด้านหลัง
  • ในขั้นตอนนี้แอปจะให้เรานำรีโมทแอร์มากดจ่อที่ประหนึ่งว่าเรียนรู้สัญญาณควบคุมจากรีโมทนั้นๆ ที่บ้านผมใช้แอร์ของ Mitzubishi กดปุ่มเปิดตัวเดียว ที่เหลือ Sensibo Sky รู้หมดเลย ไม่ต้องกดปุ่มอื่นๆ
  • จากนั้นตั้งชื่อให้เรียบร้อย

Sensibo Sky Ep2 3

เท่านี้ Sensibo Sky ก็พร้อมใช้งานแล้วครับ เราสามารถสั่งเปิด ปิด ปรับอุณหภูมิของแอร์จากตัวแอปได้เลย

แล้วสั่งการด้วยเสียงผ่าน Google Assistant หละทำไง?

หากต้องการสั่งการด้วยเสียงมีทางเลือกคือ

  • หา Google Home จะรุ่นไหนก็ได้ไม่ว่าจะ mini, Max หรือธรรมดา แต่แนะนำว่า mini พอแล้ว ราคาราว 2,xxx บาท ลองหาดูว่าใครหิ้วมาขาย
  • หรืออีกทางเลือกคือติดตั้งแอป Google Assisstant จาก App Store มาสั่งแทนได้ ดาวน์โหลดตามบทความนี้

เมื่อได้สิ่งที่ต้องการตามด้านบนแล้ว วิธีการตั้งค่าให้ Google Assistant รู้จักกับ Sensibo ดูได้ผ่านลิงก์นี้ ทำตามนั้นแล้วคุณจะสามารถสั่งให้ Google Assistant เปิด ปิด ปรับอุณหภูมิของแอร์ได้ (สั่งเป็นภาษาอังกฤษนะครับ)

นี่คือตัวอย่างวิดีโอทำสอบการใช้งาน Sensibo Sky โดยผมสั่งการผ่าน Google Home mini ดังที่ได้แจ้งเอาไว้ครับ

ท่านใดสนใจก็ลองหามาใช้งานกันดูได้นะครับ

สรุป โดยส่วนตัวแล้วพอใจกับสิ่งที่ได้นะครับแม้จะต้องลงุทนเยอะพอตัว (ฮ่าๆๆ) อย่างน้อยเป็นการได้ลองใช้งาน Smart Home System ที่สามารถใช้งานได้จริงในบ้านเรา อนาคตคาดว่าจะมีสิ่งอื่นๆ เข้ามามากขึ้นกว่านี้ ถ้าของที่รองรับ Smart Home มันถูกลงมากก็คงจะดีไม่น้อย ตอนนี้หลายสิ่งอันราคาก็ช่างแรงเหลือเกิน 😀

ฝากไว้เพียงเท่านี้นะครับ หากมีข้อสงสัยอะไรคอมเมนต์ใต้บทความถามไว้ได้เลยนะเดี๋ยวมาตอบให้ครับ

วันนี้ขอฝากไว้เพียงเท่านี้ครับ

from:https://www.iphonemod.net/sensibo-sky-unbox-and-mini-review.html

ลำโพงอัจฉริยะ Google Home สามารถขายได้วินาทีละ 1 เครื่อง นัลตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคม 2017

google-home-mini-max

Google เปิดเผยว่า Google Home ผลิตภัณฑ์ประเภทลำโพงอัจฉริยะของตัวเอง สามารถขายได้มากกว่า 1 เครื่องในทุกๆ วินาที นับตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นช่วงที่ Google Home Mini เริ่มวางจำหน่าย Google ไม่ได้ระบุตัวเลขยอดจำหน่ายที่แน่ชัด แต่แหล่งข่าวคาดว่าผลิตภัณฑ์ Google Home ทั้งหมด อาจมียอดขายแตะ 7.5 ล้านเครื่อง

google-home-mini

Google Home Mini

เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา Google ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ประเภทลำโพงอัจฉริยะเพิ่มอีก 2 รุ่น คือ Google Home Mini และ Google Home Max โดยเฉพาะรุ่นแรกที่ปัจจุบันมีราคาเพียง 29 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 950 บาท (จากราคาเปิดตัว 49 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 1,600 บาท) และมาพร้อมผู้ช่วยดิจิตอล Google Assistant

ปัจจุบัน Google Assistant ถูกนำไปใช้ในอุปกรณ์ราว 400 ล้านเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน, สมาร์ทวอทช์ และอุปกรณ์จากบริษัทที่เป็นพาร์ทเนอร์ แม้แต่ iPhone ก็สามารถดาวน์โหลด Google Assistant มาใช้งานได้ฟรี!! จาก App Store นอกจากนี้ Google Assistant ยังถูกฝังอยู่ในผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฮมราว 1,500 รุ่นจากทั้งหมด 225 แบรนด์

ที่มา – TechCrunch

from:http://www.flashfly.net/wp/204855