คลังเก็บป้ายกำกับ: BITTORRENT

ซื้องานไปทำไม เว็บ The NFT Bay รวมไฟล์ศิลปะ NFT ทั้งอินเทอร์เน็ต แจกฟรีผ่าน Torrent

ด้วยกระแสของ non-fungible tokens (NFT) ในตอนนี้ ทำให้มีคนสร้างเว็บไซต์ชื่อ The NFT Bay (พร้อมหน้าตาที่คุ้นเคย) ขึ้นมาแจกไฟล์รูปภาพ NFT ขนาดรวม 19.5TB ผ่าน BitTorrent

Geoffrey Huntley โปรแกรมเมอร์ชาวออสเตรเลียที่สร้างเว็บไซต์นี้ขึ้นมา อธิบายว่าเห็นคนจ่ายเงินซื้อ NFT กันอย่างกว้างขวาง บนความเชื่อว่าเป็นการซื้อสิทธิ (right) ความเป็นเจ้าของชิ้นงาน ผ่าน token ที่เก็บไว้บนบล็อคเชนอีกที แต่ตัวชิ้นงานจริงๆ ไม่ได้ถูกเก็บบนบล็อคเชน เป็นแค่ไฟล์ภาพ jpg ที่ฝากไว้บนเว็บโฮสต์แบบดั้งเดิม และใครๆ ก็สามารถคลิกขวา เซฟภาพเหล่านี้มาเก็บไว้ได้

สิ่งที่เขาทำคือไล่เซฟภาพทั้งหมดที่มีลิงก์บนบล็อคเชน Ethereum และ Solana มารวมกันเป็นก้อน แล้วแจกจ่ายผ่าน torrent โดยมีจุดประสงค์ให้คนเรียนรู้ว่า การซื้องานศิลปะผ่าน NFT ในปัจจุบันเป็นแค่ “การซื้อวิธีการดาวน์โหลดภาพ” ส่วนไฟล์ภาพจริงๆ ไม่ได้เก็บอยู่บนบล็อคเชนแต่อย่างใด การเก็บภาพไว้บนโฮสต์แบบดั้งเดิมไม่มีอะไรการันตีว่าลิงก์ภาพจะสามารถเข้าถึงได้ในอนาคต หากลิงก์กลายเป็น 404 มูลค่าของ NFT จะลดน้อยลงไป

No Description

การเกิดขึ้นของ The NFT Bay อาจเป็นการส่งสัญญาณบอกวงการ NFT ว่าสุดท้ายแล้ว จ่ายเงินซื้อไปก็ไม่ได้เป็นเจ้าของไฟล์ศิลปะนั้นจริงๆ เพราะด้วยสถาปัตยกรรมของ NFT ในปัจจุบัน เปิดให้คนสามารถดาวน์โหลดไฟล์ภาพ (เถื่อน) แล้วมาแจกจ่ายกันฟรีๆ ด้วยโมเดล BitTorrent แบบดั้งเดิมได้อยู่ดี ตัวของ Huntley ให้คำนิยามไฟล์ torrent นี้ว่า “The Billion Dollar Torrent” เพื่อเสียดสีเรื่องมูลค่าที่คนจ่ายซื้อชิ้นงานไปนั่นเอง

ที่มา – The NFT Bay, Kotaku, TorrentFreak

from:https://www.blognone.com/node/125921

The Mandalorian เป็นซีรีย์ที่ถูกโหลดเถื่อนมากที่สุดผ่าน BitTorrent ในปี 2020

Torrent Freak เปิดเผยรายงานอ้างอิงทราฟฟิคเฉพาะบน BitTorrent พบว่าซีรีส์ที่ถูกโหลดเถื่อนมากที่สุดในปี 2020 ตกเป็นของ The Mandalorian จาก Disney+ ขึ้นจากอันดับ 3 ในปีที่แล้ว หลังจาก Game of Throne ครองอันดับ 1 มาหลายปี

ส่วนอันดับ 2 ที่มีการโหลดมากที่สุดคือ The Boys ตามมาด้วย Westworld, Vikings, Star Trek: Picard, Rick and Morty, The Walking Dead, The Outsider, Arrow และ The Flash

ปัญหาหลักของการโหลดเถื่อนก็หนีไม่พ้น Disney+ เปิดให้บริการแค่ไม่กี่ประเทศ ขณะที่ตัวซีรีย์ถูกแฟน ๆ ยกให้เป็น “เดอะแบก” ของจักรวาล Star Wars ภายใต้ดิสนีย์ไปแล้ว ไม่รวมประเด็นว่าซีรีย์ที่ดัง ๆ ส่วนใหญ่กระจายอยู่กับหลายผู้ให้บริการสตรีมมิ่ง (3 อันดับแรกก็ Disney+, Prime Video และ HBO เข้าไปแล้ว) ต่อให้ในประเทศนั้น ๆ เปิดให้บริการหมด ก็ใช่ว่าลูกค้าจะเสียเงินดูทุกเจ้า

ที่มา – Torrent Freak

No Description

from:https://www.blognone.com/node/120292

Transmission ออกเวอร์ชัน 3.0, ปรับปรุง IPv6 และรองรับ Dark Mode บน macOS

Tranmission โปรแกรม Bittorrent โอเพนซอร์สยอดนิยมอีกตัว ออกเวอร์ชัน 3.0 ซึ่งทิ้งห่างเวอร์ชัน 2.0 นาน 10 ปีพอดี และเป็นการออกเวอร์ชันใหม่ครั้งแรกในรอบ 2 ปีด้วย (เวอร์ชันก่อนหน้านี้คือ 2.94 ออกเดือนพฤษภาคม 2018)

ฟีเจอร์ใหม่ที่สำคัญคือปรับปรุงการรองรับ IPv6, รองรับ Dark Mode บน macOS และปรับปรุงฟีเจอร์เล็กๆ น้อยๆ รวมถึงแก้บั๊กอีกจำนวนมาก

Transmission มีไคลเอนต์หลากหลายแพลตฟอร์มทั้ง Windows, Mac, GTK+, Qt, เว็บ และรันในเทอร์มินัล โดยเวอร์ชัน 3.0 ปรับเวอร์ชันขั้นต่ำของ macOS มาเป็น 10.10 และ Qt เป็น 5.2

ที่มา – Transmission, OMG Ubuntu

No Description

from:https://www.blognone.com/node/116544

หากต้องการดาวน์โหลดทุกอย่างใน The Pirate Bay ต้องใช้เวลา 19 ปี กับเงินอีกอย่างน้อย 4.2 ล้านบาท

The Pirate Bay เป็นฝันร้ายที่สุดของผู้ถือลิขสิทธิ์ เพราะเป็นเว็บไซต์รวมไฟล์บิทที่โด่งดังที่สุดในโลกอินเทอร์เน็ต ประเมินกันว่านับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 17 ปีที่แล้ว มีผู้ใช้งานอัพโหลดไฟล์ไปแล้วถึง 6,720 Terabytes หรือ 6.7 Petabytes

การจัดเก็บข้อมูลขนาด 6.6 Petabytes จำเป็นต้องใช้ฮาร์ดไดรฟ์ขนาด 14TB ประมาณ 500 ตัว ขณะที่ฮาร์ดไดรฟ์ 14TB ราคาถูกที่สุดใน Amazon มีราคา 336 ดอลล่าร์สหรัฐ นั่นหมายถึงต้องใช้เงินประมาณ 168,000 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 5.1 ล้านบาท สำหรับฮาร์ดไดรฟ์ 14TB จำนวน 500 ตัว

เมื่อมีฮาร์ดไดรฟ์สำหรับจัดเก็บข้อมูลจาก The Pirate Bay แล้ว ก็ยังจำเป็นต้องใช้การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตเพื่อดาวน์โหลดข้อมูลมาเก้บไว้ ในกรณีที่ใช้ความเร็วอินเตอร์เน็ต 100Mbps จะต้องใช้เวลาทั้งหมด 19 ปี เพื่อดาวน์โหลดข้อมูลทั้งหมดจาก The Pirate Bay ตามการคำนวณของ Winston แอดมินของ The Pirate Bay

ปัจจุบันมีข้อมูลราว 2.58 Terabytes ที่สามารถดาวน์โหลดได้จาก The Pirate Bay นั่นหมายถึง จำเป็นต้องใช้เงินประมาณ 139,346 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 4.2 ล้านบาท ในการซื้อฮาร์ดไดรฟ์เพื่อจัดเก็บข้อมูลทั้งหมด และต้องใช้เวลาในการดาวน์โหลดนานถึง 19 ปี ซึ่งยังไม่รวมราคาการติดตั้ง ค่าดูแลระบบ และค่าไฟที่ต้องจ่าย

อย่างไรก็ตาม ถ้าหากใช้อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง 10Gbps อาจใช้เวลาเพียง 2.5 เดือนเท่านั้น

ที่มา – TNW
https://www.flashfly.net/wp/280434

from:https://www.flashfly.net/wp/280434

10 สุดยอดโปรแกรมโหลดบิท ที่แจ๋วที่สุดในปัจจุบัน

เชื่อว่าชาวเน็ตส่วนใหญ่ล้วนเคยผ่านโลกของบิททอร์เรนต์มาบ้างแล้ว แม้ปัจจุบันบิทจะไม่ค่อยตอบโจทย์โดยเฉพาะการโหลดซอฟต์แวร์เถื่อนที่ผิดกฎหมายเนื่องจากของแท้ก็ถูกลงกว่าแต่ก่อนมาก หรือเปลี่ยนระบบมาให้บริการผ่านคลาวด์ที่สะดวกและคุ้มค่ากว่าจะมาเสี่ยงเหมือนเดิม แต่วงการบิทก็ยังเป็นที่พึ่งของผู้ต้องการแหล่งข้อมูลไฟล์มีเดียขนาดใหญ่อย่างเพลงหรือหนังต่างๆ อยู่ (แน่นอนว่าเราสนับสนุนแต่ข้อมูลที่ถูกลิขสิทธิ์)

ซึ่งพอมองโปรแกรมโหลดบิทหรือแชร์ไฟล์แบบ Peer-to-Peer (P2P) ทั้งหลาย (แน่นอนว่าการโหลดบิทต้องใช้โปรแกรมเฉพาะในการสตรีมข้อมูล ไม่เหมือนการดาวน์โหลดไฟล์ธรรมดา) แต่ก่อนนั้นมักมีโปรแกรมโอเพ่นซอร์สตัวเล็กไม่เปลืองเมม ไร้โฆษณากวนใจให้ใช้ฟรีแบบใจบุญสุนทานอยู่หลายตัว แต่เดี๋ยวนี้ตัวที่เคยฟรีก็กลับแสดงโฆษณาหรือมีอะไรล่อลวงให้เสียเงินแฝงอยู่เต็มไปหมดจนไม่น่าใช้ เรียกว่ากลายพันธุ์ไปหลายโปรแกรมเช่นกัน

อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญยังย้ำเตือนอยู่เสมอว่าควรเลือกเว็บโหลดบิทที่เชื่อถือได้ และใช้ระบบแอนติมัลแวร์ที่อัพเดทตลอดเวลา ควบคู่กับการเชื่อมต่อผ่านวีพีเอ็นทุกครั้ง ดังนั้นทาง LifeWire.com จึงรวบรวม 10 โปรแกรมโหลดบิทในดวงใจที่มีให้โหลดใช้ในปัจจุบันมาให้พิจารณาดังต่อไปนี้

1. Bitport.io

ไม่ต้องมีการติดตั้งบนคอมพิวเตอร์ให้ยุ่งยาก แต่มีค่าสมาชิกรายเดือน (ที่ไม่ได้แพงเท่าไร) พร้อมข้อจำกัดด้านปริมาณข้อมูลที่จัดเก็บ และจำนวนไฟล์ที่ดาวน์โหลดได้ Bitport.io นี้เป็นโปรแกรมโหลดบิทสัญชาติเชค อยู่ในรูปบริการผ่านคลาวด์ที่ล็อกอินออนไลน์พร้อมโหลดข้อมูลเข้ามาในคลาวด์ได้ทันทีโดยไม่ต้องมาติดตั้งอะไรบนคอมพิวเตอร์ ถึงเวลาโหลดบิทเสร็จก็ค่อยดาวน์โหลดลงมาที่เครื่องโดยตรงอีกทีอย่างรวดเร็ว จริงๆ มีเวอร์ชั่นฟรีที่ให้เนื้อที่เก็บบนคลาวด์ที่ 1GB (ที่ไม่น่าพอยาไส้สำหรับขาโหลดบิท) ที่จำกัดความเร็วการโหลดด้วย

2. Tixati

รองรับการทำงานข้ามแพลตฟอร์ม ไร้โฆษณา มีฟีเจอร์ทรงพลังหลายตัว แต่อินเทอร์เฟซหน้าตาเหมือนถอดออกมาจากยุค 90 ที่ดูขัดหูขัดตาประมาณนึง ทำงานเร็วมากพอๆ กับคู่แข่งอย่าง Vuzeและ uTorrent รองรับการทำงานแบบ Trackerless Swarming ที่ช่วยให้จับคู่ลิงค์หรือหา PEX และ DHT ได้ไว

3. Transmission

เป็นของฟรีแบบโอเพ่นซอร์สที่ทำงานได้บนหลายแพลตฟอร์ม ด้วยธรรมชาติที่เรียบง่าย ทำงานตรงไปตรงมาไม่ซับซ้อน จนทำให้มีฟีเจอร์แค่แบบง่ายๆ ไม่ยืดหยุ่นเท่าไร เป็นโปรแกรมโหลดบิทโดยดีฟอลต์ที่มักมีพร้อมในลีนุกซ์หลายดิสโทรในปัจจุบัน

4. Deluge

เป็นโอเพ่นซอร์สที่รองรับการทำงานข้ามแพลตฟอร์ม มีขนาดเล็กไม่หน่วงเครื่อง ทำงานไว มีออพชั่นเกี่ยวกับทั้งฝั่งไคลเอนต์และเซิร์ฟเวอร์ที่มีประสิทธิภาพ แต่ก็แลกกับความยุ่งยากในการตั้งค่าเช่นกันฟีเจอร์ที่น่าสนใจได้แก่การเลือกจำเพาะหรือกำหนดเวลาที่เริ่มหรือหยุดดาวน์โหลดได้ รวมไปถึงการตั้งค่าเครื่องปัจจุบันเป็นเซิร์ฟเวอร์ให้บริการทอร์เรนต์ได้ด้วย

5. uTorrent

โปรแกรมดั้งเดิมตัวนี้ขึ้นชื่อมานานเรื่องความเร็วและขนาดที่เล็กมากแทบไม่หน่วงเครื่อง เต็มไปด้วยฟีเจอร์มากมาย แต่ปัจจุบันรองรับและอัพเดทเฉพาะเวอร์ชั่นบนวินโดวส์เท่านั้นตอนนี้แบ่งเป็นเวอร์ชั่นฟรีกับแบบโปรที่เสียเงิน ซึ่งตัวโปรนี้นอกจากไม่มีโฆษณาขึ้นให้น่ารำคาญแล้วยังสแกนไวรัสได้ในตัวอีกด้วย และล่าสุดมีเวอร์ชั่นที่เรียกว่า uTorrent Web ให้สตรีมข้อมูลพร้อมเปิดดูผ่านหน้าเว็บได้โดยตรง

6. Tribler

เป็นโอเพ่นซอร์สที่รองรับการทำงานบนหลายแพลตฟอร์ม มีฟีเจอร์ค้นหาแบบบิวท์อินพร้อมกับฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่ค่อนข้างนำสมัย แต่ก็มีหลายฟีเจอร์ที่ยังอยู่ในช่วงทดลองใช้ ที่อาจเกิดความผิดพลาดได้บ้าง

7. Boxopus

ไม่ต้องติดตั้งลงเครื่องให้วุ่นวายหรือหน่วงระบบ ใช้งานร่วมกับสตอเรจบนคลาวด์ได้อย่าง Google Drive และ Box แต่ก็ไม่ได้ฟรี แล้วหยุดจ่ายเมื่อไรไฟล์ที่ยังโหลดไม่เสร็จก็หายไปถาวรด้วย

8. Vuze

เต็มไปด้วยฟีเจอร์ที่ทรงพลังจำนวนมาก ที่ต้องแลกมาด้วยโฆษณาประมาณนึง และมีเวอร์ชั่นที่คิดค่าบริการรายปีด้วย แต่สังเกตว่าหลายฟีเจอร์นั้นก็ไม่ได้จำเป็นกับคนโหลดบิทเท่าไร อย่างไรก็ดีผู้ใช้สามารถเล่นมีเดียได้หลากหลายจาก Vuzeโดยตรง โดยเฉพาะวิดีโอแบบ HD หรือแม้กระทั่งใช้เล่นมีเดียบนอุปกรณ์อื่นอย่าง iPhone, Xbox หรือ PSP จนทำให้ได้รับความนิยมอย่างมากด้วย

9. BitComet

มีฟีเจอร์และออพชั่นมากมายให้ปรับแต่งได้อย่างยืดหยุ่น แต่ก็ดูรูปลักษณ์เก่าเก็บ แล้วบางเว็บก็แบนโปรแกรมนี้ด้วยเนื่องจากมักรายงานข้อมูล Ratio ผิด และปล่อยข้อมูลส่วนตัวไปยัง DHTโปรแกรมนี้เหมาะกับผู้ใช้ที่มีประสบการณ์มากกว่า (มือใหม่ควรหันไปหาโปรแกรมยอดนิยมอย่าง uTorrent หรือ Vuzeก่อน)

10. qBittorrent

มีจุดเด่นที่การเป็นโอเพ่นซอร์ส รองรับหลายแพลตฟอร์ม ลงตัวทั้งด้านความหลากหลายของฟีเจอร์และความเรียบง่าย แม้จะดูเรียบง่ายเกินไปเมื่อเทียบกับโปรแกรมอื่นบางตัว

ที่มา : Lifewire

from:https://www.enterpriseitpro.net/best-torrent-downloading-software/

CracksNow ถูกแบนจากหลายเว็บ หลังแอบฝังแรนซั่มแวร์ GrandCrab ไปกับไฟล์ที่อัพ

CracksNow เป็นชื่อผู้ใช้ที่โด่งดังมากตามเว็บบิทที่มีชื่อเสียงทั้งหลายในฐานะผู้ที่ขยันอัพไฟล์โปรแกรมเถื่อนขึ้นเว็บบิทพร้อมยาแก้ไอสมกับชื่อของตัวเอง แต่ล่าสุดกลับพบว่าโปรแกรมที่ผู้ใช้รายนี้อัพขึ้นหลายเว็บนั้นกลับมีแรนซั่มแวร์ชื่อ GrandCrab ติดมาให้คนโหลดโดนเล่นด้วย

ประเด็นคือ เวลาคนโหลดของเถื่อนมาลงพร้อมใช้ตัวแคร๊กนั้น บ่อยครั้งที่จำเป็นต้องกดปิดการทำงานของแอนติไวรัสชั่วคราว จึงเป็นช่องทางทำให้แคร๊กเถื่อนที่มีเจตนาร้ายหากินกับคนไม่ซื่อด้วยกันประสาฝนตกขี้หมูไหล โดนเล่นงานกันถ้วนหน้า เสียเงินมากกว่าราคาค่าซอฟต์แวร์ของแท้เสียอีก

อย่างไรก็ดี มีเว็บบิทหลายแห่งที่แอดมินสั่งแบนผู้ใช้ CracksNow รายนี้แล้วหลังพบผู้ใช้จำนวนมากคอมเมนต์เรียกร้องให้จัดการ ไม่ว่าจะเป็นเว็บ 1337x, GIoTorrents, PirateBay, Demonoid, และ TorrentGalaxy พร้อมทั้งตรวจสอบและล้างบางไฟล์ที่ผู้ใช้เจ้านี้อัพแล้วมีแรนซั่มแวร์แถมไปด้วยทั้งหมด (แต่ไฟล์เดิมที่เคยอัพแบบสะอาดเอี่ยมอ่องก็ยังปล่อยให้โหลดได้ตามปกติ)

GrandCrapถือเป็นหนึ่งในแรนซั่มแวร์ที่พบการระบาดตามเว็บบิทหรือแพลตฟอร์มแชร์ไฟล์แบบ P2P มากที่สุดในปัจจุบัน ระบาดมาตั้งแต่ปีที่แล้ว มีฤทธิ์ในการเข้ารหัสข้อมูลบนเครื่องเหยื่อทั้งเครื่องเพื่อรีดค่าไถ่ อย่างไรก็ดี เจ้าตัว CracksNowก็ยังเปิดเว็บแชร์ไฟล์ของตัวเอง CracksNow.com ให้คนใช้บริการได้อยู่ และไม่ได้ตอบรับการให้สัมภาษณ์หรือให้ความเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้แต่อย่างใด

ที่มา : Hackread

from:https://www.enterpriseitpro.net/cracksnow-torrent-uploader-distributing-grandcrab-ransomware/

BitTorrent เปิดตัว BTT โทเค็นบน BitTorrent สำหรับจ่ายเพื่อให้ได้ความเร็วดาวน์โหลดเพิ่มขึ้น

BitTorrent Inc. เปิดตัวโทเค็นใหม่ในชื่อเดียวกันคือ BitTorrent ตัวย่อ BTT ซึ่งออกโดย BitTorrent Foundation ซึ่งมีหลักการให้ผู้ใช้งาน BitTorrent แลกเปลี่ยนเพื่อความเร็วในการดาวน์โหลดที่มากขึ้น แนวคิดก็คือบนเครือข่าย BitTorrent แบบเดิมนั้น เมื่อผู้ใช้งานดาวน์โหลดไฟล์สำเร็จ ก็จะไม่มีแรงจูงใจมากนักที่จะวางไฟล์ให้คนอื่นดาวน์โหลดต่อ BTT จึงเพิ่มเข้ามาให้ผู้ต้องการดาวน์โหลดไฟล์ จ่าย BTT ให้ผู้วางไฟล์เพื่อสร้างแรงจูงใจ และได้อัตราดาวน์โหลดที่เร็วขึ้น

ปัจจุบัน BitTorrent ถูกซื้อกิจการโดย Tron สตาร์ทอัพด้านบล็อกเชนและผู้สร้างเหรียญ TRX ทำให้เข้าถึงระบบ decentralized ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่ง Tron ก็ต้องการต่อยอดเทคโนโลยีบล็อกเชนจากจำนวนผู้ใช้งานที่มีมากกว่า 100 ล้านคนนี้

ทั้งนี้โทเค็น BTT จะเป็นทางเลือกในเครือข่าย BitTorrent เท่านั้น กล่าวคือผู้ใช้ BitTorrent เดิม ก็สามารถใช้งานได้ปกติ โดยไม่ต้องเกี่ยวข้องกับ BTT ก็ได้

BTT เป็นเหรียญที่พัฒนาจาก TRC-10 รองรับการซื้อขายผ่าน Binance Launchpad เฉพาะบัญชีผู้ใช้นอกอเมริกาเท่านั้น รายละเอียดของ BTT สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ white paper

ที่มา: Coindesk

alt="BitTorrent"

from:https://www.blognone.com/node/107320

พบทราฟิก BitTorrent กลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง คาดเพราะคนจ่ายเงินดูสตรีมมิ่งทุกค่ายไม่ไหว

Sandvine บริษัทพัฒนาระบบวิเคราะห์ทราฟิกเครือข่าย ออกรายงานประจำครึ่งแรกปี 2018 ของการใช้งานอินเทอร์เน็ตทั่วโลก มีประเด็นสำคัญหลายอย่างดังนี้

  • มากกว่า 50% ของทราฟิกตอนนี้มีการเข้ารหัส และการใช้ TLS 1.3 ก็เพิ่มขึ้นสูง
  • ดาวน์สตรีมของอินเทอร์เน็ต 58% ตอนนี้มาจากวิดีโอ
  • Netflix มีส่วนแบ่งการใช้ดาวน์สตรีมถึง 15%
  • เกมเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อการเพิ่มปริมาณทราฟิกมากที่สุด ทั้งการดาวน์โหลดเกม, แคสต์เกม และความนิยมใน e-sport ที่เพิ่มขึ้น

แต่หัวข้อที่น่าสนใจคือทราฟิกของ BitTorrent โดยพบว่าทราฟิก BitTorrent กลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง หลังจากลดลงต่อเนื่องมาหลายปี ซึ่งตอนนั้นมองว่ามาจากความนิยมในบริการวิดีโอสตรีมมิ่งที่มาทดแทน แต่ตอนนี้ BitTorrent กลับมาเพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่า เพราะผู้ให้บริการสตรีมมิ่งตอนนี้ต่างแข่งขันคอนเทนต์ให้ดูได้เฉพาะแพลตฟอร์มของตน ขณะที่ผู้บริโภคมีกำลังจ่ายเงินจำกัด จึงเริ่มกลับมาใช้บริการละเมิดลิขสิทธิ์แทน

น่าสนใจว่าทิศทางต่อจากนี้ ผู้ผลิตคอนเทนต์แต่ละรายก็ต่างพยายามสร้างแพลตฟอร์มของตนขึ้นมาเอง แล้วสถานการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไปกันแน่

ดูรายงานของ Sandvine ฉบับเต็มได้ที่นี่

ที่มา: uSwitch และ Sandvine

alt="Sandvine"

from:https://www.blognone.com/node/105982

uTorrent Web เปิดตัวแล้ว โหลดบิทและเล่นไฟล์วิดีโอได้บนเบราว์เซอร์

uTorrent โปรแกรมดาวน์โหลด BitTorrent ชื่อดังได้เปิดตัวไคลเอนท์เวอร์ชันเว็บหรือ uTorrent Web และให้ทดสอบมาสักพัก ตอนนี้ uTorrent Web ก็ได้เปิดตัวเวอร์ชันเต็มพร้อมให้ใช้งานแล้ว

uTorrent Web มีให้ใช้งานบนเว็บเบราว์เซอร์ทั้ง IE, Edge, Firefox, Opera และ Chrome โดยผู้ใช้ยังคงจำเป็นต้องดาวน์โหลด uTorrent Web มาติดตั้งบนเครื่อง แต่ตัว uTorrent Web สามารถดาวน์โหลดไฟล์ได้ในเบราว์เซอร์ พร้อมทั้งมีระบบเล่นไฟล์ในตัวที่สามารถเล่นไฟล์ระหว่างดาวน์โหลดได้ด้วย

ตอนนี้ uTorrent Web ยังมีให้ดาวน์โหลดเฉพาะเวอร์ชัน Windows เท่านั้น สามารถดาวน์โหลดได้ทาง web.utorrent.com ส่วน uTorrent เวอร์ชันเดสก์ท็อปปกติจะยังคงเปิดให้ดาวน์โหลดต่อไปในชื่อว่า uTorrent Classic

ที่มา – uTorrent, VentureBeat

No Description

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/105091

Tron เข้าซื้อกิจการ BitTorrent Inc. ทำให้เป็นแพลตฟอร์ม Decentralized ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

เป็นไปตามข่าวลือเมื่อเดือนก่อน โดย Tron สตาร์ทอัพสายบล็อกเชนและผู้สร้างเหรียญ Tron (TRX) ได้ประกาศเข้าซื้อบริษัท BitTorrent Inc. ซึ่งรายงานว่ามูลค่าดีลอยู่ราว 126 ล้านดอลลาร์ โดยทีมงาน BitTorrent ทั้งหมด จะย้ายมาทำงานต่อให้กับ Tron

นอกจากนี้ซอฟต์แวร์ของ BitTorrent ได้แก่ BitTorrent client และ μTorrent จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในระบบนิเวศของ Tron ด้วย ซึ่ง Tron บอกว่าด้วยจำนวนผู้ใช้ BitTorrent ราว 100 ล้านคนทั่วโลก จะทำให้ Tron กลายเป็นระบบนิเวศแบบกระจายศูนย์ (decentralized) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ด้าน BitTorrent ก็ยืนยันว่าบริการต่าง ๆ จะยังคงเหมือนเดิมในตอนนี้ และยังไม่มีแผนเพิ่มการขุดเหรียญใส่เข้ามา

ที่มา: Tron ผ่าน TechCrunch

alt="BitTorrent"

from:https://www.blognone.com/node/104104