Cloudflare จับมือ Internet Archive ให้บริการ ‘Always Online’

Cloudflare ได้นำเสนอบริการใหม่ที่ช่วยให้ผู้ชมเว็บไซต์สามารถได้เนื้อหากลับมาเสมอแม้ว่าเซิร์ฟเวอร์จริงอาจจะล่มไปแล้ว

Internet Archive คือองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ให้บริการ Wayback Machine โดยมีหน้าที่หลักคือทำ Snapshot หน้าเว็บไซต์เก็บเอาไว้ ซึ่งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 1996 จนปัจจุบันมี Archive ของเว็บไซต์หลายพันล้านเก็บเอาไว้ ในข้อมูลขนาดกว่า 45 เพนตะไบต์แล้ว 

อย่างไรก็ดีไอเดียของ Cloudflare ก็คือการใช้ Archive ของหน้าเว็บลูกค้าส่งกลับไปหาผู้ชมเมื่อแน่ใจแล้วว่าเซิร์ฟเวอร์จริงร่วงไป โดย Internet Archive จะถูกผนวกเข้าในกระบวนการการให้บริการของ Cloudflare ดังนี้

credit : Cloudflare

1.) รับ Request มาจากผู้ชม

2.) Cloudflare ตรวจสอบดูว่ามี Content ในเซิร์ฟเวอร์แคชใกล้ผู้ชมไหม หากมีก็ตอบกลับไป หากไม่มีหรือเนื้อหาไม่อัปเดตก็ค่อยไปเรียกเซิร์ฟเวอร์จริงต่อ

3.) ถ้าเซิร์ฟเวอร์ไม่ตอบสนองในคาบเวลาจน Cloudflare แน่ใจแล้ว่าเซิร์ฟเวอร์ล่มจริง แทนที่จะคืนค่า Error ก็ไปขอข้อมูลที่ Internet Archive มาแสดงแทน

อย่างไรก็ตาม Cloudflare จะแปะเนื้อหาไว้ว่าตอนนี้ข้อมูลที่ชมอยู่ไม่ใช่ตัวอัปเดตนะ หากต้องการก็ Refresh พยายามเรียกข้อมูลจริงได้ว่าเซิร์ฟเวอร์อาจจะกลับมาแล้ว และผู้ใช้งาน Cloudflare ก็สามารถเริ่มต้นเปิดฟีเจอร์นี้ง่ายๆ ด้วย ตามภาพประกอบด้านล่าง

สำหรับสิ่งที่ผู้ใช้ต้องแชร์ข้อมูลกับ Internet Archive ก็คือ Hostname และ URL หลัก เพื่อใช้ทำ Archive แต่สบายใจได้ว่าข้อมูลของท่านจะไม่สามารถขุดค้นได้จากตัวขุด Archive สำหรับทาง Internet Archive ก็จะได้ข้อมูลสำหรับบันทีกเพิ่มเข้ามา จะเห็นได้ว่าได้ประโยชนืกันทุกฝ่ายนั่นเอง

credit : Cloudflare

ที่มา : https://blog.cloudflare.com/cloudflares-always-online-and-the-internet-archive-team-up-to-fight-origin-errors/

from:https://www.techtalkthai.com/cloudflare-cooperate-with-internet-archive-to-serve-always-online/

คนร้ายชาวยูเครน 4 คนถูกจับฐานตั้งเว็บปลอมเทรด Cryptocurrency

ตำรวจของยูเครเข้าจับชายอายุระหว่าง 20-26 ปี 4 คนผู้ต้องสงสัยข้อหาตั้ง 6 เว็บปลอมเพื่อขโมยเงินเทรด Cryptocurrency ของเหยื่อ โดยทางตำรวจกล่าวว่า “พวกเขามีทักษะเฉพาะในด้านการเขียนโปรแกรมและสร้างระบบบริหารจัดการเนื้อหา (CMS) ขั้นมาสำหรับไซต์เหล่านั้น” คนร้ายนั้นได้ใช้วิธีการสร้างความน่าเชื่อถือของเว็บด้วยการแสดงความเห็นบนโลกออนไลน์และให้คะแนนในด้านบวก

Credit: Andrey Popov/ShutterStock

รายชื่อของเว็บไซต์ที่คาดว่าเกี่ยวข้องมี moneycraft.info, wowex.online, swapex.net, iconvex.net, likechange.biz และ myexchange.lv ทุกโดเมนหมดอายุไปแล้วในตอนนี้ แต่ข้อสังเกตคือ 4 โดเมนที่เริ่มใช้งานไปนั้นอยู่มานานพอจนถูกทำ index ใน Wayback Machine portal ด้วย(ส่วนที่ทำ Archive ของ WWW และข้อมูลอื่นๆ ในอินเทอร์เน็ต)

อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่เชื่อว่ายังคงมีอีกหลายเว็บและตอนนี้ก็เริ่มร้องขอให้เหยื่อเข้ามาแจ้งความเป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว เหตุการณ์คือตำรวจเข้าจู่โจมบ้านของผู้ต้องสงสัยพร้อมทั้งยึดคอมพิวเตอร์ แฟลชไดร์ฟ มือถือ และอุปกรณ์อื่นๆ ซึ่งตอนนี้อยู่ในระหว่างการสืบสวนเพื่อหาประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้น

ที่มา : https://www.bleepingcomputer.com/news/cryptocurrency/four-ukrainians-arrested-for-running-six-fake-cryptocurrency-exchanges/

from:https://www.techtalkthai.com/ukraine-polices-charge-4-suspect-about-fake-cryptocurrency-exchange-sites/

สู้กลับ ! 9% ของเว็บไซต์ยอดนิยมเริ่มใช้ Script เพื่อป้องกันการบล็อกโฆษณา

มีความร่วมมือจากมหาวิทยาลัย Iowa และ Califonia-Riverside ที่ออกสำรวจการใช้งาน Script เพื่อต่อต้านการบล็อกโฆษณาใน 5 ปีที่ผ่านมาพบว่า 9% ของเว็บไซต์ยอดนิยมได้เริ่มใช้งานหรือกำลังติดตั้ง Script เพื่อสู้กับ Extension ที่ใช้บล็อกโฆษณาและรักษารายได้ของเว็บที่มาจากการโฆษณาเหล่านั้น

credit : Bleeping Computer

นักวิจัยได้ศึกษา 2 โซลูชันเพื่อต่อต้านการบล็อกโฆษณาชื่อ ‘Anti-Adblock Killer List’ และ ‘Combined EasyList (ประกอบด้วย Adblock Warning Removal List กับ Anti-Adblock section ใน EasyList)’ โดยการทำงานของ Script เหล่านี้เมื่อถูกใช้งานบนเว็บไซต์มันจะคอยตรวจสอบผู้ใช้ถ้าหากมีการติดตั้ง Extension เพื่อบล็อกโฆษณามันจะแจ้งเตือนต่อผู้ใช้ให้อนุญาตการโฆษณาบนเว็บนี้โดยการปิดตัวบล็อกโฆษณาหรือทำ Whitelist สำหรับเว็บไซต์นี้

5.2% ของ 1 แสนเว็บยอดนิยมใช้ Script ต่อต้านการบล็อกโฆษณาแล้ว

นักวิจัยได้ใช้สำเนาเว็บไซต์ที่ถูกเก็บอยู่ใน Cache ของ Internet Archive’s Wayback (หน่วยงานที่ไม่แสวงหาผลกำไรที่ได้ทำการเก็บข้อมูลต่างๆ ของเว็บไซต์) ที่อยู่ใน 5 พันอันดับแรกของการจัดอันดับเว็บไซต์จาก Alexa เพื่อค้นหาการ 2 โซลูชันการต่อต้านการโฆษณา ซึ่งพบ Anti-Adblock Killer ประมาณ 8.7% และ Combined EasyList ประมาณ 0.4% ซึ่งเมื่อขยายการสำรวจต่อไปถึง 1 แสนเว็บไซต์พบว่า 5% ของเว็บไซต์มีการใช้งาน Anti-Adblock Killer และ 0.2 พบ Combined EasyList ตามลำดับ

วัตถุประสงค์การศึกษาครั้งนี้จัดทำขึ้นเพื่อเข้าใจเทรนของการใช้งานต่อต้านการบล็อกโฆษณาและจากผลการสำรวจ(ตามภาพด้านบน) พบว่ามีการใช้งาน Script เหล่านี้เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ โดยผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า 30-40% ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ใช้งานเทคโนโลยีการบล็อกโฆษณาแล้ว เนื่องจาก Browser เช่น Brave, Cliqz และ Opera ได้มีส่วนบล็อกโฆษณาติดมาตั้งแต่เริ่มต้น ขณะเดียวกันในเดือนหน้านี้ Chrome ก็จะเริ่มบล็อกโฆษณาด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ตัวบล็อกเองยังช่วยป้องกันการแอบใช้บริการขุดเหมือนผ่านทาง Coinhive, Minr, Crypto-Loot ได้ด้วย เรียกได้ว่าไม่ยอมกันเลยจริงๆ สำหรับการต่อสู้ครั้งนี้ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร

ที่มา : https://www.bleepingcomputer.com/news/technology/9-percent-of-popular-websites-use-anti-adblock-scripts/

from:https://www.techtalkthai.com/nine-percent-fight-back-adblocker-by-deployed-anti-script/