คลังเก็บป้ายกำกับ: APPLE_M1_MAX

ฮาวทูล้างเครื่อง MacBook รุ่นเก่าหรือ Apple M1 ให้สะอาดวับก่อนขายหรือส่งต่อให้ลูกหลาน อัพเดท 2022

ล้างเครื่อง MacBook ให้สะอาดก่อน แล้วค่อยส่งต่อให้คนใกล้ตัวนะ

macbook reset cover

จะโน๊ตบุ๊ค Windows ทั่วไปหรือ MacBook ก็ตาม เวลาต้องการขายหรือยกมันให้กับคนอื่นก็ควรจัดการล้างเครื่อง MacBook ให้ข้อมูลในตัวเครื่องสะอาดเรียบร้อย ไม่มีไฟล์ในเครื่องค้างเอาไว้เพื่อความปลอดภัยของเราในอนาคต เพราะถ้ายิ่งล้างข้อมูลคงค้างได้สะอาดเท่าไหร่นอกจากเราจะปลอดภัยแล้วคนที่รับเครื่องต่อจากเรานอกจากจะได้เครื่องที่ข้อมูลภายในเครื่องสะอาดเหมือนใหม่แล้วก็หาประโยชน์จากข้อมูลค้างในเครื่องไม่ได้ เรียกว่าสบายใจกันทั้งสองฝ่ายแน่นอน

Advertisementavw

กล่าวมาถึงจุดนี้ เชื่อว่าหลายคนคงจะคิดว่าถ้าจะล้างข้อมูลใน MacBook ให้เรียบร้อยก่อนยกให้หรือขายต่อก็ไม่มีอะไรมากกว่าลบไฟล์, Sign out บริการต่างๆ ที่ใช้งานอยู่ก็เพียงพอแล้ว แต่จริงๆ ถ้าต้องการให้ปลอดภัยจริงๆ จะมีขั้นตอนเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่หลายๆ คนรู้อยู่บ้าง แต่ถ้าใครไม่ทราบว่าควรทำอย่างไรบ้าง ก็สามารถทำตามในบทความนี้ได้เช่นกัน

ล้างเครื่อง MacBook

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปัจจุบันนี้ MacBook จะมีทั้งรุ่นเก่าที่ยังเป็นซีพียู Intel แบบไม่มีชิป Apple T2 หรือ MacBook แบบมีชิป Apple T2 กับรุ่นที่เป็น Apple M1 จะมีวิธีการรีเซ็ตเครื่องแตกต่างกัน ดังนั้นผู้เขียนจะขอแยกหัวข้อให้ผู้ใช้เลือกทำตามได้สะดวกดังนี้

  1. 5 ขั้นตอนล้างเครื่อง MacBook เวอร์ชั่นชิป Intel ง่ายๆ ไม่กี่ขั้นตอนก็ส่งต่อได้เลย!
  2. วิธีล้างเครื่อง MacBook รุ่นมีชิป Apple T2 หรือ Apple M1 ให้ทำตามนี้

adeolu eletu Wg7bvfDf6Ss unsplash

ส่วน MacBook รุ่นที่ติดตั้งชิป Apple T2 เอาไว้ในเครื่อง จะมีดังนี้

  1. iMac (Retina 5K, จอ 27 นิ้ว, 2020)
  2. iMac Pro
  3. Mac Pro (2019)
  4. Mac Pro (Rack, 2019)
  5. Mac mini (2018)
  6. MacBook Air (Retina, 13-inch, รุ่นปี 2018-2020)
  7. MacBook Pro (13-inch, 2020, รุ่นมีพอร์ต Thunderbolt 3 ทั้ง 2-4 ช่อง)
  8. MacBook Pro (13-inch, 2019, รุ่นมีพอร์ต Thunderbolt 3 ทั้ง 2-4 ช่อง)
  9. MacBook Pro (15-inch, 2018-2019)
  10. MacBook Pro (16-inch, 2019)

macos about this mac system report controller t2

สำหรับผู้ที่สนใจว่า MacBook หรือ Mac เครื่องที่ใช้งานอยู่มีชิป Apple T2 ติดตั้งอยู่หรือไม่ จะเช็คได้โดยกดไอคอนรูป Apple ที่มุมบนซ้ายของหน้าจอแล้วคลิกคำว่า System Information จากนั้นเลือกคำว่า Controller ที่หน้าต่างฝั่งซ้าย และถ้า MacBook หรือ Mac ของเรามีชิป Apple T2 ติดตั้งอยู่จะมีคำว่า Apple T2 chip เขียนเอาไว้ ก็ให้ทำตามขั้นตอนที่ 2 ได้เลย 

5 ขั้นตอนล้างเครื่อง MacBook เวอร์ชั่นชิป Intel ง่ายๆ ไม่กี่ขั้นตอนก็ส่งต่อได้เลย!

แบ็คอัพข้อมูลและโอนไฟล์ให้เสร็จก่อน

andrew neel ute2XAFQU2I unsplash

ในขั้นตอนนี้ ใครที่มีไฟล์งาน, ข้อมูลและภาพที่ต้องใช้งานแนะนำให้เซฟไฟล์ที่ต้องการใช้งานเอาไว้ใน External SSD/HDD ให้เรียบร้อยก่อน หรือถ้าใครซื้อ MacBook เครื่องใหม่มาแล้วจะโอนไฟล์จากเครื่องเก่ามาใช้งานในเครื่องใหม่ด้วยฟีเจอร์ Migration Assistant ใน macOS แทนก็ได้ ไม่ต้องเสียเวลาหา External Harddisk มาใช้งานอีกด้วย

Sign out จากบริการต่างๆ ให้หมด

macos monterey system preferences apple id overview

เมื่อจะนำอุปกรณ์ชิ้นไหนออกจาก Apple Ecosystem ส่วนตัวแล้ว ผู้เขียนขอย้ำให้ Sign out จาก iTunes, iCloud, iMessage ทุกครั้ง รวมถึง MacBook เครื่องที่จะส่งต่อด้วย โดยขั้นตอนการ Sign Out ของแอพฯ ทั้ง 3 จะคล้ายกัน โดยมีวิธีการดังนี้

  • Sign out จาก iTunes – เปิด iTunes จากนั้นเลือกหัวข้อ Account > Authorizations > Deauthorize This Computer จากนั้นแอพฯ จะขึ้นให้เรากรอก Apple ID และรหัสผ่าน เมื่อกรอกเสร็จแล้วให้กด Deauthorize เป็นอันเรียบร้อย แต่ถ้า MacBook เครื่องไหนอัพเดทเป็นเวอร์ชั่น macOS Catalina หรือใหม่กว่าไม่ต้อง Sign out
  • Sign out จาก iCloud – ขั้นตอนนี้จะแยกกันตามระบบปฏิบัติการ คือ
    • ถ้าอัพเดทเป็น macOS Catalina หรือใหม่กว่า ให้กดโลโก้ Apple > System Preferences > Apple ID > เลือกคำว่า Overview แล้วกด Sign Out แถบ Sidebar
    • ถ้าเป็นเวอร์ชั่นเก่าก่อน macOS Catalina ให้กดโลโก้ Apple > System Preferences > กดคำว่า iCloud > เลือก Sign Out ได้เลย โดยขั้นตอนนี้เครื่องจะถามเราว่าต้องการเซฟไฟล์ค้างเอาไว้ใน iCloud หรือไม่ ก็สามารถเลือกได้ตามสะดวกก่อนล้างเครื่อง MacBook ก็ได้
  • Sign out จาก iMessage – เปิดแอพฯ Messenger > แล้วเลือกคำว่า Messages > Preference ตรงแถบ Menu bar ด้านบน > เลือกคำว่า iMessage > เลือกคำว่า Sign Out เท่านี้เป็นอันเรียบร้อย
รีเซ็ต NVRAM ให้สะอาด ไม่ให้ใครเอาไปใช้ประโยชน์ได้

mac reset nvram

NVRAM (Non-volatile random-access memory) เป็นหน่วยความจำแบบพิเศษที่จะยังคงค้างข้อมูลเอาไว้แม้จะไม่ได้เปิดเครื่องหรือไม่มีไฟเลี้ยงก็ตาม โดยข้อมูลเหล่านี้ถ้าใครประสงค์ไม่ดีและมีความสามารถก็สามารถนำมันไปใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งเชื่อว่าหลายๆ คนที่ล้างเครื่อง MacBook อาจจะไม่ได้ทำขั้นตอนนี้อย่างแน่นอน ส่วนวิธีทำผู้เขียนขอให้ทุกคนอ่านให้เข้าใจก่อนทำตามขั้นตอนด้วย โดยมีวิธีดังนี้

  1. เมื่อทำตามขั้นตอนด้านบนแล้ว ให้สั่ง Shut down พอเครื่องดับแล้วกดเปิดเครื่องทันที
  2. เมื่อกดเปิดเครื่องแล้วให้กด Option+Command+P+R ค้างไว้ 20 วินาที เพื่อล้าง NVRAM และการตั้งค่าที่ค้างไว้ในเครื่องทิ้งไปและปรับการตั้งค่า MacBook กลับไปค่าเริ่มต้น
  3. ผู้ใช้ที่ใช้ MacBook ชิป Apple M1 ไม่ต้องทำขั้นตอนนี้
ยกเลิกการจับคู่ Bluetooth ทิ้งให้หมดนะ

remove bluetooth device mac 1 610x425 1

ขั้นตอนนี้อาจจะเป็นทางเลือกเพิ่มเติมซึ่งผู้เขียนแนะนำให้ทำ เพราะอุปกรณ์ Bluetooth แต่ละชิ้นมีปริมาณการจับคู่กับอุปกรณ์อีกชิ้นจำกัด เช่นลำโพงแบรนด์ A อาจจะเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์, สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตได้ราว 3-5 ชิ้น ซึ่งถ้ายกเลิกการเชื่อมต่อก็ช่วยเคลียร์สล็อตจับคู่ให้ลำโพงนั้นๆ ไปเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ชิ้นอื่นได้

โดยการยกเลิกการจับคู่ Bluetooth ระหว่าง MacBook, iMac กับอุปกรณ์ชิ้นนั้นๆ ให้เริ่มคลิกที่โลโก้รูป Apple > System Preferences แล้วเลือกคำว่า Bluetooth แล้วจะมีหน้าต่างเช่นในภาพที่แสดงอุปกรณ์ Bluetooth ที่เชื่อมต่อกับ MacBook เครื่องนี้อยู่ขึ้นมา ให้กดเครื่องหมายกากบาทเช่นในภาพ

remove bluetooth device mac 2 610x425 1

เมื่อกดกากบาทเสร็จแล้ว ระบบจะถามว่าเราต้องการยกเลิกการเชื่อมต่อหรือเปล่า ถ้าใช่ก็กด Remove เพื่อถอนการจับคุ่ทิ้งไปได้เลย ซึ่งวิธีนี้ก็นำไปใช้เมื่อต้องการยกเลิกการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์บางชิ้นทิ้งไปก็ได้

ลบและลง macOS ใหม่ให้เสร็จ

Prepare Your Apple Devices gear patrol ambience 2

สุดท้ายเป็นขั้นตอนการล้าง MacBook ของเราสำหรับรุ่นที่ไม่มีชิป Apple T2 ให้สะอาดเหมือนซื้อเครื่องมาใหม่ก่อนขายหรือยกให้คนใกล้ตัวเอาไปใช้งานต่อ ขั้นตอนนี้ผู้เขียนแนะนำให้ทำเมื่อทำตามขั้นตอนข้างบนทั้งหมดแล้ว โดยมีวิธีการดังนี้

เริ่มต้นให้สั่ง Shut down เครื่องทิ้งไปก่อนหรือถ้าปิดเครื่องอยู่แล้วให้กดเปิดเครื่องแล้วตามด้วยปุ่ม Command+R ค้างทันที ให้กดค้างเอาไว้จนเห็นโลโก้ Apple ติดขึ้นมาหรือมีภาพอื่นแสดงขึ้นมาบนหน้าจอ บางเครื่องอาจจะถามหารหัสผ่านของ Administrator ด้วย ให้กรอกรหัสผ่านด้วย

macos monterey recovery disk

เมื่อ MacBook โชว์หน้าต่างนี้ให้เราเห็นแล้ว ให้เลือกหัวข้อ Disk Utility แล้วกด Continue 

macos monterey recovery mode disk utility erase volume group

ในหน้า Disk Utility จะเป็นแท็บหน้าต่างพิเศษ ให้เลือกคำว่า Macintosh HD จากนั้นให้คลิกคำว่า Erase ใน Toolbar แล้วเลือกเป็น Macintosh HD เลือก Format APFS หรือ Mac OS Extended อย่างใดอย่างหนึ่ง (ผู้เขียนแนะนำ APFS สำหรับผู้ใช้ทั่วไป) จากนั้นให้กดคำว่า Erase หรือถ้าเป็น Erase Volume Group แทนก็ได้ และขั้นตอนนี้ macOS อาจจะถามหา Apple ID ให้กรอกตามปกติแล้วระบบจะเริ่มล้างเครื่อง MacBook ให้

เมื่อระบบล้างไดรฟ์จนเสร็จแล้ว ให้เลือกไดรฟ์ในเครื่อง (Internal Volume) แล้วกดคำว่า Delete Volume (-) ใน Toolbar เพื่อลบไดรฟ์ Volume นั้นทิ้งไป และปิด Disk Utility ทิ้ง ค่อยกด Reinstall macOS ในหน้า Utilities ก่อนหน้านี้แล้วทำตามขั้นตอนบนหน้าจอเพื่อติดตั้ง macOS ใหม่อีกครั้ง

วิธีล้างเครื่อง MacBook รุ่นมีชิป Apple T2 หรือ Apple M1 ให้ทำตามนี้

macos monterey system prefs menu erase all

Apple M1 หรือรุ่นมีชิป Apple T2 คอยรักษาความปลอดภัยของข้อมูลในเครื่องนั้นจะมีรายละเอียดตอนแตกต่างจากเวอร์ชั่นซีพียู Intel คนละแบบ ซึ่งคนที่แบ็คอัพเครื่องจนเสร็จตามขั้นตอนข้างต้นแล้ว ให้กดคำว่า System Preferences > Erase All Content and Settings… เพื่อเริ่มต้นกระบวนการล้างเครื่อง MacBook ได้เลย

ตอนเริ่มต้นการล้างเครื่อง MacBook ที่ใช้ชิป Apple M1 หรือมีชิป Apple T2 แล้ว macOS จะให้เรากรอกรหัสผ่านที่ใช้ล็อคอินเข้าใช้เครื่อง เมื่อกรอกเสร็จแล้วให้คลิก OK เพื่อทำขั้นตอนต่อไป

macos monterey erase all time machine backup

ตัวเครื่องจะถามเราว่าต้องการแบ็คอัพด้วยแอพฯ Time Machine ของ Apple หรือไม่ ซึ่งถ้าแบ็คอัพแล้วนำข้อมูลที่แบ็คอัพไว้ไป Restore ที่ MacBook, iMac เครื่องใหม่ก็จะทำให้การตั้งค่าทั้งหมดรวมทั้งงานที่ค้างอยู่ยังครบและอยู่ที่เดิมเหมือนก่อนที่เราจะรีเซ็ตเครื่อง

ซึ่งผู้เขียนแนะนำให้ทำ Time Machine ในกรณีที่ย้ายจาก MacBook ชิป Apple M1 ไป MacBook Pro M1 Pro/Max จะช่วยให้เราไม่ต้องตั้งค่าตัวเครื่องหรือลงโปรแกรมใหม่ให้เสียเวลาแล้วทำงานต่อได้ทันที แต่ขั้นตอนนี้เราต้องมี External Harddisk ความจุมากกว่า SSD ในเครื่องเพื่อแบ็คอัพ MacBook ของเราให้ข้อมูลอยู่ครบถ้วน

macos monterey erase all settings media data

ในหน้านี้ macOS จะแจ้งว่าระบบจะทำการลบการตั้งค่าและการยืนยันตัวตนของเราทั้งหมด ไม่ว่าจะ Apple ID, Touch ID, Apple Wallet แม้แต่การเชื่อมต่อ Bluetooth ที่เราเคยตั้งค่าเอาไว้ทิ้ง (ซึ่งสะดวกกว่ารุ่นที่เป็นซีพียู Intel ข้างต้นอย่างมาก) เมื่ออ่านรายละเอียดที่ตัวเครื่องแจ้งจะลบจนเสร็จแล้วให้กด Continue ได้เลย

macos monterey erase all content and settings

ตัวเครื่องจะถามเราซ้ำเป็นครั้งสุดท้ายว่าเราต้องการลบการตั้งค่าและข้อมูลภายในเครื่องทั้งหมดใช่หรือไม่ ถ้าใช่ให้กด “Erase All Content & Settings” เพื่อยืนยันแล้ว MacBook ของเราจะตัดเป็นหน้าจอสีดำพร้อมหลอดสีขาวแสดงการลบข้อมูลในเครื่องทิ้ง

ในกรณีเครื่องที่รีเซ็ตเป็น iMac แล้วตัวเครื่องเรียกการเชื่อมต่อ Bluetooth กับเมาส์หรือคีย์บอร์ด ให้เลื่อนเปิดสวิตช์ให้ตัวเครื่องกับอุปกรณ์นั้นๆ เชื่อมต่อกันภายใน 30 วินาทีด้วย แต่ถ้าอุปกรณ์เชื่อมต่อกันไม่สำเร็จให้เลื่อนสวิตช์ปิดไปก่อนแล้วเปิดใหม่อีกครั้งให้ iMac กับเมาส์คีย์บอร์ดจับคู่กัน

macos monterery erase all mac activated

จากนั้นตัว MacBook, iMac ของเราจะเรียกการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตเพื่อ Activate เครื่องให้พร้อมทำงานอีกครั้ง ซึ่งเราสามารถเชื่อมต่อ Wi-Fi หรือ LAN ก็ได้ ซึ่งถ้าตัวเครื่อง Activate สำเร็จเช่นในภาพตัวอย่างแล้วขึ้นคำว่า “Your Mac is activated” ให้กดคำว่า Restart เพื่อรีเซ็ตเครื่องหนึ่งครั้งเป็นอันเสร็จเรียบร้อย เมื่อบูตเครื่องเสร็จ เครื่องที่เราเพิ่งรีเซ็ตไปจะเหมือน MacBook, iMac ที่เพิ่งซื้อมาใหม่เลย ซึ่งเมื่อถึงขั้นตอนนี้ถ้าจะขายต่อก็กดดับเครื่องหรือจะส่งต่อให้คนใกล้ตัวใช้งานก็ส่งต่อให้เจ้าตัวเซ็ตอัพเครื่องตามต้องการได้เลย

dmitry chernyshov mP7aPSUm7aE unsplash

จะเห็นว่าการล้างเครื่อง MacBook ถ้าเราเข้าใจขั้นตอนและวิธีการของมันสักหน่อย เพียงไม่นานก็ล้างเครื่องได้เสร็จเรียบร้อย ยิ่งถ้าใครย้ายมาใช้ MacBook ชิป Apple SoC ยิ่งรีเซ็ตเครื่องง่ายไม่ต่างอะไรกับการรีเซ็ตสมาร์ทโฟนสักเครื่องเลย เมื่อล้างเสร็จก็พร้อมส่งต่อให้คนใกล้ตัวได้ใช้งานต่อหรือจะขายหลังอัพเกรด MacBook เป็นรุ่นที่ประสิทธิภาพดีกว่าเดิมเพื่อหักกลบลบหนี้ก็ดี

แต่อย่างไรก็ตามไม่ว่า MacBook ของผู้อ่านจะเป็นสเปคใดใช้วิธีไหน ผู้เขียนแนะนำให้แบ็คอัพข้อมูลให้ครบไม่ว่าจะวิธีย้ายไฟล์หรือใช้ Time Machine เพื่อให้ทำงานได้ต่อเนื่องไม่ขาดตอนหรือพลาดแล้วข้อมูลสำคัญหาย จะได้ไม่ลำบากกู้ไฟล์หรือต้องนั่งทำเอกสารหรืองานนั้นใหม่อีกครั้ง


บทความที่เกี่ยวข้อง

macbook gaming cover

mac cover

macbook student cover

from:https://notebookspec.com/web/636688-5-step-to-clean-your-macbook

MacBook เล่นเกมได้ไหม รวม 7 เกมเล่นเพลินไม่ต้องง้อ Windows อัพเดท 2022

MacBook เล่นเกมได้ไหมเป็นคำถามสุดคลาสสิค ซึ่งถ้าเมื่อก่อนก็คงจะมีแต่คนตอบว่าไม่ แต่ในปัจจุบันไม่ใช่แบบนั้นอีกแล้ว

macbook gaming cover

“MacBook เล่นเกมได้ไหม” จัดเป็นคำถามสุดคลาสสิคที่คนเก่งคอมพิวเตอร์มักโดนเพื่อนและคนใกล้ตัวถามเป็นประจำ อาจจะเพราะว่าคนถามนั้นใช้ MacBook ทำงานเป็นหลักเนื่องจากซอฟท์แวร์ที่ติดตั้งมาใน macOS เอื้อการทำงานกว่าหรือเพราะชอบดีไซน์ตัวเครื่องที่สวยเรียบหรูแต่ลืมคำนึงถึงการใช้งานของตัวเองว่านอกจากงานแล้วก็อยากจะเล่นเกมด้วย แต่ก่อนจะรู้สึกตัว เจ้า MacBook รุ่นใหม่ชิป Apple M1 ก็มาวางอยู่ตรงหน้าเสียแล้ว

Advertisementavw

ซึ่งคำตอบของคำถามนั้นถ้าตัดบทเสียง่ายๆ คือ “เล่นได้แล้วแต่ไม่ทุกเกม ขึ้นอยู่กับผู้พัฒนาเกมจะพอร์ตเกมของตัวเองมาให้เล่นใน macOS หรือเปล่า” ซึ่งในอดีตนั้นต้องถือว่ามีผู้ผลิตเพียงไม่กี่รายเท่านั้นที่ยอมพอร์ตเกมของตัวเองมาในระบบปฏิบัติการนี้ แต่ผิดกับยุค Apple Silicon ที่ตัวชิปนั้นได้รับการพัฒนาให้ประสิทธิภาพสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดรวมทั้งมีผู้ใช้มากขึ้นเรื่อยๆ ด้วย ทำให้คนทำงานที่อยากเล่นเกมสนุกๆ เหมือนฝั่ง Windows บ้างก็ไม่ต้องทนหรือต้องยอมประกอบพีซีแยกอีกเครื่องอีกต่อไปแล้ว

MacBook เล่นเกมได้ไหม

คำถามสุดคลาสสิคข้ามยุคสมัย “MacBook เล่นเกมได้ไหม”

controller

อันที่จริง MacBook นั้นสามารถเล่นเกมได้อยู่แล้วแต่ไม่ได้เล่นใน Mac OS X หรือ macOS โดยตรง แต่ต้องพึ่ง Windows Boot Camp Assistant ที่เป็นซอฟท์แวร์ช่วยให้ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 7, 10 ใน MacBook ของเราได้แล้วติดตั้งเกมในนั้นแทน ซึ่งถ้า SSD ของเรามีพื้นที่มากพอก็ยังติดตั้งเกมลงไปเล่นได้ แต่ถ้าพื้นที่ในเครื่องก็น้อยอยู่แล้วและต้องเก็บไฟล์งานไว้ในเครื่องด้วย ก็อาจจะต้องนั่งกลุ้มคอยลบเกมเก่าเอาเกมใหม่เข้าวนไปเรื่อยๆ อย่างนั้น ซึ่งบางคนอาจจะพอยอมรับได้แต่ถ้าเป็นฮาร์ดคอร์เกมเมอร์อาจจะไม่ชอบเท่าไหร่

ดังนั้นคนที่คิดว่าจะเล่นเกมและใช้ MacBook ทำงานด้วย อย่างแรกหลังจากเลือก MacBook รุ่นที่ต้องการใช้งานแล้ว ผู้เขียนแนะนำให้เพิ่มความจุ SSD ไประดับ 512GB ขึ้นไป เผื่อพื้นที่เอาไว้ใช้งานเลยจะทำให้ชีวิตสะดวกขึ้นอย่างแน่นอน

เชื่อว่าอยากรู้! ว่า MacBook เล่นเกมได้ไหม มาดูประสิทธิภาพของ Apple Silicon กันก่อนว่าแรงเบอร์ไหน

เมื่อ Apple ไม่ได้ใช้ซีพียู Intel และการ์ดจอ NVIDIA เหมือนในอดีตอีกแล้ว แต่ย้ายมาใช้ Apple M1, M1 Pro, M1 Max ซึ่งเป็น Apple SoC แบบรวมซีพียู, จีพียูและ Unified Memory หรือหน่วยความจำแบบรวมให้ตัวเครื่องและการ์ดจอได้ดึงมาใช้งานอย่างอิสระ แต่ประสิทธิภาพจะดีขนาดไหนนั้น ทาง YouTuber ต่างประเทศหลายๆ เจ้าก็นำ MacBook ไปทดสอบเล่นเกมดู ว่าประสิทธิภาพตอนเล่นเกมจะดีแค่ไหน

เจ้าแรกอย่าง Tyler Stalman ที่นำ MacBook ชิป Apple M1 มาทดลองเล่นเกมต่างๆ ดูแล้ว จะเห็นว่าเกมแนว 2D ต่างๆ เช่น Kingdom Rush (มีให้โหลดใน Steam, App Store), Untitled Goose Game (มีให้โหลดใน Steam, Epic Games, Itch), Dead Cells (มีให้โหลดใน Steam) สามารถเปิดเล่นได้ไหลลื่นไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน ถัดมาที่เกม 2.5D (ฉากเป็นกึ่ง 3 มิติ กับตัวละคร 3 มิติ) อย่าง Hades (มีให้โหลดใน Steam, Epic Games, Nintendo Switch, PlayStation Store) หรือเกม 3D อย่าง Firewatch กับ Inside (มีให้โหลดใน App Store, Steam, Epic Games) เองก็เปิดเล่นได้ไหลลื่น ซึ่ง MacBook Air, MacBook Pro ก็ลบข้อกังขาแรกว่า MacBook เล่นเกมได้ไหมไปได้อย่างสวยงาม

ถัดมาที่ชิบตัวแรงสองรุ่นใหม่อย่าง M1 Pro, M1 Max ที่ Andrew Tsai นำมาทดสอบกับเกม 3D เต็มตัวอย่าง Shadow of the Tomb Raider (ปรับกราฟฟิค Highest ความละเอียดหน้าจอ 1080p) ก็เล่นเกมนี้ได้ดีทีเดียว โดยได้เฟรมเรทราว 40-75 Fps ขึ้นอยู่กับชิปว่าเป็นรุ่นไหน แต่จะเห็นว่า Apple M1 นั้นทำเฟรมเรทได้ไม่สูงมากนักซึ่งผู้เขียนคิดว่าถ้าปรับกราฟฟิคลงมาระดับกลางน่าจะช่วยเพิ่มเฟรมเรทให้เล่นได้ลื่นไหลต่อเนื่องขึ้นแน่นอน

ด้าน Deus Ex: Mankind Divided เกมระดับ AAA ที่กราฟฟิคสวยงามเมื่อปรับกราฟฟิคระดับ Ultra แล้ว จะเห็นว่าชิป Apple M1 เองก็ยังรันเกมได้ราว 15 Fps เท่านั้น ส่วน M1 Pro ไม่ว่าจะรุ่นจีพียู 14 หรือ 16 คอร์ก็รันได้ราว 33-36 Fps เท่านั้น ส่วน M1 Max ที่จีพียูเพิ่มขึ้นเป็น 32 คอร์แล้ว จะรันได้ 58 Fps เป็นการการันตีว่า Apple SoC รุ่นใหม่นั้นทรงประสิทธิภาพมาก

แต่จุดสังเกตใหญ่ที่ไม่ควรมองข้ามคือ เมื่อรันเกม Sleeping Dogs: Definitive Edition ปรับกราฟฟิค Extreme แล้ว จะเห็นว่าแม้แต่ M1 Max เองก็ยังหืดขึ้นคอ รีดเฟรมเรทได้ 27 Fps ซึ่งยังอยู่ในระดับเล่นได้เท่านั้น แต่เมื่อต้องเรนเดอร์ฉากที่มีป้ายไฟเยอะๆ แล้วต้องเรนเดอร์อย่างรวดเร็วต่อเนื่องจะยังทำงานได้ไม่ดีนัก แต่ Andrew Tsai ให้ความเห็นว่าตัวเกม Sleeping Dogs นั้นพอร์ตมา macOS ได้ไม่ดีเท่าไหร่ ซึ่งถ้าทีมพัฒนาปรับแต่งให้ดีกว่านี้น่าจะพอช่วยได้

ดังนั้นเมื่อเห็นประสิทธิภาพของชิป Apple M1, M1 Pro, M1 Max เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็เชื่อว่าผู้อ่านหลายๆ คนน่าจะคลายความสงสัยว่า MacBook เล่นเกมได้ไหมไปบ้างแล้วและได้รู้ประสิทธิภาพของจีพียูในชิปทั้ง 3 รุ่นด้วย ว่าประสิทธิภาพของมันสามารถรันเกมไปได้ระดับไหน

Apple Arcade ตัวเลือกใหม่ของ Apple ให้เล่นเกมใน MacBook ได้เลย แต่จ่ายค่าบริการรายเดือนแทน

arcade

อย่างไรก็ตามเหมือน Apple เองก็รู้ว่าลูกค้าผู้ชื่นชอบและอุดหนุน MacBook ไปใช้งานไม่ได้จะนั่งทำงานหรือเปิดคอมพ์ของตัวเองมานั่งดูหนังอย่างเดียว แต่ก็มีคนรักการเล่นเกมด้วย เลยเกิดเป็น Apple Arcade บริการใหม่ที่รวมเกมที่มีใน App Store มาให้เล่นได้อย่างสนุกสนาน

ข้อดีของ Apple Arcade คือ ไม่มีโฆษณา, In-app purchase มารบกวนตอนเล่นเกมและแชร์เกมนั้นๆ ให้เล่นกันในครอบครัวได้เลย โดยรวมอยู่ในการตั้งค่า Family ของ Apple ID ของเรานั่นเอง นอกจากนี้เกมที่โหลดจาก Apple Arcade มาก็เปิดเล่นใน iPhone, iPad, Apple TV, MacBook ได้เลย โดยคิดค่าบริการเดือนละ 99 บาทเท่านั้น สั่งจ่ายค่าบริการได้ด้วย TrueMoney Wallet, สั่งรวมกับค่าบริการโทรศัพท์มือถือรายเดือนอย่าง AIS, Dtac, Truemove H หรือจะสั่งตัดบัตรเดบิตหรือเครดิตก็ได้ เรียกว่าสะดวกเป็นอย่างมาก

917207de454e34917a56c86a563d1ae0

สำหรับการโหลดเกมจาก Apple Arcade มาติดตั้งใน MacBook สามารถโหลดจาก App Store มาติดตั้งในเครื่องได้เหมือนแอพฯ อื่นๆ แต่จะแยกหมวดหมู่เอาไว้ โดยวิธีดูคือให้ดูแถบด้านข้างแล้วเลือกคำว่า Arcade ก่อน จากนั้นเลือกเกมที่ต้องการแล้วกดคำว่า Get จากนั้นก็รอเครื่องโหลดและติดตั้งจนเสร็จก็เปิดเกมมาเล่นได้เลย และข้อดีคือเกม Apple Arcade แทบทุกเกมสามารถใช้จอยคอนโทรลเลอร์ของ PlayStation 4 ควบคุมตัวละครได้ด้วย

เปิด Steam แล้วรู้เลยว่า MacBook เล่นเกมได้ไหม

steam search

 

ด้านเกมเมอร์ที่ใช้ MacBook เล่นเกม ก็เชื่อว่าแพลตฟอร์มขายเกมแรกที่นึกถึงเป็นเจ้าแรกก็คงจะไม่พ้น Steam อย่างแน่นอน ซึ่งตอนนี้ถ้าเราค้นหาในแอพฯ หรือหน้าเว็บไซต์ก็ตามโดยพิมพ์คำว่า macOS เข้าไปแล้ว จะมีเกมที่รองรับ MacBook มาให้ซื้อและโหลดไปเล่นได้ด้วย ซึ่งเมื่อเราพิมพ์คำว่า “macOS” เข้าไปในช่องค้นหาหมายเลข 1 แล้วสังเกตที่รายชื่อเกมที่รองรับ macOS ในกรอบที่ 2 ถ้ามีโลโก้ของ Apple ก็สามารถเล่นใน MacBook ได้แน่นอน

ส่วนเลข 3 และ 4 จะเป็นฟิลเตอร์กรองการค้นหาว่าเราต้องการหาอะไรบ้าง ซึ่งผู้เขียนเลือกในช่องที่เป็น Games และ macOS เท่านั้นเพื่อให้ Steam เลือกแต่เกมที่รองรับ macOS ขึ้นมาอย่างเดียว ซึ่งตรงนี้จะมีเกมระดับหนึ่งเลยแต่ผู้เขียนสังเกตว่าหลายๆ เกมจะยังไม่ได้โดนค้นขึ้นมาโชว์ด้านหน้านี้ 

steam2

ซึ่งวิธีดูอีกวิธี คือการพิมพ์ชื่อเกมที่เราสนใจแล้วเปิดดูตรงๆ ที่ System requirement ที่อยู่แถบด้านล่าง ว่าเกมนั้นมีแท็บของ macOS หรือเปล่า ถ้ามีก็แสดงว่าเล่นได้และผู้พัฒนาจัดการพอร์ตเกมนั้นมาให้เล่นใน macOS ได้ ถ้าดูแล้วเห็นว่าสเปคของเราผ่านทั้งหมดก็ซื้อเกมนั้นมาเล่นได้เลย แต่อย่างไรก็ตามผู้เขียนแนะนำให้ดูข้อมูลจาก YouTuber ต่างประเทศเพิ่มเติมด้วยว่าเกมนั้นๆ ที่เราอยากเล่นเมื่อพอร์ตมาแล้ว MacBook เล่นเกมได้ไหมแล้วลื่นหรือเปล่า ถ้าเล่นได้ลื่นดีไม่มีปัญหาก็ซื้อเกมมาเล่นได้เลย

อีกจุดหนึ่งที่ผู้เขียนก็สงสัยอยากรู้คือ MacBook เล่น Genshin Impact ได้ไหม ซึ่งจากที่ดูและเก็บข้อมูลจากหลายๆ แหล่ง ผู้เขียนขอสรุปว่า “MacBook เล่น Genshin Impact ได้แต่เป็นทางอ้อม ไม่ได้พอร์ตโดยตรงจากทางผู้พัฒนาเอง” กล่าวคือต้องใช้ซอฟท์แวร์ 3rd party เข้ามาช่วย (ซึ่งจะไม่ขอกล่าวถึงในบทความนี้) ให้รันและเล่นได้เหมือนเกมอื่น ดังนั้นผู้เขียนแนะนำว่าให้เราเปิดเล่นใน iPhone, iPad ไปก่อนจนกว่าทาง miHoYo จะพอร์ตตัวเกมและมี Lanucher อย่างเป็นทางการจะดีกว่า

7 เกมเล่นเพลินบน MacBook ชิป Apple M1 ทุกรุ่น ไม่ต้องง้อลง Windows!

เมื่อรู้แล้วว่า MacBook เล่นเกมได้ไหม แต่ไม่รู้ว่าจะเล่นเกมอะไรดี ผู้เขียนก็มีเกมที่น่าสนใจทั้งหมด 7 เกมที่หาซื้อใน Steam ได้ เล่นได้ลื่นมาให้เลือกเล่นกัน ได้แก่

  1. Subnautica, Subnautica: Below Zero
  2. Shadow of the Tomb Raider: Definitive Edition
  3. DiRT Rally
  4. Dead Cells
  5. Hades
  6. Total War: ROME REMASTERED
  7. Untitled Goose Game
1. Subnautica, Subnautica: Below Zero

Subnautica  เป็นเกมแนว Action-adventure, Survival แบบเล่นคนเดียวและเป็นเกมแบบ Open World ให้ผู้เล่นรับบทเป็น Ryley Robinson ออกสำรวจพื้นที่ต่างๆ ใต้มหาสมุทรของดาวมหาสมุทร 4546B โดยเกมจะให้เราทำเควสท์เพื่อปลดเนื้อเรื่องไปเรื่อยๆ ซึ่งตัวเกมนี้จะเลือกเล่าเรื่องผ่านทางไอเทมและเอกสารต่างๆ ภายในตัวเกมคล้ายกับเกมแนว Dark Souls ดังนั้นถ้าใครอยากสนุกแบบตะลุยใต้น้ำเล่นเควสท์ไปเรื่อยๆ ก็ได้ หรือถ้าอยากรู้เรื่องโดยละเอียดก็แนะนำให้อ่านเอกสารประกอบ และเลือกเล่นได้ 4 โหมดด้วยกัน คือ Survival mode, Freedom mode, Hardcore mode, Creative mode และมีภาคสองคือ Subnautica: Below Zero ต้องถือว่าเป็นเกมสนุกๆ เกมหนึ่งที่ผู้เขียนเลือกมาแนะนำกัน

สเปคของ MacBook
CPU Intel Core i7 หรือมี 4 คอร์ขึ้นไป
Graphics AMD Radeon R9 M395 หรือดีกว่า
RAM 8GB
Storage 15GB
OS OS X 10.13 High Sierra หรือใหม่กว่า
2. Shadow of the Tomb Raider: Definitive Edition

สำหรับเกม AAA ที่แก้ข้อกังขาว่า MacBook เล่นเกมได้ไหมที่ผู้เขียนแนะนำคือ Shadow of the Tomb Raider: Definitive Edition ภาค 3 ของไตรภาครีบูตโดย Square Enix พัฒนาโดยสตูดิโอ Eidos-Motreal เป็นเกม Action-adventure ที่ถูกพอร์ตไปหลากหลายแพลตฟอร์ม รวมถึง macOS ด้วย โดยภาคนี้ลาร่า ครอฟท์จะต้องตะลุยอารยธรรมชนเผ่ามายัน ซึ่งตัวเกมนั้นได้รับการพอร์ตมาดีทีเดียว ทำให้ภาพไหลลื่นแม้จะเล่นบน MacBook ชิป M1 ธรรมดาก็ตาม และเวอร์ชั่น Definitive Edition ที่เลือกมาแนะนำจะมัดรวมไตรภาครีบูตและแพ็คเกจ Shadow of the Tomb Raider: Definitive Upgrade มาให้ด้วย แต่ข้อสังเกตคือมีแต่ภาค 3 เท่านั้นที่พอร์ตมาให้เล่นใน macOS แต่สองภาคแรกไม่ได้พอร์ตมา แต่ผู้เขียนก็สามารถพูดได้เลยว่าเล่นภาค 3 ไปเลยก็ได้ ขอแค่เข้าใจว่าลาร่า ครอฟท์ เป็นนักผจญภัยที่ตะลุยอารยธรรมโบราณเท่านั้นก็พอ

สเปคของ MacBook
CPU Intel Core i5 ความเร็ว 2GHz ขึ้นไป
Graphics AMD Radeon R9 M290 หรือดีกว่า
RAM 8GB
Storage 40GB
OS macOS 10.15 หรือใหม่กว่า
3. DiRT Rally

ถ้าคิดว่า MacBook เล่นเกมได้ไหม อยากเล่นเกมแนวเรซซิ่งวิ่งทางฝุ่นสักหน่อย DiRT Rally เป็นเกมที่สนุกตอบโจทย์เกมเมอร์อย่างแน่นอน โดย DiRT Rally พัฒนาโดย Codemasters แต่เวอร์ชั่น macOS พัฒนาโดย Feral Interactive บริษัทผู้พอร์ตเกมดังมา macOS และระบบปฏิบัติการในเครือ Apple ได้เป็นอย่างดี เป็นเกมแนว Racing simulation เป็นเกมแบบเล่นคนเดียวก็ได้หรือเล่นแข่งกับเพื่อนแบบ Multiplayer ก็สนุกไม่แพ้กัน โดยเกมเมอร์สามารถเลือกด่านที่ต้องการเล่นและค่อยๆ ไล่เอาชนะปลดล็อครถรุ่นในตำนานหลายๆ รุ่นไม่ว่าจะ Subaru Impreza WRX, Lancia Delta Integrale, Mitsubishi Lancer Evolution ฯลฯ มาแข่งได้ด้วย ถ้าใครชอบแข่งทางฝุ่นล่ะก็ นี่เป็นเกมสนุกอีกเกมทีเดียวและชิป Apple M1 ก็เล่นเกมนี้ได้แล้ว

สเปคของ MacBook
CPU Intel Core i3 ความเร็ว 1.8GHz ขึ้นไป
Graphics NVIDIA GeForce GT 650M / AMD Radeon M290 / Intel HD 4000 หรือดีกว่า
RAM 8GB
Storage 48GB
OS Mac OS 10.13 หรือใหม่กว่า
4. Dead Cells

Dead Cells เรียกว่าเป็นเกมที่เพิ่งเปิดตัวมาไม่นานนี้ พัฒนาโดย Motion Twin มีให้เล่นใน MacBook และระบบ iOS อีกด้วย โดยเกมเป็นสไตล์ Roguelike ที่เป็นเกมตะลุยดันเจี้ยนแบบตายแล้วต้องเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่ต้นและ Metroidvania แบบมุมมองด้านข้าง (Sidescrolling) แนวเขาวงกตที่ต้องจดจำเส้นทางและหาทางออกให้ได้ ซึ่งถ้าหาทางผ่านหรือเข้าพื้นที่พิเศษได้ก็จะได้ไอเทมหรือพลังใหม่เพิ่ม ซึ่ง Dead Cells จะให้เรารับบทเป็นนักโทษที่หาทางออกจากเกาะไร้ชื่อแห่งนี้ มีภูมิหลังเนื้อเรื่องให้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งถ้าใครอยากรู้เนื้อเรื่องว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ต้องหาอ่านข้อมูลจากฉากและส่วนประกอบอื่นๆ แทน ซึ่งถ้าใครชอบเกมสนุกและยากสักหน่อย ก็แนะนำให้ดูเกมนี้ไว้ได้เลย

สเปคของ MacBook
CPU
(แต่แจ้งหน้าสเปคว่าเป็น MacBook ที่เปิดตัวหลังปี 2012 เป็นต้นไป)
Graphics OpenGL 3.2+
RAM 4GB
Storage 500MB
OS Mac OS 10.9 Mavericks หรือใหม่กว่า
5. Hades

Hades เป็นอีกเกมเบาๆ ไม่กินสเปคเครื่องจนไม่ต้องถามว่า MacBook เล่นเกมได้ไหม โดยตัวเกมเป็น Roguelike ผสมกับ Action RPG พัฒนาโดย Supergiant Games โดยเราต้องรับบทเป็นเจ้าชาย Zagreus ลูกชายของเจ้านรก Hades ที่ต้องการหนีจากนรกไปยังยอดเขาโอลิมปัส โดยระหว่างทางจะต้องฝ่าฟันกับลูกสมุนของพ่อที่ต้องการขวางทางไม่ให้เรา ซึ่งหน้าที่เราคือคุมให้ Zagreus สู้และฝ่าฟันไปเรื่อยๆ โดยไม่ตาย ไม่อย่างนั้นจะต้องกลับมาเริ่มต้นจากศูนย์ที่โถงนรกแล้วโดนเจ้านรก Hades แซวเล่นอีกครั้ง ซึ่งผู้เขียนเองก็เล่นเกมนี้อยู่และชื่นชอบมาก ส่วนตัวแนะนำสำหรับเกมเมอร์ที่อยากได้เกมสนุกๆ ไว้เล่นยาวๆ บน MacBook ของตัวเองมาก

สเปคของ MacBook
CPU แบบ Quad-core ความเร็ว 3 GHz ขึ้นไป
Graphics Intel UHD 630 หรือดีกว่า
RAM 8GB
Storage 20GB
OS Mac OS 10.14 หรือใหม่กว่า
6. Total War: ROME REMASTERED

 

Total War: ROME REMASTERED เป็นเกมเก่าแต่ยังเก๋า เหมาะกับคนที่รู้แล้วว่า MacBook เล่นเกมได้ไหมและชอบเกมวางแผนแบบ Turn-based, RTS ซึ่งเป็นอีกภาคที่สร้างชื่อให้ซีรี่ส์ total War ทีเดียว โดยตัวเกมดั้งเดิมพัฒนาโดย Creative Assembly แล้วพอร์ตมา macOS และระบบปฏิบัติการในเครือ Apple โดย Feral Interactive ซึ่งเรามีหน้าที่คุมกองทัพโรมันบุกยึดเมืองต่างๆ โดยตัวเกมจะมีระบบนโยบายการเมืองและการต่อสู้ผสมกัน ทำให้เกมนี้มีเสน่ห์และสนุกไม่เหมือนกับเกมอื่นๆ โดยภาค REMASTERED จะรองรับความละเอียดสูงสุด 4K ทีเดียว ซึ่งถ้าใครชอบเกมแนววางแผนก็แนะนำให้ซื้อเกมนี้มาเล่นได้เลย หรือถ้าใครต้องการเล่นใน iPhone, iPad ก็โหลดจาก App Store ได้เลย

สเปคของ MacBook
CPU Intel Core i3-4130 3.4GHz หรือดีกว่า
Graphics AMD Radeon R9 M290

Intel Iris Graphics 540

Apple M1 

RAM 8GB
Storage 45GB
OS macOS 11 Big Sur หรือใหม่กว่า
7. Untitled Goose Game

ใครชอบเล่นเกมปั่นๆ แกล้งคนเอาสนุกคนเดียวหรือกับเพื่อนก็ได้แนะนำให้ซื้อ Untitled Goose Game เกมห่านตัวป่วนแกล้งคนไปเรื่อย โดยตัวเกมเป็นแนว Puzzle ผสม Stealth พัฒนาโดย House House ซึ่งเราสามารถเล่นคนเดียวหรือจะเล่นคู่กับเพื่อนก็ได้เช่นกัน เรียกว่าเป็นอีกเกมสนุกคลายเครียดคู่กับเพื่อนได้เลย โดยตัวเกมจะมีภารกิจให้แกล้งคนตามย่านต่างๆ ในตัวเมือง ส่วนวิธีการแกล้งก็อยู่ที่ความสร้างสรรค์ของเราได้เลยว่าจะเล่นแบบไหนอย่างไร ถ้าใครชอบเล่นเกมกับเพื่อนหรือชอบเกมพัซเซิลที่สร้างเสียงหัวเราะได้อย่างสนุกสนานก็แนะนำให้ซื้อเกมนี้ไปเล่นได้เลย

สเปคของ MacBook
CPU ต้องการซีพียูแบบ 64-bit ซึ่ง Apple M1 เล่นได้แน่นอน
(คาดว่าน้อยมากเพราะใช้ Unity Engine พัฒนาเกม)
Graphics (คาดว่าน้อยมากเพราะใช้ Unity Engine พัฒนาเกม)
RAM (คาดว่าน้อยมากเพราะใช้ Unity Engine พัฒนาเกม)
Storage 833MB
OS macOS 10.12 หรือใหม่กว่า

hello lightbulb XC3fq ffXRI unsplash

จากบทความนี้ก็น่าจะตอบคำถามคาใจใครหลายๆ คนได้แล้วว่า MacBook เล่นเกมได้ไหม และตอบคำถามเผื่อด้วยว่าชิป Apple M1 ทั้ง 3 รุ่นนั้นประสิทธิภาพตอนเล่นเกมดีหรือเปล่า ซึ่งคำตอบคือสามารถเล่นได้ดีและลื่นไหลอย่างแน่นอน ซึ่งถ้าใครต้องซื้อ MacBook มาทำงานแล้วไม่อยากซื้อเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คหรือประกอบพีซีเพิ่มและเล่นเกมแค่นิดๆ หน่อยๆ พอแก้เบื่อเท่านั้น ส่วนตัวผู้เขียนก็มองว่า MacBook ก็เล่นเกมได้ระดับหนึ่งทีเดียว

นอกจากนี้ผู้เขียนยังเชื่อว่าในอนาคตเนื่องจากมีผู้ใช้ย้ายมาใช้งาน Apple MacBook และผลิตภัณฑ์ Apple Ecosystem มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งคนกลุ่มนี้ก็ไม่ได้เน้นเล่นเกมอะไรมาก ก็น่าจะทำให้ผู้พัฒนาเกมหลายๆ เจ้าพากันพอร์ตเกมของตัวเองที่เป็นเกมอินดี้และเกมใหม่ๆ มาให้เล่นใน MacBook อย่างแน่นอน รวมทั้งมี Apple Arcade หนุนหลังอีกชั้น อย่างไรก็น่าจะช่วยเสริมส่วนของการเล่นเกมได้ดีขึ้น แต่ถ้าเป็นฮาร์ดคอร์เกมเมอร์เช่นผู้เขียนนั้นส่วนตัวจะแนะนำให้ซื้อ MacBook ไว้เน้นทำงานสักเครื่องแล้วแยกประกอบเกมมิ่งพีซีไปเลย จะได้เล่นเกมได้เต็มอรรถรส ปรับกราฟฟิคได้เต็มที่ด้วย


บทความที่เกี่ยวข้อง

macbook air vs pro

macbook pro cover

rpg cover

from:https://notebookspec.com/web/630100-7-playable-game-on-macos

MacBook รุ่นไหนดี จะ M1 ธรรมดา Pro หรือ Max ถึงจะตอบโจทย์? เลือกรุ่นไหนให้คุ้มเงินของเรา? อัพเดท 2022

MacBook รุ่นไหนดีในปี 2022 ที่อัพเดทเป็นชิป Apple SoC จนหมดแล้ว เรื่องแรงไม่ต้องสืบ มาสืบว่ารุ่นไหนคุ้มกว่าดีกว่า

mac cover

เชื่อว่าผู้ใช้หลายๆ คนเมื่อดูหน้าเว็บไซต์ของ Apple แล้วก็คงจะสงสัยว่าจะซื้อ MacBook รุ่นไหนดีในปัจจุบันนี้ที่โน๊ตบุ๊คของทางบริษัททุกรุ่นรวมไปจนถึง Mac Mini, iMac พากันเปลี่ยนมาใช้ชิป Apple M1, M1 Pro, M1 Max ที่ทางบริษัทออกแบบเองจนหมดแล้ว และประสิทธิภาพตอนทำงานและการจัดการพลังงานต้องถือว่าทั้งสื่อและผู้ใช้ทั่วไปก็ซูฮกไปตามกันจากการใช้งานจริงต่อเนื่องได้หลายชั่วโมงจนถึงเป็นวัน และจะงานทั่วไปอย่างเข้าเว็บไซต์หรือไปจนตัดต่อแต่งภาพก็ทำได้สบายๆ อย่างแน่นอน

Advertisementavw

แต่พอไปถึงหน้าร้านหรือเปิดหน้าเว็บไซต์ขึ้นมา เชื่อว่าผู้ใช้หลายๆ คนก็สงสัยไปตามๆ กันว่าสุดท้ายแล้วจะ MacBook Air ใช้งานทั่วๆ ไป ที่เป็นชิป Apple M1 ก็พอหรือจะไป MacBook Pro ให้มีพัดลมระบายความร้อนเพิ่มมากสักหน่อยจะดีกว่า? แล้วเห็นชิป M1 Pro, M1 Max เขาว่าแรง เขาว่าทำงานลื่น ทรงพลังกว่า M1 ธรรมดาอย่างนี้จะจ่ายเพิ่มซื้อตัวแรงมาใช้เลยดีไหมจะได้ใช้งานได้หลายๆ ปีไปเลย? ซึ่งถ้าใครกำลังตั้งคำถามอยู่ว่าจะขึ้นปี 2022 แล้วทั้งทีจะซื้อ MacBook รุ่นไหนดี ในบทความนี้เราจะมาไล่ดูกันว่า Apple มี MacBook รุ่นไหนขายอยู่แล้วมันเหมาะกับการใช้งานแบบไหนบ้าง?

MacBook รุ่นไหนดี

ถ้าถามว่าจะซื้อ MacBook รุ่นไหนดี ต้องถามว่าใช้ทำงานอะไรบ้าง?

pexels buro millennial 1438081

อย่างที่ผู้เขียนมักกล่าวเป็นประจำไม่ว่าจะใน Buyer’s Guide หรือบทความ “MacBook Air vs Pro รุ่นไหนเวิร์ค ซื้อ Apple M1 ไปเลยดีไหม?” ที่เปิดให้อ่านไปเมื่อต้นปีตั้งแต่ Apple เพิ่งเปิดตัวชิป Apple M1 ใหม่ๆ ผสมไลน์อัพกับ Intel x86 อยู่ว่า ก่อนจะซื้อโน๊ตบุ๊คสักเครื่องไม่ว่าจะรุ่นใดก็ตาม คือ “ผู้อ่านจะเอาเครื่องนั้นไปทำอะไรบ้าง?นี่คือคำถามแรกก่อนซื้อที่ควรคำนึงถึงเสมอ ไม่ว่าจะซื้อโน๊ตบุ๊คทั่วไปหรือกำลังคิดว่าจะซื้อ MacBook รุ่นไหนดี และจากงานเปิดตัว MacBook Pro ชิป Apple M1 Pro, M1 Max จะเห็นว่าประสิทธิภาพของชิป Apple ทั้ง 2 รุ่นใหม่นั้นสามารถรันงานหนักระดับงานโปรดักชั่นเฮ้าส์ได้อย่างแน่นอน และหากแบ่งเกรดของชิป Apple Silicon ตามทรรศนะของผู้เขียนจะจำกัดความประสิทธิภาพของชิปทั้ง 3 รุ่นโดยคร่าวๆ ดังนี้

  1. Apple M1 – สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป ทำงานเอกสาร, ติดต่องานและใช้งานแบบ Web based application, ตัดต่อคลิป, แต่งภาพเป็นหลัก เหมาะกับพนักงานบริษัท, นักเรียนนักศึกษา อาจจะรวมไปถึงช่างภาพฟรีแลนซ์ที่ต้องการใช้ MacBook เพราะความสะดวกและเสถียร ซึ่งประสิทธิภาพการทำงานของชิปนี้สามารถทำได้ไหลลื่นไม่มีปัญหา
  2. Apple M1 Pro – สำหรับผู้ใช้ที่ทำงานสายโปรดักชั่นและงานครีเอทีฟต่างๆ รวมไปถึงช่างกล้องมืออาชีพที่ต้องการชิปประสิทธิภาพดีประมวลผลได้ไว เพราะรุ่นซีพียู 10 คอร์ จีพียู 14-16 คอร์ ถือว่าทำงานได้ดี ใช้ Adobe Lightroom ได้อย่างลื่นไหลและตัดต่อวิดีโอได้ดี อย่าง YouTuber ระดับเทิร์นโปรก็เหมาะกับ MacBook Pro ที่ใช้ชิปนี้เพราะตัวชิปสามารถ Process คลิปให้เสร็จได้อย่างรวดเร็ว
  3. Apple M1 Max – รุ่นสูงสุดที่มีจีพียู 32 คอร์ ประสิทธิภาพสูงพร้อมตัวถอดรหัสคลิปวิดีโอที่ถ่ายเป็นคลิป 8K H.265 ได้ดี ช่วยให้ตัดต่อคลิปความละเอียดสูงได้ไหลลื่น เหมาะกับผู้ใช้ระดับ Production House ที่ถ่ายหนังโฆษณาสเกลใหญ่แล้วตัดต่อคลิปหน้างานได้ทันทีและต้องการเอาโน๊ตบุ๊คไปพรีเซนต์งานได้ด้วย ซึ่งถ้าใครใช้งานหนักระดับนี้จะขยับมา M1 Max ก็จะช่วยให้ทำงานได้สะดวกขึ้นมาก

ซึ่งถ้าสังเกตจะเห็นว่าทาง Apple ก็แบ่งชิป Apple Silicon แยกตาม MacBook แต่ละรุ่นอย่างชัดเจนว่าชิปรุ่นนี้จะเหมาะกับงานแบบไหนเหมาะกับผู้ใช้กลุ่มใด อย่างเช่น MacBook Air ที่เน้นใช้งานทั่วไปก็จะมีแต่ชิป Apple M1 ที่ใช้ทำงานพื้นฐานในออฟฟิศสำนักงานหรือใช้เพื่อการเรียนการสอนต่างๆ รวมไปถึงงานที่เป็น Web based application ชิปนี้ก็ทำงานได้ดีแล้ว แต่ MacBook Pro 13 นิ้ว ที่เป็น Apple M1 เหมือนกันก็จะมีพัดลมระบายความร้อนติดมาเพิ่ม ช่วยให้รันงานหนักๆ อย่างการตัดต่อคลิปทำได้ดีขึ้น ใช้งานหนักต่อเนื่องได้โดยประสิทธิภาพไม่ลดลง

แล้วพอขยับมาเป็นกลุ่มผู้ใช้ที่ต้องใช้งานโปรแกรมกินทรัพยากรเครื่อง อาจจะขยับมาเป็น MacBook Pro 14-16 นิ้วที่ใช้ชิป Apple M1 Pro หรือ M1 Max ที่จำนวนคอร์ซีพียูและจีพียูเยอะขึ้นให้รันงานได้ดีขึ้น เข้ารหัสวิดีโอความละเอียดสูงได้ดีกว่าชิป M1 ธรรมดาไปเลย โดยดูตามสเกลงานของตัวเองว่าปกติใช้งานระดับไหน ซึ่งอาจจะอิงจากทรรศนะของผู้เขียนอย่างที่กล่าวไปข้างต้นก็ได้

มาส่องหน้าร้านก่อนว่า Apple ยังมี MacBook รุ่นไหนขายอยู่?

mac

ที่หน้าเว็บไซต์ Apple Thailand ในตอนนี้จะมี MacBook วางขายอยู่ 2 ซีรี่ส์ด้วยกัน คือ MacBook Air, MacBook Pro ซึ่งในกลุ่ม MacBook Air ชิป Apple M1 ที่เปิดตัวมาตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2020 คู่กับ MacBook Pro 13 นิ้ว และแยกเป็น MacBook Pro รุ่นใหม่ที่มี 14.2, 16.2 นิ้วให้เลือกซื้อไปใช้งาน

Screenshot 2021 12 20 154308

ส่วนตัวเลือกด้านขวาที่คำว่าเลือกซื้อ Macจะมีตัวเลือกให้เปรียบเทียบ Mac รุ่นต่างๆ ซึ่งผู้ใช้ที่สนใจสามารถเข้าไปดูสเปคโดยคร่าวๆ ได้ว่า MacBook รุ่นต่างๆ แตกต่างกันอย่างไร รวมทั้งเปรียบเทียบความต่างระหว่าง MacBook Air, MacBook Pro รุ่นต่างๆ ว่าแต่ละรุ่นมีสเปคอะไรบ้าง และปรับแต่งสเปคได้ระดับไหน ตัวอย่างเช่น MacBook Pro รุ่น 14.2, 16.2 นิ้ว จะเลือกชิปได้ระหว่าง Apple M1 Pro, M1 Max ช่วยให้ผู้ใช้ที่กำลังสงสัยว่าจะซื้อ MacBook รุ่นไหนดีสามารถเทียบได้ง่ายๆ ว่า MacBook แต่ละรุ่นมีสเปคอย่างไร มีจุดเด่นตรงไหนบ้าง

Screenshot 2021 12 21 140701

จากหน้าเทียบสเปค ปัจจุบันจะมี MacBook Air, MacBook Pro 13 นิ้ว, MacBook Pro 14.2 นิ้ว และ MacBook Pro 16.2 นิ้ว เป็น 4 รุ่นหลักที่มีขายในตอนนี้ และเมื่อเลื่อนลงมาจะมีจุดเด่นหลักๆ ของ MacBook รุ่นนั้นๆ เขียนเอาไว้ด้วย ว่ารุ่นนี้เด่นตรงไหน ซึ่งถ้าไม่แน่ใจว่าเนื้องานของเราเหมาะกับ MacBook รุ่นไหนดี ก็มาดูในส่วนนี้แทนแล้วตัดสินใจก็ได้ และสเปคในส่วนอื่นๆ ก็จะแชร์ร่วมกันเกือบทั้งหมด แต่ก็อาจจะมีจุดต่างกันบ้าง อย่างเช่น MacBook Pro 13 นิ้วจะเป็นรุ่นเดียวที่ยังมี Touch Bar อยู่ แต่หน้าจอจะเป็นแบบ 60Hz ไม่ได้เป็นจอ ProMotion 120Hz เหมือนรุ่น 14.2, 16.2 นิ้ว ฯลฯ 

MacBook ยุค Apple Silicon แบ่งกันชัดเจน เลือกง่ายกว่าเดิมสำหรับผู้ใช้ทั่วไปและมือโปร

ถ้าสังเกตและติดตาม MacBook มาสักพัก ก่อนหน้านี้จะ MacBook Air หรือ MacBook Pro ที่เริ่มมาใช้ Apple M1 ใหม่ๆ จะแยกกลุ่มผู้ใช้กันค่อนข้างยากสักหน่อย เนื่องจากเป็นชิปตัวเดียวกัน แต่ต่างกันแค่บอดี้ตัวเครื่องและพัดลมระบายความร้อนเท่านั้น แต่พอเริ่มมี MacBook Pro 14.2, 16.2 นิ้วเพิ่มเข้ามาให้เลือกซื้อ หลายๆ คนก็จะเริ่มเห็นภาพชัดเจนขึ้นแล้วว่าจะซื้อ MacBook รุ่นไหนดีถึงจะตรงโจทย์การใช้งาน ซึ่งถ้าแยกตามกลุ่มผู้ใช้งานจะเป็นดังนี้

MacBook Air M1 รุ่นเริ่มต้นเพื่อผู้ใช้ทั่วไปทุกคน ใช้งานได้ทุกวันและราคาไม่แพงมาก

macbook air

MacBook Air ชิป Apple M1 เป็น MacBook รุ่นที่ราคาถูกและเข้าถึงง่ายที่สุด ตอบโจทย์คนใช้งานทั่วไปอย่างที่ผู้เขียนได้กล่าวไปข้างต้นแล้ว ซึ่งถ้าใครเน้นใช้งานออฟฟิศ พิมพ์งานเอกสาร, พกเครื่องไปติดต่องานและใช้ Web based application เรียกว่าใช้งานได้สบายๆ หรือจะตัดต่อคลิปแต่งภาพถ่ายในโอกาสสำคัญนานๆ ครั้งก็สามารถใช้งานได้ดีแน่นอน และตัวเครื่องก็เย็นและใช้งานต่อเนื่องได้ทั้งวันหรืออาจจะได้ราว 2 วันเสียด้วยซ้ำ

air

สำหรับสเปคของ MacBook Air ระหว่างรุ่นเริ่มต้นราคา 32,900 บาทกับรุ่นราคา 41,400 บาท จะมีจุดแตกต่างกันเพียง 2 อย่าง คือ ชิป Apple M1 ของรุ่นเริ่มต้นจะมีจีพียู 7 คอร์ กับ SSD 256GB แต่รุ่นราคาสูงกว่าจะมี 8 คอร์ SSD 512GB ซึ่งความแตกต่างนั้นถ้าไม่ได้ใช้แต่งภาพหรือตัดต่อคลิปบ่อยๆ และไม่ได้เก็บไฟล์งานเอาไว้ในเครื่องเยอะๆ ก็แทบไม่เห็นความต่างมาก เพราะสเปคในส่วนของจำนวนคอร์ซีพียู, Neural Engine, พอร์ต USB4 ที่รองรับ Thunderbolt, การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ฯลฯ เรียกว่าแทบไม่แตกต่างกัน ดังนั้นถ้าคิดอยู่ว่าจะซื้อ MacBook รุ่นไหนดี ก็คิดที่งานตัดต่อคลิปและแต่งภาพได้เลยว่างานที่เราทำเป็นประจำมีงานประเภทดังกล่าวบ่อยหรือไม่ ถ้าไม่ใช่เพราะใช้งานทั่วๆ ไปก็ 7 คอร์ ใช่ก็เลือก 8 คอร์

aircustom

ด้านการปรับแต่งเลือกสเปค ผู้เขียนได้ทดลองเลือกที่รุ่นจีพียู 8 คอร์มาปรับแต่ง จะเห็นว่า Apple เปิดให้ปรับแต่งสเปคเพิ่ม Unified Memory (ไม่เรียกเป็น RAM เนื่องจากเป็นเมมโมรี่ในชิปที่แชร์ระหว่างซีพียูกับจีพียู) ได้ 16GB และ SSD ได้สูงสุด 2TB ซึ่งถ้าเลือกออปชั่นสูงสุดทั้งหมดราคาจะอยู่ที่ 69,400 บาท ซึ่งเป็นกรณีต้องการสเปคสูงสุด

แต่ส่วนตัวผู้เขียนแนะนำว่าเลือกเป็น Unified Memory 16GB กับ SSD 512GB – 1TB แล้วหา External SSD มาใช้งานสักตัวจะคุ้มกว่าและย้ายข้อมูลเข้าออกเครื่องได้สะดวกกว่า โดยส่วนตัวผู้เขียนเลือกปรับสเปคเป็น Unified Memory 16GB กับ SSD 512GB แล้ว MacBook Air จะอยู่ที่ 48,400 บาท ถูกลง 21,000 บาท ซึ่งเราสามารถเอาเงินส่วนต่างนี้ไปซื้อ External SSD/HDD ความจุ 1TB หรือมากกว่านั้นได้สบายๆ

ขยับเพิ่มความจริงจังมาเป็น MacBook Pro จริงจังเบอร์ไหนเลือกกันเองเลย

pro

ถ้าคำตอบของคำถามว่าจะซื้อ MacBook รุ่นไหนดีจบที่ MacBook Pro ล่ะก็ ตอนนี้จะมีให้เลือกหลายรุ่นทั้ง Apple M1 ใน MacBook Pro 13 นิ้ว ที่ยังมีขายอยู่และมีข้อดีกว่า MacBook Air ที่มีพัดลมระบายความร้อนติดตั้งมาให้ใช้งานเพื่อระบายความร้อนให้ชิป Apple M1 กรณีที่ต้องประมวลผลหนักต่อเนื่อง และเป็นชิปแบบซีพียูกับจีพียู 8 คอร์ทั้งคู่แต่ Unified Memory สูงสุดยังอยู่ที่ 16GB เท่ากันและเป็นรุ่นสุดท้ายที่ยังมี Touch Bar ติดตั้งมาให้ใช้งาน ซึ่งจุดแตกต่างของ MacBook Pro ระหว่างรุ่น 42,900 บาทกับ 49,900 บาท มีอย่างเดียวคือความจุของ SSD ในตัวเครื่องระหว่าง 256 หรือ 512GB เท่านั้น นอกจากนั้นไม่ว่าจะชิปเซ็ต, ขนาดหน้าจอ, พอร์ต ฯลฯ เหมือนกันทั้งสิ้น

pro13
pro14
pro16

ด้านของรุ่น 14.2, 16.2 นิ้ว ที่ติดตั้งชิป M1 Pro, M1 Max ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อไม่นานนี้ เรียกว่านอกจากเปลี่ยนดีไซน์ใหม่แล้ว ถ้าเทียบกับรุ่น 13 นิ้ว จะมีจุดแตกต่างกันหลายอย่าง นอกจากขนาดหน้าจอที่เพิ่มความละเอียดและฟีเจอร์ ProMotion ให้ค่า Refresh Rate สูงสุดได้ 120Hz และชิป Apple SoC รุ่นใหม่ ก็จะมี Unified Memory ที่เพิ่มได้สูงสุด 64GB, SSD อัพเกรดได้มากสุด 8TB ขณะที่รุ่น 13 นิ้วสุดที่ 2TB เท่านั้น, ตัด Touch Bar ออกแต่ยังมี Touch ID สแกนลายนิ้วมือปลดล็อคเครื่องและยืนยันตัวตนตอนทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ, เพิ่มพอร์ต Thunderbolt เป็น 3 พอร์ต, มี HDMI กับ SDXC Card reader และพอร์ตชาร์จ MagSafe ที่ถูกนำกลับมาติดตั้งให้เหมือนเดิม ฯลฯ

สำหรับ MacBook Pro ทั้งสองรุ่นนั้น อาจจะทำให้ผู้ใช้ที่คิดว่าจะซื้อ MacBook รุ่นไหนดีต้องคิดกันสักบ้าง แต่ถ้าจำกัดความให้เข้าใจง่ายจากมุมมองของผู้เขียนจะเป็นดังนี้

  1. MacBook Pro 13 นิ้ว ชิป Apple M1 – เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไปที่เน้นเรื่องตัดต่อคลิปวิดีโอและแต่งภาพเป็นหลักแต่ไม่ใช้หนักระดับโปรดักชั่น เพราะว่าถึงเป็น Apple M1 เหมือนกับ MacBook Air แต่เป็นรุ่นที่ซีพียูและจีพียู 8 คอร์ ทำให้ทำงานสายครีเอเตอร์ได้ดีและได้เปรียบเรื่องที่มีพัดลมระบายความร้อนที่ทำงานตอนชิปเริ่มประมวลผลหนักๆ ซึ่งช่วยให้อุณหภูมิอยู่ในจุดที่ชิปทำงานได้เต็มประสิทธิภาพตลอดเวลา
  2. MacBook Pro 14.2, 16.2 นิ้ว Apple M1 Pro, M1 Max – สำหรับงานหนักระดับตัดต่อคลิปเป็นจริงจัง มีแต่งภาพประกอบบทความหรือรับงานถ่ายภาพเป็นอาชีพโดยเฉพาะ SDXC Card reader ที่ติดตั้งมา ทำให้โอนไฟล์ภาพจากกล้องเข้า MacBook Pro ได้โดยตรง ไม่ต้องหาตัวแปลงมาต่อให้เสียเวลา 

ซึ่ง MacBook Pro รุ่นใหม่จะปรับสเปคได้ตามใจ เพิ่ม Unified Memory และ SSD ได้สูงก็ตาม แต่ราคาก็จะแพงขึ้นเป็นเงาตามตัวอย่างที่ผู้เขียนเคยอธิบายไปใน “สรุป MacBook Pro และ Apple M1 Pro, M1 Max ใหม่ แรง พอร์ตครบ ราคาเริ่ม 73,900 บาท” เมื่อก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งการปรับสเปครุ่น 14.2, 16.2 นิ้วนั้น ส่วนตัวผู้เขียนแนะนำว่าให้ดูตามเนื้องานของแต่ละคนเลยว่าจะต้องใช้งานหนักระดับไหนตามที่ได้อธิบายไปแล้วข้างต้นนี้

macbook lastpic

สุดท้าย ผู้เขียนเชื่อว่าผู้ใช้หลายคนอาจจะติดภาพเรื่องว่าถ้าจะซื้อ MacBook แนะนำให้ซื้อสเปคเผื่อเอาไว้เลยจะดีกว่า ส่วนตัวผู้เขียนคิดว่าชุดความคิดนี้จะไม่ทันสมัยเท่าไหร่แล้ว เนื่องจาก Apple M1 รุ่นเริ่มต้นก็สามารถทำงานได้ดีทั้งงานเอกสารหรือตัดต่อวิดีโอแต่งภาพก็ทำได้ ในส่วนนี้ก็อยากแนะนำให้ชั่งน้ำหนักงานที่เราต้องทำเป็นประจำว่าปกติแล้วจะต้องรับผิดชอบงานอะไรบ้าง ซึ่งถ้าหนักไปทางงานเอกสารเน้นพกพาใช้งานทั่วไปก็เริ่มที่ MacBook Air ได้เลย แต่ถ้าหนักงานตัดต่อแต่งภาพอาจจะขยับมา MacBook Pro 13 นิ้วที่มีพัดลมระบายความร้อนให้ Apple M1 ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพต่อเนื่องก็ได้

กลับกัน แต่ถ้าเป็นงานสายครีเอเตอร์จริงจังก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นไปที่ M1 Pro, M1 Max ตามลำดับได้เลย ไม่ต้องเผื่อสเปคให้เสียเงินฟรีแล้วเปลี่ยนจากค่าอัพเกรดสเปคหลายหมื่นบาทนั้นไปซื้ออุปกรณ์เสริมอย่าง USB-C Multiport adapter, Magic Mouse, หน้าจอเสริม, External SSD ฯลฯ จะคุ้มค่ากว่ามาก ซึ่งถ้าใจคิดว่าจะซื้อ MacBook อยู่แล้ว คำถามแรกที่ควรถามคือ “จะใช้ MacBook ทำงานอะไรบ้าง” เมื่อตอบได้แล้วค่อยต่อด้วยคำถามว่า “จะซื้อ MacBook รุ่นไหนดี” จะทำให้ได้รุ่นที่ตรงโจทย์การใช้งานที่สุด


บทความที่เกี่ยวข้อง

macbook student cover

macbook pro cover

macbook air vs pro

from:https://notebookspec.com/web/629779-which-macbook-should-i-buy-2022

สรุป MacBook Pro และ Apple M1 Pro, M1 Max ใหม่ แรง พอร์ตครบ ราคาเริ่ม 73,900 บาท

MacBook Pro พร้อมชิป Apple M1 Pro, M1 Max ใหม่ที่หักปากกาเซียนด้วยความโปรเต็มแม็กซ์

macbook pro cover

นอกจาก AirPods, HomePod mini และแผนการให้บริการสตรีมมิ่งเพลง Apple Music ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่แล้ว ดาวเด่นของงานคงไม่พ้น MacBook Pro ที่ติดตั้งชิป Apple M1 รุ่นใหม่ทั้งหมด 2 ตัว ได้แก่ Apple M1 Pro, Apple M1 Max ซึ่งแตกต่างจากข่าวลือข่าวหลุดก่อนหน้านี้ว่า Apple จะตั้งชื่อ SoC (System On Chip) ใหม่ของตัวเองว่า Apple M1X อย่างสิ้นเชิง

นอกจาก MacBook Pro รุ่นใหม่ที่เปิดตัวในงานนี้แล้ว ก็ต้องยกไฟสปอตไลท์ให้กับ SoC ใหม่สุดแรงทั้งสองรุ่นที่จะนำมาใส่ใน MacBook Pro ด้วย ซึ่งถ้าดูจากหน้าสเปคในวิดีโอเปิดตัวที่ผ่านมา จะเห็นว่าตัวคอร์ของชิปเปลี่ยนจาก 8 คอร์ แบบแยก 4 คอร์แบบ high-performance และ high-efficiency อย่างละครึ่งเป็น 10 คอร์แล้วจัดสรรปันส่วนในตัว SoC กันใหม่เสร็จสรรพอีกด้วย ซึ่งถ้าไม่กล่าวถึงประสิทธิภาพของชิปนี้แล้วข้ามไป MacBook Pro เลย ก็คงกระไรอยู่ ดังนั้นเราจะมาดูกันว่าชิปทั้งสองรุ่นนี้ประสิทธิภาพดีกว่าเดิมอย่างไรบ้าง 

MacBook Pro 2 size

สรุปความโปรเต็มแม็กซ์ของ Apple M1 Pro, Apple M1 Max ซีพียูหักปากกาเซียนข่าวหลุด

pro max m1

Apple SoC รุ่นใหม่ที่เปิดตัวแล้วนำไปใส่ใน Apple MacBook Pro รุ่นล่าสุดของทางค่ายนั้น จะมีทั้งหมด 2 รุ่น คือรุ่นเริ่มต้นเป็น Apple M1 Pro และรุ่นที่ประสิทธิภาพสูงสุดคือ Apple M1 Max ซึ่งถ้าเรียงประสิทธิภาพของ Apple SoC ในท้องตลาดปัจจุบัน จะเป็น Apple M1 ถัดมาเป็น Apple M1 Pro และพี่ใหญ่สุด Apple M1 Max นั่นเอง

Apple M1 Pro ตัวแรงภาคต่อจาก Apple M1

sum m1 pro system

ชิป Apple M1 Pro จัดเป็น Apple SoC รุ่นอัพเกรดจาก Apple M1 ที่ติดตั้งอยู่ในสินค้ากลุ่มพีซีของ Apple ในตอนนี้ เป็นสถาปัตยกรรม 5nm และได้รับการอัพเกรดกันมาแบบจัดเต็ม ได้ประสิทธิภาพสูงกว่า Apple M1 ตัวดั้งเดิม 70% และ Johny Srouji รองประธานอาวุโสฝ่ายเทคโนโลยีฮาร์ดแวร์ (SVP, Hardware Technologies) ของ Apple ให้รายละเอียดของชิปใหม่ไว้ดังนี้

  • คอร์ของซีพียู – แยกเป็น 2 ชุด ได้แก่ คอร์ประสิทธิภาพสูง (high-performance cores) จำนวน 8 คอร์ และคอร์ประหยัดพลังงาน (high-efficiency cores) อีก 2 คอร์ รวมเป็น 10 คอร์
  • คอร์กราฟฟิค (GPU) – สูงสุดที่ 16 คอร์ แต่จากหน้าสเปคของ MacBook Pro ที่ใช้ชิป M1 Pro จะแยกเป็น 2 สเปค คือ รุ่นเริ่มต้นมี 14 คอร์ ส่วนรุ่นสูงสุดมี 16 คอร์ มี 2,048 execution units, มีความเร็วคำนวน floating-point ที่ 5.2 teraflops ถ้าเทียบประสิทธิภาพเฉพาะ GPU แล้ว ตัว GPU ของ M1 Pro จะมีประสิทธิภาพสูงกว่า M1 ถึง 2 เท่าทีเดียว
  • Neural Engine – หรือคอร์ Machine Learing ในตัวซีพียูมีจำนวน 16 คอร์ ทุกสเปค
  • Memory bandwidthมีความเร็วรับส่งข้อมูล 200 GB/s ซึ่งรับส่งข้อมูลได้เร็วมาก
  • Media Engine – มี Hardware accelerated รองรับการเข้าและถอดรหัสไฟล์วิดีโอแบบ H.264, HEVC, ProRes และ ProRes RAW และรองรับการสตรีมไฟล์วิดีโอ ProRes ความละเอียด 4K, 8K หลายคลิปพร้อมกันได้
  • Display Engine – ตัวชิปฝัง Display Engine เอาไว้ในตัวเพื่อรองรับการต่อใช้งานหลายหน้าจอพร้อมกัน และมี Thunderbolt I/O หรือชิปควบคุมการทำงานของพอร์ต Thunderbolt ติดตั้งไว้ใน Apple M1 Pro ด้วย
  • หน่วยความจำรวม (Unified Memory) – เริ่มต้นที่ 16GB สั่งปรับแต่งสเปคเพิ่มเป็น 32GB ได้
พี่ใหญ่สุดของตระกูล Apple M1 Max

m1 max sum

สำหรับรุ่นใหญ่สุดของ Apple SoC ที่ทางบริษัทเปิดตัวและนำมาติดตั้งใน MacBook Pro ในตอนนี้จะเป็น Apple M1 Max ซึ่งสเปคเรียกว่าแรงเหลือเชื่อพร้อมสเปคที่อัพเกรดจาก Apple M1 Pro ให้เร็วกว่าเดิมเป็นอย่างมาก ดังนี้

  • คอร์ของซีพียู – แยกเป็น 2 ชุด ได้แก่ คอร์ประสิทธิภาพสูง (high-performance cores) จำนวน 8 คอร์ และคอร์ประหยัดพลังงาน (high-efficiency cores) อีก 2 คอร์ รวมเป็น 10 คอร์
  • คอร์กราฟฟิค (GPU) – มี 32 คอร์ ไม่มีการแยกจำนวนคอร์ GPU เหมือนกับ M1 Pro มี 4,096 execution units, มีความเร็วคำนวน floating-point ที่ 10.4 teraflops ถ้าเทียบประสิทธิภาพเฉพาะ GPU แล้ว ตัว GPU ของ M1 Pro จะมีประสิทธิภาพสูงกว่า M1 ถึง 4 เท่า
  • Neural Engine – หรือคอร์ Machine Learing ในตัวซีพียูมีจำนวน 16 คอร์
  • Memory bandwidthเพิ่มความเร็วรับส่งข้อมูลเป็น 400 GB/s มากกว่า M1 Pro ถึง 2 เท่า
  • Media Engine – มี Hardware accelerated รองรับการเข้าและถอดรหัสไฟล์วิดีโอแบบ H.264, HEVC, ProRes และ ProRes RAW เช่นกัน แต่มีตัว Engine สำหรับเข้ารหัสวิดีโอ 2 ตัว กับเอนจิ้นสำหรับเข้าและถอดรหัส ProRes อีก 2 ตัวด้วยกัน รวมแล้วมี 4 ตัว สำหรับการเข้าและถอดรหัสวิดีโอ
  • Display Engine – ตัวชิปฝัง Display Engine เอาไว้ในตัวเพื่อรองรับการต่อใช้งานหลายหน้าจอพร้อมกัน เหมือนกับ Apple M1 Pro
  • หน่วยความจำรวม (Unified Memory) – เริ่มต้นที่ 32GB สั่งปรับแต่งสเปคเพิ่มเป็น 64GB ได้ เรียกว่าเป็นชิปของ Apple ที่มีหน่วยความจำรวมมากที่สุดในปัจจุบันนี้

m1 max gpu power on battery vs discrete gpu
m1 max gpu performance on battery vs compact pro pc laptop graphics on battery
gpu performance vs power using
gpu performance less power than discrete pc laptop graphics
m1 pro and max cpu performance vs 8 core pc laptop cpu
m1 pro max power consumption per wattage

นอกจากนี้ ทาง Apple เองก็จัดการเทียบประสิทธิภาพของตัว SoC ใหม่ของทางบริษัทกับซีพียูแบบ 4 คอร์ และ 8 คอร์ ที่ติดตั้งในโน๊ตบุ๊คสายทำงานที่เป็นคู่แข่งโดยตรงในกลุ่ม โดยโชว์จุดเด่นหลายอย่างด้วยกัน ได้แก่

  • CPU Performance vs. power – Apple เผยว่าคอร์ซีพียูของชิป Apple M1 Pro และ M1 Max ที่ใช้พลังงานเพียง 30 วัตต์เท่านั้น พอเทียบกับซีพียูแบบ 4 คอร์ที่ใช้พลังงานระดับ 40 วัตต์ และ 8 คอร์ ที่ใช้พลังงานระดับ 65 วัตต์ จะเห็นว่า M1 Pro, M1 Max ประหยัดพลังงานกว่าซีพียูทั้งสองแบบเป็นอย่างมาก โดย Apple เคลมว่าประหยัดกว่าถึง 70%
  • GPU performance vs. power – ด้านคอร์จีพียูในตัว M1 Pro, M1 Max พอเอาไปเทียบกับการ์ดจอแยก (Discrete PC laptop graphics) ที่ติดตั้งมาในโน๊ตบุ๊ครุ่นที่นำมาเปรียบเทียบแล้ว จะเห็นว่า Apple SoC นั้นกินพลังงานน้อยกว่าถึง 70% และจีพียูใช้พลังงานต่ำกว่า 100 วัตต์ อีกด้วย
  • การใช้งานโดยไม่เสียบปลั๊ก – ทาง Johny Srouji เคลมเอาไว้ว่าซีพียูทั่วไป เมื่อถอดปลั๊กออกแล้ว ตัวการ์ดจอออนบอร์ดและการ์ดจอแยกจะสลับโหมดเป็นโหมดประหยัดพลังงานและลดประสิทธิภาพของการทำงานของตัวเองลง
    • จากในกราฟจะเห็นว่าเส้น Compact pro PC laptop graphics on battery ที่ Apple นำมาโชว์นั้นจะลดจากเส้นสีเทาอ่อนไปเป็นสีเทาเข้มที่อยู่ด้านล่าง และ Johny Srouji เคลมว่าจีพียูของ Apple M1 Max นั้นทำงานได้เต็มประสิทธิภาพเสมอและแรงกว่าถึง 2.5 เท่า
    • ส่วนของ High-end PC laptop graphics on battery จะเห็นว่าตัวกราฟก็ลดการใช้พลังงานลงเช่นกัน ซึ่ง Johny Srouji ก็เผยว่าตัวจีพียูของ M1 Max สามารถทำงานได้ดีกว่า 3.3 เท่าทีเดียว

m1 size compare

หากเทียบไซซ์ของ Apple SoC แล้ว จะเห็นว่าขนาดของ Apple M1 นั้นมีขนาดเล็กที่สุดในกลุ่ม ถัดมาเป็น M1 Pro และ M1 Max ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นตามประสิทธิภาพและจำนวนคอร์ในตัว

macOS

ด้านซอฟท์แวร์ระบบปฏิบัติการอย่าง macOS เอง ทาง Craig Federighi รองประธานอาวุโสฝ่ายพัฒนาซอฟท์แวร์ (SVP, Software Engineering) กล่าวในงานเปิดตัวว่า macOS ที่ทางทีมปรับแต่งให้ทำงานกับ SoC ใหม่ทั้งสองรุ่นได้ดีขึ้นนั้น สามารถทำงานได้เร็วยิ่งกว่าเดิม เปิดแอพฯ ต่างๆ ได้เรียกว่าเร็วในทันที (instantly) แม้จะเป็นโปรแกรมที่กินทรัพยากรหนักก็ทำงานได้สบายๆ เช่นกัน 

unified memory m1

Unified Memory หรือหน่วยความจำรวม ที่เราอาจจะเข้าใจว่าเป็น RAM ของตัวเครื่องที่ใส่รวมเอาไว้กับชิป Apple M1 Pro, M1 Max ทำหน้าที่เป็นเหมือนแรมส่วนกลางที่ CPU, GPU จะแชร์กันใช้งาน ซึ่งแรมส่วนนี้จะไม่สามารถอัพเกรดในภายหลังได้และต้องสั่งปรับแต่งสเปคกันตั้งแต่สั่งซื้อเครื่องเลย ด้านสเปคจะเป็นแรมแบบ High bandwidth มีค่าความหน่วงต่ำ (Low Latency) เป็นแรม LPDDR5 256-bit ที่ Apple ออกแบบเองเพื่อ SoC ของตัวเองโดยเฉพาะ

โดยตัว macOS นั้นออกแบบให้ใช้งาน Unified memory ในตัว M1 Pro, M1 Max ได้อย่างเต็มที่ ทำให้การเรียกและใช้โปรแกรมนั้นๆ ทำงานได้อย่างรวดเร็ว โดยทาง Craig กล่าวว่าตัว Unified memory, CPU, GPU จะสื่อสารกันโดยตรง ทำให้ไม่มีการหน่วงและรอเปิดโปรแกรมหรือประมวลผลเลย

ml

นอกจากนี้คอร์ ML (Machine Learning) ใน SoC ยังทำงานได้ดีและรวดเร็ว โดยเขาเคลมว่าเมื่อเทียบกับ Intel Core i9 รุ่นสูงสุดที่เคยนำมาติดตั้งใน MacBook Pro แล้ว Apple SoC ทำงานเสร็จเร็วกว่า 3 เท่าทีเดียว 

M1 Pro Max system

ส่วนระบบรักษาความปลอดภัย Apple M1 จะมี Hardware-verified secure boot (ระบบ secure boot โดยใช้ฮาร์ดแวร์ตัวเครื่องยืนยัน), Runtime anti-exploitation (Runtime สำหรับป้องกันการเจาะระบบเข้ามายึดเครื่อง) และ Fast in-line encryption (การเข้ารหัสแบบ In-line อย่างรวดเร็ว) ติดตั้งมาให้ในชิปเพื่อเข้ารหัสไฟล์ที่อยู่ใน MacBook Pro ทั้งหมด

rosetta
universal

ด้านแอพฯ ของ Apple เองนั้นเรียกว่ารันได้อย่างรวดเร็วไม่มีปัญหา และถ้าเป็นแอพฯ จากฝั่ง x86 หรือ Intel ยังมีตัวแปลภาษาคอมพิวเตอร์อย่าง Rosetta 2 ที่ประสิทธิภาพดี ช่วยให้แอพฯ นั้นๆ ทำงานได้ไหลลื่นไม่มีปัญหารบกวนระหว่างใช้งานเลย นอกจากนี้บางแอพฯ ที่ยังไม่ได้รับการแปลงให้เรียบร้อย macOS จะมีตัว Universal สำหรับคอมไพล์แอพฯ นั้นใหม่อีกครั้งให้รันได้แบบ Native เหมือนแอพฯ ปกติในเครื่องอีกด้วย

apps

นอกจากนี้แอพฯ ด้านครีเอทีฟต่างๆ ของ Apple เองก็ได้รับการอัพเดทฟีเจอร์ใหม่ๆ เพิ่มเข้าไปอีกด้วย โดยฟีเจอร์ที่ทาง Apple อัพเดทได้แก่

  • Logic Pro – เพิ่มฟีเจอร์สร้างเสียงเพลงแบบ Spatial Audio 
  • Final Cut Pro – ฟีเจอร์ Object tracking หรือการจับโฟกัสสิ่งที่เลือก เมื่อใช้งานบน MacBook Pro แล้วจะทำงานได้เร็วกว่าเดิมรวม 5 เท่า และถ้าเรนเดอร์วิดีโอแบบ ProRes จะมี Compressor เข้ามาช่วยให้เรนเดอร์เสร็จเร็วขึ้น 10 เท่า

ซึ่งทาง Apple เสริมว่าไม่ได้จำกัดเอาไว้แต่แอพฯ ของทาง Apple อย่างเดียว แต่รวมไปถึงแอพฯ และ Plugin อื่นๆ ที่มีการปรับแต่งให้เข้ากับ Apple M1 Pro, M1 Max แล้ว โดย Craig ยกตัวอย่างเป็น Lightroom Classic, Cinema 4D, Capture One, Sketch ฯลฯ ซึ่งทางผู้พัฒนาโปรแกรมที่ได้ MacBook Pro ที่ติดตั้ง Apple SoC รุ่นดังกล่าวไปทดลองใช้งานแล้ว ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามันสามารถทำงานได้เร็วและลื่นไหลกว่าที่ผ่านมามากจนรุ่นเก่าเทียบไม่ติดเลย

MacBook Pro อัพเกรดเพื่องานระดับโปร เร็วแรงแต่ราคาก็เต็มแม็กซ์

MacBook Pro

MacBook Pro รุ่นใหม่ล่าสุดที่เปลี่ยนมาเป็น Apple M1 Pro และ M1 Max แล้ว ณ ตอนนี้จะมีตัวเลือกทั้งหมด 2 ขนาดด้วยกัน คือ 14.2 นิ้ว และ 16.2 นิ้วให้เลือก แต่ทั้งสองรุ่นจะแชร์ฟีเจอร์หลักๆ ร่วมกันแทบทั้งหมดและมีประสิทธิภาพการทำงานที่ดีระดับมือโปร และติดตั้ง macOS Monterey มาให้ใช้งาน

MacBook Pro new air system

อย่างแรกที่ทาง Apple จัดการอัพเกรดให้กับ MacBook Pro คือระบบระบายความร้อนโดยเป็นพัดลมคู่ที่ดึงอากาศเข้าจากด้านข้างและออกด้านหลังตัวเครื่องทั้งหมด 2 ตัวด้วยกัน ข้อดีของระบบระบายความร้อนใหม่นี้ คือช่วยระบายความร้อนให้ M1 Pro, M1 Max ในตัวเครื่องรักษาอุณหภูมิอยู่ในระดับที่ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพตลอดเวลา

แต่พัดลมจะทำงานเฉพาะตอนรันโปรแกรมหนักๆ เท่านั้น ถ้าเป็นโปรแกรมใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน อย่างการเข้าเบราเซอร์หรือพิมพ์งานทั่วๆ ไป ตัวพัดลมจะแทบไม่ต้องทำงานเลย ซึ่งผู้เขียนคาดว่าซอฟท์แวร์ประเภท Logic Pro, Final Cut Pro หรือพวกการเขียนโปรแกรมต่างๆ ถึงจะทำให้พัดลมของ MacBook Pro ทำงาน

thickness of macbook pro

ซ้ายของ 16.2 นิ้ว ขวาของ 14.2 นิ้ว

ส่วนความหนาและน้ำหนักของตัวเครื่อง จากงานเปิดตัวจะเห็นว่าตัวเครื่องรุ่น 14.2 นิ้ว จะหนาเพียง 15.5 มม. หนัก 3.5 ปอนด์ หรือราว 1.5 กิโลกรัมเท่านั้น ส่วนรุ่น 16.2 นิ้ว จะหนาขึ้นเล็กน้อยเป็น 16.8 นิ้ว หนัก 4.7 ปอนด์ หรือราว 2.1 กิโลกรัม เทียบกับโน๊ตบุ๊คฝั่ง Windows หลายๆ รุ่นแล้ว ต้องถือว่ามิติตัวเครื่องและน้ำหนักจัดว่าเบาใช้ได้

full keyboard

magic keyboard
keyboard

ด้านคีย์บอร์ดต้องถือว่าทาง Apple ได้กรณีจากการทำคีย์บอร์ดแบบ Butterfly และพยายามแหวกแนวด้วยจอ Touch Bar บนคีย์บอร์ดของ MacBook Pro รุ่นก่อนหน้ามาแล้วแต่ผู้ใช้คงจะไม่ปลื้มนัก เลยทำให้ทาง Apple นำ Magic Keyboard ทั้งตัวมาใส่เป็นคีย์บอร์ดของ MacBook Pro แทน ซึ่งรวมถึงปุ่ม Touch ID ตรงมุมบนขวามือของคีย์บอร์ดด้วย โดยมีปุ่มจริง (Physical keys) มาแทน Touch Bar เลย และเป็นปุ่มแบบ Tactile ของ Mechanical Keyboard ที่ผู้ใช้นิยมใช้งานกัน พร้อมไฟ LED Backlit ที่ตัวอักษรบนปุ่มเช่นเดิม ส่วน Touchpad จะเป็นแบบ Force Touch สำหรับใช้งานกับแอพฯ ที่รองรับฟีเจอร์นี้ด้วย

port l
port r

ส่วนพอร์ตด้านข้างตัวเครื่อง หากผู้ใช้คนไหนมี MacBook Pro รุ่นเก่าอยู่จะจำได้ว่าทาง Apple เปลี่ยนพอร์ตที่ติดตั้งเอาไว้ด้านข้างตัวเครื่องมาใช้พอร์ต Thunderbolt จำนวน 2-4 พอร์ต ตั้งแต่ปี 2016 ที่ผ่านมาแล้ว แต่โมเดลใหม่ล่าสุดนี้ ทาง Apple เลือกเติมพอร์ตสำคัญที่ผู้ใช้มักใช้งานกลับมาให้หลายพอร์ตด้วยกัน ได้แก่

  • พอร์ตฝั่งซ้ายมือจากซ้าย : พอร์ตปลั๊กแม่เหล็ก MagSafe 3, Thunderbolt 4 x 2 ช่อง, ช่องหูฟัง 3.5 มม. รองรับหูฟังที่มีค่าความต้านทานสูง
  • พอร์ตฝั่งขวามือจากซ้าย : SDXC Card reader, Thunderbolt 4, HDMI
  • การเชื่อมต่อไร้สาย – เชื่อมต่อ Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.0

MagSafe

โดย MagSafe นี้จะเป็นเวอร์ชั่นใหม่โดยเป็นหัว MagSafe to USB-C และต่อเข้ากับปลั๊กของ MacBook Pro อีกครั้งหนึ่ง และเจ้าของเครื่องก็เลือกชาร์จได้ว่าต้องการใช้ MagSafe หรือใช้ Thunderbolt 4 ชาร์จแบเตตอรี่ให้เครื่องก็ได้ ซึ่งถ้าใครใช้งาน MacBook มานานระยะหนึ่งแล้ว จะจำได้ว่าพอร์ต MagSafe นั้นเป็นพอร์ตชาร์จแบตเตอรี่ที่ดีรุ่นหนึ่ง เนื่องจากตัวปลั๊กจะดูดติดกับตัวเครื่องด้วยแม่เหล็กและให้กำลังการชาร์จที่ดีทีเดียว และเมื่อเกิดอุบัติเหตุเวลาใครมาสะดุดสาย MagSafe ก็จะหลุดไปแต่ตัวสายและไม่ลาก MacBook Pro ให้กระแทกพื้นด้วย

m1 pro macbook pro
m1

ด้านการเชื่อมต่อหน้าจอแยก MacBook Pro รุ่นใหม่นี้เรียกว่าจัดเต็มทีเดียว โดย Apple เผยว่าถ้ารุ่นที่ใช้ Apple M1 Pro จะเชื่อมต่อหน้าจอ Pro Display XDR พร้อมกันได้ 2 จอ แต่ถ้าเป็น Apple M1 Max จะต่อ Pro Display XDR ได้ 3 จอ กับทีวีความละเอียด 4K อีกหนึ่งจอและทำงานได้พร้อมๆ กัน เรียกว่าประสิทธิภาพของ Apple SoC ใหม่นี้ทรงพลังเป็นอย่างมาก

new monitor

slim screen

ส่วนขอบหน้าจอใหม่ “Liquid Retina XDR” ของ MacBook Pro ทาง Apple จัดการบีบขอบหน้าจอให้บางลงจนเหลือ 3.5 มม. เทียบแล้วบางกว่ารุ่นเดิม 24% และขอบบนของหน้าจอก็บางลงเหลือ 3.5 มม. ซึ่งบางกว่ารุ่นเดิมถึง 60% ด้วยกัน และติดตั้งกล้องหน้า FaceTime HD เอาไว้เช่นเดิมและจัดการดัน Control bar ขึ้นไปจนอยู่ระนาบระดับเดียวกับกล้องหน้าเพื่อให้เห็นคอนเทนต์บนหน้าจอได้มากยิ่งขึ้น

14.2 inch
14.2
size
resolution 16.2

สำหรับขนาดหน้าจอ ถ้าติดตามข่าวหลุดมาอย่างต่อเนื่องต้องถือว่าข้อมูลนี้ถูกต้องเพราะตัวเครื่องจะมีขนาด 14.2 นิ้ว ความละเอียด 3024×1964 พิกเซล มีเม็ดพิกเซลบนหน้าจอ 5.9 ล้านพิกเซล ส่วนรุ่น 16.2 นิ้ว มี 3456×2234 พิกเซล มีเม็ดพิกเซลบนหน้าจอ 7.7 ล้านพิกเซล ให้ความละเอียดคมชัดยิ่งกว่าหน้าจอรุ่นที่แล้ว

 

promotion
120hz

นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่หลายคนต้องการให้ใส่มาใน MacBook Pro มาตลอดอย่าง ProMotion ที่ปรับค่า Refresh Rate หน้าจอสูงขึ้นหรือต่ำลงตามแอพฯ ที่กำลังใช้งานอยู่ โดยตัวเครื่องจะจัดการปรับความลื่นไหลบนหน้าจอให้โดยอัตโนมัติตามความเหมาะสมของคอนเทนต์ โดยปรับขึ้นเมื่อต้องการความลื่นไหลสูง หรือปรับลงเพื่อประหยัดพลังงานได้ด้วย

refreshrate

และในเมื่อเป็น MacBook Pro ที่เอาไว้ทำงานคอนเทนต์ต่างๆ แล้ว Apple ก็ไม่ล็อคให้ใช้ ProMotion ตลอดเวลา โดยเปิดให้ปรับตั้งค่า Refresh Rate ที่ต้องการได้ด้วย จะเห็นว่าเลือกได้ตั้งแต่ 60, 59.94, 50,48, 47.95 Hz ได้ตามการใช้งานเลย รวมทั้งหน้าจอ

mini led

ส่วนรายละเอียดของ Liquid Retina XDR จะเป็นหน้าจอ Mini-LED แบบเดียวกับของ iPad Pro โดยทาง Apple เคลมว่าหน้าจอนี้แสดงผลได้ 1 พันล้านสี มี Local Dimming ความสว่างปกติทั่วหน้าจอ 1,000 nits เร่งได้สูงสุด 1,600 nits ค่า Contrast Ratio ที่ 1,000,000:1 สามารถตัดต่อแต่งภาพและคอนเทนต์ที่เป็น HDR ได้เลย

face time

ด้านความละเอียดของกล้องหน้า ยังเป็นกล้อง FaceTime HD ธรรมดาไม่ได้เป็นกล้องสแกนใบหน้า TrueDepth แบบใน iPhone (คาดว่าเพราะมี Touch ID ติดตั้งมาให้แล้วจึงไม่ใส่มาซ้ำซ้อนกัน) มีความละเอียด 1080p f/2.0 ติดเลนส์แบบใหม่ซ้อน 4 ชั้น

computational

โดยจุดเด่นของกล้อง FaceTime HD ใหม่นี้จะรับแสงในที่แสงน้อยได้ดีกว่าเดิม 2 เท่า และการโทร FaceTime จะเป็น Computaional video ที่ให้แสง, สี และภาพให้ดีขึ้นกว่าเดิม จะเห็นว่าทาง Apple ใส่ฟีเจอร์ Auto white balance, Auto exposure และ Local tone mapping ที่ช่วยปรับแสงสีในภาพให้สมจริง และมี Smart HDR อีกด้วย ทำให้สีผิวและภาพโดยรวมสวยงามขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งถ้าใครใช้ FaceTime ติดต่อกับเพื่อนหรือคนใกล้ตัวที่ใช้ MacBook หรือ iPhone ด้วยกันก็คาดหวังเรื่องความสวยงามได้

เสียงดีขึ้น

ส่วนไมโครโฟนของ MacBook Pro จะเป็นไมโครโฟนระดับ Studio โดย Apple เคลมว่าไมค์ใหม่นี้จะลดเสียงรบกวนรอบๆ ลง 60% ทำให้บันทึกเสียงเครื่องดนตรีและเสียงร้องได้ดีกว่าเดิม

speaker

สำหรับลำโพงตัวเครื่องจะมีทั้งหมดรวม 6 ตัว แยกเป็น Tweeter x 2 ตัว (สี่เหลี่ยมสีฟ้าด้านบนในภาพ) และลำโพง Woofer x 4 ตัว (วงรี 4 วงด้านล่าง) ซึ่ง Apple เคลมว่าทวีตเตอร์นี้ปรับแต่งให้ใหญ่กว่าเดิม 2 เท่า ให้เสียงสเตจเคลียร์กว่าเดิม และไดอะแฟรมของ Woofer ทั้ง 4 ตัวก็ปรับให้ใหญ่ขึ้น ทำให้แรงปะทะเสียงกับอากาศดีกว่าเดิม โดยเคลมว่าเสียงเบสจะหนักแน่นขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ 80% ทำให้เสียงเพลงฟังได้เต็มอิ่มขึ้น ซึ่ง MacBook Pro ทั้ง 2 ขนาดจะได้ลำโพงทั้ง 6 ตัวเหมือนกันทั้งคู่ และรองรับ Spatial Audio อีกด้วย

14 inch
14 gpu
14 ml

เมื่อเปลี่ยนมาเป็นชิป M1 Pro, M1 Max แล้ว ทาง Apple ก็เคลมประสิทธิภาพเช่นกันว่า MacBook Pro ขนาด 14.2 นิ้วใหม่นี้เมื่อเทียบกับรุ่นเก่าที่ติดตั้งซีพียู Intel Core i7 อยู่ พลังประมวลผลของ CPU จะดีกว่าเดิม 3.7 เท่า, ด้าน Graphics ถ้าเป็นชิป M1 Pro จะดีกว่เาดิม 9 เท่า และรุ่น M1 Max รีดไปได้ 13 เท่าจาก Intel Core i7 ส่วน ML performance (Machine Learning) ตัว Apple SoC จะดีกว่า Intel ถึง 11 เท่าทีเดียว

16 gpu
16 ML

ทางรุ่น 16.2 นิ้ว ที่ใช้จำนวนคอร์ซีพียูเท่ากับรุ่น 14.2 นิ้ว แต่คอร์จีพียูเยอะกว่า เมื่อเทียบกับการ์ดจอแยก AMD Radeon Pro 5600M ใน MacBook Pro 16 นิ้วรุ่นก่อนหน้าแล้ว ชิป M1 Pro จะทำงานได้ดีกว่า 2.5 เท่า และ M1 Max ดีกว่าถึง 4 เท่า และ ML performance เมื่อเทียบกับ Intel Core i9 ใน MacBook Pro 16 นิ้วรุ่นก่อนจะประมวลผลได้ดีกว่าเดิม 5 เท่า จัดว่า Apple SoC ใหม่นี้ประสิทธิภาพสูงกว่าเดิมอย่างชัดเจน ส่วน SSD ที่ติดตั้งมาในเครื่องจะเป็นรุ่นใหม่และรับส่งข้อมูลได้เร็วมากถึง 7.4 GB/s ทีเดียว

14 inch batt
16 inch batt

ด้านระยะเวลาใช้งานแบตเตอรี่ ก็ต้องถือว่าทำได้ดีทีเดียว โดยรุ่น 14.2 นิ้ว จะใช้งานต่อเนื่องได้นานสุด 17 ชั่วโมง และรุ่น 16.2 นิ้วได้ 21 ชั่วโมง และถ้าช่างภาพที่นำเครื่องไปใช้งานนอกสถานที่และไม่ได้ต่อปลั๊ก ถ้าใช้โปรแกรม Lightroom Classic ทำงานแล้ว จะใช้แต่งภาพได้นานกว่าเดิม 2 เท่า

fast charge

นอกจากนี้ Apple ยังใส่ฟีเจอร์ชาร์จเร็วมาให้ด้วย โดยเคลมไว้ว่าเมื่อชาร์จ 30 นาที จะได้แบตเตอรี่กลับมา 50% ทำให้เราใช้งานได้นานกว่าเดิม ส่วนบอดี้อลูมิเนียมของตัวเครื่องทำจากอลูมิเนียมที่รีไซเคิลมาแล้ว เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม

สเปคที่ Apple เปิดให้ลูกค้าปรับแต่ง MacBook Pro ใหม่ได้ตามต้องการ แต่ราคาก็เต็มแม็กซ์เช่นเดิม

14 inch pricing

เชื่อว่าผู้ใช้หลายๆ คน หลังจากดูงานเปิดตัวไปแล้วก็คงจะอยากเป็นเจ้าของ MacBook Pro รุ่นใหม่นี้แน่ๆ โดยราคาตั้งที่หน้าเว็บไซต์ Apple Thailand ในตอนนี้ จะเห็นว่ารุ่น 14 นิ้วรุ่นเริ่มต้นกับตัวท็อปจะแตกต่างกันที่จำนวนคอร์ของ M1 Pro, ความจุของ SSD ที่ติดตั้งมาให้ และกำลังชาร์จของปลั๊ก MagSafe ที่แถมมาให้ในกล่อง ส่วนนอกจากนั้นจะเหมือนกันทั้งหมด แต่ราคาต่างกัน 16,000 บาท โดยมีรายละเอียดแตกต่างกันดังนี้

  • รุ่นเริ่มต้นราคา 73,900 บาท – ติดตั้ง Apple M1 Pro รุ่นซีพียู 8 คอร์ จีพียู 14 คอร์ และ SSD 512GB ได้ MagSafe 67 วัตต์
  • รุ่นสูงสุดราคา 89,900 บาท – ติดตั้ง Apple M1 Pro ตัวเต็ม มีซีพียู 10 คอร์ จีพียู 16 คอร์ และ SSD 1TB ได้ MagSafe 96 วัตต์ 

จะเห็นว่าสเปคจะต่างกันเล็กน้อย จากมุมของผู้เขียนเห็นว่า MacBook Pro ตัวเริ่มต้นนั้นจะเหมาะกับนักเรียนนักศึกษาที่ทำงานอาร์ต, วาดรูปแต่งภาพ ตัดต่อวิดีโอเพื่อทำพรีเซนต์ส่งอาจารย์ รวมไปจนถึงฟรีแลนซ์และคอนเทนต์ครีเอเตอร์ก็สามารถใช้งานได้สบายๆ ส่วนตัวท็อปจะเหมาะกับคนที่เป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์และช่างภาพที่รับงานระดับจริงจัง ต้องการเครื่องประสิทธิภาพสูงสักหน่อยก็เลือกตัวนี้ไปใช้งานได้เลย

14 inch max custom

ส่วนถ้าใครอยากอัพสเปคให้แรงที่สุดเท่าที่ Apple เปิดให้อัพเกรดรุ่น 14.2 นิ้วได้ จะมีตัวเลือกเป็น Apple M1 Max รุ่นซีพียู 10 คอร์ กับ จีพียู 32 คอร์, 64GB Unified memory, 8TB SSD ได้เลย แต่ราคาจะทะยานขึ้นไป 208,900 บาท ถ้าคิดจากรุ่นสำเร็จรูปราคาสูงสุด ราคาจะสูงขึ้น 119,000 บาททีเดียว

16 inch pricing

ด้านรุ่น 16.2 นิ้วจะถือว่าสเปคไม่ต่างอะไรกันมากนัก อย่างมากสุดคือรุ่นเริ่มต้นที่ราคาเท่ารุ่นสูงสุดของ 14.2 นิ้ว Apple จะติดตั้ง SSD ความจุ 512GB มาให้ และถ้าอัพเกรดอีก 7,000 บาทมาเป็นรุ่นกลางราคา 96,900 บาท จะเพิ่ม SSD เป็น 1TB และใช้ซีพียู Apple M1 Pro แบบ ซีพียู 10 คอร์ และ จีพียู 16 คอร์เหมือนกัน

แต่รุ่นประกอบสำเร็จรูปสเปคสูงสุดจัดเป็นตัวไฮไลต์และเป็นรุ่นเดียวที่ติดตั้ง Apple M1 Max มาให้จากโรงงาน มี Unified Memory 32 GB และ SSD 1TB และราคาอยู่ที่ 124,900 บาท เพิ่มจากรุ่นกลางมา 28,000 บาท แพงกว่ารุ่นเริ่มต้นของ 16.2 นิ้วอยู่ 35,000 บาท

16 inch max custom

ส่วนการปรับแต่งสเปค MacBook Pro 16.2 นิ้วให้เต็มประสิทธิภาพ โดยเลือกจากรุ่นที่เป็น Apple M1 Max แล้ว จะมีให้เพิ่มเพียง Unified Memory เป็น 64GB และ SSD เพิ่มความจุเป็น 8TB และได้ราคาจบที่ 215,900 บาท จัดว่าราคาสูงขึ้นกว่าเดิม 91,000 บาท ซึ่งถ้าใครใช้งานหนักอย่างการเขียนโปรแกรม, แต่งภาพตัดต่อวิดีโอระดับโปรดักชั่นเฮ้าส์หรือทำหนังสั้น รวมไปถึงคนที่เรนเดอร์โมเดล 3D CG แบบจริงจัง การอัพสเปคเครื่องมาระดับนี้ก็น่าจะตอบโจทย์การใช้งานของอย่างแน่นอน

final cut

สุดท้าย ผู้เขียนก็ขอย้ำเรื่องการเลือกรุ่นให้เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันของเราเช่นเดิม ซึ่งโดยส่วนตัวผู้เขียนที่มีโอกาสได้ทดลองใช้ MacBook Air M1 มา ก็เชื่อว่า M1 Pro, M1 Max จะมีประสิทธิภาพสูงกว่าเดิมอย่างแน่นอน แต่ถ้าใครไม่ได้ใช้งานหนักมาก อาจจะแค่ดูหนังฟังเพลง มีการตัดต่อวิดีโอหรือแต่งภาพบ้างก็อาจจะไม่จำเป็นต้องมา MacBook Pro ก็ได้ หรืออาจจะเลือกแค่รุ่นประกอบสำเร็จรูปตัวเริ่มต้นขนาด 14.2 นิ้วก็ถือว่าเพียงพอ

ยกเว้นครีเอเตอร์ที่ต้องใช้กำลังประมวลผลของซีพียูที่หนักหน่วงอย่างต่อเนื่อง จะใช้ประโยชน์จากระบบปรับแต่งสเปค เลือกเพิ่มสเปคอีกเล็กน้อยให้ตอบโจทย์การใช้งานแต่ประหยัดงบประมาณเอาไว้อุดหนุนโปรแกรมแท้หรืออุปกรณ์เสริมที่จำเป็นสำหรับการใช้งานก็จะมีประโยชน์อย่างแน่นอน


บทความที่เกี่ยวข้อง

Share image Edit Name 3ipadprom1

apple cover

ipad pro cover

from:https://notebookspec.com/web/619169-new-macbook-pro-summary-apple-event