คลังเก็บป้ายกำกับ: เสี่ยวหมี่

เสียวหมี่ แต่งตั้ง อเล็กซ์ ถัง นั่ง ผู้จัดการ เสียวหมี่ ประเทศไทย รุกตลาดสมาร์ทโฟนและ AIoT

เสียวหมี่ ประกาศแต่งตั้ง อเล็กซ์ ถัง ดำรงตำแหน่ง ผู้จัดการ เสียวหมี่ ประเทศไทย กุมบังเหียนรุกตลาดสมาร์ทโฟนและ AIoT ในประเทศไทย หวังขับเคลื่อนภาพรวมธุรกิจพร้อมยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า ลุยเดินหน้าขยายและพัฒนาร้านค้าพร้อมศูนย์บริการหลังการขายให้ครอบคลุมและดียิ่งขึ้น

xiaomi

อเล็กซ์ ถัง เข้าดำรงตำแหน่งในฐานะผู้จัดการ เสียวหมี่ ประเทศไทย อย่างเป็นทางการตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยเข้ามากำหนดกลยุทธ์การขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถและประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ซึ่งมุ่งหวังที่จะยกระดับประสบการณ์และความพึงพอใจของลูกค้าชาวไทยที่มีต่อเสียวหมี่ให้ดีมากยิ่งขึ้น

ประเทศไทยเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศหลักที่เสียวหมี่ให้ความสำคัญซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโต ในฐานะผู้จัดการ เสียวหมี่ ประเทศไทย ผมมีปณิธานและมุ่งหวังให้ลูกค้าชาวไทยได้รับสินค้าและบริการที่ดีจากเสียวหมี่เพื่อยกระดับการใช้ชีวิตผ่านเทคโนโลยีและนวัตกรรมของเรา โดยปีนี้ เราจะเดินหน้าพัฒนาและดำเนินการใน ส่วน ได้แก่ การกำหนดกลยุทธ์ด้านสินค้าการรุกตลาดสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ (high-end smartphone) การยกระดับประสบการณ์และความพึงพอใจของลูกค้า”

xiaomi

สำหรับในส่วนแรก คือ การกำหนดกลยุทธ์ด้านสินค้านั้น เรายังคงตั้งใจจะนำเข้าและส่งมอบผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยในทุกระดับ เสียวหมี่มีสมาร์ทโฟนที่ตอบโจทย์ลูกค้าในระดับราคาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ (high-end smartphone) อย่างรุ่น Xiaomi Series และ Xiaomi T Series, สมาร์ทโฟนระดับกลาง (mid-range smartphone) ในรุ่น Redmi Note Series และสมาร์ทโฟนในระดับเริ่มต้น (entry smartphone) ในรุ่น Redmi Series นอกจากนี้ เรายังตั้งใจจะขยายจำนวนการนำเข้าของประเภทผลิตภัณฑ์ AIoT ตามกลยุทธ์หลักของเรา คือ ‘Smartphone x AIoT’ อีกด้วย

ในส่วนที่สอง คือ การรุกตลาดสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ โดยปีที่ผ่านมาเสียวหมี่ได้ประกาศความร่วมมือที่สำคัญซึ่งเป็นความร่วมมือระดับกลยุทธ์ระยะยาว (long-term strategic cooperation) กับแบรนด์กล้องชั้นนำระดับโลกอย่างไลก้า (Leica) เพื่อพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีด้านการถ่ายภาพบนสมาร์ทโฟนเสียวหมี่ โดยในช่วงปลายปีที่แล้ว เสียวหมี่ได้เปิดตัว Xiaomi 12S Ultra สมาร์ทโฟนรุ่นแรกของเสียวหมี่ที่ได้รับการพัฒนาด้านกล้องถ่ายภาพร่วมกับ Leica และได้วางจำหน่ายเฉพาะในประเทศจีนซึ่งได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้า ในปีนี้ เรามีแผนเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่พัฒนาร่วมกัน Leica ซึ่งจะวางจำหน่ายทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยเร็วๆ นี้

ส่วนสุดท้าย คือ การยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าชาวไทยที่มีต่อแบรนด์เสียวหมี่ให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งเรามีแผนจะขยายและพัฒนาทั้งในส่วนหน้าร้านของเสียวหมี่และในส่วนศูนย์ให้บริการหลังการขาย โดยจะขยายจำนวนให้ครอบคลุมในพื้นที่หลักสำคัญๆ ของไทย พร้อมทั้งพัฒนาประสิทธิภาพการให้บริการให้ดีมากขึ้น

เราเชื่อว่าการเดินหน้าพัฒนาและดำเนินการในทั้ง ส่วนที่กล่าวมานั้น จะสามารถทำให้ เสียวหมี่ ประเทศไทย บรรลุเป้าหมายที่ตั้งใจ คือ การมอบเทคโนโลยีนวัตกรรมที่เหมาะสมผ่านผลิตภัณฑ์ของเสียวหมี่ พร้อมสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าชาวไทยทุกคน”

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post เสียวหมี่ แต่งตั้ง อเล็กซ์ ถัง นั่ง ผู้จัดการ เสียวหมี่ ประเทศไทย รุกตลาดสมาร์ทโฟนและ AIoT first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/country-manager-xiaomi-thailand/

ทาสแมว ทาสหมา ฟังทางนี้ Xiaomi เอาใจคนรักสัตว์ เปิดตัว Xiaomi Smart Pet Fountain – Xiaomi Smart Pet Food

Xiaomi หรือ เสียวหมี่ ประเทศไทย ประกาศวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ AIoT ดูแลสัตว์เลี้ยง น้ำพุ Xiaomi Smart Pet Fountain ในราคาเพียง 1,990 บาท และ เครื่องให้อาหาร Xiaomi Smart Pet Food Feeder ในราคาเพียง 2,990 บาท โดยผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 รุ่น พร้อมวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2565 เป็นต้นไป ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ

xiaomi
น้ำพุ Xiaomi Smart Pet Fountain

Xiaomi Smart Pet Fountain ถูกออกแบบมาให้ใช้งานสะดวกสบาย โดยตัวน้ำพุนั้นสามารถจุน้ำได้มากกว่า 2 ลิตร ซึ่งเป็นปริมาณน้ำที่เหมาะสมสำหรับแมวโตเต็มวัยที่จะบริโภคได้เป็นเวลายาวนานกว่า 4-7 วัน นอกจากนี้ในส่วนฝาปิดยังถูกออกแบบมาให้สามารถเก็บน้ำและจ่ายน้ำดื่มฉุกเฉินได้ในปริมาณหนึ่งสำหรับกรณีที่ไฟฟ้าดับอีกด้วย

เสียวหมี่ ยังให้ความสำคัญกับความสะอาดและความปลอดภัย โดย Xiaomi Smart Pet Fountain นั้นได้รับการทดสอบโดยหน่วยงานทดสอบที่เชื่อถือได้ว่าถังเก็บน้ำและฝาปิดนั้นเป็นไปตามข้อกำหนดของวัสดุที่สัมผัสกับอาหาร เพื่อให้มั่นใจว่าจะจ่ายน้ำสะอาด มีคุณภาพสูง และปลอดภัยสำหรับสัตว์เลี้ยง นอกจากนี้ น้ำพุ Xiaomi Smart Pet Fountain ยังมีการกรองถึงสี่ขั้นตอนที่จะช่วยขจัดสิ่งเจือปน เช่น อนุภาคละเอียด เส้นผม และคลอรีนที่ตกค้าง ตลอดจนไอออน Ca หรือ Mg ที่อาจทำให้เกิดนิ่วในไตอีกด้วย

ตัวอุปกรณ์สามารถช่วยคุณดูแลสัตว์เลี้ยงแสนรักได้สะดวกมากขึ้น โดยสามารถทำการเชื่อมต่อกับ Mi Home APP ซึ่งจะช่วยแจ้งเตือนคุณเมื่อถึงเวลาที่ต้องเติมน้ำ เช่น ในกรณีที่มีน้ำไม่เพียงพอ Mi Home APP และตัวบ่งชี้ระดับน้ำของน้ำพุจะขึ้นสีเเดงเพื่อเตือนให้คุณเติมน้ำ หรือช่วยแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาที่ต้องทำความสะอาดเครื่องและเปลี่ยนไส้กรองก็สามารถทำได้

Xiaomi Smart Pet Fountain วางจำหน่ายในราคาเพียง 1,990 บาท ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2565 เป็นต้นไป ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ

xiaomi
เครื่องให้อาหาร Xiaomi Smart Pet Food Feeder

ตัวเครื่องของ Xiaomi Smart Pet Food Feeder นั้นถูกออกแบบมาให้เหมาะกับแมวและหมาขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง โดยเครื่องให้อาหาร Xiaomi Smart Pet Food Feeder นั้นสามารถเก็บอาหารแห้งได้เยอะกว่า 1.8 กิโลกรัม เพื่อให้อาหารแมวโตเต็มวัยและหมาขนาดเล็กได้ยาวนานถึง 15-20 วัน ซึ่งตัวอุปกรณ์ก็สามารถเชื่อมต่อกับ Mi Home App ได้เช่นกัน ช่วยให้คุณสามารถควบคุมปริมาณและเวลาการให้อาหารได้ทุกที่ทุกเวลาอย่างสะดวกสบาย โดยแอพพลิเคชันและตัวเครื่องให้อาหารจะทำการแจ้งเตือนเมื่ออาหารใกล้หมด

สำหรับเรื่องความสะอาดและความปลอดภัยนั้น ช่องใส่อาหาร โถกวนอาหาร และใบมีดจ่าย เป็นไปตามข้อกำหนดของภาชนะที่สัมผัสอาหารได้ นอกจากนี้ยังสามารถถอดประกอบและทำความสะอาดได้อีกด้วย

Xiaomi Smart Pet Food Feeder วางจำหน่ายในราคาเพียง 2,990 บาท ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2565 เป็นต้นไป ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post ทาสแมว ทาสหมา ฟังทางนี้ Xiaomi เอาใจคนรักสัตว์ เปิดตัว Xiaomi Smart Pet Fountain – Xiaomi Smart Pet Food first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/xiaomi-smart-pet-fountain-xiaomi-smart-pet-food/

Xiaomi ประกาศขายมือถือ Redmi 10 5G เริ่มต้น 999 บาท ผ่าน 3 ค่ายมือถือ

Xiaomi เปิดตัวมือถือ Redmi 10 5G ราคาเริ่มต้น 999 บาท เมื่อซื้อเครื่องพร้อมแพ็กเกจกับ 3 ค่ายมือถือ และจับมือ AIS แบบ Exclusive เปิดราคาเริ่มต้น 1,234 บาท โดยไม่ต้องจ่ายค่าบริการล่วงหน้า ปูฐานเพิ่มลูกค้าย้ายมาใช้ 5G มากขึ้น

xiaomi

Redmi 10 5G เป็นมือถือสมาร์ทโฟนราคาประหยัดรุ่นใหม่ ของ Xiaomi โดยมีจำหน่ายทั้งหมด 2 รุ่น คือ

  • Redmi 10 5G ความจุ 4GB+64GB ในราคา 5,999 บาท Exclusive จำหน่ายเฉพาะที่ AIS เท่านั้น และหากซื้อพร้อมแพ็กเกจ สามารถซื้อได้ในราคาเริ่มต้นที่ 1,234 บาท โดยไม่ต้องจ่ายค่าบริการล่วงหน้า
  • Redmi 10 5G ความจุ 6GB+128GB ราคา 7,299 บาท วางจำหน่ายผ่าน 3 ค่ายมือถือ AIS, True และ dtac และหากซื้อพร้อมแพ็กเกจ แลกซื้อเครื่องในราคาเริ่มต้น 999 บาท (จ่ายค่าบริการล่วงหน้า 2,000 บาท)

Redmi 10 5G

คณาธิป ธีรทีป รักษาการณ์หัวหน้าแผนกงานการตลาดด้านผลิตภัณฑ์ (Acting Head of Product Marketing & Postpaid Unit) AIS เปิดเผยว่าความร่วมมือระหว่าง AIS และ Xiaomi ในการเปิดตัว Redmi 10 5G แบบ Exclusive นั้น จะทำให้ลูกค้าสามารถใช้งาน 5G ได้ง่ายขึ้น ด้วยราคาเครื่อง และแพ็กเกจรายเดือนที่คุ้มค่า และเร็วๆ นี้จะจับมือกับแบรนด์มือถืออื่นๆ ในราคาประหยัดพร้อมแพ็คเกจเป็นทางเลือกให้ผู้ใช้บริการตามออกมาอีก

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post Xiaomi ประกาศขายมือถือ Redmi 10 5G เริ่มต้น 999 บาท ผ่าน 3 ค่ายมือถือ first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/xiaomi-redmi-10-5g-ais-true-dtac/

วิเคราะห์ความร่วมมือ Xiaomi-Leica Camera สร้าง Co-Brand แล้วดีอย่างไรต่อผู้ใช้และธุรกิจ

จากการประกาศความร่วมมือระหว่าง Xiaomi และ Leica Camera เป็นความร่วมมือกันทางเทคโนโลยี พูดง่ายๆ ว่า มือถือรุ่นใหม่ของ Xiaomi ที่จะเปิดตัวประมาณเดือน ก.ค. 65 นี้ จะมีเทคโนโลยีกล้องจาก Leica Camera เข้ามาเสริมประสิทธิภาพให้โดดเด่นยิ่งกว่าเดิม ไปดูกันว่าการทำ Co-Brand ลักษณะนี้ส่งผลดีอย่างไรต่อผู้ใช้ และสร้างยอดขายให้กับแบรนด์ได้อย่างไร

xiaomi leica

Xiaomi-Leica Camera จุดเริ่มต้นความร่วมมือคุณภาพ

ความร่วมมือของ 2 แบรนด์นี้น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ และจากการประกาศว่าน่าจะได้เห็นมือถือรุ่นใหม่ในเดือน ก.ค.​ คาดว่าน่าจะเป็น Xiaomi Mi 12 Ultra ซึ่งแต่เดิม Mi 11 Ultra ก็มีความโดดเด่นเรื่องคุณภาพกล้องอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้หากผนวกเทคโนโลยี Leica Camera เข้าไปอีก น่าจะเพิ่มประสิทธิภาพให้เด่นยิ่งกว่าเดิม

อีกทั้งการประกาศยังบอกชัดเจนว่า เป็นความร่วมมือในระยะยาว แปลว่าโมเดลใหม่ๆ ในอนาคตก็น่าจะมีเทคโนโลยีกล้องของ Leica Camera เข้ามาด้วย สิ่งที่ทำให้น่าสนใจยิ่งขึ้นคือ Leica Camera จะไปอยู่ในผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Xiaomi ด้วยหรือไม่ เช่น แท็บเล็ต หรืออะไรก็ตามที่ต้องใช้กล้อง จะยิ่งเพิ่มความน่าติดตามได้ไม่น้อย

ดังนั้น จากความร่วมมือนี้ จะทำให้มือถือของ Xiaomi น่าสนใจขึ้นทันที คุณภาพของกล้องจะเด่นชัดขึ้นเมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด ในด้านภาพลักษณ์จะสร้างความแตกต่างและเป็นปัจจัยช่วยในการตัดสินใจให้กับผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี

xiaomi 12

อย่างไรก็ตาม Xiaomi ก็ต้องพิจารณาเรื่องราคาของผลิตภัณฑ์ด้วยเช่นกัน จากเดิมที่ Xiaomi ถูกรับรู้ว่าเป็นแบรนด์คุณภาพในราคาที่เข้าถึงได้ ดังนั้นเมื่อมีการความร่วมมือกับ Leica Camera อาจทำให้ราคาปรับสูงขึ้น แต่ถ้ายึดหลักการเดิมไว้ เชื่อว่ามีโอกาสสร้างส่วนแบ่งรายได้อีกมายในระยะยาว

ย้อนดูความร่วมมือ Huawei-Leica Camera จนวันสุดท้าย

สำหรับความร่วมมือในลักษณะ Co-Brand และประสบความสำเร็จก่อนหน้านี้ที่ชัดเจนมากคือ Huawei-Leica Camera ที่ต้องยอมรับว่า ทำให้กล้องบนมือถือมีคุณภาพที่ดีขึ้น ท่ามกลางการแข่งขันตลาดมือถือทั่วโลก หนึ่งในปัจจัยการแข่งขันคือ คุณภาพของกล้องหน้าและกล้องหลัง ความสามารถในการถ่ายในที่แสงน้อย ถ่ายกลางคืน ภาพกว้าง ภาพซูม ซึ่งกลุ่มหัวตารางอย่าง iPhone, Samsung และ Huawei แข่งขันกันมาตลอด

ดังนั้น การร่วมมือระหว่าง Huawei-Leica Camera เกิดขึ้นในปี 2559 รุ่น P9 Series และ Mate9 Series ช่วยสร้างจุดแข็งและจุดขายให้กับ Huawei โดดเด่นกว่าคู่แข่งอยู่ไม่น้อย และยังช่วยเพิ่มราคาขายตัวมือถือรุ่นใหม่ให้สูงขึ้นด้วย

แต่เมื่อเกิดความร่วมมือระหว่าง Xiaomi-Leica Camera เกิดขึ้น ก็พูดได้ว่า ความร่วมมือกับ Huawei ได้สิ้นสุดลงแล้ว โดยมีการประกาศว่าความร่วมมือสิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการวันที่ 31 มี.ค. 65 โดยมือถือรุ่นสุดท้ายที่มี Leica Camera อยู่คือ Huawei P50 Series ดังนั้น ไม่น่าจะได้เห็น Leica Camera ใน Huawei Mate50 Seires

กล่าวได้ว่า Huawei ต้องเผชิญความยากลำบากในธุรกิจมือถืออยู่พอสมควร หลังจากที่ไม่สามารถใช้บริการ Google Mobile Services หรือ GMS ส่งผลให้การทำตลาดนอกประเทศจีนยากขึ้น ล่าสุดแยกทางกับ Leica Camera ก็ลดพลังของแบรนด์ลงไม่น้อย เรียกว่าปัจจัยที่ทำให้ผู้บริโภคเลือกซื้อมือถือ Huawei ก็ลดลงเช่นกัน ต้องรอดูว่าธุรกิจมือถือของ Huawei จะเป็นอย่างไรต่อไป

เจ้าอื่นก็ทำ Co-Brand แต่ไม่โดดเด่น

Xiaomi-Leica Camera เป็นความร่วมมือที่โดดเด่นน่าสนใจ เพราะเทคโนโลยีด้านการภ่ายภาพของ Leica Camera เป็นที่ยอมรับ แต่การทำ Co-Brand ไม่ได้มีเพียงสองแบรนด์นี้เท่านั้น แบรนด์มือถืออื่นๆ ก็ร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีด้านการถ่ายภาพกับแบรนด์ด้านกล้องและเลนส์อื่นๆ เพื่อทำตลาดเช่นเดียวกัน

ZEISS เป็นผู้ผลิตเลนส์อีกแบรนด์หนึ่งจากเยอรมนี และยังเป็นผู้ผลิตเลนส์ที่ใช้งานกับกล้อง Mirrorless ของ Sony ซึ่ง ZEISS มีความร่วมมือกับมือถือหลายแบรนด์ เช่น VIVO รุ่น X70 Series, Sony รุ่น XPERIA 1 เป็นต้น

Hasselblad ผู้ผลิตกล้องจากสวีเดน เป็นอีกแบรนด์คุณภาพที่มีความร่วมมือกับมือถือ คือ OPPO ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกัน รุ่นที่วางจำหน่ายในตลาด เช่น OPPO Find X5 Pro เป็นต้น

สรุป

การทำ Co-Brand หรือ Strategic Partner เป็นหนึ่งในวิธีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้นและเป็นการทำตลาดรูปแบบหนึ่งเพื่อสร้างความแตกต่าง ขณะที่มือถือหน้าตาเหมือนกันหมด แอพพลิเคชั่นไม่ต่างกันมากนัก ระบบปฏิบัติการมี 2 ค่ายหลัก สิ่งที่ผู้บริโภคจะตัดสินใจคือ ราคาที่จ่ายไหวเทียบกับคุณภาพ ถ้ามีการ Co-Brand ก็ช่วยเพิ่มน้ำหนักในการเลือก และเมื่อใช้งานก็สัมผัสได้ถึงประสิทธิภาพที่ดีขึ้น

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post วิเคราะห์ความร่วมมือ Xiaomi-Leica Camera สร้าง Co-Brand แล้วดีอย่างไรต่อผู้ใช้และธุรกิจ first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/xiaomi-leica-camera-co-brand/

Xiaomi จับมือ Leica Camera ประกาศความร่วมมือ เตรียมพบ Leica บนมือถือ Xiaomi ก.ค.นี้

เสียวหมี่ (Xiaomi) ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์อัจฉริยะชั้นนำของโลก พร้อมด้วย ไลก้า คาเมรา (Leica Camera) ผู้มีชื่อเสียงระดับตำนานมาอย่างยาวนานจากคุณภาพอันยอดเยี่ยม นวัตกรรมทางเทคโนโลยีอันล้ำหน้า และงานฝีมือจากเยอรมัน ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในด้านการถ่ายภาพบนมือถืออย่างเป็นทางการ โดยสมาร์ทโฟนเรือธงสำหรับการถ่ายภาพรุ่นแรกที่พัฒนาร่วมกันโดยทั้งสองบริษัทจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนกรกฎาคมปีนี้

xiaomi leica

เสียวหมี่และไลก้านั้นมีแนวคิดเดียวกันเกี่ยวกับการถ่ายภาพบนมือถือ ทั้งสองบริษัทต่างมีความมุ่งมั่นที่จะค้นหาประสิทธิภาพและประสบการณ์การถ่ายภาพชั้นเลิศอย่างต่อเนื่องในยุคแห่งการถ่ายภาพบนมือถือผ่านความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีขั้นสูงและการแสวงหาสุนทรียภาพแห่งความงามอีกด้วย

มร. เหล่ย จุน ผู้ก่อตั้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และซีอีโอของเสียวหมี่ กรุ้ป กล่าวว่า เสียวหมี่มุ่งมั่นในการสร้างประสบการณ์ผู้ใช้งานที่ดีที่สุด และยังคงมุ่งค้นหาความสามารถของการถ่ายภาพบนสมาร์ทโฟนอย่างที่สุด เสียวหมี่และไลก้าจึงเห็นพ้องต้องกันในการแสวงหาไอเดีย รวมไปถึงยังชื่นชมข้อดีและอุตสาหกรรมของกันและกันอีกด้วย ความร่วมมือนี้จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งในด้านกลยุทธ์การถ่ายภาพของเสียวหมี่อย่างแท้จริง โดยการร่วมมือกันครั้งนี้จะครอบคลุมตั้งแต่การออกแบบออปติคัลไปจนถึงการปรับแต่งความงาม นวัตกรรมเทคโนโลยี ปรัชญาผลิตภัณฑ์และการถ่ายภาพที่ทั้งฝ่ายพึงพอใจจากประสบการณ์ของการหลอมรวมและผสมผสานกันในเชิงลึกอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

มร.มัททีอัส ฮาร์ช (Matthias Harsch) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ไลก้า คาเมรา เอจี (Leica Camera AG) กล่าวเพิ่มเติมว่า นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งในการประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระยะยาวกับเสียวหมี่ในวันนี้ ทั้งไลก้าและเสียวหมี่นั้นต่างก็เป็นแบรนด์ระดับพรีเมียมระดับโลก การร่วมมือกันในครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้ทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อเป้าหมายในการมอบยุคใหม่ของการถ่ายภาพบนมือถือให้กับลูกค้า เราเชื่อมั่นว่าสมาร์ทโฟนเรือธงสำหรับการถ่ายภาพที่พัฒนาขึ้นร่วมกันเป็นครั้งแรกจะทำให้เห็นถึงความก้าวหน้าของการบุกเบิกของทั้งสองบริษัท เราจะขอมอบคุณภาพของภาพถ่ายบนมือถืออันยอดเยี่ยม ด้วยสุนทรียศาสตร์สุดคลาสสิกจากไลก้า ความคิดสร้างสรรค์อันไร้ขีดจำกัด และเปิดศักราชใหม่ของการถ่ายภาพบนมือถือให้กับผู้บริโภค

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post Xiaomi จับมือ Leica Camera ประกาศความร่วมมือ เตรียมพบ Leica บนมือถือ Xiaomi ก.ค.นี้ first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/xiaomi-leica-camera/

Xiaomi เปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธง Xiaomi 12 Series ราคาเริ่มต้น 24,900 บาท วางขาย 2 เม.ย.​ 65

xiaomi 12

โจนาธาน คัง ผู้จัดการ เสียวหมี่ ประเทศไทย กล่าวว่า Xiaomi 12 Pro เน้นการบันทึกภาพระดับสตูดิโอ ในคอนเซปต์ Master every scene มาพร้อมกล้องหลักระดับโปรความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เลนส์เทเลโฟโต 50 ล้านพิกเซลและเลนส์อัลตราไวด์ 50 ล้านพิกเซล หน้าจอแสดงผล WQHD+ dynamic 120HZ AMOLED พร้อมลำโพงสี่ตัวจาก SOUND BY Harman Kardon ซัพพอร์ตการใช้งานด้วยการชาร์จ 120W Xiaomi HyperCharge พร้อมระบบชาร์จเร็วแบบไร้สาย 50W turbo charging

xiaomi 12

ขณะที่ Xiaomi 12 มาพร้อมกล้องหลักระดับโปร 50 ล้านพิกเซล เลนส์อัลตราไวด์และเลนส์เทเลมาโคร หน้าจอแสดงผล AMOLED 120Hz พร้อมลำโพงคู่ SOUND BY Harman Kardon รองรับการใช้งานตลอดวันด้วยการชาร์จเร็ว 67W แบบมีสาย และ 50W แบบไร้สาย โดยสมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นใช้ระบบประมวลทรงพลังอย่าง Snapdragon 8 Gen 1 โปรเซสเซอร์ขนาด 4nm ที่รองรับ 5G 

xiaomi 12

  • Xiaomi 12 Pro รุ่นความจุ 12GB+256GB วางจำหน่ายในราคา 31,990 บาท
  • Xiaomi 12 รุ่นความจุ 12GB+256GB วางจำหน่ายในราคา 26,990 บาท
  • Xiaomi 12 รุ่นความจุ 8GB+256GB วางจำหน่ายในราคา 24,990 บาท

กำหนดวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน 2565 สำหรับลูกค้าที่สั่งจองในระหว่างวันที่ 16-27 มีนาคม 2565 รับฟรี* นาฬิกาอัจฉริยะ Xiaomi Watch S1 Active มูลค่า 4,990 บาท

Xiaomi Watch S1
Xiaomi Watch S1

Xiaomi Watch S1 Active

นาฬิกาอัจฉริยะ Xiaomi Watch S1 และ Xiaomi Watch S1 Active

นอกจากนี้ Xiaomi ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ AIoT รุ่นใหม่ 2 รุ่น ประกอบไปด้วย นาฬิกาอัจฉริยะ Xiaomi Watch S1 และ Xiaomi Watch S1 Active ซึ่งมาพร้อมหน้าจอ AMOLED 1.43 นิ้ว มีโหมดออกกำลังกาย 117 โหมด สามารถเลือกลวดลายบนหน้าปัดมากกว่า 200 รูปแบบ ใช้งานได้ยาวนาน 12 วัน

Xiaomi Watch S1 ใช้วัสดุกระจกแซฟไฟร์ กรอบแสตนเลสและสายหนัง มีสองสีให้เลือก ได้แก่ สีน้ำตาลและสีดำ จำหน่ายในราคา 6,490 บาท ขณะที่ Xiaomi Watch S1 Active มีสามสีให้เลือกเช่นกัน ได้แก่ Moon White, Black Space และ Ocean Blue จำหน่ายในราคา 4,990 บาท นาฬิกาทั้งสองรุ่นจะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 16 มีนาคม 2565 เป็นต้นไป

Xiaomi Buds 3T Pro

หูฟังไร้สาย Xiaomi Buds 3T Pro และ Xiaomi Buds 3

หูฟังไร้สาย Xiaomi Buds 3T Pro และ Xiaomi Buds 3 ตัดเสียงรบกวนชั้นนําระดับโลกแบบ Adaptive ตัดเสียงรบกวนสูงสุด 40dB และมอบคุณภาพเสียงระดับพรีเมียม Xiaomi Buds 3T Pro มาพร้อมระบบเสียง Luxury Dynamic Driver แม่เหล็กคู่ 10 มม. เคลือบด้วยไดอะแฟรม DLC ออกแบบให้มีคุณภาพเสียงระดับสตูดิโอและรองรับ LHDC 4.0 codec

ขณะที่ หูฟัง Xiaomi Buds 3 ใช้ Dual-magnetic Dynamic Driver ความถี่กว้าง 3 แบนด์ให้คุณสัมผัสลึกถึงรายละเอียดของเสียง หูฟังทั้งสองถูกออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ของโครงสร้างใบหูชั้นนอกเพื่อความสบาย พอดี และสวมใส่ได้อย่างปลอดภัย มีให้เลือกสองสีได้แก่ Carbon Black และ Gloss White

Xiaomi Buds 3T Pro จะวางจำหน่ายในราคา 3,999 บาท และ Xiaomi Buds 3 จะวางจำหน่ายในราคา 2,999 บาท จะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 16 มีนาคม 2565 เป็นต้นไป

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post Xiaomi เปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธง Xiaomi 12 Series ราคาเริ่มต้น 24,900 บาท วางขาย 2 เม.ย.​ 65 first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/xiaomi-12-series/

ตลาดแตก! เปิดตัว Redmi Note 9T มือถือ 5G ราคาถูกที่สุดในโลกเพียง 5,999 บาท

เปิดปี 2021 มา Xiaomi ก็ทำเอาแบรนด์สมาร์ทโฟนหลายๆ ค่าย โกลาหล เพราะล่าสุดเปิดตัว Redmi Note 9T สมาร์ทโฟนรุ่นถูก ที่ใช้ 5G (แถมใช้ 5G ได้พร้อมทั้ง 2SIM) ได้ในราคาเพียง 5,999 บาท ถือว่าถูกเกือบครึ่งเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟน 5G รุ่นที่ถูกที่สุดไปก่อนหน้านี้ Motorola G 5G Plus ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อช่วงปลายปีที่แล้วในราคา 9,990 บาท

สเปคโหด แต่ราคาจับต้องได้

Xiaomi เลือกใช้ CPU MediaTek Dimensity 800U, 7nm, Octa-core up to 2.4GHz, Mali-G57 GPU รองรับการใช้งาน 5G แบบ Dual SIM นั้นแปลว่า ทั้งสองซิม สามารถจับสัญญาณ 5G ได้พร้อมกัน

ไม่ใช่แค่เรื่องรองรับ 5G เท่านั้น Xiaomi ยังจัดหนักด้วยเรื่องของหน้าจอแสดงผลแบบ DotDisplay ขนาด 6.53 นิ้ว ความละเอียด 1080×2340 พิกเซล (FHD+) อัตราส่วน 19.5:9 พร้อมกล้องหลัง 3 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.79 + กล้องระยะชัดตื้น 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 + กล้อง Macro 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 พร้อมไฟแฟลช LED

Redmi Note 9T วางจำหน่าย 2 รุ่น ได้แก่

  • Redmi Note 9T รุ่น 4+64 GB ราคาพิเศษเพียง 5,999 บาท (จากราคาปกติ 6,999 บาท)
  • Redmi Note 9T รุ่น 4+128 GB ราคาพิเศษเพียง 6,599 บาท (จากราคาปกติ 7,499 บาท)

(*ราคาพิเศษนี้เฉพาะลูกค้าสั่งซื้อล่วงหน้าระหว่างวันที่ 9-15 มกราคม 2564 ที่ JD Central เท่านั้น)

กฎ 5% ของ Lei Jun ดั้มราคาสมาร์ทโฟนให้ทุกคนจับต้องได้

ที่มา https://c.mi.com/thread-984288-1-0.html

Lei Jun Xiaomi CEO ได้เคยกล่าวสุนทรพจน์วันที่ 25 เมษายน 2561 หลังจากที่คณะกรรมการของ Xiaomi ลงมติให้บริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิโดยรวมต่อปีของบริษัทต่อผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์ไม่ควรเกินกว่า 5% โดยย้ำว่าทุกๆ คนจะสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ได้ในราคาที่คุ้มค่ามาก และหากมีกำไรเกินมากกว่า 5% ส่วนที่เกินจะถูกส่งคืนให้กับลูกค้าทุกราย

นั้นเลยเป็นที่มาว่า ทำไมสินค้าของ Xiaomi สามารถทำราคาได้ถูกกว่าท้องตลาด 20-30% ทั้งที่สเปค และฟีเจอร์ไม่ต่างจากคู่แข่งในตลาด

โอเปอเรเตอร์ ได้อานิสงค์ 5G โตขึ้นแบบก้าวกระโดด

วสิษฐ์ วัฒนศัพท์ หัวหน้าฝ่ายงานปฏิบัติการและสนับสนุนด้านเทคนิคทั่วประเทศ AIS ให้ข้อมูลเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมาว่า “คาดการณ์ว่าจบปี 2563 จะมีสมาร์ทโฟนที่รองรับการใช้งาน 5G มากกว่า 1 แสนเครื่อง และ AIS ปูเครือข่าย 5G ในเขตนิคมอุตสาหกรรม EEC 100% แล้ว และให้บริการครอบคลุมพื้นที่ประชากรอาศัย 60% ในเขตกรุงเทพฯ และ 16% ให้บริการคลอบคลุมพื้นที่ประชากรอาศัยทั่วประเทศ”

สอดคล้องกับ Apple ที่เปิดตัว iPhone 12 ทั้ง 4 รุ่น เมื่อช่วงปลายปี ซึ่งทั้งหมดรองรับการใช้งาน 5G ที่ได้รับความนิยม และตอบรับจากผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก เรียกได้ว่าเป็นรุ่นที่ขายที่ดีที่สุด นับตั้งแต่มี iPhone วางจำหน่ายเลยทีเดียว จะสามารถเพิ่มฐานลูกค้า 5G ได้อีกหลายมากกว่าแสนเครื่อง และที่สำคัญคาดว่าในปีนี้ หลายๆ แบรนด์โดยเฉพาะ C-Brand (China Brand) จะลุยตลาดสมาร์ทโฟน 5G อย่างหนักหน่วง อาจจะทำให้ราคาดั้มไปไม่ถึง 5,000 บาทด้วยซ้ำ ถือว่าเป็นโอกาสของคนไทยที่จะได้สัมผัสความเร็วแบบ 5G

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post ตลาดแตก! เปิดตัว Redmi Note 9T มือถือ 5G ราคาถูกที่สุดในโลกเพียง 5,999 บาท first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/xiaomi-redmi-note-9t-5g-5999-baht/

โมเดอร์นฟอร์ม ปรับโฉมแบรนด์เปิดตัว Moderform x Xiaomi เฟอร์นิเจอร์ที่มาพร้อมนวัตกรรม

โมเดอร์นฟอร์ม (Modernform) ปรับโฉมครั้งใหญ่ รีเฟรชแบรนด์ ภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่ Sensible Solution for Modern Lifestyle เฟอร์นิเจอร์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ได้อย่างลงตัว พร้อมเปิดตัว Modernform x Xiaomi แคมเปญแรกกับ เสียวหมี่ (Xiaomi) ออกแบบเฟอร์นิเจอร์ ผสานการใช้ชีวิตและเทคโนโลยีให้เป็นหนึ่ง (Seamless Connection Life and Technology)

กิติพัฒก์ เนื่องจำนงค์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บอกว่า นิยามใหม่ของการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ที่จะเชื่อมต่อชีวิตและเทคโนโลยีให้เป็นหนึ่ง ไลฟ์สไตล์ต้องเข้าถึงความสะดวกสบายตั้งแต่ลืมตาตื่น จวบจนถึงการเข้านอน เป็นที่มาของการร่วมมือกับ เสียวหมี่ (Xiaomi) เปิดตัวแคมเปญ Modernform x Xiaomi ออกแบบนวัตกรรมเฟอร์นิเจอร์ชุด “โมเดิร์นสเปซ ซีรีส์” (Modernspace Series) ซึ่งมีฟังก์ชันการใช้งานที่สามารถเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีในการใช้ชีวิตได้หลากหลาย

ในโอกาสนี้ โมเดอร์นฟอร์ม และ เสียวหมี่ ได้ร่วมกันสร้างสรรค์นวัตกรรมการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ ชุด “โมเดอร์นสเปซ ซีรีส์” ที่ผสานฟังก์ชันต่างๆ ทั้งความสะดวกสบาย ดีไซน์อันทันสมัย และเทคโนโลยีล้ำยุค พร้อมตอบสนองทุกพื้นที่ของการใช้ชีวิตภายในบ้าน ได้แก่

Smart Living Room ห้องนั่งเล่นพื้นที่สำคัญสำหรับทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็น ดูหนัง เล่นเกมส์ หรือทำงาน การออกแบบเฟอร์นิเจอร์จึงต้องคำนึงอุปกรณ์ต่างๆ ที่รองรับเทคโนโลยีในปัจจุบัน ทั้งมือถือ โน้ตบุ๊ก และแกตเจ็ตต่างๆ เพื่อให้ช่วงเวลาแห่งความสุขไม่ขาดตอน เช่น “M Sofa” โซฟาดีไซน์ทันสมัยตอบโจทย์ความสบายทุกอิริยาบถ มาพร้อมช่องเสียบ USB เพื่อชาร์จอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ด้านใต้โซฟามีเต้ารับเสียบปลั๊กอยู่ด้านใน สามารถเสียบแท่นชาร์จหุ่นยนต์ทำความสะอาด โดยให้เครื่องวิ่งเข้าไปชาร์จไฟได้อย่างสะดวกสบาย รวมทั้งเพิ่มเติมแอคเซสซอรี่แผ่นถาดไม้ Smart Pad วางเสริมบริเวณที่วางแขน  ออกแบบตรงกลางเป็นหลุมสี่เหลี่ยมผืนผ้าสามารถวาง Power Bank Wireless Charger สำหรับชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์หรืออุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ต่างๆ ครบจบในพื้นที่เดียว

Smart Home Office พื้นที่ทำงานภายในบ้านที่มาพร้อมดีไซน์การออกแบบเฟอร์นิเจอร์ที่สวยงาม เพื่อสร้างบรรยากาศการทำงานที่รื่นรมย์ยิ่งขึ้น รวมทั้งต้องมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่รองรับอุปกรณ์เสริมต่างๆ ที่จำเป็น เช่น โต๊ะทำงาน “M Multifunctional Table” ที่ลงตัวด้วยขนาดกระทัดรัด รองรับการใช้งานแบบ Multi Screen สามารถวางโน้ตบุ๊ก, แท็บเลต หรือโทรศัพท์มือถือได้ที่ Smart Socket ถูกออกแบบมาให้ใช้งานร่วมกับ “M Easy Chair” มาพร้อมกับ Lumbar Support ที่ปรับขึ้นลงได้ด้วยระบบ Manual ให้รับกับสรีระ มี Sound Hood ที่สามารถใส่ Bluetooth Speaker ของ Xiaomi ได้พอดิบพอดี

Smart Kitchen ยุคนิวนอร์มอลทำให้ผู้คนหันกลับมาทำอาหารรับประทานเองกันมากขึ้น การออกแบบครัวจึงต้องเน้นเรื่องการดูแลรักษาความสะอาดที่ง่ายดายขึ้น และมีพื้นที่จัดเก็บให้เป็นระเบียบ รวมทั้งสามารถเชื่อมต่อเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อให้การทำอาหารเป็นเรื่องที่สนุกและสะดวกมากกว่าที่เคย เช่น “M Easy cooking ชุดครัวซึ่งมีพื้นที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการเตรียมส่วนประกอบอาหาร และปรุงอาหาร อีกทั้งยังจัดเก็บของให้เป็นระเบียบ ใช้งานได้สะดวก โดยเฉพาะการออกแบบตู้ครัวเพื่อให้เหมาะกับการรองรับเครื่องใช้ไฟฟ้า สำหรับการปรุงอาหาร หรืออุ่นอาหารง่ายๆ

Smart Bedroom เพื่อให้ทุกการนอน คือการพักผ่อนที่แท้จริง จะดีแค่ไหนหากอุปกรณ์ต่าง ๆ จะมีพื้นที่จัดเก็บเป็นสัดส่วน ทั้งยังป้องกันการรบกวนการนอนจากคลื่นแม่เหล็กที่มาจากมือถือและแกตเจ็ตต่าง ๆ แต่ยังคงรองรับการชาร์จพลังงานให้อุปกรณ์เทคโนโลยีเหล่านั้นได้ เช่น “M Bed เตียงนอนขนาด King Size ที่หัวเตียงออกแบบพิเศษให้มีช่องวางของด้านบน เช่น หนังสือ โทรศัพท์มือถือ ส่วนด้านใต้ของหัวเตียงฝังไฟ LED ให้แสง Warm White สร้างบรรยากาศอบอุ่นแสนสบายในการพักผ่อน โครงเตียงออกแบบให้เป็นขั้นลดระดับ สามารถติดอุปกรณ์เสริมไฟส่องสว่างแบบตรวจจับความเคลื่อนไหว เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการให้แสงสว่างส่องทางเดินเมื่อลุกจากเตียงยามค่ำคืน

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/modernform-x-xiaomi/

เสียวหมี่ ย้ายสำนักงานใหญ่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาอยู่กรุงเทพ เตรียมเปิด Mi Store เพิ่มปี 2020

เสียวหมี่ (Xiaomi) ประกาศย้ายสำนักงานใหญ่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาอยู่กรุงเทพฯ เมื่อพฤศจิกายนที่ผ่านมาโดยมี สตีเว่น ฉือ รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รับผิดชอบในการพัฒนาธุรกิจและบริหารการดำเนินงานภายในภูมิภาคนี้ 

ภาพจาก Shutterstock

การย้ายฐานที่ตั้งใหม่ของสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มายังประเทศไทย ด้วยตัวเลขประชากรที่มีกว่า 69 ล้านคน และมีมากกว่า 51 ล้านคนที่ใช้งานอินเทอร์เน็ต ซึ่งประเทศไทยนับเป็นหนึ่งในตลาดที่เข้าถึงเทคโนโลยีได้มาก และยังเป็นประเทศที่ได้รับการจัดอันดับว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินทางมือถือสูงมาก

ทั้งหมดคือศักยภาพที่เสียวหมี่มองเห็น โดยในปีหน้าได้วางแผนที่จะเพิ่มช่องทางร้านค้า Mi Store และช่องทางค้าปลีกให้มากขึ้น เพื่อขยายการบริการหลังการขายและได้มอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้ลูกค้า รวมถึงสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจโดยนำศักยภาพความร่วมมือของพันธมิตรมาผลักดันให้ธุรกิจเติบโต ทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ของปี 2019 รายได้ในภาพรวมเพิ่มขึ้นกว่า 5.5% มีมูลค่ารายได้กว่า 53.7 พันล้านหยวน ซึ่งเกือบครึ่งหนึ่งของรายได้มาจากธุรกิจที่ดำเนินกิจการอยู่ต่างประเทศนอกประเทศจีน มีรายงานอื่นเผยว่าเสียวหมี่ยังเป็นแบรนด์หนึ่งใน 5 อันดับ ในกว่า 40 ประเทศทั่วโลก

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/xiaomi-move-head-quater-to-thailand/

ส่องรายได้ Xiaomi ครึ่งปีแรก โต 20% สมาร์ทโฟนขึ้นแท่นเบอร์ 5 ของโลก

Xiaomi เปิดผลประกอบการช่วงครึ่งปีแรกปี 2019 มีการเติบโตต่อเนื่องในทุกเซกเมนต์ รายได้รวมนอกประเทศคิดเป็น 40 %ของรายได้ทั้งหมด ส่วนสมาร์ทโฟนเป็นเบอร์ 5 ของโลก

ภาพจาก Shutterstock

เสียวหมี่ คอร์ปอเรชั่น เปิดผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2019 รายได้ของกลุ่มบริษัทรวมเพิ่มขึ้นถึง 20.2 % หรือราวๆ 95,710 ล้านหยวน ขณะที่รายได้ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 38,600 ล้านหยวน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่า 40 % ของรายได้รวม กำไรหลังการปรับปรุง (Non-IFRS Measure) อยู่ที่ประมาณ 5,720 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 49.8% เมื่อเทียบปีต่อปี

ในขณะที่ไตรมาสที่ 2 รายได้รวมเพิ่มขึ้น 14.8 % หรือประมาณ 1,950 ล้านหยวน กำไรหลังการปรับปรุง (Non-IFRS Measure) อยู่ที่ประมาณ 3,640 ล้านหยวน โดยเติบโตขึ้น 71.7 % ทั้งนี้เป็นผลมาจากกลยุทธ์การผลิตนวัตกรรมสมาร์ทโฟน ที่เชื่อมต่อกับ AIoT (Artificial Intelligence of Things) ครบทั้งการปฏิบัติการ และการเพิ่มการป้องกันความเสี่ยง

โดยที่มีข้อมูลทางการเงินที่น่าสนใจสำหรับครึ่งปีแรก ปี 2019

  • รายได้รวมอยู่ที่ 95,710 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 20.2 % เมื่อเทียบปีต่อปี
  • กำไรรวม 12,470 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 25.3 % เมื่อเทียบปีต่อปี
  • กำไรสุทธิ 5,150 ล้านหยวน
  • กำไรหลังการปรับปรุงที่ไม่เป็นไปตาม IFRS อยู่ที่ 5,720 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 49.8 % เมื่อเทียบปีต่อปี
  • กำไรต่อหุ้นเท่ากับ 0.214 หยวน

สมาร์ทโฟนกำไรพุ่ง ใช้กลยุทธ์มัลติแบรนด์

ในครึ่งแรกของปี 2019 รายได้รวมของ Xiaomi ในเซกเมนต์ตลาดสมาร์ทโฟนอยู่ที่ราวๆ  5,900 ล้านหยวน ในขณะที่ไตรมาสที่ 2 เพิ่มสูงขึ้นอยู่ที่ 32,000 ล้านหยวน ซึ่งเป็นผลมาจากปริมาณยอดขายสมาร์ทโฟน และการเพิ่มราคาขายโดยเฉลี่ย

Photo : Shutterstock

Xiaomi ได้ใช้กลยุทธ์มัลติแบรนด์ในการเพิ่มโอกาสการทำกำไร โดยยอดกำไรสุทธิพุ่งสูงขึ้นจาก 3.3% ในไตรมาสแรก ไปอยู่ที่ 8.1% ในไตรมาส 2 ในขณะที่ราคาขายเฉลี่ย (ASP) ของสมาร์ทโฟนในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ และในตลาดต่างประเทศก็ประสบความสำเร็จโตทะลุเป้าที่ 13.3% และ 6.7% ตามลำดับ โดยสมาร์ทโฟน ราคาสูงกว่า 2,000 หยวน คิดเป็น 32.3% ของรายได้ทั้งหมดในกลุ่มสมาร์ทโฟน

ในไตรมาสแรกของปี 2019 Xiaomi เปิดตัวสมาร์ทโฟนแฟล็กชิพตระกูล Mi 9 และสมาร์ทโฟนตระกูล Redmi Note 7 ต่อมา Xiaomi  ก็ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนตระกูล K20 ซึ่งเน้นความคุ้มค่า คุ้มราคา ซึ่งถือเป็นอีกกลยุทธ์ในการออกแบบกลุ่มสมาร์ทโฟนให้มีความหลากหลาย โดยในไตรมาส 2 ยอดขายสมาร์ทโฟนของ Xiaomi พุ่งขึ้นถึง 32.1 ล้านเครื่อง โดยมียอดขายในตระกูล Redmi Note 7 สูงถึง 20 ล้านเครื่องทั่วโลก ในวันที่ 30 มิถุนายน 2562

ยอดขายสู่สมาร์ทโฟนอันดับ 5 ของโลก

ครึ่งปีแรกรายได้ของ Xiaomi ที่ต่างประเทศเติบโตขึ้น 33.8% หรือราว ๆ 38,600 ล้านหยวน ซึ่งมากกว่า 40% ของรายได้ทั้งหมดของกลุ่มบริษัท

โดยข้อมูลจากเว็ปไซต์ Canalys เผยว่า ยอดการจัดส่งสมาร์ทโฟนของ Xiaomi อยู่ใน 5 อันดับแรก ในกว่า 40 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก และข้อมูลจาก IDC เผยว่า Xiaomi ติดอันดับ 4 เมื่อคำนวณจากยอดขนส่งในยุโรปตะวันตก แสดงถึงการเติบโตที่เพิ่มขึ้นถึง 53.2% นอกจากนี้ในไตรมาส 2 Xiaomi ครองอันดับ 1 ในประเทศอินเดียติดต่อกันนานถึง 8 ไตรมาส ในส่วนของสมาร์ททีวีก็ยังคงครองอันดับ 1 ในประเทศอินเดียติดต่อกัน 5 ไตรมาสอีกด้วย

ปัจจุบัน Xiaomi มีการจดทะเบียนร้าน Mi Home แล้วกว่า 520 สาขาในต่างประเทศ หรือคิดเป็นอัตราเติบโตถึง 92.6% เมื่อเทียบปีต่อปี โดยมีถึง 79 สาขาในประเทศอินเดีย ซึ่งปัจจุบันมี Mi Store ในประเทศอินเดียมากถึง 1,790 สาขา

ธุรกิจ AIoT เติบโตอย่างรวดเร็ว

นอกจากสมาร์ทโฟนแล้ว รายได้จากกลุ่มผลิตภัณฑ์ IoT และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์พุ่งขึ้นสูงถึง 49.3% อยู่ที่ 27,000 ล้านหยวน นอกจากนี้แล้วรายได้รวมของกลุ่มผลิตภัณฑ์ IoT และไลฟ์สไตล์ในไตรมาส 2 ของปีนี้ยังคิดเป็น 28.8% ของรายได้รวมทั้งหมด ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 22.9%

เครื่องกรองอากาศของ Xiaomi

สมาร์ททีวีของยังคงเป็นผู้นำที่มียอดการจัดส่งทั่วโลกมากถึง 5.4 ล้านเครื่องในช่วงครึ่งปีแรก มียอดการจัดส่งเติบโตถึง 64.9% ซึ่งครองอันดับหนึ่งในจีนแผ่นดินใหญ่ และจัดอยู่ใน 5 อันดับแรกทั่วโลก ส่วนเครื่องปรับอากาศมียอดการจัดส่งทะลุเกิน 1 ล้านเครื่องในเวลา 8 วัน นับตั้งแต่เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2019

และข้อมูลเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2562 จำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อระบบ IoT ของ Xiaomi นอกเหนือจากสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อป มีจำนวนถึง 196 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 69.5% โดยมีผู้บริโภคราวๆ 3 ล้านคนที่ใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม IoT จำนวนมากกว่า 5 เครื่อง ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 78.7% ในไตรมาส 2 ผู้ใช้งาน Home application ต่อเดือนของ Xiaomi ยังเพิ่มขึ้นถึง 30.4 ล้านคนทั่วโลก และมีจำนวนผู้ใช้ AI Assistant ต่อเดือนมากถึง 49.9 ล้านคน ซึ่งถือเป็นแพลตฟอร์มสื่อสารด้วยระบบเสียง AI ที่คนนิยมใช้มากที่สุดในประเทศจีน

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/xiaomi-revenue-hy-2019/