คลังเก็บป้ายกำกับ: ปีใหม่_2021

15 ข้อที่เจ้าของ SME ควรคิด เพื่อสู้ศึกธุรกิจในปี 2021

ในปี 2021 นี้เจ้าของธุรกิจควรหันมาปรับตัวหรือใส่ใจในเรื่องอะไรมากขึ้น เพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้อย่างมั่นคงท่ามกลางวิกฤติโควิด 19 ที่ยังเป็นความท้าทายใหญ่ในปัจจุบัน 

15 ข้อที่เจ้าของ SME ควรคิดสู้ศึกธุรกิจปี 2021
15 ข้อที่เจ้าของ SME ควรคิดสู้ศึกธุรกิจปี 2021

ก่อนเข้าสู่เนื้อหา เราลองมาดูกันก่อนว่าในปีที่ผ่านมา แบรนด์ใหญ่ระดับโลก ออกมารับมือกับสถานการณ์โควิด และเป็นตัวอย่างที่ดีให้เจ้าของธุรกิจ SME ได้เรียนรู้ในประเด็นใดกันบ้าง

1. ตอบให้ได้ว่าธุรกิจของเราเกิดมาเพื่ออะไร

ถ้าเราสามารถตอบตัวเองได้ว่าธุรกิจของเราเกิดมาเพื่ออะไร หรือเรากำลังทำธุรกิจเพื่อช่วยคนกลุ่มไหนอยู่ เราก็จะสามารถยืนหยัดอยู่ได้แม้ว่าจะเจอวิกฤติหนักแค่ไหนก็ตาม สำหรับตัวอย่างที่น่าสนใจในช่วงโควิดที่ผ่านมาก็เช่น แบรนด์ Burger King ที่ทำแคมเปญชวนคนไปซื้ออาหารของคู่แข่งอย่าง McDonald ในประเทศอังกฤษ หรือแบรนด์ Nike ที่บริจาครองเท้ามูลค่ารวมกว่า 5.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ เป็นต้น

2. ปรับตัวก่อนได้เปรียบกว่า

Agile คือคำศัพท์ในแวดวงธุรกิจที่เรามักจะได้ยินกันบ่อยในปีที่ผ่านมา หากแปลให้เห็นภาพมากขึ้น Agile ก็คือการปรับแผนธุรกิจให้ตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้น มากกว่าที่จะทำตามแผนใหญ่ที่ตั้งไว้ในตอนแรก ตัวอย่างแบรนด์ที่ปรับตัวได้อย่างรวดเร็วในช่วงโควิดก็เช่น แบรนด์ Nike ที่ทำแคมเปญ “Play Inside, Play for the World” เพื่อส่งเสริมให้คนปฏิบัติตามมาตรการรักษาระยะห่างของรัฐบาล

3. อย่าคิดแต่เรื่องผลกำไร

ลูกค้าจะรู้สึกผูกผันกับแบรนด์ที่มีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือสังคมมากกว่าแบรนด์ที่มีจุดยืนเพื่อแสวงหาผลกำไรเพียงอย่างเดียว ยกตัวอย่างเช่น แบรนด์ Dove ที่รณรงค์ให้วัยรุ่นหญิงกว่า 35 ล้านคนทั่วโลกเกิดความรักและรู้สึกเคารพตัวเองมากขึ้นมาตั้งแต่ปี 2005 หรือแบรนด์ Unilever ที่ผลิตสินค้าโดยคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด เป็นต้น

4. ผลิตสินค้าโดยคำนึงถึงความเป็นมนุษย์และห่วงใยสิ่งแวดล้อม

ในปีที่ผ่านมาเราอาจจะได้ยินปัญหาเรื่องฟาสต์แฟชั่นกันบ่อย เพราะฟาสต์แฟชั่นคือการเร่งผลิตเสื้อออกมาตามสมัยนิยม โดยพยายามลดต้นทุนทั้งด้านวัสดุและแรงงานให้ต่ำที่สุด รวมทั้งทำให้สิ่งแวดล้อมถูกทำลายไปโดยไม่รู้ตัว เพราะต้องนำทรัพยากรมาใช้ในการผลิตเป็นจำนวนมาก ดังนั้น ในปัจจุบันผู้คนในสังคมจึงพยายามรณรงค์ให้ธุรกิจหันมาใส่ใจห่วงโซ่การผลิตที่คำนึงถึงความเป็นมนุษย์มากขึ้น และทำลายสิ่งแวดล้อมน้อยลง

5. แบ่งกำไรมาช่วยเหลือสังคม

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือในช่วงที่โควิด 19 ระบาดรุนแรง ลูกค้าจะรู้สึกประทับใจและอยากมาซื้อสินค้าของแบรนด์หรือธุรกิจที่ออกมาช่วยเหลือผู้คนในสังคมที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตินี้ ในทางกลับกัน ลูกค้าก็จะเกิดความรู้สึกต่อต้านแบรนด์หรือธุรกิจที่ทอดทิ้งพนักงาน และไม่มีจุดยืนออกมาช่วยเหลือสังคม

10 ข้อที่ SME ควรรู้เพื่อสู้ศึกธุรกิจปี 2021
10 ข้อที่ SME ควรรู้เพื่อสู้ศึกธุรกิจปี 2021

เมื่อเห็นตัวอย่างของแบรนด์ระดับโลกดังนี้แล้ว SME อย่างเราควรเริ่มต้นครุ่นคิดหรือปรับเปลี่ยนอะไรบ้าง เพื่อให้ธุรกิจพัฒนาไปได้อย่างดียิ่งขึ้น

1. วางแผนธุรกิจให้เรียบร้อยก่อนออกสินค้า

เมื่อคิดอยากตั้งธุรกิจอะไรขึ้นมาสักอย่าง เราควรวางแผนเกี่ยวกับธุรกิจนั้นให้เรียบร้อยและชัดเจนก่อนที่จะผลิตสินค้า เช่น ลองวิเคราะห์คู่แข่งว่าจะทำอย่างไรให้ธุรกิจเรามีจุดเด่นและแตกต่าง จะใช้การตลาดแบบไหน ต้องมีกระแสเงินสดเท่าไหร่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาใหญ่ที่จะตามมา ทั้งนี้ แผนธุรกิจก็เป็นสิ่งที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ธุรกิจในช่วงนั้น

2. สร้างเรื่องเล่าของแบรนด์เพื่อทำให้ธุรกิจโดดเด่นจากคู่แข่ง

ในช่วงเริ่มทำธุรกิจ หลายๆ คนอาจจะครุ่นคิดเรื่องการตั้งชื่อแบรนด์ การทำโลโก้ หรือการออกแบบเว็บไซต์ ซึ่งเรื่องเหล่านี้สำคัญก็จริง แต่สิ่งหนึ่งที่เจ้าของธุรกิจมักจะหลงลืม คือการสื่อสารเรื่องราวเกี่ยวกับแบรนด์ออกไป เพราะถ้าเราสามารถนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับแบรนด์ของเราได้ดี ลูกค้าก็จะจดจำแบรนด์ของเราได้มากกว่าแบรนด์อื่นๆ

3. การบริหารเงินคือเส้นเลือดสำคัญของการทำธุรกิจ

ในช่วงเริ่มต้น เจ้าของธุรกิจหลายๆ คนอาจจะตั้งราคาสินค้าให้ต่ำเข้าไว้ เพื่อดึงดูดลูกค้ามาจากคู่แข่ง แต่รู้หรือไม่ว่า ถ้าเราปรับลดราคาสินค้าให้ต่ำลงเป็นระยะเวลานาน แต่ค่าใช้จ่ายในด้านอื่นๆ เช่น ค่าพนักงาน ค่าการตลาด ต้นทุนการผลิต ค่าขนส่ง ฯลฯ ยังสูงแบบเดิม ธุรกิจของเราก็จะขาดทุนในที่สุด ดังนั้น เราควรเน้นการสื่อสารถึงคุณค่าของสินค้าที่เราสามารถส่งมอบให้ลูกค้าแล้วตั้งราคาให้เหมาะสมจะดีกว่า

4. เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณของลูกค้า

เจ้าของธุรกิจมักจะอยากขยายฐานลูกค้าให้ใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ข้อผิดพลาดที่มักจะเกิดขึ้นคือแทนที่จะมุ่งทำการตลาดไปที่กลุ่มเป้าหมายหลัก พวกเขากลับเน้น “ปริมาณ” มากกว่า “คุณภาพ” ของลูกค้าจริงๆ ดังนั้น เราจึงควรถามตัวเองอยู่เสมอว่า ธุรกิจของเราเกิดมาเพื่อช่วยเหลือคนกลุ่มไหน แล้วเราอยากต่อยอดธุรกิจให้พัฒนาไปอย่างไรในอนาคต ถ้าตอบคำถามได้ตามนี้เราถึงจะสามารถขยายกลุ่มลูกค้าได้อย่างเป็นเหตุเป็นผลมากขึ้น

4. สิ่งที่เจ้าของธุรกิจต้องคิดเมื่อรับพนักงานเข้ามา

การบริหารพนักงานเป็นเรื่องสำคัญในการทำธุรกิจ ซึ่งปัญหาเกี่ยวกับพนักงานที่พบได้บ่อยก็เช่น กว่าจะได้พนักงานหนึ่งคนมาต้องผ่านกระบวนการรับสมัครและการคัดเลือกที่ใช้ระยะเวลานาน แต่หลายๆ ครั้งก็กลับได้พนักงานที่ไม่เหมาะกับองค์กร หรือทำงานได้ไม่นานก็ลาออกอยู่ดี ปัญหานี้เกิดจากการที่เจ้าของธุรกิจมักจะจ้างพนักงานเข้ามาช่วยทำงานอย่างเดียว แต่ไม่ได้มองไปถึงขั้นที่ว่าพนักงานคนนั้นจะช่วยให้ธุรกิจ “เติบโตอย่างยั่งยืน” ได้หรือเปล่า

5. เลือกคนผิดชีวิตเปลี่ยน

ในขณะที่การจ้างพนักงานอาจจะไม่ได้เป็นความเสี่ยงมากสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ แต่สำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่มีงบประมาณจำกัดแล้ว กว่าจะเสียเงินจ้างพนักงานหนึ่งคนได้ก็ต้องผ่านการคิดคำนวณมาอย่างดี ดังนั้น เมื่อจะคัดเลือกใครเข้ามาในทีม ขอให้เราพิจารณาอย่างละเอียดก่อนว่า คนๆ นั้นมีทัศนคติและนิสัยเหมาะสมที่จะมาทำงานในธุรกิจของเราหรือไม่ 

6. ระวังข้อมูลสำคัญของธุรกิจรั่วไหล

ข้อมูลที่ว่านั้นรวมไปถึงกลยุทธ์ของธุรกิจและรหัสสำคัญต่างๆ เช่น รหัสล็อกอินเข้าคอมพิวเตอร์ของบริษัท เพราะมีโอกาสสูงที่ผู้ไม่หวังดีจะนำข้อมูลส่วนนี้มาหาผลประโยชน์จากเรา วิธีป้องกันปัญหานี้ คือให้เราระมัดระวังเสมอเมื่อจะให้รหัสสำคัญกับใคร และอย่าลืมเปลี่ยนพาสเวิร์ดของโปรแกรมต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่มีคนลาออก

7. ถ้าบริหารคนเดียวไม่ไหวควรแบ่งให้เอาท์ซอร์สช่วยเหลือ

ในช่วงปีสองปีแรกเจ้าของธุรกิจคงจะต้องทำงานบางส่วนแบบหัวหมุน จนส่งผลให้แบ่งเวลามาดูด้านอื่นๆ ได้ไม่ทั่วถึง เช่น ขาดการดูแลหรือควบคุมพนักงานอย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้เกิดความผิดพลาดในด้านต่างๆ เช่น การบริหารเงิน การจ้างพนักงาน ดังนั้น วิธีที่จะแก้ปัญหานี้ได้คือให้จ้างเอาท์ซอร์สเข้ามาเพื่อช่วยในเรื่องในเรื่องที่เจ้าของธุรกิจไม่ถนัดหรือไม่มีเวลาดูแลมากพอ

8. เรื่องที่ควรฉุกคิดก่อนตัดสินใจลงทุน

ในการทำธุรกิจเราอาจจะใช้บริการที่ช่วยบริหารระบบหลังบ้านหลายอย่าง เช่น บริการจัดการสต็อคสินค้า บริการจัดทำบัญชี ซึ่งสองบริการนี้ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นและมีประโยชน์ แต่หลายๆ ครั้งเจ้าของธุรกิจก็มักจะหลงเชื่อคำโฆษณา และเผลอไปลงทุนในเครื่องมือหรือซอฟท์แวร์ที่ดูเหมือนจะเป็นตัวช่วยในการทำธุรกิจ แต่ความจริงแล้วไม่ได้จำเป็นสำหรับธุรกิจตัวเองเสียด้วยซ้ำ ส่งผลให้ใช้จ่ายเงินไปอย่างสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ

9. ธุรกิจเติบโตเร็วเกินไปใช่ว่าดี

การที่ธุรกิจเติบโตเร็วเกินไปอาจจะส่งผลเสียในระยะยาว ปัญหาที่พบได้บ่อยคือเจ้าของต้องการขยายธุรกิจจึงนำเงินสดออกมาใช้เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ขาดกระแสเงินสดและต้องกู้ยืมเงิน ทำให้เกิดหนี้ในที่สุด นอกจากนี้ ในช่วงที่เราเร่งขยายธุรกิจ พนักงานก็ยิ่งต้องทำงานหนักมากกว่าปกติ ทำให้พวกเขารู้สึกเหนื่อย หมดไฟและมีประสิทธิภาพการทำงานลดลง

ที่มา : Forbes 1, Forbes 2, contentgrip, martechtoday, smallbusinessbc, investopedia, smallbizclub, business

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post 15 ข้อที่เจ้าของ SME ควรคิด เพื่อสู้ศึกธุรกิจในปี 2021 first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/sme-2021-entrepreneur-leadership/

20 คำถามทบทวนตัวเอง สร้างพลังใจต้อนรับปีใหม่ 2021

ในปีที่ผ่านมาเราผ่านความเหนื่อยล้ากันมามากมาย Brand Inside จึงขอเติมพลังใจให้กับทุกท่านผ่านคำถาม 20 ข้อที่จะทำให้เราเข้าใจตัวเองและใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากขึ้นต้อนรับปี 2021

20 คำถามทบทวนตัวเอง สร้างพลังใจต้อนรับปีใหม่ 2021
20 คำถามทบทวนตัวเอง สร้างพลังใจต้อนรับปีใหม่ 2021

ข้อควรรู้ก่อนเข้าสู่คำถาม

ขอให้เราปิดสิ่งรบกวนต่างๆ เช่น การแจ้งเตือนจากโซเชียลมีเดีย และหาเวลาเงียบๆ มาอยู่กับตัวเองคนเดียว เราไม่จำเป็นต้องไล่ทำไปทีละข้อ เพราะเราสามารถเริ่มทำได้จากข้อที่อ่านแล้วรู้สึกว่าอยากตอบมากที่สุด สิ่งสำคัญคือต้องซื่อสัตย์กับความคิดและความรู้สึกของตัวเอง อย่ากลัวที่จะได้เห็นตัวตนบางอย่างของตัวเองจากการตอบคำถามเหล่านี้

1. ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ช่วงเวลาไหนที่เรารู้สึกมีความสุขและอยากขอบคุณที่สุด ตอนนั้นบรรยากาศเป็นอย่างไร มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น และทำไมเราถึงจดจำเรื่องราวนั้นได้เป็นอย่างดี

สำหรับบางคนช่วงเวลาที่มีความสุขและอยากขอบคุณที่สุดในชีวิตอาจจะเป็นช่วงที่ได้ไปท่องเที่ยวกับครอบครัวครั้งสุดท้ายก่อนบินไปเรียนต่อต่างประเทศ ในวันนั้นเขากับครอบครัวอาจจะดีดกีตาร์ร้องเพลงและทานข้าวริมทะเลอย่างมีความสุข แล้วสำหรับเราช่วงเวลาแห่งความสุขและความขอบคุณนั้นเกิดขึ้นเมื่อไหร่

2. สิ่งที่เรารู้สึกภูมิใจที่สุดในปีที่ผ่านมาคือเรื่องอะไร ลองเล่าให้ฟังละเอียดๆ ได้ไหม

ในแต่ละปีมักจะมีเรื่องที่เราทำแล้วประสบความสำเร็จไม่มากก็น้อย ขอให้เราลองเขียนลิสต์สิ่งที่ตัวเองทำสำเร็จออกมา ลองนึกย้อนไปถึงเรื่องราวต่างๆ แล้วถามตัวเองว่าเรารู้สึกภูมิใจกับเรื่องไหนมากที่สุด จากนั้นก็ขอให้เราขอบคุณตัวเองที่พยายาม ทุ่มเท และตั้งใจมาตลอดทั้งปีที่ผ่านมา 

3. ในอีก 1 ปี 3 ปี 5 ปี และอีก 10 ปีข้างหน้า เราอยากทำอะไรให้สำเร็จ และเป้าหมายเหล่านี้สำคัญกับเราอย่างไร

เรามักจะ ตั้งเป้าหมาย กันในช่วงต้นปี แต่เราเคยถามตัวเองไหมว่า เราตั้งเป้าหมายเหล่านั้นไปเพื่ออะไร และเป้าหมายเหล่านั้นสำคัญกับเราอย่างไร เพราะถ้าเราตอบตัวเองไม่ได้ เราก็อาจจะล้มเลิกเป้าหมายนั้นไปกลางคันเมื่อรู้สึกท้อแท้ ที่สำคัญคือเมื่อตั้งเป้าหมายแล้วก็อย่าลืมเขียนระบุถึงวิธีการไปสู่เป้าหมายนั้น เพื่อทำให้เป้าหมายนั้นเกิดขึ้นจริง ไม่ได้เป็นเพียงความฝันที่ล่องลอย

4. ทุกวันนี้เราใช้เวลากับอะไรมากที่สุด สิ่งที่เราทุ่มเทเวลาให้จะสำคัญกับเราในอีก 1 ปี 3 ปี หรืออีก 5 ปีข้างหน้าไหม

การกระทำเล็กๆ ที่เราทำอย่างต่อเนื่องจะก่อให้เกิดผลลัพธ์ยิ่งใหญ่กว่าที่เราคิด ดังนั้น การตั้งคำถามกับตัวเองว่าสิ่งที่เราทำอยู่ทุกวันนี้ช่วยให้เราไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือเปล่านั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะถ้าคำตอบคือ “ไม่ใช่” เราก็ควรเริ่มเปลี่ยนสิ่งที่ทำในแต่ละวันแล้ว

5. ถ้าเราเหลือเวลาในชีวิตอยู่เพียง 1 เดือน 1 สัปดาห์ 1 วัน 1 ชั่วโมง หรือ 1 นาทีสุดท้าย เราจะรู้สึกเสียดายอะไรที่สุด และสิ่งสำคัญที่เราอยากทำมากที่สุดคือเรื่องอะไร

คนเรามักจะเผลอทุ่มเทเวลาให้กับสิ่งที่ไม่ได้สลักสำคัญกับชีวิตจริงๆ บางคนอาจจะทุ่มเทเวลาให้กับงานมากเสียจนหลงลืมคนในครอบครัว บางคนก็อาจจะติดเที่ยวเล่นจนเสียสุขภาพและไม่เหลือเงินเก็บ คำถามนี้จึงสำคัญ เพราะเมื่อวันเวลาเหล่านี้มาถึง เราจะได้ไม่รู้สึกเสียดายที่พลาดทำสิ่งสำคัญที่สุดไป

6. เรากำลังมองหาโอกาสอะไรอยู่ และเราสามารถทำอะไรเพื่อให้โอกาสนั้นเกิดขึ้นจริงด้วยตัวเองได้บ้าง

บางคนอาจจะกำลังอยากหางานใหม่ บางคนก็อาจจะอยากเริ่มทำธุรกิจส่วนตัว แต่ที่น่าเสียดาย คือหลายๆ ครั้งเรามักจะรอคนอื่นหยิบยื่นโอกาสมาให้ ทั้งๆ ที่ถ้าเราหมั่นศึกษาสิ่งที่ต้องรู้ในเรื่องนั้นๆ และค่อยๆ ลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง เรื่องที่เรารอคอยที่จะทำมาโดยตลอดก็จะสามารถเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้จริง

7. มีอะไรในชีวิตที่เหนี่ยวรั้งเราไว้อยู่ไหม ถึงเวลาที่เราควรปล่อยมันไปแล้วหรือยัง

มีเหตุการณ์เลวร้ายอะไรในอดีตที่ยังฝังใจและเรายังลืมไม่ได้หรือเปล่า ความทรงจำเหล่านั้นอาจจะคอยกัดกินหัวใจของเราอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้น ตอนนี้จึงถือเป็นโอกาสดีที่เราจะได้ย้อนกลับไปเรียนรู้จากเรื่องราวนั้น และเติบโตเป็นคนที่ดีขึ้น  

8. เรื่องอะไรที่เราอยากทำมาโดยตลอด แต่ไม่กล้าพอที่จะทำมัน และเราสามารถทำอย่างไรได้บ้างเพื่อก้าวข้ามความกลัวนี้

เราเคยรู้สึกไหมว่าอยากลองทำบางเรื่อง แต่ไม่กล้าพอสักทีที่จะลงมือทำมัน เคยถามตัวเองไหมว่าเพราะอะไร เรากลัวอะไรอยู่ ถ้าเราลองเปิดใจคุยกับตัวเองตรงๆ เราอาจจะพบว่า ความกลัวที่อยู่ในหัวเรานั้นล้วนเป็นภาพที่เราขยายให้ใหญ่กว่าความเป็นจริง ทั้งๆ ที่ถ้าเรากลั้นใจลองทำในสิ่งที่กลัว แม้ว่าเราจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวก็จะมีบทเรียนให้เราได้เรียนรู้อย่างแน่นอน

9. เรารู้สึกกลัวอะไรมากที่สุดในชีวิต และมีสิ่งไหนที่เรากำลังวิ่งหนีอยู่หรือเปล่า

หลายๆ ครั้งสิ่งที่เรารู้สึกกลัวที่สุดกลับเป็นสิ่งที่เราควรเผชิญหน้าด้วยที่สุด เช่น บางคนอาจจะรู้สึกกลัว การพูดในที่สาธารณะ เป็นอย่างมาก เพราะมีประสบการณ์ฝังใจในอดีต ทำให้พยายามหลีกเลี่ยงการพูดต่อหน้าคนจำนวนมากมาโดยตลอด ทั้งๆ ที่ถ้ากล้าก้าวข้ามความกลัวนั้น เราอาจจะได้รับความก้าวหน้าทางด้านหน้าที่การงานมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน หรือได้รับโอกาสต่างๆ มากขึ้น 

10. เราออกจากคอมฟอร์ทโซนครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ และการออกจากคอมฟอร์ทโซนครั้งนั้นสอนให้เราได้เรียนรู้อะไรบ้าง

การกล้าพาตัวเองออกจากคอมฟอร์ทโซนเพื่อไปทำในเรื่องที่ยากและท้าทายจะช่วยให้เราได้พัฒนาตัวเองและเก่งขึ้น เมื่อเราทำสำเร็จเราจะรู้สึกภูมิใจและมั่นใจในตัวเองมากขึ้น และถึงแม้ว่าเราจะล้มเหลว อย่างน้อยที่สุดเราก็ได้เรียนรู้มากกว่าการอยู่เฉยๆ โดยไม่ได้ลองทำสิ่งใหม่ๆ เลย 

11. เรามักจะมีมุมมองแง่ลบอะไรเกี่ยวกับตัวเอง และเราสามารถเปลี่ยนมามองเรื่องเหล่านั้นในแง่บวกได้อย่างไรบ้าง

เรามักจะมีความคิดและความรู้สึกลบๆ เกี่ยวกับตัวเอง เช่น รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้หน้าตาดีในแบบพิมพ์นิยม รู้สึกว่าตัวเองเก่งไม่พอหรือดีไม่พอ ซึ่งความรู้สึกเหล่านี้ล้วนเกิดมาจากการเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น อย่างไรก็ตาม การเปรียบเทียบทำให้เราอยากเป็นคนที่ดีขึ้น เพียงแต่เราต้องคอยสังเกตตัวเองว่าเราใช้การเปรียบเทียบมาเป็น “แรงผลักดัน” หรือ “แรงกดดัน” ของชีวิตตัวเอง

12. เขียนลิสต์ 3 นิสัยของตัวเองที่อยากเปลี่ยนมากที่สุด นิสัยทั้ง 3 อย่างนี้มีข้อเสียอย่างไร และถ้าเราสามารถปรับนิสัยเหล่านี้ได้แล้วจะส่งผลดีกับเราอย่างไรบ้าง

เชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะมีนิสัยของตัวเองที่อยากเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด แต่ยังไม่สามารถแก้ไขได้จริงๆ สักที ปีใหม่นี้ขอให้ทุกคนตั้งใจแล้วลองมามุ่งมั่นกับเป้าหมายนี้อีกสักครั้ง โดยลองลิสต์ 3 นิสัยที่ถ้าเราเปลี่ยนแปลงแล้วจะส่งผลดีกับชีวิตมากที่สุดออกมา แล้วลองคิดวิธีสนุกๆ ที่ใช้เปลี่ยนแปลงนิสัยเหล่านั้นทีละเล็กทีละน้อย ถ้าทำได้สำเร็จในอีกหนึ่งปีข้างหน้าเราจะภูมิใจในตัวเองมากขึ้นอย่างแน่นอน

13. มีกี่คนในชีวิตที่เราสามารถไว้ใจได้จริงๆ เขาเหล่านั้นเป็นใคร และเราผ่านประสบการณ์อะไรร่วมกับพวกเขามาบ้าง

เคยมีคนกล่าวไว้ว่า เพื่อนสนิทมีจำนวนเท่าหยิบมือ ถ้าอยากรู้ว่าคำกล่าวนี้จริงหรือไม่ ก็ขอให้ลองนับนิ้วดูว่ามีใครบ้างที่เราสามารถเล่าความเจ็บปวดให้ฟังได้โดยเราจะไม่ถูกตัดสิน มีใครบ้างที่พร้อมโอบกอดทุกข้อเสียและอยู่เคียงข้างในวันที่เราโดดเดี่ยวที่สุด หลังจากลองนับจำนวนดูแล้วก็ขอให้เราลองนึกย้อนไปถึงช่วงเวลาต่างๆ ที่เคยใช้ร่วมกับคนเหล่านี้ อย่าลืมส่งข้อความหรือโทรไปหาพวกเขาเพื่อกล่าวคำว่าขอบคุณ และบอกความรู้สึกว่าเราดีใจแค่ไหนที่มีพวกเขาอยู่ในชีวิต

14. เราช่วยเหลือคนอื่นครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ เราช่วยเขาในเรื่องอะไร และเรารู้สึกอย่างไรกับตัวเองบ้าง

หากเราลองหยุดสนใจเรื่องของตัวเองสักพัก แล้วหันออกไปมองโลกข้างนอก เราจะเห็นได้ชัดเลยว่ามีคนอีกมากที่ยังต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งเราจะช่วยเหลือใครได้มากหรือน้อยนั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ขอเพียงแค่ให้เรานึกถึงคนอื่นมากขึ้นก็พอ ซึ่งข้อดีคือเมื่อเราได้ช่วยเหลือผู้อื่น เราก็จะรู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้นเช่นเดียวกัน

15. เขียนลิสต์ของ 30 สิ่งที่ทำให้ตัวเองยิ้มหรือหัวเราะได้

เราอาจจะใช้ชีวิตในแต่ละวันไปเรื่อยๆ โดยไม่ทันสังเกตว่าอะไรทำให้เรามีความสุขหรือยิ้มได้ ถ้าเราลองเขียนลิสต์สิ่งที่ทำให้เรายิ้มหรือหัวเราะออกมา เราอาจจะพบว่าชีวิตเรารายล้อมไปด้วยสิ่งดีๆ มากมาย ทั้งผู้คนดีๆ อาหารดีๆ หนังสือดีๆ หรืออาจจะเป็นหนังดีๆ สักเรื่องหนึ่ง เป็นต้น

คำถามอีก 5 ข้อที่เราสามารถถามตัวเองได้เป็นประจำ
คำถาม 5 ข้อที่เราสามารถถามตัวเองได้เป็นประจำ

Brand Inside ขอฝาก คำถามอีก 5 ข้อที่เราสามารถถามตัวเองได้เป็นประจำ โดยไม่ต้องรอให้ถึงช่วงสิ้นปี เพราะยิ่งเราทบทวนตัวเองได้บ่อยเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งรู้จักตัวเอง และยิ่งได้บทเรียนจากสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตมากขึ้นเท่านั้น

1. เราใช้เวลาใน 1 วันได้อย่างชาญฉลาดหรือเปล่า

1 วันมี 24 ชั่วโมง ถ้าเราใช้เวลานอนไปแล้ว 8 ชั่วโมง เราจะใช้เวลาอีก 16 ชั่วโมงที่เหลืออย่างไรให้มีคุณภาพ ในแบบที่ได้ทั้งพัฒนาตัวเอง ได้ใช้เวลากับงานอดิเรก ได้ใช้เวลากับคนที่ตัวเองรัก ได้ออกกำลังกาย และได้ทำสิ่งต่างๆ อีกมากมายถ้าเราจัดสรรเวลาได้ดี

2. สิ่งสำคัญที่เราได้เรียนรู้ในวันนี้ สัปดาห์ที่แล้ว หรือเดือนที่ผ่านมาคือเรื่องอะไรบ้าง

คนส่วนใหญ่มักจะมาทบทวนตัวเองกันในช่วงสิ้นปีว่าในปีที่ผ่านมาตัวเองได้เรียนรู้เรื่องอะไรบ้าง แต่รู้หรือไม่ว่าถ้าเรารอมาตกตะกอนชีวิตตัวเองในช่วงสิ้นปีเพียงอย่างเดียว เราอาจจะหลงลืมข้อคิดเล็กๆ น้อยๆ ที่เราได้มาในแต่ละวัน ดังนั้น การคอยถามตัวเองอย่างเป็นประจำและคอยจดบันทึกสิ่งที่ได้เรียนรู้จะช่วยให้เราจดจำได้ดีกว่านั่นเอง

3. ช่วงนี้เราได้ดูแลตัวเองบ้างหรือเปล่า ทั้งทางด้านสุขภาพกายและสุขภาพใจ

หลายๆ ครั้งเรามักจะทุ่มเทเวลาให้กับการช่วยเหลือหรือดูแลคนอื่นจนหลงลืมที่จะหันมาใส่ใจตัวเอง ดังนั้น เราจึงควรถามคำถามนี้กับตัวเองบ่อยๆ เพราะเราต้องอยู่กับตัวเองทั้งชีวิต เราควรใส่ใจดูแลตัวเองให้ดีที่สุดเพื่อที่จะได้มีกำลังกายและกำลังใจต่อสู้กับการใช้ชีวิตไปอีกนานๆ 

4. ช่วงนี้เรามีความคิดแง่ลบอะไรที่โผล่เข้ามาตอนก่อนเข้านอนและหลังตื่นนอนหรือเปล่า ความคิดเหล่านั้นคืออะไร เกิดจากสาเหตุอะไร และเราจะลดความคิดเหล่านี้ลงอย่างไรได้บ้าง

ในบางช่วงเวลาของชีวิตเราอาจจะต้องเจอเรื่องราวยากๆ ที่ทำให้รู้สึกเครียดและกังวลจนเก็บเอาไปคิดแม้กระทั่งในเวลาก่อนเข้านอนหรือหลังตื่นนอน ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัวก็ขอให้เรามีสติ และอย่าลืมปล่อยวางลงบ้าง เพื่อให้ทั้งกายและใจของเราได้พักผ่อนจริงๆ 

5. วันนี้เราได้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ใครบางคนยิ้มบ้างหรือยัง

ข้อนี้เป็นคำถามสั้นๆ ง่ายๆ แต่ถ้าเราได้ลองถามตัวเองบ่อยๆ เราอาจจะรู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้นที่ตัวเองเป็นเหตุผลให้ใครต่อใครหลายๆ คนยิ้มได้ และสิ่งที่เราควรถามตัวเองบ่อยกว่านั้นคือ “วันนี้เรายิ้มแล้วหรือยัง” 

คำถามสุดท้ายที่อยากฝากไว้คือ…

“เราจะลุกขึ้นมาทำอะไรที่ต่างจากเดิมบ้าง หลังจากอ่านบทความนี้จบ”

ที่มา : positivepsychology, personalexcellence, betterbelieveit, asimpleandcontentedlife

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post 20 คำถามทบทวนตัวเอง สร้างพลังใจต้อนรับปีใหม่ 2021 first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/20-questions-reflect-on-yourself/

ครั้งแรกในรอบร้อยกว่าปี จัตุรัส Times Square ห้ามคนเข้าฉลองปีใหม่ 2021

เมื่อพูดถึงงานเคาท์ดาวน์ฉลองปีใหม่ ภาพแรกๆ ที่คนทั่วโลกนึกถึงคงหนีไม่พ้นจัตุรัส Times Square ในนครนิวยอร์ค ที่เราเห็นคนจำนวนมหาศาลมาร่วมเคาท์ดาวน์ นับถอยหลังกันกลางถนนดังเช่นทุกปี

อย่างไรก็ตาม การที่ปี 2020 เป็นปีที่พิเศษเนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 ทำให้รูปแบบการฉลองที่ Times Square ต้องเปลี่ยนไป เพราะปิดไม่ให้คนทั่วไปเข้ามาร่วมเคาท์ดาวน์ซะแล้ว

ภาพจาก Times Square NYC

จัตุรัส Times Square จะยังจัดงานฉลองคืนวันสิ้นปี 2020 เริ่มต้นปี 2021 เหมือนเดิม (ไม่ได้งดจัดงาน) มีลูกบอล New Year’s Eve Ball ลอยลงมาตอนข้ามปีเหมือนเดิม มีการแสดง ร้องเพลง จากนักร้องชื่อดังเหมือนเดิม (ปีนี้เป็น Gloria Gaynor และ Andra Day)

สิ่งที่เปลี่ยนไปคือไม่เปิดให้สาธารณชนมาร่วมเคาท์ดาวน์ เพื่อป้องกันการระบาดของไวรัส เปลี่ยนมาเป็นการถ่ายทอดสดผ่านออนไลน์แทน ผ่านทางเว็บไซต์ TimesSquareNYC.org และ Facebook/Twitter ของ TimesSquareNYC

เหตุการณ์นี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 116 ปี ที่ Times Square ห้ามคนเข้ามาเฉลิมฉลองปีใหม่ นับตั้งแต่งานฉลองครั้งแรกในปี 1904 (ในประวัติศาสตร์เคยมี “งดจัดงานฉลอง” อย่างเป็นทางการอยู่ 2 ปีในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ยังเปิดให้คนทั่วไปเข้ามาในพื้นที่ได้)

งานฉลองปีใหม่ที่ Times Square ยังไม่ถึงกับขาดแคลนมนุษย์จริงๆ ซะทีเดียว เพราะจะเปิดให้กลุ่มคนทำงานด้านการแพทย์ งานฉุกเฉิน และแรงงานในกิจการพื้นฐานที่จำเป็น (first responders, frontline and essential workers) เข้ามาฉลองปีใหม่ที่ Times Square ให้สมกับที่ทำงานเหน็ดเหนื่อยมาตลอดปี 2020

การงดจัดงานฉลองปีใหม่ ไม่ได้มีแต่ที่นครนิวยอร์กเท่านั้น อย่างนครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นประเทศใหญ่ประเทศแรกที่ข้ามเส้นปีใหม่ก่อนใคร ก็ขอให้คนอยู่ที่บ้าน โดยยังมีการจุดพลุฉลองเป็นเวลาสั้นๆ แค่ 7 นาทีตอนเที่ยงคืนเท่านั้น และจำกัดการเข้าพื้นที่รอบโรงละคร Opera House ด้วยเช่นกัน

บทความปีใหม่ 2021 ที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลจาก TimesSquareNYC, CNN, Sydney Morning Herald

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post ครั้งแรกในรอบร้อยกว่าปี จัตุรัส Times Square ห้ามคนเข้าฉลองปีใหม่ 2021 first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/times-square-nyc-new-year-2021/

อย่าหยุดหวัง ชาวอู่ฮั่นรำลึก 1 ปีแห่งความเจ็บปวดจากการ Lockdown และความหวังใหม่ปี 2021

อู่ฮั่น จีน ถือเป็นแหล่งระบาดโควิด-19 แห่งแรกของโลก ปัจจุบันชาวอู่ฮั่นเริ่มกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติแล้ว แต่ความทรงจำสำหรับช่วงที่เกิดโควิดระบาดช่วงแรกๆ ยังคงอยู่ 

WUHAN, CHINA – FEBRUARY 04: (CHINA OUT)The view of the Wuhan International Conference and Exhibition Center on February 4th.2020 in Wuhan.Hubei Province,China.Wuhan epidemic prevention headquarters started converting three existing venues, including a gymnasium and an exhibition center, into hospitals to receive patients infected with the novel coronavirus (2019-nCoV), the headquarters for the epidemic control said late Monday. (Photo by Getty Images)

ราว 7 เดือนที่โควิดแพร่ระบาด เมืองถูกสั่ง lockdown อย่างเข้มข้นและผู้คนเกือบ 11 ล้านคนต้องได้รับการตรวจโรค เทียบกับปัจจุบัน ร้านอาหาร ถนนที่มีห้างร้าน บาร์ เนืองแน่นไปด้วยผู้คน แต่ผลกระทบทางจิตใจจากการ lockdown ยังคงอยู่ สำนักข่าวรอยเตอร์สได้สอบถามผู้คนทั่วอู่ฮั่นและให้แชร์ภาพและวิดีโอในช่วงที่เกิดโรคระบาด พร้อมให้บอกความหวังในช่วงปี 2021 

พบว่า พวกเขายังมีความหวังและยังมองโลกในแง่ดีอยู่ แม้ว่าปี 2020 นี้จะเป็นปีที่ยากลำบากและหนักหนาสาหัสสำหรับพวกเขามากก็ตาม

An Junming อาสาสมัครในอู่ฮั่น เล่าว่า เขาทำงานเป็นอาสาสมัครในช่วงที่มีการ Lockdown 76 วัน ด้วยการส่งอาหารให้ผู้คนที่ติดอยู่ในบ้าน ออกมาไม่ได้ เขาบอกว่าเขากินอาหารแค่วันละมื้อเดียว เพราะมีงานหลายอย่างที่ต้องรับผิดชอบ ขณะเดียวกันก็มีคนจำนวนน้อยมากที่ทำงานนี้ เขารู้สึกกังวลมาก เขาหวังว่าปี 2021 จะเป็นปีที่สดใส เขาบอกว่าปี 2020 มันมีช่วงที่ท้องถนนไม่มีผู้คนเดินอยู่เลยทั้งอู่ฮั่น มีแต่สัตว์ที่เดินไปมาตามท้องถนนได้ 

Zhang Xinghao นักร้องนำวง Mad Rat ในอู่ฮั่น เล่าว่า เขาแทบไม่ทำอะไรเลยเมื่อต้องอยู่บ้าน มันน่าเบื่อมาก เขาคิดว่าเขาต้องแต่งเพลงและร้องเพลงเพื่อให้มีความสนุกมากขึ้น

เขาบอกว่ามันเป็นครั้งแรกที่ทำให้เขารู้สึกว่าเขาผ่านประสบการณ์หายนะ เราต้องไม่เมินเฉยต่อโรคระบาด เราเห็นข่าว เห็นต่างประเทศมีคนติดเชื้อจำนวนมาก เราต้องไม่เมินเฉยต่อมัน เราไม่ควรคิดว่าเรามีพลังมากมาย ขณะเดียวกัน เขาก็คิดว่ามนุษย์นั้นเปราะบางเหลือเกิน

Wuhan China Staff Cleaning COVID-19 Coronavirus
ภาพจาก Shutterstock

Duan Ling วัย 36 ปี นักธุรกิจหญิง เธอบอกว่าสามีของเธอทำงานเป็นศัลยแพทย์และติดโควิด-19 ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ เธอบอกว่าวันเกิดของเธอ สามีของเธอต้องอยู่โรงพยาบาลเพราะโรคระบาด แต่เขาก็ใช้เวลาทั้งวันเพื่อตัดต่อคลิปวิดีโอส่งให้เธอดูในวันนั้น เธอบอกว่าปี 2020 ผ่านเรื่องราวมามากมาย ปี 2021 เธอก็อยากจะมีลูก

Lai Yun วัย 38 ปี เป็นเจ้าของร้านอาหาร เธอบอกว่าตอนนี้ทุกคนต่างก็รู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วมาก เหมือนเพิ่งปิดเมืองไปเมื่อวานนี้เอง เธอคิดว่า โควิด-19 ทำให้สร้างแรงบันดาลใจที่ดีว่า การมีสุขภาพที่ดีสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด

Wu Mengjing วัย 22 ปี นักศึกษาด้านการออกแบบ เขาบอกว่า โรคระบาดส่งผลกระทบต่อผู้คนมากมาย หลายบริษัทล้มละลายและคนตกงานจำนวนมาก สิ่งเหล่านี้กระทบต่อการพัฒนาทั้งหมดในอู่ฮั่น เขากังวลมากว่าจะมีโควิด-19 ระบาดระลอกสองในอู่ฮั่น เพราะเกิดขึ้นแล้วในหลายประเทศ

WUHAN, CHINA – FEBRUARY 11: A women wears a protective mask as she rides a bicycle on February 11.2020 in Wuhan. Hubei province,China. Flights, trains and public transport including buses, subway and ferry services have been closed for the twentieth days. The number of those who have died from the Wuhan coronavirus, known as 2019-nCoV, in China climbed to 1017. (Photo by Getty Images)

Jiang Honghua วัย 34 ปี พ่อค้าร้านอาหารริมทาง เขาบอกว่าช่วงโควิด-19 ระบาด เป็นช่วงที่ครอบครัวได้อยู่ด้วยกัน เขารู้สึกมีความสุขมาก เขาคิดว่าปี 2020 เป็นปีที่ดีสำหรับเขา รู้สึกโชคดีที่ยังได้มีชีวิตอยู่ทั้งครอบครัว ปี 2021 เขาก็หวังว่าเขาจะทำธุรกิจได้ดี

Liu Runlian วัย 58 ปี Street Dancer เธอบอกว่าปี 2021 ที่จะมาถึงนี้ เธอไม่ได้คาดหวังอะไรมากมายเกี่ยวกับตัวเธอเอง แต่เธอก็อยากจะใช้ชีวิตที่สงบสุขและหวังว่าทุกคนจะปลอดภัย

ปี 2021 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่หนักหนาสาหัสสำหรับอู่ฮั่น จีน อย่างแท้จริง สำหรับเมืองแรกที่มีการสั่ง Lockdown แห่งแรก ทั้งที่ยังไม่มีการเตรียมการรับมือได้อย่างดีพร้อม ไม่มีการเตรียมตัว เตรียมใจ

ทั้งหมดผ่านโควิด-19 มาได้แล้วพร้อมกับความทรงจำที่ยังตราตรึงอยู่ แต่ก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาหยุดที่จะคาดหวังถึงปีที่สดใสที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ข้อความที่เขาเขียนทำให้เราได้เรียนรู้ว่ามนุษย์ไม่ได้แข็งแกร่ง อย่าใช้ชีวิตอย่างประมาท และระมัดระวังต่อไปเพื่อไม่ให้เกิดโควิดระบาดระลอกสอง ขณะเดียวกันก็ต้องมีความหวังที่จะใช้ชีวิตด้วย

ที่มา – Reuters

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/wuhan-after-covid-19-outbreak-and-new-hope-in-2021/