คลังเก็บป้ายกำกับ: SHUT_DOWN

วิธีเคลียแรม iPhone X ทำให้เครื่องกลับมาเร็วขึ้นทันที คอนเฟิร์ม!

How To Clear Ram Iphone X Cover

ตั้งแต่ iPhone X ได้ตัดปุ่ม Home ออกไปก็ทำให้การเคลียแรมใน iPhone, iPad ที่จะแบบรุ่นเก่าๆ ไม่ได้แล้ว แต่ทั้งนี้ไม่ต้องตกใจไปทางออกยังมีครับ เรามีวิธีการเคลียแรมใน iPhone X มาให้ชมกันพร้อมแล้วไปติดตามกันเลย

วิธีเคลียแรม iPhone X ทำให้เครื่องกลับมาเร็วขึ้นทันที คอนเฟิร์ม!

ไอเดียหลักๆ คือ เปิดปุ่ม AssistiveTouch, สั่ง Shutdown iPhone ผ่าน Settings และ กดปุ่มโฮมค้างที่ AssistiveTouch

ขั้นตอนทำได้ตามนี้ครับ

Clear Ram Iphone X 01

  • เปิด AssistiveTouch หรือปุ่มโฮมจำลอง(อย่างที่หลายคนเรียก) ขึ้นมา โดยไปที่ Settings(การตั้งค่า)> General(ทั่วไป)> Accessibility(การช่วยการเข้าถึง)> AssistiveTouch เลือกเป็น On (หรือจะสั่ง Siri ก็ได้นะ)
  • สั่ง Shut Down (ปิดเครื่อง) ผ่าน Settings ของระบบ ไปที่ Settings(การตั้งค่า)> General(ทั่วไป)> Shut Down(ปิดเครื่อง)
  • กดปุ่มโฮมที่ AssistiveTouch ค้างไว้รอจนกว่าจะเด้งกับมาที่หน้า Settings

เพียงเท่านี้เราก็จะสามารถเคลียแรมบน iPhone X ได้เรียบร้อยแล้วครับ

ผลการทดสอบที่ได้ก่อนเคลียแรมจะมีแรมเหลือ 4% หลังจากทำตามวิธีนี้แรม iPhone X กลับมาเหลือ 30%

Clear Ram Iphone X 02

ขอบคุณน้องแอ้มสำหรับเทคนิคดีๆ ครั้งนี้

from:https://www.iphonemod.net/how-to-clear-ram-on-iphone-x.html

กระแสค้าปลีกปิดตัวในอเมริกามาแรง แม้แต่ Apple ยังต้านไม่ไหว จะประเดิมปิดสาขาแรกแล้ว

ค้าปลีกในอเมริกาไปไม่ไหวขึ้นทุกวันๆ แม้แต่แบรนด์ค้าปลีกที่ทำกำไรสูงสุดในโลกอย่าง Apple ยังต้องถอย เพราะคนมาเดินห้างสรรพสินค้าน้อยลงทุกวัน แต่นั่นอาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของ Apple เพราะยอดขายไม่ได้พึ่งหน้าร้านมาก ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

Photo: Pixabay

ค้าปลีกไปไม่ไหว แม้แต่แบรนด์กำไรสูงสุดยังถอย

อย่างที่รู้กันดีว่ากระแสค้าปลีกทยอยปิดตัวในปี 2017 นี้จะทำสถิติสูงสุดไปแล้ว แต่รู้ไหมว่า แบรนด์ Apple ที่เปิดร้านขายสินค้าในห้างสรรพสินค้า และถือเป็นแบรนด์ค้าปลีกที่ทำกำไรสูงสุดในโลก โดยมีการศึกษาการตลาดบอกไว้เลยว่า ทำกำไรได้ 5,546 เหรียญ (180,000 บาท) ต่อตารางฟุต นอกจากนั้นร้าน Apple ในห้างสรรพสินค้ายังเป็นแบรนด์ที่เพิ่มยอดขายให้กับห้างสรรพสินค้าได้ถึง 10% อีกด้วย

แต่แม้ว่าจะทำกำไรได้มากขนาดนั้น (แถมช่วยยอดขายในห้างสรรพสินค้า) Apple ก็มองเห็นแนวโน้มของร้านค้าปลีกในห้างสรรพสินค้าที่กำลังร่วงลงเรื่อยๆ ล่าสุด ร้าน Apple ใน Simi Valley ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ประกาศปิดร้านในวันที่ 15 กันยายนนี้ โดยถือเป็นครั้งแรกของ Apple ที่ปิดหน้าร้านในห้างสรรพสินค้า

เหตุผลหลักๆ น่าจะมาจากยอดขายของห้างสรรพสินค้าใน Simi Valley Town Center ที่มีคนมาเดินน้อยลง และที่สำคัญค้าปลีกหลายรายก็ทยอยปิดตัวลงไปหลายรายแล้ว

อย่างไรก็ตาม Apple ได้ส่งแถลงการณ์ออกมาขอบคุณลูกค้าที่เคยเดินทางมาเยี่ยมชมร้านที่ Simi Valley พร้อมทั้งระบุว่า ถ้าเดินทางมาที่แคลิฟอร์เนีย และอยากเข้าร้านของ Apple ก็ให้ไปที่ Apple Topanga หรือ Apple The Oaks ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก

แต่ทั้งนี้ การปิดร้านของ Apple ในครั้งนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อยอดขายโดยรวมแต่อย่างใด เพราะถ้านับดูยอดขายจากหน้าร้านแบบค้าปลีกทั้งหมดของ Apple นั้นคิดเป็นยอดขายเพียง 12% เท่านั้น

ที่มา – QUARTZ

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/apple-retail-shut-down/

ระดมทุนได้ ก็เจ๊งได้! มาดู 7 สตาร์ทอัพที่เคยรุ่ง และร่วงเรียบร้อยแล้วในปีนี้

รุ่งได้ก็ร่วงได้ เป็นธรรมดาของสรรพสิ่ง เหล่าบรรดา “สตาร์ทอัพ” ก็เช่นกัน บางรายพุ่งไปจนถึงจุดที่เรียกว่า “สตาร์ทอัพยูนิคอร์น” แต่ก็ดิ่งลงมาเป็นม้าธรรมดาได้เหมือนกัน ที่น่าสังเกตคือ สตาร์ทอัพหลายรายเกิดมาเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ในระยะยาวแล้วไปไม่รอด

Beepi

Beepi : ก่อตั้งปี 2013 – ปิดตัวกุมภาพันธ์ ปี 2017

Beepi เว็บไซต์ที่รวบรวมผู้ซื้อและผู้ขายรถยนต์ใช้แล้ว ดูท่าจะไปได้สวยเพราะระดมทุนตั้งต้นได้ถึง 150 ล้านเหรียญ ส่วนจุดสูงสุดพุ่งไปถึง 560 ล้านเหรียญ จนทำให้ Fair.com และ ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์อย่าง DGDG ขอซื้อกิจการ แต่ Beepi ก็ไม่ขาย สุดท้ายก็เจ๊งไป เพราะหมดเงินดำเนินการต่อ

Quixey

Quixey : ก่อตั้งปี 2009 – ปิดตัวกุมภาพันธ์ ปี 2017

Quixey แอพพลิเคชั่นค้นหาข้อมูลสารพัดบนมือถือ ด้วยความเชื่อที่ว่าในยุคนี้ผู้คนค้นหาสิ่งต่างๆ ผ่านมือถือกันมากขึ้น สตาร์ทอัพรายนี้ระดมทุนตั้งต้นได้ 133 ล้านเหรียญ และพุ่งไปถึง 600 ล้านเหรียญในเวลาตอมา แต่เมื่อดำเนินกิจการต่อไปเรื่อยๆ พบว่า ไม่มีรายได้ที่มั่นคง ส่วนในปี 2016 ก็มีการเปลี่ยนตัว CEO สุดท้ายไปไม่รอดเช่นกัน ก็มาปิดตัวเอาในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้

Yik Yak

Yik Yak ก่อตั้งปี 2013 – ปิดตัวเมษายน ปี 2017

Yik Yak เป็นแอพพลิเคชั่นสังคมออนไลน์ชนิดหนึ่ง ความพิเศษอยู่ที่การแชทคุยกับคนที่ไม่รู้จักแบบไม่ต้องระบุตัวตน ตอนเริ่มต้นนั้นประสบความสำเร็จอย่างมาก ส่วนเรื่องเงินนั้นเคยระดมทุนได้ถึง 73 ล้านเหรียญ และมีมูลค่าสูง 400 ล้านเหรียญาแล้ว แต่สุดท้ายไปไม่รอดมาและมาปิดตัวในเดือนเมษายนในปีนี้นั่นเอง อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่

Maple

Maple : ก่อตั้งปี 2014 – ปิดตัวพฤษภาคม ปี 2017

Maple บริการจัดส่งอาหารเดลิเวอรี่ในนิวยอร์คซิตี้ สตาร์ทอัพรายนี้ได้รับการสนับสนุนจากเชฟไฮเอนด์ชื่อดังคือ David Chang ระดมทุนตั้งต้นที่ 29 ล้านเหรียญ มูลค่าสูงสุดอยู่ที่ 115 ล้านเหรียญ สุดท้ายมีปัญหาเรื่องใบโปรชัวร์คุกกี้ มารู้อีกทีก็ปิดตัวไปเรียบร้อยเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานี้เอง

Sprig

Sprig : ก่อตั้งปี 2013 – ปิดตัวพฤษภาคม ปี 2017

สตาร์ทอัพรายนี้ก็เป็นอีกหนึ่งในบริการส่งอาหารเดลิเวอรี่ และแน่นอนก็ล้มเหลวเช่นกัน Sprig ให้บริการในซานฟรานซิสโก แต่เน้นไปที่อาหารคุณภาพสูงและอาหารในท้องถิ่น และบอกเลยว่าจะส่งอาหารภายใน 15 นาที แต่สุดท้ายไปไม่ไหวเพราะรูปแบบธุรกิจไม่ยั่งยืน เพราะสู้กับคู่แข่งที่มีราคาต่ำกว่าอย่าง Seamless ไม่ได้ ส่วนการระดมทุนของรายนี้อยู่ที่ 57 ล้านเหรียญ มีมูลค่าสูงสุดถึง 110 ล้านเหรียญ

Gagan Biyani ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Sprig เขียนเอาไว้ในเว็บไซต์เลยว่าทำธุรกิจนี้ไม่ง่ายเพราะ “ความซับซ้อนของการส่งอาหารแบบเดลิเวอรี่เป็นเรื่องที่ท้าทายมาก”

Hello

Hello : ก่อตั้งปี 2012 – ปิดตัวมิถุนายน ปี 2017

Hello เป็นบริษัทที่อยู่เบื้องหลังผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเป็นเซ็นเซอร์เพื่อติดตามการนอน แรกๆ ดูเหมือนว่าจะไปได้สวย เพราะเปิดตัวอย่างดี ระดมทุนได้ 40 ล้านเหรียญ มีมูลค่าสูงไปถึง 300 เหรียญเลยทีเดียว แต่สุดท้ายก็มาเจ๊งไม่เป็นท่า ลองอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่

Jawbone

Jawbone : ก่อตั้งปี 1997 – ปิดตัวกรกฎาคม ปี 2017

Jawbone เรียกได้ว่ารายนี้ก่อตั้งมานานและเป็นที่รู้จักกันดี เรียกได้ว่าเป็นผู้บุกเบิกในวงการอุปกรณ์ส่วนใส่การออกกำลังกาย มากกว่านั้น พุ่งไปจุดที่เรียกว่าเป็น “สตาร์ทอัพยูนิคอร์น” เพราะระดมทุน 1 พันล้านเหรียญ และมีมูลค่าสูงไปถึง 3 พันล้านเหรียญ แต่ล่าสุด ได้ปิดตัวลงแล้ว แต่ไม่จบแค่นั้น เพราะ Hosain Rahman ผู้ก่อตั้งและซีอีโอบอกว่าได้เริ่มต้นบริษัทใหม่ที่มีชื่อว่า Jawbone Health Hub แต่จะเน้นไปในด้านการพัฒนาฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ไปพร้อมๆ กัน

ที่มา – Business Insider

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/startup-rise-and-down-2017/

Twitter เตรียมปิดให้บริการแอพพลิเคชั่น Vines ในอนาคตอันใกล้นี้

สำหรับ Vines นั้นจริงๆแล้วนับเป็นอีกหนึ่งบริการจาก Twitter ที่ค่อนข้างประสบความสำเร็จพอสมควรเลยครับ หลังจากที่เปิดบริการมาด้วยคอนเซปต์ที่ให้ผู้ใช้สามารถโพสต์วิดีโอได้เพียง 6 วินาที ทำให้เกิดการสร้างคอนเทนต์ฮาๆออกมาเรียกเสียงหัวเราะมากมาย ถึงขนาดที่ว่ามีผู้ใช้บางคนได้รับความนิยมอย่างมากจากบริการนี้ของ Twitter

แต่ทว่าจากการออกมาประกาศล่าสุดของ Twitter ได้ระบุเอาไว้ว่าในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะมีการปิดให้บริการแอพ Vines จะเหลือไว้เพียงหน้าเว็บไซต์เท่านั้น ซึ่งทางเราก็ไม่ทราบนะครับว่าเพราะเหตุใดทาง Twitter ถึงจะปิดให้บริการในส่วนของแอพ ซึ่งถ้าถามหาความเป็นได้ก็อาจจะเกี่ยวโยงกับเรื่องการปลดพนักงานประมาณ 8% ก่อนหน้านี้

vine-app

ทั้งนี้ทาง Twitter ยังได้ระบุว่าตอนนี้ทางบริษัทจะยังไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเกี่ยวกับเว็บไซต์และแอพ Vines ซึ่งผู้ใช้จะสามารถเข้าไปรับชมหรือดาวน์โหลดวิดีโอมาเก็บไว้ได้อยู่ หากจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทางบริษัทจะทำการแจ้งผู้ใช้ก่อนอีกที

ซึ่งเมื่อทางบริษัทกล่าวออกมาแบบนี้ยิ่งทำให้รู้สึกว่าในอนาคต Vines อาจไม่ได้ปิดบริการเพียงแค่ในส่วนแอพพลิเคชั่นเท่านั้น เพราะถ้าบริษัทจะเก็บบริการนี้ไว้อยู่ก็ไม่เห็นจำเป็นจะต้องให้ผู้ใช้รีบโหลดวิดีโอมาเก็บไว้เลยจริงไหมล่ะครับ

from:https://www.appdisqus.com/2016/10/28/twitter-counts-vines-days-left-vine-is-shutting-down.html

BlackBerry ประกาศเลิกผลิตสมาร์ทโฟนด้วยตนเอง เตรียมหันไปโฟกัสด้านซอฟท์แวร์เต็มตัว

นับเป็นข่าวใหญ่สนั่นวงการเลยครับกับการออกมาประกาศเลิกผลิตสมาร์ทโฟนของบริษัท BlackBerry ในครั้งนี้ แต่ในความเป็นจริงแล้วก็ไม่ใช่ว่าพวกเราจะไม่ได้เห็นสมาร์ทโฟนยี่ห้อ BlackBerry แต่อย่างใด เพราะทางบริษัทได้ระบุเอาไว้แล้วว่าการเลิกผลิตในที่นี้ หมายถึงการเลิกออกแบบและพัฒนาสมาร์ทโฟนออกมาด้วยตนเอง แต่จะหันไปจับมือกับบริษัทอื่นให้ผลิตฮาร์ดแวร์ให้ภายใต้ชื่อของ BlackBerry ครับ

อย่างที่เห็นว่าเจ้า DTEK50 ทางบริษัท BlackBerry ก็มอบหมายให้บริษัท TCL (ผู้ผลิต Alcatel) เป็นผู้ผลิตให้ ซึ่งจะบอกว่าเป็นการจับเอา Alcatel Idol 4 มาใส่โลโก้ของ BlackBerry เข้าไปก็ผิดนัก

blackberry-dtek50-3

ทั้งนี้ทาง BlackBerry ยังได้ระบุว่าทางบริษัทเตรียมหันไปเอาดีด้านซอฟท์แวร์แบบเต็มตัว เพราะเมื่อบริษัทผลักเรื่องการออกแบบและผลิตไปให้กับบริษัทพาร์ทเนอร์แล้ว ทาง BlackBerry ก็จะสามารถโฟกัสด้านซอฟท์แวร์ที่จะมาใส่ครอบทับกับ Android ได้ดีขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าทางบริษัทยังใช้แนวทางเดิมคือ…การพัฒนาซอฟท์แวร์เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวสูงสุดนั่นเองครับ

CEO ของ BlackBerry นาย John Chen ได้กล่าวเอาไว้ว่า :

บริษัทได้วางแผนที่จะสิ้นสุดการพัฒนาฮาร์ดแวร์ภายในของสมาร์ทโฟน และจะมอบหมายหน้าที่นี้ให้แก่คู่ค้าของเรา ซึ่งมันจะช่วยให้เราสามารถลดความต้องการเงินทุนและเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนได้

สรุปก็คือ… BlackBerry จะเลิกผลิตสมาร์ทโฟนเองแน่ๆ แต่จะไปจับมือกับผู้ผลิตรายอื่นให้ผลิตฮาร์ดแวร์ให้ ส่วนทาง BlackBerry ก็จะพัฒนาซอฟท์แวร์เจ๋งๆออกมาครอบทับระบบปฏิบัติการ Android โดยเน้นที่ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวเป็นหลัก ส่วนบริษัทไหนที่จะจับมือกับ BlackBerry บ้างคงต้องรอดูกันต่อไปในอนาคตครับ

from:https://www.appdisqus.com/2016/09/29/blackberry-wont-develop-any-more-phones-by-itself.html

Google ถอดแอพ Device Assist ออกจาก Play Store พร้อมทั้งเลิกซัพพอร์ตแล้ว

เล่าย้อนไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว Google ได้เปิดตัวแอพ Device Assist app ออกมาอย่างเป็นทางการ โดยแอพนี้จะรองรับการทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟน Android บางรุ่นเท่านั้น อีกทั้งยังจำเป็นต้องรัน Android 5.5 Lollipop ขึ้นไป ซึ่งสำหรับใครที่ยังไม่มีโอกาสได้โหลดมาทดลองใช้งาน ตั้งแต่นี้ต่อไปคุณก็จะไม่มีโอกาสได้สัมผัสเจ้าแอพนี้อีกแล้วครับ เพราะล่าสุดทาง Google ได้ทำการถอนมันออกจาก Play Store เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะไม่มีการซัพพอร์ตใดๆต่อจากนี้อีกด้วย

สำหรับแอพ Device Assist นั้นจริงๆแล้วมันก็มีหน้าที่ตามชื่อของมันเลยครับคือการช่วยเหลือผู้ใช้เกี่ยวกับอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการใช้งาน รวมไปถึงช่วยหาวิธีแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นกับตัวอุปกรณ์ อีกทั้งตัวแอพยังนำเสนอเคล็ดลับใหม่ๆทุกๆอาทิตย์อีกด้วย ซึ่งอย่างที่เราเรียนไว้ในข้างต้นว่ามันสามารถทำงานร่วมกับอุปกรณ์บางรุ่นนั่นก็คือ Nexus, Android One และอุปกรณ์ Google Play Edition ซึ่งด้วยเหตุที่ว่ามันรองรับการทำงานกับอุปกรณ์เพียงไม่กี่รุ่นจึงทำให้แอพมียอดการดาวน์โหลดที่น้อยจนเป็นสาเหตุให้ Google ต้องปิดตัวแอพนี้ไปในที่สุด เพราะถึงแม้มันจะเป็นแอพที่ Google พัฒนาขึ้น แต่กลับมียอดดาวน์โหลดเพียง 500,000 ครั้งเท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมากๆครับ

device-assist-android-100533714-orig

ทั้งนี้สำหรับใครที่ได้ทำการติดตั้งเจ้าแอพ Device Assist ไว้แล้วก็ยินดีด้วยครับ เพราะคุณจะได้ใช้แอพนี้ต่อไป แต่ทว่ามันจะไม่มีการอัพเดทข้อมูลใดๆอีกต่อไปเท่านั้น

อย่างไรก็ตามบริการนี้ก็ไม่ใช่บริการแรกที่ Google ได้ปิดให้บริการ รวมทั้งมันก็ไม่น่าจะเป็นบริการสุดท้ายด้วย แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็ไม่ได้หมายความว่า Google กำลังแย่นะครับ เพราะเชื่อว่าการปิดบริการที่ไม่ค่อยมีผู้ใช้งานน่าจะเป็นหนทางที่ทำให้บริษัทสามารถหันไปโฟกัสในสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการได้มากขึ้นนั่นเองครับ

from:https://www.appdisqus.com/2016/08/27/google-shuts-down-its-device-assist-android-app.html

Facebook เตรียมปิดตัวแอปอ่านข่าว “Paper” แล้ว

0224

Paper แอปพลิเคชันสำหรับคอข่าวของ Facebook ถือเป็นอีกหนึ่งแอปพลิเคชันที่เปิดตัวได้อย่างน่าสนใจเมื่อเดือนมกราคม 2014 แต่แล้วจู่ ๆ Facebook ก็ออกมาเผยว่า บริษัทมีแผนจะปิดตัวบริการดังกล่าวลงแล้ว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการถอดแอปออกจาก App Store และผู้ที่ติดตั้งจะไม่สามารถใช้งานแอปตัวนี้ได้อีกหลังวันที่ 29 กรกฎาคม 2016

ทั้งนี้ หากย้อนไปในช่วงเวลาดังกล่าวจะพบว่า คุณสมบัติและการออกแบบแอปพลิเคชัน Paper ค่อนข้างสวยงามและโดนใจผู้ใช้หลายราย โดยสามารถย่อ-ขยายภาพได้ตามต้องการ ในขณะที่วิดีโอนั้นจะเป็นแบบ Autoplay ที่จะเล่นวิดีโอเต็มหน้าจอ รวมถึงยังสามารถแชร์เนื้อหาดังกล่าวไปยัง Facebook ได้ด้วย

อย่างไรก็ดี หากสังเกตสัญญาณหลาย ๆ อย่างที่มีกับแอปดังกล่าวก็คงใช้คำว่าจู่ ๆ ก็ปิดตัวไม่ได้ เพราะแอป Paper ไม่ได้มีการอัปเดตบริการมานานมากแล้ว โดยครั้งสุดท้ายที่มีอัปเดตคือมีนาคม  2015 และในเดือนธันวาคม 2015 ที่ผ่านมา ทีมออกแบบก็ได้ปิดตัวด้วยเช่นกัน

แม้ว่าจะไม่มีการแจ้งสาเหตุของการปิดตัว แต่คาดว่าอาจมาจากรูปแบบในการแสดงผลที่ Paper เน้นนำเสนอบทความ และข้อมูลข่าวสาร มากกว่าเป็นที่อัปเดตความเป็นไปของบุคคลในครอบครัว เพื่อนฝูง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคในยุคนี้ให้ความสำคัญ ทำให้ Paper ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร อีกทั้งยังให้บริการจำกัดเฉพาะบนอุปกรณ์ iOS เท่านั้นนั่นเอง

โดยในการปิดตัวครั้งนี้ Facebook ไม่ได้เปิดเผยตัวเลขผู้ใช้งานของแอปแต่อย่างใด มีเพียง  Mike Matas หัวหน้าฝ่ายออกแบบที่ได้ทวิตแสดงความเสียใจพร้อมกับกล่าวคำขอบคุณผู้ใช้งาน “หลักแสน” ที่ติดตั้งแอปดังกล่าวเท่านั้น

ซึ่งหากตัวเลขดังกล่าวเป็นจริง ไม่ว่าผู้ใช้งาน Paper จะมีกี่แสนรายก็ตาม แต่ก็ถือว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับ Facebook ที่มีผู้ใช้งานระดับพันล้านคน หรือแอปในเครือเดียวกันอย่าง Instagram – Messenger – WhatsApp ที่มีผู้ใช้งานทิ้งห่างอย่างเทียบไม่ติด

ที่มา Independent
 
Source: thumbsup

from:http://thumbsup.in.th/2016/07/facebook-shut-down-news-app-paper-29-july/

เซฟด่วน!! Socialcam แอพแชร์คลิปชื่อดังประกาศปิดบริการถาวร 29 ตุลาคมนี้

ถ้าพูดถึงชื่อแอพแชร์คลิปวิดีโอบนสมาร์ทโฟนยอดนิยมคงไม่มีใครไม่รู้จัก Socialcam อย่างแน่นอน ซึ่งมีผู้ใช้งานทั่วโลกกว่า 16 ล้านคนเลยทีเดียวแต่หลังจากที่แอพโซเชียลมีเดียดังๆ อย่าง Facebook,Instagram หรือ Twitter ทยอยเปิดตัวฟีเจอร์การถ่ายคลิปวิดีโอ ทำให้ผู้ใช้งานก็เริ่มลดน้อยลงไปตามยุคสมัย ซึ่งล่าสุดก็มีข่าวร้ายสำหรับแฟนๆผู้ที่ยังใช้บริการ Socialcam อยู่ในปัจจุบันว่าทางต้นสังกัด Autodesk ได้ประกาศปิดบริการผ่านทางเว็บไซต์ socialcam.com ในวันที่ 29 ตุลาคมนี้อย่างเป็นทางการแล้ว

Screen Shot 2558-10-17 at 12.36.37 PM

โดยหลังจากปิดบริการแล้วบัญชีผู้ใช้งานต่างๆจะถูกระงับการใช้งาน รวมถึงจะไม่สามารถเข้าถึงคลิปวิดีโอต่างๆได้ ถ้าใครต้องการเซฟคลิปเก็บไว้ก็รีบเข้าไปล็อกอินใน Socialcam แล้วทำการดาวน์โหลดมาเก็บไว้ก่อนวันที่ 29 ตุลาคมนี้

ที่มา –  socialcam 

from:http://www.flashfly.net/wp/?p=130219

Facebook เตรียม shut down โฆษณาแบบ Sponsored Stories มีผล 9 เมษายนนี้

เชื่อว่าทุกๆ คนที่เล่น Facebook ก็น่าจะเคยเจอว่า เอ๊ะ รูปจากเพจอัลไล ชั้นไม่เคยกดไลก์ แต่ดันโผล่มาเพราะว่ามันเป็นโฆษณาประเภท Sponsored Stories ซะงั้น โดยตอนที่ Facebook เปิดตัวโฆษณาประเภทนี้ ก็มีคำครหามาโดยตลอด และมีการฟ้องร้องเกิดขึ้นด้วยเพราะมีผู้ใช้บางกลุ่มไม่พอใจที่ชื่อและรูปโปรไฟล์ของตัวเองถูก Facebook เอาไปหากิน (หากินด้วยการเอามาโชว์ว่า คุณ x กดไลก์เพจนี้ เราเป็นเพื่อนคุณ x เราจึงเห็นโฆษณานี้ไปด้วย) ซึ่ง Facebook ก็แพ้คดีและต้องจ่ายเงินไปกว่า 20 ล้านเหรียญอะนะฮับ และวันนี้ก็มีสัญญาณชัดเจนว่า Facebook จะยกเลิกโฆษณาแบบนี้แล้วฮับ :h_hau:

เรื่องนี้อาจเป็นเรื่องดีสำหรับคนรำคาญโฆษณา แต่นักการตลาดอาจจะกุมขมับปวดตับเอาได้ เพจก็โดนลด reach แถมโฆษณาก็จะถูกตัดตอน ฮ่าๆ แต่ส่วนตัวก็คิดว่า เดี๋ยวก็คงมีโฆษณาประเภทใหม่ที่อาจจะโดนใจโจ๋อะไรงี้ออกมาก็ได้นะ เพราะทุกวันนี้โฆษณาบางประเภทของ Facebook เช่น Page Post Ad หรือ Page Like Ad ก็จะมีข้อความที่ Facebook เรียกว่า Social Context ที่ระบบจะสร้างออกมาให้อัตโนมัติอยู่แล้วอะไรงี้

อย่างไรก็ดี ความเปลี่ยนแปลงนี้จะเกิดอีก 3 เดือนข้างหน้า คือโฆษณาแบบ Sponsored Stories จะปิดให้บริการวันที่ 9 เมษายน ก็ยังมีเวลาสำหรับการวางแผนโฆษณาสำหรับคนที่ต้องทำมาหากินด้านนี้นะฮับ สู้เข้า โย่ว :h_runrunrun:

ที่มา – All Facebook

from:http://faceblog.in.th/2014/01/facebook-shut-down-sponsored-stories/