คลังเก็บป้ายกำกับ: RENO5

เทียบ Galaxy A52 LTE vs OPPO Reno5 LTE และ Galaxy A52 5G vs Reno5 5G ใครมีอะไรเด่นกว่าตรงไหนบ้าง

มือถือ 4G / 5G ราคาเริ่มต้นที่หมื่นบาทนิด ๆ และมีสเปคครอบคลุมให้ใช้งานไปได้อีกยาว ๆ แถมยังมีฟีเจอร์อื่น ๆ ที่น่าสนใจอย่างกล้องสวย ๆ หน้าจองาม ๆ ในตอนนี้ก็เริ่มมีโผล่ออกมาหลายรุนแล้ว โดยเฉพาะแบรนด์ยอดฮิตในบ้านเราอย่าง Samsung และ OPPO ที่มีทั้ง Galaxy A52 LTE / 5G กับ Reno5 LTE / 5G เปิดตัวออกมาในราคาไล่เลี่ยกัน และสเปคต่าง ๆ ก็เรียกว่าสูสีคู่คี่ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย…ซึ่งหากว่าใครที่กำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะซื้อรุ่นไหนดี เราก็จะขอเทียบสเปค และฟีเจอร์ต่าง ๆ ของมือถือทั้ง 4 รุ่นนี้ให้ดูกัน ว่าแต่ละรุ่นมีจุดเด่นจุดด้อยตรงไหนบ้าง

Galaxy A52 LTE VS OPPO Reno5 LTE

เริ่มกันที่มือถือ 4G อย่าง Galaxy A52 LTE และ Reno5 LTE สำหรับคนที่ยังไม่รีบร้อนเปลี่ยนไปใช้ระบบ 5G เพราะเอาจริง ๆ ความเร็วระดับ 4G ก็แทบจะเพียงพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันสบาย ๆ ทั้งโซเชียล วิดีโอคอลล์ ดูหนังดูคลิปความละเอียดสูง เล่นเกมออนไลน์ ฟังเพลงออนไลน์ ฯลฯ แถมมือถือแบบ 4G ยังมีราคาที่ถูกกว่ามือถือ 5G อีกต่างหาก

ดีไซน์ตัวเครื่อง

สำหรับ Galaxy A52 จะใช้ดีไซน์ตัวเครื่องแบบมินิมอลด้วยหน้าจอแบนราบที่เจาะรูสำหรับวางกล้องเซลฟี่เอาไว้ตรงกลางด้านบน ส่วนตัวเครื่องด้านหลังเป็นพื้นผิวแบบด้านที่ใช้สีโทนเดียวแบบเรียบ ๆ มีโมดูลกล้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าอยู่มุมซ้ายบนไว้วางกล้อง 4 ตัว โดยโมดูลดังกล่าวถูกออกแบบมาให้ดูเป็นชิ้นเดียวกับฝาหลัง แต่จะนูนขึ้นมาเล็กน้อย ไม่ได้เป็นโมดูลแบบกรอบสี่เหลี่ยมที่ดูแบ่งแยกกับฝาหลังเครื่องแบบชัดเจนเหมือนมือถือรุ่นอื่น ๆ 

ความหนาของตัวเครื่องกับน้ำหนักก็สามารถใช้งานมือเดียวได้ถนัดอยู่ ไม่เล็กไม่บางเกินไปจนกลัวว่าจะหลุดมือ (แต่ถ้าใส่เคสก็จะดูหนาขึ้นมาอีกนิดหน่อย)

ส่วน OPPO Reno5 มีดีไซน์ตัวเครื่องที่ดูเพรียวบาง โค้งมน และน้ำหนักเบากว่านิดหน่อย ถ้าคนมือใหญ่นิดนึงจะพบว่ามันบางไปจนจับแล้วกลัวหลุดมือ แต่จะพอดีมือมากกว่าถ้าใส่เคสด้วย กล้องหลังของ Reno5 มีจำนวน 4 ตัว วางเอาไว้บนโมดูลมุมซ้ายบนที่นูนขึ้นมานิด ๆ เหมือนกัน ตัวเครื่องด้านหลังของ Reno5 ใช้พื้นผิวแบบด้าน และใช้สีแบบ Gradient ที่จะเปลี่ยนสีได้ตามมุมของแสงที่ตกกระทบซึ่งก็ดูว้อบแว้บสวยแปลกตาดี

 

มาตรฐาน กันน้ำ กันฝุ่น

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ Galaxy A52 และ A52 5G ยังคงได้เปรียบด้วยการออกแบบที่ปิดมิดชิดทำให้ได้รับมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP67 ซึ่งสามารถลงน้ำจืดลึก 1 เมตรได้เป็นเวลา 30 นาที ลดความเสี่ยงเวลาโดนฝน น้ำหกใส่ หรือทำตกแอ่งน้ำไปได้มากเลย…แต่ถึงยังไงก็ไม่แนะนำให้เอามือถือลงไปใช้งาน หรือถ่ายรูปเล่นใต้น้ำนะครับ เพราะหากเกิดเหตุไม่คาดฝันจนน้ำเข้าเครื่องแล้ว ประกันไม่รองรับตรงส่วนนี้นะ

หน้าจอ

Galaxy A52 ใช้พาเนลหน้าจอแบบ sAMOLED ซึ่งเป็นหน้าจอที่มีความสว่างมากกว่า กินไฟน้อยกว่า และสะท้อนแสงแดดได้น้อยกว่าจอแบบ AMOLED ทั่วไป โดยหน้าจอของ Galaxy A52 มีขนาดอยู่ที่ 6.5 นิ้ว ความละเอียด FHD+ ความสว่างสูงสุด 800 nits และมีรีเฟรชเรท 90Hz

Galaxy A52

ส่วน Reno5 จะเสียเปรียบนิดหน่อยตรงที่เป็นจอแบบ AMOLED ขนาดเล็กกว่านิดนึงที่ 6.4 นิ้ว ความละเอียด FHD+ ความสว่างสูงสุด 600 nits และรีเฟรชเรทเท่ากันที่ 90Hz 

Reno5

ประสิทธิภาพเครื่อง

ทั้ง 2 รุ่น มีสเปคเครื่องที่แทบจะถอดแบบกันมา ด้วยชิป Snapdragon 720, RAM 8GB และความจุ 128GB ที่รองรับ microSD card ด้วย ทำให้การใช้งานทั่วไปทั้งเล่นเน็ต เล่นโซเชียล ดูหนังความละเอียดสูง หรือเล่นเกมกราฟิก 3D มีประสิทธิภาพทัดเทียมกัน โดยเฉพาะการเล่นเกมต่าง ๆ ถ้าหากปรับการตั้งค่าให้เข้ากับสเปคก็สามารถเล่นได้แบบลื่น ๆ ไม่มีปัญหา คือสเปคแบบนี้เรียกว่ายังใช้ได้อีก 2-3 ปี สบาย ๆ เลย

Galaxy A52 เล่นเกมลื่นไม่มีปัญหา

Reno5 ก็เล่นได้ลื่น ๆ เหมือนกัน

แต่สำหรับ Reno5 จะได้เปรียบกว่านิดหน่อยในเรื่อง microSD card ที่มีช่องเสียบให้โดยเฉพาะ ก็เลยใส่ได้ 2 ซิม + microSD ในขณะที่ Galaxy A52 เป็นถาดแบบ Hybrid ต้องเลือกเอาว่าจะใส่ซิมที่ 2 หรือจะใส่ microSD 

Galaxy A52 ถาดซิมแบบ Hybrid (ซ้าย) / Reno5 ถาดซิมแบบมีช่อง microSD แยก (ขวา)

กล้องหลัง

มาถึงจุดสำคัญอย่างกล้องหลัง ซึ่งส่วนนี้ต้องยอมให้กับ Galaxy A52 เลย เพราะเค้าใส่ระบบกันสั่น OIS มาให้ด้วย โดยฟีเจอร์นี้ส่วนมากจะเจออยู่ในมือถือระดับเรือธงทั้งนั้น ทำให้การถ่ายวิดีโอของมือถือรุ่นนี้มีความนิ่งและลื่นไหลมากกว่าระบบกันสั่น EIS ที่ใช้กับมือถือรุ่นอื่น ๆ แบบเห็นได้ชัด รวมถึงยังช่วยในการถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีขึ้นอีก












 

Reno5 ก็ให้กล้องหลังมา 4 ตัว เช่นกัน ประกอบด้วย กล้องหลัก 64MP (f/1.7) + กล้อง Ultrawide 8MP (f/2.2) + กล้อง Macro 2MP (f/2.4) + กล้องจับความลึก 2MP (f/2.4) ซึ่งดู ๆ แล้วสเปคก็เกือบจะใกล้เคียงกัน แต่จะเสียเปรียบตรงที่ไม่มีระบบกันสั่น OIS มาให้ และความละเอียดของกล้อง Ultrawide, กล้อง Macro และกล้องจับความลึกที่น้อยกว่า












 

กล้องหน้า

เรื่องกล้องหน้ายังคงต้องยกให้ทาง OPPO ที่หลาย ๆ คนยังติดใจในฟีเจอร์เซลฟี่หลากหลายแบบให้ได้เลือกตั้งค่าได้เพียบ โดย Reno5 มีกล้องหน้าความละเอียดสูงถึง 44MP พร้อมโหมดบิวตี้ที่มีให้เลือกปรับแต้งได้เยอะแยะทั้งความเนียน ปรับตาโต ปรับคาง ปรับสีผิว ฯลฯ ส่วน Galaxy A52 ก็ให้กล้องหน้าความละเอียดสูง 32MP ซึ่งก็ถือว่าให้มาเยอะ และถ่ายได้สวยอยู่ แต่จะเสียบเปรียบที่ไม่มีลูกเล่นมาให้ปรับแต่งเยอะเหมือนทาง OPPO เค้าเท่านั้นแหละ  

Galaxy A52




Reno5




 

ระบบเสียง

เรื่องระบบเสียง Galaxy A52 ได้เปรียบกว่า Reno5 อยู่มากเลย เพราะว่ามันใช้ลำโพงสเตอรีโอ ที่แน่นอนว่าให้คุณภาพเสียงที่ดีกว่า และได้มิติมากกว่ามือถือที่มีลำโพงแค่ตัวเดียว ทำให้เวลาฟังเพลง เล่นเกม หรือดูหนังดูคลิปจะได้อารมณ์มากกว่า เพราะเสียงจะแยกกันซ้าย-ขวา ทำให้แยกฝั่งได้แบบชัดเจน นอกจากนี้ A52 ยังมากับระบบเสียง Dolby Atmos เพิ่มความสมจริงให้กับคอนเทนต์ต่าง ๆ มากขึ้นไปอีก โดยระบบนี้ยังใช้ได้ทั้งกับลำโพงและหูฟังอีกต่างหาก

Galaxy A52 ใช้ลำโพงสเตอรีโอ ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมแล้วจะมีมิติมากกว่า แบ่งเสียงซ้าย-ขวาชัดเจน

 

แบตเตอรี่ & ระบบชาร์จ

Galaxy A52 ให้แบตเตอรี่มาที่ 4500 mAh ส่วน Reno5 ให้มาที่ 4300 mAh โดยขนาดแบตของทั้งคู่ไม่ได้ต่างกันมากนัก สามารถใช้งานปกติได้แบบข้ามวัน ทดสอบคร่าว ๆ ด้วยการใส่ซิม เชื่อมต่อกับ WiFi ดูคลิปจาก YouTube เป็นเวลา 2 ชม. พบว่าแบตเตอรี่ของทั้งคู่ลดไปแค่ราว ๆ 10 กว่าเปอร์เซ็นต์เท่านั้น

Galaxy A52 LTE / Reno5 LTE

แต่เรื่องระบบชาร์จไวอันนี้ Reno5 ชนะขาดเพราะรองรับสูงสุดถึง 50W แถมยังให้ที่ชาร์จ 65W มาในกล่องเลยด้วย ส่วน Galaxy A52 รองรับชาร์จไวสูงสุดที่ 25W และให้ที่ชาร์จแถมมาในกล่องแค่ 15W เท่านั้น

Galaxy A52 ยังเสียเปรียบกว่า Reno5 ที่ระบบชาร์จไว

ซอฟท์แวร์

สำหรับการใช้งาน UI ของมือถือแต่ละรุ่น อันนี้บอกเลยว่าอยู่ที่ความชอบส่วนตัวล้วน ๆ ซึ่ง UI ของแต่ละค่ายก็จะมีฟีเจอร์ยิบย่อยต่างกันออกไป อย่างเช่น One UI 3.1 ของ Galaxy A52 ที่มีโหมด Game tools ให้เลือกปรับเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกม, Gesture ต่าง ๆ ที่จะช่วยให้ใช้งานได้สะดวกขึ้น เช่น Life to wake เปิดหน้าจออัตโนมัติเมื่อยกเครื่อง, เคาะหน้าจอ 2 ครั้ง เพื่อปิด-เปิดหน้าจอ ฯลฯ

ส่วน ColorOS 11.1 ของฝั่ง OPPO ก็มีฟีเจอร์หลายอย่างที่น่าสนใจเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็น Gesture ใช้ 3 นิ้ว ลากจอเพื่อแคปภาพ, ลากจอเพื่อแคปภาพและเลือกแปลภาษาได้จาก Google Lens ทันที, ฟีเจอร์ OPPO Relax 2.0 เล่นเสียงธรรมชาติขับกล่อม ฯลฯ

นอกจากนี้มือถือจาก Samsung จะได้เปรียบกว่าเนื่องจากมีประกาศออกมาว่าจะมีการอัปเดตเวอร์ชั่น Android ให้ถึง 3 เวอร์ชั่น และจะอัปเดตความปลอดภัยแบบดูแลกันยาว ๆ ถึง 4 ปีเลยทีเดียว

ในขณะที่ OPPO ยังไม่มีการประกาศนโยบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการอัปเดต Android และความปลอดภัยไปมากกว่าเดิม จะมีก็แค่มือถือระดับเรือธงซีรีส์ Find X3 เท่านั้น ที่จะได้รับการอัปเดตข้ามเวอร์ชั่น android 2 ปี และอัปเดตความปลอดภัยยาว 3 ปี ครับ

สเปค Galaxy A52 LTE VS OPPO Reno5 LTE

สเปค Galaxy A52 LTE OPPO Reno5 LTE
หน้าจอ Super AMOLED ความละเอียด FHD+ ขนาด 6.5 นิ้ว รีเฟรชเรท 90Hz AMOLED ความละเอียด FHD+ ขนาด 6.4 นิ้ว รีเฟรชเรท 90Hz
CPU Snapdragon 720G Snapdragon 720G
GPU Adreno 618 Adreno 618
RAM 8GB 8GB
ความจุ 128GB รองรับ microSD (hybrid) 128GB รองรับ microSD (ช่องแยก)
กล้องหลัง
  • กล้องหลัก 64MP (f/1.8), กันสั่น OIS
  • กล้อง Ultra wide ความละเอียด 12MP (f/2.2
  • กล้องจับความลึก 5MP (f/2.4)
  • กล้องมาโคร 5MP (f/2.4)
  • กล้องหลัก 64MP (f/1.7)
  • กล้อง Ultrawide 8MP (f/2.2)
  • กล้อง Macro 2MP (f/2.4)
  • กล้องจับความลึก 2MP (f/2.4)
กล้องหน้า 32MP (f/2.2) 44MP (f/2.4)
เซนเซอร์ Fingerprint (ใต้จอ), Accelerometer, Gyro sensor, Geomagnetic sensor, Hall sensor, Light sensor, Virtual Proximity sensor Fingerprint (ใต้จอ), Accelerometer, Geomagnetic, Proximity, Gravity, Gyroscope, Pedometer
การเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot, BT 5.0, USB-C Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot, BT 5.1, USB-C
ระบบเสียง ลำโพงสเตอรีโอคู่, Dolby Atmos, รูหูฟัง 3.5 มม. ลำโพงเดี่ยว, รูหูฟัง 3.5 มม.
มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP67
แบตเตอรี่ / ระบบชาร์จ 4500 mAh / 25W 4300 mAh / 50W
ระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบด้วย One UI 3.1 Android 11 ครอบด้วย ColorOS 11.1
ขนาด / น้ำหนัก 5.1 x 159.9 x 8.4 มม. / 189 กรัม 159.1 x 73.3 x 7.7 มม. / 171 กรัม
ราคา 11,999 บาท 10,990 บาท

 

Galaxy A52 5G VS OPPO Reno5 5G

ส่วนใครที่ต้องการความเร็วแบบเหนือชั้น ก็กัดฟันเพิ่มงบอีกซักหน่อย อัปเกรดขึ้นมาใช้มือถือ 5G เพื่อรองรับการใช้งานในอนาคต ทั้ง Galaxy A52 และ Reno5 ก็มีรุ่น 5G ให้เลือกเหมือนกัน

ดีไซน์ตัวเครื่อง

ตัวเครื่องของ Galaxy A52 5G และ Reno5 5G แทบจะไม่มีอะไรแตกต่างจากรุ่น 4G เลย คือถ้าเครื่องสีเดียวกันเอามาวางเทียบกันก็ไม่มีทางมองออกเลยว่ารุ่นไหน 4G รุ่นไหน 5G 

 

หน้าจอ

หน้าจอของทั้งรุ่น 5G และ 4G ก็มีขนาดที่เท่ากันอีก แต่สำหรับ Galaxy A52 5G จะพิเศษกว่ารุ่นอื่นที่เอามาเทียบกัน เนื่องจากมันมีรีเฟรชเรทสูงกว่าที่ 120Hz ทำให้การเคลื่อนไหวต่าง ๆ บนหน้าจอมีความลื่นไหลกว่า แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการกินพลังงานที่มากขึ้นกว่าเล็กน้อยนั่นเองครับ

Galaxy A52 5G (ซ้าย) มีหน้าจอรีเฟรชเรทสูงกว่าที่ 120Hz

 

ประสิทธิภาพเครื่อง

Galaxy A52 5G ใช้ชิป Snapdragon 750G ที่เป็นรุ่นใหม่กว่าพึ่งเปิดตัวไปเมื่อปี 2020 ส่วน Reno5 5G ใช้ชิป Snapdragon 765G ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายปี 2019 แต่เอาจริง ๆ ประสิทธิภาพในการใช้งานทั่วไปและการเล่นเกม 3D ก็แทบไม่ต่างกันเลย สามารถใช้ได้ลื่น ๆ ได้อีกยาว ๆ ทั้งคู่

Galaxy A52 5G เล่น Genshin Impact ได้ไม่มีปัญหา

Reno5 5G ก็เล่น genshin Impact ได้เหมือนกัน

แต่สำหรับ Reno5 5G ไม่รู้ว่าทำไมถึงตัดการรองรับ microSD Card ออกไปซะนี่

Reno5 5G ตัดช่อง microSD ออกทำไมไม่รู้

 

กล้องหลัง – กล้องหน้า

เรื่องกล้องหน้าของ Galaxy A52 5G และ Reno5 5G ก็ยังคงใช้สเปคเดียวกันกับรุ่น 4G อีกเช่นกันครับ ซึ่ง Galaxy A52 5G ก็แน่นอนว่าได้เปรียบจากระบบกันสั่น OIS ที่นิ่งกว่าทำให้การถ่ายวิดีโอ รวมทั้งภาพนิ่ง ออกมาชัดเจนกว่ามือถือที่ใช้ระบบกันสั่นแบบ EIS

ตัวอย่างภาพ / วิดีโอจาก Galaxy A52 5G












ตัวอย่างภาพ / วิดีโอจาก Reno5 5G












ระบบเสียง

ระบบเสียงของรุ่น 5G ก็ไม่มีอะไรแตกต่างกับรุ่น 4G อีกแล้ว โดย Galaxy A52 5G มากับลำโพงสเตอรีโอคู่พร้อมระบบเสียง Dolby Atmos และรูหูฟัง 3.5 มม. ส่วน Reno5 5G มีลำโพงให้มาเพียงตัวเดียว

ลำโพงคู่ของ Galaxy A52 5G แยกเสียงเวลาเล่นเกมได้ชัดเจนว่าเสียงปืนยิงมาทางไหน

กันน้ำ กันฝุ่น

Galaxy A52 5G ได้รับมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP67 เหมือนรุ่นน้อง ลดความเสี่ยงจากการโดนฝน หรือน้ำหกใส่ได้ เพราะมาตรฐานดังกล่าวกันน้ำลึกได้ถึง 1 เมตร เป็นเวลา 30 นาที

แบตเตอรี่ & ระบบชาร์จ

ความจุแบตเตอรี่และระบบชาร์จของ Galaxy A52 4G และ 5G ก็ยังคงเท่ากันอยู่ แต่ Reno5 5G จะได้เปรียบกว่ารุ่นอื่น ๆ ด้วยระบบชาร์จไวถึง 65W แถมยังให้หัวชาร์จ 65W มาในกล่องด้วยเลย ทำให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 0 – 100% ได้ในเวลาไม่ถึงชั่วโมง เรียกว่ารวดเร็วทันใจสุด ๆ ไปเลยจ้า

Galaxy A52 5G / Reno5 5G

สเปค Galaxy A52 5G VS OPPO Reno5 5G

สเปค Galaxy A52 5G OPPO Reno5 5G
หน้าจอ Super AMOLED ความละเอียด FHD+ ขนาด 6.5 นิ้ว รีเฟรชเรท 120Hz AMOLED ความละเอียด FHD+ ขนาด 6.4 นิ้ว รีเฟรชเรท 90Hz
CPU Snapdragon 750G Snapdragon 765G
GPU Adreno 619 Adreno 620
RAM 8GB 8GB
ความจุ 128GB รองรับ microSD (hybrid) 128GB ไม่รองรับ microSD
กล้องหลัง
  • กล้องหลัก 64MP (f/1.8), กันสั่น OIS
  • กล้อง Ultra wide ความละเอียด 12MP (f/2.2
  • กล้องจับความลึก 5MP (f/2.4)
  • กล้องมาโคร 5MP (f/2.4)
  • กล้องหลัก 64MP (f/1.7)
  • กล้อง Ultrawide 8MP (f/2.2)
  • กล้อง Macro 2MP (f/2.4)
  • กล้องจับความลึก 2MP (f/2.4)
กล้องหน้า 32MP (f/2.2) 44MP (f/2.4)
เซนเซอร์ Fingerprint (ใต้จอ), Accelerometer, Gyro sensor, Geomagnetic sensor, Hall sensor, Light sensor, Virtual Proximity sensor Fingerprint (ใต้จอ), Accelerometer, Geomagnetic, Proximity, Gravity, Gyroscope, Pedometer
การเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot, BT 5.0, USB-C Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot, BT 5.1, USB-C
ระบบเสียง ลำโพงสเตอรีโอคู่, Dolby Atmos, รูหูฟัง 3.5 มม. ลำโพงเดี่ยว, รูหูฟัง 3.5 มม.
มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP67
แบตเตอรี่ / ระบบชาร์จ 4500 mAh / 25W 4300 mAh / 65W
ระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบด้วย One UI 3.1 Android 11 ครอบด้วย ColorOS 11.1
ขนาด / น้ำหนัก 5.1 x 159.9 x 8.4 มม. / 189 กรัม 159.1 x 73.4 x 7.9 มม. / 172 กรัม
ราคา 13,499 บาท 13,990 บาท

 

สรุป

หากใครที่กำลังมองหามือถือรุ่นใหม่ที่มากับสเปคครบครัน แต่ยังไม่ได้ต้องการความเร็วของระบบ 5G ขนาดนั้น ก็บอกได้เลยว่า Galaxy A52 และ Reno5 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ซึ่งใครที่อยากได้มือถือสเปคจัดเต็มแบบไม่กั๊กทั้งกล้องดีมีกันสั่น OIS, สเปคใช้งานสบาย ๆ, กันน้ำ IP67, ลำโพงคู่ และหน้าจอ sAMOLED แต่มีราคาแค่หมื่นนิด ๆ Galaxy A52 นับว่าเป็นตัวเลือกที่คุ้มสุด ๆ ครับ

ส่วนใครที่ชอบมือถือกล้องหน้างาม ๆ สเปคแรงพอกัน พร้อมกับระบบชาร์จสุดไวถึง 50W และมีราคาที่ถูกกว่าอีก 1,000 บาท ก็ต้องหันมาทาง Reno5 เลยครับ

แต่สำหรับคนที่ต้องการความเร็วเน็ตแบบจัดหนักก็เพิ่มงบอีกหน่อยจัดรุ่น Galaxy A52 5G ที่นอกจากจะได้ความเร็วของระบบ 5G แล้ว ยังได้อัปเกรดหน้าจอให้ลื่นไหลขึ้นมาเป็น 120Hz อีกด้วย

และสำหรับรุ่น Reno5 5G นอกจากจะกล้องหน้าสวย ก็จะพิเศษกว่าใครด้วยระบบชาร์จสุดไวสุดแรงแบบ 65W เพิ่มเข้ามาอีก แต่ราคาก็จะแรงกว่า Galaxy A52 5G อยู่นิดหน่อยครับ

from:https://droidsans.com/galaxy-a52-lte-oppo-reno5-lte-galaxy-a52-5g-reno5-5g-comparison/

OPPO Reno5 Series 5G สมาร์ทโฟน 5G ถ่ายวิดีโอสวย ชาร์จไวสุดๆ ปลอดภัยมั่นใจ ชาร์จเต็ม 100% ในเวลาแค่ 30 นาที!!!

OPPO Reno5 Series 5G สมาร์ทโฟน 5G ที่ถ่ายวิดีโอได้สวย ฟังก์ชั่นแปลกตา คุณภาพสวยงามให้กล้องถ่ายภาพมาในระดับน่าประทับใจครับ และมากับฟังก์ชั่นการชาร์จพลังงานที่โดดเด่นที่สุดในตลาดด้วย มีระบบการชาร์จ 65W SuperVOOC 2.0 ระบบที่ชาร์จแบตได้ไวสุดๆ สามารถชาร์จได้เต็ม 100% ในเวลาแค่ 30 นาที!!! และยังมีความปลอดภัยสูงมาก

ใช้งานได้ทันใจและไว้ใจไดนี่คือสิ่งที่สมาร์ทโฟน 5G ในราคาไม่แรงของ OPPO มีให้ ใน OPPO Reno5 Series 5G

OPPO เป็นแบรนด์ที่ขึ้นชื่อเรื่องของระบบการชาร์จมาช้านานครับ โดยเฉพาะระบบ “VOOC” ที่สร้างชื่อและพัฒนามาต่อเนื่อง จนเป็นระบบชาร์จที่มีความไวสูง และความปลอดภัยสูง เป็นหนึ่งจุดเด่นในการใช้งานของสมาร์ทโฟน OPPO ในหลายๆ รุ่น โดยเฉพาะรุ่นระดับเรือธงราคาสูง

แต่ใน OPPO Reno5 5G และ OPPO Reno5 Pro 5G ได้มีการนำเทคโนโลยีการชาร์จนี้มาใส่ให้ใช้กันด้วย ทำให้เราสามารถใช้งานสมาร์ทโฟนสองรุ่นนี้ได้คล่องตัวมากแม้แต่ในจังหวะที่เราอาจจะลืมชาร์จแบตหรือพลังงานใกล้หมดครับ

แบตเตอรี่ของ OPPO Reno5 5G และ OPPO Reno5 Pro 5G มีขนาดรวมที่ 4,300 mAh แต่จริงๆ แล้วภายในของเครื่อง ทาง OPPO ได้พัฒนาเทคโนโลยีที่เรียกว่า “ระบบ Dual-Cell Battery” หรือแบตเตอรี่ภายในแบบสองเซล

OPPO Reno5 5G และ OPPO Reno5 Pro 5G มีการใช้เซลล์พลังงานที่ใส่ไว้สองชุด เทคนิคนี้ถูกออกแบบเพื่อเพิ่มภาครับกระแสไฟเข้าได้เป็นสองเท่า มันจะช่วยลดภาระการผ่านของกระแสไฟแรงดันสูงที่จะเกิดความร้อน เพิ่มท่อรับท่อส่ง

ส่งผลให้เทคโนโลยี 65W SuperVOOC 2.0 สามารถชาร์จแบตเตอรี่ของสมาร์ทโฟน 4,300 mAh ได้เต็ม 100% ในเวลาแค่ 30 นาทีเท่านั้นเองครับ และทำได้โดยไม่เกิดความร้อนสะสม ไม่เกิดอันตราย และส่งผลต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่จะไม่เสื่อมสภาพก่อนอายุการใช้งาน เป็นปัญหาสำคัญที่พบได้จากเทคโนโลยีการชาร์จแบบอัดไฟกระแสแรงๆ เพื่อเพิ่มความไวในการชาร์จไฟเพียงอย่างเดียว แบตร้อน อายุแบตเตอรี่สั้น ส่งผลให้เครื่องร้อนและมีโอกาสเกิดความไม่ปลอดภัยในการใช้งานได้ครับ

นอกจากความไวในการชาร์จแบตเตอรี่ได้เต็มภายใน 30 นาทีแล้ว ต้องบอกว่าในช่วงต้นของชาร์จมันยิ่งกว่าโคตรเร็วซะอีก!

เรื่องระบบไฟเป็นเรื่องสำคัญและอันตรายมากๆ ของอุปกรณ์สมาร์ทโฟนครับ อาจจะเรียกได้ว่าสำคัญมากเป็นอันดับต้นเลยแต่หลายคนกลับลืมและไม่คาดคิดถึงมัน

ข่าวความเสียหายที่เกิดขึ้นกับระบบไฟฟ้าและความร้อน ไม่ได้ส่งผลเสียแค่ต่อตัวอุปกรณ์เท่านั้น เพราะบางครั้งมันหมายถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของเราด้วย! สำคัญและควรระวังไว้ให้มาก ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานเองแบบที่หลายคนชอบเสียบชาร์จไฟทิ้งไว้ หรือใช้งานไปชาร์จไปด้วย รวมถึงการปล่อยให้ลูกหลานของเรานอนเล่นสมาร์ทโฟนในขณะที่เสียบไฟทิ้งไว้ ถ้าระบบชาร์จของมือถือไม่ได้มาตรฐานที่ดีมากพอ อันตรายครับ!

ฉะนั้นเรื่องของมาตรฐานในการชาร์จไฟจึงเป็นสิ่งที่ผมพูดถึงเสมอในการรีวิวทุกๆ อุปกรณ์

นอกจากความปลอดภัยที่ดีแล้ว ความไวในการชาร์จก็จะต้องยอดเยี่ยมด้วย เพราะระยะเวลาการเติมพลังงานมันทำให้เราเสียเวลาชีวิตครับ โดยเฉพาะในจังหวะเร่งรีบหรือเราพลาดไป ไม่ได้ตรวจสอบการชาร์จแบตไว้เมื่อคืน

ฉะนั้นงานด่วน จังหวะเร่ง ช่วงตัดสินชีวิต ชี้เป็นชี้ตาย ^^ ไม่มีคำว่าพลาดครับ ชาร์จแป๊บเดียวใช้งานต่อได้เป็นชั่วโมงๆ

OPPO Reno5 Series 5G เขาออกแบบเพื่อตอบโจทย์และลดการเกิดปัญหาเฉพาะหน้าที่อาจจะเกิดขึ้นในชีวิตครับ เพราะนอกจากระบบชาร์จไวแล้ว มีการเน้นความปลอดภัยด้วยการตรวจสอบผ่านเซนเซอร์ 5 ขั้นตอน ทั้งการตรวจสอบกระแสไฟผิดปกติและการรักษาอุณหภูมิ ดูแลกันตั้งแต่หัวปลั๊กเสียบ ไปจนขั้วต่อและสายไฟ มีการออกแบบพิเศษด้วยมาตรฐานที่สูงและพร้อมรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดในการใช้งานของแต่ละวันด้วยครับ

เขายังมีการใส่ฟีเจอร์อื่นด้านพลังงานเข้ามาอีกมากครับ เช่นระบบการจัดสรรพลังงานให้แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานระหว่างวันได้มากขึ้น ระบบถนอมแบตเตอรี่ขั้นวิกฤต ลดการใช้งานให้เหลือเพียงแอพพลิเคชั่นสำคัญที่เราเลือกไว้ ยืดอายุแบตที่เหลือให้ใช้งานได้มากขึ้นเป็นสองเท่า มันคือ Super Power Saving Mode แต่ผมเรียกมันว่า “โหมดกันตาย”


มีระบบการชาร์จที่ออกแบบมาเพื่อยืดอายุตัวแบตเตอรี่ให้ใช้ได้ยาวนาน ไม่ใช่แค่อยู่ได้ถึงแค่หมดอายุประกันแล้วก็ตายจากไป โดยตัวเครื่องจะชาร์จแบตทั้งไว้ก่อน 80% แล้วค่อยมาชาร์จให้ไฟเต็มก่อนคุณจะตื่นนอน โดยตัว AI มันรู้ครับว่าปกติเราจะตื่นนอนตอนประมาณกี่โมง ลักษณะการเก็บประจุไฟแบบนี้ จะช่วยยืดอายุการใช้งานของตัวแบตเตอรี่ในระยะยาวได้นั้นเองครับ


OPPO Reno5 Series 5G ยังเป็นสมาร์ทโฟนที่เหมาะกับติดตัวไว้เพื่อสร้างคอนเทนต์อีกด้วยนะครับ เพราะมันมีกล้องและฟีเจอร์การถ่ายภาพที่มีคุณภาพสูงเลยแหละ ทั้งสามรุ่นในซีรี่ส์เลย กล้องหลัง 4 ตัวความละเอียดสูง 64 ล้านพิกเซล และกล้องมุมกว้างความละเอียด 8 ล้านพิกเซล กล้องที่สามแบบมาโคร 2 ล้านพิกเซล และสุดท้ายเลนส์ Mono 2 ล้านพิกเซล

OPPO Reno5 เจ้าตัวนี้ครีเอทวิดีโอเก่ง ฟังก์ชั่นเด็ดๆ เยอะครับในราคาเบา 10,990 บาท สายสร้างสรรค์สายอาร์ท เพราะสามารถเล่นกับภาพแปลกๆ ตาเช่น AI Mixed Portrait ซึ่งเป็นรุ่นแรกของโลกที่สามารถนำเทคนิคภาพวีดีโอสองภาพซ้อนกัน Double exposure effect มาใช้จากตัวกล้องของมันเอง

หรือเล่นกับสีแบบ AI Color Portrait ตัดสีฉากหลังให้เป็นขาวดำ เป็นการตัดสีแบบเรียลไทม์ในทั้งภาพนิ่งและถ่ายภาพวีดีโอเคลื่อนไหว

ลองดูการใช้งานจริงของฟังก์ชั่นวีดีโอเด็ดๆ ในคลิปวีดีโอด้านล่างนีัได้เลยครับ

อ่านรีวิว OPPO Reno5 <<<

ถ้าใครอยากสัมผัสประสบการณ์ 5G ในราคาที่เขยิบขึ้นไปหน่อย ก็แนะนำ OPPO Reno5 5G เป็นสมาร์ทโฟน 5G ราคาเบามาพร้อมฟังฟ์ชั่นครบเช่นเดิม ในราคา 13,990 บาท

สเปคแรง Snapdragon 765G RAM 8GB และ ROM 128GB ระบบปฏิบัติการ Android 11 มากับระบบ Color OS 11.1 ซึ่งเป็น UI เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดของ OPPO รองรับ 5G ทั้งแบบ SA และ NSA

หรือรุ่นพรีเมี่ยมสุดของซีรี่ส์ OPPO Reno5 Pro 5G แรงจากชิปเซ็ตเรือธงของ MediaTek ในยุค 5G Dimensity 1000+ เปิดจำหน่ายในราคา 19,990 บาท

ตัวเครื่องของซีรี่ส์นี้สวยงามครับ เครื่องบาง เบา ขอบจอเล็ก เช่นรุ่น OPPO Reno5 มีความบางแค่ 7.8 มม. แล้เบาเพียง 171กรัม มีเข้ามาจำหน่ายรุ่นละสองสี โดยจะชื่อของสีดำร่วมกันว่า Starry Black

แต่ในอีกสีจะใช้ชื่อต่างกัน นั้นคือ Fantasy Silver ในรุ่น 4G และ Galactic Silver สำหรับรุ่น 5G แม้จริงๆ แล้วจะเป็นสีที่เหมือนกันมากแทบจะเป็นสีเดียวกัน แต่ในเนื้อผิวและขั้นตอนการผลิต ตัว Galactic Silver ของรุ่น 5G จะมีพื้นผิวที่มีความวิบวับมากกว่า Fantasy Silver เล็กน้อยครับ

สีเดียว Fantasy Silver และ Galactic Silver เป็นสีที่สวย มันสามารถสะท้อนแสงเงารอบตัวได้เป็นพันเฉดสี เปลี่ยนไปตามแต่มุมแสงที่มากระทบ ^^ สวยงามมากครับ

OPPO Reno5 Pro 5G ก็เป็นซีรี่ส์เด่นของ OPPO ที่มีความสวยงาม สเปคแรง รองรับ 5G มีระบบชาร์จที่ทั้งไวและปลอดภัยสูง วางใจได้ไม่ว่าจะใช้งานเองหรือให้ลูกหลานใช้ครับ กล้องถ่ายภาพคุณภาพระดับสูงเลยทั้งงานภาพนิ่งและงานวีดีโอ

ออกแบบมาได้ครบเครื่องครับ แนะนำสำหรับแฟนๆ OPPO และใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟน 5G มาใช้งานในช่วงนี้ครับ

ข่าว: OPPO Reno5 Series 5G สมาร์ทโฟน 5G ถ่ายวิดีโอสวย ชาร์จไวสุดๆ ปลอดภัยมั่นใจ ชาร์จเต็ม 100% ในเวลาแค่ 30 นาที!!! มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.
from:https://www.appdisqus.com/oppo-reno5-series-5g-best-smartphone-video-65w-supervooc-2-0/

UNBOXING | แกะกล่อง พรีวิว OPPO Reno5 Marvel Edition งามหยดย้อย เก็บงานเนี้ยบทุกซอกทุกมุม

Reno5 Marvel Edition สมาร์ทโฟนสุดพิเศษจาก OPPO เดินทางมาเปิดตัวและวางจำหน่ายในประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว จากที่ได้ลองสัมผัสมาต้องบอกเลยว่า หรูหราหมาเห่า สวยงามตั้งแต่แพ็กเกจ ยันตัวเครื่อง ไปจนถึงอุปกรณ์เสริมเลยทีเดียว เก็บรายละเอียดได้ประณีตในทุกจุด สมราคาค่าตัว 12,900 บาทอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง


ทำเอาขยลุกซู่…ตั้งแต่แกะกล่อง

เพียงแค่เห็นจากภายนอกก็บอกได้ในทันทีว่า Reno5 Marvel Edition ได้รับแรงบันดาลใจในการดีไซน์มาจาก The Avengers อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะมีโลโก้แปะอยู่หราเลยนั่นเอง โดย OPPO เลือกสีดำเป็นพื้นฐาน ตัดกับสีแดง และแซมด้วยสีเงินอย่างโดดเด่น ให้ความรู้สึกเท่ ดุดัน และน่าค้นหาในเวลาเดียวกัน


สมาชิก The Avengers ดั้งเดิมทั้ง 6 คน

พลิกฝากล่องมาด้านหลังจะเจอกับลูกเล่นเก๋ ๆ เป็นภาพกราฟิกสมาชิกทีมดั้งเดิมซ่อนเอาไว้อยู่ ประกอบด้วย ฮอว์กอาย ฮัลก์ ทอร์ กัปตันอเมริกา ไอรอนแมน และแบล็กวิโดว์ กล่องใส่คู่มือการใช้งานเองก็มีตราสัญลักษณ์ของทั้ง 6 คนนี้เช่นเดียวกัน


อุปกรณ์เสริมสุดพิเศษ ให้มาครบชุดเลย





(คลิกเพื่อดูภาพต้นฉบับ)


แม้แต่ด้านในเคสยังเก็บงานขนาดนี้

อุปกรณ์เสริมทั้งหมดจะแตกต่างจาก Reno5 รุ่นปกติ หูฟังมีลวดลายไอรอนแมนและกัปตันอเมริกา อะแดปเตอร์แปลงไฟมีสกรีนโลโก้สีแดง ส่วนเข็มจิ้มถาดซิมนั้นออกแบบได้โดดเด่นน่าสะสมสุด ๆ นอกจากนี้ยังมีซอฟต์เคสลาย MARVEL แถมมาให้อีกต่างหาก


ผสมผสานเท็กซ์เจอร์ที่แตกต่างได้อย่างลงตัว





(คลิกเพื่อดูภาพต้นฉบับ)

ฝาหลังส่วนบนและล่างจะมีพื้นผิวแบบด้าน ในขณะที่ด้านข้างเป็นแบบมันเงา พร้อมเท็กซ์เจอร์รวงผึ้งที่นูนขึ้นมาเล็กน้อย เวลาสะท้อนกับแสงจะดูมีมิติสวยงาม และปุ่มกดทั้งหมดจะเป็นสีแดง ซึ่งสิ่งที่ OPPO ทำกับ Reno5 Marvel Edition นั้นบ่งบอกได้ถึงความใส่ใจในกระบวนการผลิต เห็นได้ชัดว่า เก็บรายละเอียดได้ดีแทบทุกซอกทุกมุม


ธีม MARVEL พิเศษเฉพาะ Reno5 Marvel Edition





(คลิกเพื่อดูภาพต้นฉบับ)

ยิ่งไปกว่านั้น Reno5 Marvel Edition ยังมาพร้อมกับธีมและไอค่อน MARVEL สุดเอ็กซ์คลูซีฟ เข้ากับลวดลายบนตัวเครื่องได้เป็นอย่างดี มีวอลเปเปอร์ให้เลือกเปลี่ยนกันได้ 7 รูปแบบ นอกเหนือจากลายพื้นฐานแล้ว ที่เหลือก็จะเป็นลายฮีโร่ทั้ง 6 คน ตามที่กล่าวไปแล้วด้านบนนั่นแหละครับ


กล้องหลัง 4 ตัว ความละเอียดสูงสุด 64MP

ส่วนตัวรู้สึกว่า Reno5 Marvel Edition เป็นสมาร์ทโฟนที่น่าหามาครอบครองมากจริง ๆ การใช้งานทั่วไปจัดอยู่ในเกณฑ์ดี ลื่นไหลไม่มีหน่วง หน้าจอสีสันสวยงาม ชาร์จเร็ว และน้ำหนักเบามาก ต่อให้ไม่ใช่แฟนของ MARVEL ก็ต้องมีแอบเผลอใจกันบ้างแหละงานนี้

from:https://droidsans.com/unboxing-oppo-reno5-marvel-edition/

เปิดตัว OPPO Reno5 Z 5G มาพร้อมชิป Dimensity 800U, จอ sAMOLED และกล้องหลัง 4 ตัว ความละเอียด 48MP

ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา เราได้เห็น OPPO เปิดตัวมือถือซีรีส์ Reno5 มามากมายหลายรุ่น (เยอะจริง ๆ นะ) ไม่ว่าจะเป็น Reno5, Reno5 5G, Reno5 Pro 5G, Reno5 Pro+ 5G หรือจะเป็นรุ่นพิเศษอย่าง Reno5 Marvel Edition ที่พึ่งเปิดตัวในบ้านเราไปไม่นาน ล่าสุดก็มีรุ่นใหม่มาเปิดตัวอีกแล้ว คือ OPPO Reno5 Z 5G ซึ่งเป็นมือถือ 5G ที่มากับชิป Dimensity 800U, จอ sAMOLED และกล้องหลัง 4 ตัว ความละเอียด 48MP

OPPO Reno5 Z 5G มากับหน้าจอ sAMOLED ขนาด 6.43 นิ้ว ที่ให้ภาพคมชัดระดับ FHD+ สีสันสดสวย แถมยังมีพื้นที่หน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 90.8% เพราะใช้การเจาะรูบนหน้าจอที่มุมซ้ายบนสำหรับวางกล้องเซลฟี่ ทำให้สามารถขยายขอบขึ้นไปได้จนเกือบสุด นอกจากนี้ยังมีเซ็นเซอร์สแกนนิ้วมือฝังไว้ใต้จออีกด้วย

สเปคใช้งานสบาย ๆ ด้วยชิป Dimensity 800U ที่มีโมเด็ม 5G ในตัว แถมยังใช้เสาอากาศแบบ 360° ทำให้การรับสัญญาณไม่ถูกบดบังจากการถือใช้งาน

กล้องหลังมีทั้งหมด 4 ตัว ประกอบด้วยกล้องหลัก 48MP + กล้อง Ultrawide ความละเอียด 8MP + กล้อง Macro ความละเอียด 2MP + กล้อง Mono ความละเอียด 2MP ส่วนกล้องเซลฟี่ให้มา 16MP มากับโหมดถ่ายรูปมากมาย เช่นโหมดถ่ายกลางคืนที่ใช้ได้ทั้งการถ่ายวิดีโอ และถ่ายภาพนิ่ง หรือจะถ่ายวิดีโอจากกล้องหลังและกล้องหน้าพร้อมกันเลยก็ยังได้

แบตเตอรี่ขนาด 4310 mAh พร้อมเทคโนโลยี Super Nighttime Standy ประหยัดแบตเตอรี่เวลานอน ซึ่งจะมีการใช้พลังงานระหว่าง Stand by เป็นเวลา 8 ชม. เพียงแค่ 1.78% เท่านั้น แถมยังมีระบบชาร์จไว 30W ลดระยะเวลาในการชาร์จแบตแต่ละครั้งลงไปได้อีก

สเปค OPPO Reno5 Z 5G 

  • หน้าจอ sAMOLED ขนาด 6.43 นิ้ว ความละเอียด FHD+
  • CPU : Dimensity 800U
  • GPU : ARM G57 MC3
  • RAM (LPDDR4X) : 8GB
  • ความจุ : 128GB
  • กล้องหลัง 4 ตัว
    – กล้องหลักความละเอียด 48MP (f/1.7)
    – กล้อง Ultrawide มุมกว้าง 119° ความละเอียด 8MP (f/2.2)
    – กล้อง Macro ความละเอียด 2MP (f/2.4)
    – กล้อง Mono ความละเอียด 2MP (f/2.4)
  • กล้องหน้า : 16MP
  • เซ็นเซอร์ : Geomagnetic sensor, Light sensor, Proximity sensor, Accelerometer, Gravity sensor, Gyroscope
  • การเชื่อมต่อ : WLAN: Wi-Fi 2.4G, Wi-Fi 5.1G, Wi-Fi 5.5G, Wi-Fi 5.8G, Wi-Fi Display, BT 5.1, NFC
  • แบตเตอรี่ : 4310 mAh รองรับชาร์จไว 30W
  • สีที่วางจำหน่าย : สีฟ้า Cosmo Blue, สีดำ Fluid Black

OPPO Reno5 Z 5G เริ่มวางจำหน่ายแล้วในสิงคโปร์ มีราคาอยู่ที่ 529 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 12,400 บาท โดยจริง ๆ แล้วมือถือรุ่นนี้ก็คือ OPPO A94 ที่ถูกปรับเปลี่ยนสเปคบางอย่างไปนั่นเองครับ ซึ่งตอนนี้ก็ผ่านการรับรองจาก กสทช. แล้ว คาดว่าอาจได้วางจำหน่ายเร็ว ๆ นี้ด้วย

 

ที่มา : OPPO (Singpore)

from:https://droidsans.com/oppo-reno5-z-5g-announced/

รีวิว OPPO Reno5 สมาร์ทโฟนเก่งเรื่องกล้อง สร้างงานวิดีโอ Portrait โดดเด่นไม่เหมือนใครได้ง่ายดาย 10,990 บาท

เปิดตัวออกมาพร้อมกับนวัตกรรมใหม่อีกแล้วครับ สำหรับ OPPO Reno5 ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนของ OPPO Reno 5 Series 5G ที่เปิดตัวออกมาพร้อมกันสองรุ่น ภายใต้คอนเซป ” Picture Life Together ” ฉะนั้นเรื่องของความสามารถในการถ่ายภาพ ที่จะเข้ามาทำให้ชีวิตเราได้สนุกมากยิ่งขึ้น ไว้ใจได้เลยครับ ^^ ใส่มาเพียบ

ก่อนอื่นต้องบอกว่า OPPO Reno5 กับ OPPO Reno5 5G มีความแตกต่างกันอยู่พอสมควรนะครับ ไม่ใช่แค่เรื่องของ 5G ตามชื่อเท่านั้น แต่ทั้งคู่มีดีและความเก่งกาจในงานที่ต่างกันหลายประเด็น ซึ่งเราเคยอธิบายไว้ให้แล้วในบทความพรีวิวซึ่งสามารถอ่านความแตกต่างของเครื่องทั้งสองรุ่นได้ใน ลิงก์นี้ นะครับ

ต้องยอมรับว่า ทาง OPPO ใส่ฟังก์ชั่นการถ่ายวีดีโอมาให้เจ้า OPPO Reno5 แบบเต็มพิกัดจริงๆ ครับ มีหลากหลายฟังก์ชั่นที่โดดเด่นเหลือเกิน เช่น AI Mixed Portrait เพราะนี่เป็นครั้งแรกของโลกเลย ที่สมาร์ทโฟนสามารถนำเทคนิค Double exposure effect มาใช้งานในการถ่ายวีดีโอได้จากตัวกล้องของมันเอง

มันคือเทคนิคการซ้อนภาพวีดีโอ Portrait ลงบนวีดีโอพื้นหลังอีกหนึ่งตัว สิ่งที่พิเศษคือตัวกล้องจะสามารถจับตัวบุคคลได้อย่างแม่นยำมากเลยในขณะที่เปิดใช้งานฟังก์ชั่นนี้  และมันยังสามารถทำภาพออกมาได้สองลักษณะด้วยครับ นั้นคือแบบ Silhouette Mode ที่จะเป็นลักษณะตัดเงาขยับตามรูปร่างของบุคคล และแบบ Blend Mode ที่จะรวมภาพทั้งสองวีดีโอซ้อนกันเป็นหนึ่งเดียว มันออกแบบมาเพื่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์เพื่อทำวีดีโอในแบบที่สมาร์ทโฟนเครื่องอื่นๆ ยังทำให้เราไม่ได้ครับ

และมีโหมดที่ชาว VLOG น่าจะถูกใจกัน นั้นคือ Dual-view Video การถ่ายวีดีโอด้วยกล้องหน้าและกล้องหลังได้พร้อมๆ กัน และยังสามารถซูมภาพได้ในขณะแบ่งหน้าจอได้ด้วยนะครับ ทำให้เราสามารถใช้ในการรีวิวอาหาร รีวิวสิ่งต่างๆ โดยแสดงใบหน้าของเราไปพร้อมกันได้ และสามารถซูมเข้าซูมออกได้แบบเรียลไทม์ในขณะบันทึกวีดีโอได้ด้วยครับ

สามารถจัดแบ่งการแสดงของ Dual-view Video ได้หลายรูปแบบครับ เป็นแบบแบ่งครึ่งหรือเป็นแบบหน้าต่างเล็กก็ได้เช่นกัน



นอกจากฟังก์ชั่นการถ่ายวีดีโอจะน่าสนใจแล้ว ยังมีการพัฒนาคุณภาพของการถ่ายวีดีโอมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วยครับ ด้วยการใส่ AI Highlight Video ซึ่งนี่ก็เป็นฟีเจอร์แรกของวงการสมาร์ทโฟนอีกเช่นกัน ที่นำเอาตัว AI มาคอยตรวจจับแสงสภาพแวดล้อมในขณะถ่ายวีดีโอ เพื่อเปิดความสามารถและโหมดของกล้อง ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ตรงหน้าได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งจะทำงานให้เราได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังเลยนะครับ

เช่นการเปิด Live HDR เพื่อเพิ่มความสว่างให้เห็นรายละเอียดในส่วนภาพที่อาจจะมืดเกินไป หรือลดความสว่างที่อาจจะจ้าเกินไป ซึ่งเป็นปัญหาที่เราเจอบ่อยๆ เวลาถ่ายวีดีโอตอนกลางวันทื่มีแสงเข้าทางด้านหลังแบบ เช่นสถานการณ์ถ่ายย้อนแสง หรือการถ่ายจากในอาคารไปยังด้านหลังที่มีแสงธรรมชาติเข้ามามากเกินไป ฟังก์ชั่นนี้ก็จะช่วยได้อย่างมากเลยครับ

หรือการถ่ายวีดีโอในที่แสงน้อย ตัว AI ก็จะเปิดโหมด Ultra Night Video ที่จะช่วยเติมแสงและความสว่างในส่วนที่มืดของภาพ ให้เห็นสิ่งต่างๆ ได้สวยงามและชัดเจนมากขึ้นโดยอัตโนมัติครับ


AI Color Portrait ความสามารถในการเล่นกับสีได้แบบเรียลไทม์ ตัดสีฉากหลังให้เป็นขาวดำ เพื่อเพิ่มความโดดเด้งให้กับแบบได้แบบชัดเจนเต็มไปดวยสีสัน ^^ และไม่ใช่แค่การตัดสีของภาพนิ่งเท่านั้นครับ เพราะมันเป็นการตัดสีแบบเรียลไทม์ในขณะที่เราถ่ายภาพได้ทั้งภาพนิ่ง และภาพวีดีโอเคลื่อนไหวด้วยครับ

เรายังสามารถระบุสีสันที่ต้องการคงไว้ในวีดีโอได้แบบเฉพาะเจาะจง ด้วยโหมด Monochrome Video ที่เราสามารถเลือกคงสีไว้ในวีดีโอได้สามตัวเลือก สามสี แดง เขียว และน้ำเงิน และปล่อยให้สีอื่นๆ ภายในภาพกลายเป็นสีขาวดำทั้งหมด และถ่ายเอาไว้ได้แบบเรียลไทม์เช่นกัน




จะเห็นว่าจัดเต็มมาเลยครับ สำหรับงานวีดีโอใน OPPO Reno5 มีความสามารถที่ไม่เหมือนใคร สร้างงานวีดีโอที่สวยงามแปลกตา ใช้งานง่าย ฟังก์ชั่นฉลาดครับ และภายในตัวระบบ ยังมีการฝังความสามารถสำหรับการจัดทำวีดีโอคลิปสั้น ” SOLOOP” เอาไว้ให้เราด้วยครับ

SOLOOP เป็นฟีเจอร์ที่สามารถสร้างวีดีโอสั้นขึ้นมาได้จากเทมเพลตวิดีโอสวยๆ ที่มีการเตรียมไว้ให้เลือกใช้มากมายเลยครับ เราสามารถทำตามคำแนะนำที่อยู่ด้านในง่ายๆ ก็สามารถผลิตคลิปวีดีโอเท่ๆ เพื่อเอาแชร์ได้ในไม่กี่วินาทีครับ




มาดูของจริงให้เห็นภาพ กับรีวิวคุณสมบัติกล้อง OPPO Reno5 ในทุกโหมดในคลิปวีดีโอนี้กันดีกว่านะครับ

ในงานภาพนิ่งก็พัฒนาขึ้นมาอีกขั้นเช่นกันครับ มีการพัฒนาระบบ AI มาช่วยให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพสวยๆ คมๆ ได้ง่ายๆ ไม่ต้องมีความรู้ด้านกล้องอะไรมากมาย เพราะตัวระบบถูกสอนให้เรียนรู้สิ่งที่จะถ่าย และปรับแต่งสีแสงตามซีนที่มันตรวจจับเจอ โดย AI Scene Enhancement จะสามารถจดจำและปรับแต่งสีแสงไปตามฉากที่พบเจอแตกต่างกันได้ถึง 22 ฉาก

เช่น ชายหาด ท้องฟ้า ดอกไม้ ต้นไม้  ดอกไม้ไฟ ข้อความ อาหาร ทารก แมว สุนัข ใบหน้ามนุษย์และใบหน้ามนุษย์หลายใบหน้า วิวทิวทัศน์ สนามหญ้า หิมะ แสงไฟที่สว่างจ้า ที่ร่ม ฉากในตอนกลางคืน ฉากพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก ย้อนแสง ฉากทึบ และ ฉากลวดลายแบบแพทเทิร์น เมื่อตัว AI ตรวจจับเจอ ก็จะทำการปรับกล้องให้เหมาะสมกับการถ่ายภาพสิ่งเหล่านั้นได้โดยอัตโนมัติครับ เพียงแค่เปิด AI Scene Enhancement เท่านั้น

และต้องบอกว่า กล้องถ่ายภาพทั้ง 5 ตัว (หน้า 1 หลัง 4 ) ของ OPPO Reno5 มีความละเอียดที่สูงมากนะครับ กล้องหน้าความละเอียดสูงถึง 44 ล้านพิกเซล และให้กล้องหลังสี่ตัวที่ความละเอียดสูงสุด 64 ล้านพิกเซล + กล้องมุมกว้าง 119 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล + กล้องมาโคร ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล และสุดท้ายเป็นกล้องสำหรับช่วยการจับโฟกัส เลนส์ Mono 2 ล้านพิกเซล

หน้า UI ของกล้องใช้งานง่าย สลับโหมดต่างๆ ได้รวดเร็ว เข้าถึงฟังก์ชั่นพิเศษต่างๆ ได้ในเมนู “เพิ่มเติม” เช่นโหมดสโลว์โมชั่น (รองรับ 960Fps) โหมดไทม์แลปส์ รวมถึง AI Mixed Portrait และ Dual-View Video ที่ผมแนะนำไปข้างต้นด้วยครับ มีความสามารถในการสั่งให้ถ่ายภาพด้วยการใช้ฝ่ามือเพื่อสั่งให้ถ่ายภาพได้ด้วย ^^ เซลฟี่ง่ายเลยไม่ต้องเอื้อม


 

เรื่องกล้องหน้าไม่ต้องห่วงเลย ระดับ OPPO กับกล้องที่เน้นมามากถึง 44 ล้านพิกเซล เมื่อรวมกับซอฟท์แวร์เทพในการถ่ายภาพเซลฟี่ของแบรนด์นี้แล้ว คมกริบ และสวยงามครับ

ไม่ต้องกลัวเรื่องการเซลฟี่ในที่แสงน้อย เพราะว่ารองรับ Ultra Night Selfie Mode อีกด้วย ฟังก์ชั่นนี้จะช่วยปรับภาพให้มีความคมชัด และเพิ่มความสว่างให้กับพื้นหลังและตัวบุคคลในภาพให้เด่นชัดมากขึ้น ซึ่งชัดมากจนน่าตกใจครับ ถ้าตัว AI ตรวจจับเจอสภาพแสงที่มืดมาก จะทำการเพิ่มแสงด้วยใช้ไฟบนหน้าจอเร่งความสว่างเป็นไฟเสริม ภาพออกมาคมกริบ ผลลัพท์กล้องหน้ายอดเยี่ยมทั้งกลางวัน และ กลางคืน


ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า 




กล้องหน้าโหมดกลางคืน คมกริบ!

กล้องหลัง 4 ตัว ถ่ายภาพได้หลากหลายระยะ ทั้งมุมกว้าง 119 องศา ไปจนถึงการซูมภาพได้สูงสุด 10x ครับ จากการทดสอบในระยะการซูม 5x ยังคมชัดไม่มีปัญหา




มีโหมดมาโครสำหรับการถ่ายภาพระยะใกล้ได้ 4 เซนติเมตร สำหรับการถ่ายภาพเอารายละเอียดในระยะใกล้ๆ

กล้องที่สี่ เป็นเลนส์ MONO 2 ล้านพิกเซล ตัวนี้ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยในการถ่ายภาพบุคคลครับ ฉะนั้นในโหมดถ่ายภาพบุคคลด้วยกล้องหลัง จึงมีฟังก์ชั่นให้ใช้งานด้านการเล่นกับสี แบบ AI Color Portrait นั้นเอง นอกจากจะทำภาพหน้าชัดหลังเบลอได้แล้ว ยังสามารถถ่ายภาพแบบตัดสีฉากหลังออกไปได้ด้วยนะครับ นางแบบของเราก็จะเด่นชัดด้วยสีสันที่ยังคงไว้ในภาพเพียงหนึ่งเดียว ^^

Night Flare Portrait โหมดการถ่ายภาพบุคคลที่จะเร่งความชัดเจนของโบเก้ฉากหลัง ให้จัดจ้านและเด่นชัด เพื่อเพิ่มมิติความลึกของภาพได้มากขึ้นกว่าปกติ เปิดแล้วภาพบุคคลกลางคืนจะสวยเลยครับ


โหมดถ่ายภาพกลางคืน สามารถถ่ายภาพเล่นกับไฟในยามค่ำคืนได้โดยภาพไม่เบลอและไม่มีนอยส์บนภาพ




ตัวเครื่องภายนอก

Starry Black และ Fantasy Silver คือสองสีที่มีให้เลือกในรุ่น OPPO Reno5 ครับ มีความสวยงามของสีสันที่ไม่เคยเจอในสีเด่นของรุ่นอย่าง Fantasy Silver มันเป็นสีที่มีเฉดนับพัน ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปตามแสงแวดล้อมที่มากระทบ ผลิตด้วยเทคโนโลยีการผลิตใหม่ล่าสุด Diamond Spectrum Process ผลึกทรงพีรามิดขนาดเล็กบนพื้นผิวนับล้านๆ เพิ่มความวิบวับในแบบพิเศษ ระยิบระยับสวยงาม ลูบไล้สัมผัสรู้สึกสบาย และไม่เกิดรอยคราบมันลายนิ้วมือขึ้นมาเลยแม้แต่นิดเดียว สีเครื่องสวยมากครับ สวยขาดเลยสำหรับสี Fantasy Silver




บางและเบามากครับ เบาเพียง 171กรัม และมีความบาง 7.8 mm งานประกอบแน่นหนา ฝาหลังโค้งแบบ 3 มิติและขอบจอแสดงผลโค้ง 2.5D ที่ตัวเครื่องบางได้แบบนี้เพราะใช้หน้าจอแสดงผลที่รองรับการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอโดยตรง

ใช้หน้าจอ AMOLED ความละเอียด FullHD+ ขนาด 6.43 นิ้ว สีสันสดใส ขอบจอเล็กมาก คิดเป็นสัดส่วนต่อพื้นที่ด้านหน้าตัวเครื่องสูงถึง 91.7% อัตราส่วนหน้าจอทรงยาว 20:9 และให้หน้าจอมาเป็นแบบรีเฟรชเรทสูง 90Hz อีกด้วยนะครับ การแสดงผลสมูธสบายตาด้วยอัตรารีเฟรชที่สูงกว่าทั่วไป

จอดีครับ เต็มตา ภาพสวย สีสด และแสงสว่างดี DCR 200,000:1 รับชมคลิป เล่นเกม ดู NETFLIX ภาพ HD คมชัดสวยงาม

รองรับ 2 ซิมการ์ดแบบสามสล็อต รองรับการใส่ Micro SD card ได้เพิ่มเติมได้สูงสุด 256GB

แบตเตอรี่ภายใน 4310 mAh รองรับระบบชาร์จไว 50W Flash Charge ชาร์จไวมากครับ จากที่ทดสอบชาร์จจากแบตเตอรี่เหลือเพียงแค่ 20% จนเต็ม ใช้เวลาแค่ประมาณสามสิบนาทีหน่อยๆ เท่านั้นเองครับ ชาร์จไวมาก

ซึ่งภายในกล่อง ทาง OPPO ใส่ที่ชาร์จ 65W SuperVOOC 2.0 มาให้เลยนะครับ ^^ พร้อมเคสใสและชุดหูฟังครบพร้อมมาให้ในกล่อง สามารถดูคลิปวีดีโอแกะกล่องจากน้อง Nattilliiiii ได้ในคลิปวีดีโอด้านล่าง ฝากกดไลค์กดติดตามช่อง Youtube Appdisuqs กันไว้ด้วย ^^

การใช้งานภายใน OPPO Reno5

สเปคเครื่องระดับ Mid-End ครับ ใช้งานได้สบายๆ ในทุกแอพพลิเคชั่นและเกมในระบบ ใช้หน่วยประมวลผลตัวนิยมในกลุ่มตลาดกลางอย่าง Snapdragon 720G ให้ RAM 8GB และ ROM 128GB สเปคสมดุล เพียงพอต่อการใช้

โดย OPPO Reno5 เป็นสมาร์ทโฟนเครื่องแรกของแบรนด์นะครับ ที่ใช้ระบบ ColorOS 11.1 ตัวใหม่ล่าสุด ครอบทับ Android 11 พร้อมใช้งานตั้งแต่แกะกล่อง มีฟีเจอร์มากมายที่ถูกเพิ่มและพัฒนามาให้ในระบบใหม่ตัวนี้ครับ



มีระบบการแสดงผลการทำงานหลายแอพพลิเคชั่นพร้อมกันตัวใหม่ นอกจากจะแบ่งหน้าจอทำงานสองแอพได้แล้ว ยังมีระบบใหม่ที่เรียกว่า FlexDrop มันสามารถแยกการแสดงผลของแอพพลิเคชั่นได้แบบเป็นหน้าต่างป๊อบอัพ ขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ซ้อนทับแอพตัวอื่นได้พร้อมกัน





และระบบการเซฟภาพหน้าจอก็มีการพัฒนามากขึ้น โดยมีการพัฒนาให้สามารถเซฟภาพหน้าจอโดยการใช้สามนิ้วลากบนหน้าจอ มีการพัฒนาให้รองรับการใช้งานกับ Google Lens ให้สามารถแปลภาษาได้อย่างรวดเร็วโดยใช้เพียง 3 นิ้วเซฟภาพบนหน้าจอที่เป็นตัวอักษรที่เราต้องการจะแปลภาษาครับ


โหมดกลางคืน หรือ DarkMode มีการให้เราปรับแต่ง เลือกระดับความเข้มของโหมดกลางคืนได้ด้วยตัวเองครับ มีโหมดขั้นสูง, กลาง และอ่อนโยน โดยเรียงลำดับความเข้มสามระดับให้เราเลือก ไม่จำเป็นต้องมืดสนิทสีดำอย่างเดียวอีกต่อไปครับ



และระบบ Always-On Display ตัวใหม่แกะกล่อง ที่ปรับแต่งได้เยอะมากครับ หน้าจอแสดงผลตลอดเวลาที่จะบอกข้อมูล เช่น วัน เวลา การแจ้งเตือน เราสามารถออกแบบได้เองแล้วครับ




ระบบการสั่งงานที่ไม่ต้องสัมผัสหน้าจอ สามารถใช้การสะบัดข้อมือผ่านเซนเซอร์หน้าจอได้เพื่อรับสายโทรเข้า เลื่อนหน้าจอเพื่อดูฟีด Facebook, Tiktok หรือคลิปใน Youtube ได้ครับ ลดการสัมผัสถ้ามือเราเปื้อน ก็ยังสั่งงานสมาร์ทโฟนได้อยู่




โหมดสำหรับคนเล่นเกม มีการออกแบบหน้าตามาใหม่ครับ โหมดที่จะช่วยเหลือให้เราสามารถเล่นเกมได้เต็มที่โดยไม่มีอะไรมารบกวน โดยจะปรับการแจ้งเตือนที่แจ้งเข้ามาให้อยู่ในรูปแบบป๊อบอัพไม่รบกวนมากขณะเล่นนเกม โดยเราสามารถเลือกความเข้มข้นของการเล่นเกมเราได้สามระดับ โดยจะปรับเลือกให้เล่นเกมแบบประหยัดพลังงานมากขึ้นสักหน่อย หรือจะปรับให้การเล่นเกมมีความสำคัญมากๆ โดยปิดกั้นการแจ้งเตือนไปเลยก็ได้ครับ

ซึ่งประสิทธิภาพในการเล่นเกมและการใช้งานของ OPPO Reno5 ไม่มีปัญหาใดๆ ครับ เล่นเกมได้ลื่นไหล สบายๆ ครับ




ราคาจำหน่ายและโปรโมชั่น

ของแถม OPPO Reno5 อยู่ที่ 10,990 บาท รับของแถม

  • E-Vip Card
  • Smart Scale

ของแถม OPPO Reno5 5G อยู่ที่ 13,990 บาท รับของแถม

  • E-Vip Card
  • Smart Scale
  • Bluetooth Speaker


 

ข่าว: รีวิว OPPO Reno5 สมาร์ทโฟนเก่งเรื่องกล้อง สร้างงานวิดีโอ Portrait โดดเด่นไม่เหมือนใครได้ง่ายดาย 10,990 บาท มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.

from:https://www.appdisqus.com/2021/01/28/review-oppo-reno5.html

พรีวิว OPPO Reno5 Series 5G ที่สุดของสมาร์ทโฟนสำหรับงานวิดีโอ Portrait

OPPO Reno5 และ OPPO Reno5 5G สมาร์ทโฟนสองรุ่นที่กำลังจะเปิดตัวออกมาพร้อมๆ กัน ทั่งคู่ถูกออกแบบมาภายใต้นิยาม “Picture Life Together”

OPPO Reno5 และ OPPO Reno5 5G ใส่ความเป็นที่สุดของงานถ่ายภาพวิดีโอ โดยเฉพาะงานวีดีโอสำหรับ Portrait ด้วยฟังก์ชั่นที่ช่วยให้เราถ่ายภาพและวิดีโอที่สวยงามออกมาได้ง่ายๆ ครับ มีความเหมือนกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันในหลายด้านนะครับ ซึ่งเพื่อให้ทุกคนได้รู้จักกับสมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นได้มากขึ้น เราจะมาพรีวิวความแตกต่างของทั้งสองรุ่นให้ได้รู้จักกันว่า แต่ละตัวมีจุดเด่นที่แตกต่างกันอย่างไร

มาเริ่มกับสิ่งที่เหมือนกันทั้งของทั้งสองรุ่นก่อนครับ นั้นก็คือ ทั้งสองรุ่นมีการออกแบบภายนอกที่เหมือนกันมาก แยกด้วยสายตาแทบไม่ออก ตัวเครื่องจะมีการออกแบบที่เน้นความบางและเบา เบาเพียง 171กรัม และมีความบางเพียง 7.8 mm ส่วนตัว OPPO Reno5 5G มีความบางเพียง 7.9 mm และมีน้ำหนักเบาเพียง 172กรัมเท่านั้นครับ เพื่อความสะดวกในการใช้งานและการพกพา

ทั้งสองรุ่นมีสีที่โดดเด่นเป็นพิเศษ นั้นคือ Galactic Silver สำหรับรุ่น 5G และ Fantasy Silver ในรุ่น 4G  มีความสวยงามของสีสันนับพัน ด้วยเทคโนโลยีการผลิตใหม่ล่าสุด Diamond Spectrum Process ทำให้เกิดเป็นเฉดสีใหม่นับพันสีบนฝาหลังของเครื่องเมื่อมีองค์ประกอบของสีจากแสงรอบตัวที่เปลี่ยนไป

ใช้หน้าจอแสดงผลขนาด 6.43 นิ้ว เป็นจอ AMOLED ความละเอียด FullHD+ และรีเฟรชเรทที่สูง 90Hz และรองรับการสแกนนิ้วบนหน้าจอโดยตรงได้ทั้งสองรุ่น

ประสิทธิภาพการใช้งานจะใช้หน่วยประมวลผลต่างกันนะครับ แต่จะมาพร้อม RAM 8GB และ ROM 128GB ที่เท่าๆ กันทั้งสองตัวครับ ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 11 และเป็นซีรี่ส์แรกของสมาร์ทโฟน OPPO ที่มากับระบบ Color OS11.1 ตั้งแต่แกะกล่องซึ่งเป็น UI เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดของแบรนด์ครับ

นี่คือสิ่งที่สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ทั้งสองรุ่นมีให้กับเราคล้ายๆ กัน  แต่สิ่งที่ต่างกันไปซึ่งเป็นตัวเลือกสำคัญก็มีอยู่มากตามที่ผมจะอธิบายด้านล่าง ถึงสิ่งที่เป็นจุดเด่นของทั้งสองรุ่น

จุดแตกต่างระหว่าง OPPO Reno5 และ OPPO Reno5 5G

หน่วยประมวลผลและการเชื่อมต่อ 5G

OPPO Reno5 5G เป็นสมาร์ทโฟนในยุค 5G เต็มตัวตามชื่อรุ่นครับ เพราะใช้หน่วยประมวลผลรุ่นแรงตัวนิยมที่รองรับการเชื่อมต่อ 5G อย่าง Snapdragon 765G ส่วนตัวธรรมดาจะใช้หน่วยประมวลในระดับใกล้เคียงกันแต่อยู่ในเทคโนโลยี 4G นั้นคือ Snapdragon 720G

ชื่อสีที่แตกต่างกัน

มาในชื่อสีที่ต่างกันเล็กน้อย โดยในสีดำจะใช้ชื่อสีว่า Starry Black ทั้งสองรุ่น แต่ในอีกสีจะใช้ชื่อต่างกัน นั้นคือ Galactic Silver สำหรับรุ่น 5G และ Fantasy Silver ในรุ่น 4G แม้จริงๆ แล้วจะเป็นสีที่เหมือนกันมากแทบจะเป็นสีเดียวกัน แต่ในเนื้อผิวของขั้นตอนการผลิต ตัว Galactic Silver ของรุ่น 5G จะมีพื้นผิวที่มีความวิบวับมากกว่าเล็กน้อย แต่มองแทบไม่เห็นความต่างด้วยตาเปล่าครับ

ซึ่งผมจะบอกว่า ทั้งสี Fantasy Silver และ Galactic Silver มีความสวยงามมากครับ มันเป็นสีผลึกที่สะท้อนกับเฉดสีรอบตัว ปรับเปลี่ยนโทนตัวเองได้เป็นพันๆ เฉดสี มีความระยิบระยับ ลูบสัมผัสสบายมือ และที่สำคัญไม่เกิดคราบมันลายนิ้วมือขึ้นมาให้ดูเลอะเลยแม้แต่น้อยครับ

แบตเตอรี่และเทคโนโลยีการชาร์จ

OPPO Reno5 5G จะให้แบตเตอรี่ขนาด 4300 mAh พร้อมรองรับระบบชาร์จ 65W SuperVOOC 2.0 แบบเครื่องเรือธง ส่วนตัว 4G จะมาในแบตเตอรี่ 4310 mAh ใช้เทคโนโลยี 50W Flash Charge แทนนะครับ เป็นการชาร์จไวที่กำลังไฟสูงมาก แต่ยังเป็นรองเรื่องการชาร์จเมื่อเทียบกับตัวรุ่น 5G อยู่แค่นั้นเอง

และที่สำคัญ ทั้งสองรุ่นให้หัวชาร์จภายในกล่องมาเป็น 65W SuperVOOC 2.0 เหมือนกันทั้งสองรุ่นมาเลยครับ แต่จะรับไฟเข้าเครื่องได้ไม่เท่ากัน

กล้องถ่ายภาพ

สิ่งแรกที่แตกต่างกันของกล้องถ่ายภาพทั้งสองรุ่น ก็คือความละเอียดของกล้องถ่ายภาพด้านหน้าครับ ซึ่ง OPPO Reno5 5G จะให้กล้องหน้าความละเอียดมาที่ 32 ล้านพิกเซล แต่สำหรับตัว 4G จะให้กล้องหน้าที่มีความละเอียดสูงกว่า เป็นกล้องความละเอียด 44 ล้านพิกเซลเลยทีเดียว

ส่วนกล้องหลังแม้จะให้ความละเอียดของกล้องมาเท่าๆ กัน แต่ฟังก์ชั่นการถ่ายภาพกลับมีไม่เท่ากันนะครับ โดยกล้องหลังของสมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นจะเป็นกล้องหลัง 4 ตัว มาในความละเอียดกล้องหลักที่สูงถึง 64 ล้านพิกเซล และกล้องที่สองเป็นกล้องมุมกว้าง 119 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล กล้องที่สามเป็นกล้องสำหรับถ่ายภาพระยะใกล้แบบมาโคร ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล และสุดท้ายเป็นกล้องสำหรับช่วยการจับโฟกัสและสีสัน ด้วยเลนส์ Mono 2 ล้านพิกเซล

แต่สิ่งที่ทั้งคู่แตกต่างกันก็คือโหมดการถ่ายภาพที่ตัว 4G จะมีมาให้มากกว่ารุ่น 5G ในบางโหมดครับ

โดยเจ้าโหมดการถ่ายวีดีโอตัวใหม่ Dual-view video ที่สามารถถ่ายวีดีโอกล้องหน้าและกล้องหลังได้พร้อมกันแบบเรียลไทม และปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดงภาพของกล้องหน้าและกล้องหลังได้หลากหลายรูปแบบ รวมถึงการซูมภาพในขณะที่ถ่ายวีดีโอแบบสองกล้องไปได้พร้อมๆ กัน อันนี้เป็นความสามารถที่มีในสมาร์ทโฟนของทั้งสองรุ่นนะครับ

แต่โหมดที่จะมีให้ใช้ในแค่รุ่น 4G ก็คือลโหมดถ่ายภาพวีดีโอที่เล่นกับสี อย่าง AI Color Portrait การตัดสีสันรอบข้างทิ้งให้เหลือแต่บุคคล เพื่อเพิ่มความโดดเด่นให้กับแบบได้มากขึ้น และโหมดใหม่อีกหนึ่งตัว นั้นคือ AI Mixed Portrait หรือการถ่ายภาพวีดีโอที่นำวีดีโอมาซ้อนทับกับการถ่ายวีดีโอบุคคล Portrait ซึ่งนี้เป็นครั้งแรกของโลกเลยครับ ที่สามารถทำเช่นนี้ได้โดยสมาร์ทโฟนโดยตรง

ก็เรียกได้ว่าใครอยากได้ตัวประสิทธิภาพสูง รองรับการเชื่อมต่อ 5G และการชาร์จแบตเตอรี่ที่รวดเร็วและปลอดภัยเหมือนเครื่องเรือธง ก็แนะนำเป็นรุ่น 5G ครับ ส่วนใครไม่ได้ต้องการใช้งาน 5G และอยากได้สมาร์ทโฟนที่มีลูกเล่นในการถ่ายภาพวีดีโอได้อย่างยอดเยี่ยม ก็แนะนำเป็นรุ่น 4G ก็จะตรงใจกว่านั้นเองครับ

โดยทั้งสองรุ่นจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 26 มกราคมที่จะถึงนี้ ในเวลา 19.00 น. สามารถรับชมพร้อมกันได้แบบออนไลน์ ผ่านทางแฟนเพจของ OPPO ประเทศไทย โดยทั้งสองรุ่นนี้จะมาพร้อมโปรโมชั่นที่จะแถมของขวัญพิเศษ เป็นลำโพงบลูทูธ และตาชั่ง Smart Scale ที่ทาง OPPO เตรียมไว้ให้เป็นของสมนาคุณสำหรับผู้สั่งจอง

ของแถม OPPO Reno5

  • E-Vip Card
  • Smart Scale

ของแถม OPPO Reno5 5G

  • E-Vip Card
  • Smart Scale
  • Bluetooth Speaker

ก็สามารถรับชมคลิปพรีวิวตัวเครื่องจริงและของแถมในคลิปวีดีโอแกะกล่องด้านล่างนี้ได้เลยนะครับ ส่วนใครที่สนใจก็สามารถติดตามงานเปิดตัวกันได้ในวันที่ 26 มกราคมที่จะถึงนี้ ในเวลาหนึ่งทุ่มตรงนะครับ

 

ข่าว: พรีวิว OPPO Reno5 Series 5G ที่สุดของสมาร์ทโฟนสำหรับงานวิดีโอ Portrait มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.

from:https://www.appdisqus.com/2021/01/24/preview-oppo-reno5-5g.html

เตรียมพบกับ! OPPO Reno5 Series 5G รุ่นใหม่ล่าสุดยกชุด พร้อมกันทั่วประเทศ 26 มกราคมนี้

OPPO Reno5 Series 5G เตรียมพร้อมกำหนดการเข้าไทยแล้วครับ หลังจากเปิดตัวออกมาในต่างประเทศเมื่อไม่นานมานี้

ซีรี่ส์สมาร์ทโฟนที่เป็นตัวโดดเด่นเมื่อปีที่แล้วของทาง OPPO มาสู่รุ่นที่ 5 แล้วครับ หลังจากในปีที่ผ่านมา OPPO Reno Series ไม่ว่าจะเป็น OPPO Reno3 Pro และ OPPO Reno4 ต่างได้รับกระแสตอบรับที่ดีอย่างมาก เพราะทำมาได้สวยงามทั้งในด้านดีไซน์ มีความบางเบา สเปคการใช้งานที่ไหลลื่น และกล้องถ่ายภาพที่มีคุณภาพสูง สามารถถ่ายภาพและวิดีโอพอร์ตเทรตได้อย่างดี

โดยล่าสุดทาง OPPO ได้ประกาศผ่าน OPPO Thai Official Page พร้อมภาพและข้อความว่า “เตรียมพบกับ OPPO Reno5 Series 5G รุ่นใหม่ล่าสุด! พร้อมกันเร็วๆ นี้ วันที่ 26 มกราคม 2564” ซึ่งเป็นการยืนยันแล้วว่า OPPO Reno5 Series 5G จะเปิดตัวในไทยอย่างแน่นอน!

 

ซึ่งเรามีข้อมูล OPPO Reno5 Series 5G ที่เปิดตัวมาก่อนหน้านี้ที่ต่างประเทศมาให้ทราบกันในลิงก์ด้านล่างด้วยนะครับ ยังไม่แน่ใจว่าทาง OPPO ไทยจะนำเข้ารุ่นไหนและสเปคอะไรกันบ้างนะครับ

Oppo Reno5 5G และ Reno5 Pro 5G

OPPO Reno 5 Pro+

แต่ในซีรีส์นี้แน่นอนว่ามันจะมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่มาต่อยอดการถ่ายภาพและวิดีโอพอร์ตเทรตสวยๆ ที่ไม่เหมือนใครเช่นเดิม เน้นการดีไซน์ที่โดดเด่น และสามารถรองรับเครือข่าย 5G ได้

สำหรับใครที่สนใจก็มาติดตามไปพร้อมกันทั่วประเทศ ในวันที่ 26 มกราคม 2564 นี้นะครับ

ข่าว: เตรียมพบกับ! OPPO Reno5 Series 5G รุ่นใหม่ล่าสุดยกชุด พร้อมกันทั่วประเทศ 26 มกราคมนี้ มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.

from:https://www.appdisqus.com/2021/01/11/pre-launch-in-thai-oppo-reno5-series-5g.html