คลังเก็บป้ายกำกับ: PLAYSTATION_WORLD_:_ข่าวล่าสุดจากโลก_SONY_PLAYSTATION

Ubisoft ประกาศเพิ่มราคาเกมระดับ AAA เป็น $70 ดอลล่าร์สหรัฐ เริ่มที่ Skull and Bones เป็นเกมแรก

Ubisoft ประกาศเพิ่มราคาเกมระดับ AAA เป็น $70 ดอลล่าร์สหรัฐ เริ่มที่ Skull and Bones เป็นเกมแรก
HallZy

นับตั้งแต่การมาถึงของคอนโซลรุ่นใหม่อย่าง PlayStation 5, Xbox Series X และ Xbox Series S ผู้จัดจำหน่ายหลายรายก็มีแผนที่จะขยับราคาของเกม AAA ในค่ายขอตัวเพิ่มขึ้นมาเป็น $70 ดอลล่าร์สหรัฐ ไม่ว่าจะเป็น EA, Activision, Sony และอีกหลายบริษัท รวมถึง Ubisoft ด้วยที่พึ่งประกาศเตรียมปรับราคาเกมเป็น $70 ดอลล่าร์สหรัฐ   

Hero fallback desktop | Ubisoft | Ubisoft ประกาศเพิ่มราคาเกมระดับ AAA เป็น $70 ดอลล่าร์สหรัฐ เริ่มที่ Skull and Bones เป็นเกมแรก

ซึ่งเกมที่จะมีการปรับราคากันเป็นเกมแรกจาก Ubisoft ก็คือ Skull and Bones โดยจะมีการปรับราคาเพิ่มเป็น $70 ดอลล่าร์สหรัฐ สำหรับเกมเวอร์ชั่น PlayStation 5 และ Xbox Series X/S เพื่อคลายสงสัยในเรื่องนี้เว็บไซต์ Axios ได้เข้าสัมภาษณ์กับ Yvess Guillemot ตำแหน่ง CEO ของ Ubisoft และได้รับการยืนยันแล้วว่าต่อเกม AAA ใหม่ๆ ของ Ubisoft นั้นมีราคาอยู่ที่ $70 ดอลล่าร์สหรัฐ 

ถึงแม้จะไม่มีการเปิดเผยว่าทาง Ubisoft มีเกณฑ์อะไรในการกำหนดว่าเกมไหนควรราคาเท่าใดเพราะ Assassin’s Creed Mirage เกมระดับ AAA อีกหนึ่งเกมก็ได้รับการยืนยันแล้วว่าตัวเกมจะมีราคาอยู่ที่ $49.99 ดอลล่าร์สหรัฐ ทุกแพลตฟอร์ม ก็มารอดูกันต่อไปว่าในอนาคต Ubisoft จะเพิ่มราคาขายของเกมอื่นๆ อีกหรือไม่ ? 

ข่าว: Ubisoft ประกาศเพิ่มราคาเกมระดับ AAA เป็น $70 ดอลล่าร์สหรัฐ เริ่มที่ Skull and Bones เป็นเกมแรก มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.

from:https://www.appdisqus.com/ubisofts-new-aaa-games-will-cost-70-going-forward/

รวมรายชื่อเกม PlayStation 5 ทั้งหมดที่รองรับ 120FPS ในปี 2022

รวมรายชื่อเกม PlayStation 5 ทั้งหมดที่รองรับ 120FPS ในปี 2022
Alex

หนึ่งในฟีเจอร์สำคัญของ PlayStation 5 ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับคอเกมเป็นอย่างมากตอนที่ Sony เปิดตัวนั้นคงหนีไม่พ้นการที่ตัวเครื่องจะเป็นคอนโซลจากค่าย PlayStation ตัวแรกที่รองรับอัตรารีเฟรชเรตที่ 120Hz เมื่อใช้งานร่วมกับจอทีวีหรือมอนิเตอร์ที่รองรับ โดยตัวเกมนั้นๆ จะต้องออกแบบหรือพัฒนามาให้รองรับการใช้งาน 120FPS ด้วย ซึ่งแน่นอนว่าจนถึงตอนนี้ กว่า 2 ปีที่ PlayStation 5 เปิดตัวและออกจำหน่ายนั้น เกมบนแพลตฟอร์มที่รองรับ 120FPS จริงๆ กลับยังมีให้เล่นกันไม่มากนัก เพราะแทบทั้งหมดจะรองรับสูงสุดที่ 60FPS ซึ่งก็เพียงพอแล้วต่อการเล่นเกมคอนโซลบนหน้าจอทีวีในปัจจุบันที่มีปัจจัยแตกต่างกับหน้าจอมอนิเตอร์เกมค่อนข้างมาก

แต่ถ้าใครกำลังสงสัยหรืออยากลองของ และอยากรู้ว่าจนถึงตอนนี้ แพลตฟอร์ม PlayStation 5 นั้นมีเกมอะไรบ้างที่รองรับ 120FPS วันนี้ แอพดิสคัส มีรายชื่อเกมพร้อมกับรายละเอียดของความละเอียดภาพที่จะได้รับในโหมด 120FPS มาฝากกัน ทั้งนี้ต้องย้ำอีกครั้งว่าออฟชั่น 120FPS นั้นจะแสดงขึ้นมาก็ต่อเมื่อผู้เล่นต่อ PlayStation 5 เข้ากับหน้าจอที่รองรับเท่านั้น หากหน้าจอของเพื่อนๆ ไม่รองรับก็จะไม่เห็นเมนูสำหรับปรับการแสดงผลเป็น 120FPS นะครับ

แล้วอย่าลืมติดตามข่าวสารอื่นๆ ในวงการเกมที่อัพเดตใหม่สดร้อนทุกวันได้ที่ หน้าเว็บเกม (Gaming) ของแอพดิสคัส.com นะครับ

ข่าว: รวมรายชื่อเกม PlayStation 5 ทั้งหมดที่รองรับ 120FPS ในปี 2022 มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.

from:https://www.appdisqus.com/all-ps5-games-that-support-120fps-now/

แฟรนไชส์ Assassin’s Creed ทำยอดขายรวมกันทั่วโลกมากกว่า 200 ล้านชุด นับตั้งแต่ภาคแรกวางจำหน่ายในปี 2007

แฟรนไชส์ Assassin’s Creed ทำยอดขายรวมกันทั่วโลกมากกว่า 200 ล้านชุด นับตั้งแต่ภาคแรกวางจำหน่ายในปี 2007
HallZy

นับตั้งแต่ Assassin’s Creed ภาคแรกวางจำหน่ายภายในปี 2007 Ubisoft ก็เริ่มสร้างโลกของ Assassin’s Creed ให้น่าสนใจมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์, คอมมิคม, นิยาย หรือวิดีโอเกม ทำให้มีแฟนเกม Assassin’s Creed อยู่ทั่วทุกมุมโลกและมีชื่อเสียงไม่แพ้กับแฟรนไชส์อื่นๆ เลย

Xio4ES2bLQZaDo5CySrnSF | Assassins Creed | แฟรนไชส์ Assassin’s Creed ทำยอดขายรวมกันทั่วโลกมากกว่า 200 ล้านชุด นับตั้งแต่ภาคแรกวางจำหน่ายในปี 2007

ล่าสุดจากรายงานของ Dereck Strickland จาก Tweak Town บนทวิตเตอร์ส่วนตัวของเขาได้มีการเปิดเผยว่าแฟรนไชส์ Assassin’s Creed ทำยอดขายรวมกันไปมากกว่า 200 ล้านชุดทั่วโลกในเวลา 15 ปีนับตั้งแต่เกมภาคแรกวางขายในปี 2007 โดยยอดขายนี้รวมตั้งแต่ Assassin’s Creed ภาคหลัก, Spinoffs, ฉบับเกม Handheld และทุกอย่างที่คุณมีเกี่ยวกับ Assassin’ Creed 

Assassin’s Creed เป็นแฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จอยู่ไม่น้อยเพราะการฟังเสียงของแฟนเกมว่าต้องการอะไร กับความพยายามที่จะเปลี่ยนรูปเกมเพลย์ไปในทิศทางใหม่ๆ ทำให้ Assassin’s Creed อยู่คู่กับวงการเกมมาอย่างยาวนาน ก็มารอดูกันต่อไปว่าอนาคตของแฟรนไชส์นี้จะเป็นอย่างไรหลังจากการเปิดตัว Assassin’s Creed Mirage, Codename RED, Codename HEXE และ Codename Jade โปรเจกต์ Assassin’s Creed จาก Ubisoft ที่พึ่งเปิดตัวไปในงาน Ubisoft Forward 2022 ที่ผ่านมา

ข่าว: แฟรนไชส์ Assassin’s Creed ทำยอดขายรวมกันทั่วโลกมากกว่า 200 ล้านชุด นับตั้งแต่ภาคแรกวางจำหน่ายในปี 2007 มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.

from:https://www.appdisqus.com/assassins-creed-franchise-has-sold-over-200-million-units-to-date/

5 เกมเด่นเหนือการเวลาที่ขอท้าให้คุณได้เล่นก่อนตาย

5 เกมเด่นเหนือการเวลาที่ขอท้าให้คุณได้เล่นก่อนตาย
Alex

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าตอนนี้วงการเกมนั้นพัฒนาไปมากจนทั้งทางด้านภาพ เสียง และเนื้อหา จนอาจทำให้ใครหลายๆ คนแอบคิดขึ้นมาว่าเกมในสมัยนี้นั้นดีกว่าเกมในสมัยก่อนเยอะ ซึ่งแน่นอนว่าผู้เขียนเองก็เพิ่งที่จะได้ยินคำนี้มาสดๆ ร้อนๆ จากเพื่อนที่รู้จักกัน และรู้สึกค้านอยู่ในใจลึกๆ ด้วยความอัดอั้นตันใจนั้นเอง วันนี้ แอพดิสคัส จึงขอรวบรวม 5 อันดับเกมจากหลากยุคหลายสมัยที่เราคิดว่าเป็นที่สุด และควรค่าแก่การเล่นก่อนตาย เพื่อจะได้พูดอย่างเต็มปากได้ว่าเราไม่ได้พลาดอะไรไปเมื่อว่ากันถึงวงการเกม

แน่นอนว่าลิสต์เกมทั้งหมดในบทความนี้เป็นความชอบส่วนตัวของผู้เขียนเอง ซึ่งอาจมีทั้งเหมือน คล้ายคลึง หรือแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล และถึงแม้บางเกมในรายการนี้อาจจะไม่ได้เป็นเกมที่ดีที่สุดสำหรับใครบางคน ผมเองก็เชื่อว่ามันก็ยังคงเป็นเกมที่ดีมากๆ ที่นักเล่นเกมทุกคนไม่ควรพลาดอยู่ดี

ใจจริงแล้วยังมีอีกหลายเกมที่ผู้เขียนอยากจะใส่เข้ามาในลิสต์ 5 เกมนี้ด้วย แต่เกมพวกนั้นส่วนมากก็ยังไม่จบปิดตำนานไปเสียทีเดียว จึงทำให้ต้องตัดใจไม่เอามาใส่ในลิสต์รายการนี้ ยกตัวอย่างเช่นซีรีส์ The Last of Us ที่ในตอนนี้ดำเนินมาถึงภาค 2 แล้ว และยังไงก็ต้องมาภาค 3 ออกมาต่อแน่ๆ นั่นเองครับ

เอาล่ะ ถ้าพร้อมกันแล้ว เรามาดู 5 เกมที่ว่านี้กันเลยดีกว่า…

ข่าว: 5 เกมเด่นเหนือการเวลาที่ขอท้าให้คุณได้เล่นก่อนตาย มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.

from:https://www.appdisqus.com/5-games-to-play-before-you-die/

ลือ! Captain America และ Black Panther ฉากหลังอยู่ในสงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังถูกพัฒนาโดย Skydance New Media

ลือ! Captain America และ Black Panther ฉากหลังอยู่ในสงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังถูกพัฒนาโดย Skydance New Media
HallZy

เมื่อปีก่อน Skydance New Media ได้ประกาศออกมาว่าทีมกำลังพัฒนาเกมเล่นคนเดียวระดับ AAA ที่ขับเคลื่อนเรื่องราวด้วยความเป็น Action-adventure โดยใช้ตัวละครจาก Marvel โดยได้คุณ Amy Henning ผู้สร้าง Uncharted มาดูแลโปรเจกต์นี้อีกด้วย 

935575db7ed96bed5fcd28b8f3b4b244 | Black Panther | ลือ! Captain America และ Black Panther ฉากหลังอยู่ในสงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังถูกพัฒนาโดย Skydance New Media

จากรายงานล่าสุดของทวิตเตอร์ MCUStatus ออกมาเปิดเผยว่าเกม Marvel ที่กำลังมีการพัฒนาโดย Skydance New Media จะเป็นเกมที่เกี่ยวกับ Captain America และ Black Panther ฉากหลังของเกมจะอยู่ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยฮีโร่ทั้ง 2 คนนี้จะต้องเผชิญหน้าและเข้าต่อสู้กับ Hydra 

รวมถึง Eurogamer ก็รายงานข่าวนี้เช่นเดียวกันก็ทำให้ข่าวนี้ค่อนข้างน่าเชื่อถือพอสมควร แต่จะจริงหรือไม่เรารอดูกันได้ในงาน Disney and Marvel Games Showcase ในวันที่ 10 กันยายน 2022 เวลา 03.00 น. ตามเวลาในประเทศไทยกันได้เลย

ข่าว: ลือ! Captain America และ Black Panther ฉากหลังอยู่ในสงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังถูกพัฒนาโดย Skydance New Media มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.

from:https://www.appdisqus.com/amy-hennigs-marvel-game-stars-captain-america-and-black-panther-set-during-ww2-rumour/

เปิดตัวคลิปเบื้องหลังเกม Gotham Knights ใหม่ล่าสุด เกี่ยวกับครอบครัว Batman

เปิดตัวคลิปเบื้องหลังเกม Gotham Knights ใหม่ล่าสุด เกี่ยวกับครอบครัว Batman
Teethasade Isarankura Na Ayudhaya

ผู้พัฒนา Warner Bros. Games และบริษัท DC ได้ทำการปล่อยคลิปตัวอย่างเบื้องหลังใหม่ล่าสุดสำหรับเกม RPG โลกเปิดที่กำลังจะวางจำหน่ายอย่าง Gotham Knights ซึ่งเป็นการสัมภาษณ์สมาชิกทีมพัฒนา Warner Bros. Games Montréal เพื่อสำรวจเรื่องราวจากหน้าหนังสือการ์ตูน อันเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างตัวละคร Batman Family ในเกม Gotham Knights รวมไปถึงการออกแบบตัวละครคลาสสิกอย่าง Batgirl, Nightwing, Red Hood และ Robin ที่ถูกตีความใหม่สำหรับเกมนี้โดยเฉพาะ เพื่อมอบประสบการณ์การต่อสู้อันสมจริง และเนื้อเรื่องที่แต่งขึ้นมาใหม่ไม่ซ้ำใคร โดยเหล่านักพัฒนาภายในคลิป ยังได้พูดถึงความมุ่งมั่นในการเขียนเนื้อเรื่องสำหรับตัวละครแต่ละตัวที่เกี่ยวโยงกันไปมาอย่างลึกซึ้ง เพื่อขับเล่าถึงความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างตัวละครแต่ละตัว ให้ผู้เล่นได้เข้าถึงตัวตนภายใต้หน้ากากของพวกเขาไปพร้อมกัน

Gotham Knights มีกำหนดวางจำหน่ายทั่วโลกในวันที่ 21 ตุลาคม 2565 สำหรับเครื่อง PlayStation 5, Xbox Series X|S และ PC โดยผู้สั่งซื้อล่วงหน้าจะได้รับสกินตกแต่ง 233 Kustom Batcycle Skin เมื่อเกมวางจำหน่าย อ้างอิงจากการปรากฏตัวของยานพาหนะครั้งแรกในหนังสือการ์ตูน Detective Comics #233 ของ DC

Gotham Knights 01 | Gotham Knights | เปิดตัวคลิปเบื้องหลังเกม Gotham Knights ใหม่ล่าสุด เกี่ยวกับครอบครัว Batman

Gotham Knights จะบอกเล่าเรื่องราวของสมาชิกครอบครัว Batman Family ให้ผู้เล่นได้รับบทเป็น Batgirl, Nightwing, Red Hood และ Robin ฮีโร่สายเลือดใหม่แห่งจักรวาล DC ผู้ซึ่งต้องรับหน้าที่อันยิ่งใหญ่ในฐานะผู้ปกป้องเมือง Gotham City แทน Batman ผู้ล่วงลับ พร้อมไขปริศนามากมายที่จะเปิดโปงอดีตอันดำมืดของเมือง และพิชิตเหล่าวายร้ายตัวฉกาจในการต่อสู้กันดุเดือด โดยผู้เล่นจะต้องฝ่าฝันอุปสรรคและบททดสอบมากมาย บนหาทางสู่การเป็นอัศวินรัตติกาลในแบบของตัวเอง

เพื่อเรียนรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเกม Gotham Knights สามารถหาได้จากเว็บไซต์ GothamKnightsGame.com หรือติดตามทางช่องทางออนไลน์เช่น Twitter (@GothamKnights), YouTube (GothamKnights), Instagram (@GothamKnights), Facebook (GothamKnights) และ Discord (GothamKnights) สำหรับผู้ที่สนใจเกม อย่าลืมสัมผัสเรื่องราวที่ปูพื้นเหตุการณ์ของเกมในหนังสือการ์ตูน Batman: Gotham Knights – Gilded City (6 เล่มจบ) ซึ่งจะวางแผงในวันที่ 23 ตุลาคมนี้ โดยผู้ที่ซื้อหนังสือการ์ตูนแต่ละเล่มจะได้รับโค้ดเพื่อใช้แลกไอเทมพิเศษในเกมด้วย

WCCFgothamknights7 | Gotham Knights | เปิดตัวคลิปเบื้องหลังเกม Gotham Knights ใหม่ล่าสุด เกี่ยวกับครอบครัว Batman

นอกจากนี้ แพลตฟอร์มบริการรายเดือน DC UNIVERSE INFINITE ยังได้รวบรวมเรื่องราวอันน่าตื่นเต้นเกี่ยวกับตัวละครหลักของเกม Gotham Knights แต่ละคนเอาไว้มากมาย ท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม และรับสสิทธิ์ทดลองใช้ฟรี (เฉพาะเขตที่ร่วมรายการ) ได้ที่ www.dcuniverseinfinite.com ทั้งนี้ บริการ DC UNIVERSE INFINITE อาจมีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสำหรับเด็กเล็ก และอาจไม่เปิดให้บริการในบางภูมิภาคของโลก

ข่าว: เปิดตัวคลิปเบื้องหลังเกม Gotham Knights ใหม่ล่าสุด เกี่ยวกับครอบครัว Batman มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.

from:https://www.appdisqus.com/heres-a-behind-the-scenes-clip-of-the-newest-gotham-knights-game-about-the-batman-family/

สุดเศร้า! Hogwart Legacy ยืนยันแล้วว่าจะไม่มี ควิดดิช ให้เล่น!

Hogwart Legacy คือเกมจากจักรวาล Harry Potter หนังที่ว่าด้วยเรื่องการผจญภัยในโลกเวทย์มนต์ ของ Harry Potter โดยตัวเรื่องจำเน้นดำเนิ่มเรื่องในโรงเรียน พ่อมด แม่มด Hogwart โดยเรื่องนี้มีถึง 8 ภาค! และ ทำเงินไปมหาศาลทำให้ โลกเวทย์มนต์กลายเป็นที่ๆ ใครก็อยากไปสักครั้งในชีวิต

aHR0cHM6Ly9zLmlzYW5vb2suY29tL2dhLzAvdWQvMjI1LzExMjk0NzMvaG9nd2FydHMtbGVnYWN5LSgxKV8xLmpwZw

 

 

และในตอนนี้ความฝันของใครหลายๆคนก็กำลังจะได้เป็นจริงๆ เพราะว่า Hogwart Legacy จะให้พวกเราได้เหมือนอยู่ในโลกเวทย์มนต์จริงๆ สถานที่หลักของเกมนี้คือ Hogwart ให้เราได้จำลองการเป็นนักเรียนคนนึงในโรงเรียนเวทย์มนต์ โดยเราแถบจะสามารถทำได้ทุกอย่างเช่น เลือกชมรม บ้าน หรือแม้กระทั้ง เวทย์มืด

 

ss d4930d675af053dc1e61a876a34fc003e85e261f 1920x1080

 

 

แต่ไหง ควิดดิช ที่เป็นตัวชูโรง ของหนังภาค 3 ถึงได้ไม่มีให้เล่นกันนะ อาจเป็นเพราะกฏกติกาที่ทำยากหรือเปล่า เพราะว่าการแข่งประชันความเร็วยังมีเลย โดยข้อมูลนี้ถูกระบุไว้ในเว็บไซต์ของทางตัวเกมเองเป็นการยืทนยันว่าไม่มี ควิดดิชให้เล่นนั้นเอง แต่ว่าอาจเป็น DLC ก็ได้นะ

ra5o40wylS6F4zY93BL-o-1

ข่าว: สุดเศร้า! Hogwart Legacy ยืนยันแล้วว่าจะไม่มี ควิดดิช ให้เล่น! มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.
from:https://www.appdisqus.com/so-sad-hogwart-legacy-has-confirmed-that-there-will-be-no-quidditch-to-play/

พาดู Gameplay ของ Lies Of P เกมแนว Soul Like ของพีน็อคคีโอ้!

Lies Of P คือเกมแนว Soul Like ที่มาในธีมของยุควิคตอเรีย ที่เต็มไปด้วยหุ่นกระบอก และ เครื่องจักร ดูจากตัวอย่าง และ หัวเกมแล้ว ดูเหมือนเราจะได้เล่นเป็น พีน็อคคีโอ้ หุ่นไม้ในนิทาน ที่ถูกสร้างขึ้นดดยตาลุงช่างไม้ ที่ใฝ่ฝันอยากจะเป็นมนุษย์ จากการวิเคราะห์ตัวอย่างแล้ว เหมือนคุณลุงที่สร้างเราขึ้นมาจะไม่ใช่แค่ช่างไม้แล้วละ เขาอาจเป็นต้นตอของความหายนะทั้งหมดก็ได้ ( แถมโคตรหล่อเท่ ) แต่ตอนนี้ยังสรุปอะไรไม่ได้มากเพราะมีเพียงแค่ตัวอย่าง Gameplay เท่านั้น ที่เราพอเห็นได้คือ พวกมนุษญ์จะกลัวพวกหุ่นกระบอก มากๆ

FDsLBsHaUAEGI96

จากตัวอย่างการต่อสู้ของเราจะคล้ายๆ กับเกม Sekiro ผสมกับ Dark Souls เราจะต้องใช้อุปกรณ์แขนกลของตัวเอง ไปพร้อมกับ อาวุธที่มีความสามารถหลากหลาย ในการทำดาเมจ และ ปัดป้องการโจมตี โดยเราสามารถผสมอาวุธสองอย่างเข้าด้วยกันได้ เพื่อเปิดเป็นอาวุธใหม่ขึ้นมา คล้ายๆ กับ Death Rising และ มีทางเลือกในการตอบคำถาม ที่น่าจะนำพาไปสู่เหตุการณืที่ต่างกัน นับว่าเป็นเกมที่น่าเล่นมากที่สุดในตอนนี้เลย จากใจคนที่เคยเล่นเกม Souls มาแล้วหลายๆ ภาค สามารถดู Game Play ได้ที่ด้านล่างเลย

ss d2c0079c7bb9b503f7e8241a784659ed2bc18c94 1920x1080

ข่าว: พาดู Gameplay ของ Lies Of P เกมแนว Soul Like ของพีน็อคคีโอ้! มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.
from:https://www.appdisqus.com/watch-gameplay-of-lies-of-p-soul-like-game-of-picchio/

รีวิว The Last of Us Part 1 การกลับมาใหม่บน PlayStation 5 ของปฐมบทเกมในตำนาน

ย้อนกลับไปในปี 2013 สตูดิโอเบื้องหลังเกมสุดฮิต Crash Bandicoot อย่าง Naughty Dog และ PlayStation ได้สร้างประวัติศาสตร์สำหรับวงการเกมเอาไว้ด้วยการเปิดตัวเกมที่ยังคงได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในเกมที่ดีที่สุดในโลกมาจนถึงปัจจุบันอย่าง The Last of Us ให้กับเครื่อง PlayStation 3 ในช่วงท้ายเจนเนอเรชั่น ก่อนที่ต่อมาจะนำกลับมาปรับปรุงใหม่อีกครั้งและออกจำหน่ายให้กับ PlayStation 4 ภายใต้ชื่อ The Last Of Us Remastered ซึ่งก็ยังคงประสบความสำเร็จไม่ต่างจากครั้งแรกที่วางจำหน่าย

เวลาผ่านมา 9 ปี สตูดิโอ Naughty Dog ได้ตัดสินใจครั้งสำคัญในการคืนชีพปฐมบทตำนานเกมแห่งยุคอีกครั้ง พร้อมทั้งทุ่มงบประมาณกว่า $70 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ สองพันสี่ร้อยห้าสิบล้านบาทไปกับงานสร้างใหม่ โดยในครั้งนี้ทางสตูดิโอไม่ได้เพียงแค่ทำการปัดฝุ่นของเดิมให้ดูดีขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่กลับตั้งใจที่จะทำมันขึ้นมาใหม่อีกครั้งโดยอ้างอิงจากโครงสร้าง Motion Capture และเสียงพากย์เดิมที่ทีมนักแสดงชุดเก่าเคยทำเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม ผสมผสานกับเทคโนโลยีใหม่ที่เพิ่งจะเป็นไปได้บนคอนโซลยุคปัจจุบันอย่าง PlayStation 5 โดยมีคติพจน์ประจำการทำงานในโปรเจคนี้ว่า “นี่คือเป็น The Last of Us เวอร์ชั่นที่ควรจะเป็นอย่างแท้จริง แต่กลับยังเป็นไปไม่ได้เมื่อย้อนกลับไปในวันนั้น” เพราะสำหรับสตูดิโอ Naughty Dog และ Neil Druckmann เองเชื่อเสมอว่า The Last of Us นั้นคู่ควรกับการมีปฐมบทเวอร์ชั่นที่ยอดเยี่ยมที่สุด เพื่อความสมบูรณ์ของทุกภาคที่จะตามมา

…ถ้าจะให้สรุปสั้นๆ AppDisqus ก็ขอตอบตรงนี้เลยว่า “โคตรคุ้มที่จะเสียเงินเพื่อกลับมาเล่นใหม่อีกครั้ง” แต่หากใครอยากได้รายละเอียดแบบจัดเต็มก็เชิญติดตามอ่านกันต่อได้เลย…

the-last-of-us-part1-rebuild-game-data
The Last of Us Part 1 Rebuilt บน PlayStation 5

และเนื่องจาก The Last of Us นั้นเป็นการนำเกมในตำนานจากเมื่อ 9 ปีที่แล้วกลับมาคืนชีพใหม่ แถมในรอบนี้ยังเป็นการกลับมาครั้งที่ 3 ของ The Last of Us บนคอนโซลเจนเนอเรชั่นล่าสุดอย่าง PlayStation 5 ด้วย เชื่อได้ว่าสิ่งหนึ่งที่แฟนๆ ต่างก็ตั้งคำถามคือนอกจากงานภาพและโมเดลตัวละครและสถานที่ที่ได้รับการสร้างใหม่แบบยกระดับขึ้นแล้ว The Last of Us Part 1 Rebuilt นั้นยังมีอะไรเพิ่มเติมที่คู่ควรต่อการเสียเงินให้กับเกมเดียวกันนี้เป็นรอบที่ 3 อีกหรือไม่

มีอะไรใหม่บ้าง…ใน The Last of Us Part 1 Rebuilt

The Last of Us Part 1 Rebuilt นั้นนอกจากจะมีตัวเนื้อเรื่องหลักของ The Last of Us ในภาคแรกแล้ว เช่นเดียวกันกับ The Last of Us Remastered ที่ตัวเกมเองยังมาพร้อมกับ The Last of Us : Left Behind ซึ่งเป็นเนื้อเรื่องรองที่สำคัญที่จะทำให้ผู้เล่นได้รู้จักกับตัวละคร Ellie อย่างในระดับลึกขึ้นกว่าเดิมที่ในเนื้อเรื่องหลักไม่สามารถขยายความในส่วนนี้ได้ และยังจำเป็นต่อการส่งต่อผู้เล่นไปยัง The Last of Us Part II ที่เปิดจำหน่ายไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมาและได้คะแนนรีวิวจาก AppDisqus ไปถึง 100 คะแนนเต็มอีกด้วย

the-last-of-us-part1-include-left-behind

นอกจากเนื้อเรื่องหลักและเนื้อเรื่องรองแล้ว ตัวเกมยังรองรับการใช้งาน DualSense Controller ของ PS5 อย่างเต็มประสิทธิภาพอีกด้วย โดยทางสตูดิโอ Naughty Dog ได้พัฒนาเกมในเวอร์ชั่น Rebuilt นี้ให้รองรับการใช้งานความสามารถ Super HD Rumble หรือการสั่นของจอยเกมที่มีความหนักเบาและลักษณะที่แตกต่างกันไปตามพื้นผิวสัมผัสที่ตัวละครมีปฏิสัมพันธ์ด้วยในขณะนั้น รวมไปจนถึงสภาพแวดล้อมรอบตัวของตัวละครด้วย โดยใน The Last of Us Part 1 Rebuilt นั้น ผู้พัฒนานำเอาความสามารถนี้มาใช้ได้อย่างมีเอกลักษณ์และเต็มประสิทธิภาพของมันมาก ซึ่งนอกจากจะแบ่งแยกลักษณะพื้นผิวของสิ่งที่สัมผัสได้อย่างชัดเจนแล้ว ตัวจอยเองยังสั่นตอบสนองต่อสภาพดินฟ้าอากาศในเกมในรูปแบบที่ต่างกันออกไป เช่นเวลาที่ฟ้าผ่าลงมาหรือเวลาที่พายุหิมะโถมเข้าใส่อีกด้วย

นอกจาก Super HD Rumble แล้ว The Last of Us Part 1 Rebuilt ยังรองรับฟีเจอร์ Adaptive Triggers หรือการหน่วงจอยตามน้ำหนักของอาวุธที่ตัวละครกำลังใช้งานอยู่ เพื่อเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกม ซึ่งต้องบอกว่าความรู้สึกของการหน่วงปลายนิ้วสัมผัสเวลาที่ Joel และ Ellie เตรียมยิงธนูใส่พวก Clicker, Runner, Stalker, Bloater หรือแม้แต่ Hunter ตลอดจนเวลาคราฟต์อาวุธต่างๆ ที่โต๊ะอัพเกรดของ Joel นั้นช่างให้ความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมและสมจริงสุดๆ ต่างจากการเล่นรอบที่ผ่านๆ มาอย่างสิ้นเชิงเลยล่ะครับ

the-last-of-us-part1-rebuild-render-modes
หน้าจอเซ็ตติ้งโหมดเรนเดอร์ภาพ โดยมีให้เลือกในโหมดความแม่นยำ และโหมดประสิทธิภาพ

ใน The Last of Us Part 1 Rebuilt บน PlayStation 5 นี้ ผู้เล่นยังสามารถเลือกปรับภาพกราฟิกได้ 2 โหมดตามความชอบส่วนบุคคลอีกด้วยครับ โดยโหมดแรกนั้นชื่อว่าโหมด “ความแม่นยำ” ซึ่งจะเหมาะกับผู้เล่นที่เน้นความคมชัดมากกว่าเฟรมเรต โดยตัวเกมจะคงความละเอียดของภาพไว้ที่ 4K ในขณะที่ลดเฟรมเรตลงที่ 30Hz คงที่ ส่วนในโหมด “ประสิทธิภาพ” นั้นตัวเกมจะเน้นความคมชัดและเฟรมเรตแบบสมดุล โดยจะตั้งเป้าหมายของเฟรมเรตไว้ที่ 60Hz คงที่ ส่วนความคมชัดนั้นจะเน้นยืดหยุ่นระหว่าง 2k – 4k ตามสถานการณ์และการประมวลผลในตอนนั้น

นอกจากโหมดการตั้งค่าแล้ว The Last of Us Part 1 Rebuilt ยังมาพร้อมกับซับไตเติลภาษาไทยแบบสมบูรณ์ทั้งในฉากคัตซีนและระหว่างเกมเพลย์ รวมไปจนถึงเมนูต่างๆ ทั้งหมดในเกม และในบางฉากยังมีการฮาร์ดซับเป็นภาษาไทยลงไปในซีนนั้นๆ เลยอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่นในฉากที่บอกฤดูต่างๆ ของเกมในแต่ละช่วง ซึ่งทาง Sony เองได้เปลี่ยนคำศัพท์ฤดูจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยแบบฮาร์ดซับไตเติลลงไปเลย หรือในฉากไทม์แลปส์เองก็เช่นเดียวกัน ที่มีการฝังซับลงไปเป็นส่วนหนึ่งกับฉากนั้นของเกมเลย และที่สำคัญที่อดชมไม่ได้คือซับไตเติลภาษาไทยใน The Last of Us Part 1 นั้น เวลาที่เราเลือกปรับเป็นขนาดใหญ่ มันใหญ่ได้สะใจสมกับที่ควรเสียที ไม่ต้องมาปวดหัวปวดใจกับขนาดของซับไตเติลเหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับเกมเอ็กซ์คลูซีพก่อนหน้านี้ของค่ายอย่าง Horizon Forbidden West อีกแล้ว

the-last-of-us-part-1-rebuild-thai-subtitle-sample
ตัวอย่างฉากที่มีการฝังซับไทยลงไปในซีนนั้นๆ ของเกม ซึ่งจะมีให้เห็นบ้างประปรายในตัวเกม

สุดท้ายแล้วคือโหมดการเล่นแบบใหม่ที่มีเพิ่มเข้ามาให้ตามคำเรียกร้องของแฟนๆ ที่โดยส่วนตัวผมเองคงไม่ไหวจะเล่นในโหมดนี้แน่ๆ แต่คิดว่าน่าจะถูกใจสายฮาร์ดคอร์หลายต่อหลายคนอยู่ไม่น้อย โดยโหมดที่ว่านี่คือโหมด “การตายถาวร” ซึ่งมีให้เลือกทั้งหมด 3 ระดับความท้าทาย คือ

the-last-of-us-part1-rebuild-permadeath-mode
ตัวเลือกในโหมดการตั้งค่า Permadeath ซึ่งจะสามารถเลือกได้หลังจากเลือกระดับความยากที่ต้องการแล้ว
  • ทั้งเกม – ทันทีที่ตาย ไม่ว่าจะเล่นถึงไหนก็ตาม เกมจะลบเซฟของคุณทิ้งทำให้คุณต้องเริ่มเกมใหม่ตั้งแต่ต้น
  • ต่อหนึ่งองก์ – ทันทีที่ตาย คุณจะต้องเริ่มเล่นใหม่ตั้งแต่ต้นองก์นั้น ซึ่งในแต่ละองก์จะมีความยาวในการเล่นเฉลี่ยประมาณ 2 – 3 ชั่วโมง
  • ต่อหนึ่งบท – ทันทีที่ตาย คุณจะต้องเริ่มเล่นบทนั้นๆ ใหม่ตั้งแต่ต้น ซึ่งต่อหนึ่งบทจะมีความยาวเฉลี่ยประมาณ 30 – 60 นาที

สำหรับคนที่ยังไม่เคยเล่น The Last of Us มาก่อน ผมขอแนะนำให้หนีโหมดนี้ไปให้ไกล เพราะตัวเกมนั้นยากจริงจังแม้จะปรับระดับความยากเป็นระดับปานกลาง ต่อให้คิดว่าระวังตัวแค่ไหน ถ้าถูก Clicker งับคอแม้แต่ครั้งเดียวคุณก็พร้อมจะไปสวรรค์เกมโอเวอร์ได้เลย…รู้อย่างนี้แล้วอย่าหาว่าไม่เตือนนะ

the-last-of-us-speedrun-mode
Speedrun คือหนึ่งในโหมดใหม่ที่จะได้รับการปลดล็อกในทันทีที่เราจบเกมในรอบแรก

นอกจากทั้งหมดที่กล่าวมาแล้ว The Last of Us Part 1 Rebuilt ยังมาพร้อมกับโหมด Speedrun ที่จะมีการแทร็กเวลาการเล่นเอาไว้สำหรับคอร์เกมที่ต้องการเล่นเก็บสถิติความเร็ว โดยโหมด Speedrun จะเปิดให้เลือกเล่นได้หลังจากที่จบตัวเกมทั้งเนื้อเรื่องหลักและเนื้อเรื่องรองแล้ว 1 รอบ ตลอดจนโหมดเครื่องแต่งกายพิเศษของตัวละครหลักทั้งสองตัวอย่าง Joel และ Ellie รวมไปจนถึงโหมดโมเดลไว้ให้ดูโมเดลสามมิติของตัวละครต่างๆ ในฉากไอคอนิกสำคัญๆ ของเรื่อง ซึ่งทั้งหมดนี้คือสิ่งที่มีเพิ่มเข้ามาใน The Last of Us Part 1 Rebuilt นั่นเอง

ในโลกอันบิดเบี้ยว…กับการตัดสินใจระหว่างสิ่งที่อยากทำ ศีลธรรม และความถูกต้อง

The Last of Us Part 1 บอกเล่าเรื่องราวของ Joel (โจเอล) ที่ต้องทนอยู่กับตัวเองอย่างเจ็บปวดมาตลอด 20 ปี หลังผ่านเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตไปในช่วงต้นของการระบาดของโรคไวรัสสมอง Cordyceps ที่มีจุดกำเนิดมาจากเชื้อรากินสมองที่ปนเปื้อนมากับอาหารนำเข้ามาจากอเมริกาใต้  การสูญเสียครั้งสำคัญครั้งนี้หล่อหลอมให้โจเอลกลายเป็นคนที่ไม่แยแสกับชีวิตคนอื่น แต่จะทำทุกอย่างเพื่อเอาตัวรอดในโลกอันบิดเบี้ยวนี้ให้ได้ไปวันๆ และหนึ่งในงานที่เขายึดเป็นงานหลักก็คือการเป็นคนส่งของที่ไม่เคยจะตั้งข้อสงสัยว่าของสิ่งนั้นคืออะไรและไม่เคยสนใจจะปฏิเสธไม่ว่าของสิ่งนั้นจะขาวหรือดำ

จนกระทั่งในวันหนึ่ง ด้วยสถานการณ์บางอย่างที่บังคับให้เขาต้องทำภารกิจส่งของที่จะเปลี่ยนชะตากรรมของมนุษยชาติไปโดยสิ้นเชิง โดยของที่เขาต้องนำส่งในครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อนๆ ที่เขาเคยทำมา เพราะมันคือเด็กผู้หญิงนามว่าเอลลี่ ผู้ที่อาจเป็นตัวแปรสำคัญในการรักษาโรคไวรัสสมอง Cordyceps ให้หายไปจากโลกใบนี้ได้

the-last-of-us-part1-joel-sarah-watch
Sarah ให้นาฬิกาข้อมือเป็นของขวัญวันเกิดแก่ Joel

แม้ว่าโจเอลอาจจะยังไม่เข้าใจภารกิจนี้ดีนัก แต่ด้วยความจำเป็นบางอย่างทำให้เขาต้องตบปากรับทำภาระกิจนี้และร่วมเดินทางไปกับเด็กหญิงแปลกหน้า ที่ยังไม่รู้ว่าชะตากรรมที่รอคอยเขาและเธออยู่นั้นคืออะไร

Ellie (เอลลี่) สาวน้อยวัย 14 ปีที่รู้และตระหนักดีว่าตนอาจจะเป็นเพียงความหวังเดียวของโลกใบนี้ จึงพร้อมสำหรับภารกิจการออกเดินทางที่แสนยาวไกล ไปสู่สถานที่ๆ เธอเชื่อว่าจะสามารถใช้บางสิ่งที่เธอมีพิเศษเหนือใครให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ โดยที่ไม่คาดคิดเลยว่าเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ดังกล่าว เธอต้องแลกมันด้วยอะไรบ้าง และด้วยความที่เธอมีนิสัยกบฎเล็กๆ ตามสไตล์สาวน้อยที่เกิดมาในโลกยุคที่สุดจะโหดร้ายและไว้ใจใครได้ยากนี้ การต้องมาเดินทางร่วมกับโจเอลซึ่งเธอเพิ่งจะรู้จักและไม่ไว้ใจเลยสักนิดจึงเป็นเรื่องที่เธอไม่เข้าใจและพยายามต่อต้านอย่างถึงที่สุด แต่เพราะทางเลือกที่มีอย่างจำกัด และเป้าหมายปลายทางที่ชัดเจนและสำคัญ เอลลี่จึงจำใจยอมรับและร่วมเดินทางไปกับคณะส่งของอย่างไม่อาจปฏิเสธได้

the-last-of-us-part1-ellie-first-met-joel
วินาทีแรกที่ Ellie รู้ว่าหลังจากนี้เธอต้องออกเดินทางไปกับคณะของ Joel เพื่อไปยังเป้าหมายที่วางไว้

ตลอดการเดินทางอันแสนยาวไกลที่ต้องผ่านถึง 4 ฤดู โจเอลและเอลลี่ได้ผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านหิมะ และผ่านฝนไปด้วยกัน ได้รู้จักและเรียนรู้ที่จะรักและไว้ใจกันและกัน ผ่านเหตุการณ์มากมายที่หล่อหลอมสองหัวใจที่เคยต่อต้านกันให้ผูกพันกันอย่างแน่นหนา แม้จะต่างสายเลือด แต่สายใจนั้นไม่ต่างอะไรกับพ่อและลูกสาวที่พร้อมจะเคียงข้างและฝ่าฟันอุปสรรค์ไปด้วยกัน จนเมื่อถึงจุดๆ หนึ่งพวกเขาก็รับรู้และตระหนักได้ว่า…พวกเขาทั้งคู่คือความหวังของกันและกันที่ไม่ว่าโลกใบนี้จะโหดร้ายสักเพียงใด แสงสว่างจากความหวังนี้ก็จะคอยส่องทางให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงเสมอ

หรือความเจ็บปวดคือหัวใจสำคัญของการเรียนรู้และเติบโต…

แผลในอดีตของโจเอลทำให้เขาเป็นคนไร้หัวใจ ความเจ็บปวดที่ฝังรากลึกมากว่า 20 ปี สอนให้เขาเลิกแยแสกับสิ่งใดๆ สำหรับเขาแล้ว การชะล้างความเจ็บปวดในหัวใจได้ คือการไม่ต้องคิดถึง ไม่ต้องจดจำ และไม่หันกลับไปมองมัน

แผลทางร่างกายและจิตใจที่เกิดขึ้นกับเอลลี่ในระหว่างการเดินทางสั่งสมให้เด็กสาวเริ่มเรียนรู้ว่าในโลกใบนี้ ต่อให้แสร้งทำเป็นแข็งแกร่งสักเพียงใด ท้ายที่สุดแล้วเราทุกคนต่างก็ต้องการใครสักคนที่เป็นดั่งที่พึ่งทางจิตใจเมื่อบอบช้ำ และที่พักพิงเพื่อฟื้นฟูร่างกายเมื่อโดนทำร้าย และเหนือสิ่งอื่นใดคือ…เธอต้องการใครสักคนที่คอยนำทางเธอ ใครสักคนที่มาเติมเต็มช่องว่างที่ขาดหายไป ใครสักคนที่จะรักและดูแลเธอได้อย่างที่ “พ่อ” สักคนจะมอบให้กับ “ลูก” คนหนึ่งได้ และใครคนนั้นที่เธอต้องการก็คือ “โจเอล” คนที่เธอเคยไม่ไว้ใจและต่อต้านที่จะร่วมเดินทางด้วยในวันแรกนั่นเอง

the-last-of-us-part1-elle-meets-joel-again-after-joel-sickness
Ellie กับความรู้สึกสับสน ตกใจ ตื้นตันใจ และดีใจในเวลาเดียวกัน หลังจากผ่านเรื่องเลวร้ายที่สุดในชีวิตมา และได้กลับมาเจอ Joel อีกครั้ง…

ในขณะเดียวกัน หัวใจที่ได้รับการฟื้นฟูอีกครั้งของโจเอลตลอดระยะเวลาที่มีเอลลี่เคียงข้างกายก็ทำให้เขารู้ว่า ความเจ็บปวดควรเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโต ไม่ใช่สิ่งที่ควรหลบหนีหรือปิดกั้น และไม่ใช่ข้ออ้างที่จะใช้ในการรั้งตัวเองไว้ แทนที่จะยอมรับความจริงในสิ่งที่เกิดขึ้นและพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่เข้ามาในชีวิต

เอลลี่ไม่ใช่เพียงความหวัง แต่เธอคือยาที่เข้ามาเพื่อรักษาโรคร้ายที่กัดกินหัวใจของโจเอล ในขณะที่โจเอลไม่ใช่จุดหมาย แต่เป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่ช่วยเติมเต็มความเป็นมนุษย์ในตัวตนของเด็กยุคหลังโรคระบาดอย่างเธอ ตราบใดที่ทั้งคู่เคียงข้างกันไป เป้าหมายก็คงไม่ไกลเกินจริง…

the-last-of-us-part1-ellie-dont-tell-me-i-will-be-safer-with-someone-else
Ellie : เพราะงั้นอย่าบอกหนูนะว่าหนูจะปลอดภัยกับคนอื่นมากกว่า…

เมื่อถึงจุดหนึ่ง…มนุษย์ยังคู่ควรต่อการแลกทุกอย่างเพื่อรักษาไว้ไหมนะ?

การเดินทาง นอกจากจะสอนให้ทั้งคู่ได้รู้จักและรักกันและกันแล้ว มันยังทำให้โจเอลต้องตั้งคำถามกับตัวเองว่า จากสถานการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้น จากความไม่ยุติธรรมในชีวิตที่เขาได้รับ และจากความบิดเบี้ยวทุกอย่างในโลกใบนี้หลังจากที่มนุษย์ได้เผยธาติแท้ของตัวเองออกมาให้เห็นกันแล้ว มนุษย์ยังคู่ควรต่อการแลกทุกอย่างเพื่อรักษาไว้ไหม…

แน่นอนว่านอกจากโจเอลแล้ว เชื่อว่าผู้เล่นอย่างเราเองก็ต้องตั้งคำถามนี้กับตัวเองเช่นเดียวกันเมื่อถึงจุดๆ หนึ่งที่สถานการณ์ขีดเส้นให้เราต้องเป็นผู้กำหนด แน่นอนว่าคำตอบทั้งหมดต่อบทสรุปของมหากาพย์การเดินทางนั้นย่อมต้องย้อนกลับไปยังคำถามในจุดเริ่มต้นของเรื่องราวและการผจญภัยของโจเอลและเอลลี่ว่า…ระหว่างสิ่งที่อยากทำ ศีลธรรม และความถูกต้องนั้น โจเอลและคุณได้เลือกสิ่งที่สมควรแล้วจริงๆ ใช่หรือไม่ และเราทั้งคู่จะไม่มัวแต่มานั่งสงสัยและเสียใจกับสิ่งที่เลือกจริงๆ ใช่ไหม…

เพราะเมื่อโลกพรากสิ่งที่มีค่าที่สุดไปจากโจเอล เขาก็พร้อมที่จะพรากทุกอย่างไปจากโลกใบนี้เช่นเดียวกัน…

the-last-of-us-part1-joel-ellie-giraffes
Joel และ Ellie ยืนมองฝูงยีราฟฝูงหนึ่งเดินลับตาไปอย่างมีความสุข

เนื้อเรื่องคงเดิม…แต่กระชากอารมณ์จนเจ็บหัวใจขั้นสุดด้วยตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ให้แสดงอารมณ์ทางสีหน้าและแววตาได้อย่างชัดเจน

The Last of Us นั้นถือเป็นเกมที่ทรงพลังในการเล่าเรื่องที่แทบไม่มีเกมไหนจะเทียบเคียงได้อย่างง่ายดายอีกต่อไปแล้ว อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับคือเทคโนโลยีในสมัยนั้นที่ยังเป็นปัญหาในการถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครผ่านทางสีหน้า ท่าทาง และการแสดงออกได้อย่างไม่สมบูรณ์แบบสักเท่าไหร่นัก และแม้ว่าตัวบทและการเล่าเรื่องนั้นจะสมบูรณ์สักเพียงใด บ่อยครั้งที่อารมณ์และความรู้สึกที่ตัวละครถ่ายทอดออกมากลับถูกลดทอนไปเพราะสีหน้าและแววตาของตัวละครในเรื่องเอง และแน่นอนว่าแม้แต่ Joel Miller และ Ellie Williams สองตัวเอกจาก The Last of Us เองก็ประสบปัญหาเดียวกันนี้ในหลายต่อหลายคัตซีนและไดอะล็อกในเกมเวอร์ชั่นดั้งเดิมและเวอร์ชั่น Remastered บน PlayStation 4 ทำให้ในบางฉากที่ควรดึงอารมณ์ผู้เล่นไปได้สุด กลับต้องมาสะดุดอยู่ไม่มากก็น้อย

อย่างไรก็ตาม ใน The Last of Us Part 1 Rebuilt บน PlayStation 5 นั้นนับได้ว่าเป็นครั้งแรกที่ปัญหานี้ถูกแก้ไขออกไปอย่างหมดจด ด้วยความตั้งใจของทีมผู้สร้างเองที่ต้องการจะ “Rebuilt หรือ สร้างมันขึ้นมาใหม่” ในยุคสมัยที่คอนโซลทรงพลังขนาดนี้ การถ่ายทอดอารมณ์ทั้งหมดของตัวละครผ่านทางสีหน้า แววตา และท่าทางนั้นจึงทำออกมาได้อย่างไร้ที่ติแม้จะไม่ได้มีการมากำกับ Motion Capture ใหม่แต่อย่างใด ทำให้นี่เป็นครั้งแรกของผมที่กลับมาเล่น The Last of Us แล้วรู้สึกสะเทือนใจและถึงขั้นน้ำตาคลอไปกับฉากแทบทุกฉากในเกม ยกตัวอย่างเช่นในฉากเกริ่นนำเรื่องในช่วง 15 นาทีแรกหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นกับ Sarah (ซาร่าห์) ลูกสาวแท้ๆ เพียงคนเดียวของโจเอล ซึ่งสตูดิโอ Naughty Dog ได้รีบิลด์ตัวละครขึ้นมาใหม่ได้อย่างมีมิติในการแสดงสีหน้าและท่าทางมากจนทำให้หัวใจน้อยๆ ของเกมเมอร์อย่างเราถึงขั้นเจ็บปวดไปกับเหตุการณ์ที่ประสบตรงหน้าไปด้วย

AppDisqus ได้แคปเจอร์ภาพของซีนเดียวกันนี้จาก The Last of Us Part 1 Rebuilt และ The Last of Us Remastered มาเปรียบเทียบให้เพื่อนๆ เห็นกันด้านล่างนี้ด้วย เพราะเราเชื่อว่าคงไม่มีคำอธิบายใดที่จะชัดเจนได้ดีไปกว่าการให้เพื่อนๆ ได้พิจารณาด้วยสายตาตัวเอง

the-last-of-us-part-1-rebuild-sarah-scene
the-last-of-us-remastered-sarah-scene

ในฉากเดียวกันนี้ น้ำตาจากความเจ็บปวดของโจเอลนั้นถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมจนขนลุก โดยไหลให้เห็นออกมาเป็นเม็ดๆ แบบคมชัดเมื่อเทียบกับฉบับ Remastered ซึ่งแน่นอนว่าส่งผ่านอารมณ์ตัวละครมาถึงผู้เล่นอย่างเราแบบเต็มรักกันไปเลยทีเดียวครับ

the-last-of-us-part-1-rebuild-joel-sarah-cried
the-last-of-us-remastered-joel-sarah-cried

เอาแค่ Prologue หรือเกมเพลย์ในช่วงอารัมภบทเราก็รู้ได้แล้วว่า Naughty Dog ไม่ได้มาเล่นๆ สำหรับการ Rebuild ในครั้งนี้ โดยเราจะเห็นคุณภาพการเปลี่ยนแปลงของโมเดลตัวละครและโมชั่นแคปเจอร์ของตัวละครทั้งหมดแบบชัดเจนมาก ซึ่งต้องขอบคุณขุมพลังของ PlayStation 5 และความตั้งใจในการรังสรรค์งานของสตูดิโอ กอปรกับฟีเจอร์ Super HD Rumble ที่เราได้สัมผัสตลอดทั้งซีเควนซ์แรกของเกมต้องบอกเลยว่าการเล่น The Last of Us ใหม่ในรอบนี้คือรู้เลยว่าจะเต็มไปด้วยอารมณ์ใหม่ๆ ที่สุดยิ่งกว่าเดิม และต้องคุ้มค่า คุ้มเวลามากๆ อย่างไม่ต้องสงสัยเลย

นอกจากสีหน้าของตัวละครที่สามารถสื่อสารอารมณ์ได้อย่างชัดเจนขึ้นมากแบบสุดๆ แล้ว ทีมผู้พัฒนายังไปสุดกว่านั้นด้วยการแก้ไขเอนิเมชั่นของตัวละครในบางฉากที่เปลี่ยนอารมณ์และความรุนแรงจากเดิมไปอย่างชัดเจน หนึ่งในฉากที่ผู้รีวิวเห็นชัดเจนที่สุดคือฉากที่ Tess (เทสส์) และโจเอลได้ค้นพบความลับบางอย่างของเอลลี่โดยบังเอิญ ส่งผลให้เกิดความไม่ไว้วางใจกันขึ้นในกลุ่ม ซึ่งในจังหวะนี้ ใน The Last of Us Part 1 Rebuilt ทาง Naughty Dog เองเลือกที่จะตีความการกระทำของตัวละครเทสส์ใหม่ให้มีความชัดเจนทางอารมณ์มากยิ่งขึ้นด้วยการให้เทสส์จ่อปืนไปที่ตัว เอลลี่ในทันที ในขณะที่ใน The last of Us Remastered และต้นฉบับนั้น ตัวเทสส์จะไม่ได้ยกปืนขึ้นมาจ่อไปที่เอลลี่แต่อย่างใด ทำให้อารมณ์ความรุนแรงและความแข็งกระด้างในฉากนั้นลดลงไปมาก ซึ่งต้องบอกเลยว่านี่คือหนึ่งในหลายๆ จุดเล็กๆ ที่ Naughty Dog ตั้งใจเปลี่ยนแปลงและส่งผลกระทบทางจิตใจในด้านดีกับผู้เล่นอย่างชัดเจนมากๆ โดยส่วนตัวผมเอง ยอมรับว่าหัวใจตกไปชั่ววินาทีเมื่อเห็นเทสส์จ่อปืนไปที่เอลลี่อย่างในฉบับ Rebuild นี้ ในขณะที่ตอนเล่นฉบับ Remastered หรือต้นฉบับนั้น ในฉากนี้ผมยังไม่ได้รู้สึกถึงเสี้ยววินาทีแห่งความรังเรใจและการตัดสินใจความเป็นความตายของตัวละครสักเท่าไหร่เลย

the-last-of-us-part1-rebuild-tess-pointing-gun-at-ellie
Tess จ่อปืนไปที่ Ellie ในทันทีที่ค้นพบความลับบางอย่างของตัวละครในเวอร์ชั่น The Last of Us Part 1 Rebuilt ซึ่งให้อารมณ์ที่ดุดันและส่งผลกับจิตใจคนเล่นดีมาก
the-last-of-us-remastered-tess-angst-against-ellie
Tess มอง Ellie ทันทีหลังจากค้นพบความลับของตัวละคร Ellie ใน The Last of Us Remastered และต้นฉบับ ซึ่งไม่ได้รู้สึกถึงความดุดันในการตัดสินใจเหมือนฉบับ Rebuilt

นอกจากโมเดลตัวละครที่มีการสร้างใหม่ให้มีความสมจริงขึ้นมากแล้ว งานฉาก งานแสง และงานสีสันเองก็เข้าใจว่าตั้งใจทำใหม่ทั้งหมดเช่นเดียวกัน โดยไม่ได้ให้แค่ความรู้สึกว่ามันดีขึ้นเหมือนตอนต้นฉบับไปเป็น Remastered แต่มันดูออกเลยว่ามันถูกยกเครื่องใหม่เพื่อนำมาใช้ในเวอร์ชั่น Rebuilt นี้ทั้งหมด

หนึ่งในฉากที่น่าสนใจมากคือฉากการตัดสินใจอะไรบางอย่างในสถานการณ์คับขันระหว่างโจเอล เอลลี่ และเทสส์ ซึ่งจะเห็นได้ว่าบน The Last of Us Part 1 Rebuilt นั้นแสงที่ส่องกระทบเข้ามาผ่านทางกระจกประตู รวมถึงรายละเอียดเบื้องหลังของฉากทั้งหมดนั้นมันสมจริงไปหมด ซึ่งแตกต่างจากฉบับ Remasted แบบสิ้นเชิง

the-last-of-us-part1-rebuilt-joel-ellie-tess-turning-point
แสงที่ส่องจากกระจกประตูเข้ามาพาดผ่านตัวละคร Joel มีความฟุ้งและชัดเจนของมิติมากใน The Last of Us Part 1 Rebuilt
the-last-of-us-remastered-joel-ellie-tess-turning-point
ฉากเดียวกันนี้ใน The Last of Us Remastered ที่จะเห็นความแข็งกระด้างของแสงและฉากมาก

แน่นอนว่าความเปลี่ยนแปลงและความแตกต่างที่เห็นนี้ไม่ได้มีเฉพาะในฉากคัตซีนเท่านั้น จริงๆ แล้วต้องบอกว่าใน The Last of Us Part 1 Rebuilt นั้นเป็นเรื่องยากมากที่จะแยกความแตกต่างระหว่างฉากคัตซีนออกจากเกมเพลย์ เพราะตลอดระยะเวลาที่เล่นตั้งแต่ต้นจนจบเกม ผู้รีวิวเองไม่รู้สึกถึงความแตกต่างของความละเอียดของภาพเมื่อตัดสลับกันระหว่างฉากคัตซีนและฉากเกมเพลย์เลย นอกจากนี้ตัวเกมเองยังไม่มีช่วงจังหวะที่ต้องหยุดไปเพราะการดาวน์โหลดฉากหรืออะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ประสบการณ์ที่ได้นั้นมันสมูธมากจนไม่เกิดความสะดุดใดๆ ซึ่งไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงรู้สึกอินกับเนื้อเรื่องและตัวละครเพิ่มขึ้นมากถึงขนาดนี้เมื่อย้อนกลับมาเล่น The Last of Us อีกรอบในครั้งนี้

หนึ่งในฉากเกมเพลย์ที่จะทำให้เห็นความต่างระหว่าง The Last of Us Part 1 Rebuilt บน PS5  และ The Last of Us Remastered บน PS4 นั้นคือฉากช่วงที่เราต้องพาเอลลี่หนีจากพวกทหาร ซึ่งเป็นฉากที่โจเอลต้องวิ่งหลบซ่อนไปตามเงามืดและสภาพฟ้าฝนที่กำลังตกลงมาอย่างหนัก โดยมีเอลลี่และเทสส์วิ่งตามมาอย่างใกล้ชิด เทกซ์เจอร์ของน้ำที่ขังอยู่บนพื้น ไปจนถึงความพริ้วไหวของมันเวลาที่ตัวละครเหยียบย่ำลงไปบนปรัก เมื่อเทียบกับฉบับ Remastered แล้วต้องบอกว่าเป็นหนังคนละม้วนกันเลย และมันจะเป็นแบบนี้เหมือนกันไปตลอดทั้งเกมบนเวอร์ชั่น Rebuilt สำหรับ PlayStation 5

the-last-of-us-part1-rebuilt-water-texture
the-last-of-us-remastered-water-texture

เกมเพลย์และการควบคุมที่ผสานเทคนิกของ Next Gen เอาไว้กับของเดิมได้อย่างลงตัว

สำหรับคนที่เคยเล่น The Last of Us มาก่อนแล้ว ต้องบอกว่าใน  The Last of Us Part 1 Rebuilt ทาง Naughty Dog ยังคงคุมรูปแบบการเล่นและการบังคับไว้ให้คงเดิมแทบทุกอย่าง เพราะอะไรที่ดีอยู่แล้วก็คงไม่มีเหตุผลให้ต้องแก้ไข ตลอดการเล่นยังคงต้องอาศัย Combination Play หรือการเล่นแบบหลากหลายรูปแบบ ทั้งย่องเบา ดุดัน โจมระยะไกลและใกล้ ตลอดจนอุปกรณ์และเครื่องมือนานาชนิดสำหรับการระเบิดเขาเผากระท่อมเหมือนเดิม

แต่สิ่งที่พัฒนาขึ้นมาคือการเพิ่มความสมจริงในการใช้และการอัพเกรดอาวุธ ตลอดจนการไขล็อกตู้เซฟต่างๆ ที่มีการนำเอาฟังก์ชั่น Adaptive Triggers และ Super HD Rumble มาใช้งานได้อย่างฉลาดมาก ยกตัวอย่างเช่นเวลาที่เราต้องการปลดล็อกตู้เซฟที่กระจายกันอยู่ตามจุดต่างๆ ของสถานที่นั้น ใน The Last of Us Part 1 Rebuilt เราไม่จำเป็นต้องเสียเวลาหาคำใบ้รหัสปลดตู้เซฟอีกต่อไป เพราะ Super HD Rumble จะมีการสั่นจังหวะแปลกๆ ให้เรารับทราบได้ว่าเราเลื่อนไปถึงตัวเลขล็อคที่ถูกต้องแล้ว พร้อมกับเสียงคลิกที่มีลักษณะต่างไปจากทั่วไปด้วย ซึ่งให้อารมณ์เหมือนเรากำลังลักลอบเปิดตู้เซฟอย่างแท้จริง เหมือนกับที่ Naughty Dog เคยใช้ใน Uncharted: Legacy of Thieves Collection ผลงานก่อนหน้าของค่ายที่ถูกนำมาปัดฝุ่นลงบน PlayStation 5 ไปก่อนหน้านี้แล้ว

the-last-of-us-part1-joel-unlock-safe
Joel กับการพยายามแกะรหัสตู้เซฟ ซึ่งผู้เล่นสามารถเลือกที่จะหาคำใบ้ หรือจะใช้การสั่นและเสียงจาก Super HD Rumble ล้วนๆ ในการแก้ปริศนาก็ได้

นอกจากการปลดล็อคตู้เซฟแล้ว การใช้งานอาวุธทุกรูปแบบจะมีจังหวะการหน่วงหนักเบาแตกต่างกันไปตามชนิดของอาวุธและระดับการอัพเกรดอาวุธชนิดนั้นๆ ทำให้เวลาที่เราอัพเกรดอาวุธ นอกจากจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพความแรงของมันแล้ว อัดตราการดีดตัว (การถีบ) ของอาวุธเองก็จะสร้างความแตกต่างให้การผู้เล่นได้อย่างสมจริงเช่นเดียวกัน ซึ่งทั้งหมดนี้คือการประยุกต์เอาความสามารถของ DualSense Controller มาใช้ได้อย่างเหมาะสมและลงตัวมาก ส่งผลต่ออารมณ์ ความกดดัน และรูปแบบการเล่นของผู้เล่นอย่างแท้จริง

นอกจากเครื่องมือสำหรับการอัพเกรดอาวุธที่เราต้องเสาะหาระหว่างการเดินทางแล้ว The Last of Us Part 1 ยังคงมาพร้อม หรียญ Pendant ของกลุ่ม Fireflies หนังสือการ์ตูนสำหรับเอลลี่ และสูตรลับการอัพเกรดความสามารถของระเบิดหรืออาวุธโจมตีระยะใกล้ ให้เราได้ตามหาเพื่อเก็บสะสมและพัฒนาความสามารถอาวุธระยะใกล้และระเบิดของเราให้ดีขึ้น

the-last-of-us-part1-fireflies-pendant-collectible
the-last-of-us-part1-comic-books-collectible

สภาพแวดล้อมของเกมนั้นถูกเพิ่มความน่ากลัวให้มากยิ่งขึ้นด้วยเสียงจากตัวหลอนประจำเกมอย่าง Clicker ศัตรูที่แทบจะทำให้เราตายในทันทีที่มันเข้ามาใกล้ (โดยเฉพาะในช่วงแรกๆ ของเกม) ซึ่งนอกจากเจ้าคลิกเกอร์ที่ว่านี้แล้ว ศัตรูตัวอื่นๆ ในเกมอย่าง Runner, Stalker และ Bloater เองก็น่ากลัวและมีรูปแบบการโจมตีที่แตกต่างกันออกไป ทำให้เราต้องเลือกวิธีการโจมตีที่เหมาะสมกับมนุษย์กลายพันธุ์เหล่านี้ในแต่ละรูปแบบที่ไม่เหมือนกันเลย

ยกตัวอย่างเช่น Clicker จะโจมตีโดยใช้การได้ยินเป็นหลัก และด้วยเพราะเราไม่สามารถเข้าใกล้มันได้ง่ายเพราะมันเร็วและฆ่าเราได้ในจังหวะเดียว เราเลยต้องใช้การย่องเบาเข้าไปปักคอมันด้วยมีดสั้น ซึ่งได้มาจากการเก็บไอเท็มในฉากหรือการสร้างอาวุธนี้มาจากการเก็บรวบรวมสิ่งของเท่านั้น ทำให้ทรัพยากรการใช้นั้นมีอย่างจำกัดมาก ดังนั้นทุกครั้งที่ใช้เลยต้องพิจารณาให้ดีว่าควรจะเสียมีดสั้นนี้ไปไหม หรือควรจะเดินย่องเบาหนีไปดีกว่า โดยการย่องเบานั้นก็ทำได้ด้วยการเคลื่อนอนาล็อคให้เบาที่สุดเพื่อเดินให้ช้าที่สุดและส่งเสียงให้น้อยที่สุดนั่นเอง

ในขณะเดียวกัน สำหรับ Runner และ Hunter (มนุษย์นักล่า) นั้นจะมีความใกล้เคียงกันในการโจมตี โดย Runner ยังคงใช้เสียงในการระบุเป้าหมาย แต่ Hunter ใช้ประสาทสัมผัสรับรู้ของคนทั่วไปทั้งหมดในการโจมตี ในระหว่างการเล่น เราจะเรียนรู้ว่าแม้การโจมตีของศัตรูทั้งสองนี้จะมีความคล้ายกัน แต่วิธีการเลือกตอบโต้หรือจัดการของผู้เล่นนั้นต้องอาศัยความต่างกันพอประมาณ เพราะในขณะที่ Hunter จะมีรูปแบบการโจมตีแบบมนุษย์ที่ไม่ได้เน้นหมาหมู่แต่ดูความเหมาะสมของพื้นที่และสถานการณ์มากกว่า เจ้า Runner นั้นกลับตรงกันข้าม ทันทีที่ได้ยินเสียงมันจะวิ่งกรูกันเข้ามาแบบสัญชาตญาณสัตว์ป่า ดังนั้นในบางสถานการณ์ การจัดการกับ Hunter ด้วยวิธีการยิงแหลกนั้นเลยสามารถทำได้ ในขณะที่หากทำแบบเดียวกันกับ Runner แล้วย่อมไม่ต่างอะไรกับภารกิจฆ่าตัวตายชัดๆ เช่นเดียวกันกับ Bloater ที่การใช้ระเบิดไฟอาจเป็นการโจมตีที่ดูเข้าท่าที่สุดสำหรับผู้รีวิว และ Stalker ที่อาจเน้นหนีเมื่อมีโอกาส ทั้งหมดนี้ต่างก็มีรูปแบบการโจมตีเป็นของตัวเอง ซึ่งเพิ่มมิติและความหลากหลายในการเล่นให้เกิดขึ้นได้อย่างยอดเยี่ยมมาก

the-last-of-us-part1-rebuilt-runner-stealth-kill
การย่องฆ่าศัตรูกลุ่ม Runner ซึ่งเป็นวิธีการที่เหมาะสม ปลอดภัย และประหยัดทรัพยากรที่สุดกับศัตรูประเภทนี้

Listen Mode หรือโหมดการรับฟังสภาพแวดล้อมเพื่อใช้สัญชาตญาณในการวิเคราะห์หาศัตรูที่อยู่รอบตัวนั้นถือเป็นหัวใจสำคัญมากๆ ในการวางแผนเอาตัวรอดในแต่ละสถานการณ์ ในช่วงแรกผู้เล่นอาจไม่เห็นความสำคัญกับการใช้งานโหมดนี้สักเท่าไหร่นัก แต่ในช่วงกลางไปถึงช่วงท้ายของเกมนั้น ความเข้มข้นและความยากของศัตรูจะบังคับให้เราต้องใช้โหมดนี้เป็นประจำเองโดยอัตโนมัติ และระยะการรับฟังนั้นสามารถอัพเกรดได้โดยการใช้อาหารเสริมที่เก็บได้ในระหว่างการเดินทาง เช่นเดียวกันพลังชีวิตและค่าสแตตสำคัญอื่นๆ ที่เหมือนจะเป็นการบังคับกลายๆ ว่าเพื่อความอยู่รอด การสำรวจแผนที่และฉากจึงถือเป็นสิ่งที่ผู้เล่นจะต้องทำอย่างสม่ำเสมอ

the-last-of-us-part1-listen-mode
โหมดการรับฟังที่จะช่วยให้เราวิเคราะห์ตำแหน่งและปริมาณของศัตรูที่อยู่รอบข้างเรา เพื่อวางแผนการโจมตีหรือทางหนีทีไล่ที่ถูกต้องได้

เสน่ห์ที่สำคัญของ The Last of Us นั้นคือ Quick Time Event ที่จะมีมาอยู่เรื่อยๆ ภายในเกม ซึ่งเป็น Quick Time Event ที่ถูกออกแบบการเล่นมาอย่างเหมาะสมและลงตัวกับฉากแต่ละฉากที่เกิดขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นการกดปุ่มที่ขึ้นหน้าจอตามจังหวะ หรือแม้แต่การต้องพยายามจัดการกับศัตรูในฉากทั้งหมดด้วยอุปกรณ์และเครื่องที่จำกัดและสถานการณ์ที่บังคับให้เราต้องเริ่มการโจมตีในสภาพที่ผิดปกติไปจากเดิม ซึ่งทั้งหมดนี้ในแต่ละครั้งที่มีเข้ามา เรียกได้ว่าสร้างความตื่นเต้นกดดันให้เกิดขึ้นกับผู้เล่นได้มากจริงๆ

นอกจากนี้การที่ The Last of Us Part 1 นั้นแทบจะไม่ปล่อยให้ผู้เล่นเดินทางไปในโลกที่โหดร้ายนี้ตามลำพังตั้งแต่ต้นเกม มันเลยทำให้ในสถานการณ์ที่เราต้องจัดการกับทุกอย่างเพียงคนเดียว ความกดดันทั้งหมดจึงเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รวมทั้งอารมณ์ความเหงาความอ้างว้างที่เกิดขึ้นซึ่งไม่ได้มาจากเพียงดนตรีประกอบและฉากเท่านั้น แต่ยังมาจากเกมเพลย์ที่ชาญฉลาดที่เลือกจังหวะในการปล่อยทิ้งเราให้โดดเดี่ยวได้อย่างเหมาะเจาะ พร้อมสถานการณ์ที่ซัดเข้ามาจากการอยู่เพียงลำพังที่ทำให้เราถึงขั้นอ่วมช้ำไปไม่ต่างจากตัวละครในเกมเลย

the-last-of-us-part1-rebuilt-quick-time-event
ฉาก Quick Time Event ที่มาได้ถูกจังหวะและมีความเป็นความตายของ Joel มาเป็นตัวแปรสำคัญ
the-last-of-us-part1-rebuilt-ellie-and-her-final-brutal
Ellie กับความสิ้นหวังทั้งกายใจ ที่ต้องฮึดเอาเฮือกสุดท้ายของตัวเองมาเปลี่ยนเป็นความรุนแรงขั้นสุด

แม้ว่า The Last of Us Part 1 นั้นดูเหมือนจะแก้ไขปัญหาแทบทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้น และทำให้นี่คือฉบับที่คู่ควรกับ The Last of Us อย่างไร้ที่ติแล้วก็ตาม แต่ในความเป็นจริง สตูดิโอ Naughty Dog กลับยังคงไม่สามารถแก้ไขปัญหาใหญ่ที่สุดที่รั้งตัวเกมไว้จากความสมจริงแบบสมบูรณ์ได้ ปัญหาที่ว่านั้นก็คือ AI โดยเฉพาะกับศัตรูในกลุ่ม Hunter ที่แม้จะเป็นศัตรูที่ควรจะมีมันสมองและความเป็นมนุษย์ที่สุดแล้ว แต่กลับทำอะไรบางอย่างที่หลุดความเป็นมนุษย์ไปมาก ส่งผลให้เกมขาดความสมจริงไปพอควรเลยทีเดียว…

ความสมบูรณ์ที่ต้องสะดุดลงเพราะ AI และปัญหาด้านการแปลเล็กๆ น้อยๆ

ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดและต้องเอามาพูดถึงมากๆ คือเรื่องของ AI ศัตรูใน The Last of Us Part 1 ที่โดยส่วนตัวแล้วผู้เขียนมีความคาดหวังไว้สูงมากว่า Naughty Dog จะทำการแก้ไขปัญหาในส่วนนี้ในเวอร์ชั่น Rebuilt อย่างไรก็ตาม ในทุกฉากที่ศัตรูของเราคือกลุ่ม Hunter พวกศัตรูกลุ่มนี้จะเมินตัวละครที่ร่วมเดินทางไปกับเราแทบจะเสมอ ส่งผลให้ความสมจริงในฉากลดลงอย่างเห็นได้ชัด

ตัวอย่างเช่นเวลาที่มีการต่อสู้กับ Hunter แค่เราพยายามหลบตัวเองไปจากสายตาของ Hunter เจ้า AI ศัตรูก็จะมองไม่เห็นเราและไม่ยอมเปิดการโจมตีในทันที ทั้งๆ ที่เพื่อนร่วมทางของเราอย่างเอลลี่หรือตัวละครตัวอื่นๆ นั้นนั่งยองๆ อยู่ตรงหน้าพวกมัน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่เวอร์ชั่นแรกในยุคของ PlayStation 3 และแม้จะผ่านการปัดฝุ่นใหม่มาถึง 2 รอบแล้ว Naughty Dog ก็ยังคงแก้ปัญหานี้ไม่ได้เสียที ซึ่งถือเป็นเรื่องน่าเสียดายมากจริงๆ เพราะความสมบูรณ์แบบในองค์ประกอบอื่นๆ นั้นมันโดดเด่นและชัดเจนมากจนแทบจะร้องตะโกนอยู่แล้วว่าการกลับมาในครั้งนี้ของ The Last of Us Part 1 นั้นคือความเพอร์เฟ็กโดยสมบูรณ์

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเวอร์ชั่นที่ผู้รีวิวเล่นนี้เป็นเวอร์ชั่นแรกสุดก่อนวันวางจำหน่ายจริง เชื่อว่าเมื่อถึงวันวางจำหน่าย Naughty Dog เองน่าจะมีปล่อยแพชต์อัพเดตแก้ไขปัญหาเรื่อง AI ตามมาอีกที เพราะเอาเข้าจริงแล้วการอัพเกรดความฉลาดของ AI นั้นคือหนึ่งในหัวใจของ The Last of Us Part 1 Rebuilt เลยตามข้อมูลที่ทาง Sony ได้มีเผยออกมาก่อนหน้านี้ครับ

the-last-of-us-part1-thai-translation-issue
ปัญหาความต่อเนื่องของสรรพนามที่มีให้เห็นบ้างในบทแปลภาษาไทยของ The Last of Us Part 1 Rebuilt

นอกจาก AI แล้ว ผู้รีวิวยังพบปัญหาเรื่องการแปลและคำตกในภาษาไทยให้เห็นอยู่เป็นจังหวะ โดยเฉพาะกับปัญหาเรื่องคำตกบรรทัดซึ่งน่าจะเกิดจากการตัดคำภาษาในบนระบบ PlayStation ที่ยังไม่ดีเท่าทีควร แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงหรือทำให้เสียอารมณ์ร่วมแต่อย่างใด เต็มที่ก็อาจมีแค่อ่านยากขึ้นในบางจังหวะเท่านั้นเอง

ไม่เพียงแต่ปัญหาการตัดคำไทยจนทำให้ตกบรรทัดเท่านั้น ในบางส่วนของคำแปลยังมีการใช้คำแทนตัวที่ไม่สอดคล้องไปในทางเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่นในบันทึกของตัวละครหนึ่งตัว ที่บรรทัดหนึ่งใช้คำว่า “ผม” แต่ถัดมาอีกบรรทัดดันแทนตัวเองว่า “ฉัน” ไปเสียแล้ว ซึ่งตรงนี้น่าจะเกิดจากการที่ใช้ผู้แปลหลายคน หรือไม่ก็อาจจะเป็นความผิดพลาดของตัวผู้แปลเอง แต่ก็ยังคงยืนยันว่าไม่น่าจะสำคัญอะไร เพราะปลายทางแล้วยังคงความหมายไว้ได้อย่างสมบูรณ์

อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า The Last of Us Part 1 ในเวอร์ชั่น PlayStation 5 ที่ทาง AppDisqus ได้มารีวิวนี้เป็นเวอร์ชั่นก่อนวางจำหน่ายจริง ซึ่งในวันวางจำหน่ายจริงทาง Naughty Dog “อาจจะ” ปรับปรุงปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ทั้งหมดแล้วก็ได้ เราคงต้องรอดูกันอีกครั้งในวันที่ 2 กันยายน 2556 ที่จะถึงนี้

the-last-of-us-part1-joel-ellie-riding-horse
Joel และ Ellie ควบม้าเดินทางมาจนถึงหน้า University of Eastern Colorado

เอลลี่: สาบานกับหนูนะ…ว่าทั้งหมดนี้คือเรื่องจริง?

แม้ตลอดการเดินทางของโจเอลและเอลลี่ เราจะได้พบกับเรื่องราวมากมายที่ทั้งน่าหดหู่และน่าประทับใจ รวมถึงน่าติดตามไปจนถึงวินาทีสุดท้ายของเกม ซึ่งความรู้สึกและประสบการณ์ร่วมทั้งหมดนี้คงขึ้นอยู่กับผู้เล่นแต่ละคนว่าจะมองมันไปในทางใด และสัมผัสมันได้ลึกแค่ไหน แต่สิ่งหนึ่งที่เชื่อแน่ว่าจะเกิดขึ้นกับทุกคนคือการตั้งคำถามทันทีที่เอ็นด์เครดิตเลื่อนขึ้นมาบนหน้าจอถึงเหตุผลของการกระทำของโจเอลและตัวผู้เล่นเองมากมาย และคงรู้สึกไม่ต่างอะไรไปจากเอลลี่ที่ในแววตานั้นอาจเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ลึกๆ ข้างในคือความไว้ใจที่เชื่อว่าในทุกการกระทำของโจเอลมีเหตุผลและคำตอบของมันเองเสมอ…และมันคือสิ่งที่เหมาะสมที่สุดแล้วสำหรับคนที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับเขา

the-last-of-us-part1-ellie-on-the-hill-scene
ทุกการเดินทางย่อมมีจุดหมาย ไม่ว่าจุดหมายนั้นจะเป็นเช่นไร แต่ระหว่างทางได้สอน Ellie ให้เติบโตขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

The Last of Us Part 1 คือการเดินทาง คือการเรียนรู้ คือการเติบโต และคือการฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ของโจเอลและเอลลี่ที่กระตุ้นให้ผู้เล่นอย่างเราได้คิดเสมอในทุกก้าวเดิน คิดถึงการมีอยู่ของตัวตน ถึงเหตุผลของความปรานี หรือแม้แต่ถึงสาเหตุแห่งความรุนแรง ปลายทางแห่งความเสียใจ หรือสิ่งที่ได้มาจากความเสียสละ ทั้งหมดนี้คือประสบการณ์ที่แทบไม่เคยมีเกมใดที่จะพาเราเข้าไปสำรวจจิตใจของตัวเองและตัวละครได้ลึกซึ้งเท่านี้อีกแล้ว และแม้เวลาจะผ่านไปนานถึง 9 ปี The Last Of Us ก็ยังคงเป็นเกมที่คู่ควรแก่การพูดถึงเหนือกาลเวลา

ไม่เพียงแค่โจเอลและเอลลี่เท่านั้นที่ทำหน้าที่ในการถ่ายทอดเรื่องราวอันน่าจดจำนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ตัวละครอื่นๆ ที่ผ่านเข้ามา ทั้งชั่วคราว และยาวนาน ต่างก็มีเรื่องราวของตัวเองที่น่าจดจำและน่าประทับใจไม่แพ้กัน และล้วนมีบทความต่อการเติบโตของโจเอลและเอลลี่ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น ซาร่าห์ เทสส์ มาร์ลีน บิล ทอมมี่ เดวิด และที่สำคัญคือเฮ็นรี่และแซม

the-last-of-us-part1-rebuilt-on-the-way
Joel, Sam, Ellie และ Henry สู่ปลายทางแห่งความหวังที่ยังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร

The last of Us Part 1 Rebuilt นี้คือเหล้าเก่าในขวดใหม่ ที่ไม่ได้เปลี่ยนเพียงแค่ขวดของมัน แต่ยังสั่งสมเวลาในการหมักให้นานขึ้น เพิ่มรสชาติให้จัดจ้านขึ้นจากงานภาพและสีหน้าท่าทางของตัวละครที่ถูกสร้างใหม่แบบยกชุดจากความตั้งใจของทีมงานผู้ให้กำเนิด The Last of Us ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านี่คือ The Last of Us ในเวอร์ชั่นที่สมบูรณ์และคู่ควรที่สุดที่เกมยอดเยี่ยมเกมนี้จะเป็น และนี่คือการตัดสินใจทุ่มทุน $70 ล้านเหรียญสหรัฐของสตูอิโอ Naughty Dog และ Sony Entertiament ที่ไม่มีอะไรให้ต้องเสียดายเลยแม้แต่น้อย…นี่คือ The Last of Us ที่จะเป็นตำนานต่อไปในคอนโซลยุค Next Gen อย่างแท้จริง

บางเรื่องราวอาจผ่านเข้ามาแล้วจากไป แต่ The Last of Us Part 1 จะเป็นเรื่องราวที่คงอยู่ตลอดไปในใจของผู้รีวิวและเกมเมอร์ทุกคน….

the-last-of-us-part1-rebuilt-joe-sarah-photo
รูปถ่ายแทนใจ และสัญลักษณ์ของการพร้อมที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าของ Joel

 

ข่าว: รีวิว The Last of Us Part 1 การกลับมาใหม่บน PlayStation 5 ของปฐมบทเกมในตำนาน มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.
from:https://www.appdisqus.com/review-the-last-of-us-part-1-rebuilt-for-playstation5/

Dead by Daylight ประกาศโคลาโบกับ Resident Evil นำตัวละครชื่อดังอย่าง Albert Wesker และ Ada Wong มาเป็นตัวละครในอีเวนต์ใหม่

Dead by Daylight ประกาศจับมือกับแฟรนไชส์ Resident Evil เป็นครั้งที่ 2 พร้อมกับเปิดตัว Dead by Daylight: Resident Evil: PROJECT W ที่จะพาผู้เล่นกลับไปสัมผัสความสยองขวัญอีกครั้งในสถานีตำรวจเมือง Raccoon City การจับโคลาโบของ Dead by Daylight กับ Resident Evil ในครั้งนี้จะมาพร้อมกับชุดตัวละครจากในเกม Resident Evil อย่าง Carlos Oliveira, Sheva Alomar และ Hunk

EGS DeadbyDaylightResidentEvilPROJECTWChapter BehaviourInteractive DLC G1A 00 1920x1080-e1b63038156fba9a12e16d767d980cc0

นอกจากนี้ยังมี Albert Wesker มาเป็นตัวละครฝั่งฆาตกรเพิ่มเข้ามาในเกมด้วย โดยชื่อที่ใช้ในเกมก็คือ The Mastermind พลังของตัวละครคือ Virulent Blood ที่ทำให้ตัวละครพุ่งเข้าไปหาศัตรูด้วยความเร็วและจับพวกมันไว้ด้วยเชื้อ Uroboros ส่วนทางฝั่ง Survivor ก็มีตัวละครใหม่อย่าง Ada Wong และ Rebecca Chambers เพิ่มเข้ามาอีกด้วย 

Dead by Daylight: Resident Evil: PROJECT W มีแผนจะปล่อยอัปเดตให้เล่นฟรีๆ กันไปเลยบนเครื่อง PC, PS4, PS5, Xbox One, Xbox Series X/S, Nintendo Switch และ Google Stadia เร็วๆ นี้

ข่าว: Dead by Daylight ประกาศโคลาโบกับ Resident Evil นำตัวละครชื่อดังอย่าง Albert Wesker และ Ada Wong มาเป็นตัวละครในอีเวนต์ใหม่ มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.
from:https://www.appdisqus.com/dead-by-daylight-brings-albert-wesker-as-a-new-killer-as-part-of-resident-evil-collaboration/