คลังเก็บป้ายกำกับ: OPPO_FIND_X3_PRO

หลุดภาพ OPPO Find X3 Pro Photographer Edition คาดเป็นมือถือรุ่นที่ไปจับมือกับ Kodak

จากที่มีข่าวแว่ว ๆ ออกมาว่า OPPO ไปจับมือกับค่าย Kodak เพื่อเตรียมเปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ที่มีดีไซน์อิงจากกล้องแบบคลาสสิคของทาง Kodak เอง ซึ่งล่าสุดก็ได้มีภาพหลุดของมือถือดังกล่าวออกมาแล้ว แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่มือถือรุ่นใหม่แกะกล่องซะแล้ว…เพราะหน้าตาของมันคือ OPPO Find X3 Pro ที่ถูกนำมาเปลี่ยนดีไซน์ใหม่เฉย ๆ และคาดว่าสเปคต่าง ๆ น่าจะยังคงเหมือนเดิมด้วย

สำหรับภาพหลุดของมือถือที่เราได้เห็นกันคราวนี้ ดูจากรูปร่างหน้าตาแล้วก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันคือ OPPO Find X3 Pro มือถือกล้องเทพที่เปิดตัวไปเมื่อช่วงเดือนมีนาคมนี้ ด้วยเอกลักษณ์กล้องหลังบนโมดูลที่นูนออกมาจากตัวเครื่องนั่นเอง จากข้อมูลก่อนหน้าบอกว่า OPPO ได้ไปจับมือกับ Kodak เพื่อเปิดตัวเป็นเวอร์ชั่นพิเศษออกมา ซึ่งจะมีการดีไซน์ตัวเครื่องให้เหมือนกับกล้องถ่ายรูปใช้ฟิล์มรุ่นคลาสสิคอย่าง Kodak 35

โดยตัวเครื่องด้านบนจะมีสีและผิวสัมผัสแบบโลหะด้าน ส่วนด้านล่างเครื่องจะหุ้มด้วยหนังสีดำคล้ายกับกล้องของ Kodak เลยล่ะ แต่สเปคต่าง ๆ แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยออกมาอย่างเป็นทางการแต่ก็คาดว่าน่าจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจาก OPPO Find X3 Pro รุ่นปกติ ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ AMOLED 6.7 นิ้ว ความละเอียด QHD+ รีเฟรชเรท 120Hz, ชิป Snapdragon 888 และกล้องหลัง 4 ตัว ที่ใช้เซนเซอร์ IMX766 ความละเอียด 50MP จำนวน 2 ตัว + กล้อง Telephoto 13MP และกล้องไมโครเลนส์ 3MP

ถึงแม้ว่าเจ้า OPPO Find X3 Pro Photographer Edition (ชื่อยังไม่เป็นทางการ) จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงสเปคส่วนไหนเลย แต่ก็อุตส่าห์ไปจับมือกับ Kodak แบบนี้แล้ว จะมีแค่ดีไซน์แบบกล้องคลาสสิคก็ยังไง ๆ อยู่…ไม่แน่ว่าอาจจะมีการเพิ่มเติมฟิลเตอร์ภาพถ่ายให้ได้อารมณ์แบบกล้อง Kodak เพิ่มเติมมาให้ด้วยก็ได้นะ

สเปค OPPO FIND X3 PRO

  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว, ความละเอียด Quad HD+, อัตรารีเฟรช 120Hz แบบไดนามิก, รองรับการแสดงผล HDR10+
  • CPU : Snapdragon 888
  • RAM : 12GB
  • ความจุ : 256GB
  • กล้องหลัง 4 ตัว
    – กล้องหลัก เซนเซอร์ IMX766 ความละเอียด  50MP (f/1.8), PDAF, EIS
    – กล้อง Ultrawide เซนเซอร์ IMX766 ความละเอียด 50MP (f/2.2), PDAF, EIS
    – กล้อง Telephoto ความละเอียด 13MP (f/2.4)
    – กล้อง Microlens ความละเอียด 3MP (f/3.0)
  • กล้องหน้า : 32MP (f/2.4)
  • การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/ax, NFC, Bluetooth 5.2
  • เซนเซอร์ : Fingerprint (ใต้จอ), accelerometer, gyro, proximity, compass
  • แบตเตอรี่ : 4500mAh, รองรับชาร์จไว 65W
  • มาตรฐานทนน้ำทนฝุ่น IP68
  • ระบบ Android 11 ครอบด้วย Color OS 11.2

ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลว่า OPPO Find X3 Pro Photographer Edition จะมีการเปิดตัวและวางจำหน่ายเมื่อไหร่ เพราะทาง OPPO เองก็ยังไม่ได้ออกมาให้ข้อมูลอะไรเลย แต่ลองมีภาพหลุดออกมาเต็ม ๆ แบบี้แล้ว คาดว่าอาจจะมีการเผยโฉมในอีกไม่นานนี้ก็เป็นได้ครับ

 

ที่มา : Gizmochina 

from:https://droidsans.com/oppo-find-x3-pro-photographer-edition-image-leaked/

OPPO จับมือ Jim Thompson เปิดตัวมือถือเรือธงรุ่นพิเศษ OPPO Find X3 Pro 5G Exclusive Edition

มือถือเรือธงสเปคจัดเต็มอย่าง OPPO Find X3 Pro 5G ที่วางจำหน่ายในบ้านเราไปตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ปกติก็เป็นมือถือที่ดูพรีเมี่ยมอยู่แล้ว แต่ถ้าใครอยากได้อะไรที่มันดูหรูหราเข้าชุดมากกว่าเดิมล่ะก็…ตอนนี้ OPPO ได้ไปจับมือกับแบรนด์ผ้าไหมไทยชื่อดังอย่าง Jim Thompson เปิดตัวเรือธงรุ่นพิเศษ OPPO Find X3 Pro 5G Exclusive Edition ออกมาให้ได้เป็นเจ้าของกันแล้ววันนี้

OPPO Find X3 Pro 5G Exclusive Edition เป็น Set Box รุ่นพิเศษที่นอกจากจะมีตัวเครื่อง Find X3 Pro 5G แล้ว ยังมีผ้าพันคอผ้าไหม และหมวกผ้าแคนวาสสี Two-tone จาก Jim Thompson ที่มีดีไซน์เข้ากั๊นเข้ากันให้มาในกล่องด้วย

สเปค OPPO FIND X3 PRO 5G

  • จอ AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว, ความละเอียด QHD+, รีเฟรชเรท 120Hz, รองรับการแสดงผล HDR10+
  • CPU : Snapdragon 888
  • RAM : 12GB
  • ความจุ : 256GB
  • กล้องหลัง 4 ตัว
    – กล้องหลัก 50MP (ƒ/1.8), เซนเซอร์ภาพ Sony IMX766, All Pixel Omni-Directional PDAF, EIS
    – กล้องอัลตร้าไวด์ 50MP (ƒ/2.2), มุมกว้าง 110.3 องศา, เซนเซอร์ภาพ Sony IMX766, All Pixel Omni-Directional PDAF, EIS
    – กล้องเทเลโฟโต้ 13MP (ƒ/2.4)
    – กล้องไมโครเลนส์ 3MP (ƒ/3.0)
  • กล้องหน้า : 32MP (ƒ/2.4)
  • เครือข่าย : 5G
  • การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/ax, Bluetooth 5.2, USB-C
  • ระบบระบุตำแหน่ง : GPS, A-GPS, GLONASS, BDS, GALILEO, QZSS
  • เซนเซอร์ : Fingerprint, accelerometer, gyro, proximity, compass
  • มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น : IP68
  • แบตเตอรี่ : 4500mAh, รองรับชาร์จไว 65W
  • ระบบ Android 11 ครอบด้วย Color OS 11.2

OPPO Find X3 Pro 5G Exclusive Edition มีราคาอยู่ที่ 33,990 บาท วางจำหน่ายที่ OPPO Super Flagship Store ตั้งอยู่ที่ The Emquatier และ OPPO Biggest Flagship Store ตั้งอยู่ที่ CentralWorld หรือสั่งซื้อผ่านทาง OPPO Brand Shop ใน Facebook เท่านั้น โดยมือถือรุ่นนี้เป็นรุ่นพิเศษที่มีจำนวนจำกัดด้วย ใครสนใจก็อย่าคิดนาน เพราะของหมดแล้วหมดเลยนะ

 

ที่มา : OPPO 

from:https://droidsans.com/oppo-x-jim-thompson-oppo-find-x3-pro-5g-exclusive-edition/

REVIEW | รีวิว OPPO Find X3 Pro บทใหม่แห่งเรือธงระดับพรีเมียม ระบบสี 10-bit | เซนเซอร์กล้องตัวท็อปคู่ | กล้องจุลทรรศน์

วนมาครบกันอีกปีแล้วกับมือถือเรือธงของค่อย OPPO อย่างซีรีส์ Find ซึ่งคราวนี้ OPPO Find X3 Pro ก็ได้เริ่มตำนานฉบับใหม่ กับการสร้างสรรค์มือถือเรือธงที่มีจุดเด่นในแบบของตัว ด้วยสเปคเรือธงระดับแถวหน้าของค่าย งานประกอบที่หรูหรา และระบบกล้องที่ได้รับการดีไซน์มาอย่างดี แล้วประสบการณ์ใช้งานจริง ล่ะจะสมกับชื่อเรือธงพรีเมียมได้หรือไม่ ? วันนี้ Droidsans จะมารีวิว OPPO Find X3 Pro กันครับ

จากประสบการณ์ที่ได้จับมือถือเรือธงมาหลาย ๆ รุ่น การจะรีวิวมือถือเรือธงซักเครื่องนึงต้องบอกเลยว่าเป็นเรื่องที่ยากพอสมควรถ้าเราไม่สามารถหา identity ที่แท้จริงของมือถือเครื่องนั้น ๆ ได้ เวลาที่แบรนด์มือถือใส่ทรัพยากรทุกอย่างเข้าไปในมือถือเครื่องหนึ่ง ผลลัพท์ที่ออกมาก็จะได้เป็นแค่มือถือแรง ๆ เครื่องหนึ่งเท่านั้น แต่สิ่งที่ OPPO พยายามทำอยู่ตอนนี้คือการฉีกตัวเองออกจากตลาด แล้วสร้างสรรค์มือถือเรือธงที่ให้ประสบการณ์ที่ต่างออกไป

แกะกล่อง | UNBOXING

มาเริ่มกันที่ของในกล่องกันก่อนเลย ซึ่งมือถือสมาร์ทโฟนเรือธงสมัยนี้เริ่มมีเทรนด์ไม่แถมหัวชาร์จกันมาบ้างแล้ว แต่ OPPO ผันตัวตามตลาดง่าย ๆ มีแถมหัวชาร์จ SuperVOOC  65W และสายชาร์จ USB-A to C มาให้ในกล่องสามารถหยิบใช้งานได้เลย ตัวกล่องมาเป็นสีเทาขนาดกำลังดีดูพรีเมียมมาก ๆ

ดีไซน์ และการจับถือ

สิ่งแรกที่เห็นกันได้ง่าย ๆ เลยคือเรื่องดีไซน์ และการจับถือ OPPO Find X3 Pro ให้ความรู้สึกที่พรีเมี่ยมทันทีจะแต่แรกที่เริ่มจับถือ ด้วยดีไซน์โดยรวมที่เน้นความโค้งมนเป็นหลักตั้งแตขอบเครื่องไม่จนถึงโมดูลกล้อง เป็นมือถือที่หาขอบคม ๆ ยากมาก ให้ความรู้สึกที่นุ่ม ๆ สบายมือเวลาจับถือ ส่วนที่จับแล้วคมจะมีแค่ตรงปุ่มเพิ่มลดเสียงที่อยู่ด้านซ้ายเท่านั้น (จับ ๆ แล้วแอบลื่นพอสมควร 😂)

มาเริ่มกับฝาหลังที่เป็นจุดเด่นกันก่อนเลยดีกว่า โดย OPPO Find X3 จะมี 2 สีได้แก่ดำ และน้ำเงิน ซึ่ง 2 สีที่วางขายจะสัมผัสฝาหลังที่แตกต่างกัน สีดำใช้เป็นกระจกแวววาว ส่วนสีน้ำเงินใช้เป็นวัสดุ Frosted ขุ่น ๆ ให้ง่ายต่อการจับถือ และทั้ง 2 สีก็มีความสวยงามที่แตกต่างกันไปแล้วแต่ความชอบครับ

ทาง OPPO ได้ย้ำเน้นเรื่องกระบวนการผลิตอันสุดจะซับซ้อนของดีไซน์ฝาหลัง ที่ผ่านกระบวนการหลากหลายขั้นตอนเพื่อจะให้เป็นอย่างที่เห็น ซึ่งก็ต้องยอมจริง ๆ เพราะมันสวยมากโดยเฉพาะบริเวณโมดูลกล้องที่ใช้ชื่อ Gradient Arc Camera นูนขึ้นเป็นเนื้อเดียวกับฝาหลังแบบไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ช่วยให้การจับถือรู้สึกสมูธตลอดตั้งแต่ล่างจรดบน ตบท้ายด้วยโลโก้ OPPO แวว ๆ ด้านล่าง

OPPO ให้ข้อมูลว่าฝาหลังได้ผ่านความร้อนกว่า 700 องศากว่าจะสามารถดัดให้โค้งมนไร้รอยต่อแบบที่เห็นได้ ผนวกด้วย Control Points ทั่วฝาหลังกว่า 2000 จุดเพื่อให้ได้รูปทรงที่แม่นยำสมูธ และพรีเมียมสมกับชื่อเรือธงของค่าย และก็บอกได้เลยว่าเป็นมือถือที่ดีไซน์ฝาหลังยากจะหาใครมาเทียบได้จริง ๆ ครับ

โมดูลกล้องดีไซน์แบบนี้ถึงแม้ว่ามันจะดูสวยงามไร้รอยต่อก็จริง แต่เวลาวางมือถือราบกับโต๊ะ ตัวกล้องจะสัมผัสกับโต๊ะโดยตรงดูไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่ เห็นแบบนี้เอาเคสมาใส่น่าจะปลอดภัยมากกว่า

มองลงมาด้านล่างเราจะเจอกับช่องชาร์จ USB-C ถาดใส่ซิมด้านข้าง และลำโพงที่ทำงานคู่กับลำโพงสนทนาด้านบนเป็นระบบ Stereo เสียงดังใช้ได้ แต่มีข้อสังเกตที่ลำโพงด้านล่างมีเสียงดังกว่าด้านบนเล็กน้อย ส่วนปุ่มเพิ่ม/ลดเสียงก็จะถูกวางอยู่ด้านซ้าย ตรงกันข้ามกับปุ่ม Power

หน้าจอ 10bit QHD+ รีเฟรชเรท 120Hz

ตั้งแต่จับถือครั้งแรกก็ว้าวเลยทีเดียวกับหน้าแสดงผล AMOLED แบบโค้ง ขนาด 6.7 นิ้ว มีกล้องหน้าแบบเจาะรูอยู่มุมบนขวา ความละเอียด QHD+  อัตรารีเฟรช 120Hz แบบไดนามิก ที่จะเปลี่ยนโดยอัตโนมัติตามคอนเท้นต์ที่ดูอยู่ช่วยให้ประหยัดแบตเตอรี่มากขึ้น มาพร้อมกับมาตรฐาน HDR10+ อีกด้วย

หน้าจอของ OPPO Find X3 Pro ยังรองรับค่าสี 10-bit เป็นมาตรฐานเดียวกับที่ใช้งานกันในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ สามารถบันทึกภาพนิ่ง, วิดีโอ, เก็บไฟล์ 10Bit และแสดงผล 10Bit บนหน้าจอได้ มีค่าขอบเขตสีกว้างถึง 1.07 พันล้านสี เลยทีเดียว ไม่ว่าจะดูคอนเทนต์ HDR หรือดูภาพที่ถ่ายมาเองก็มีเฉดสีที่สวยสดเหมือนเห็นด้วยตาจริง ๆ เลยแหละครับ

อัตรารีเฟรชเรท 120Hz ผนวกกับความละเอียดสูงถึง QHD+ ช่วยให้ประสบการณ์ในการใช้งานดีเยี่ยมมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานทั่วไป จนถึงการเสพย์สื่อ และเล่นเกมก็ได้อรรถรสแบบเต็มที่มาก ๆ แถมยังมีความสว่างสูงสุดถึง 1300nit สามารถใช้งานกลางแจ้งได้ไม่มีปัญหาเลย

สเปค และหน่วยประมวลผล 

สำหรับมือถือเรือธงระดับนี้ มันก็ถือว่าเป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้วที่ OPPO Find X3 Pro จะมาพร้อมกับชิปเซ็ตเรือธงตัวแรงประจำปี 2021 อย่าง Snapdragon 888, RAM LPDDR5 ขนาด 12GB และหน่วยความจำ UFS 3.1 ขนาด 256GB ถือว่าให้มาครบครันแบบเต็มที่ใช้งานทั่วไปสบาย ๆ หรือถ้าเป็นสาย Powerhouse เล่นเกมกราฟิกเดือด ๆ ก็ยังสบาย ๆ เลยครับ

Snapdragon888 ทำงานบน OPPO Find X3 Pro ได้อย่างลื่นไหล ซึ่งจากประสบการณ์ใช้งานไม่เคยเจอปัญหาค้างหรือกระตุกให้ได้เห็นเลย การใช้งานทั่วไปลื่นไหลมาก เปิด ปิด หรือสลับแอปพลิเคชันได้อย่างรวดเร็วไม่มีสะดุดเลยครับ

สเปค OPPO FIND X3 PRO

  • จอภาพ : AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว, ความละเอียด QHD+, อัตรารีเฟรช 120Hz แบบไดนามิก, รองรับการแสดงผล HDR10+
  • ชิป : Qualcomm Snapdragon 888
  • หน่วยความจำ : RAM 12GB + ROM 256GB
  • กล้องหลัง : 4 ตัว
    – กล้องหลัก 50MP (ƒ/1.8), เซนเซอร์ภาพ Sony IMX766, All Pixel Omni-Directional PDAF, EIS
    – กล้องอัลตร้าไวด์ 50MP (ƒ/2.2), มุมกว้าง 110.3 องศา, เซนเซอร์ภาพ Sony IMX766, All Pixel Omni-Directional PDAF, EIS
    – กล้องเทเลโฟโต้ 13MP (ƒ/2.4)
    – กล้องไมโครเลนส์ 3MP (ƒ/3.0)
  • กล้องหน้า : 32MP (ƒ/2.4)
  • เครือข่าย : 5G
  • การเชื่อมต่อ :
    – Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/ax
    – Bluetooth 5.2
    – GPS, A-GPS, GLONASS, BDS, GALILEO, QZSS
    – NFC
    – USB Type-C
  • เซนเซอร์ : Fingerprint, accelerometer, gyro, proximity, compass
  • แบตเตอรี่ : 4500mAh, รองรับชาร์จไว 65W
  • ความทนทาน :
    – กระจกหน้าจอ Corning Gorilla Glass 5
    – กันน้ำและฝุ่น IP68
  • ระบบปฏิบัติการ : Color OS 11.2 บนพื้นฐาน Android 11

ทดสอบการเล่นเกมบน OPPO FIND X3 PRO

ส่วนในเรื่องของการเล่นเกมก็ได้มีการทดสอบด้วยสุดยอดเกม Benchmark ภาพสวยอลังการอย่าง Genshin Impact ก็สามารถปรับภาพความละเอียดสูง การตั้งค่ากราฟิกสูงสุด และโหมด 60FPS ก็สามารถเล่นได้นิ่ง ๆ ตลอดเวลาเลยครับ แต่มีข้อสังเกตอยู่ที่แบตเตอรี่ไหลมาก ๆ (มันเป็นเกมที่กินแบตอยู่พอตัวอยู่แล้ว) กับเครื่องที่เริ่มมีความร้อนสะสมบริเวรโมดูลกล้องหลังจากใช้งานได้ราว ๆ 30 นาที

สำหรับเกมที่กินสเปคน้อยลงมาหน่อยอย่าง League of Legends: Wild Rift ก็สามารถเล่นได้ 60FPS ประภาพสุดอลังได้อย่างไม่มีปัญหาไม่ว่าจะเป็นช่วงฟาม หรือช่วงไฟท์ใหญ่ ๆ ก็ไม่มีการอาการกระตุกหรือเฟรมตกให้เห็นเลย การสัมผัสลื่นไหลตอบสนองได้ไวด้วย Touch Sampling 240Hz ทัชติดมือไม่มีเพี้ยนแน่นอน ซึ่งสำหรับเกมอื่น ๆ อย่าง ROV หรือ PUBG ก็สามารถรันได้ไม่มีปัญหาเช่นเดียวกัน

อีกหนึ่งฟีเจอร์ในการเล่นเกมที่น่าพูดถึงของ ColorOS ก็จะเป็น Quick Return Bubble เมื่อผู้ใช้งานเล่นเกมอยู่แล้วออกเกม จะมีเป็นลูกแก้วลอย คอยบอกสถานะต่าง ๆ ในเกม เช่น PUBG เมื่อผู้เล่นเข้าไปในเกมอยู่ในช่วงรอกระโดดร่ม 1 นาทีครึ่ง ตัว Bubble ก็จะมีนาฬิกานับถอยหลังให้ หรือถ้าเป็น ROV เวลาผู้เล่นตายเมื่อออกมาก็จะมีการรับถอยหลังเวลาเกิดให้ ไม่พลาดจังหวะสำคัญ ๆ แน่นอน

ประสบการณ์ใช้งาน และอินเทอร์เฟซ

ถัดมาในเรื่องของประสบการณ์ใช้งาน และอินเทอร์เฟซต่าง ๆ OPPO Find X3 Pro ก็มาพร้อมกับ Color OS 11.2 บนพื้นฐาน Android 11 ซึ่งหน้าตาโดยรวมก็จะเอนไปทางรูปทรงสีเหลี่ยมมากกว่าเห็นได้ชัดจาก Icon ของแถบแจ้งเตือนที่เป็นสีเหลี่ยมขอบมน ๆ มีความสวยงามไปอีกแบบต่างจากระบบปฎิบัติการณ์อื่น ๆ อย่าง MIUI หรือ OneUI

คนที่ใช้งาน ColorOS เป็นประจำอยู่แล้วก็น่าจะคุ้นเคยกับหน้าตาแบบนี้ดี แต่สำหรับผมส่วนตัวยังไม่ค่อยชอบดีไซน์รูปทรงสี่เหลี่ยมแบบนี้เท่าไหร่ครับ

สำหรับหน้า Home ตามแบบฉบับของ ColorOS ก็จะเป็นแบบไม่มี App Drawer อยู่แล้ว ซึ่งผู้ใช้งานคนไหนที่ถนัดแบบ App Drawer มากกว่าก็สามารถเข้าไปเปลี่ยนที่หน้า Settings ได้ โดยจากที่ใช้ ๆ มาก็ถือว่าเป็นหน้า Home ที่ลื่นไหล คลีน ๆ ใช้งานสะดวก ลากไปทางซ้ายสุดก็จะสามารถเปิดหน้า Google Discovery ขึ้นมาได้

ColorOS ก็มาพร้อมกับฟีเจอร์ Gesture ต่าง ๆ ที่จะเข้ามาช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์แคปหน้าจอด้วยการลาก 3 นิ้ว และฟังก์ชัน Screen-off gesture ที่สามารถให้ผู้ใช้งานลาก Gesture เป็นรูปตัว V หรือ O เพื่อเรียกใช้กล้อง หรือไฟฉายได้อย่างรวดเร็ว

ส่วนที่ถูกใจที่สุดก็น่าจะเป็น Live Wallpaper ที่ทาง OPPO เลือกสรรค์มาเป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็นภาพที่เปลี่ยนตามเวลา ภาพที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนหน้าจอ อนิเมชั่นที่เล่นตามจุดที่สัมผัส หรือจะเป็นแบบที่เล่นกับ Gyroscope ก็มีนะครบและสวยงามมาก ๆ

ถือว่าเป็นการใช้หน้าจอสเปคสุดเทพตัวนี้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จริง ๆ แล้วใจก็รู้นะว่ามันเปลืองแบตเตอรี่แต่มันสวยจนต้องยอม ใช้แล้วรู้สึกเลยว่าหน้าจอ OPPO Find X3 สีสวยสดเป็นธรรมชาติมาก ๆ ยิ่งถ้าจัดหน้า Home ให้โล่งจะยิ่งสวยเข้าไปใหญ่เลยครับ

สุดยอดกล้อง 4 ตัวเหมารวมทุกระยะ ถ่ายสวยทุกสถานการณ์

มาถึงจุดที่เป็นไฮไลท์หลักของ OPPO Find X3 Pro เลยอย่างเรื่องกล้องที่ให้มาด้วยกันถึง 4 ตัวได้แก่

  • กล้องหลัก 50MP (ƒ/1.8), เซนเซอร์ภาพ Sony IMX766, All Pixel Omni-Directional PDAF, EIS
  • กล้องอัลตร้าไวด์ 50MP (ƒ/2.2), มุมกว้าง 110.3 องศา, เซนเซอร์ภาพ Sony IMX766, All Pixel Omni-Directional PDAF, EIS
  • กล้องเทเลโฟโต้ 13MP (ƒ/2.4)
  • กล้องไมโครเลนส์ 3MP (ƒ/3.0)

ความเจ๋งของกล้องชุดนี้อยู่ที่การใช้เซนเซอร์ IMX766 ที่เป็นเซนเซอร์หลักให้กับกล้อง 2 ตัวได้แก่กล้องหลัก 50MP และกล้อง Ultra-wide 50MP ซึ่งเป็นเซนเซอร์ขนาดใหญ่ถึง 1/1.56 นิ้ว รับแสงได้มาก ความละเอียดสูงแม้จะถ่ายในที่แสงน้อย แถมภาพที่ได้จากทั้ง 2 เลนส์ก็มีคาแรคเตอร์ที่เหมือนกันมาก ๆ

กล้องหลักมีฟีเจอร์ในการถ่ายภาพแบบ บันทึกภาพแบบ RawPlus 10-bit ช่วยให้ขอบเขตสีที่กว้างสามารถเอาไปแต่งได้อย่างอิสระ แถมยังสามารถถ่ายวิดีโอความละเอียด 4K แบบ 10-bit ได้ทั้งฟอร์แมต LOG และ HDR ในสเปกตรัมสี BT.2020 อีกด้วย

ในเรื่องผลลัพท์รูปที่ออกมาได้ก็ไม่ต้องพูดอะไรมากเลยกับสเปคกล้องระดับนี้ ภาพถ่ายมีรายละเอียดคมชัด Dynamic Range ดีแม้กระทั่งสภาพย้อนแสง ไฮไลท์ และเงาไม่เสียรายละเอียด สไตล์สีภาพออกไปทางคอนทราสต์ที่สูงหน่อยทำให้สีออกสดหน่อย ๆ แต่ถ้าชอบภาพแนวนี้ก็เยี่ยมเลยครับ

ภาพกล้องทั่วไป
























ภาพ 10 bit ผ่านการแต่ง

ทางด้านของ 10bit ก็ได้มีการทดสอบแต่งโทนสีต่าง ๆ จากแอปที่ติดมากับ ColorOS ซึ่งก็ให้เครื่องมือมาเยอะพอสมควรเลย ผลลัพท์ที่ออกมาคือไฟล์ภาพมีความยืดหยุ่นมาก ๆ สามารถปรับค่าแสงต่าง ๆ ได้อย่างอิสระโดยที่ไม่เสียรายละเอียด


 


 


ภาพ RAW+ 10 bit ผ่านการแต่ง Lightroom

ส่วนของ RAW+ ที่ไม่สามารถใช้แอปที่ติดมาในการปรับแต่งได้ จึงจำเป็นต้องใช้ Lightroom Mobile ในการแต่งแทนซึ่งบอกเลยว่าว้าวมาก ๆ ภาพแรกที่ถ่ายมาจะออกตุ่น ๆ เหมือนไฟล์ RAW กล้อง Cinema สามารถเอามาปรับสีเพิ่มได้เยอะมาก ๆ ซึ่งเพื่อการทดสอบผมก็ได้ทำการแต่งแบบสีจัด ๆ เพื่อที่จะดูศักภาพของไฟล์ภาพ สามารถดูรูปตัวอย่างได้ด้านล่างเลยครับ


 


 


Nightmode

สำหรับไนท์โหมดก็ทำออกมาได้น่าพอใจทีเดียว ตัวกล้องเดิมทีก็สามารถถ่ายที่มืดได้ดีพอสมควรอยู่แล้ว เวลาเปิด Night Mode ตัวแอปกล้องจะทำการเพิ่ม Sharpen ให้ภาพคมขึ้น ดึง Highlight โดยรวมให้ภาพดูสว่างขึ้น ข้อดีของมันก็คือถ่ายกลางคืนไม่ได้ออกมาสว่างเป็นกลางวัน ยังคงสเน่ห์ความเป็นภาพกลางคืนอยู่ครับ












กล้องหน้า Selfie





 

สำหรับกล้องหน้า Selfie ก็ไม่มีอะไรจะติจริง ๆ ครับ มาพร้อมฟีเจอร์ Beauty Mode ที่ครบครันเอาใจสายชอบถ่ายเซลฟี่ สี ความละเอียด และ Skin tone ก็ทำออกมาได้น่าพอใจมาก ๆ ครับ

กล้อง Microscope











 

เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์สุดเจ๋งที่ไม่มีมือถือเครื่องไหนในตลาดตอนนี้มี กับกล้อง Microscope ที่ซูมได้สูงสุดถึง 60x แบบชัดถึงรูขุมขน (รูขุมขนจริง ๆ ครับ) ซึ่งตัวกล้อง Microscope ตัวนี้จะต้องเลนส์ไปเกือบชิดเข้ากับสิ่งของที่ต้องการถ่าย แล้วตัวกล้องรอบ ๆ จะมีวงแหวน LED อยู่ช่วยให้สามารถถ่ายภาพซูมแบบใกล้มาก ๆ เหมือนกล้องจุลทรรศน์ เลยครับ แต่มีข้อจำกัดอยู่ที่ตัวกล้องใช้งานได้ยาก ต้องคอยหาสิ่งของที่มีผิวสัมผัสเยอะ ๆ เพื่อที่จะได้ภาพที่สวยงาม แถมในชีวิตประจำวันก็หยิบออกมาใช้ค่อนข้างน้อยด้วย

แบตเตอรี่

ถัดมาในเรื่องของแบตเตอรี่ OPPO Find X3 Pro ก็มีมาให้ถึง 4500mAh ใช้งานอึด ๆ สบายตลอดทั้งวันไม่ว่าจะใช้งานธรรมดา ดูหนัง หรือเล่นเกมหนัก ๆ ก็เอาอยู่ทุกสไตล์เลยครับ มาพร้อม VOOC Flash Charge 2.0 65W ไวมาก ๆ อีกทั้งยังรองรับฟีเจอร์ AirVooc ชาร์จไร้สาย 30W อีกด้วย ถือว่าครอบคลุมทุกเทคโนโลยีการชาร์จเลย

สรุป

OPPO Find X3 Pro ก็ถือว่าทำออกมาได้สมน้ำสมเนื้อกับคำว่าเป็นมือถือเรือธงระดับพรีเมียม การใช้งานทั่วไปลื่นไหลไม่มีสะดุด วัสดุการออกแบบต่าง ๆ ก็เอามาแบบจัดเต็ม สวยงามไม่เหมือนใคร แถมที่เจ๋งที่สุดคือระบบกล้อง และจอ 10Bit ที่ช่วยให้ภาพสีสันสดใสเป็นธรรมชาติอีกด้วย แต่อาจจะมีข้อสังเกตอยู่ที่ ColorOS ที่ส่วนตัวแล้วยังไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่ กับมอเตอร์สั่น Heptic ที่ให้ความรู้สึกเหมือนสปริงหลวมสู้เจ้าอื่นไม่ได้ ทำให้ประสบการณ์การใช้งานยังขาดอะไรบางอย่างไปอยู่ แต่นอกเหนือจากที่กล่าวมาแล้ว OPPO Find X3 Pro ถือว่าเป็นมือถือเรือธงพรีเมียมที่น่าจับตามองมาก ๆ ครับ

ข้อดี

  • Snapdragon 888 ระดับแถวหน้าของวงการ เร็วแรงทุก ๆ การใช้งาน
  • หน้าจอ AMOLED 120Hz ที่ลื่นไหลพร้อมมาตรฐานสี 10bit
  • ดีไซน์สวยงามดูพรีเมียมไม่เหมือนใคร
  • กล้องให้มาครบครันเซนเซอร์หลัก 2 ตัวสวยทุกระยะ
  • กล้อง Microscope เจ้าแรก และยังไม่มีใครมี

ข้อสังเกต

  • ฝาหลังเป็นรอยนิ้วมือง่ายมาก ๆ (เฉพาะสีดำนะ)
  • หน้าตา UI ของ ColorOS ที่ส่วนตัวคิดว่ายังไม่สวยเท่าไหร่
  • ระบบสั่นยังไม่ละมุน

from:https://droidsans.com/oppo-find-x3-pro-review/

เปรียบเทียบ iPhone 12 Pro Max, Galaxy S21 Ultra, OPPO Find X3 Pro และ OnePlus 9 Pro สเปคเรือธงทั้งหมด เลือกซื้อรุ่นไหนดี

สมาร์ทโฟนเรือธงต้นปี 2021 เปิดตัวกันแทบจะครบหมดแล้ว ไม่ว่าจะ Galaxy S21 Ultra, OPPO Find X3 Pro และ OnePlus 9 Pro น้องใหม่เรือธงที่เพิ่งเปิดตัวไปหมาด ๆ เมื่อคืน วันนี้ทาง DroidSans ก็เลยนำเจ้ามือถือไฮเอนด์ทั้ง 3 รุ่น จับมาชนกับ iPhone 12 Pro Max ลูกรักของ Apple เทียบสเปคกันแบบตัวต่อตัว วัดกันไปเลยว่าในราคาค่าตัว 3 หมื่นบวก ๆ สมาร์ทโฟนรุ่นไหนจะคุ้มค่าคุ้มราคาที่สุด

หน้าจอแสดงผล

iPhone 12 Pro Max, Galaxy S21 Ultra, OPPO Find X3 Pro และ OnePlus 9 Pro ต่างมาพร้อมกับหน้าจอประเภท OLED ด้วยกันทั้งสิ้น โดยเรือธงจากฝั่ง Android จะใส่ค่ารีเฟรชเรทมาให้แบบจุก ๆ ที่ 120Hz ขณะที่ iPhone 12 Pro Max กลับให้มาเพียงแค่ 60Hz เท่านั้น

เรื่องความละเอียดของหน้าจอ ก็เหมือนจะเป็นอีกหนึ่งจุดด้อยของ iPhone 12 Pro Max เพราะ Apple ให้มาเพียงแค่ Full HD+ เท่านั้น ในส่วนของ Galaxy S21 Ultra, OPPO Find X3 Pro และ OnePlus 9 Pro ต่างให้มาที่ Quad HD+ ซึ่งเริ่มจะเข้ามาเป็นมาตรฐานของมือถือเรือธงสมัยนี้ไปแล้ว

สเปคของกระจกนิรภัยที่ครอบทับจอ OLED อีกที อันนี้ Galaxy S21 Ultra และ iPhone 12 Pro Max กินขาด เพราะได้ Gorilla Glass Victus ตัวล่าสุดและ Ceramic Shield มาช่วยปกป้องหน้าจอให้ทนต่อแรงขีดข่วนและแรงตกกระแทกกว่าเดิม เมื่อเทียบกับกระจกชนิดอื่น ๆ ทั่วไป ส่วน OPPO Find X3 Pro และ OnePlus 9 Pro สองพี่น้อง ยังคงใช้ Gorilla Glass รุ่นเก่าอยู่

หน้าจอ OLED ของฝั่งเรือธง Android จะมาเป็นแบบ LTPO ด้วยกันทั้งหมด กล่าวง่าย ๆ คือ ระบบจะคอยปรับรีเฟรชเรทให้อัตโนมัติอิงตามคอนเทนต์ที่เปิดใช้งานอยู่ ณ ตอนนั้น ๆ แต่ถ้าให้วัดกันจริง ๆ OnePlus 9 Pro จะมีสเปคยิบย่อยที่โหดที่สุด เพราะทางบริษัทเคลมว่ามือถือพวกเขาสามารถปรับรีเฟรชเรทลงไปได้ต่ำสุดที่ 1Hz เลยทีเดียว ต่างจากฝั่ง OPPO และ Samsung ที่ปรับลงได้ต่ำสุดที่ 5Hz และ 10Hz ตามลำดับ

Galaxy S21 Ultra, OPPO Find X3 Pro และ OnePlus 9 Pro รองรับการแสดงผลแบบ HDR10+ ทิ้ง iPhone 12 Pro Max ให้รองรับแค่ HDR10 อยู่รุ่นเดียว ซึ่งว่ากันตามตรง HDR10 ไม่ได้ถือว่าแย่นะ แต่แค่มันดีไม่เท่ากับ HDR10+ เท่านั้นเอง

ความแตกต่างระหว่างจอ HDR10 กับ HDR10+

ประสิทธิภาพความแรงตัวเครื่อง

สมาร์ทโฟนทั้ง 4 รุ่น ต่างขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ตตัวเรือธงสถาปัตยกรรมการผลิตขนาด 5 นาโนเมตรด้วยกันทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น Exynos 2100 ของ Galaxy S21 Ultra หรือ Snapdragon 888 ที่ OPPO Find X3 Pro และ OnePlus 9 Pro นำไปใช้ แต่ถ้าให้วัดกันที่แบบความแรงจริง ๆ ตรงนี้ Apple A14 Bionic บน iPhone 12 Pro Max กินขาดแบบไม่เห็นแม้กระทั้งฝุ่น

คือไม่ใช่ว่า Exynos 2100 และ Snapdragon 888 ไม่ดีนะ เพียงแต่ว่า A14 Bionic ของ Apple มันแรงกว่าเยอะมากจริง ๆ ถ้าจะให้เทียบแบบเห็นภาพ ก็เหมือนเอามหาเศรษฐีหลักพันล้านมาเทียบทรัพย์สินกัน คือแค่นี้ก็รวยมาก ๆ แล้ว แต่ว่า A14 Bionic กลับเป็นมหาเศรษฐีแสนล้าน – ล้านล้านนี่แหละ รวยกว่า แรงกว่า

ถ้าจะเอาไปเล่นเกมกราฟิกโหด ๆ อันนี้มั่นใจว่ารุ่นไหนใน 4 ตัวนี้ก็เอาไปเล่นได้แบบสบาย ๆ ไม่มีกระตุกแน่ ๆ ยิ่งการใช้งานทั่วไปไม่ต้องพูดถึงเลย หายห่วง และถ้าใครกังวลว่า Exynos 2100 แก้ปัญหาเรื่องความร้อนหรือยัง อันนี้จากประสบการณ์ที่ใช้ Galaxy S21+ มา ก็พบว่าเครื่องมันไม่ค่อยร้อนแล้วนะ ดีกว่าเดิมเยอะมาก ๆ อย่างไรก็ตาม การจัดการความร้อนบน A14 Bionic และ Snapdragon 888 ก็ยังดีกว่าอยู่ดี

น่าเสียดายมาก ๆ ที่ทั้ง iPhone 12 Pro Max, Galaxy S21 Ultra, OPPO Find X3 Pro และ OnePlus 9 Pro ไม่สามารถใส่ microSD Card เพิ่มหน่วยความจำได้ ขณะที่หน่วยความจำใช้เป็นตัวท็อปทั้งหมด UFS 3.1 ของฝั่ง Android และ NVMe ของ Apple

กล้องถ่ายรูป

ทั้ง iPhone 12 Pro Max, Galaxy S21 Ultra, OPPO Find X3 Pro และ OnePlus 9 Pro ต่างมากับกล้องหลัง 4 ตัวทั้งหมด โดยถ้ามองกันในแง่ของสเปคกระดาษ จะเห็นว่า Galaxy S21 Ultra กล้องจัดเต็มกว่าใครเพื่อนเลย ทั้งเซ็นเซอร์หลัก 108MP กล้อง Tele ซูมแบบ Optical ได้ 10x ส่วน iPhone 12 Pro Max ก็ไม่น้อยหน้า เพราะมีระบบกันสั่นแบบ Sensor-Shift ที่ประสิทธิภาพดีกว่าระบบกันสั่นแบบ OIS หรือ EIS อยู่หลายเท่าตัวเลย

ขณะที่ OPPO Find X3 Pro จะมากับเซ็นเซอร์หลัก 2 ตัว ความละเอียด 50MP ทั้งคู่ และรอบนี้มีไฮไลท์เด็ด ๆ ก็คือกล้อง Micro Lens กำลังขยาย 60 เท่า เรียกว่าเห็นกันรูขุมขนกันเลยทีเดียว

ส่วน OnePlus 9 Pro รอบนี้ก็เหมือนจะจัดเต็มเรื่องกล้อง หวังจะทำคุณภาพออกมาให้ทัดเทียมกับคู่แข่ง หลังไปจับมือกับ Hasselblad บริษัทกล้องสัญชาติสวีเดน ให้เข้ามาช่วยคาริเบรตสีให้สมจริงเหมือนกับตาเห็นที่สุด ใช้เซ็นเซอร์หลักสองตัวเหมือนกับฝั่ง OPPO Find X3 Pro

Galaxy S21 Ultra และ OnePlus 9 Pro สามารถถ่ายวิดีโอได้สูงสุดที่ความละเอียด 8K @30FPS ส่วน OPPO กับ Apple จะรองรับเพียงแค่ 4K @60FPS เท่านั้น ซึ่งในเคสของ Find X3 Pro ถือว่าแปลกมาก ๆ เพราะเซ็นเซอร์ก็ความละเอียดตั้ง 50MP แต่ดันถ่าย 8K ไม่ได้ซะงั้น

แบตเตอรี่

เรือธงจากฝั่ง Android มากับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่จุก ๆ ด้วยทั้ง 3 รุ่น ไล่ตั้งแต่ OPPO Find X3 Pro และ OnePlus 9 Pro ที่มีแบตขนาด 4,500 มิลลิแอมป์มาให้ ส่วน Galaxy S21 Ultra เล่นใหญ่ อัดมาให้แบบเต็ม ๆ 5,000 มิลลิแอมป์ ขณะที่ iPhone 12 Pro Max นั้นให้แบตมาเพียงแค่ 3,687 มิลลิแอมป์เท่านั้น

แต่จะไปเปรียบเทียบแบตของ iPhone กับ Android รุ่นอื่น ๆ มันก็ดูจะไม่ค่อยแฟร์ซักเท่าไหร่ เพราะว่ากันตามตรงว่าระบบจัดการพลังงานของ iOS 14 และความเทพของ A14 Bionic นั้นเหนือกว่าระบบอื่น ๆ ไปอีกขั้น ทำให้ถึงเวลาใช้งานจริง ๆ iPhone 12 Pro Max แทบจะใช้งานได้ยาวพอ ๆ กับ (เผลอ ๆ นานกว่า) มือถือเรือธง Android ทั่วไปเลย

ระบบชาร์จไว

ส่วนเรื่องระบบชาร์จแบต อันนี้ต้องยอมฝั่ง OPPO และ OnePlus เขาจริง ๆ เพราะเรือธงของทั้งสอง มาพร้อมกับระบบชาร์จไวสุดแรง 65W ชาร์จแบตไม่ถึง 30 นาทีก็แบตเต็มแล้ว แถมยังมีหัวชาร์จมาให้เลยในกล่องไม่ต้องซื้อเพิ่มอีกต่างหาก

ขณะที่ Galaxy S21 Ultra และ iPhone 12 Pro Max จะรองรับชาร์จไวเพียงแค่ 25W และ 20W เท่านั้น…ยิ่งไปกว่านั้น มือถือจากทั้งสองค่ายก็ไม่มีหัวชาร์จแถมมาในกล่องอีกด้วย ต้องซื้อแยกทีหลัง

มาถึงเรื่องระบบชาร์จไวแบบไร้สาย หรือ Wireless Charging อันนี้ OnePlus 9 Pro ยืนหนึ่ง เพราะรองรับความเร็วถึง 50W (ไวกว่ามีสายของบางเจ้าด้านบนซะอีก) ส่วน OPPO Find X3 Pro, Galaxy S21 Ultra และ iPhone 12 Pro Max จะรับได้สูงสุดแค่ 30W และ 25W ตามลำดับ

มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น

แน่นอนว่าเรือธงทั้ง 4 รุ่น ต่างมากับมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68 ทั้งหมด ก็คือจะสามารถเอาไปแช่น้ำจืดที่ความลึก 1.5 เมตรได้นาน 30 นาที …แต่ในส่วนนี้ IP68 ของ iPhone 12 Pro Max จะเหนือกว่า IP68 ทั่ว ๆ ไป เพราะจะสามารถไปแช่น้ำจืดได้ลึกถึง 6 เมตรในระยะเวลาเท่า ๆ กัน

ตารางเปรียบเทียบสเปค iPhone 12 Pro Max, Galaxy S21 Ultra, OPPO Find X3 Pro และ OnePlus 9 Pro

iPhone 12 Pro Max Galaxy S21 Ultra OPPO Find X3 Pro OnePlus 9 Pro
หน้าจอ Super Retina XDR Dynamic AMOLED 2X AMOLED
Fluid 2.0 AMOLED
ขนาด 6.7 นิ้ว 6.8 นิ้ว 6.7 นิ้ว
ความละเอียด Full HD+ Quad HD+
รีเฟรชเรท 60Hz 10 – 120Hz 5 – 120Hz 1 – 120Hz
ชิปเซ็ต A14 Bionic Exynos 2100
Snapdragon 888
RAM 6GB 12GB / 16GB 8GB / 12GB 8GB / 12GB
ความจุ 128GB / 256GB / 512GB 256GB 128GB / 256GB
กล้องหลัง 4 ตัว

Wide: 12MP f/1.6 dual pixel PDAF, Sensor-Shift

Ultra-Wide: 12MP f/2.4

Telephoto: 12MP f/2.2 PDAF, OIS, Optical Zoom 2.5x

ToF: 3D LiDAR

4 ตัว

Wide: 108MP f/1.8 PDAF, Laser AF, OIS

Ultra-Wide: 12MP f/2.2 dual pixel PDAF

Telephoto: 10MP f/2.4 dual pixel PDAF, OIS, Optical Zoom 3x

Periscope Telephoto: 10MP f/4.9 dual pixel PDAF, OIS, Optical Zoom 10x

4 ตัว

  • Wide: 50MP f/1.8 PDAF รอบทิศทาง, OIS
  • Ultra-Wide: 50MP f/2.2 PDAF รอบทิศทาง
  • Telephoto: 13MP Optical Zoom 2x PDAF
  • MicroLens: 3MP f/3.0
4 ตัว

Wide: 48MP f/1.8 PDAF รอบทิศทาง, Laser AF, OIS

Ultra-Wide: 50MP f/2.2

Telephoto: 8MP f/2.4 PDAF, OIS, Optical Zoom 3.3x

Mono: 2MP f/2.4

กล้องหน้า 12MP f/2.2 40MP f/2.2 32MP f/2.4 16MP f/2.4
เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ไม่มี (ใช้ Face ID แทน) ใต้หน้าจอ (Ultrasonic)
ใต้หน้าจอ (Optical)
การเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6e, dual-band, hotspot Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6e, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot
ลำโพง สเตอริโอ
มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68
แบตเตอรี่ 5,000 mAh 4,500 mAh
ระบบชาร์จไว 20W 25W 65W
ระบบชาร์จไร้สาย 15W 30W 50W
ระบบปฏิบัติการ iOS 14.4 One UI 3.1 ColorOS 11.2 OxygenOS 11
ราคาเริ่มต้น 39,900 บาท 33,990 บาท ยังไม่ประกาศ

 

สรุปซื้อรุ่นไหนคุ้มกว่ากัน?

รวม ๆ แล้ว ไม่ว่าจะเลือกซื้อรุ่นไหน ก็ถือว่าได้สเปคและฟีเจอร์มาแบบครบ ๆ เต็ม ๆ ไม่มีกั๊กเหมือนกันหมด เหมือนว่าแต่ละรุ่นจะมีจุดเด่นจุดด้อยที่แตกต่างกันออกไปซะมากกว่า ใครอยากได้ระบบลื่นไหลไม่มีบั๊คเยอะ อาจจะต้องมอง iPhone 12 Pro Max แต่ก็แลกมากับหน้าจอที่ไม่ได้ดีเด่นเท่ากับรุ่นอื่น ๆ

หรือใครอยากได้กล้องดี ๆ ก็อาจจะต้องหันไปหา Galaxy S21 Ultra แต่ก็ต้องใช้ชิป Exynos 2100 ที่ระบบจัดการความร้อนยังเป็นรอง Snapdragon 888 และ A14 Bionic อยู่ …(เว้นแต่จะไปหิ้วเครื่องนอกที่ใช้ Snapdragon 888 มาใช้)

ส่วน OPPO Find X3 Pro กับ OnePlus 9 Pro ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะ OPPO เนื่องจากรอบนี้พวกเขาทำการบ้านมาดีมาก ๆ บวกกับระบบ ColorOS เวอร์ชั่นล่าสุดก็มีความเป็น Stock Android มากขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก ขณะที่ OnePlus 9 Pro นี่ถือว่าดีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แถมครั้งนี้ได้ Hasselbald มาตีบวกเรื่องคุณภาพกล้องอีกต่าง

 

 

from:https://droidsans.com/iphone-12-pro-max-galaxy-s21-ultra-oppo-find-x3-pro-oneplus-9-pro-specs-compare/

รวมโปรจอง OPPO Find X3 Pro จาก AIS, TrueMove H, dtac, Lazada, Shopee และ JD Central ของแถมอย่างเยอะ ผ่อน 0% นานสุด 36 เดือน

เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ OPPO Find X3 Pro มือถือเรือธงตัวใหม่ประจำค่ายที่คราวนี้อัดสเปคมาแน่นจัดเต็มกว่าเดิมแบบสุด ๆ โดยเฉพาะเรื่องกล้องที่ไม่ว่าจะการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอก็บันทึกเป็นไฟล์ 10-BIT กล้องหลังมาโครกำลังขยาย 60 เท่า เห็นชัดยันเส้นใยผ้า ซึ่งถือว่าเป็นมือถือเรือธงที่มีลูกเล่นฟีเจอร์ใหม่ ๆ เพียบ รายละเอียดโปรจองของแถมแต่ละค่ายจะเป็นไงบ้างมาดูกันครับ

ราคาเปิดตัว OPPO Find X3 Pro

สำหรับ OPPO Find X3 Pro ที่เปิดตัวไปจะมีสเปคเดียว ความจุเดียวให้เลือก คือ RAM 12GB + Storage 256GB  มีสอง 2 สีคือ Gloss Black (Glossy glass) และ Blue (AG glass) โดยมีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 33,990 บาทครับ พรีออร์เดอร์ช่วงนี้รับฟรี OPPO Premium Gift Set (บัตร E-VIP Card กันจอแตก + Kevlar Case + แทนชาร์จไร้สาย 45W) มูลค่ารวม 13,498 บาท

รวมโปร OPPO Find X3 Pro

โปร AIS

เริ่มต้นโปรจากค่าย AIS ซึ่งได้เปิดสั่งซื้อล่วงหน้า OPPO Find X3 Pro ได้ตั้งแต่วันนี้ – 2 เม.ย. 2564 โดยมีส่วนลดสูงสุดถึง 15,000 บาท หรือมีราคาเริ่มต้นเพียง 18,990 บาทเท่านั้น แถมผ่อน 0% นานสูงสุด 36 เดือน พร้อมรับฟรี OPPO Premium Gift Set, สิทธิ์ใช้ AIS 5G Service, แว่น AIS 5G VR Port ฟรี,  YouTube Premium นาน 6 เดือน และ AIS Play Premium นาน 3 เดือนฟรี โดยจะเริ่มรับเครื่องวันที่ 3 เม.ย. 2564 เป็นต้นไป

โปรลูกค้า Serenade อายุการใช้งาน 1 ปีขึ้นไป

รุ่น ราคาปกติ ส่วนลด ราคาพิเศษ แพ็กเกจเริ่มต้น
OPPO Find X3 Pro 33,990 9,000 24,990 899
11,000 22,990 1,199
12,500 21,490 1,399
  • ต้องเป็นลูกค้า Serenade (Platinum , Gold และ Emerald) ก่อน 15 ก.พ. 2564
  • ไม่ต้องจ่ายค่าบริการล่วงหน้า
  • ติดสัญญาการใช้งาน 12 เดือน
  • ติดสัญญาการใช้งาน 24 เดือน สำหรับเครื่องราคาพิเศษ พร้อมแพ็กเกจหลักขั้นต่ำ 899 บาท
  • แถม OPPO Premium Gift Set + แว่น AIS 5G VR PORT

โปร Best Buy ลูกค้า AIS อายุการใช้งาน 1 ปีขึ้นไป

รุ่น ราคาปกติ ส่วนลด ราคาพิเศษ แพ็กเกจเริ่มต้น
OPPO Find X3 Pro 33,990 6,000 25,990 899
10,000 23,990 1,199
11,500 22,490 1,399
  • ไม่ต้องจ่ายค่าบริการล่วงหน้า
  • ติดสัญญาการใช้งาน 12 เดือน
  • ติดสัญญาการใช้งาน 24 เดือน  สำหรับเครื่องราคาพิเศษ พร้อมแพ็กเกจหลักขั้นต่ำ 899 บาท
  • แถม OPPO Premium Gift Set + แว่น AIS 5G VR PORT

โปร Hot Deal เครื่องราคาพิเศษ

รุ่น ราคาปกติ ส่วนลด ราคาพิเศษ แพ็กเกจเริ่มต้น ชำระล่วงหน้า
OPPO Find X3 Pro
33,990 8,000 25,990 899 2,000
10,000 23,990 1,199 2,500
11,500 22,490 1,399 3,000
15,000 18,990 1,699 6,000
  • ติดสัญญาการใช้งาน 12 เดือน
  • เฉพาะลูกค้าย้ายค่ายเบอร์เดิม รับส่วนลดเพิ่ม 1,000 บาท
  • ค่าบริการล่วงหน้าจะแบ่งคืนนาน 12 เดือน
  • แถม OPPO Premium Gift Set

แพ็กเกจรายเดือน 5G Hot Deal Max Speed

ค่าบริการรายเดือน (บาท)
เน็ต
(GB)
โทร (นาที)
ฟรีซิมการ์ด
สิทธิพิเศษ AIS PLAY VR
AIS 5G PLAY AR
(เดือน)
AIS 5G PLAY VR
(เดือน)
AIS 5G CLOUD GAME
(เดือน)
ในเครือข่าย นอกเครือข่าย 
1999
ไม่จำกัด
ฟรี 24 ชม.
600 4 ซิม (50GB)
รับฟรี
มูลค่า 950 บาท
12
12
3
1,699 400 3 ซิม (50GB)
1,399 250 2 ซิม (50GB)
1,199 150 1 ซิม (50GB)
899 80GB 70
แลกซื้อ 760 บาท
6
6
3
699 50GB 50

ดูตารางเต็มคลิกที่รูปได้เลยครับ

ข้อควรรู้แพ็กเกจ 5G Hot Deal Max Speed

  • ค่าโทรส่วนเกิน นาทีละ 1.50 บ.
  • หากใช้เน็ตเต็มสปีดครบจำนวนแล้ว ติด FUP 384 Kbps
  • โทรในเครือข่าย AIS ฟรี ครั้งละ 1 ชั่วโมง
  • ซิมเน็ตฟรี 50GB ที่แถมให้โปร 1,199 บาทขึ้นไป คือปริมาณที่ให้ต่อเดือน หากใช้ไม่หมด ไม่มีทบเดือนถัดไป

จอง OPPO Find X3 Pro จาก AIS : คลิกที่นี่

 

โปร TrueMove H

ถัดมาดูทางฝั่ง TrueMove H ซึ่งก็ได้เปิดจอง OPPO Find X3 Pro ในราคาเริ่มต้นที่ถูกกว่าใคร โดยได้ส่วนลดสูงสุดถึง 17,000 บาท หรือมีราคาเริ่มต้นเพียง 16,990 บาท พร้อมสามารถผ่อน 0% สูงสุดถึง 48 เดือน หรือรับเครดิตเงินคืนสูงสุดถึง 23% ส่วนของแถมก็จะมี OPPO Premium Gift Set และ Google Nest Mini เอาไปใช้งานกันฟรี โดยจะเริ่มเปิดจองตั้งแต่วันนี้ – 2 เม.ย. 2564

นอกจากนี้หากสั่งซื้อช่วงนี้ยังได้รับสิทธิ์แลกซื้อ Accessories ของ OPPO ในราคาพิเศษอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น OPPO Enco X, OPPO Watch 46mm. และ OPPO Watch 41mm. ประหยัดเงินได้หลายบาทอยู่เหมือนกันครับ

โปรสำหรับลูกค้าใหม่

รุ่น ราคาปกติ ส่วนลด ราคาพิเศษ แพ็กเกจเริ่มต้น ชำระล่วงหน้า
OPPO Find X3 Pro 33,990 8,500 25,990 899 2,140
10,000 23,990 1,199 2,675
11,500 22,490 1,399 3,210
15,000 18,990 1,699 6,420
  • เฉพาะลูกค้าย้ายค่ายเบอร์เดิมได้ส่วนลดเพิ่มสูงสุด 2,000 บาท
  • ติดสัญญาการใช้งาน 12 เดือน
  • แถม OPPO Premium Gift Set + Google Nest Mini

โปรลูกค้าปัจจุบันของทรูมูฟ เอช

รุ่น ราคาปกติ ส่วนลด ราคาพิเศษ แพ็กเกจเริ่มต้น
OPPO Find X3 Pro 33,990 8,500 25,990 899
10,000 23,990 1,199
11,500 22,490 1,399
  • ไม่ต้องชำระค่าบริการล่วงหน้า
  • ติดสัญญาการใช้งาน 12 เดือน
  • แถม OPPO Premium Gift Set + Google Nest Mini

โปรเครื่องเปล่า

รุ่น ราคาปกติ
OPPO Find X3 Pro 33,990
  • แถม OPPO Premium Gift Set + Google Nest Mini

แพ็กเกจ 5G ซูเปอร์ แม็กซ์ สปีด พลัส

ค่าบริการรายเดือน
(บาท)
เน็ต
(GB)
โทร (นาที)
ฟรีซิมการ์ด
สิทธิพิเศษ
ในเครือข่าย นอกเครือข่าย 
1999
ไม่จำกัด
ฟรี 24 ชม.
1400 4 ซิม (50GB + โทร 50 นาที) ดู trueID ฟรีไม่เสียค่าเน็ต + ดูบอลพรีเมียร์ลีกทุกแมตซ์
1,699 900 3 ซิม (50GB + โทร 50 นาที)
1,599 800 2 ซิม (50GB + โทร 50 นาที)
1,499 700 2 ซิม (50GB + โทร 50 นาที)
1,399 600 2 ซิม (50GB + โทร 50 นาที)
1,199 400 1 ซิม (50GB + โทร 50 นาที) ดู trueID ฟรีไม่เสียค่าเน็ต
899 80GB 200
699 50GB 150

ดูตารางเต็มคลิกที่รูปได้เลยครับ

ข้อควรรู้แพ็กเกจ 5G ซูเปอร์ แม็กซ์ สปีด

  • ค่าโทรส่วนเกิน นาทีละ 1.50 บ. (ทั้งซิมหลักและซิมฟรี)
  • หากใช้เน็ตเต็มสปีดครบจำนวนแล้ว ติด FUP 384 Kbps (ทั้งซิมหลักและซิมฟรี)
  • ซิมเน็ตฟรี 50GB ที่แถมให้โปร 1,199 บาทขึ้นไป คือปริมาณที่ให้ต่อเดือน หากใช้ไม่หมด ไม่มีทบเดือนถัดไป
  • เมื่อสมัครแพ็กเกจ 1,399 บาทขึ้นไป ได้สิทธิ์ทรูแบล็คนาน 1 ปี
  • ใช้เน็ตดู Netflix ไม่อั้นนาน 12 เดือน (ไม่ค่าสมาชิก)

จอง OPPO Find X3 Pro จาก TrueMove H : คลิกที่นี่

 

โปร dtac

มาดูทางโปร dtac กันต่อซึ่งก็มีให้เปิดจองพรีออร์เดอร์ OPPO Find X3 Pro ด้วยเช่นกัน โดยมีส่วนลดสูงสุดถึง 15,000 บาท หรือมีราคาเริ่มต้น 18,990 บาทเท่านั้น แถมผ่อน 0% นานสูงสุด 24 เดือน พร้อมแถม OPPO Premium Gift Set เช่นเดียวกับค่ายอื่น ๆ และมีราคาเครื่องเปล่าราคาพิเศษถูกกว่าใครเหลือเพียง 31,990 บาทเท่านั้น เปิดจองตั้งแต่วันนี้ – 2 เม.ย. 2564

โปรลูกค้า PLATINUM BLUE MEMBER อายุการใช้งาน 1 ปีขึ้นไป

รุ่น ราคาปกติ ส่วนลด ราคาพิเศษ แพ็กเกจเริ่มต้น ชำระล่วงหน้า
OPPO Find X3 Pro
33,990 9,000 24,990 699 1,500
11,000 22,990 899 2,000
13,000 20,990 1,099 3,000
15,000 18,990 1,499 4,000
  • ติดสัญญาการใช้งาน 12 เดือน
  • แถม OPPO Premium Gift Set

โปรลูกค้าดีแทคอายุการใช้งานน้อยกว่า 1 ปี / เปิดเบอร์ใหม่ / ย้ายค่ายเบอร์เดิม

รุ่น ราคาปกติ ส่วนลด ราคาพิเศษ แพ็กเกจเริ่มต้น ชำระล่วงหน้า
OPPO Find X3 Pro
33,990 9,000 26,990 699 1,500
11,000 24,990 899 2,000
13,000 22,990 1,099 3,000
15,000 20,990 1,499 4,000
  • เฉพาะลูกค้าย้ายค่ายเบอร์เดิมรับส่วนลดเพิ่มค่าเครื่องเพิ่ม 1,500 บาท
  • ติดสัญญาการใช้งาน 12 เดือน
  • แถม OPPO Premium Gift Set

โปรเครื่องเปล่าราคาพิเศษ ไม่ติดสัญญา

รุ่น ราคาปกติ ส่วนลด ราคาพิเศษ
OPPO Find X3 Pro
33,990 2,000 31,990
  • เฉพาะลูกค้า PLATINUM BLUE MEMBER อายุการใช้งาน 1 ปีขึ้นไป
  • แถม OPPO Premium Gift Set

จอง OPPO Find X3 Pro จาก dtac : คลิกที่นี่

 

โปร Lazada, Shopee และ JD Central

ในส่วนทางด้านร้านออนไลน์ทั้ง Lazada, Shopee และ JD Central จะใช้โปร OPPO Find X3 Pro เหมือนกันหมด คือการเป็นซื้อเครื่องเปล่า ไม่ติดสัญญา ในราคาปกติคือ 33,990 บาท สามารถผ่อน 0% ได้นานสูงสุด 10 เดือน โดยจะสามารถเลือกของแถมเป็น SET A หรือ SET B ได้ (ตามรูป) พร้อมได้ตัว OPPO Premium Gift Set เหมือนซื้อกับเครื่องกับเครือข่ายตามปกติ เรียกได้ว่าถ้าใครจะซื้อเครื่องเปล่าซื้อตามร้านออนไลน์ดูคุ้มค่าที่สุดแล้วครับ

โดยสามารถพรีออร์เดอร์ได้ตั้งแต่วันที่ 18 มี.ค.-2 เม.ย. 64

from:https://droidsans.com/oppo-find-x3-pro-promotion-ais-truemove-h-dtac-lazada-shopee-jd-central/

OPPO Find X3 Pro จะใช้หน้าจอ LTPO ที่ปรับค่ารีเฟรชเรทขึ้น-ลงได้ตั้งแต่ 5Hz – 120Hz

มีรายงานว่า OPPO Find X3 Pro ว่าที่สมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นท๊อปในตระกูล Find X3 Series ที่มีกำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 11 มีนาคมนี้ จะใช้หน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED ที่ผลิตโดย Samsung พร้อมใช้เทคโนโลยีจอ LTPO ที่สามารตั้งค่ารีเฟรชเรทขึ้น-ลงได้ตั้งแค่ 5Hz – 120Hz

@UniverseIce หรือ Ice universe แหล่งข่าวหลุดสมาร์ตโฟนชื่อดังได้ทวีตผ่านบัญชี Twitter ส่วนตัวระบุว่่า นอกจาก Samsung แล้วโทรศัพท์มือถือรุ่นแรกที่ใช้หน้าจอ LTPO คือ OPPO Find X3 Series ซึ่งรองรับการปรับค่ารีเฟรชเรทได้ตั้งแต่ 5Hz-120Hz และยังเป็นหน้าจอที่ผลิตโดย Samsung ซึ่งเป็นประเภท E4 AMOLED 10 bit color อีกด้วย

สำหรับหน้าจอ LTPO เป็นหน้าจอประเภทที่มีองค์ประกอบบางส่วนเป็น Low-Temperature Polycrystalline Oxide หรือเม็ดแสงแสดงผลที่มีอุณหภูมิต่ำทำให้จอภาพแสดงผลภาพเดิมค้างไว้ตลอดได้ทำให้สามารถปรับรีเฟรชเรทขึ้นลงให้เหมาะกับการใช้งานได้ และช่วยให้จอ AMOLED ประหยัดพลังงานมากขึ้นในระยะยาวอีกด้วย

ซึ่งเทคโนโลยีนี้ถูกคิดค้นโดย Apple และนำมาใช้ครั้งแรกใน Apple Watch Series 4 ก่อนจะมีการนำไปใช้ในสมาร์ตโฟนพรีเมียมอย่าง Samsung Galaxy Note20 Ultra และ Samsung Galaxy S21 Series ในเวลาต่อมา และในอนาคตเราอาจได้เห็นอีกใน OnePlus 9 หรือ iPhone 13 ก็เป็นได้

OPPO Find X3 Pro

ทั้งนี้ ในส่วนสเปกอื่นๆ ของ OPPO Find X3 Pro คาดว่าจะใช้หน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED ความละเอียด 1440p ขนาด 6.78 นิ้ว โดยมีอัตรารีเฟรชเรท 120Hz, ติดตั้งกล้องหลัง 4 ตัว ประกอบด้วยกล้องหลัก เซ็นเซอร์ Sony IMX766 ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล, กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Ultra Wide Angle ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล, กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Periscope ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล และกล้องตัวที่ 4 เลนส์ Micro ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รวมทั้งใช้แบตเตอรี่ความจุ 4,500mAh รองรับการชาร์จเร็ว 5W SuperVOOC 2.0 และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย ColorOS 11

ที่มา : Gsmarena

from:https://www.mobileocta.com/oppo-find-x3-pro-will-have-an-ltpo-screen/?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=oppo-find-x3-pro-will-have-an-ltpo-screen

OPPO Find X3 Series เตรียมขึ้นแท่นเป็นมือถือ Android รุ่นแรกที่ถ่ายและเปิดคอนเทนต์แบบ 10-bit ได้

ใกล้ถึงวันเปิดตัวของ Find X3 Series ว่าที่สมาร์ทโฟนเรือธงตัวใหม่จาก OPPO ซึ่งจากข้อมูลสเปคและฟีเจอร์ที่หลุดออกมาก่อนหน้า ถือว่าเป็นมือถือที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก ล่าสุดทาง OPPO ก็เผยทีเซอร์ฟีเจอร์ 10-bit Color Engine เรียกน้ำย่อยเหล่าสาวก โดยฟีเจอร์นี้จะเข้ามาทำให้ Find X3 Series เป็นมือถือ Android รุ่นแรกที่สามารถถ่ายและเปิดคอนเทนต์แบบ 10-bit ได้

ก่อนหน้านี้ก็ได้มีข้อมูลเกี่ยวกับ OPPO Find X3 Series เผยออกมาให้เราเห็นกันเยอะพอสมควร แต่ล่าสุดดูเหมือนว่าทาง OPPO จะไม่หยุดแค่นั้น เพราะตอนนี้พวกเขาก็ออกมาเปิดเผยว่า Find X3 Pro ตัวท็อปสุดของซีรีส์ จะมาพร้อมกับหน้าจอ 10-bit อีกทั้งยังสามารถถ่ายคอนเทนต์แบบ 10-bit ได้อีกต่างหาก โดยในส่วนนี้ก็มีลุ้นว่ารุ่นเล็กอย่าง Find X3 Lite และ Find X3 Neo อาจจะได้รับอานิสงค์ฟีเจอร์เทพนี้ไปด้วย

โดย 10-bit Color Engine จะช่วยให้ Find X3 Pro (และอาจจะรวมถึงรุ่น Lite และ Neo ด้วย) สามารถแสดงขอบเขตสีที่กว้างขึ้น และเป็นธรรมชาติกว่าเดิมใน Spectrum สี DCI-P3

นอกเหนือจากฟีเจอร์ที่บอกไปข้างต้น ในทีเซอร์ก็ได้มีการไฮไลท์ฟีเจอร์เด่น ๆ ของ OPPO Find X3 Pro ได้แก่หน้าจอ Dynamic Refresh-Rate 120Hz, มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68, กล้อง 60x Microlens, ระบบชาร์จไร้สาย 30WAirVOOC Wireless Flash Charge, 65W SuperVooc Flash Charge และ Cinematic Mode สำหรับถ่ายวิดิโออีกด้วย

สำหรับอีกทีเซอร์ก็ไม่ได้มีการพูดถึงฟีเจอร์อะไรเท่าไหร่ มีเพียงภาพตัวเครื่องให้เราได้เห็นดีไซน์โดยรวมของมือถือเท่านั้น ในทีเซอร์มีการเน้นย้ำดีไซน์โมดูลกล้องแบบใหม่ที่นูนขึ้นมาแบบโค้ง ๆ ดูแปลกใหม่สวยงามไม่เบาเลยครับ

นอกจากทีเซอร์ที่ให้เราได้เห็นรายละเอียดเครื่องแบบเต็มอิ่มแล้ว ก็มีรูปกล่องพร้อมอุปกรณ์ที่จะแถมมาให้กับเครื่อง OPPO Find X3 Series ได้แก่หัวชาร์จ, สาย USB-C, หูฟัง USB-C และเคสพลาสติกกันกระแทกอีกด้วย ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ ก็ต้องรอดูกันอีกทีว่าจะมีอะไรเซอร์ไพรส์เราอีกในวันที่ 11 มีนาคม ที่จะถึงนี้ครับ

แถมตอนนี้บ้านเราก็มีโปรโมชั่น Blind Booking ของ Find X3 Series แล้วด้วยนะ

 

Source: Voice Via GSMArena,

from:https://droidsans.com/oppo-reveal-find-x3-teaser-comfirming-10-bit-color-engine/

หลุดภาพเรนเดอร์ทางการ OPPO Find X3 Pro พร้อมสเปกเต็ม ก่อนเปิดตัว 11 มีนาคมนี้

หลังจากที่ OPPO ปล่อยทีเซอร์เตรียมเปิดตัว OPPO Find X3 Series อย่างเป็นทางการในวันที่ 11 มีนาคมนี้ โดยคาดว่าจะประกอบด้วย OPPO Find X3, Find X3 Pro , Find X3 Neo แล Find X3 Lite ล่าสุดมีภาพเรนเดอร์ทางการของ OPPO Find X3 Pro รุ่นท๊อป พร้อมสเปกเต็มหลุดออกมาให้เห็นกันแล้ว

OPPO Find X3 Pro

Winfuture.de เว็บไซต์ข่าวมือถือของเยอรมันได้เผยภาพเรนเดอร์ทางการของ OPPO Find X3 Pro ซึ่งเป็นรุ่นท๊อปสุดในตระกูล Find X3 Series ใน 2 สีคือ สีน้ำเงิน และสีดำ ด้านหน้ามีรูปลักษณ์ดีไซน์ที่คล้ายกับ Find X2 Pro โดยมาพร้อมหน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED ความละเอียด QHD+ 3216 x 1440 พิกเซล ขนาด 6.7 นิ้ว ความหนาแน่นพิกเซล 526ppi, รองรับ HDR10+, รองรับความลึกของสี 10 บิต, อัตรารีเฟรชเรท 120Hz และครอบทับด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 5 และเจาะรูฝังกล้องเซลฟี่ความละเอียด 32 ล้านพิกเซลที่มุมซ้ายด้านบน

ส่วนด้านหลังคิดตั้งกล้องหลัง 4 ตัวพร้อมไฟแฟลช LED อยุ่ในโมดูลกล้องดีไซน์ที่ดูคล้ายกับโมดูลกล้องของ iPhone 12 แต่ต่างกันที่ OPPO Find X3 Pro มีกล้องเพิ่มขึ้นมาอีก 1 เลนส์ โดยประกอบด้วยกล้องหลัก เซ็นเซอร์ Sony IMX766 ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8, ระบบ PDAF และ OIS, กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Ultra Wide Angle ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 และถ่ายระยะใกล้ 4 ซม., กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Periscope ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 และกล้องตัวที่ 4 เลนส์ไมโคร ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/3.0

ในส่วนสเปกอื่นๆ ตัวเครื่องมีขนาด 163.4 x 74 x 8.3 มม. และน้ำหนัก 193 กรัม, ใช้ชิปเซ็ท Snapdragon 888 จับคู่กับ RAM 12GB และหน่วยความจำภายใน 256GB, ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ, รองรับ 5G, ใช้แบตเตอรี่ความจุ 4,500mAh รองรับการชาร์จเร็วแบบผ่านสาย 65W SuperVOOC 2.0 และรองรับการชาร์จเร็วแบบไร้สาย 65W AirVOOC และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย ColorOS 11.2

ทั้งนี้ ราคาของ OPPO Find X3 Pro ยังไม่มีข้อมูลเผยออกมาในตอนนี้ ก็ต้องรอลุ้นในวันเปิดตัว 11 มีนาคม 2021

ที่มา : winfutue.de

from:https://www.mobileocta.com/oppo-find-x3-pro-renders-leaked/?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=oppo-find-x3-pro-renders-leaked

หลุดสเปคและภาพ OPPO Find X3 Series แบบจัดเต็ม ก่อนเปิดตัว 11 มีนาคมนี้

OPPO Thailand เพิ่งจะออกมาประกาศวันเปิดตัวของมือถือเรือธงซีรีส์สุดเทพอย่าง Find X3 Series ในวันพฤหัสฯ ที่ 11 มีนาคม 2021 ล่าสุดเว็บไซต์ winfuture ก็ออกมาเปิดเผยสเปคและภาพของ Find X3 Series ทั้ง 3 รุ่นแบบหมดทั้งเปลือกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

OPPO Find X3 Series มีทั้งหมดกี่รุ่น

โดยรอบนี้ Find X3 Series จะมีมือถือทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่

  • OPPO Find X3 Lite
  • OPPO Find X3 Neo
  • OPPO Find X3 Pro

สเปค OPPO Find X3 Lite และ Find X3 Neo แบบไม่เป็นทางการ

เริ่มจากรุ่นเล็กอย่าง Find X3 Lite และ Find X3 Neo กันก่อนเลยดีกว่า โดยจะบอกว่า Find X3 Neo เป็นรุ่นเล็กก็ไม่ถูกซะทีเดียว เพราะรุ่นนี้จะมาพร้อมกับชิปเซ็ต Snapdragon 865 เรือธงของปีก่อน หน้าจอ OLED ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ และมีค่ารีเฟรชเรท 90Hz ส่วน Find X3 Lite จะเลือกใช้เป็นตัว Snapdragon 765G แทน ขณะที่สเปคหน้าจอจะเหมือนกับรุ่น Neo ทุกอย่าง เว้นแค่ขนาดหน้าจอที่ Find X3 Lite จะให้มาขนาดมาเล็กกว่านิดนึงที่ 6.44 นิ้ว

นอกจากนี้ ทั้ง Find X3 Lite และ Find X3 Neo ยังมีความแตกต่างกันอีกในเรื่องของสเปคกล้องหลัง ขนาดแบตเตอรี่ และสเปคยิบย่อยในส่วนอื่นๆ ตามตารางด้านล้างนี้

ตารางเปรียบเทียบสเปค OPPO Find X3 Lite กับ Find X3 Neo

Find X3 Lite Find X3 Neo
หน้าจอ OLED 6.44″ FHD+ รีเฟรชเรท 90Hz ครอบทับด้วย Gorilla Glass 3+ รองรับ HDR10+ OLED 6.5″ FHD+ รีเฟรชเรท 90Hz ครอบทับด้วย Gorilla Glass 5 รองรับ HDR10+
ชิปเซ็ต Snapdragon 765G Snapdragon 865
RAM 8GB 12GB
ความจุ 128GB 256GB
กล้องหลัง 4 ตัว

Wide: 64MP f/1.79, EIS

Ultra-Wide: 8MP f/2.25, EIS

Macro: 2MP f/2.4

Depth: 2MP f/2.4

4 ตัว

Wide: 50MP f/1.7

Ultra-Wide: 16MP f/2.2, EIS

Telephoto: 13MP f/2.4 Optical Zoom 5x

Macro: 2MP f/2.4

กล้องหน้า 32MP f/2.4
เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ใต้หน้าจอ
การเชื่อมต่อ 5G, USB-C, WiFi AC, NFC, BT 5.1
มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น
IP52 IPX4
รูหูฟัง
มี ไม่มี
แบตเตอรี่ 4300 mAh รองรับชาร์จไว 65W 4500 mAh รองรับชาร์จไว 65W
น้ำหนัก 180 กรัม 184 กรัม
ระบบปฏิบัติการ ColosOS 11.2 บนพื้นฐาน Android 11

 

สเปค OPPO Find X3 Pro แบบไม่เป็นทางการ

มาถึงพระเอกของซีรีส์อย่าง Find X3 Pro กันดีกว่า โดยรุ่นนี้จะเลือกใช้หน้าจอ OLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด QHD+ ค่ารีเฟรชเรทจัดเต็ม 120Hz แต่น่าเสียดายที่กระจกนิรภัยยังไม่ใช่ Gorilla Victus ยังใช้เป็น Gorilla Glass 5 อยู่ รองรับการแสดงผลหน้าจอแบบ HDR10+

ในเรื่องกล้องหลัง ทาง Find X3 Pro ก็จัดเต็มเช่นเคย มีทั้งหมด 4 ตัว ประกอบด้วยเซ็นเซอร์หลักความละเอียด 50MP มี OIS, กล้อง Ultra-Wide ความละเอียด 50MP ถ่าย Macro ได้, กล้อง Persicope ความละเอียด 13MP (ไม่มีรายละเอียด Optical และ Digital Zoom) และกล้องตัวสุดท้ายเป็น Micro Lens ความละเอียด 5MP

ส่วนสเปคของ Find X3 Pro แบบเต็มๆ ที่หลุดมาก็มีตามนี้

  • หน้าจอ OLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด QHD+ รีเฟรชเรท 120Hz ครอบทับด้วย Gorilla Glass 5 รองรับ HDR10+
  • ชิปเซ็ต Snapdragon 888
  • RAM 12GB
  • ความจุ 256GB
  • กล้องหลัง 4 ตัว
    • Wide: 50MP f/1.8, OIS
    • Ultra-Wide: 50MP f/2.2 ถ่าย Macro ได้
    • Telephoto (Periscope): 13MP f/2.4
    • Micro Lens: 5MP f/3.0
  • กล้องหน้า 32MP f/2.4
  • เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ
  • มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68
  • 5G, USB-C, WiFi AX, NFC, BT 5.2
  • แบตเตอรี่ 4500 mAh รองรับชาร์จไว 65W และ Wireless Charging
  • น้ำหนัก 193 กรัม
  • ระบบปฏิบัติการ ColorOS 11.2 บนพื้นฐาน Android 11

OPPO Find X3 Series ทั้ง 3 รุ่น ตอนนี้เคาะวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยแล้ว โดยจะมาให้ยลโฉมกันในวันที่ 11 มีนาคม เวลา 18.30 (ตอนนี้มีโปรจองแบบ Blind Booking ด้วย) รับของแถมฟรีเพียบ

 

ที่มา: winfuture

 

from:https://droidsans.com/oppo-find-x3-series-specs-leaked/

เปิดโปรจอง OPPO Find X3 Pro แถมฟรี แท่นชาร์จไร้สาย เคส และหูฟัง Enco X (ตั้งแต่ 1 – 17 มี.ค. 2564)

Find X3 Pro สมาร์ทโฟนเรือธงตัวแรงจาก OPPO เคาะกำหนดการเปิดตัวทั่วโลก ในวันที่ 11 มีนาคม 2564 ล่าสุดทางฝั่งประเทศไทยเราก็ไม่รอช้า เปิดโปรโมชั่นสำหรับผู้พรีออร์เดอร์ออกมาแล้ว พร้อมกับชุดของแถมที่จัดหนักแบบเต็มขั้น แท่นชาร์จไร้สาย เคส หูฟังไร้สาย พรีเมี่ยมการ์ดที่ครอบคลุมการรับประกันหน้าจอแตกและอื่น ๆ อีกเพียบ

ตามข่าวลือระบุว่า Find X3 Pro จะขับเคลื่อนด้วย Snapdragonn 888 ชิประดับไฮเอนด์จาก Qualcomm มีกล้องหลังทั้งหมด 4 ตัว ซึ่งเราได้เห็นกันไปแล้วจากภาพที่หลุดออกมาก่อนหน้านี้ กล้องหลักใช้เซนเซอร์ IMX766 จาก Sony ความละเอียด 50MP

จากข้อมูลล่าสุดที่มีการเปิดเผยโดย OPPO ทำให้ได้ทราบเพิ่มเติมว่า สมาร์ทโฟนรุ่นนี้จะมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลและกล้องถ่ายภาพที่รองรับความลึกสีระดับ 10 บิต โดยมีการอ้างถึงเทคโนโลยี Full-path Color Management System ในอีเมลประชาสัมพันธ์

ของแถมสำหรับผู้พรีออร์เดอร์ OPPO Find X3 Pro

  • แท่นชาร์จไร้สาย OPPO AirVOOC Wireless Charger 45W
  • หูฟังไร้สาย OPPO EncoX
  • เคส KEVLAR
  • พรีเมี่ยมการ์ด

เงื่อนไขและข้อกำหนดที่ควรทราบ

  • พรีออร์เดอร์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 – 17 มีนาคม 2564
  • จำกัดการจอง 1 สิทธิ์ ต่อ 1 หมายเลขบัตรประชาชน และ 1 อีเมลเท่านั้น
  • จะได้รับอีเมลยืนยันการพรีออร์เดอร์ในวันที่ 18 – 23 มีนาคม 2564
  • รับเครื่องในวันที่ 27 มีนาคม 2564 เวลา 10.00 น. – 17.00 น. ที่ OPPO Biggest Flagship Store ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์
  • ข้อมูลที่ลงทะเบียนล่วงหน้าและผู้ที่เดินทางมารับเครื่องในวันดังกล่าว ต้องเป็นคนคนเดียวกัน
  • ต้องมาแสดงตัวและจ่ายเงินค่าเครื่องในวันที่กำหนด ไม่อย่างนั้นจะถูกตัดสิทธิ์

สำหรับพรีเมี่ยมการ์ดนั้น ในเบื้องต้น OPPO ประเทศไทย ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด แต่หากอ้างอิงจากที่ผ่าน ๆ มาก็จะได้รับประกันหน้าจอแตกเพิ่มเติมอีก 1 ปี นอกเหนือจากประกันหลัก สามารถนำตัวเครื่องไปทำความสะอาดได้ฟรีที่ศูนย์บริการฯ และส่วนลดเพิ่มเติมเมื่อซื้ออุปกรณ์เสริมจาก OPPO Brand Shop ส่วนราคาค่าตัวของ Find X3 Pro นั้นยังไม่มีการเปิดเผย คงได้รู้พร้อมกันอีกทีหลังจากเปิดตัวในวันที่ 11 มีนาคม 2564

 

ลงทะเบียนจอง : OPPO Find X3 Pro

from:https://droidsans.com/oppo-find-x3-pro-exclusive-blind-booking/