ไปจัดกันให้ไว Meizu MX5 ลดราคาที่ Lazada เหลือ 5,990 บาท สเปคดี งานประกอบยอด มีสแกนนิ้ว RAM 3GB กล้อง 20MP ราคานี้คุ้มมาก
สเปคของ Meizu MX5 ก็ตามนี้เลย
โดยรุ่นที่ขายนั้นมาพร้อมสเปค ROM 32GB, RAM 3GB รองรับการใช้งาน 2 ซิม 4G ได้สบายๆ
สำหรับใครที่ยังลังเล ว่ามันดีคุ้มราคาไหม ลองไปอ่าน รีวิว Meizu MX5 ประกอบการตัดสินใจได้ครับ
source : lazada
หลังจากปี่ที่แล้งเราได้เห็นการแกะกล่องพรีวิวของเจ้า Meizu MX5 กันไปแล้ว (ถ้าใครยังไม่ได้อ่านก็กลับไปอ่านก่อนนะ) ซึ่งก็เป็นเพียงแค่การแกะกล่องและดูรอบๆ ตัวเครื่องทั่วๆ ไป เท่านั้น มีปีนี้ (เล่นรีวิวข้ามปีเลย) เราลองมาดูในส่วนของสเปค ฟีเจอร์ กล้อง และการใช้งานจริงของ MX5 กันบ้างดีกว่าว่าเป็นอย่างไรบ้างครับ
**บอกไว้ก่อนเลยว่าเครื่องที่ได้มารีวิวนั้นมาพร้อมกับ Flyme OS 4 แต่ว่ามีบั๊คเยอะมาก เลยทำการลง Flyme OS 5.5.12.22 beta ไป และรู้สึกว่าดีขึ้นและลื่นขึ้น สำหรับในส่วนของ User Interface (UI) ก็มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเล็กน้อย ใครที่เปิดมาแล้วเห็น UI เป็นอีกแบบนึงก็ไม่ต้องตกใจไปครับ**
เรามาเริ่มดูกันที่สเปคของเจ้า Meizu MX5 กันก่อนเลยครับ
OS: Android 5.1 with Flyme OS 5
หน้าจอ: AMOLED 5.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1080 x 1920 พิกเซล
CPU: MediaTek Helio X10 Turbo (MT6795) Octa-core 2.2GHz 64-bit
GPU: PowerVR G6200
RAM: 3 GB Dual Channel LPDDR3
หน่วยความจำภายใน: 16/32/64 GB
กล้องหลัง: 20.7 ล้านพิกเซล Sony IMX220 f/2.2 พร้อม LED flash และ Laser Autofocus
กล้องหน้า: 5 ล้านพิกเซล f/2.0
คุณสมบัติพิเศษ: mTouch 2.0 Figerprint Sensor
SIM: Dual SIM แบบ NanoSIM (dual standby) รองรับ 4G LTE
การเชื่อมต่อ:
Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac
Bluetooth 4.1
micro-USB 2.0
GPS, GLONASS
แบตเตอรี่: 3,150 มิลลิแอมป์ (ถอดเปลี่ยนไม่ได้) รองรับระบบ mCharge
สัดส่วน: 149.9 x 74.7 x 7.6 มม.
น้ำหนัก: 149 กรัม
เครื่องที่ได้มารีวิวนี้เป็นรุ่นที่มีหน่วยความจำภายในแค่ 16GB เท่านั้น ส่วนรุ่นที่ขายผ่าน Lazada จะเป็นรุ่น 32GB แต่ว่าสเปคอย่างอื่นก็เหมือนกันหมดนะครับ
หน้าจอ
หน้าจอของ Meizu MX5 นั้นใช้หน้าจอแบบ AMOLED โดยจะมีขนาดอยู่ที่ 5.5 นิ้ว และมีความละเอียดเป็น Full HD 1080 x 1920พิกเซล (~401) ซึ่งแน่นอนว่าการใช้งานหน้าจอ AMOLED ก็จะได้สีสันที่ฉูดฉาด และสีดำที่ดำสนิท อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับแล้วแต่คนชอบว่าชอบหน้าจอแบบไหน ส่วนความละเอียดแบบ Full HD ก็ละเอียดพอแล้วครับ มองไม่เห็นพิกเซลแน่นอน
MX5 นั้นรองรับการใช้งาน multi-touch ได้ถึง 10 นิ้ว
ประสิทธิภาพ
ชิปที่ใช้ขับเคลื่อน MX5 จะเป็นชิปเรือธง(ในตอนนี้)ของทางฝั่ง MediaTek ซึ่งก็คือ MediaTek Helio X10 และมาพร้อมกับ RAM 3GB ทำให้การใช้งานทั่วไปนั้นถือว่าลื่นไหล แต่เวลาเล่นเกมก็แอบมีกระตุกบ้างเป็นบางจังหวะ โดยได้ทำการทดสอบเล่นเกม Asphalt 8 ก็รู้สึกว่าใช้เวลาในการโหลดเกมอยู่พอสมควร และเล่นไปได้ซักพักเครื่องก็เริ่มร้อน แต่ไม่ได้ร้อนจนไม่สามารถถือได้นะ
สำหรับผล benchmark ของ MX5 ก็ถูกทดสอบโดยแอพยอดนิยม 4 แอพ เช่นเคย โดยจะมี AnTuTu, 3D Mark, GeekBench, และ AndroBench ซึ่งก็ได้ผลดังนี้
แบตเตอรี่
ด้วยความที่ Meizu MX5 นั้นใช้หน้าจอความละเอียดเพียงแค่ Full HD 1080p ทำให้แบตเตอรี่นั้นสามารถอยู่ได้นานพอสมควร แต่ก็ไม่ได้ถึงกับข้ามวัน ข้ามคืน จากการใช้งานจริงก็รู้สึกว่าจะสามารถได้ตั้งแต่เช้ายันค่ำ ซึ่งก็ถือว่าโอเคเลย และการใช้งานหน้าจอก็อยู่ได้ตั้งแต่ 4-4:30 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคน
นอกจากนี้ MX5 ยังมาพร้อมกับระบบ mCharge ที่สามารถชาร์จไฟได้เร็วขึ้น ซึ่งจากที่ลองชาร์จดูจาก 0-100% นั้นใช้เวลาประมาณ 60-70 นาที
กล้อง
กล้องหลังของ MX5 มีความละเอียดอยู่ที่ 20.7ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX220 รูรับแสง f/2.2 พร้อมทั้งยังมี laser autofocus ซึ่งช่วยในการโฟกัสได้เร็วขึ้น และไฟแฟลช dual-tone
ซอฟท์แวร์ของกล้องนั้นเรียบง่าย โดยมีโหมดให้เราสามารถเลือกใช้งานได้หลายโหมดอยู่เหมือนกัน อย่าง manual, macro, GIF เป็นต้น แถมยังมี filter สำหรับคนชอบแต่งรูปอีกด้วย นอกจากนี้ยังรองรับการถ่ายวิดีโอขนาด 4K ที่ 30fps และถ่าย slow motion ที่ 100fps ได้อีกด้วย
ในส่วนของโหมด manual นั้น เราสามารถที่จะเลือกปรับได้ทั้ง speed shutter, ISO, focus, exposure, saturation, contrast, และ white balance ที่ให้เราปรับได้ตามใจชอบเลย
ด้านล่างนี้จะเป็นภาพตัวอย่างจากกล้องหลังของ MX5
http://imgur.com/a/K3bRU/embed
ส่วนกล้องหน้าของ MX5 มีความละเอียดอยู่ที่ 5 ล้านพิกเซล มีรูรับแสง f/2.0 นอกจากนี้ก็ยังมาพร้อมกับโหมด beauty ที่สาวๆ อาจจะชอบ เพราะสามารถทำให้ตาโต หน้าเรียว หน้าใส ผิวขาว ได้ ด้านล่างก็จะเป็นภาพตัวอย่างจากกล้องหน้า ทั้งโหมดธรรมดาและโหมด beauty ครับ
ซอฟท์แวร์
อย่างที่ได้บอกไปตอนแรกเลย MX5 เครื่องที่รีวิวนี้ได้ทำการลง Flyme OS เวอร์ชั่น 5 ไป ทำให้ UI นั้นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เล็กน้อย โดย Flyme OS 5 นั้นเป็น OS ที่ครอบ Android 5.1 อีกที และบอกไว้อีกนิดว่าไม่มี Google Play Services นะครับ ต้องลงเอาเอง
โดยวิธีการลงก็ง่ายมากๆ เพียงแค่เข้าไปที่ App Store ของ Meizu และทำการค้นหาแอพที่ชื่อว่า Google Installer แล้วก็ลงซะ เมื่อลงเสร็จก็เข้าไปในแอพและดาวน์โหลดส่วนที่เหลือ ซึ่งก็จะได้ Google Settings และ Play Store มา พร้อมกับ Google Play Services ด้วย แต่หลังจากที่เราทำการ sign in เข้าบัญชี Google ของเรา ให้ทำการ remove account หนึ่งที แล้ว sign in ใหม่ ไม่งั้นจะไม่สามารถที่จะดาวน์โหลแอพจาก Play Store ได้นะครับ
mTouch 2.0
สมาร์ทโฟนของ Meizu นั้นจะมีเอกลักษณ์ในเรื่องของปุ่มกด ถ้าใครไม่เคยสัมผัสกับสมาร์ทโฟนของ Meizu มาก่อนอาจจะงงได้นะครับ โดยปุ่มนั้นมีชื่อว่า mTouch และเวอร์ชั่นที่ใส่มากับ MX5 นั้นเป็นเวอร์ชั่น mTouch 2.0 ที่มาพร้อมกับตัวสแกนลายนิ้วมือด้วย ซึ่งตัวสแกนลายนิ้วมือนั้นถือว่าทำงานได้ค่อนข้างแม่นยำเลยทีเดียว แต่บางทีก็ต้องลองหลายครั้งอยู่เหมือนกัน
บางคนดูแล้วอาจจะมองหาปุ่ม back กับ ปุ่ม recent apps โดยการใช้งานปุ่ม back เราก็เพียงแค่แตะปุ่ม home หนึ่งที(ไม่ใช่กดนะ) ส่วนการใช้งาน recent apps ก็เพียงลากจากด้านข้างของปุ่ม home ขึ้นมา ซึ่งเราสามารถลากได้ทั้งสองข้างเลย
Homescreen
ส่วน launcher ของ MX5 จะเป็นเหมือนกับสมาร์ทโฟนจากจีนยี่ห้ออื่นๆ นั่นก็คือไม่มี app drawer ทุกแอพที่ลงจะอยู่ในหน้า home screen หมดเลย เราต้องมานั่งจัดหน้ากันเอาเองนะ
Notification
แถบการแจ้งเตือนนั้นจะเป็นแบบเต็มจอ คือลากลงมาแล้วบังทุกอย่างหมดเลย ส่วน toggle ต่างๆ ก็มีอย่าง wifi, data, bluetooth เป็นต้น เราสามารถที่จะสลับตำแหน่งของ toggle ได้โดยการกดค้างแล้วลากย้ายตำแหน่ง แต่ว่าเราไม่สามารถที่จะเพิ่มหรือลด toggle เหล่านี้ได้ ส่วนด้านล่างของ toggle ก็เป็นการแจ้งเตือนเหมือนทั่วๆ ไป และด้านบนขวาก็จะเป็นการเข้าเมนูการตั้งค่า
Security
Meizu ได้ทำการใส่แอพ Security มาให้ใน Flyme OS 5 ด้วย ซึ่งแอพ Security นี้ก็เอาไว้สำหรับการกำจัดไฟล์ขยะ หรือจัดการในเรื่องของ RAM และ Permissions ต่างๆ โดยจะมีเมนู
Cleaner: กำจัดไฟล์ขยะ
Accelerator: จัดการ RAM
Data: ควบคุมการใช้งานดาต้า
Harassment blocking: บล็อกเบอร์และข้อความแปลกๆ
Permissions: การกำหนดการเข้าถึงของแอพต่างๆ
Power: เลือกโหมดประหยัดแบตเตอรี่
Purify: ลบแอพและไฟล์ที่ไม่ได้ใช้เป็นเวลานาน
Anti-Virus: สแกนไวรัส
Gesture wakeup
ในส่วนของการใช้งาน Gesture wakeup เมื่อหน้าจอดับอยู่ ก็สามารถทำได้ อย่างเช่น Double-tap เพื่อปลุกหน้าจอ หรือจะใช้การลากนิ้วเป็นตัวอักษรต่างๆ เพื่อเปิดแอพที่เราได้ทำการตั้งไว้ก็ได้เช่นเดียวกัน
สรุป
Meizu MX5 นับว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่น่าสนใจไม่น้อย ทั้งในเรื่องของดีไซน์ วัสดุ และสเปคที่แรงไม่น้อยหน้าใครเลย แถมเมื่อเทียบราคากับสเปคแล้วถือว่าคุ้มค่ามากๆ พร้อมทั้งยังมีตัวสแกนลายนิ้วมือและ laser autfocus พ่วงมาด้วย เรียกได้ว่า Meizu ยัดฟีเจอร์มาเต็ม ไม่มีกั๊ก เล่นซะสมาร์ทโฟนระดับกลางๆ ยี่ห้ออื่นในช่วงราคาเดียวกันต้องเสียวสันหลังกันเลยละ
ถึงแม้ว่า MX5 มาพร้อมกับฟีเจอร์และสเปคจัดเต็มแบบนี้ แต่ก็ยังมีข้อเสียด้วยเหมือนกัน เอาเป็นว่าเรามาทิ้งท้ายกันด้วยการสรุปข้อดี ข้อเสีย ของ Meizu MX5 กันครับ
ข้อดี
ตัวสแกนลายนิ้วมือทำงานได้ค่อนข้างเร็ว
หน้าจอมีสีสันที่สวยงาม
กล้องมีฟีเจอร์ให้เล่นเยอะ คุณภาพของรูปโอเค
ราคาดี เมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้รับ
ข้อเสีย
ไม่มีช่องใส่ microSD
ปุ่มกดและช่องเสียบซิมยังทำออกไม่ดีเท่าที่ควร
สำหรับผู้ที่สนใจ Meizu MX5 ก็สามารถเข้าไปหาซื้อได้แล้วผ่านทาง Lazada ซึ่งจะเป็นรุ่น 32GB และมีทั้งหมด 3 สี ด้วยกัน สีเงินดำ, สีเงินขาว, และ สีเทา โดยมีราคาอยู่ที่ 10,990 บาท ครับ
ในที่สุดเราก็ได้ผู้โชคดีจากกิจกรรมแจกสมาร์ทโฟน 7 เครื่อง 7 สัปดาห์ที่เดินทางร่วมกันมาจนถึงสัปดาห์ที่ 5 แล้ว ซึ่งของรางวัลในครั้งนี้คือ Meizu MX5 สมาร์ทโฟนครบเครื่องจากประเทศจีน โดยการตอบคำถามและทายวันที่บรรจุลงกล่องของเจ้า Meizu MX5 ให้ถูกต้อง แต่ไม่มีผู้ตอบถูกเป๊ะๆ เลยสักคน ; w ;
ดังนั้นทางทีมงานจึงตัดสินจากผู้ที่ตอบคำถามและทายตัวเลขได้ใกล้เคียงที่สุด ซึ่งคำตอบข้อแรกที่ให้อ่านออกเสียง Meizu เป็นภาษาไทย อันนี้เราหยวนๆ ให้ถือว่าทุกคนที่ทำตากติกาครบมีสิทธิ์ลุ้นหมดเลยค่ะ แต่สำหรับวันที่บรรจุลงกล่องนั้นมีเพียงผู้เดียวที่ตอบได้ใกล้เคียงที่สุด ได้แก่… คุณ Nattawut Teerajarukul ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ คุ้มค่าแก่การรอคอยมั๊ยเอ่ย (^ w ^)
ตัวเลขวันที่บรรจุลงกล่องที่ถูกต้องจริงๆ คือวันที่ 27/07 ค่ะ ทางทีมงานต้องขอขอบคุณทุกๆ คนที่ร่วมลุ้นและร่วมเล่นเกมกับเรามาจนถึงสัปดาห์ที่ 5 แล้ว ใครที่พลาดโอกาสยังเหลือสมาร์ทโฟนอีก 2 เครื่อง 2 สัปดาห์ให้เล่นกันอยู่นะ ยังไงก็อยู่ร่วมเล่นกันต่อนะคะ เมอรี่คริสมาสต์ย้อนหลังค่า 
ในปีนี้เราได้เห็น Meizu นำสมาร์ทโฟนเข้ามาวางขายไปแล้วถึง 3 รุ่นด้วยกัน โดยเปิดตลาดมาด้วยรุ่น M2 Note และตามมาด้วย M2 และ MX5 ซึ่งรุ่น MX5 นั้นถือว่าเป็นรุ่นที่มีสเปคดีที่สุดเมื่อเทียบกับ M2 Note และ M2 วันนี้เรามาดูการแกะกล่องพรีวิวของเจ้า Meizu MX5 สมาร์ทโฟนราคา 10,990 บาท กันดีกว่าว่าภายในกล่องนั้นมีอะไรบ้างและสัมผัสแรกจะเป็นอย่างไรครับ
แกะกล่อง
กล่องของ MX5 นั้นเป็นกล่องกระดาษแข็งสีขาวทรงสี่เหลี่ยม ซึ่งเมื่อถือแล้วก็รู้สึกว่ามีน้ำหนักพอสมควรเลยทีเดียว โดยตรงกลางของกล่องก็จะมีคำว่า MX5 เขียนอยู่ พร้อมกับมีวงกลมสีๆ ให้ความรู้สึกเหมือนฟองอากาศ
คุณภาพของกล่องนั้นทำออกมาได้ดี ถ้ามองจากด้านข้างนั้นเหมือนกับว่าเป็นหนังสือเล่มนึงเลยละ และเวลาเราลากนิ้วด้านข้างกล่องก็จะให้ความรู้สึกว่ากำลังลากนิ้วผ่านหน้ากระดาษของหนังสือเลย
ส่วนสันปก.. เอ้ย! สันกล่องอีกด้านของกล่องนั้นจะมีเพียงแค่โลโก้ของ Meizu อยู่
ด้านหลังของกล่องก็จะมีข้อมูลรายละเอียดของตัวเครื่องและคลื่นที่รองรับ พร้อมทั้งยังบอกถึงอุปกณ์ที่อยู่ภายในกล่องด้วย แต่เป็นภาษาจีนนะ แต่น่าจะพอเดาๆ กันออก
ได้เวลาเปิดกล่องแล้ว.. เมื่อเปิดมาปุ๊บ ก็จะเจอกับเครื่อง MX5 ที่ไม่มีท่อนล่าง.. ไม่ใช่! เจอกับบุ๊คเล็ตที่แนะนำตัวเครื่องตะหากละครับ โดยจะเป็นภาษาจีนทั้งหมด
เปิดมาอีกหน้าก็พูดถึงฟีเจอร์ของ MX5 อย่าง mCharge และ mTouch 2.0
เปิดเข้ามาด้านในสุดก็จะมีหน้าตาแบบนี้เลย อุปกรณ์ทุกอย่างถูกแบ่งช่องไว้อย่างเป็นระเบียบ โดยที่ตัวเครื่องนั้นจะอยู่ด้านล่างของสมุดคู่มือ(ที่เป็นภาษาจีน) ซึ่งจะอยู่ทางด้านซ้ายมือ ส่วนทางด้านขวาบนเป็นที่จิ้มซิม และด้านขวาล่างเป็นช่องของอะแดปเตอร์ชาร์จไฟครับ
ที่จิ้มซิมของ Meizu นั้นมีรูปร่างคล้ายกับพัดและทำรูเป็นรูปก้อนเมฆ พร้อมเขียนไว้ว่า Flyme ซึ่งเป็น OS ของ Meizu เอง
ส่วนอะแดปเตอร์ชาร์จไฟที่มาในกล่องของ Meizu MX5 นั้นรองรับการชาร์จแบบ mCharge หรือการชาร์จไฟแบบเร็วในแบบของ Meizu โดยที่จะปล่อยแรงดันไฟที่ 12V และกระแสที่ 2A
แล้วสายชาร์จไฟ microUSB มันหายไปไหน?? สาย microUSB ในกล่องนั้นจะแอบอยู่ด้านล่างของเครื่อง MX5 อีกทีหนึ่ง หลบอยู่ในช่องของมัน โดยที่สายนั้นก็เป็นสาย microUSB สีขาวแบบมาตรฐานทั่วไปครับ
การออกแบบตัวเครื่อง
ดูภายในกล่องกันแล้วก็มาดูที่ตัวเครื่องกันบ้างดีกว่า สมาร์ทโฟนของ Meizu ที่มีมาเปิดตัวในบ้านเราทั้งหมด 3 รุ่น นั้น มีเพียงแค่ MX5 รุ่นเดียวเท่านั้นทีใช้วัสดุเป็นโลหะ และด้านหน้าก็เป็นกระจกทั้งหมด แถมน้ำหนักยังเบา และเครื่องยังบาง ทำให้ดูค่อนข้างที่จะพรีเมี่ยมเลยทีเดียว
ด้านหน้าของเครื่อง MX5 นั้นดูเรียบง่าย โดยเราจะมองเห็นแค่เพียง รูหูฟังสนทนาและกล้องหน้าด้านอยู่ทางด้านบน ไฟ LED แจ้งเตือน กับเซนเซอร์รับแสงอาจจะต้องเผ่งหน่อยถึงจะเห็น
ส่วนด้านล่างของหน้าจอก็จะเป็นปุ่ม home อย่างเดียว ไม่มีปุ่ม back หรือ ปุ่ม menu/recent apps ซึ่งอันนี้ก็เป็นอีกฟีเจอร์หนึ่งของทางด้าน MX5 ที่ Meizu ได้ใส่เข้ามาด้วย โดยฟีเจอร์นี้มีชื่อ mTouch 2.0 รายละเอียดไว้รออ่านในรีวิวอีกทีนะครับ
ด้านบนมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร และไมโครโฟนตัวที่สอง
ด้านล่างของตัวเครื่อง MX5 มีไมโครโฟนสนทนา ช่องเสียบ microUSB 2.0 และ ลำโพง
ด้านขวาของตัวเครื่องก็จะมีปุ่มเพิ่มลดเสียง และปุ่มพาวเวอร์ โดยส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าปุ่มยังทำออกมาได้ไม่ค่อยดีนัก เหมือนว่ามันยังไม่เข้าที่พอดี สามารถขยับได้เล็กน้อย และน่าจะทำสัมผัสของปุ่มพาวเวอร์ให้แตกต่างกับปุ่มเพิ่มลดเสียงอีกหน่อย เพราะสัมผัสนั้นเหมือกันเกิดไป แต่อันนี้ก็ความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆ นะครับ
ส่วนทางด้านซ้ายของตัวเครื่องก็จะมีเพียงแค่ช่องเสียบซิมเท่านั้น
โดยถาดซิมนั้นรองรับ Nano-SIM ทั้ง 2 ซิมเลย แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถเพิ่ม microSD การ์ดได้ แต่รู้สึกว่าถาดใส่ซิมก็จะเหมือนกับทางฝั่งของปุ่มที่รู้สึกว่ามันยังไม่เข้าที่พอดี สามารถขยับได้เล็กน้อยเช่นเดียวกัน ซึ่งอันนี้ก็ความรู้สึกส่วนตัวอีกนั่นแหละ
มาดูด้านหลังกันบ้าง โดย MX5 นั้นก็ยังคงเอกลักษณ์ในดีไซน์ของ Meizu รุ่นก่อนๆ อยู่ ซึ่ง MX5 นี้จะใช้วัสดุเป็นโลหะและขอบทั้ง 4 ด้านจะโค้งมน เช่นเดียวกับมุมทั้ง 4 ด้าน ที่โคงมนเหมือนกัน
ส่วนกล้องนั้นก็จะอยู่ตรงกลาง และไฟแฟลชอยู่ถัดลงมา แบบรุ่นก่อนๆ แต่รอบนี้กล้องของ MX5 จะนูนขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ยังดีที่มีขอบป้องกันอยู่ ถัดจากแฟลชลงมาก็เป็น laser autofocus ที่ช่วยในเรื่องของการโฟกัสให้ไว้ขึ้น เรียกได้ว่ามาเสริมแกร่งให้กับกล้องของ MX5 อีกทีนั่นเอง
ในตอนนี้ก็ขอจบการแกะกล่องและพรีวิวของ Meizu MX5 เพียงเท่านี้ก่อน โดยการ packaging ของ MX5 นั้นถือว่าทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว แต่ตัวเครื่องนั้นก็ยังมีจุดที่ต้องปรับปรุงอยู่บ้าง ส่วนฟีเจอร์และซอฟท์แวร์ รวมไปถึงเรื่องของกล้องก็รอชมในรีวิวเต็มๆ อีกทีนะครับ
เดินทางผ่านพ้นกันมาเกินครึ่งทางแล้วนะคะ สำหรับกิจกรรม 7 Give away ของ Droidsans ที่นำสมาร์ทโฟน 7 เครื่องมาแจกกันยาวนานถึง 7 สัปดาห์เนื่องในโอกาสครบรอบ 7 ปีของเว็บไซต์ และครั้งนี้กิจกรรมของเราก็ตรงกับช่วงสัปดาห์วันคริสมาสต์พอดี จึงถือว่าเป็นวันพิเศษที่ทางทีมงานจะกลายร่างเป็นซานตาคลอสใจดีแจก Meizu MX5 สมาร์ทโฟนสเปคจัดเต็มที่พึ่งเปิดตัวไปเมื่อไม่นานมานี้
Meizu MX5 มีจุดเด่นอยู่ที่ระบบสแกนลายนิ้วมือ mTouch 2.0 และระบบ mCharge ชาร์จไว รวมถึงให้กล้องที่มีความละเอียด 20.7 ล้านพิกเซล มาพร้อมกับ Laser Autofocus นอกจากนี้ก็ยังให้มาสเปคมาแบบไม่หวง ทั้ง RAM 3 GB และใช้ชิปเรือธงของค่าย MediaTek อีกด้วย
สเปค Meizu MX5
กติกาของ 7 Androids 7 weeks สัปดาห์ที่ 5: Meizu MX5
เกณฑ์การตัดสิน
เหม่ยซู เทคโนโลยีบริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนชั้นนำสัญชาติจีน ประกาศเปิดตัวสมาร์ทโฟนสองรุ่นล่าสุดอย่างเป็นทางการสู่ตลาดประเทศไทย โดยรุ่น M2 จะเจาะกลุ่มไปที่กลุ่มวัยรุ่น และ MX5 จะเน้นไปที่ผู้บริโภควัยทำงาน ซึ่งสมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นจะวางขายแบบเอ็กซ์คลูซีฟบนเว็บไซด์ลาซาด้าเท่านั่น รุ่น M2 จะวางขายในสีขาว และสีเทา ในราคา 4,990 บาท ขณะที่ MX5 จะวางจำหน่ายในสีดำเงิน ขาวเงิน และเทาในราคา 10,990 บาท
สมาร์ทโฟนรุ่น Meizu MX5 มาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่สวยงาม สเปกที่ทรงพลัง ในราคาที่ทุกคนเอื้อมถึง เป็นสมาร์ทโฟนดีไซน์ที่มอบความโดดเด่นให้กับผู้ใช้ แม้ในปัจจุบันการประกอบสมาร์ทโฟนขึ้นมาหนึ่งเครื่องจะเป็นเรื่องง่าย แต่การทำสมาร์ทโฟนให้มีประสิทธิภาพและเปี่ยมด้วยนวัตกรรมนั้น ถือเป็นเอกลักษณ์ของผู้ผลิตที่มากประสบการณ์เท่านั้น ด้วยตัวเครื่องที่เป็นโลหะที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีการพ่นทรายแบบสามมิติ และการเคลือบที่ได้มาตรฐาน ทำให้ตัวสมาร์ทโฟนรุ่น MX5 มีผิวสัมผัสดีเยี่ยม
สมาร์ทโฟนรุ่น Meizu M2 มีดีไซน์โดดเด่นสะดุดตาไม่แพ้รุ่น M2 Note โดยเป็นการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดพร้อมด้วยตัวเครื่องแบบยูนิบอดี้สร้างจากโพลีคาร์บอเนตตลอดทั้งตัวเครื่อง
คุณสมบัติโดดเด่นของ Meizu MX5 และ M2
ระบบปฏิบัติการประสิทธิภาพเยี่ยม: ด้วยระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุดอย่าง Flyme OS 4.5 บนแอนดรอยด์5.1 ที่มาพร้อมกับ 64-bit CPU เพื่อมอบประสบการณ์การใช้สมาร์ทโฟนที่ดีที่สุด นอกจากนี้ยังมีหน่วยความจำขนาดใหญ่ และฟีเจอร์ควบคุมการใช้แบตเตอรี่ที่เป็นเวอร์ชันล่าสุดจากแอนดรอยด์
หน่วยประมวลผลทรงพลัง: สมาร์ทโฟนรุ่น Meizu M2 ยังรับเอาหน่วยประมวลผล 64-bit MT6735 Quad-core เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่มีประสิทธิภาพและทรงพลังให้กับผู้ใช้งาน
ขณะที่ MX5รับเอา Mediatekhelio X10 ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยสร้างสมดุลของการใช้งานสมาร์ทโฟน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้การทำงานบนสมาร์ทโฟนมีความราบรื่นและประหยัดพลังงานไปในตัว
หน้าจอแสดงผลดีเยี่ยม: สมาร์ทโฟนรุ่น Meizu M2 มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด 720P Full-HD ซึ่งทำให้การแสดงผลบนหน้าจอมีความสวยงามและเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี GFF Full Lamination ซึ่งช่วยลดแสงสะท้อนและเพิ่มประสิทธิภาพการแสดงผลได้ดียิ่งขึ้น
สมาร์ทโฟนรุ่น Meizu MX5 มาพร้อมกับหน้าจอแบบ AMOLED ขนาด 5.5 นิ้ว เพื่อมอบการแสดงผลบนหน้าจอที่สว่าง มีความคมชัด และให้สีสมจริง นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี MiraVisionซึ่งสามารถปรับสมดุลสีบนหน้าจอได้ตามความสว่างรอบตัว และยังมีฟีเจอร์ที่สามารถปรับโทนสีหน้าจอได้ไม่ว่าจะเป็นสีโทนอุ่นหรือโทนเย็น เพื่อให้ผู้ใช้ปรับการแสดงผลหน้าจอได้ตามความต้องการ
กล้อง Dual Flash พร้อมหลากหลากลูกเล่นเพื่อคนรักกล้อง: สมาร์ทโฟนรุ่น Meizu M2 มาพร้อมกับกล้อง Sam-sung CMOS 13MP ซึ่งมีความคมชัด และสามารถเก็บรายละเอียดได้อย่างครบถ้วน อีกทั้งยังมีเทคโนโลที่ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วอย่าง Zero-Delay Shooting ทำให้ไม่พลาดทุกช็อตสำคัญ
รุ่น MX5 เหนือขึ้นอีกระดับกับกล้อง SONY CMOS 20.7 ที่มาพร้อมเทคโนโลยีเลเซอร์ที่ช่วยโฟกัสยามถ่ายภาพ อีกทั้งยังมีแฟลชทูโทนในหนึ่งบอดี้สำหรับภาพถ่ายที่คมชดเหนือระดับทุกครั้ง
ทั้งรุ่น M2 และ MX5 มาพร้อมกับกล้องหน้าพร้อมความละเอียด 5.0 เมกะพิกเซลที่มีประสิทธิภาพการจับภาพแม้อยู่ในสภาพแสงน้อยก็ตาม และระบบ FotoNationที่พัฒนาขึ้นกว่าเดิมนั้นจะช่วยให้การแชร์รูปภาพได้อย่างง่ายดาย
ฟีเจอร์อื่นๆของรุ่น M2:
สมาร์ทโฟนรุ่น M2 รองรับทั้งระบบ TD-LTE และ FDD-LTE 4G ทำให้ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนจับสัญญาณได้ทั้งสองระบบอย่างไร้ข้อจำกัด อีกทั้งยังสามารถใส่ นาโนซิม (Nano-SIM) ได้พร้อมกันสองซิมบนถาดใส่ซิมเพียงอันเดียว ตัวเครื่องยังรองรับ microSDที่หน่วยความจำสูงสุดถึง 144 GB
ฟีเจอร์อื่นๆของ MX5:
รุ่น MX5 รองรับระบบสองซิมแบบนาโน โดยซิมหลักรองรับระบบ 4G ที่สามารถเล่นอินเทอร์เน็ตได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ในขณะที่อีกซิมหนึ่งรองรับระบบ 2G และสามารถสลับซิมใช้ได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ MX5 ยังมากับระบบใหม่อย่างระบบ mTouch 2.0 ซึ่งเป็นระบบสแกนลายนิ้วมือที่จะให้ท่านใช้งานได้อย่างราบรื่น ปลอดภัย และสะดวกมากขึ้นกว่าแต่ก่อน นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีการชาร์ตรระดับโลกอย่าง mCharge ที่จะช่วยให้สมาร์ทโฟนของคุณชาร์ตได้เร็วยิ่งขึ้นถึง 25% ภายใน 10 นาที และสามารถชาร์ตได้ถึง 60% ภายในเวลาเพียง 40 นาที
ราคาและช่องทางการจำหน่าย
สมาร์ทโฟนรุ่น Meizu MX5 จะวางจำหน่ายในรุ่น 32GB ด้วยสีเทา สีขาวเงิน สีดำเงิน สมาร์ทโฟนรุ่น Meizu M2จะวางจำหน่ายในรุ่น 16GB ด้วยสีเทา และสีขาว สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.lazada.co.th/meizu-m2-note สมาร์ทโฟนรุ่น Meizu MX5 และ Meizu M2 มีจำหน่ายในราคา 10,990 บาท และ 4,990 บาท
หลังจากเปิดตัว Meizu M2note และวางจำหน่ายในประเทศไทยแบบเงียบๆ ไปก่อนหน้า ตอนนี้ทาง Meizu ก็ได้นำอีก 2 สมาร์ทโฟนราคาสุดคุ้มมาเปิดตัวให้แก่คนไทย นั่นคือ Meizu M2 และ Meizu MX5 โดย M2 ขึ้นแท่นกลายเป็นแอนดรอยด์รองรับ 4G ราคาประหยัดที่น่าสนใจที่สุดตัวนึงในทันที กับราคา 4,990 บาท และ MX5 จัดสเปคและฟีเจอร์มาให้แบบเรือธงในราคาท้าชนทุกแบรนด์ทุกค่าย
ทั้งสองรุ่นนี้ Droidsans ได้เคยเขียนรายละเอียดถึงกันไปแล้วรวมถึงมีไปลองจับกันถึงงานเปิดตัวเลยทีเดียว ใครสนใจสามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สัมผัส Meizu m2 สมาร์ทโฟนราคาประหยัดรุ่นใหม่ และ รายละเอียดและฟีเจอร์เครื่อง Meizu MX5 ส่วนใครที่อยากดูรายละเอียดสเปคก็ขอยกมาให้ดูกันง่ายๆด้านล่างนี้เลยค่ะ
สเปค Meizu M2
สเปค Meizu MX5
Meizu M2 จะวางจำหน่ายพรุ่งนี้เป็นวันแรกในรุ่นความจุ 16 GB มี 2 สีให้เลือกคือ สีเทาและสีขาว ในราคา 4,990 บาท ส่วน Meizu Mx 5 เริ่มวางจำหน่ายแล้วในรุ่นความจุ 32 GB มีสีเทา, สีขาวเงิน และสีดำเงิน ในราคา 10,990 ทาง Lazada เช่นเคย
สำหรับใครที่สนใจในช่วงวันที่ 10 – 12 ธันวาคม ที่จะถึงนี้จะมีการลดราคาพิเศษในเทศกาลชอปปิ้งสินค้างออนไลน์ เฟสติวัล (Online Festival) ของทาง Lazada โดย Meizu M2 ลดราคาเหลือ 3,990 บาท และ Meizu MX5 ราคา 9,990 บาท ค่ะ
บทความนี้จะแนะนำ 13 สมาร์ทโฟนแดนพญามังกร ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นสแกนลายนิ้วมือ มาให้เพื่อนผู้อ่านได้ศึกษากันครับว่าตอนนี้แบรนด์จากจีนนั้นก้าวไปถึงระดับไหนแล้ว ผมคาดเดาว่าต่อไปอีกไม่นานนักค่านิยมเก่าๆที่ดูแคลนแบรนด์จากประเทศจีนในไทยน่าจะลดน้อยลงไปเรื่อยๆ เหมือนกับที่เรายอมรับแบรนด์จากประเทศเกาหลีและไต้หวัน ที่ครั้งนึงประเทศไทยก็เคยดูแคลนกันมาแล้วในอดีต ผมจำได้ว่าผมเขียนถึงเรื่องนี้ไปแล้ว และได้กล่าวถึงประเทศไทยว่าเราเองก็เป็นชาติที่ดูแคลนแบรนด์จากบ้านเราเองเช่นกัน ตอนนั้นผมโดนด่าเละเลยครับ ซึ่งมาถึงวันนี้ผมก็ยังเชื่อแบบเดิมนะ และผมอยากให้เรามาตัดสินกันที่คุณภาพดีกว่าครับ เพราะจากใจผมอยากให้แบรนด์บ้านเราก้าวไกลไปในระดับโลกจริงๆ สำหรับ 13 รุ่นที่นำมาแนะนำเป็นเพียงบางส่นของสมาร์ทโฟนจากประเทศจีน ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นสแกนลายนิ้วมือ เรามาดูกันครับว่ามีรุ่นอะไรบ้าง
Huawei Honor 7 วัสดุสุดพรีเมี่ยมโลหะ Unibody มาพร้อมหน้าจอขนาด 5.2 นิ้วความละเอียด Full HD 1080P 1920 x 1080 pixels, กล้องความละเอียด 20MP, RAM 3GB, แบตเตอรี่ความจุสูง 3100 mAh, ชิปเซ็ต Kirin 935 Quad-core 2.2 GHz Cortex-A53 & quad-core 1.5 GHz Cortex-A53, รองรับการใช้งาน 2 ซิม
และแน่นอนครับว่ามาพร้อมฟังก์ชั่นสแกนลายนิ้วมือ เช่นเดียวกับรุ่นพี่อย่าง Huawei Mate 7 เจ้า Huawei Honor 7 สามารถเปิดหน้าจอและปลดล็อคโทรศัพท์มือถือด้วยการกดเพียงครั้งเดียว
4G LTE 1800/ 2100/ MHz
ขนาดตัวเครื่อง 143.2 x 71.9 x 8.5 มม. น้ำหนัก 157 กรัม
Dual SIM (Nano-SIM, dual stand-by)
Fingerprint sensor
หน้าจอ IPS LCD ขนาด 5.2 นิ้วความละเอียด Full HD 1080P 1080 x 1920 pixels (424 ppi)
Android 5.0 Lollipop ครอบทับด้วย Emotion UI 3.1
CPU HiSilicon Kirin 935 Quad-core 2.2 GHz Cortex-A53 & quad-core 1.5 GHz Cortex-A53
GPU Mali-T628 MP4
RAM 3GB
หน่วยความจำภายในมีให้เลือก 16GB และ 64GB สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกได้สูงสุด 128GB
Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, WiFi Direct, hotspot
Bluetooth 4.0, A2DP, EDR, LE
NFC
Micro USB 2.0
GPS, GLONASS/ Beidou
เซนเซอร์ Accelerometer, gyro, proximity, compass
กล้องความละเอียด 20MP, 5152 x 3888 pixels, phase detection autofocus, dual-LED (dual tone) flash
กล้องหน้าความละเอียด 8MP, LED flash, panorama
แบตเตอรี่ความจุ 3100 mAh
เป็นสมาร์ทโฟนที่ยังไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่มีข้อมูลจาก TENAA ออกมาแล้ว (รวมทั้งรุ่นใหญ่อย่าง Lenovo P1 Pro ด้วย) สำหรับ Lenovo P1 มาพร้อมวัสดุโลหะและงานประกอบแบบ Unibody ไร้รอยต่อ มาพร้อมปุ่ม Home ซึ่งมีฟังก์ชั่นสแกนรอยนิ้วมืออยู่ด้วย สำหรับสเปคยังไม่ชัดเจนนักแต่ตามข้อมูลจะมาพร้อมชิปเซ็ต Snapdragon 615
Elephone P8000 รองรับ 4G LTE และมาพร้อมชิปเซ็ต Mediatek MT6753 octa-core 1.5GHz หน้าจอขนาด 5.5 นิ้วความละเอียด Full HD 1080P, RAM 3GB, หน่วยความจำภายใน 16GB และสามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกได้ สำหรับแบตเตอรี่นั้นจะมีความจุสูงถึง 4200mAh
และกล้องจาก Samsung ความละเอียด 13MP และกล้องหน้าความละเอียด 5MP ทำงานบน Android 5.0 Lollipop ตั้งแต่เปิดตัวมีเซนเซอร์สแกนรอยนิ้วมือที่ตรงปุ่ม Home ด้านหน้าวึ่งออกแบบได้น่าสนใจครับ เพราะเป็นปุ่มแบบสัมผัส
Fingerprint sensor
หน้าจอ IPS LCD ขนาด 5.5 นิ้วความละเอียด Full HD 1080P 1080 x 1920 pixels
Android 5.0 Lollipop
CPU Mediatek MT6753 octa-core 1.5GHz
RAM 3GB
หน่วยความจำภายในมีให้เลือก 16GB และ 64GB สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกได้สูงสุด 128GB
Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, WiFi Direct, hotspot
Bluetooth 4.0, A2DP, EDR, LE
Micro USB 2.0
GPS
กล้องความละเอียด 13MP
กล้องหน้าความละเอียด 5MP
แบตเตอรี่ความจุ 4200 mAh
Mlais M7 Plus ที่ต่อยอดมาจาก Mlais M7 มาพร้อมการปรับปรุงเล็กๆน้อยๆที่น่าสนใจคือฟังก์ชั่นสแกนลายนิ้วมือ สำหรับสเปคอื่นๆมาพร้อมชิปเซ็ต Mediatek MT6753, RAM 3GB และเปิดตัวมาพร้อม Android 5.1 Lollipop
Bluboo เตรียมเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ชื่อว่า Bluboo XTouch ซึ่งมีจุดเด่นตรงอาจจะมาพร้อมราคาที่น่าตกใจ (ในที่นี้คือถูกหรือแพงหว่า5555) Bluboo XTouch จะมาพร้อมหน้าจอกระจกแซฟไฟร์ (แหมมมมมยังกะ Vertu) ความละเอียด Full HD 1080p 1920 x 1080 pixels, RAM 4GB, ชิปเซ็ต Helio X10, แบตเตอรี่ความจุสูง 3050 mAh, กล้อง Sony IMX214 ความละเอียด 13MP
ด้านหน้าปุ่ม Home จะมีฟังก์ชั่นสแกนลายนิ้วมือ สำหรับราคาและกำหนดการวางจำหน่ายยังไม่ประกาศในตอนนี้ครับ ดูหน้าตาแล้วคล้ายเอา Samsung มาผสม OPPO แหะ สเปคดูพรีเมี่ยมไม่เบาเลย
อาจจะไม่คุ้นชื่อแบรนด์นักแต่แบรนด์นี้ได้รับการสนับสนุนจากแบรนด์ชื่อดังอย่าง Lenovo นะครับ ZUK Z1 เป็นสมาร์ทโฟนที่ดูพรีเมี่ยมไม่เบา และมาพร้อมสเปคที่สูงระดับเรือธงแถมมาพร้อมแบตเตอรี่ความจุสูงถึง 4000+mAh เลยทีเดียว (ส่วนจะเท่าไหร่ต้องรอดูข้อมูลอัพเดตกัน)
ZUK Z1 จะเปิดตัวในประเทศจีนวันที่ 11 สิงหาคมนี้ครับ ก็อีกแค่ไม่กี่วันแล้วนะ และจะทำตลาดในต่างประเทศต่อไป ซึ่งบ้านเราก็คงยากอยู่ สิ่งที่ทราบตอนนี้คือ ZUK Z1 จะมาพร้อมฟังก์ชั่นสแกนลายนิ้วมือ, RAM 3GB, USB Type C (เก๋ละสิ อิอิ), กล้องความละเอียด 13MP และปรุงรอมโดย CyanogenMod ที่แฟนๆชื่นชอบ
Meizu MX5 มาพร้อมขนาด 5.5 นิ้วความละเอียด Full HD 1080P, RAM 3GB, หน่วยความจำภายใน 16GB, กล้องหลักความละเอียด 20.7MP รองรับการบันทึกวิดีโอ 2160P กล้องหน้าความละเอียด 5MP บันทึกวีดีโอ Full HD 1080P
ชิปเซ็ต Mediatek MT6795T หรือ Helio X10 Cortex-A53 octa-core 2.2GHz, GPU PowerVR G6200 MP4 และฟังก์ชั่นสแกนลายนิ้วมือ
3G HSDPA 850 / 900 / 1900 / 2100
4G LTE band 1(2100), 3(1800), 7(2600)
ขนาดตัวเครื่อง 149.9 x 74.7 x 7.6 มม. น้ำหนัก 149 กรัม
Dual SIM (Nano-SIM, dual stand-by)
Fingerprint sensor
Fast battery charging
หน้าจอ AMOLED ขนาด 5.5 นิ้วความละเอียด Full HD 1080P 1080 x 1920 pixels (401 ppi), Gorilla Glass 3
Android 5.0 Lollipop ครอบทับด้วย Flyme 4.5
CPU Mediatek MT6795T Octa-core 2.2 GHz Cortex-A53
GPU PowerVR G6200 MP4
RAM 3GB
หน่วยความจำภายในมีให้เลือก 16GB, 32GB และ 64GB
Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, WiFi Direct, hotspot
Bluetooth 4.0, A2DP, LE
Micro USB 2.0
GPS, GLONASS
เซนเซอร์ Accelerometer, gyro, proximity, compass
กล้องความละเอียด 20.7 MP, 5248 х 3936 pixels, laser autofocus, dual-LED (dual tone) flash, 1/2.3” sensor size, geo-tagging, touch focus, face detection, HDR, panorama
บันทึกวีดีโอ 2160p@30fps, 1080p@30fps, 720p@100fps
กล้องหน้าความละเอียด 5 MP, 1080p@30fps
แบตเตอรี่ความจุ 3150 mAh
OnePlus 2 เปิดตัวอย่างป็นทางการในประเทศจีนไปเมื่อวันที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมานี่เองมันมีฉายาเท่ๆว่า 2016 Flagship Killer มาพร้อมสเปคที่น่าสนใจมากๆอย่าง RAM 4GB, หน้าจอขนาด 5.5 นิ้วความละเอียด Full HD 1080P, ชิปเซ็ต Snapdragon 810, PDAF auto focus แต่ก็ยังขาดฟังก์ชั่นที่หลายๆคนต้องการอย่างการเพิ่มหน่วยความจำภายนอก, Fast battery charging และ NFC สำหรับแฟนๆในต่างประเทศ OnePlus 2 จะไปตลาดปลายปีนี้ครับ (เราใจตรงราคานี่ละ)
3G HSDPA 850 / 900 / 1900 / 2100
4G LTE band 1(2100), 3(1800), 5(850), 7(2600), 8(900), 20(800), 38(2600), 40(2300), 41(2500)
ขนาดตัวเครื่อง 151.8 x 74.9 x 9.9 มม. น้ำหนัก 175 กรัม
Dual SIM (Nano-SIM, dual stand-by)
Fingerprint sensor
หน้าจอ LTPS LCD ขนาด 5.5 นิ้วความละเอียด Full HD 1080P 1080 x 1920 pixels (401 ppi), Gorilla Glass 4
Android 5.1 Lollipop ครอบทับด้วย Oxygen UI
CPU Qualcomm MSM8994 Snapdragon 810 Quad-core Cortex-A53 & Quad-core 1.8 GHz Cortex-A57
GPU Adreno 430
16 GB, 3 GB RAM
64 GB, 4 GB RAM
Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Wi-Fi Direct, DLNA, hotspot
Bluetooth 4.1, A2DP
Micro USB 2.0, Type-C reversible connector
GPS, GLONASS
เซนเซอร์ Accelerometer, gyro, proximity, compass
กล้องความละเอียด 13 MP, 4128 x 3096 pixels, optical image stabilization, laser autofocus, dual-LED flash, Geo-tagging, touch focus, face detection, panorama, HDR
บันทึกวีดีโอ 2160p@30fps, 2160p(DCI)@24fps, 1080p@60fps, 720p@120fps
กล้องหน้าความละเอียด 5 MP, 1080p@30fps
แบตเตอรี่ความจุ 3300 mAh
ZTE ประกาศเปิดตัว ZTE V3 ออกมา 3 รุ่นโดยเริ่มต้นที่ราคา 999 หยวนในประเทศจีน โดยทั้ง 3 รุ่นมีสเปคที่คล้ายกันมาก จะแตกต่างกันก็ตรงคุณสมบัติและอุปกรณ์เสริม วัสดุตัวเครื่องเป็นโลหะ มีฟังก์ชั่นสแกนรอยนิ้วมือที่ด้านหลัง หน้าจอตัวเครื่องขนาด 5.5 นิ้วความละเอียด Full HD 1080P, แบตเตอรี่ความจุ 3000 mAh, ชิปเซ็ต Octa Core 64bit, กล้องความละเอียด 13MP ระบบเสียง DTS stereo
Ulefone Be Touch 2 เป็นรุ่นอัพเดตจาก Ulefone Be Touch มีสีขาวออกมาให้เลือก หน้าจอความละเอียด Full HD 1080P 1920 x 1080 pixels, แบตเตอรี่ความจุสูง 3050 mAh สำหรับ Ulefone Be Touch 2 มาพร้อมฟังก์ชั่นสแกนรอยนิ้วมืออยู่ด้านล่างหน้าจอ
ขนาดตัวเครื่อง 158.1 x 77.4 x 8.60 มม. น้ำหนัก 160 กรัม
Fingerprint sensor
Fast battery charging
หน้าจอ IPS LCD ขนาด 5.5 นิ้วความละเอียด Full HD 1080P 1080 x 1920 pixels (401 ppi), Gorilla Glass 3, กระจกขอบโค้ง 2.5D
Android 5.1 Lollipop
CPU MTK MT6752 Octa Core 1.7GHz
GPU Mali T760 MP2
RAM 3GB
หน่วยความจำภายใน 16GB สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกได้สูงสุด 64GB
Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Wi-Fi Direct, DLNA, hotspot
Bluetooth 4.0
Micro USB 2.0
GPS
เซนเซอร์ Accelerometer, gyro, proximity, compass
กล้องความละเอียด Sony IMX214 (Gen 4th) 13MP
กล้องหน้าความละเอียด 5MP
แบตเตอรี่ความจุ 3050 mAh
Coolpad Dazen เป็นแบรนด์ที่ไม่ใช่ทำตลาดในจีนเท่านั้น แต่มีไปทำตลาดในประเทศอินเดียด้วยสำหรับ Coolpad Dazen Note 3 มาพร้อมหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว, RAM 3GB, Mediatek MT6753, ฟังก์ชั่นสแกนรอยนิ้วมืออยู่ด้านหลัง, กล้องความละเอียด 13MP ซึ่งรองรับฟังก์ชั่นถ่ายภาพ 360 องศาด้วย หน้าตาสวยและน่ารักดีนะครับเนี่ย
จุดน่าสนใจของ Blackview ดูน่าตื่นเต้นดีนะครับ ซึ่งก็มีหลายแบรนด์ที่มีข่าวว่าจะพัฒนาไอเดียนี้ให้เป็นจริงนั่นคือฟังก์ชั่นสแกนรอยนิ้วมือไปอยู่บนหน้าจอ ซึ่งตอนนี้ยังเป็นแค่ Concept phone อยู่นะครับ
สำหรับสเปคดูแรงทีเดียว Mediatek MT6797, RAM 4GB, หน้าจอความละเอียด QHD และกล้อง Sony IMX230 ความละเอียด 20MP ถ้าหากว่า Blackview สามารถทำได้จริงจะเป็นเจ้าแรกๆที่สามารถทำแบบนั้นได้ครับ
Oukitel U10 เป็นสมาร์ทโฟนระดับเรือธงของแบรนด์ ใช้วัสดุโลหะทั้งเครื่องเหมือน Oukitek U9 มาพร้อมงานประกอบ Unibody มีฟังก์ชั่นสแกนรอยนิ้วมือ และกล้องความละเอียด 13MP ของ Samsung
หน้าจอ JDI lives ขนาด 5.5 นิ้วความละเอียด Full HD 1080P 1920 x 1080 pixeld, กล้องหน้าความละเอียด 5MP, ชิปเซ็ต Mediatek MT6753, RAM 3GB, Android 5.1 Lollipop วางจำหน่ายในราคาเพียง 160$ หรือประมาณ 5120 บาทเท่านั้น
3G HSDPA 900/2100MHz
4G LTE 800/1800/2100/2600MHz
Dual SIM (Nano-SIM, dual stand-by)
Fingerprint sensor
Fast battery charging
หน้าจอ IPS+OGS ขนาด 5.5 นิ้วความละเอียด Full HD 1080P 1080 x 1920 pixels (401 ppi)
Android 5.1 Lollipop
CPU MTK6753 64bit Octa Core 1.5GHz
GPU Mali-T760
RAM 3GB
หน่วยความจำภายใน 16GB สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกได้สูงสุด 128GB
Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Wi-Fi Direct, DLNA, hotspot
Bluetooth 4.0
Micro USB 2.0
GPS
กล้องความละเอียด 13MP Samsung 3M2
กล้องหน้าความละเอียด 5MP wide-angle
แบตเตอรี่ความจุ 2850 mAh
from:http://www.appdisqus.com/2015/08/06/listed-top-chinese-phones-with-fingerprint-scanners.html
Meizu MX5 เป็นสมาร์ทโฟนที่น่าสนใจมากครับ วัสดุโลหะทั้งเครื่อง ดูทนทานและมีรายละเอียด แถมราคาถูกกว่าครึ่งนึงของมือถือแพงๆอย่าง iPhone 6 หรือ Samsung Galaxy S6
ซึ่งสิ่งที่หลายๆคนสนใจยิ่งกว่าสเปคหรือวัสดุก็คือเรื่องของกล้องครับ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเรื่องของกล้องกลายเป็นจุดขายของสมาร์ทโฟนในทุกๆวันนี้ไปแล้ว สำหรับ Meizu MX5 มาพร้อมกล้องความละเอียด 20.7MP ค่ารูรับแสง F2.2 พร้อมไฟแฟลช Dual-LED และระบบ infra-red laser auto-focusing เหมือนใน LG G3 และ LG G4 ซึ่งสามารถจับโฟกัสอัตโนมัติในเวลาเพียง 0.2 วินาทีเท่านั้น ในกรณีที่วัตถุอยู่ห่างจากเรา 20 นิ้ว (50 ซม.) ในทุกสภาพแสง
Meizu MX5 สามารถบันทึกวีดีโอความละเอียดระดับ 4K และบันทึกในโหมดสโลว 100fps ในความละเอียด HD 720P สำหรับรายละเอียดเชิงเทคนิคของกล้อง Meizu MX5 เราก็ได้ทราบกันไปแล้วมารับชมตัวอย่างภาพถ่ายจาก Meizu MX5 กันครับว่าเมื่อใช้ถ่ายภาพโดยคนทั่วไป คุณภาพจะออกมาดีแค่ไหน?
โดยภาพตัวอย่างเหล่านี้ถ่ายในสภาพแสงค่อนข้างยากนะครับ เพราะเริ่มจะค่ำแล้วและมีภาพที่มืดแล้วด้วย Noise เยอะมากทีเดียวสำหรับภาพความละเอียด 20MP ซึ่งสำหรับ Meizu MX5 ก็เป็นหนึ่งในสมาร์ทที่มีขนาดเซนเซอร์ใหญ่ที่สุดในบรรดาสมาร์ทโฟนระบบ Android โดยมีขนาดอยู่ที่ 1/2.3 นิ้วเทียบเท่ากล้อง Compact ทั่วๆไปเลยทีเดียว ผมว่าภาพที่ได้ดูน่าผิดหวังไปหน่อยนะครับ แต่ก็อยากเห็นภาพที่ถ่ายในสภาวะแสงปกติดูเหมือนกันนะ ซึ่งว่าไปภาพกลางคืนก็ทำได้ไม่เลวครับถ้าไม่ขยายดู
และมีเปรียบเทียบกล้องของ Meizu MX5 กับอีกหนึ่งสมาร์ทโฟนยอดนิยมอย่าง Xiaomi Mi Note นั่นเองซึ่งทาง Appdisqus ก็พึ่งปล่อยรีวิวให้อ่านกันไป พร้อมคลิป Hangout ไปเมื่อเร็วๆนี้เองครับ
ามารถเห็นได้ชัดเจนว่า Meizu MX5 โทนสีจะออกแนวธรรมชาติส่วนทาง Xiaomi Mi Note สีสันจะสดใสมากๆ แต่ว่า Meizu MX5 จะเก็บรายละเอียดได้ดีกว่า ส่วนทาง Xiaomi Mi Note แต่แต่งเยอะจนรายละเอียดหายไปหมด ก็ลองพิจารณาจาก File เหล่านี้ดูนะครับว่าคุณพอใจกับกล้องของ Meizu MX5 หรือเปล่า?
ค่ายมือถือ Meizu ได้เปิดตัว MX5 สมาร์ทราคาสุดคุ้มดีไซน์สวยงามด้วยบอดี้แบบโลหะบางเพียง 7.6มม. หนัก 149 กรัม หน้าจอขนาด 5.5 นิ้วความละเอียด Full HD แบบ Super AMOLED ทนทานกระจก Gorilla Glass 3 แบตเตอรี่ความจุ 3,150 mAh
ทางด้านสเปคมาพร้อมซีพียู Octa-core ความเร็ว 2.2GHz. จีพียู PowerVR G6200 แรม 3GB มีให้เลือก 3 ความจุคือ 16GB, 32GB และ 64GB กล้องดิจิตอลความละเอียด 20.7 ล้านพิกเซลพร้อมแฟลช LED 2 สี และเลเซอร์โฟกัส กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล f/2.0 ในการถ่ายภาพเซลฟี่ในที่แสงน้อย ถ่าย VDO ที่ความละเอียด 4K ถ่ายคลิปแบบสโลว์โมชั่นที่ 100-fps ได้ในความละเอียด 720p
Meizu MX5 มีเซ็นเซอร์สแกนนิ้วมือแบบเดียวรุ่น MX4 Pro ที่มีชื่อว่า mTouch reader อัพเกรดเป็นเวอร์ชั่น 2.0 ใช้งานได้รวดเร็วและแม่นยำกว่าเดิม นอกจากนี้ตัวเครื่องยังรองรับการใช้งาน dual-SIM แบบ LTE ทั้ง 2 ซิม มีเทคโนโลยี mCharge ในการชาร์จแบตเตอรี่แบบรวดเร็วที่สามารถชาร์จตัวเครื่อง MX5 จาก 0% ถึง 25% ได้ในเวลา 10 นาทีเท่านั้น
Meizu MX5 มีให้เลือก 3 สีคือสีเทา,สีเงินและสีทองแชมเปญ ราคาในรุ่นความจุ 16GB ราว 9800 บาท ความจุ 32GB ราว 10900 บาทและความจ 64GB ราว 13,200 บาท
ที่มา – gsmarena
techfeedthai 