คลังเก็บป้ายกำกับ: MARSHALL

7 ลำโพงพกพาเสียงดี ราคาเป็นมิตร ฟังเพลงชิลๆ ก็ดี ปาร์ตี้ก็มันส์ เริ่ม 1,550 บาท อัพเดทปี 2023

รวมลำโพงพกพาน่ามีไว้ใช้ พกไปงานปาร์ตี้หรือเปิดฟังเพลงชิลๆ ก็ดี!

ลำโพงพกพา 1

ไม่ว่าโอกาสไหนๆ จะไปปาร์ตี้กับเพื่อน, ไปเที่ยวต่างจังหวัดหรือนั่งอ่านหนังสือเงียบๆ ในห้อง หลายคนก็อยากให้มีเสียงเพลงที่ชอบประกอบเสมอ หลายคนจึงมองหาลำโพงพกพาดีๆ สักตัวมาเปิดเพลงฟังให้ได้อารมณ์ สร้างบรรยากาศดีๆ ให้ทำสิ่งต่างๆ ได้มีความสุขได้อรรถรสยิ่งขึ้น ซึ่งลำโพงพกพาเหล่านี้มีตั้งแต่ตัวเล็กเท่า Powerbank ไปจนเป็นลำโพงตัวใหญ่ที่เราคุ้นเคยก็มี ด้านราคาก็มีตั้งแต่หลักพันบาทต้นไปจนรุ่นเรือธงราคาหลักหมื่นบาทเลยทีเดียว

Advertisementavw

และเมื่อเป็นลำโพงพกพา ทางผู้ผลิตก็สร้างแอพฯ มาให้ผู้ใช้โหลดไปติดตั้งในสมาร์ทโฟน Android, iOS ไว้อัพเดทเฟิร์มแวร์, ปรับจูนเสียงหรือสั่งเชื่อมต่อลำโพงรุ่นเดียวกันอีกตัวให้เล่นเพลงเดียวกันให้ได้เสียงแบบสเตอริโอ ฟังเพลงได้อรรถรสยิ่งขึ้นและซีลกันน้ำเอาไว้ด้วย เผื่อเกิดอุบัติเหตุทำลำโพงตกสระน้ำไปโดยไม่ตั้งใจ ก็ยังหยิบกลับขึ้นมาเช็ดให้แห้งได้ทันท่วงทีไม่เสียหายไปเสียก่อน และบางรุ่นที่มีแบตเตอรี่ในตัวเยอะก็เสียบชาร์จแบตเตอรี่ให้สมาร์ทโฟนเครื่องที่ต้องการได้อีกด้วย จัดว่าสะดวกน่าใช้มากและยังจัดเข้ามุมให้เป็นเฟอร์นิเจอร์แต่งห้องได้โดยไม่ขัดสายตาอย่างแน่นอน

ลำโพงพกพา

สรุปสเปค 7 ลำโพงพกพาตัวเด็ด ฟังเพลงสนุก!!

สเปคลำโพงพกพา Connectivity Frequency Response Battery Life Application Price
(Baht)
Sony SRS-XB13 Bluetooth 4.2

USB-C

Google Fast Pair

ต่อแบบสเตอริโอ

20Hz~20kHz 16 ชั่วโมง 1,550
Sony SRS-XB23 Bluetooth 5.0

ปุ่ม Party

20Hz~20kHz 12 ชั่วโมง Sony Music Center 3,990
Anker SoundCore Flare 2 Bluetooth 5.0

USB-C

Party Mode ได้ 100 ตัว

กำลังขับ
20 วัตต์
12 ชั่วโมง SoundCore App 2,790
Marshall Emberton II Bluetooth 5.1

USB-C

60Hz~20kHz

กำลังขับ
20 วัตต์

เสียง 360 องศา

30 ชั่วโมง Marshall Bluetooth 5,990
Bose SoundLink Flex Bluetooth 4.2

USB-C

Party Mode

กำลังขับ
12 วัตต์

PositionIQ

12 ชั่วโมง Bose Connect 6,490
JBL Flip 6 Bluetooth 5.1

USB-C

PartyBoost

63Hz~20kHz

กำลังขับ
30 วัตต์

12 ชั่วโมง JBL Portable 5,190
JBL Boombox 3 Bluetooth 5.3

เชื่อมต่อพร้อมกัน
2 อุปกรณ์

PartyBoost

40Hz~20kHz

กำลังขับรวม
180 วัตต์ RMS

24 ชั่วโมง

เป็น Powerbank ให้สมาร์ทโฟนได้

JBL Portable 21,900

7 ลำโพงพกพาเสียงดีฟังเพลงสนุก

หากใครเป็นสายปาร์ตี้หรือชอบเปิดเพลงฟังในห้อง อยากได้ลำโพงดีๆ เอาไว้ฟังเพลงหรือ Podcast ที่ชอบให้เสียงดังฟังชัดหรือเผื่อหยิบติดตัวไปเที่ยวกับเพื่อนล่ะก็ ผู้เขียนได้เลือกลำโพงน่าใช้มาแนะนำทั้งหมด 7 รุ่น ได้แก่

  1. Sony SRS-XB13 (1,550 บาท)
  2. Sony SRS-XB23 (3,990 บาท)
  3. Anker Soundcore Flare 2 (2,790 บาท)
  4. Marshall Emberton II (5,990 บาท)
  5. Bose SoundLink Flex (6,490 บาท)
  6. JBL Flip 6 (5,190 บาท)
  7. JBL Boombox 3 (21,900 บาท)
1. Sony SRS-XB13 (1,550 บาท)

son1

Sony SRS-XB13 เป็นลำโพงรุ่นแรกราคาถูกแต่เสียงดีโดนใจสายฟังเพลงแน่นอน ด้วยฟีเจอร์ EXTRA BASS ให้เสียงเบสโทนต่ำฟังดีหนักแน่นยิ่งขึ้นและขนาดก็เล็กพกง่ายและมีสายคล้องแขนและแขวนกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้ และถ้ามีลำโพง Sony รุ่นเดียวกันก็สามารถเชื่อมต่อแบบสเตอริโอได้ การเชื่อมต่อรองรับเฉพาะ Bluetooth 4.2 เท่านั้น รองรับ Google Fast Pair ตอบสนองความถี่คลื่น 20Hz~20kHz ใช้ฟังเพลงได้นานสุด 16 ชั่วโมงและชาร์จผ่านพอร์ต USB-C ได้ สามารถกันน้ำกันฝุ่นได้ระดับ IP67 ไม่ต้องกังวลเรื่องฝุ่นหรือตกน้ำเลยก็ได้ หากใครอยากได้ลำโพงดีๆ เอาไว้พกไปเที่ยวหรือฟังเพลงในห้องก็ซื้อตัวนี้ได้เลย

สเปคของ Sony SRS-XB13
Connectivity Bluetooth 4.2, USB-C, Google Fast Pair, ต่อแบบสเตอริโอได้
Frequency Response 20Hz~20kHz
Battery Life 16 ชั่วโมง
Application
Price 1,550 บาท (thatsound.great Shopee)
2. Sony SRS-XB23 (3,990 บาท)

2 New size 1 1

ลำโพงพกพาของ Sony รุ่น Sony SRS-XB23 รุ่นนี้อัพเกรดจาก SRS-XB13 ในรุ่นก่อนให้เป็นลำโพงฟูลเรนจ์คู่แบบ X-Balanced Speaker โดยไดอะแฟรมลำโพงถูกออกแบบเป็นทรงไข่ให้มีพื้นที่มากยิ่งขึ้นเบสหนักแน่น ลดอาการเสียงแตกได้สเตจเสียงกว้างขึ้นและดีไซน์ให้มี Passive Radiator ด้านข้างเพื่อเสียงเบสที่ดีขึ้น มีฟีเจอร์ EXTRA BASS ในตัว ถ้ามี SRS-XB23 อีกก็กดปุ่ม Party เชื่อมต่อลำโพงร่วมกันด้วยปุ่ม Party Mode เล่นเพลงร่วมกันได้มากสุด 100 ลำโพง ควบคุมและตั้งค่าได้ด้วยแอพฯ Sony Music Center ได้ ตัวลำโพงเชื่อมต่อได้ด้วย Bluetooth 5.0 ตอบสนองความถี่ 20Hz~20kHz ใช้งานได้นาน 12 ชั่วโมง ชาร์จแบตเตอรี่ด้วยพอร์ต USB-C ได้ กันน้ำและฝุ่นระดับ IP67 หากใครหาลำโพงดีๆ เอาไว้จัดงานปาร์ตี้ก็ซื้อลำโพงพกพา Sony ตัวนี้ไปใช้ได้เลย

สเปคของ Sony SRS-XB23
Connectivity Bluetooth 5.0 มีปุ่ม Party เชื่อมต่อลำโพงร่วมกันได้ 100 ตัว
Frequency Response 20Hz~20kHz
Battery Life 12 ชั่วโมง
Application Sony Music Center
Price 3,990 บาท (Sony Shopee Mall)
3. Anker Soundcore Flare 2 (2,790 บาท)

soundcore flare 2 img 4 2048x

Anker Soundcore Flare 2 รุ่นนี้ก็เป็นลำโพงน่าใช้อีกรุ่นที่ให้เสียงได้ 360 องศารอบทิศทาง มีไฟ RGB คุมเอฟเฟคแสงได้ด้วยแอพฯ SoundCore ได้ กันน้ำกันฝุ่นระดับ IPX7 และเชื่อมต่อลำโพงรุ่นเดียวกันใช้แบบ Party Mode ได้ถึง 100 ตัว รองรับ Bluetooth 5.0 และใช้เป็นลำโพงคุยโทรศัพท์ได้ด้วย มี Bass radiator คู่พร้อมชิป DSP ติดตั้งมาในตัวให้ได้เสียงเบสที่หนักแน่นขึ้น กำลังขับรวม 20 วัตต์ โดยแยกเป็นลำโพง 10 วัตต์ 2 ตัว ให้ได้เสียงรอบทิศทาง มีแบตฯ ในตัว 5,200mAh ใช้งานได้ 12 ชั่วโมง แถมมีฟีเจอร์ชาร์จไวเพียง 3.5 ชั่วโมง แบตเตอรี่ก็กลับมาเต็มแล้วด้วยพอร์ต USB-C หากใครหาลำโพงพกพาแบบมีเอฟเฟคไฟไว้เสริมสีสันในปาร์ตี้ล่ะก็ Anker SoundCore Flare 2 ตัวนี้จัดว่าน่าสนใจมาก

สเปคของ Anker Soundcore Flare 2
Connectivity Bluetooth 5.0, USB-C, เชื่อมต่อ Party Mode ได้ 100 ตัว
Frequency Response – / กำลังขับ 20 วัตต์
Battery Life 12 ชั่วโมง
Application SoundCore App
Price 2,790 บาท (Mac Modern Shopee Mall)
4. Marshall Emberton II (5,990 บาท)

03 usp desktop

Marshall Emberton II เป็นลำโพงพกพาคุณภาพสูงที่ผู้ใช้หลายคนเลือกซื้อมาใช้ นอกจากดีไซน์สวยดูดี ใช้เป็นเฟอร์นิเจอร์ในบ้านได้ ใช้ไดรเวอร์แบบ Dynamic ให้เสียงสเตอริโอรอบทิศทาง 360 องศา มี Stack Mode เชื่อมลำโพง Emberton II เข้าหากันให้เสียงดีและดังยิ่งขึ้น ตั้งค่าและอัพเดทเฟิร์มแวร์ได้ด้วยแอพฯ Marshall Bluetooth ชาร์จแบตเตอรี่ด้วย USB-C ใช้งานได้นานเกิน 30 ชั่วโมง มีปุ่มควบคุมลำโพงติดตั้งมาให้และกันน้ำระดับ IP67 ด้วย จึงใช้ในงานปาร์ตี้ได้สบายๆ ไดรเวอร์ลำโพงเป็นดอกลำโพง 2 นิ้ว 2 ดอก กำลังขับดอกละ 10 วัตต์ รวม 20 วัตต์ ตอบสนองความถี่ 60Hz~20kHz เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ ด้วย Bluetooth 5.1 ได้ทันที หากใครชอบเสียงโทนเบสแน่นและสเตจเสียงกว้างสักนิด ฟังเพลงแนวร็อคและแจ๊สได้ดีมีอรรถรสล่ะก็ Marshall Emberton II เป็นจัดว่าน่าสนใจมาก

สเปคของ Marshall Emberton II
Connectivity Bluetooth 5.1, USB-C
Frequency Response 60Hz~20kHz กำลังขับรวม 20 วัตต์ ได้เสียง 360 องศา
Battery Life 30 ชั่วโมง
Application Marshall Bluetooth
Price 5,990 บาท (thatsound.great Shopee)
5. Bose SoundLink Flex (6,490 บาท)

cq5dam.web .1000.1000

ถ้าคิดถึงลำโพงเสียงดีๆ ต้องมีคนคิดถึงลำโพง Bose อย่างแน่นอน ซึ่งผู้เขียนแนะนำลำโพงพกพา Bose SoundLink Flex ตัวนี้เป็นพิเศษเพื่อคนที่ชอบออกไปมีกิจกรรมนอกบ้านเพราะกันน้ำและฝุ่นระดับ IP67 และติดสายหิ้วหูฟังมาให้เป็นเนื้อเดียวกับบอดี้ซิลิโคนของตัวลำโพง ดังนั้นต่อให้เผลอปัดโดนแล้วตกก็ไม่เสียหาย มีเทคโนโลยี PositionIQ สำหรับจับทิศทางการวางลำโพงแล้ว Optimize เสียงให้ดียิ่งขึ้น มี Party Mode เชื่อม Bose SoundLink Flex อีกตัวเข้าหากันแล้วเล่นเพลงพร้อมกันได้ มีแบตเตอรี่ในตัวให้ฟังเพลงได้นานสุด 12 ชั่วโมง ชาร์จได้ด้วยสาย USB-C มีแอพฯ Bose Connect สำหรับตั้งค่าและอัพเดทเฟิร์มแวร์ให้ลำโพงได้แถมยังใช้รับสายโทรศัพท์ได้ด้วย ด้านการเชื่อมต่อรองรับ Bluetooth 4.2 กำลังขับรวม 12 วัตต์ ถือเป็นลำโพงพกพาคุณภาพดีและงานประกอบแข็งแรงใช้ได้ เหมาะกับสายกิจกรรมกลางแจ้งอย่างแน่นอน

สเปคของ BOSE SOUNDLINK FLEX
Connectivity Bluetooth 4.2, USB-C มี Party Mode
Frequency Response กำลังขับ 12 วัตต์, PositionIQ
Battery Life 12 ชั่วโมง
Application Bose Connect
Price 6,490 บาท (lcdtvthailand Shopee Mall)
6. JBL Flip 6 (5,190 บาท)

JBL Flip 6 Lifestyle 01 904x560px

JBL Flip 6 เป็นลำโพงพกพาอีกรุ่นที่ผู้ใช้หลายคนเลือกซื้อมาฟังเพลง เพราะตัวลำโพงแข็งแรงทนทาน กันน้ำและฝุ่นระดับ IP67 ใช้งานได้ 12 ชั่วโมง และชาร์จผ่านสาย USB-C มีโหมด PartyBoost เชื่อมต่อลำโพง JBL ที่มีฟีเจอร์นี้เข้าหากันแล้วเล่นเพลงเดียวกันพร้อมกันได้ เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนด้วย Bluetooth 5.1 ตั้งค่ารวมทั้งอัพเดทเฟิร์มแวร์ได้ด้วยแอพฯ JBL Portable มีกำลังขับรวม 30 วัตต์ ตอบสนองความถี่ 63Hz~20kHz ซึ่งตัว Flip 6 นี้ ใช้งานดีทั้งวางในแนวตั้งหรือนอนก็ได้แถมยังแข็งแรงทนทานไม่เสียง่ายและมีปุ่มควบคุมติดมาให้บนตัวลำโพงอีกด้วย หากใครหาลำโพง Bluetooth เสียงเบสหนัก ฟังเพลงสนุกหรือชอบฟังเพลงแนว EDM เป็นทุนเดิมล่ะก็ JBL ตอบโจทย์อย่างแน่นอน

สเปคของ JBL Flip 6
Connectivity Bluetooth 5.1, USB-C, PartyBoost
Frequency Response 63Hz~20kHz กำลังขับ 30 วัตต์
Battery Life 12 ชั่วโมง
Application JBL Portable
Price 5,190 บาท (Munkonggadget Shopee Mall)
7. JBL Boombox 3 (21,900 บาท)

sg 11134201 22100 cau0163po6ive5

สุดท้ายถ้างบประมาณไม่ใช่ปัญหา จะเอาลำโพงพกพาตัวเด็ดเสียงดีและวางเป็นเฟอร์นิเจอร์ในบ้านได้อีกล่ะก็ JBL Boombox 3 ตัวนี้ถูกใจสายฟังเพลงอย่างแน่นอน เพราะเนื้อเสียงดี สเตจกว้างและเบสหนักแรงปะทะจุใจ ได้มิติเสียง 3 ทิศทาง ตอบสนองความถี่ 40Hz~20kHz กำลังขับรวมสูงสุด 180 วัตต์ RMS ตัวลำโพงติดด้ามจับโลหะมีซิลิโคนสีส้มกันลื่นติดมาให้จับถือติดตัวไปได้ง่าย กันน้ำกันฝุ่นระดับ IP67 และมีโหมด PartyBoost เชื่อมต่อลำโพง JBL ที่มีฟีเจอร์นี้เหมือนกันแล้วเล่นเพลงพร้อมกันได้ ระยะเวลาใช้งานแบตเตอรี่ของ Boombox 3 ตัวนี้ใช้ได้นานสุด 24 ชั่วโมง และใช้ลำโพงเป็น Powerbank ชาร์จแบตเตอรี่ให้สมาร์ทโฟนได้ รองรับ Bluetooth 5.3 เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดและเชื่อมต่ออุปกรณ์ 2 ชิ้นเข้ากับลำโพงได้ ใช้แอพฯ JBL Portable ควบคุมการทำงานของลำโพงได้ หากใครหาลำโพงตัวโหด กำลังขับสูงเอาไว้จัดปาร์ตี้กับเพื่อนสักตัวล่ะก็ Boombox 3 ตัวนี้จัดเป็นตัวเด็ดน่าสนใจรุ่นหนึ่งเลย

สเปคของ JBL Boombox 3
Connectivity Bluetooth 5.3 เชื่อมต่อพร้อมกันได้ 2 อุปกรณ์ มี PartyBoost
Frequency Response 40Hz~20kHz กำลังขับรวมสูงสุด 180 วัตต์ RMS
Battery Life 24 ชั่วโมง ใช้เป็น Powerbank ให้สมาร์ทโฟนได้
Application JBL Portable
Price 21,900 บาท (Munkonggadget Shopee Mall)

habib dadkhah 6HDoRL0Y w unsplash 1

ข้อดีเมื่อมีลำโพงพกพากำลังขับดีเสียงแน่นติดเอาไว้สักตัวนั้น นอกจากเรื่องพกไปฟังเพลงในงานปาร์ตี้หรือตอนไปเที่ยวกับเพื่อนแล้ว บางครั้งตอนกำลังอ่านหนังสือหรือทำกิจกรรมอื่นๆ ในบ้าน เช่น ล้างรถ, ทำความสะอาดบ้าน, อ่านหนังสือ ก็หยิบมาเปิดเพลงหรือ Podcast ที่ชอบฟังไปเรื่อยๆ ก็ได้ ด้วยขนาดที่เล็กและเบาจึงหยิบติดตัวไปวางตามขอบเฟอร์นิเจอร์ได้สบายๆ เผลอปัดโดนแล้วตกกระแทกพื้นก็ไม่ต้องห่วงว่าลำโพงจะแตกเสียหายเลย เป็นแกดเจ็ตที่มีประโยชน์มากชิ้นหนึ่ง


บทความที่เกี่ยวข้อง

7จอพกพาน่าใช้ 1

7 mechanical keyboard full size 1

7เมาท์ไร้สายเทพๆ

from:https://notebookspec.com/web/687865-7-recommend-portable-speaker

ลำโพงบลูทูธพกพาเสียงระดับเทพ Marshall Willen และ Emberton II เริ่มวางจำหน่ายในไทยแล้ววันนี้

Marshall แบรนด์เครื่องเสียงที่มีทั้งหูฟังและลำโพงดีไซน์เป็นเอกลักษณ์สุด ๆ ตอนนี้ได้นำเอาลำโพงบลูทูธรุ่นใหม่แกะกล่องเข้ามาเปิดตัวในไทยทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกัน คือ Marshall Willen และ Marshall Emberton II ซึ่งแม้ว่าทั้งคู่จะมีขนาดเล็กกระทัดรัดพกพาง่าย แต่พลังเสียงนี่บอกเลยว่ากระหึ่มเกินตัวไปเยอะ นอกจากนี้ยังมากับฟีเจอร์ล้ำ ๆ อย่าง Stack Mode ให้สามารถเชื่อมต่อลำโพงหลายตัวเข้าด้วยกันง่าย ๆ แค่กดปุ่มเดียวอีกด้วย

Marshall Willen

ลำโพงจิ๋วแจ๋วที่นับว่าเป็นรุ่นน้องตัวเล็กที่สุดของ Marshall ด้วยขนาดเพียง 101.6 x 100.5 x 40.4 มม. และน้ำหนักแค่ 0.31 กก. แต่คุณภาพเสียงแบบอัดแน่นกระหึ่มบึ้ม ๆ ด้วยไดรเวอร์แบบไดนามิค 10W ขนาด 2 นิ้ว มาพร้อมแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องกว่า 15 ชม. (เวลาชาร์จกลับ 0-100% ใน 3 ชม.)

ตัวลำโพงถูกอกแบบมาให้มีความสมบุกสมบันพร้อมใช้งานได้ในทุกสถานการณ์ แถมยังได้รับมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP67 อีกต่างหาก

Marshall Willen ยังรองรับ Stack mode ที่สามารถเชื่อมลำโพง Marshall Willen ตัวอื่น ๆ เข้าด้วยกันเพื่อเร่งพลังเสียงได้ง่ายดายมาก ๆ ด้วยการกดแค่ปุ่มเดียวเท่านั้น และการเชื่อมต่อด้วยโหมดนี้ยังไม่ต้องวุ่นวายทำผ่านมือถือด้วย เพราะกดเชื่อมจากตัวลำโพงได้เลย

Marshall Emberton II

ตามด้วย Marshall Emberton II รุ่นภาคต่อ ที่ยังคงดีไซน์เล็กกระทัดรัดในรูปแบบแนวนอน มาในขนาด 68 x 160 x 76 มม. และน้ำหนัก 0.7 กก. มากับไดรเวอร์แบบไดนามิค 10W จำนวน 2 ตัว ให้ระบบเสียงสเตอรีโอแท้ ๆ มีแบตเตอรี่อึด ๆ ที่เล่นต่อเนื่องได้กว่า 30 ชม. (เวลาชาร์จกลับ 0-100% ใน 3 ชม.)

Marshall Emberton II ได้รับการออกแบบให้ทนทานสมบุกสมบันเช่นกัน และได้รับมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP67 ด้วย จะโดนน้ำสาด หรือจะเอาไปฟังเพลงกลางสายฝนก็ไม่มีปัญหา

Marshall Emberton II รองรับ Stack mode สำหรับการเชื่อมต่อลำโพงหลาย ๆ ตัวเพื่อเพิ่มพลังด้วยการกดเพียงปุ่มเดียวด้วย

ราคา

Marshall Willen มีราคาอยู่ที่ 3,990 บาท ส่วน Marshall Emberton II มีราคาอยู่ที่ 7,490 บาท โดยเริ่มวางจำหน่ายแล้ววันนี้ตามร้านค้าที่เป็นตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยครับ



from:https://droidsans.com/marshall-willen-emberton-ii-thailand-official/

Marshall เปิดตัวลำโพง Bluetooth สองรุ่น Willen ลำโพงเน้นพกพา และ Emberton II

Marshall เปิดตัวลำโพง Bluetooth ใหม่สองรุ่น คือ Willen ลำโพงไซส์เล็กขนาดเน้นพกพา และ Emberton II ที่ปรับปรุงจากรุ่นแรกหลายด้าน

สำหรับตัวแรกคือ Willen เป็นลำโพง Bluetooth ขนาดเล็กพกพาง่ายตัวแรกของ Marshall มีมิติตัวเครื่องที่ 10.16 x 10.16 x 4.06 เซนติเมตร หนัก 308 กรัม ตัวลำโพงมี full-range driver ขนาด 2 นิ้ว 1 ตัว และ passive radiator สองตัว ใช้ Bluetooth 5.1 และรองรับการอัพเดตแบบ over-the-air ผ่านแอป กันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP67 และแบตเตอรี่ใช้งานได้นานสุดถึง 15 ชั่วโมงต่อชาร์จ

No Description

อีกรุ่นคือ Emberton II ซึ่ง Marshall ปรับปรุงจาก Emberton รุ่นแรกหลายด้าน ทั้งแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานสุดถึง 30 ชั่วโมงต่อชาร์จ (มากกว่าเดิม 50%) พร้อมโหมดชาร์จเร็วที่สามารถชาร์จเพียง 20 นาทีก็เล่นเพลงได้นานสุดถึง 4 ชั่วโมง, เพิ่ม stack mode ที่เชื่อมกับลำโพง Emberton II หรือ Willen ตัวอื่นและซ้อนกันหลายชั้นเพื่อเพิ่มมิติเสียง, ซัพพอร์ตการใช้งานร่วมกับแอป และ Marshall ระบุว่ายังคงรักษาระบบเสียงเอกลักษณ์ของรุ่นนี้เอาไว้

มิติตัวเครื่องของรุ่น Emberton II อยู่ที่ 6.86 x 16 x 7.62 เซนติเมตร น้ำหนัก 680 กรัม และกันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP67 ใช้ Bluetooth 5.1 และรองรับการอัพเดตแบบ over-the-air ผ่านแอป

No Description

ที่มา – Engadget, Gizmodo

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/128298

รีวิว Marshall Major IV เบาสบายตลอดวัน เสียงดีเกินขนาด

หูฟังแบบสวมศีรษะ ที่น้ำหนักเบา ไร้สาย เสียงดีเกินตัว กับรีวิว Marshall Major IV ที่จัดว่าจิ๋วแต่แจ๋วที่สุดรุ่นหนึ่งตั้งแต่ทีมงานเคยได้รีวิว สวมใส่สบาย เสียงดีในแบบ Marshall พร้อมดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ แต่จะจิ๋วแจ๋วแค่ไหน ต้องไปชมกัน

Marshall Major IV

Advertisementavw

Marshall Major IV เป็นหนึ่งในรุ่นที่มีการอัพเกรทขึ้นมาจากรุ่น 3 อยู่หลายประการ ด้วยหูฟังแบบไร้สายเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.0 ในรูปแบบเฮดโฟนที่มีขนาดไม่ใหญ่ พร้อมจุดเด่นที่ไดร์ฟเวอร์ขนาด 40 มิลลิเมตร มีแบตเตอรี่ในตัวสามารถใช้งานได้ถึง 80 ชั่วโมง อึดขึ้นกว่าเดิม แถมชาร์ตเร็ว 15 นาที ใช้ได้  15 ชั่วโมง และยังรองรับการชาร์ตไร้สาย หรือไม่ชอบไร้สายก็ยังสามาถเชื่อมต่อผ่านสาย 3.5 มิลลิเมตรได้ เบาเพียง 165 กรัม ดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ โดยมี 2 สีให้เลือกทั้งน้ำดำ และน้ำตาลแบบที่ทีมงานได้มารีวิว แต่จะสวย และเสียงดีขนาดไหนไปชมกัน

Marshall Major IV

  • Frequency Response : 20 Hz – 20 kHz
  • Driver Sensitivity : 99 dB SPL (100mV @ 1kHz)
  • Driver Type : Dynamic
  • Driver Impedance : 32 Ω
  • Drivers : 40 mm

BATTERY
  • Wireless Charging : Yes (Wireless charging pad is not included)
  • Play Time : 80+ hours with Bluetooth
  • Charging Time : 3 hours to full recharge
  • 15 minutes charging gives you 15 hours of wireless playtime

CONTROLS AND CONNECTIVITY
  • Microphone & Remote : Yes
  • Bluetooth Range : 10 m
  • Control Knob : Yes
  • Wireless Connectivity : Bluetooth 5.0

INCLUDED IN THE BOX
  • Box Contents
  • Major IV headphones
  • 3.5 mm audio cord
  • User manual and legal and safety information
     
  • USB-C charging cable
  • PHYSICAL UNIT
  • Collapsible : Yes
Weight :165 g
 
Colorways
  • Black
  • Brown

 Marshall Major IV 04

Marshall Major IV 05 Marshall Major IV 06

กล่องของ Marshall Major IV มาในขนาดกะทัดรัด พร้อมโชว์หน้าตาฟีเจอร์ต่างๆที่ครบครัน

Marshall Major IV 07

เปิดกล่องมาจะเจอ Marshall Major IV ในรูปแบบพับเก็บอยู่ภายใน

Marshall Major IV 08

อุปกรณ์มาตรฐานในกล่องจะมีเจ้า Marshall Major IV คู่มือ สายชาร์ต และสายต่อ 3.5 มิลลิเมตร

Marshall Major IV 09

สายต่อแบบ 3.5 มิลลิเมตรที่แถมมาให้สำหรับใช้กับอุปกรณ์ที่ไม่รองรับ Bluetooth หรืออยากสัมผัสเสียงแบบเชื่อมต่อตรงแบบสาย

Marshall Major IV 11

สายชาร์ตเป็นแบบ USB-C to USB-A มีการขึ้นลายที่หัวชาร์ต และมีความแข็งแรงดีมาก

Marshall Major IV 12

หูฟัง Marshall Major IV จะสามารถพับเก็บได้เวลาไม่ใช้งาน

Marshall Major IV 13

Marshall Major IV 16 Marshall Major IV 17

Marshall Major IV เป็นหูฟัง On-Ear แนบหูขนาดเล็ก น้ำหนักเบามากๆ เพียง 165 กรัมเท่านั้น มาพร้อมรูปร่างหน้าตาที่ไม่ต่างจากในรุ่น 3 เท่าไหร่นัก วัสดุที่เลือกสรรค์มาเป็นอย่างดี Earcup ภายในเลือกใช้เป็นโฟมที่ให้สัมผัสที่นุ่มสบายหูมากๆ ส่วนด้านนอกยังคงใช้เป็นหนังที่มีความหรูหราพรีเมียม จับถนัดมือ ให้อารมณ์ความเป็น Marshall อยู่เช่นเดิม ก้านเป็นโลหะสามารถยืดหดได้พอสมควร ดีไซน์นี้หลายๆท่านที่ชื่อชอบสไตล์ Marshall น่าจะชอบกันไม่มากก็น้อย

Marshall Major IV 14

Marshall Major IV 15 Marshall Major IV 18

แพ็ดตัวหุฟังทำมาจากหนักขึ้นลายสีน้ำตลาด พร้อมพิมพ์โลโก้ Marshall และบอกด้านซ้าย ขวา วัสดุที่เป็นหนังดีมาก ทำให้ดูหนูหราและทนทานดีทีเดียว ขอบมีการเย็บอย่างเรียบร้อย งานดี

Marshall Major IV 22

Marshall Major IV 19 Marshall Major IV 20

Earcup เป็นหนัง PU วัสดุคุณภาพดี ภายในเลือกใช้เป็นโฟมที่ให้สัมผัสที่นุ่มสบายหูมากๆ ใส่สบาย และน้ำหนักเบา

Marshall Major IV 25

Marshall Major IV 21 Marshall Major IV 27

บริเวณขอบหูฟังด้านขวาจะเป็นปุ่ม  Control Knob สีทองที่เป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์ ทำหน้าที่ควบคุมต่างๆ อย่างครบครันทั้ง เล่น/หยุดเพลง รับสาย/วางสาย เรียกใช้งานผู้ช่วยเสียง เพิ่มเสียง/ลดเสียง ย้อนกลับเพลงก่อนหน้า/ข้ามไปเพลงถัดไป และเปิด/ปิด นอกจากนั้นก็ยังมีไมค์โครโฟน ช่องต่อสายชาร์ตแบบ USB Type-C และขั้วต่อสาย 3.5 มิลลิเมตร สำหรับเชื่อมต่อหูฟังแบบสาย

marshall major iv 04 1

อีกหนึ่งจุดเด่นของรุ่นนี้เลยคือ รองรับการชาร์ตไร้สายที่หูฟังด้านขวา แค่วางไปบนแท่นก็ชาร์ตได้ทันที

marshall major iv 03 1

ส่วนช่อง AUX/3.5 mm. นั้นสำหรับการเชื่อมต่อแบบมีสาย และพิเศษด้วยฟังก์ชั่น Sharing การทำงานคือขณะที่เชื่อมต่อ Bluetooth อยู่นั้น หากนำหูฟังมีสายอื่นๆ มาเชื่อมต่อก็สามารถแชร์เพลงที่กำลังฟังอยู่เข้าไปในหูฟังนั้นๆ ได้ในทันที

DSC08257

DSC08264 DSC08274

การสวมใส่

ด้วยน้ำหนักที่เบามาก ทำให้สวมใส่ได้สบาย ใส่ต่อเนื่องได้โดยที่ไม่รู้สึกหนักศีรษะ เรียกว่าเหมือนไม่ได้ใส่เลย และการที่เป็นแบบ On Ear ทำให้ใบหูไม่รู้สึกอับ และตัวหูฟังก็ไม่ได้กดลงบนใบหูหนัก แต่ก็เป็นข้อเสียที่ไม่สามารถใส่ออกกำลังกาย หรือเคลื่อนไหวศีรษะหนักๆได้จะทำให้ตัวหูฟังเลื่อนหล่นได้ค่อนข้างง่าย

ฟังค์ชั่น

ฟังค์ชั่นหลักจะอยู่ที่ปุ่มแบบจอยสติ๊กทางด้านขวา ซึ่งจะทำหน้าที่ตั้งแต่เชื่อมต่อ ควบคุมเสียง ควบคุมเพลง ซึ่งใช้ง่ายและสะดวกมาก สะดวกกว่าพวกหูฟังทีุ่่มเยอะๆ ซะอีก ปุ่มเดียวจบ

DSC08279

DSC08269 DSC08266

คุณภาพเสียง

ด้วยไดรเวอร์เสียงแบบ Dynamic ข้างละ 40 มิลลิเมตร สำหรับขับเสียงย่านกลาง สูง และเบส ทำให้สัมผัสได้ถึงแนวเสียงแบบ Marshall ที่ให้รายละเอียดเสียงครบทุกย่าน ไม่ว่าจะโทนเสียงกลางที่ค่อนข้างใส่ รายละเอียดครบ เสียงแหลมก็ดีไม่บาดหรือสูงจนเกินไป และเสียงเบสที่มีความหนักแน่น ลูกใหญ่ ฟังสนุกแต่ก็ไม่ได้หนักจนไม่สบายหู เรียกได้ว่าครบทุกย่านเสียง โดยเฉพาะท่านที่ชอบเบสแน่นๆ หรือฟังเพลงแนวร็อคน่าจะชื่นชอบเป็นพิเศษ นอกจากนั้นเวทีเสียงให้รายละเอียดที่ชัดเจน และกว้างขึ้นกว่ารุ่นก่อน

คุณภาพไมค์

ที่รับเสียงได้คมชัด ตัดเสียงแทรกได้ดีในระดับหนึ่งครับ คุยริมถนน หรือในออฟฟิศที่มีคนอยู่เยอะได้สบายๆ หรือถ้าประชุมในห้องปิดจะรับเสียงได้คมชัดดีมาก แม้ไม่ได้พูดเสียงดัง

แบตเตอรี่

ตามสเปคเคลมไว้ว่าสามารถใช้ได้ 80 ชั่วโมง ซึ่งทีมงานใช้งานต่อเนื่องราว 3 ชั่วโมง แบตเตอรี่ลดไปแค่ราว 20% เท่านั้น จัดว่าแบตเตอรี่อึดทีเดียว นอกจากนั้นยังรองรับการชาร์ตไร้สาย หรือต่อสายชาร์ตด่วน 15 นาที ใช้ได้ถึง 15 ชั่วโมง แบตอึดจริงแถมชาร์ตไวด้วย

DSC08269

Marshall Major IV เป็นเฮดโฟนที่ใส่สบายอย่างมาก ด้วยน้ำหนักที่เบา และเป็นแบบ on ear ทำให้ใส่ต่อเนื่องได้ไม่อับ ใส่ฟังเพลง ทำงานตลอดทั้งวันสบายๆ ในเรื่องของเสียงก็ยังคงเป็นเอกลักษณ์ในแบบ Marshall โดยเฉพาะเสียงเบสที่มาครบ แต่จะฟังเพลงแนวอื่นหรือดูหนังเล่นเกมก็สบายๆ

อีกหนึ่งจุดเด่นก็จะเป็นเรื่องของแบตเตอรี่ที่การันตีความอึดที่หูฟังแบบอื่นให้ไม่ได้ ใช้งานต่อเนื่องได้ยาวๆทั้งวันสบายๆ และยังมีฟังค์ชั่นชาร์ตไว และชาร์ตไร้สายก็ยังได้

สำหรับเพื่อนๆที่อยากได้เฮดโฟนใส่บาย เสียงดี ใช้งานง่ายและแบตอึดละก็ Marshall Major IV ตัวนี้คือคำตอบ ด้วยราคาค่าตัว 5,490 บาท ถ้าเทียบกับคุณภาพเสียงฟังค์ชั่นต่างๆและถือว่าคุ้มค่าน่าโดนทีเดียว

อย่าเชื่อจนกว่าจะได้ลอง หรือซื้อได้ที่ Studio7, Banana, Bb Beyond D-Box, B-Play, bnn.in.th

จุดเด่น

  • น้ำหนักเบาใส่สบาย
  • วัสดุหรูดูดี
  • เสียงดี โดยเฉพาะสายเบส
  • ปุ่มคอนโทรลใช้งานง่าย
  • แบตอึด ชาร์ตเร็ว ชาร์ตไร้สายได้
  • เชื่อมต่อแบบ 3.5 มิลลิเมตรได้

ข้อสังเกต

  • ไม่มีถุงผ้าสำหรับเก็บแถมมา
  • เลื่อนหลุดศีรษะได้ง่าย
  • ตัดเสียงภายนอกได้ไม่ดีเท่าที่ควร

from:https://notebookspec.com/web/619911-review-marshall-major-iv

รีวิว Marshall Mode II TWS เสียงเพื่อชาวร็อค ราคาดีที่ 5,990 บาท

ออกตัวเลยว่า Marshall Mode II เป็น TWS นอกสายตาของทีมงานไม่เคยคิดที่จะลอง หรือซื้อมาใช้งานเลย อาจจะเพราะไม่ได้เป็นแฟน Marshall เท่าไรนัก แต่เมื่อได้มีโอกาสรีวิว ต้องเปลี่ยนความคิดไปเลย มันดีกว่าที่คิดถูกใจมาก จนอยากจะเปลี่ยนมาใช้ ว่าแต่มันมีดีอะไร ตามไปชมกันครับ

Marshall Mode II

Advertisementavw

Marshall Mode II เป็น TWS หรือ True Wireless รุ่นที่ 2 จากแบรนด์เครื่องเสียงชั้นนำอย่าง Marshall ที่ขึ้นชื่อเรื่องโทนเสียง รวมไปถึงการออกแบบเพื่อชาวร็อค โดยเฉพาะใน Marshall Mode II ที่ได้ปรับขนาดให้เล็กลง โดนยังคงดีไซน์ที๋โดดเด่นไว้เช่นเดิม และยังมาพร้อมจุดเด่นที่อัพเกรทขึ้นมาจากรุ่นก่อน ไม่ว่าจะเป็นไดร์ฟเวอร์ขนาด 6 มิลลิเมตร รองรับการใช้งานได้ต่อเนื่อง 5 ชั่วโมง และเคสชาร์ตอีก 20 ชั่วโมง ชาร์ตเคสได้ทั้งพอร์ต USB-C และ Wireless Charge เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.1 กันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IPX5 และมีน้ำหนักเบาเล็กกะทัดรัดอย่างมาก แต่จะดีไหมเดี๋ยวรู้กัน

Marshall Mode II

  • Frequency Response : 20 Hz – 20 kHz
  • Driver Sensitivity : 100.5 dB SPL (179 mV @ 1 kHz)
  • Driver Type : Dynamic
  • Driver Impedance : 16 Ω
  • Drivers : 6 mm

  • BATTERY
    • Play Time : 5 hours in earbuds
    • Charging Time : 2 hours (number of charges in charging case: 4)

  • CONTROLS AND CONNECTIVITY
    • Microphone & Remote : Microphone: Yes (dual)
  • TOUCH RESPONSE FUNCTIONS
    • Control your music : Activate native voice assistant
    • Receive and end calls : Activate Transparency mode
  • TRANSPARENCY MODE : Yes
  • Bluetooth Range : 10 m
  • Wireless Connectivity
    • Bluetooth 5.1

  • INCLUDED IN THE B
    • Box Contents
    • Mode II true wireless headphones
    • Charging case
    • USB-C charging cable
    • User manual and legal and safety information
    • Ear tips (S, M, L, XL)
  • PHYSICAL UNIT
    • Weight : 4.75 g (charging case weight 35 g)
    • Weight : 0.17 oz (charging case weight 1.23 oz)
  • Water Resistance
    • IPX5 in earbuds
    • IPX4 in charging case

Marshall Mode II 02

Marshall Mode II 03 Marshall Mode II 04

กล่องของ Marshall Mode II เป็นเอกลักษณ์ พร้อมโชว์สเปคและหน้าตาอย่างครบครัน

Marshall Mode II 05

อุปกรณ์ภายในกล่องจะมีตัว Marshall Mode II คู่มือ สายชาร์ตแบบ USB-C to USB-A และจุกหูฟัง 4 ไซท์ ให้เลือกเปลี่ยนได้ตามความต้องการ

Marshall Mode II 06

สายชาร์ตแบบ USB-C to USB-A เป็นแบบสายยาง คุณภาพดี พร้อมขึ้นสายที่หัวพอร์ต

Marshall Mode II 09

Marshall Mode II 10 Marshall Mode II 11

หน้าตากล่องเคส Marshall Mode II วัสดุหลักของผิวเป็นยางขึ้นลายหนังอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ Marshall ทำให้จับได้กระชับมือ ดูหรูหราไม่เหมือนใคร พร้อมโลโก้ Marshall ด้านล่างจะมีสกรีนสเปครายละเอียด พร้อมเป็นจุดที่รองรับ Wireless Charge ขอบของตัวกล่องเคสมีการขึ้นลาย พร้อมไฟแสดงสถานะการชาร์ตด้านหน้า

Marshall Mode II 13

นองจากรองรับ Wireless Charge แล้วยังสามารถชาร์ตผ่านพอร์ต USB Type-C ได้ด้วย

Marshall Mode II 15

ขนาดกล่องเคสเล็กกะทัดรัดมากๆ วัสดุดี ดูชาวร็อคมาก

Marshall Mode II 16

ภายในกล่องเคสจะเห็นคำว่า EST.1962 ซึ่งเป็นปีต้นกำเนิดของแบรนด์ Marshall พร้อมตัวหูฟังอยู่ด้านล่าง

DSC08242

ฝั่งที่ชาร์ตหูฟัง จะมีปุ่มสีทองสำหรับแพร์ หรือตั้งค่าเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน โดยการกดปุ่มค้าง เพื่อเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ จะแตกต่างจากแบรนด์อื่นที่จะกดแพร์จากตัวหูฟังโดยตรง

Marshall Mode II 20

ภายในฐานชาร์ตตัวหูฟังจะมีขั้วชาร์ต 2 ขั้วหลัก ๆ พร้อมแม่เหล็กสำหรับดูดเพื่อยึดติด ซึ่งไม่ได้แรงมาก สามารถหยิบเข้าออกได้ง่าย แม้หูฟังจะมีขนาดที่ค่อนข้างเล็กก็ตาม

Marshall Mode II 27 Marshall Mode II 31

ขนาดของตัวหูฟังเล็กมาก น้ำหนักเบา ทำให้สามารถใช้งานต่อเนื่องได้โดยไม่เมื่อยล้าหู และไม่เจ็บหู

Marshall Mode II 33

Marshall Mode II 32 Marshall Mode II 34

Marshall Mode II 35 Marshall Mode II 36

รายละเอียดของตัวหูฟังจะเป็นแบบอินเอียร์แต่ก็ไม่ได้ยัดเข้าไปในรูหูมากนัก โดยจะมีโลโก้ M ด้านหลังที่ทำหน้าที่สั่งงานแบบสัมผัส โดยด้านข้างจะมีช่องไมค์สำหรับช่วยตัดเสียงรบกวน และจะมีไมค์รับเสียงสนธนาบริเวณของด้านล่าง

ด้านในของหูฟังจะมีขัวสำหรับเชื่อมต่อเคสชาร์ต พร้อมเซนเซอร์ตรวจจับการใช้งาน เมื่อถอดหูฟัง เพลงก็จะหยุดเล่นโดยอัตโนมัติ ช่องหูฟังสีทองสวยงามตัดกับวัสดุโดยรวมที่เป็นสีดำ ทำให้ดูหรูหราไปอีก

Screenshot 20211029 164643 Bluetooth

หน้าหลักของซอฟแวร์ จะโชว์อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ พร้อมระดับแบตเตอรี่ที่เหลือของหูฟังทั้งซ้ายและขวา

Screenshot 20211029 164703 Bluetooth

หน้าหลักของอุปกรณ์จะมีเมนูคร่าวๆ เช่นปรับ EQ หรือปรับเปิดปิดการตั้งค่าการสัมผัส

Screenshot 20211029 164728 Bluetooth Screenshot 20211029 164740 Bluetooth

ในส่วนของ EQ มีให้เลือกทั้งแบบพรีเซ็ต และสามารถปรับตั้งค่าเองก็ได้ตามความชอบ

Screenshot 20211029 164805 Bluetooth

ในส่วนของ Noise Control จะเป็นการลดเสียงรบกวนจากซอฟแวร์ ไม่ได้มีตัวฮาร์ดแวร์ช่วยตัดเสียงรบกวน ช่วยได้นิดหน่อยครับ

DSC08243

DSC08244 DSC08245

การสวมใส่

ดูหูฟังที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด ทำให้การสวมใส่ง่าย และสบายไม่รุู้สึกหนัก แต่มีสวยที่เป็น in-ear ที่สอดเข้าไปในรูหูพอสมควรแต่ไม่เยอะมาก ถ้ารับจุดนี้ได้ ก็ถือว่าว่าเป็นหูฟังที่สวมใส่สบายดีทีเดียว

ฟังค์ชั่น

ฟังค์ชั่นหลักจะเป็นปุ่มสัมผัสที่ด้านหลังหูฟัง โดยการสั่งงานหลักแตะ 1 ครั้งจะเป็นเล่นหยุดเพลง แตะ 2 ครั้งจะเป็นการเล่นเพลงถัดไปหรือก่อนหน้า โดยตัวหูฟังจะมีเซนเซอร์ตรวจจับ ถ้าถอดออกเพลงจะหยุดเล่นเอง เมื่อใส่เพลงจะเล่นต่อให้อัตโนมัติ

DSC08238

คุณภาพเสียง

คุณภาพเสียถือเป็นจุดเด่นที่ทีมงานชื่นชอบอย่างมาก โดยเฉพาะเสียงเบสที่หนักแน่น เป็นลูกๆ เสียงแหลม หรือเสียงร้องก็ชัดเจน เวทีเสียงค่อนข้างกว้าง โดยเฉพาะเมื่อฟังคอนเสิร์ต จะให้เสียงร้องและดนตรีที่ครบเครื่อง น่าจะเหมาะกับชาวร็อคที่ชอบฟังเบส หรือเครื่องดนตรีแนวกีตาร์เป็นพิเศษ เน้นฟังเพลงหูฟังตัวนี้ถือว่าตอบโจทย์ได้ดี

คุณภาพไมค์

มีไมค์อยู่ข้างละ 2 ตัว รวมเป็น 4 ตัว เท่าที่ลองใช้งานถ้าใช้งานในห้อง หรือพื้นที่ซึ่งไม่ค่อยมีเสียงรบกวนสามารถคุยได้สบายๆ ไม่ต้องใช้เสียงดังมาก แต่ถ้าเดินริมถนนหรือที่เสียงดังละก็ อาจจะแค่พอคุยได้ เพราะปลายสายจะได้ยินเสียงรอบข้างเข้ามาด้วย

แบตเตอรี่

ทีมงานลองใช้งานต่อเนื่องราว 2 ชั่วโมง ฟังเพลงด้วยระดับเสียง 50% แบตเตอรี่ยังไม่มีการเตือนใดๆ เหลือแบตอีกราว 50% ถ้าใช้ไป และพักชาร์ตเป็นช่วงๆใช้งานได้ทั้งวันสบายๆ

ในส่วนของการดีเลเมื่อดูหนัง หรือเล่นเกม จัดว่าดีเลน้อย ต้องตั้งใจจับผิดถึงจะรู้สึก ถ้าใช้งานผ่านๆ แทบไม่รู้สึกถึงการดีเลเลย

DSC08239

Marshall Mode II เป็น TWS ที่อยู่นอกสายตาของหลายๆท่านรวมถึงทีมงานด้วย แต่เมื่อได้ลอง ได้ลองแล้ว ผมเชื่อว่าหลายท่านน่าจะเปลี่ยนความคิดไม่มากก็น้อย ตั้งแต่ตัวหูฟังที่ภายนอกดีไซน์ไม่เหมือนใคร เป็นเอกลักษณ์ในแบบ Marshall ถ้าชอบก็ชอบเลย อีกทั้งในเรื่องของขนาดก็เล็กกะทัดรัดมากๆ

และเมื่อมาดูเรื่องของเสียงจิ๋วแต่แจ๋ว เพราะให้โทนเสียงที่ฟังสนุก โดยเฉพาะเพลงร็อค หรือดูหนังก็ให้เสียงดีดังครบเครื่อง ใส่นานไม่เจ็บหูน้ำหนักก็เบา ครบเครื่องแบบนี้ในราคา 5,990 บาท

อย่าเชื่อจนกว่าจะได้ลอง หรือซื้อได้ที่ Studio7, Banana, Bb Beyond D-Box, B-Play, bnn.in.th

จุดเด่น

  • ดีไซน์โดนใจชาวร็อค
  • เล็กกะทักรัด
  • รองรับ Wireless Charge
  • เสียงดีฟังสนุก

ข้อสังเกต

  • หลายท่านอาจจะไม่ชอบดีไซน์นี้เท่าไร
  • ไม่มีฟังค์ชั่นตัดเสียงรบกวนด้วยฮาร์ดแวร์

from:https://notebookspec.com/web/619955-review-marshall-mode-ii

Marshall เปิดตัว Matif ANC และ Minor III ดีไซน์ยอดนิยม ฟังต่อเนื่อง 5 ชม. เริ่มต้นประมาณ 4,290 บาท

ใครที่ชอบฟังเพลงเสพติดหูฟังคงไม่มีใครไม่รู้จัก Marshall ที่ล่าสุด พวกเขาได้นำเอาหูฟังไร้สายแบบ Truly Wireless มาเปิตถึงสองรุ่น ได้แก่ Motif ANC และ Minor III ซึ่งไฮไลท์ของการเผยโฉมรอบนี้ก็คือ หูฟัง Marshall มากับระบบตัดเสียงรบกวนภายนอกหรือ Active Noise Cancellation แล้ว

Marshall เผยว่า Motif ANC มาพร้อมกับระบบตัดเสียง ANC และฟังได้ต่อเนื่อง 4.5 ชั่วโมงต่อการชาร์จเต็ม 100 หนึ่งรอบ ตัวเคสมีแบตเก็บเอาไว้ในตัว ชาร์จไฟเพิ่มได้อีก 20 ชั่วโมง โดยโหมด ANC เลือกปรับโหมดได้ว่าจะให้กรองเสียงภายนอกได้มากแค่ไหน หรือจะปรับเป็น Transparency Mode ก็ได้ สำหรับความทนทาน หูฟังรุ่นนี้ผ่านมาตรฐาน IPX5 ใส่ออกกำลังกายได้ เปียกน้ำได้นิดหน่อย

โดย Marshall Motif ANC มากับระบบชาร์จไร้สาย ไมค์จำนวน 2 ตัว สำหรับการสนทนาที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม และสามารถแตะใช้งานคำสั่งต่าง ๆ ได้จากตัวหูฟังได้เลย ไม่ต้องหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาให้ยุ่งยาก

ส่วน Minor III จะมีสเปคที่ลดหลั่นจากรุ่นก่อนหน้ามานึงหน่อย ขับเคลื่อนด้วยไดร์เวอร์ขนาด 12 มิลลิเมตร ถูกปรับแต่งระบบเสียงมาให้เป็นตามฉบับหูฟัง Marshall โดยเฉพาะ ฟังต่อเรื่องได้สูงสุด 5 ชั่วโมง และชาร์จไฟเพิ่มได้อีก 20 ชั่วโมงจากตัวเคสผ่าน USB-C อีกทั้งยังได้ Wireless Charging อีกด้วย นอกจากนี้ยังรองรับมาตรฐาน IPX4 ใส่ออกกำลังกายได้

ราคาและวันวางจำหน่าย

  • Motif ANC พรีออเดอร์ผ่านเว็บ Official วางขายจริง 30 กันยายน ราคา $199 หรือประมาณ 6,600 บาท
  • Minor III วางขายแล้ววันนี้ ราคา $129 หรือประมาณ 4,290 บาท

*ราคาดังกล่าวยังไม่รวมภาษี*

ส่วนจะเข้าไทยหรือเปล่า ตรงนี้ก็ต้องรอลุ้นกันอีกทีนะครับ เพราะข้อมูลดังกล่าวเป็นเพียงข้อมูลจากประเทศฝั่งตะวันตกทั้งนั้น แต่ส่วนตัวผมคิดว่าน่าจะเข้ามาทำตลาดในไทยแน่ ๆ เพราะหูฟังและเครื่องเสียงของ Marshall ก็มีวางจำหน่ายตามโซนอุปกรณ์ไอทีตามห้างต่าง ๆ นั่นเอง

 

ที่มา: engadget

 

 

from:https://droidsans.com/marshall-matif-anc-minor-double-is-announced/

เปิดตัว Marshall Mode II หูฟัง TWS ตัวแรกของค่าย ดีไซน์งาม ควบคุมด้วยระบบสัมผัส กันน้ำ IPX5

เชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะคุ้นเคยกับแบรนด์ Marshall ที่มีชื่อเสียงจากการผลิตแอมป์กีตาร์กันดี ที่หลัง ๆ มานี้ได้นำเอาเทคโนโลยีเสียงของตัวเองมาทำเป็นลำโพงไร้สายในดีไซน์ย้อนยุคที่ได้รับความนิยมพอสมควร จนล่าสุดก็ได้ตบเท้าเข้ามาลุยในตลาด TWS เป็นครั้งแรก กับการเปิดตัว Marshall Mode II ที่รุ่นอัปเกรดจากหูฟังมีสายแบบธรรมดา มาพร้อมฟีเจอร์และดีไซน์ที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

ตลาดหูฟัง TWS ถือว่ากำลังอยู่ในอยู่ช่วงขาขึ้นจากหลายสาเหตุ ทั้งความสะดวกสบาย ความคล่องตัวในการใช้งาน อาจรวมถึงการที่ผู้ผลิตมือถือหลาย ๆ รายเลือกตัดแจ็ก 3.5 มม. ออก ทำให้บริษัทเครื่องเสียงต่าง ๆ ทยอยกันมาแจมในตลาดนี้ และทาง Marshall เองก็ไม่พลาดเช่นเดียวกัน

Marshall Mode II มาพร้อมกับดีไซน์ที่แฟน ๆ น่าจะคุ้นเคยกันดี เพราะคงเอกลักษณ์ของตัวเองเอาไว้ได้อย่างดีเยี่ยม หูฟังเป็นรูปแบบ in-ear กลม ๆ ไม่มีก้าน และโลโก้ Marshall สีขาวสวยงามติดอยู่ที่บอดี้ การควบคุมทั้งหมดทำด้วยระบบสัมผัส ทั้งเปลี่ยนเพลง รับสาย-วางสาย เรียกใช้งานผู้ช่วยอัจฉริยะ และอื่น ๆ เนื้อวัสดุของหูฟังกับตัวเคสเป็นผิวแบบด้าน ๆ พร้อมลวดลายหนัง ลักษณะคล้ายกับตู้แอมป์ของแบรนด์ ดูพรีเมี่ยมไม่เบาเลยทีเดียว

ตัวหูฟังมาพร้อมกับไดรเวอร์ขนาด 6 มม. ที่สามารถขับย่านเสียงได้ตั้งแต่ 20Hz – 20kHz แต่สิ่งที่น่าสนใจที่สุดก็น่าจะเป็นการจูนเสียงที่ทาง Marshall เคลมว่า เสียงของ Marshall Mode II จะให้ความรู้สึกมีพลังและก้องกังวาน ซึ่งถ้าใครที่ชอบเสียงสไตล์นี้ก็น่าจะไม่ผิดหวังกันแน่นอนครับ

แม้ว่า Marshall Mode II ไม่ได้มาพร้อมกับฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวน ANC เหมือนกับหูฟังไร้สายไฮเอนด์คู่แข่งในช่วงราคาไล่เลี่ยกัน แต่อย่างน้อย ๆ ก็มี Transparency Mode ที่เร่งเสียงภายนอกมาให้ด้วยนะ ซึ่งฟีเจอร์นี้ก็เลือกเปิดหรือปิดได้ง่าย ๆ ด้วยระบบสัมผัสเช่นกัน

นอกจากเรื่องเสียงแล้ว Marshall Mode II ยังเอาใจสายลุยหรือคนชอบออกกำลังกายด้วยมาตรฐานการกันน้ำระดับ IPX5 ไม่ต้องกลัวเหงื่อไปทำอันตรายกับตัวหูฟัง มาพร้อมแบตเตอรี่ที่สามารถฟังได้ต่อเนื่องถึง 5 ชั่วโมง หากใช้งานร่วมกับเคสจะเพิ่มขึ้นไปอีก 20 ชั่วโมง แบ่งเป็น 5 ชั่วโมงต่อการชาร์จทั้งหมด 4 ครั้ง ซึ่งถือว่าใช้งานได้ยาวนานพอควรเลย แถมตัวเคสยังรองรับการชาร์จทั้งจาก USB-C และระบบไร้สาย รวมถึงกันน้ำในระดับ IPX4 อีกต่างหาก

Marshall Mode II ได้เปิดวางขายอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว มีให้เลือกแค่สีดำสีเดียว สนนราคาอยู่ที่ 199 เหรียญ (ราว ๆ 6,800 บาท ไม่รวมภาษี) ถือว่าเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจไม่เบาเลยทีเดียว โดยเฉพาะหน้าตาที่เรียกได้ว่าดูดีสุด ๆ ส่วนจะนำเข้ามาขายในไทยหรือไม่ และมีราคาเท่าไหร่ก็ต้องรอลุ้นกันอีกทีนะครับ

 

Source: GizmoChina, Marshall

from:https://droidsans.com/marshall-announced-first-ever-tws-earphones-of-the-brand/

ครั้งแรกของ Marshall เปิดตัวหูฟังไร้สาย Mode II ขายที่ราคา 6,000 บาท

ในที่สุด Marshall แบรนด์เครื่องเสียงชื่อดังก็เข้าวงการหูฟังไร้สาย เปิดตัว Mode II หูฟังไร้สายสีดำล้วน มีแป้นรับสัมผัส ระบบกันน้ำ IPX4, Bluetooth 5.1 , พอร์ทชาร์จ USB-C แต่น่าเสียดายที่ไม่มีระบบตัดเสียงรบกวนรอบข้าง

ทางบริษัทบอกว่าสามารถฟังได้ยาวนาน 25 ชั่วโมง โดยเป็นการฟังบนหูฟัง 5 ชั่วโมง ส่วนเคสสามารถชาร์จแบตเตอรี่หูฟังได้ 4 ครั้ง Mode II เปิดพรีออเดอร์ทางเว็บไซต์ทางการแล้ว ขายที่ราคา 199 ดอลลาร์ หรือราว 6,000 บาท

No Description

ที่มา – Engadget, Marshall

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/121532

Marshall ใจดี แจกอั่งเปาต้อนรับตรุษจีน รับส่วนลดทันที 1,000 บาท ที่ Studio 7 ทุกสาขา วันนี้ – 31 มกราคม 2563

Studio 7 Promotion Marshall Chinese New Year 31jan20ชี้เป้ากับสิทธิพิเศษในช่วงเทศกาลตรุษจีน Marshall ใจดี แจกอั่งเปาต้อนรับตรุษจีน รับส่วนลดทันที 1,000 บาท ที่ Studio 7 ทุกสาขา วันนี้ – 31 มกราคม 2563 Marshall ใจดี แจกอั่งเปาต้อนรับตรุษจีน รับส่วนลดทันที 1,000 บาท Marshall ใจดี แจกอั่งเปาต้อนรับตรุษจีน รับส่วนลดทันที!! 1,000 บาท เมื่อซื้อ Stanmore II Voice ราคาพิเศษ 18,990 บาท (ราคาปกติ 19,990 บาท) ตั้งแต่วันนี้ – 31 มกราคม 2563 ที่ร้าน Studio 7 ทุกสาขาและ Bb BEYOND D-BOX ชั้น 2 ศูนย์การค้าเมกา บางนา หรือ สั่งซื้อออนไลน์ > คลิกเลย รายละเอียดเพิ่มเติม > https://www.studio7thailand.com/promotions/marshall-chinese-new-year-31jan20/

from:https://www.iphonemod.net/studio-7-promotion-marshall-chinese-new-year-31jan20.html

งาน Marshall Special Deal Discount up to 20% ที่ Studio 7 วันนี้ – 31 ส.ค. 62

Promotion Marshall Discount 31aug19ชี้เป้าโปรโมชั่นลดราคา ลำโพง Marshall รุ่น MULTI-ROOM ที่ Studio 7 ลดราคาสูงสุดถึง 20% รีบเลยเพราะโปรโมชั่นเริ่มวันนี้ถึงวันที่ 31 ส.ค. 62 เท่านั้น Marshall Special Deal Discount up to 20% พิเศษสำหรับลูกค้า Studio 7 ที่ซื้อลำโพง Marshall ในรุ่น MULTI-ROOM รับส่วนลดสูงสุด 20% Marshall Acton Multi-Room ราคาพิเศษเพียง 10,390 บาท จากราคาปกติ 12,990 บาท Marshall Stanmore Multi-Room ราคาพิเศษเพียง 15,190 บาท จากราคาปกติ 18,990 บาท Marshall Woburn Multi-Room ราคาพิเศษเพียง 22,390 บาท จากราคาปกติ 27,990 บาท ใครสนใจก็เข้าไปสอบถามรายละเอียดหรือซื้อได้เลยตั้งแต่วันนี้ […]

from:https://www.iphonemod.net/promotion-marshall-discount-31-aug-19-studio-7.html