คลังเก็บป้ายกำกับ: JAWBONE

ระดมทุนได้ ก็เจ๊งได้! มาดู 7 สตาร์ทอัพที่เคยรุ่ง และร่วงเรียบร้อยแล้วในปีนี้

รุ่งได้ก็ร่วงได้ เป็นธรรมดาของสรรพสิ่ง เหล่าบรรดา “สตาร์ทอัพ” ก็เช่นกัน บางรายพุ่งไปจนถึงจุดที่เรียกว่า “สตาร์ทอัพยูนิคอร์น” แต่ก็ดิ่งลงมาเป็นม้าธรรมดาได้เหมือนกัน ที่น่าสังเกตคือ สตาร์ทอัพหลายรายเกิดมาเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ในระยะยาวแล้วไปไม่รอด

Beepi

Beepi : ก่อตั้งปี 2013 – ปิดตัวกุมภาพันธ์ ปี 2017

Beepi เว็บไซต์ที่รวบรวมผู้ซื้อและผู้ขายรถยนต์ใช้แล้ว ดูท่าจะไปได้สวยเพราะระดมทุนตั้งต้นได้ถึง 150 ล้านเหรียญ ส่วนจุดสูงสุดพุ่งไปถึง 560 ล้านเหรียญ จนทำให้ Fair.com และ ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์อย่าง DGDG ขอซื้อกิจการ แต่ Beepi ก็ไม่ขาย สุดท้ายก็เจ๊งไป เพราะหมดเงินดำเนินการต่อ

Quixey

Quixey : ก่อตั้งปี 2009 – ปิดตัวกุมภาพันธ์ ปี 2017

Quixey แอพพลิเคชั่นค้นหาข้อมูลสารพัดบนมือถือ ด้วยความเชื่อที่ว่าในยุคนี้ผู้คนค้นหาสิ่งต่างๆ ผ่านมือถือกันมากขึ้น สตาร์ทอัพรายนี้ระดมทุนตั้งต้นได้ 133 ล้านเหรียญ และพุ่งไปถึง 600 ล้านเหรียญในเวลาตอมา แต่เมื่อดำเนินกิจการต่อไปเรื่อยๆ พบว่า ไม่มีรายได้ที่มั่นคง ส่วนในปี 2016 ก็มีการเปลี่ยนตัว CEO สุดท้ายไปไม่รอดเช่นกัน ก็มาปิดตัวเอาในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้

Yik Yak

Yik Yak ก่อตั้งปี 2013 – ปิดตัวเมษายน ปี 2017

Yik Yak เป็นแอพพลิเคชั่นสังคมออนไลน์ชนิดหนึ่ง ความพิเศษอยู่ที่การแชทคุยกับคนที่ไม่รู้จักแบบไม่ต้องระบุตัวตน ตอนเริ่มต้นนั้นประสบความสำเร็จอย่างมาก ส่วนเรื่องเงินนั้นเคยระดมทุนได้ถึง 73 ล้านเหรียญ และมีมูลค่าสูง 400 ล้านเหรียญาแล้ว แต่สุดท้ายไปไม่รอดมาและมาปิดตัวในเดือนเมษายนในปีนี้นั่นเอง อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่

Maple

Maple : ก่อตั้งปี 2014 – ปิดตัวพฤษภาคม ปี 2017

Maple บริการจัดส่งอาหารเดลิเวอรี่ในนิวยอร์คซิตี้ สตาร์ทอัพรายนี้ได้รับการสนับสนุนจากเชฟไฮเอนด์ชื่อดังคือ David Chang ระดมทุนตั้งต้นที่ 29 ล้านเหรียญ มูลค่าสูงสุดอยู่ที่ 115 ล้านเหรียญ สุดท้ายมีปัญหาเรื่องใบโปรชัวร์คุกกี้ มารู้อีกทีก็ปิดตัวไปเรียบร้อยเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานี้เอง

Sprig

Sprig : ก่อตั้งปี 2013 – ปิดตัวพฤษภาคม ปี 2017

สตาร์ทอัพรายนี้ก็เป็นอีกหนึ่งในบริการส่งอาหารเดลิเวอรี่ และแน่นอนก็ล้มเหลวเช่นกัน Sprig ให้บริการในซานฟรานซิสโก แต่เน้นไปที่อาหารคุณภาพสูงและอาหารในท้องถิ่น และบอกเลยว่าจะส่งอาหารภายใน 15 นาที แต่สุดท้ายไปไม่ไหวเพราะรูปแบบธุรกิจไม่ยั่งยืน เพราะสู้กับคู่แข่งที่มีราคาต่ำกว่าอย่าง Seamless ไม่ได้ ส่วนการระดมทุนของรายนี้อยู่ที่ 57 ล้านเหรียญ มีมูลค่าสูงสุดถึง 110 ล้านเหรียญ

Gagan Biyani ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Sprig เขียนเอาไว้ในเว็บไซต์เลยว่าทำธุรกิจนี้ไม่ง่ายเพราะ “ความซับซ้อนของการส่งอาหารแบบเดลิเวอรี่เป็นเรื่องที่ท้าทายมาก”

Hello

Hello : ก่อตั้งปี 2012 – ปิดตัวมิถุนายน ปี 2017

Hello เป็นบริษัทที่อยู่เบื้องหลังผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเป็นเซ็นเซอร์เพื่อติดตามการนอน แรกๆ ดูเหมือนว่าจะไปได้สวย เพราะเปิดตัวอย่างดี ระดมทุนได้ 40 ล้านเหรียญ มีมูลค่าสูงไปถึง 300 เหรียญเลยทีเดียว แต่สุดท้ายก็มาเจ๊งไม่เป็นท่า ลองอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่

Jawbone

Jawbone : ก่อตั้งปี 1997 – ปิดตัวกรกฎาคม ปี 2017

Jawbone เรียกได้ว่ารายนี้ก่อตั้งมานานและเป็นที่รู้จักกันดี เรียกได้ว่าเป็นผู้บุกเบิกในวงการอุปกรณ์ส่วนใส่การออกกำลังกาย มากกว่านั้น พุ่งไปจุดที่เรียกว่าเป็น “สตาร์ทอัพยูนิคอร์น” เพราะระดมทุน 1 พันล้านเหรียญ และมีมูลค่าสูงไปถึง 3 พันล้านเหรียญ แต่ล่าสุด ได้ปิดตัวลงแล้ว แต่ไม่จบแค่นั้น เพราะ Hosain Rahman ผู้ก่อตั้งและซีอีโอบอกว่าได้เริ่มต้นบริษัทใหม่ที่มีชื่อว่า Jawbone Health Hub แต่จะเน้นไปในด้านการพัฒนาฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ไปพร้อมๆ กัน

ที่มา – Business Insider

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/startup-rise-and-down-2017/

[ลือ] Jawbone อาจกำลังจะปิดตัว! หลังขายสินทรัพย์ไปหลายรายการเพื่อใช้หนี้

Jawbone Up2 Fitness Tracker

มีข่าวลือที่ไม่ค่อยสู้ดีนักเกี่ยวกับ Jawbone บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์สวมใส่เพื่อติดตามการออกกำลังกายชื่อดัง หลังจากมารายงานการขายสินทรัพย์หลายรายการเพื่อใช้หนี้ ที่เกิดจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นหลังจากการต่อสู้กับ Apple Watch ที่เน้นตลาดเดียวกัน

[ลือ] Jawbone อาจกำลังจะปิดตัว

ในด้านของธุรกิจบริษัทฯ พบว่ามีการหยุดผลิตอุปกรณ์ออกกำลังกายมาตั้งแต่ปีที่แล้ว รวมถึงการหยุดจำหน่ายในเดือนกันยายนในปี 2559 พร้อมกับการขายทรัพย์สินที่เหลืออยู่ให้กับร้านค้าปลีกในราคาที่ลดลง เพื่อให้บริษัทฯ ยังคงรักษากระแสเงินสดเอาไว้ได้ แถมยังมีเคราะห์กับคดีฟ้องร้องกับ Fitbit ตามแหล่งข่าว

เท่านั้นยังไม่พอหัวเรือใหญ่ Hosain Rahman ผู้ก่อตั้งและอดีต CEO ยังได้ลาออกไปเพื่อเตรียมทำธุรกิจใหม่ Health Hub ซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่การแพทย์ ซึ่งทั้งนี้ในอดีต Jawbone เคยเป็นธุรกิจดาวรุ่งพุ่งแรงและมีคนประเมินราคาให้สูงถึง 3 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่า Pebble ที่ขายกิจการให้กับ Fitbit ในราคาประมาณ 40 ล้านเหรียญ

ที่มา – 9to5mac

from:https://www.iphonemod.net/jawbone-shutting-down-liquidating-its-assets.html

Jawbone เลิกทำธุรกิจแล้ว แต่อดีตซีอีโอได้เปิดบริษัทใหม่ Jawbone Health Hub เพื่อดูแลลูกค้าเก่า

Jawbone

ในเดือนพฤษภาคม 2016 เป็นครั้งแรกที่เริ่มมีข่าวว่าธุรกิจของ Jawbone อาจจะไปไม่รอด ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ติดตามสุขภาพ รวมถึงลำโพงบลูทูธ จะถูกขายต่อให้เจ้าของรายใหม่ ถึงแม้ในเวลาต่อมา Jawbone จะออกมาปฏิเสธข่าวลือ แต่ท้ายที่สุดข่าวลือก็กลายเป็นความจริง

Jawbone ประสบปัญหาขาดทุนอย่างต่อเนื่อง ในปีที่ผ่านมามีรายงานการปลดพนักงานออกไปหลายตำแหน่ง และปิดสำนักงานในนิวยอร์ก จนในที่สุดมีข่าวว่าได้ขายธุรกิจให้กับบริษัทที่ดูแลผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ เพื่อนำเงินไปชำระหนี้

ล่าสุดมีข่าวว่า Hosain Rahman ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Jawbone ได้เปิดบริษัทใหม่ Jawbone Health Hub สำหรับให้บริการด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ และมีอดีตพนักงานจาก Jawbone ย้ายมาร่วมงานด้วย

แหล่งข่าวรายงานว่า Jawbone Health Hub ยังสนับสนุนบริการผลิตภัณฑ์ Jawbone ซึ่งอาจช่วยให้ลูกค้าเก่าๆ เข้ารับบริการหลังการขายได้ ขณะที่ก่อนหน้านี้มีลูกค้าหลายรายแสดงความไม่พอใจ เพราะไม่ได้รับการช่วยเหลือจากฝ่ายสนับสนุนของ Jawbone

ที่มา – MacRumors

from:http://www.flashfly.net/wp/?p=187221

[ข่าวลือ] Jawbone เตรียมปิดตัว ผู้ก่อตั้งไปทำบริษัทใหม่ด้านอุปกรณ์สุขภาพ

เว็บไซต์ข่าว The Information รายงานข่าวลือว่าบริษัทผลิตสายรัดข้อมือฟิตเนส Jawbone กำลังจะปิดกิจการ และขายทรัพย์สินเพื่อชดใช้หนี้ หลังประสบปัญหาการเงินมาต่อเนื่องหลายปี

ปัญหาการเงินของ Jawbone ไม่ใช่เรื่องใหม่, เริ่มหยุดขายสินค้าไปตั้งแต่กลางปี 2016 และเมื่อต้นปีนี้ ซีเอฟโอ Jason Child ก็ลาออกไปก่อนแล้ว

ตามข่าวบอกว่า Hosain Rahman ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของบริษัทจะไปเปิดบริษัทใหม่ Jawbone Health Hub ที่ทำด้านสุขภาพแทน และย้ายพนักงานบางส่วนไปยังบริษัทใหม่แล้ว ส่วนลูกค้าที่มีสินค้า Jawbone ก็จะได้รับบริการต่อเนื่องจากบริษัทใหม่แทน

Jawbone เคยมีมูลค่าบริษัทสูงถึง 3 พันล้านดอลลาร์

ที่มา – The Information, Business Insider, ภาพจาก Jawbone

No Description

from:https://www.blognone.com/node/93758

Jason Child ซีเอฟโอ Jawbone ผู้ผลิตสายรัดข้อมือสุขภาพลาออกแล้ว

Jason Child ซีเอฟโอของบริษัท Jawbone ผู้ผลิตสายรัดข้อมือ UP ได้ลาออกจากบริษัทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจากโปรไฟล์บน LinkedIn บอกว่าตอนนี้ Child กำลังทำงานอยู่ที่ University of Washington โดยดำรงตำแหน่ง global advisory board ของ business school

การลาออกของซีเอฟโอในครั้งนี้ Jawbone ปฏิเสธจะให้ความเห็น แต่ก็พอจะแสดงให้เห็นได้ถึงความไม่มั่นใจด้านการเงินใน Jawbone ซึ่งทางบริษัทก็เคยมีรายงานว่าจะเลิกผลิตสายรัดข้อมือ UP กับขายธุรกิจลำโพง Bluetooth และไปเน้นผลิตภัณฑ์ด้านอื่นแทน โดยแหล่งข่าวของ The Verge เห็นว่าตอนนี้ Jawbone น่าจะเปลี่ยนจากบริษัทที่ขายสินค้าให้ผู้บริโภคทั่วไป มาเป็นการดีลกับบริษัทเพื่อขายเซนเซอร์ด้านสุขภาพแทน

ที่มา – The Verge

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/89268

Jawbone ออกมาปฏิเสธข่าวลือ หยุดการผลิตอุปกรณ์สวมใส่ได้ ไม่เป็นความจริง

สัปดาห์ก่อนมีรายงานข่าวว่า Jawbone จะหยุดผลิตอุปกรณ์สวมใส่ได้ ประเภทกำไลดิจิตอลสำหรับติดตามสุขภาพ รวมทั้งลำโพงบลูทูธ ล่าสุด Jawbone ได้ออกมาปฏิเสธแล้วว่า ข่าวลือดังกล่าว ไม่เป็นความจริง

jawbone-up2-fitness-tracker

Jawbone ประกาศชัดเจน ข่าวลือเรื่องการหยุดผลิตกำไลดิจิตอลสำหรับติดตามสุขภาพ ไม่มีมูลความจริง และยังเดินหน้าพัฒนาสินค้ารุ่นใหม่ ตามกลไกทางการตลาด และพร้อมสนับสนุนผลิตภัณฑ์ทุกประเภทที่บริษัทฯ กำลังทำตลาดอยู่

สำหรับข่าวลือที่ Jawbone กำลังเร่งเคลียร์สินค้าที่ค้างอยู่ในคลัง ก็ไม่เป็นความจริงเช่นกัน บริษัทฯ ยังดำเนินการผลิตอุปกรณ์สวมใส่ได้ในตระกูล UP และพร้อมป้อนสินค้าออกมาเติมทันที หากสินค้าในคลังลดลงไป

สรุปว่า ลูกค้า Jawbone ก็ไม่ต้องวิตกกังวลไป บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าทำตลาดอย่างต่อเนื่อง และหวังว่าเราจะได้เห็นผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ๆ ออกมาในอนาคตอันใกล้นี้

ที่มา –  gsmarena 

from:http://www.flashfly.net/wp/?p=147538

ช็อกวงการ!! Jawbone เลิกผลิตอุปกรณ์ Fitness Trackers ทั้งหมด รวมถึงลำโพงบลูทูธแล้ว

jawbone-up-orange-iphone-qtooth

สื่อนอกเผย Jawbone มีแผนหยุดผลิตกำไลดิจิตอลสำหรับติดตามการออกกำลังกาย ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ UP ทั้งหมด และเริ่มขายสินค้าทั้งหมดให้กับตัวแทนจำหน่าย เพื่อเร่งเคลียร์สินค้าที่อยู่ในคลังให้หมดโดยเร็ว ถึงแม้ Jawbone จะไม่ได้ออกมาให้ความเห็นใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ข่าวลือดังกล่าวก็ส่อเค้าเป็นจริง เพราะผ่านมาแล้ว 1 ปี นับตั้งแต่รุ่น UP4 ก็ยังไม่มีการผลิตรุ่นใหม่ตามออกมา

up42

นอกจากนี้ ยังมีรายงานด้วยว่า ลำโพงบลูทูธ ก็เป็นอีกกลุ่มผลิตภัณฑ์ ที่ Jawbone จะยกเลิกการผลิตด้วย และในขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างมองหาร้านค้าหรือตัวแทนจำหน่ายที่จะมาเหมาสินค้าที่ยังคงเหลือไปจากคลัง และยังลือไปถึงขนาด Jawbone เตรียมขายธุรกิจลำโพงให้กับเจ้าอื่น

gsmarena_003

ชัดเจนว่า Jawbone กำลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากรายได้ที่ถดถอย ย้อนไปในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา Jawbone ต้องปิดสำนักงานในนิวยอร์ก และปลดพนักงานออกไปถึง 60 ตำแหน่ง

ที่มา –  techinsider 

from:http://www.flashfly.net/wp/?p=147077

[ไม่ยืนยัน] Jawbone เลิกผลิตสายรัดข้อมือตระกูล UP แล้ว, จะขายธุรกิจลำโพงบลูทูธ

สำนักข่าว Tech Insider รายงานว่า Jawbone หนึ่งในผู้ทำสายรัดข้อมือสุขภาพได้เลิกผลิตสินค้าตระกูล UP ไปแล้ว และกำลังขายของที่เหลือค้างในคลังสินค้าให้ตัวแทนจำหน่าย

Jawbone มีสายรัดข้อมือรุ่นสำคัญ เช่น UP2, UP3 และที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อปีที่แล้วคือ UP4 ซึ่งจาก 5 ปีที่ Jawbone เข้าสู่ตลาดสายรัดข้อมือสุขภาพนั้น ถือว่า Jawbone เข้าชิงส่วนแบ่งตลาดได้ดีนัก และตอนนี้ยังไม่มีรายงานว่า Jawbone จะทำสายรัดข้อมือตระกูล UP อีกหรือไม่ โดยเมื่อต้นปี Jawbone เพิ่งจะได้รับการระดมทุนมา 165 ล้านดอลลาร์ ซึ่งตอนนั้นซีอีโอ Hoasin Rahman ได้กล่าวกับ Tech Insider ว่ามีแผนจะใช้เงินจำนวนนี้ในการพัฒนาสายรัดข้อมือสุขภาพเกรดคลินิค

นอกจากนี้ แหล่งข่าวของ Tech Insider ยังรายงานว่า Jawbone ก็ได้เลิกผลิตลำโพงบลูทูธไปแล้ว และกำลังขายสินค้าที่เหลือให้ตัวแทนจำหน่ายเช่นกัน ซึ่ง Fortune รายงานว่า Jawbone จะขายธุรกิจลำโพงบลูทูธเพื่อโฟกัสกับตลาดสายรัดข้อมือสุขภาพ โดยเมื่อ Tech Insider สอบถามไปยังซีอีโอ Rahman เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้า ก็ได้รับการปฏิเสธที่จะให้ความเห็นในเรื่องนี้

ที่มา – Tech Insider

from:https://www.blognone.com/node/81528

Microsoft จัดให้!! นำ Apple Watch มาแลกซื้อ Microsoft Band 2 ให้ราคาสูงสุด 9,000 บาท

Microsoft จัดแคมเปญใหม่ส่งเสริมการตลาดให้กับ Microsoft Band 2 ด้วยการนำ Smart watch หรือ Warable Band ยี่ห้อต่างๆมาแลกซื้อ Microsoft Band 2 รวมถึง Apple Watch โดยให้ราคาในการแลกซื้อสูงสุดที่ $250 หรือประมาณ 9,000 บาท เมื่อนำ Apple Watch 38MM Stainless Steel พร้อมสายแบบ Milanese Loop มาแลกซื้อ ในขณะที่ Apple Watch รุ่นอื่นๆจะมีราคาในการแลกซื้อตั้งแต่ $100 – $200 หรือประมาณ 3,600 – 7,200 บาท แตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น โดยตัว Microsoft Band 2 นั้นมีราคาวางจำหน่ายที่ $250 ดังนั้นหากนำ Apple Watch รุ่นที่กำหนดที่ Microsoft ให้ราคาในการแลกซื้อสูงสุด ก็จะเหมือนกับนำมาแลก Microsoft Band 2 ไปใช้ฟรีๆเลยก็ว่าได้

microsoft-band-2

Microsoft-band-2-trand-in-Apple-watch-flashfly

Microsoft-band-2-trand-in-Apple-watch-flashfly-02

Microsoft-band-2-trand-in-Apple-watch-flashfly-003

นอกจากนี้ Microsoft ยังได้มีการเปิดให้นำ Smart watch หรือ Warable Band ยี่ห้ออื่นมาแลกซื้อ ในราคาที่แตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อ อีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น fitbit , Jawbone , Nike , Sony , Samsung , garmin และ pebble เป็นต้น

Microsoft-band-2-trand-in-flashfly

Microsoft-band-2-trand-in--flashfly

โดยแคมเปญการนำ Smart watch หรือ Warable Band ยี่ห้ออื่นมาแลกซื้อ Microsoft Band 2 นี้จะมีไปจนถึงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ แต่น่าเสียดายที่แคมเปญดังกล่าวจะต้องเป็นการซื้อสินค้าผ่านทาง Microsoft Online Store ในประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดาเท่านั้น และอุปกรณ์ที่จะนำมาแลกซื้อจะต้องยังใช้งานได้และมีคุณสมบัติตรงตามที่ Microsoft กำหนดเท่านั้น

microsoft-band-2-800x450

ที่มา – microsoft
http://www.flashfly.net/wp/?p=136382

from:http://www.flashfly.net/wp/?p=136382

Jawbone มีแผนทำเซ็นเซอร์เก็บข้อมูลสุขภาพที่ใช้งานด้วยการกลืน

เมื่อไม่นานมานี้ Hosain Rahman ซีอีโอของ Jawbone เพิ่งไปขึ้นเวที Code Mobile เพื่อพูดถึงอนาคตของอุปกรณ์ไอทีสวมใส่ได้ หนึ่งในตลาดที่ Jawbone ลงทุนไปหนักในช่วงหลัง

แม้ว่า Jawbone จะออก UP ซีรีส์อุปกรณ์ไอทีสวมใส่ได้มาถึงรุ่นที่ 4 แล้ว แต่ทว่า Rahman ก็ยังให้ความเห็นว่าตัวอุปกรณ์ไอทีสวมใส่ได้ยังคงยากที่จะโน้มน้าวให้ผู้คนมาใช้อุปกรณ์แนวนี้มากขึ้น โดยเฉพาะกับแผนต่อไปของ Jawbne ที่วาดภาพว่าจะทำเซ็นเซอร์เก็บข้อมูลสุขภาพรูปแบบใหม่ที่ใช้งานด้วยการให้ผู้ใช้กลืนเข้าไปในร่างกาย หรือฝังไปในเส้นเลือด ซึ่งจะเก็บข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าแนวทางสายรัดข้อมือในปัจจุบัน ในขณะเดียวกันก็ยากต่อการจะให้ผู้คนมาใช้ด้วยเช่นกัน

ทว่าแนวคิดอุปกรณ์แบบต้องกลืนเข้าไปไม่ใช่เรื่องใหม่ ก่อนหน้านี้สำนักงานคณะกรรมการอาหาร และยาสหรัฐฯ เคยอนุญาตให้ใข้งาน Proteus Ingestible Sensor เซ็นเซอร์ในรูปแบบของเม็ดยา ซึ่งจะถ่ายรูปภาพใน และส่งออกมายังสมาร์ทโฟนเพื่อให้แพทย์วินิจฉัยได้ละเอียดขึ้น

ที่มา – Fortune

Health, Jawbone, Wearable Computing

from:https://www.blognone.com/node/73837