คลังเก็บป้ายกำกับ: IPAD_PRO_11_นิ้ว

Kuo เผย iPad Pro รุ่น 11 นิ้วปี 2022 จะมาพร้อมจอ Mini-LED

หลังจากที่ iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้วชิป M1 มาพร้อมจอ Mini […] More

from:https://www.iphonemod.net/ipad-pro-11-inch-2022-coming-with-mini-led-kuo-report.html

Spigen Tough Armor Pro สุดยอดเคส iPad กันกระแทก มาพร้อมขาตั้ง มีช่องเก็บ Apple Pencil ในตัว

พบกับ Spigen Tough Armor Pro สุดยอดเคส iPad Pro 11 นิ้ว […] More

from:https://www.iphonemod.net/spigen-tough-armor-pro-ipad-pro-11-inch-case.html

คำแนะนำในการเลือกซื้อ iPad รุ่นไหนเหมาะกับใครบ้าง? อัปเดต พ.ย. 2561

Cover Whocanuse

เปิดขายไปแล้วกับ iPad Pro 2018 เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2561 ที่ผ่านมา วันนี้เรามาดูกันว่า iPad ที่เปิดขายแต่ละรุ่นที่ผ่านมานั้น เหมาะกับการใช้งานแบบไหนและใครควรจะมีไว้ใช้งานบ้าง

คำแนะนำในการเลือกซื้อ iPad รุ่นไหนเหมาะกับใครบ้าง? อัปเดต พ.ย. 2561

โดยทั่วไปแล้ว iPad จะแบ่งออกเป็น 3 ระดับตามประสิทธิภาพและกลุ่มของผู้ใช้งานอีกกันค่อนข้างที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบ, ประสิทธิภาพภายในอุปกรณ์พร้อมทั้งราคา สามารถแบ่งกลุ่มได้ดังนี้

  1. iPad mini – เป็น iPad ระดับเริ่มต้น จุดเด่นคือมีขนาดเล็กพกพาง่าย
  2. iPad – เป็น iPad ระดับกลาง ประสิทธิภาพดีขึ้น หน้าจอใหญ่ขึ้นและมีรุ่นที่รองรับ Apple Pencil (เวอร์ชัน 1)
  3. iPad Pro – เป็น iPad ระดับสูง ประสิทธิภาพดีสุด เทคโนโลยีใหม่สุด จอใหญ่ที่สุดและทุกรุ่นรองรับ Apple Pencil (เวอร์ชัน 1 และ 2)

01

 

ทราบการแบ่งกลุ่มของ iPad กันไปแล้วต่อไปเรามาลงรายละเอียดของแต่ละรุ่นกันว่าเหมาะกับใคร, เหมาะกับการนำไปใช้งานด้านไหน, ราคาเป็นอย่างไร ฯลฯ

1. iPad mini

เป็น iPad รุ่นที่มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบาที่สุด มีขนาด 7.9 นิ้ว ความบาง 6.1 มม. และน้ำหนักเพียง 298.8 กรัมเท่านั้น มีความจุเริ่มต้นถึง 128 GB ในราคา 14,000 บาท และยังสามารถรองรับ iOS ล่าสุด (iOS12) ได้ คุณสมบัตินั้นแรงพอตัว สามารถทำงานด้านตัดต่อวีดีโอพื้นฐานได้, ถ่ายภาพหรือปรับแต่งรูปภาพด้วยซอฟต์แวร์ที่มาพร้อมกับ iOS ได้และดูหนังฟังเพลงเล่นเกมได้อย่างสบายๆ

 

02

iPad mini 4 เหมาะกับใคร?

สำหรับผู้ที่ใช้งานไม่หนักไปทางกราฟิกที่ต้องการพลังการประมวลผลมาก, อ่านอีเมล, อ่านข่าว, แก้เอกสาร ฯลฯ เนื่องจากมีขนาดที่เล็ก จึงเหมาะกับคนที่เดินทางบ่อยๆ พกพาเดินทางไปไหนได้ง่ายๆ ท่องเที่ยวหรือทำงาน ไม่เปลืองพื้นที่ในการจัดเก็บ พร้อมจะตอบโจทย์ความบันเทิงให้เราได้ทุกที่ทุกเวลา

03

 

2. iPad

iPad ที่จัดอยู่ในระดับกลางนั้นถือว่าเป็นนาดมาตรฐานที่มีมาตั้งแต่สมัย iPad Original ด้วยขนาดที่ไม่เล็กและไม่ใหญ่เกินไปทำงาน Apple ยังคงรักษาขนาดมาตรฐานนี้เอาไว้ไล่มาตั้งแต่ iPad, iPad 2, iPad 3, iPad 4, iPad Air และเรื่อยมาปัจจุบันปรับชื่อให้เหลือเพียง iPad เท่านั้น แล้วตามด้วยการระบุขนาดหน้าจอ เช่น iPad 9.7 นิ้ว เป็นต้น

iPad ขนาด 9.7 นิ้วที่เปิดตัวในเดือน มีนาคม 2561 ถือว่าเป็น iPad รุ่นธรรมดารุ่นแรกที่รองรับ Apple Pencil (เวอร์ชัน 1) จุดเด่นอยู่ที่ราคาไม่แพงจนเกินไป โดยเริ่มต้นที่ความจุ 32 GB ในราคา 11,500 บาท มาพร้อมชิพ A10 ที่มีประสิทธิภาพมากพอที่จะตัดวีดีโอ 4K ระดับเบื้องต้นได้สบายๆ หรือเล่นเกมส์กราฟิกหนักๆ ก็ยังไหว

04

 

iPad เหมาะกับใคร?

  1. เนื่องจากราคาย่อมเยาว์เหมาะกับนักเรียนนักศึกษาที่จะใช้พกพาไปเข้าห้องเรียน ใช้ Apple Pencial ในการจดโน้ต, การทำเครื่องหมายต่างๆ ลงบน eBook, ศึกษาหาความรู้ค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมจากอินเทอร์เน็ต, ติดตั้งแแอปพลิเคชันที่เกี่ยวกับการเรียนการสอนหรือที่เด่นๆ อีกอันก็คือ ใช้วาดภาพกราฟิกต่างๆ  ถือว่าเป็นสื่อด้านการเรียนการสอนได้เป็นอย่างดีและเหมาะสมที่สุด ณ เวลานี้ ในแง่ของตัวฮาร์ดแวร์ที่ดี, ซอฟต์แวร์พร้อมแอปพลิเคชันต่างๆ ที่พร้อม ระบบ iOS ที่ดีและการพกพาที่สะดวกสบาย ทำให้ iPad รุ่นนี้ถือเป็นอุปกรณ์ยอดฮิตของเหล่านักเรียน นักศึกษาพร้อมทั้งบุคลากรในหลายสายขาอาชีพ
  2. ผู้ใช้งานทั่วไป ที่ใช้งานในด้านดูหนัง ฟังเพลง  และความบันเทิงอื่นๆ โดยใช้ประสบการณ์ใหม่ๆ ที่สามารถใช้กับ Apple Pencil ได้ 
  3. ผู้ที่ชอบเล่นเกมส์ เนื่องจากมีสเปกที่แรง สามารถเล่นเกมส์หนักๆ ได้อย่างสบายๆ

05

3. iPad Pro

iPad Pro ถูกเปิดตัวออกมาตั้งแต่ปี 201x โดยทาง Apple ต้องการจับกลุ่มผู้ใช้งานขั้นสูงที่ต้องการพลังงานประมวลผลสูงโดย iPad Pro ถือเป็น iPad รุ่นแรกที่มีการออกแบบให้รองรับการใช้งานคู่กับ Apple Pencil ซึ่งประโยชน์ที่ได้จาก Apple Pencil นั้นช่วยให้งานวาดกราฟิกทำได้ง่ายขึ้นโดยที่ผู้ใช้ได้ใช้อุปกรณ์วาดเส้นที่มีความแม่นยำสูง สามารถวางมือบนจอขณะวาดภาพได้ถือว่าเป็นฟีเจอร์เด่นที่ทำให้ iPad Pro กับ Apple Pencil เป็นของที่ต้องมีคู่กันอย่างขาดไม่ได้

iPad Pro รุ่นล่าสุดเปิดตัวไปเมื่อ 30 ต.ค. 2561 ที่ผ่านมาและเปิดขายอย่างเป็นทางการไปแล้วในกลุ่มประเทศแรกเมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2561 และต่อมาอีกเพียง 5 วันซึ่งตรงกับวันที่ 12 พ.ย. 2561 รุ่นนี้ก็เปิดให้ซื้อล่วงหน้าในประเทศไทยได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

iPad Pro รุ่นปี 20178 เป็น iPad ตัวล่าสุดของทาง Apple ที่มีประสิทธิภาพแรงด้วยชิพ A12X Bionic หน้าจอขนาดใหญ่และปรับการดีไซน์ใหม่หมด เป็น iPad รุ่นแรกที่มาพร้อม Face ID มีจอภาพ Liquid Retina ขนาด 11 นิ้วและ 12.9 นิ้ว มีความจุสูงสุดถึง 1 TB นอกจากนี้ยังรองรับ Apple Pencil 2 ที่ Apple พัฒนาออกมาใหม่เพื่อใช้กับ iPad Pro 2018 โดยเฉพาะ 

06

 iPad Pro เหมาะกับใคร?

ด้วยประสิทธิภาพในการประมวลผลด้านต่างๆ เร็วและแรงที่สุดถือว่าเป็น iPad ที่แรงสุดเท่าที่ Apple เคยผลิตมา , หน้าจอ Liquid Retina รุ่นใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมความถี่แบบ 120Hz ทำให้การแสดงผลด้านกราฟฟิกนั้นมีความลื่นไหลเป็นพิเศษ ทั้งนี้เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานขั้นสูงดังนั้นรุ่นนี้จึงเหมาะสำหรับ

  1. นักออกแบบ วาดรูป เพราะด้วยสเปกที่แรงสามารถรองรับงานกราฟิกโหดๆ เช่น การตัดต่อวิดีโอความละเอียดสูงที่ต้องมีหลายเลเยอร์มารวมกันหรือการถ่ายภาพ ตกแต่งภาพขนาดใหญ่หลายๆ เลเยอร์อย่างเช่นใน Photoshop และผู้ที่ต้องการดูรายลเอียดของงานที่ซับซ้อนในสื่อกราฟฟิก เป็นต้น
  2. โปรแกรมเมอร์ที่ต้องทำงานควบคู่กับ AR
  3. ศิลปิน ครีเอทีฟ ที่ใช้โปรแกรมหนักๆ และต้องใช้พ่วงต่อกับอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ใน iPad Pro 2018 มีพอร์ต USB-C มาพร้อมความสามารถในการเชื่อมต่อประสิทธิภาพสูงกับอุปกรณ์เสริมอย่างจอภาพภายนอก หรือกล้องเพื่อถ่ายโอนข้อมูลได้โดยไม่ต้องเสียเวลานำไปเชื่อมต่อผ่านคอมพิวเตอร์
  4. บุคคลทั่วไปหรือเกมเมอร์ ที่ต้องการความแรงของสเปกที่มาพร้อมในตัวเครื่อง ด้วยเทคโนโลยีสมจริงและหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 11 นิ้ว และ 12.9 นิ้ว ทำให้สามารถเล่นเกมได้อย่างตื่นตาตื่นใจและเต็มอิ่มสมจริง
  5. เหมาะกับผู้ใช้งานที่ต้องเก็บข้อมูลขนาดเยอะไม่ว่าจะเป็นไฟล์รูปภาพ, วิดีโอและไฟล์งานกราฟิกต่างๆ ซึ่ง iPad Pro รุ่นปี 2018 นั้นมีความจุให้เลือกสูงสุดถึง 1TB กันเลยทีเดียว

07

สรุป

iPad ทุกรุ่นถูกออกแบบมาเพื่อกลุ่มของผู้ใช้ที่แบ่งแยกกันค่อนค้างที่จะชัดเจนดังนั้นผู้ใช้งานสามารถเลือกใช้ iPad ที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์และการใช้งานของตัวเอง เพื่อให้เกิดประโยชน์และประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งเลือกซื้อหรือดูข้อมูลของรุ่นต่างๆ ได้ที่ Apple รับรองว่า iPad นี้สามารถตอบโจทย์การใช้งานต่างๆ ของแต่ละท่านได้อย่างแน่นอน

และที่ขาดไม่ได้เมื่อคุณได้ซื้อ iPad ไปครอบครองแล้วอย่าลืมเรียนรู้เพิ่มเติมทั้งเทคนิคการใช้งานพื้นฐาน,​ แอปพลิเคชันที่เหมาะสมกับการใช้งานซึ่งสามารถหาชมได้โดยการเข้าไปเรียนรู้ที่ Today at Apple ซึ่งทาง Apple Iconsiam ได้จัดไว้คอยให้บริการฟรีอยู่แล้ว หรือสามารถชมข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บ iMoD ได้เช่นกัน

from:https://www.iphonemod.net/which-ipad-model-should-buy.html

เปิดตัว iPad Pro (2018) โคตรแรง หน้าจอใหม่เต็มขอบ ไร้ปุ่มโฮม มี Face ID มาพร้อม USB-C

Ipad Pro Gen 3

ในงาน Apple Special Event October วันที่ 30 ตุลาคม 2018 Apple ได้ประกาศเปิดตัวสินค้าใหม่และพระเอกในงานก็คือการเผยโฉม iPad Pro รุ่นใหม่ ปี 2018 ทีมงานก็ได้รวบรวมข้อมูลไฮไลท์สำคัญ วันเปิดขายและราคามาให้ติดตามกันที่นี่แล้ว

ไฮไลท์สำคัญของ iPad Pro รุ่นใหม่ ปี 2018

Apple ได้เปิดตัว iPad Pro รุ่นใหม่ ปี 2018 (Gen 3) ที่ทรงพลังและประมวลผลงานทางด้านกราฟฟิคได้อย่างยอดเยี่ยม โดยไฮไลท์สำคัญและสิ่งที่น่าสนใจของ iPad Pro รุ่นใหม่ สรุปได้ดังนี้

  1. iPad Pro ใหม่มี 2 ขนาด
  2. หน้าจอใหม่เต็มขอบ ไร้ปุ่มโฮม ไร้รอยบาก
  3. ชิพ A12X Bionic และ A12X GPU ทรงพลังและ Neural Engine เจเนอเรชั่นถัดไป
  4. สแกน Face ID ทั้งแนวตั้งและแนวนอน
  5. กล้องหน้า TrueDepth และกล้องหน้า 7 ล้านพิกเซล กล้องหลัง 12 ล้านพิกเซล
  6. USB-C ต่อจอนอกความละเอียด 5K
  7. Apple Pencil 2 และ Smart Keyboard Folio

เปิดตัว iPad Pro รุ่นใหม่ ปี 2018

1. จอภาพขนาด 11 นิ้วและ 12.9 นิ้ว

Ipad Pro 2018 Size

iPad Pro รุ่นใหม่ปี 2018 มาพร้อมกับจอภาพ LCD Liquid Retina  มีให้เลือก 2 ขนาด ได้แก่  11 นิ้วความละเอียด 2388 x 1668 (264ppi) และ 12.9 นิ้ว ความละเอียด 2732 x 2048 (264 ppi) โดยขนาดจอภาพวัดจากแนวทะแยง และหน้าจอ iPad Pro ใหม่นี้ยังคงใช้เทคโนโลยี ProMotion 120Hz เหมือนกับ iPad Pro รุ่นเดิม

 

2. หน้าจอใหม่เต็มขอบ ไร้ปุ่มโฮม ไร้รอยบาก Ipad Pro 2018

สัมผัสประสบการณ์ใหม่ของการแสดงผลที่หน้าจอเต็มขอบ ไร้ปุ่ม Home เหมือนกับ iPhone ตระกูล X แต่ไม่มีรอยบาก ขอบด้านข้างก็บางลงกว่ารุ่นเดิม ทำงานหรือชมมีเดียได้เต็มตามากขึ้น

iPad Pro มาพร้อมกับจอภาพที่ทันสมัยที่สุดในโลก ซึ่งก็คือจอภาพ Liquid Retina แบบจรดขอบอันงดงาม พร้อมทั้งมุมมนที่เข้ากับส่วนโค้งของตัวเครื่อง iPad Pro แบบ Unibody ด้วยแก้วขึ้นรูปความเที่ยงตรงสูง การมาส์กพิกเซลขั้นสูง การลดรอยหยักพิกเซลย่อย และดีไซน์ไฟแบ็คไลท์ใหม่ จอภาพ Liquid Retina แบบใหม่ใน iPad Pro จึงกลายเป็นจอภาพ iPad ที่สว่างที่สุดและมีสีสันถูกต้องแม่นยำที่สุดของ Apple พร้อมทั้งรองรับช่วงสีกว้าง, True Tone® และเคลือบสารกันแสงสะท้อนเพื่อให้ประสบการณ์การรับชมถูกต้องเป็นธรรมชาติทั้งในร่มและกลางแจ้ง เทคโนโลยี ProMotion™ ปรับอัตรารีเฟรชหน้าจอสูงสุด 120Hz อัตโนมัติเพื่อให้การเลื่อนไปมาลื่นไหลสุดๆ และการตอบสนองรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อใน iPad Pro

iPad Pro 11 นิ้วรุ่นใหม่มีจอภาพขนาดใหญ่กว่าและมีพิกเซลมากกว่ารุ่น 10.5 นิ้วที่มีขนาดเดียวกัน แต่หนักเพียง 1 ปอนด์ iPad Pro 12.9 นิ้วรุ่นใหม่บรรจุจอภาพขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดา iPad ทุกรุ่นไว้ในตัวเครื่องที่พกพาง่ายขึ้น เพราะปริมาตรลดลงถึง 25 เปอร์เซ็นต์3 ทั้งสองรุ่นมีความบางเพียง 5.9 มม. ซึ่งเป็นดีไซน์ iPad ที่บางที่สุดเท่าที่เคยมีมา จึงทำให้พกพา iPad Pro ไปไหนมาไหนได้สบายยิ่งขึ้น

3. ชิพ A12X Bionic และ A12X GPU ทรงพลัง

Image

Processor ใหม่ ประมวลผลหลักด้วยชิพ A12X c[[ ที่ทรงพลังและมีประสิทธิภาพการประมวลผลสูงกว่าชิพ A12 ใน iPhone XS มากๆ และยังมาพร้อมกับหน่วยประมวลผลกราฟฟิค A12X GPU ที่รวมพลังให้ iPad Pro รุ่นใหม่เร็วและแรงถึงขีดสุด

ชิพ A12X Bionic ได้รับการผลิตขึ้นมาเพื่อ iPad Pro โดยเฉพาะและเป็นชิปที่ชาญฉลาดและทรงพลังมากที่สุดในแท็บเล็ต ทำให้แม้กระทั่งงานประมวลผลที่หนักที่สุดอย่างเช่นการตัดต่อรูปภาพหรือการสร้างโมเดล 3 มิติรวดเร็วและตอบสนองไวขึ้น ผลิตขึ้นจากเทคโนโลยี 7 นาโนเมตรชั้นนำของอุตสาหกรรม ชิพ A12X Bionic แปดคอร์อันทรงพลังมีคอร์ประมวลผลการ 4 ตัวและคอร์ประหยัดพลังงาน 4 ตัว เพื่อให้สมรรถนะการทำงานแบบคอร์เดียวเร็วขึ้นถึง 35% และตัวควบคุมสมรรถนะแบบใหม่สำหรับการใช้งานพร้อมกันทั้ง 8 core เพื่อเพิ่มสมรรถนะสูงสุด 90 เปอร์เซ็นต์ในระหว่างการทำงานแบบมัลติเธรด 3 GPU 7 คอร์ที่ Apple ออกแบบเองมอบสมรรถนะด้านกราฟิกสูงขึ้นเป็นสองเท่า เพื่อประสบการณ์ AR ที่ยอดเยี่ยมและดื่มด่ำและคุณภาพกราฟิกระดับคอนโซล ผู้ใช้สามารถใช้ประโยชน์จากสมรรถนะอันโดดเด่นและความสามารถต่างๆ ของ iPad Pro ได้ตลอดทั้งวันด้วยอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานถึง 10 ชั่วโมง4

Neural Engine เจเนอเรชั่นถัดไปของ Apple ได้รับการสร้างขึ้นมาสำหรับการเรียนรู้ของเครื่องขั้นสูงทุกรูปแบบตั้งแต่การถ่ายภาพไปจนถึง AR เพราะมีความเร็วในการประมวล 5 ล้านล้านคำสั่งต่อวินาที Neural Engine ทำให้ Face ID เร็วขึ้น การตรวจจับระนาบสำหรับแอพ AR เร็วขึ้น และคุณลักษณะใหม่อื่นๆ ที่ใช้การเรียนรู้ด้วยเครื่องแบบเรียลไทม์เร็วขึ้น Neural Engine ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบสมรรถนะที่ดีขึ้นสำหรับงาน Core ML® ซึ่งช่วยเปิดทางให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอพและขั้นตอนการทำงานใหม่ๆ ของ iPad ที่ใช้เอนจิ้นการเรียนรู้ของเครื่องอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

4. สแกน Face ID ทั้งแนวตั้งและแนวนอน

Ipad Pro 2018 Face Id

ด้วยการตัดปุ่มโฮมออกจาก iPad Pro รุ่นใหม่ ปี 2018 Apple จึงได้ใส่ฟีเจอร์ Face ID Generation 2 ที่สแกนใบหน้าได้อย่างรวดเร็วและไฮไลท์อยู่ที่การสแกนได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน ไม่ว่าจะจับท่าทางไหนก็สแกนได้ทั้งหมด

Face ID ซึ่งเป็นระบบการตรวจสอบใบหน้าที่ปลอดภัยที่สุดในแท็บเล็ตหรือคอมพิวเตอร์ มาถึง iPad เป็นครั้งแรกแล้ว Face ID ได้รับการออกแบบมาให้ใช้งานได้ในขณะถือ iPad Pro ในตำแหน่งใดก็ตามหรือในขณะนั่งโดยใช้ Smart Keyboard Folio ใหม่ นอกจากนี้ Face ID ยังใช้ประโยชน์จากระบบกล้อง TrueDepth® เพื่อเชื่อมโยงและจดจำใบหน้าอย่างแม่นยำเพื่อปลดล็อค iPad Pro อย่างปลอดภัย เปิดใช้งาน Apple Pay® ในแอพและทางออนไลน์ และช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงแอพที่ปลอดภัยได้อย่างง่ายดายเช่นกัน กล้อง TrueDepth บน iPad Pro ยังช่วยให้ใช้ Animoji® และ Memoji™ ได้เช่นกัน

5. กล้องหน้า TrueDepth และกล้องหลัง 12 ล้านพิกเซล

Ipad Pro 2018 Camera

กล้องหน้า TrueDepth ความละเอียด 7 ล้านพิกเซลสำหรับการถ่ายภาพและการสแกนใบหน้าด้วย Face ID และกล้องหลังความละเอียด 12 ล้านพิกเซลแบบใหม่ที่ทำให้เก็บรายละเอียดภาพได้ดีมากยิ่งขึ้น

  • กล้องความละเอียด 12 เมกะพิกเซล
  • รูรับแสงขนาด ƒ/1.8
  • ซูมดิจิตอลได้สูงสุด 5 เท่า
  • ชุดเลนส์ 5 ชิ้น
  • แฟลช True Tone แบบ LED สี่ดวง
  • พาโนรามา (สูงสุด 63 เมกะพิกเซล)
  • ผลึกแซฟไฟร์ป้องกันหน้าเลนส์
  • เซ็นเซอร์รับแสงด้วยส่วนหลัง
  • ฟิลเตอร์ Hybrid IR
  • ออโต้โฟกัสพร้อม Focus Pixels
  • ระบบการแตะเพื่อโฟกัสพร้อม Focus Pixels
  • คุณสมบัติ Live Photos พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหว
  • บันทึกภาพถ่ายและ Live Photos ด้วยขอบเขตสีกว้าง
  • การแมปโทนที่ได้รับการปรับปรุง
  • การควบคุมค่าแสง
  • การลดนอยซ์
  • HDR อัจฉริยะสำหรับภาพถ่าย
  • ระบบป้องกันภาพสั่นไหวอัตโนมัติ
  • โหมดภาพถ่ายต่อเนื่อง
  • โหมดตั้งเวลาถ่ายภาพ
  • แนบข้อมูลพิกัดตำแหน่งในภาพถ่าย
  • รูปแบบไฟล์ภาพที่บันทึก: HEIF และ JPEG

6. USB-C ต่อจอนอกความละเอียด 5K

Ipad Pro 2018 Usb C

พอร์ตการเชื่อมต่อ USB-C ที่สามารถส่งข้อมูลได้รวดเร็วมากขึ้น ด้วยสาย Thunderbolt 3 (USB-C) ที่รองรับความเร็วสูงสุดถีง 40 Gbps และ iPad Pro

ช่องต่อ USB-C ใหม่มาแทนที่ช่องต่อ Lightning® เพื่อรองรับรูปแบบการใช้งาน iPad Pro ที่หลากหลายยิ่งขึ้น USB-C มีประโยชน์หลากหลายเหลือเชื่อ ทั้งจ่ายไฟฟ้าสำหรับการชาร์จ รองรับ USB 3.1 รุ่นที่ 2 สำหรับการถ่ายโอนข้อมูลแบนด์วิธสูงถึงสองเท่าจากกล้องและเครื่องดนตรี และทำหน้าที่เชื่อมต่อจอภาพภายนอกสูงสุด 5K แม้กระทั่งการชาร์จ iPhone® ด้วย iPad Pro ผ่าน USB-C ก็เป็นไปได้

7. Apple Pencil และ Smart Keyboard Folio รุ่นใหม่

Apple Pencil And New Smart Keyboard Ipad Pro 2018

Apple Pencil และ Smart Keyboard Folio รุ่นใหม่ที่จำหน่ายแยกต่างหากช่วยให้ผู้ใช้ iPad Pro ทำงานได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น Apple Pencil รุ่นที่สองจะยึดติดกับ iPad Pro ด้วยพลังแม่เหล็กสำหรับการจับคู่และการชาร์จแบบไร้สาย เพียงแค่แตะสองครั้งที่ Apple Pencil คุณก็สามารถเลือกใช้เครื่องมือหรือแปรงที่เหมาะกับงานได้อย่างง่ายดายภายในแอพอย่างเช่น โน้ต แอพอันทรงพลังจากนักพัฒนาชั้นนำเช่น Adobe, Autodesk และ Procreate ก็ช่วยยกระดับความคิดสร้างสรรค์ของผู้ใช้ให้มากขึ้นกว่าเดิมเช่นกัน

Smart Keyboard Folio รุ่นใหม่ปกป้องทั้งด้านหน้าและด้านหลังของ iPad Pro ด้วยดีไซน์บางเบาเรียบง่าย และมาในรูปของคีย์บอร์ดขนาดใหญ่ที่ไม่จำเป็นต้องชาร์จหรือ จับคู่ Smart Keyboard Folio รุ่นใหม่นั้นปรับได้ง่ายสำหรับการใช้บนตักหรือโต๊ะ จึงเหมาะที่สุดสำหรับการจดความคิดและการทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน

การเปิดขาย

วางขายกลุ่มประเทศแรก 7 พ.ย. 2018 ได้แก่ ออสเตรเลีย ออสเตรีย เบลเยียม บัลแกเรีย แคนาดา จีน โครเอเชีย สาธารณรัฐเช็ก เดนมาร์ก เอสโตเนีย ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี ฮ่องกง ฮังการี ไอซ์แลนด์ ไอร์แลนด์ ไอล์ออฟแมน อิตาลี ญี่ปุ่น เจอร์ซีย์ ลัตเวีย ลิธัวเนีย ลักเซมเบิร์ก มาเก๊า โมนาโก เนเธอร์แลนด์ นิวซีแลนด์ นอร์เวย์ โปแลนด์ โปรตุเกส เปอร์โตริโก โรมาเนีย สิงคโปร์ สโลวาเกีย สโลวีเนีย สเปน สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และสหราชอาณาจักร

กลุ่มประเทศที่ 2 ในปลายปี (ยังไม่แจ้งวันที่) ได้แก่ โคลอมเบีย กรีซ กรีนแลนด์ กัวเตมาลา อินเดีย อิสราเอล ลิกเตนสไตน์ มาเลเซีย มาซิโดเนีย เม็กซิโก โมร็อกโก เปรู กาตาร์ รัสเซีย ไทย ตุรกี ซาอุดีอาระเบีย และแอฟริกาใต้

ราคา iPad Pro

iPad Pro (Gen 3) 11 นิ้ว

Ipad Pro 11 Inc Wifi ราคา 2

iPad Pro (Gen 3) 11 นิ้ว Wi-Fi

  • iPad Pro (Gen 3) 11 นิ้ว Wi-Fi ความจุ 64GB – ราคา 28,900 บาท
  • iPad Pro (Gen 3) 11 นิ้ว Wi-Fi ความจุ 256GB – ราคา 33,900 บาท
  • iPad Pro (Gen 3) 11 นิ้ว Wi-Fi ความจุ 512GB – ราคา 40,900 บาท
  • iPad Pro (Gen 3) 11 นิ้ว Wi-Fi ความจุ 1TB – ราคา 54,900 บาท

iPad Pro (Gen 3) 11 นิ้ว Wi-Fi+Cellular

  • iPad Pro (Gen 3) 11 นิ้ว Wi-Fi+Cellular ความจุ 64GB – ราคา 33,900 บาท
  • iPad Pro (Gen 3) 11 นิ้ว Wi-Fi+Cellular ความจุ 256GB – ราคา 38,900 บาท
  • iPad Pro (Gen 3) 11 นิ้ว Wi-Fi+Cellular ความจุ 512GB – ราคา 45,900 บาท
  • iPad Pro (Gen 3) 11 นิ้ว Wi-Fi+Cellular ความจุ 1TB – ราคา 59,900 บาท

iPad Pro (Gen 3) 12.9 นิ้ว

Ipad Pro 12.9 ราคา

iPad Pro (Gen 3) 12.9 นิ้ว Wi-Fi

  • iPad Pro (Gen 3) 12.9 นิ้ว Wi-Fi ความจุ 64GB – ราคา 35,900 บาท
  • iPad Pro (Gen 3) 12.9 นิ้ว Wi-Fi ความจุ 256GB – ราคา 40,900 บาท
  • iPad Pro (Gen 3) 12.9 นิ้ว Wi-Fi ความจุ 512GB – ราคา 47,900 บาท
  • iPad Pro (Gen 3) 12.9 นิ้ว Wi-Fi ความจุ 1TB – ราคา 61,900 บาท

iPad Pro (Gen 3) 12.9 นิ้ว Wi-Fi+Cellular

  • iPad Pro (Gen 3) 12.9 นิ้ว Wi-Fi+Cellular ความจุ 64GB – ราคา 40,900 บาท
  • iPad Pro (Gen 3) 12.9 นิ้ว Wi-Fi+Cellular ความจุ 256GB – ราคา 45,900 บาท
  • iPad Pro (Gen 3) 12.9 นิ้ว Wi-Fi+Cellular ความจุ 512GB – ราคา 52,900 บาท
  • iPad Pro (Gen 3) 12.9 นิ้ว Wi-Fi+Cellular ความจุ 1TB – ราคา 66,900 บาท

วันที่เปิดขาย iPad Pro

  • วันเปิดตัว : 30 ต.ค. 2018
  • วันเปิด Pre-Order (กลุ่มประเทศแรก) : 30 ต.ค. 2018
  • วันเปิดขาย (กลุ่มประเทศแรก) : 7 พ.ย. 2018
  • วันเปิดขาย (ในไทย) :  ปลายปี 2018

_______________________

ข้อมูลเพิ่มเติม

ขอบคุณภาพประกอบจาก The Verge, Apple

from:https://www.iphonemod.net/apple-annouced-new-ipad-pro-2018.html

สิ่งใหม่ที่คาดว่า Apple จะเปิดตัวช่วงวันงาน Apple Special Event 2018 นี้

Apple Special Event 2018 Expectation

Apple ปักหมุดจัดงานเปิดตัวสินค้าใหม่ Apple Special Event 2018 ในวันที่ 12 ก.ย. 2018 นี้ มาชมสรุปข้อมูลสิ่งใหม่ที่คาดว่า Apple จะเปิดตัวช่วงวันงานว่ามีอะไรบ้าง

สิ่งใหม่ที่คาดว่า Apple จะเปิดตัวช่วงวันงาน Apple Special Event 2018 นี้

ในปี 2018 นี้ Apple ได้จัดงานเปิดตัวสิ่งใหม่ไป 2 ครั้ง คือ เดือน มี.ค. 2018 เปิดตัว iPad Gen 6, WWDC 2018 เดือน มิ.ย. 2018 เปิดตัว iOS 12, watchOS 5 และอื่นๆ, เปิดขาย MacBook Pro 2018 ช่วงเดือน ก.ค. 2018 และใน Apple Special Event 2018 วันที่ 12 ก.ย. 2018 นี้จะมีสิ่งใหม่อะไรให้เราติดตามบ้าง ไปชมกัน

1. iPhone XS / iPhone XS Plus

Iphone Xs Concept Video 3

iPhone XS

หากใครได้ติตดามข้อมูล iPhone รุ่นใหม่ปี 2018 จะทราบดีว่าในปี 2018 นี้เราอาจเห็น iPhone รุ่นใหม่ที่ตัดปุ่ม Home ออกไปอย่างแท้จริง โดยในปี 2018 นี้คาดว่า Apple จะเปิดตัว iPhone ตระกูล “S” คือ iPhone XS (OLED 5.8 นิ้ว) และ iPhone XS Plus (OLED 6.5 นิ้ว)

Iphone X 2018 Gold Dummy Model Review 1

iPhone XS นั้นคาดว่าจะเป็นรุ่นที่ปรับปรุงสเปกมาจาก iPhone X รุ่นปี 2017 โดย iPhone XS จะมาพร้อมชิพ A12, อาจใช้ RAM 4GB, Modem แบบ 4×4 MIMO, แบตเตอรี่ความจุ 2700-2800mAh, กล้องหลัง 2 ตัวแนวตั้งความละเอียด 12MP, กล้องหน้าพร้อม Face ID (รุ่นใหม่) และมาพร้อม iOS 12

ข่าวลือก่อนหน้านี้เผยว่า iPhone XS อาจมีความจุสูงสุดที่ 512GB ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่ารุ่นนี้อาจมี 3 หรือ 2 ความจุ และราคาที่คาดการณ์ไว้นั้นจะเริ่มต้นที่ประมาณ 800 – 899 ดอลลาร์

iPhone XS Plus

iPhone XS Plus จอ OLED 6.5 นิ้วเป็นรุ่นที่ได้รับความสนใจมาก เพราะเป็น iPhone จอ OLED ตัวแรกที่จะใช้หน้าจอขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่มีมาใน iPhone และจะเป็น iPhone ตระกูล S ที่มีประสิทธิภาพสูงอีกด้วย

Iphone X Plus

iPhone XS Plus นั้นอาจมาพร้อมจอ OLED ความละเอียด 2688×1242 รองรับการใช้งานแนวนอน, ชิพ A12, RAM 4GB, กล้องหลัง 2 ตัวแนวตั้ง, แบตเตอรี่ความจุ 3300-3400mAh และ Face ID รุ่นใหม่เหมือน iPhone XS และมาพร้อม iOS 12

ข้อมูลที่มีการพูดถึงและถกเถียงกันอยู่นั้น คือ การรองรับ Apple Pencil ใน iPhone XS Plus โดยบางรายงานเผยว่า iPhone รุ่นใหม่นี้จะไม่รองรับ Apple Pencil เพราะจะส่งมอบประสบการณ์ที่ไม่ดีมากให้กับผู้ใช้ และถ้าหากจะรองรับจริง Apple อาจเปิดตัว Apple Pencil รุ่นใหม่ที่มีขนาดเล็กกว่าและรองรับการใช้งานได้ดีบน iPhone

สำหรับประเด็นเรื่องความจุและราคานั้นก็จะเหมือนกับ iPhone XS คือ อาจมีรุ่นความจุสูงสุดที่ 512GB และราคาเปิดขายเริ่มต้นนั้นอาจอยู่ที่ประมาณ 900 – 999 ดอลลาร์ และรุ่นความจุสูงสุดอาจแพงถึง 1,200 ดอลลาร์เลยทีเดียว

iPhone XS / XS Plus สี Gold ใหม่

เมื่อไม่นานมานี้เราได้เห็นภาพโปรโมท iPhone ใหม่ของ Apple หลุดออกมา โดยในภาพเราจะเห็นกรอบสีทองใน iPhone ทั้ง 2 ขนาด ทำให้สามารถยืนยันได้เกือบๆ 100% ว่า iPhone XS, iPhone XS Plus จะมาพร้อมสีใหม่ คือ Gold และสีเดิมอย่าง Silver, Space Grey

Iphone Xs Gold Leaked

คาดการณ์ราคา iPhone XS / XS Plus

  • iPhone XS (OLED 5.8 นิ้ว) เริ่มต้นประมาณ : 800 – 899 ดอลลาร์
  • iPhone XS Plus (OLED 6.5 นิ้ว) เริ่มต้นประมาณ : 900 – 999 ดอลลาร์

คาดการณ์วันเปิดตัว / Pre-Order / เปิดขาย

  • วันเปิดตัว : 12 ก.ย. 2018
  • วันเปิด Pre-Order : 14 ก.ย. 2018
  • วันเปิดขาย (กลุ่มประเทศแรก) : 21 ก.ย. 2018
  • วันเปิดขาย (ในไทย) : ต้น – กลางเดือน ต.ค. 2018

2. iPhone 9

ข่าวของ iPhone 9 (จอ LCD 6.1 นิ้ว) เป็นข่าวที่มีผู้สนใจติดตามเป็นอย่างมาก เพราะข่าวลือส่วนใหญ่ชี้ว่า iPhone 9 จะเป็น iPhone รุ่นใหม่ที่มีราคาถูกที่สุดในบรรดา 3 รุ่นใหม่ (iPhone XS, iPhone XS Plus, iPhone 9) แต่มาพร้อมสเปกที่ใกล้เคียงกับรุ่น OLED

Iphone Lcd 2018 Renders Images 3

iPhone 9 นั้นอาจใช้หน้าจอ LCD 6.2 นิ้วความละเอียด 1792×828 มาพร้อมชิพ A12, RAM 3GB, แบตเตอรี่ความจุ 2600-2700mAh, ใช้จอเต็มขอบและมี Face ID เหมือน iPhone X แต่ iPhone 9 นั้นจะใช้กล้องหลังตัวเดียวเหมือน iPhone 8 และไม่มี 3D Touch เพื่อคงความเป็นรุ่นราคาย่อมเยา

ข่าวลือเผยว่า iPhone 9 นั้นจะมีโมเดลซิมคู่ (Dual-SIM) เปิดขายด้วย แต่ในรุ่นซิมคู่นั้นจะเปิดขายเฉพาะในประเทศจีนเป็นหลักและรูปแบบของซิมคู่น่าจะเป็นแบบ e-SIM และ Physical SIM

iPhone 9 อาจมี 5 สี

ข้อมูลที่น่าสนใจอีกอย่างของ iPhone 9 นั้นคือเรื่องสี เพราะบางรายงานเผยว่า iPhone 9 จะมาพร้อมสีใหม่ถึง 5 สี คือ Red, Blue, Orange, Grey, White แต่บางรายงานบอกว่าจะใช้สีเดียวกันกับ iPhone XS

Iphone Lcd 2018

คาดการณ์ราคา iPhone XS / XS Plus

  • iPhone 9 (LCD 6.1 นิ้ว) เริ่มต้นประมาณ : 600 – 699 ดอลลาร์

คาดการณ์วันเปิดตัว / Pre-Order / เปิดขาย

  • วันเปิดตัว : 12 ก.ย. 2018
  • วันเปิด Pre-Order : 14 ก.ย. 2018*
  • วันเปิดขาย (กลุ่มประเทศแรก) : 21 ก.ย. 2018*
  • วันเปิดขาย (ในไทย) : ต้น – กลางเดือน ต.ค. 2018*

*อาจช้ากว่า iPhone XS เพราะมีปัญหาเรื่องการผลิต

3. Apple Watch Series 4

ตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา Apple มักเปิดตัว Apple Watch รุ่นใหม่พร้อมๆ กับ iPhone รุ่นใหม่ในงาน Apple Special Event ท้ายปี และแน่นอนว่าในปี 2018 นี้เราจะเห็น Apple Watch Series 4 เปิดตัวด้วยเช่นกัน

Apple Watch Series 4 2018 Concept 1

สำหรับข่าวลือเรื่องสเปก ภาพหลุดต่างๆ ของ Apple Watch รุ่นใหม่ปี 2018 ไม่ค่อยให้เราได้เห็นกันมากนัก แต่พูดถึงกับบ่อยๆ นั้นก็จะเป็นการปรับหน้าจอใหม่ให้ใหญ่กว่ารุ่นเดิม 15% โดยจอจะใหญ่ขึ้น (ขนาดตัวเรือนเท่าเดิม) แต่ขอบบางลงซึ่งเหมือนกับ iPhone X

ข้อมูลถัดมา คือ Apple Watch Series 4 จะมาพร้อมการปรับปรุงและเพิ่มเซ็นเซอร์ใหม่ๆ ให้เก็บข้อมูลสุขภาพได้ดีขึ้น รวมทั้งรุ่นใหม่นี้อาจมีการปรับปรุง GPS, แบตเตอรี่ให้ใช้ได้ยาวนานและไมโครโฟนในรุ่น Cellular เพื่อให้สนทนาได้ดีขึ้น และมาพร้อม watchOS 5

เหมือนกับ iPhone XS ที่ Apple ได้เผลอทำภาพโปรโมทหลุดออกมา โดยใน Apple Watch Series 4 เราจะเห็นการปรับปรุงการออกแบบตัวเรือนใหม่เล็กน้อย เช่น ปรับแถบสีแดงที่ Digital Crown ใหม่, หน้าจอใหญ่ขึ้น, หน้าปัดที่แสดงข้อมูลละเอียดขึ้น, รองรับสายรุ่นเดิม (เพราะขนาดตัวเรือนเท่าเดิม) และอาจมาพร้อมสีทองแบบใหม่ด้วย

Apple Watch Series 4 9to5mac

ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า Apple ลงทะเบียน Apple Watch Series 4 รุ่นใหม่โมเดลน้อยกว่า Series 3 กล่าวคือ อาจมีโมเดลบางวัสดุถูกตัดออกไปก็เป็นได้ (อะลูมิเนียม, สแตนเลส, เซรามิก)

คาดการณ์ราคา Apple Watch Series 4

สำหรับราคา Apple Watch Series 4 ไม่ค่อยมีการพูดถึงมากนัก ดังนั้นคาดการณ์ได้ว่ารุ่นเริ่มต้น (อะลูมิเนียม) ราคาจะใกล้เคียงกับ Series 4

  • Apple Watch Series 4 GPS (อะลูมิเนียม) 38 มม เริ่มต้นประมาณ : 329 ดอลลาร์
  • Apple Watch Series 4 GPS+Cellular (อะลูมิเนียม) 38 มม เริ่มต้นประมาณ : 399 ดอลลาร์

คาดการณ์วันเปิดตัว / Pre-Order / เปิดขาย Apple Watch Series 4

  • วันเปิดตัว : 12 ก.ย. 2018
  • วันเปิด Pre-Order : 14 ก.ย. 2018
  • วันเปิดขาย (กลุ่มประเทศแรก) : 21 ก.ย. 2018
  • วันเปิดขาย (ในไทย) : ต้น – กลางเดือน ต.ค. 2018

4. iPad Pro Gen 3 (2018)

เป็นข่าวลือมาต่อเนื่องสำหรับ iPad Pro รุ่นใหม่ 2018 ที่มีรายงานว่าจะมีการปรับปรุง Design ใหม่ให้ใช้จอเต็มขอบและตัดปุ่ม Home ออกไปเหมือน iPhone X

Ipad Pro 11 Inch Face Id Concept Images

ข้อมูลที่ค่อนข้างชี้ชัดว่า iPad Pro รุ่นใหม่ 2018 นั้นจะใช้จอเต็มขอบไร้ปุ่ม Home เหมือน iPhone X มาจากการพบภาพไอคอนใน iOS 12 beta รวมไปถึงรูปแบบการปัดหน้าจอของ iPad บน iOS 12 beta, Screenshot และข้อมูลอื่นๆ สื่อให้เห็นเหมือนกับข่าวลือที่เผยไว้

Icon Img Ios 12 Beta 5 Confirm Rumored Design Ipad Pro 2018 Cover

สเปกของ iPad Pro 2018 ไม่ค่อยมีข้อมูลให้เราติดตามกันมากนัก โดยรายงานเผยว่า iPad Pro 2018 จะใช้หน้าจอเต็มขอบ 11 นิ้ว, ตัดปุ่ม Home และ Touch ID ออกไป โดยใช้ Face ID แบบใหม่ที่สามารถสแกนหน้าได้ทั้งแนวนอนและแนวตั้ง

ข่าวลือที่เป็นการถกเถียงกันอยู่ตอนนี้ คือประเด็นเรื่องการย้ายตำแหน่ง Smart Connector ไปไว้ที่ด้านหลังเครื่องแถวๆ ช่องเสียบสายชาร์จ บางรายงานเผยว่าจะเป็น Smart Connector ที่สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์แบบแนวตั้งได้ ดังนั้นเราอาจเห็นอุปกรณ์เสริมอย่าง Smart Keyboard ใหม่เปิดขายด้วยก็เป็นได้

Ipad Pro 2018 Case Leaks Photo Move Smart Connector Cover

นอกจากนั้นการที่ iPad Pro เปลี่ยนไปใช้จอเต็มขอบไร้ปุ่ม Home นั้น Apple อาจใช้โอกาสนี้เปิดขาย Apple Pencil รุ่นใหม่ที่สามารถใช้งานกับจอขนาดใหม่ได้เป็นอย่างดี ซึ่งข้อมูล Apple Pencil ใหม่แทบไม่มีให้เราติดตามเลย

(คาดว่า Apple อาจเปิดตัว iPad Pro จอ 11 นิ้วใหม่ พร้อมกับ iPad Pro จอ 12.9 นิ้วรุ่นปรับปรุงสเปกที่ยังคง Design เดิมแต่เปลี่ยนชิพและ Hardware ใหม่)

คาดการณ์ราคา / วันเปิดตัว / เปิดขาย iPad Pro Gen 3 (2018)

ถึง ณ ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการคาดการณ์ราคาของ iPad Pro ใหม่มาให้เราติดตามเลย โดยความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนนั้น iPad Pro ใหม่ 2018 รุ่นจอ 11 นิ้วเต็มขอบจะมีราคาขายเริ่มต้นแพงกว่า iPad Pro 10.5 นิ้ว 2017 แน่นอน

สำหรับกำหนดการเปิดตัวนั้น คาดว่า Apple อาจเปิดตัวพร้อมกับ iPhone XS และ Apple Watch Series 4 ในงาน Apple Special Event 2018 วันที่ 12 ก.ย. 2018 นี้ แต่อย่างไรก็ตาม Apple ยังไม่เคยเปิดตัว iPad Pro ใหม่พร้อมกับ iPhone ใหม่ ดังนั้นถ้าเราไม่เห็นในงานวันที่ 12 ก.ย. 2018 นี้ Apple อาจเอาไปเปิดตัวหรือเปิดขายใน Event เดือน ต.ค. 2018 ก็ได้

5. สิ่งใหม่อื่นๆ และเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในช่วง Event เดือน ก.ย. 2018 นี้

เปิดขาย AirPower, หูฟัง AirPods ใหม่รองรับชาร์จไร้สาย

คาดว่าช่วงเดือน ก.ย. – ต.ค. 2018 นี้ คงถึงเวลาสักทีที่ Apple จะเปิดขายแผ่นชาร์จ AirPower ที่รองรับการชาร์จ iPhone, Apple Watch และ AirPods แบบไร้สายได้ รวมทั้งในช่วงเดียวกัน Apple น่าจะเปิดขายกล่องหรือหูฟัง AirPods รุ่นใหม่ที่มีคุณสมบัติชาร์จไร้สายบน AirPower หรือแท่นชาร์จมาตรฐาน Qi ได้

Airpower

ปล่อยอัปเดต iOS 12, watchOS 5, macOS Mojave, tvOS 12

Apple เผยโฉม iOS 12, watchOS 5, macOS Mojave, tvOS 12 ในงาน WWDC 2018 เมื่อเดือน มิ.ย. 2018 ที่ผ่านมาและบอกว่าจะปล่อยอัปเดตช่วงปลายปี 2018 นี้ ดังนั้นเราอาจจะได้อัปเดต OS ช่วงวันที่ 14 ก.ย. 2018 (อ้างอิงตามกำหนดการปีที่แล้ว) หรือไม่ก็วันที่ 19 ก.ย. 2018 ตามข่าวลือ

Ios 12 Next Generation 911

เลิกขาย iPhone 8 / 8 Plus สีแดง PRODUCT(RED)

เมื่อย้อนไปวันที่ 13 ก.ย. 2017 Apple ได้เลิกขาย iPhone 7 / 7 Plus สีแดง PRODUCT(RED) และคาดว่าปี 2018 นี้ก็ไม่ต่างกัน โดยหลังจบงาน Apple Special Event 2018 อาจเลิกขาย iPhone 8 / 8 Plus สีแดง PRODUCT(RED) เลยก็ได้

Iphone 8 Red

เปิดตัว / เปิดขาย iPhone SE 2

เหมือนข่าวลือเรื่อง iPhone SE ใหม่จะหายไปแล้วแต่ก็กลับมาอีกครั้งเมื่อไม่นานมานี้มีการพบรหัสชื่อ “iPhone xx” ซึ่งนักพัฒนาคาดว่าอาจเป็น iPhone SE ใหม่ที่ใช้ Design เดิมแต่ปรับสเปกให้เป็น iPhone 7 กล่าวคือใช้ชิพ A10 พร้อมกับความจุตัวเครื่องใหม่นั่นเอง

Iphone Se Iphone Xx

(ความเห็นส่วนตัว : ข่าวนี้อาจเป็นไปได้เหมือนกันในกรณีที่ Apple เปิดขาย iPhone XS, XS Plus และ iPhone 9 ใหม่พร้อมเลิกขาย iPhone 6s, 6s Plus และอาจจะเลิกขาย iPhone SE รุ่นปัจจุบันแต่แทนที่ด้วย iPhone SE รุ่นปรับสเปกใหม่ก็ได้)

เปิดขายเคส  iPhone iPad, สาย Apple Watch แบบใหม่

เมื่อ Apple เปิดขายสินค้าใหม่แล้ว ก็มักจะเปิดขายอุปกรณ์เสริมสำหรับสินค้าใหม่เช่นกัน และหลังงาน Apple Special Event 2018 เราอาจจะได้เห็นเคส iPhone, iPad และสาย Apple Watch สีใหม่แบบใหม่เปิดขายมากมาย

Apple Watch Spring Collection Available 1

เปิดตัว / เปิดขาย MacBook Air 13 นิ้วใหม่, Mac mini ใหม่

ข่าวลือเรื่อง MacBook รุ่นใหม่จอ 13 นิ้วมีการพูดถึงตั้งแต่ต้นปี 2018 แล้ว โดยรายงานเผยว่า Apple อาจเปิดตัว MacBook จอ 13 นิ้ว Retina รุ่นใหม่มาแทน MacBook Air หรือไม่ก็ MacBook โดยจะเป็นรุ่นราคาย่อมเยาราคาเริ่มประมาณ 1,000 ดอลลาร์

Apple May Release Mac Mini For Prouser And New 2018 Macbook 13 Inch

ข้อมูลเผยว่าผู้ผลิต Notebook เตรียมส่งมอบ “Notebook ราคาย่อมเยา” ให้ Apple ปลายปี 2018 นี้ ดังนั้นเราอาจเห็น MacBook 13 นิ้วรุ่นใหม่นี้เปิดขายช่วง Event เดือน ก.ย. 2018 หรือไม่ก็ Event เดือน ต.ค. 2018 เลย โดยสเปกคาดว่าจะใช้จอ Retina มาพร้อม Intel Kaby Lake

(มีข่าวเหมือนกันว่า Apple อาจปรับสเปก Mac mini, Mac Pro และ iMac ใหม่ และเปิดขายช่วงปลายปี 2018 นี้เช่นกัน คาดว่าช่วง ต.ค. 2018 เป็นต้นไป)

เจอกันวันที่ 12 ก.ย. 2018 นี้ (Apple Special Event 2018)

ทั้งหมดนี้เป็นการคาดเดาจากข้อมูลที่มีอยู่ว่า Apple อาจเปิดตัวและเปิดขายสิ่งใหม่ในช่วงงาน Event ก.ย. 2018 โดย Apple ได้ประกาศจัดงาน Apple Special Event 2018 ในวันที่ 12 ก.ย. 2018 โดยจะเริ่มเวลาประมาณ 0.00 ของวันที่ 13 ก.ย. 2018 หรือคืนวันที่ 12 ก.ย. 2018 ตามเวลาบ้านเรา

Apple Event 2018 Invitation Card

แน่นอนว่าทีมงาน iPhonemod จะเกาะติดสถานการณ์และรายงานสดในวันงานดังกล่าว สามารถติดตามข้อมูลและความเคลื่อนไหวต่างๆ ได้ที่เว็บไซต์ iPhomemod.net และ Facebook Page : iPhonemod

แล้วเจอกันในวันงานครับ

_______

เรียบเรียงโดย มดเต้นท์ (Mod-T) iPhonemod.net

from:https://www.iphonemod.net/apple-special-event-2018-expectation.html