คลังเก็บป้ายกำกับ: IPAD_9.7

Apple ลดราคา iPhone XS, XS Max, XR, iPhone 8, iPhone 7, iPad 9.7 นิ้ว, Apple Watch Series 3 มีผลทันที!!

การมาถึงของ iPhone 11, iPhone 11 Pro, iPad 10.2 นิ้ว และ Apple Watch Series 5 ส่งผลให้ Apple ต้องลดราคาผลิตภัณฑ์รุ่นก่อนหน้านี้ ทั้ง iPhone, iPad และ Apple Watch ซึ่งมีบางรุ่นที่ไม่สามารถทำรายการสั่งซื้อได้แล้วบนระบบออนไลน์ แต่ทั้งหมดยังหาซื้อได้จากร้านค้าปลีกของ Apple Store

iPhone 7

  • 32GB ราคา 14,500 บาท
  • 128GB ราคา 16,300 บาท

iPhone 7 Plus

  • 32GB ราคา 16,300 บาท
  • 128GB ราคา 18,100 บาท

iPhone 8

  • 64GB ราคา 15,900 บาท
  • 128GB ราคา 17,900 บาท
  • 256GB ราคา 21,900 บาท

iPhone 8 Plus

  • 64GB ราคา 19,900 บาท
  • 128GB ราคา 21,900 บาท
  • 256GB ราคา 25,900 บาท

iPhone XR

  • 64GB ราคา 21,900 บาท
  • 128GB ราคา 23,900 บาท

iPhone XS

  • 64GB ราคา 31,900 บาท
  • 256GB ราคา 37,900 บาท
  • 512GB ราคา 44,900 บาท

iPhone XS Max

  • 64GB ราคา 35,900 บาท
  • 256GB ราคา 41,900 บาท
  • 512GB ราคา 45,900 บาท

Apple Watch Series 3

  • GPS 38mm ราคา 6,400 บาท
  • GPS 42mm ราคา 7,400 บาท
  • GPS + Cellular 38mm ราคา 9,900 บาท
  • GPS + Cellular 42mm ราคา 10,900 บาท

iPad 9.7 นิ้ว (รุ่นที่ 6)

  • Wi-Fi 32GB ราคา 9,990 บาท
  • Wi-Fi 128GB ราคา 12,990 บาท
  • Wi-Fi + Cellular 32GB ราคา 14,490 บาท
  • Wi-Fi + Cellular 128GB ราคา 17,490 บาท

from:https://www.flashfly.net/wp/266929

iPad mini 5 และ iPad รุ่นใหม่ อาจได้รับการเปิดตัวในช่วงครึ่งแรกของปี 2019

Apple อาจเปิดตัวอุปกรณ์ iOS รุ่นใหม่ พร้อมกัน 2 รุ่น ภายใน 6 เดือนแรกของปีนี้ อ้างอิงจาก Digitimes ซึ่งรายงานว่าซัพพลายเออร์ที่จัดหาจอสัมผัส เตรียมจัดส่งส่วนประกอบสำหรับ iPad ทั้ง 2 รุ่นใหม่ ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

iPad ทั้ง 2 รุ่นใหม่ ที่ถูกอ้างถึง ประกอบไปด้วย iPad ระดับ Entry หรือ ทายาทของ iPad รุ่น 9.7 นิ้ว ที่วางจำหน่ายในปัจจุบัน ส่วนอีกรุ่นจะเป็นทายาทของ iPad mini 4

Digitimes ไม่ได้ให้รายละเอียดทางเทคนิคหรือสเปกของ iPad รุ่นใหม่ แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการอ้างถึง iPad mini รุ่นใหม่ ก่อนหน้านี้ Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์จาก TF International Securities เคยทำนายว่า iPad mini รุ่นใหม่ จะใช้จอแสดงผลที่ถูกลง และใช้ชิปประมวลผลที่เคยเปิดตัวไปแล้ว แต่แน่นอนว่าจะมีประสิทธิดีขึ้นกว่าเดิม สอดคล้องกับสื่อจีนก็คาดว่า iPad mini รุ่นใหม่ อาจไม่มีการเปลี่ยนแปลงดีไซน์ที่สำคัญ เพื่อลดต้นทุน และทำให้ iPad mini รุ่นใหม่ มีราคาถูก

สำหรับ iPad รุ่น 9.7 นิ้ว มีข่าวลือว่า จะถูกอัพเกรดให้มีขนาดจอแสดงผล 10 นิ้ว พร้อมมุมจอที่โค้งมนเหมือน iPad Pro รุ่นล่าสุด และอาจสนับสนุน Apple Pencil รุ่นที่ 2

ทั้งนี้ จากประวัติที่ผ่านมา iPad ระดับ Entry จะได้รับการเปิดตัวในเดือนมีนาคมหรือเมษายน

ที่มา – 9to5mac

from:http://www.flashfly.net/wp/239536

ทำไม? ต้องวาดรูปด้วย iPad, iPad Pro และ Apple Pencil

Cover Why Ipad

iPad เป็นเครื่องมืออีกชิ้นหนึ่งที่นักสร้างสรรค์หลายๆ ท่านเลือกมาใช้งาน ด้วยความสามารถที่หลากหลายไม่ว่าจะงานด้านกราฟิก วาดรูป ตัดต่อวีดีโอ ฯลฯ ล้วนสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพได้เสมือนคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง วันนี้เราจะมาดูกันว่า เหตุผลอะไร ทำไมนักออกแบบหรือวาดรูป จึงได้เลือก iPad Pro เป็นอาวุธคู่กายในการทำงาน

ทำไม? ต้องวาดรูปด้วย iPad, iPad Pro และ Apple Pencil

iPad นั้นมีขนาดหลายรุ่นหลายราคาซึ่งสามารถเลือกให้เหมาะตามการใช้งานของแต่ละคน โดย iPad ที่ใช้ร่วมกับ Apple Pencil นั้น มีอยู่ 5 รุ่นด้วยกันคือ

  • iPad Pro ขนาด 12.9 นิ้วทุกรุ่น (iPad Pro 12.9 นิ้วปี 2018 รองรับ Apple Pencil 2 เท่านั้น)
  • iPad Pro ขนาด 11 นิ้ว (รองรับ Apple Pencil 2 เท่านั้น)
  • iPad Pro ขนาด 10.5 นิ้ว
  • iPad Pro ขนาด 9.7 นิ้วทุกรุ่น
  • iPad ขนาด 9.7 นิ้ว ปี 2018

1.  Apple Pencil ใช้งานง่ายเหมือนวาดด้วยปากกาหรือดินสอจริงๆ

Apple Pencil นั้นมีการตอบสนองกับหน้าจอที่ฉับไวและแม่นยำมากๆ มีความละเอียดระดับพิกเซลที่เวลาวาดนั้นวาดง่าย จนทำให้การวาดรูปเหมือนกับวาดลงบนกระดาษจริงๆ ยิ่งเวลาแก้ไข ไม่ว่าจะลบ แทรก ตัด ย่อขยาย ก็สามารถทำเสร็จได้ในหน้าจอเดียว

002

2. สามารถกำหนดเส้นหนักเบาได้อย่างใจ

บางทีในการวาดรูป ต้องมีลายเส้นที่สามารถบ่งบอกถึงอารมณ์หรือความเหมาะสมของภาพ ซึ่งใน Apple Pencil ก็สามารถทำให้คุณได้เช่นกัน เพียงแค่กดหนักๆ เพื่อวาดเส้นให้หนาขึ้น กดให้เบาลงเพื่อวาดเส้นบางๆ หรือแรเงาได้ง่ายๆ ด้วยการเอียง Apple Pencil

02 1

3. ประสิทธิภาพการทำงานรองรับงานกราฟิกหนักๆ ได้

Ipad Pro 2018 Photoshop At Apple Event

ในงานวาดรูป รีทัช ตัดต่อหลายๆ งาน จำเป็นที่จะต้องใช้กราฟิกที่หนักพอกับงานของคุณ ซึ่ง iPad ก็สามารถรองรับงานศิลป์ได้หลายเลเยอร์และสามารถเลนเดอร์งานหนักๆ ได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น iPad Pro 2018 ล่าสุดที่ทาง Apple ได้เปิดตัวไปเมื่อ 30 ต.ค. 2018 ที่ผ่านมา สามารถใช้งานด้านกราฟิกในการปรับแต่งภาพด้วยแอป Photoshop (จะเปิดให้ใช้งานในปี 2019) ซึ่งสามารถสร้างได้หลายเลเยอร์และลงรายละเอียดของแต่ละเลเยอร์เอาไว้ค่อนข้างมาก ทั้งนี้ยังสามารถนำไฟล์ที่ตกแต่งนั้นแปลงให้เป็น AR ได้อีกด้วย ส่วนนี้ต้องอาศัยพลังการประมวลผลของซีพียูและกราฟิกที่เร็วมากถึงจะทำงานเช่นนี้ได้

4. มีหัวแปรงให้เลือกใช้มากมาย

สิ่งที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการวาดรูปคือหัวแปรง ซึ่งมีหัวแปรงสำเร็จรูปมากมายให้ได้เลือกใช้ เพียงแค่แตะเลือกหัวแปรง ไม่ว่าจะเป็นแบบสีน้ำ สีไม้ เส้นดินสอ ตกแต่ง รีทัชก็เลือกใช้ได้ตามความต้องการ

02

5. มีแอปมากมายที่ช่วยในการออกแบบนับร้อยแอป

คุณสามารถเลือกดาวน์โหลดแอปสำหรับสร้างสรรค์ผลงาน ที่มีอยู่มากมายใน AppStore ได้ ซึ่งมีให้เลือกใช้ที่เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น Procreate, Photoshop, SketchBook, Adobe Draw, Affinity Photo เป็นต้น มีให้เลือกในระดับมือสมัครเล่นจนถึงระดับโปรฯ เลยทีเดียว

04

6. พกพาไปไหนก็สะดวก

iPad ขนาดต่างๆ นั้นมีน้ำหนักเบาพอที่จะพกไปไหนมาไหนได้ง่ายๆ และ Apple Pencil ก็ยังยึดติดกันด้วยแม่เหล็กข้างแถบตัว iPad (เฉพาะใน iPad Pro 2018) ไม่ต้องกลัวหาย

7. แบตเตอรี่อึดทนนาน

แน่นอนว่าตัว iPad นั้นถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้หลากหลายและสามรถพร้อมใช้งานได้ตลอดเวลา ในเรื่องของแบตเตอรี่ก็เช่นกัน สามารถรองรับการทำงานเราได้ทั้งวัน อึด ทน นาน ไม่ต้องหาที่ชอร์จบ่อยๆ

8. มี iCloud ช่วยเก็บงานศิลป์ของคุณ

ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน ก็สามารถพกพา iPad ไปทำงานได้อย่างสะดวกโดยที่ไม่ต้องสำรองไฟล์งานไว้ที่อื่น เพราะ iCloud จะเก็บงานศิลป์ของคุณไว้ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ใดก็สามารถดึงข้อมูลมาทำงานต่อได้เลย

03

จะเห็นว่า การวาดรูปใน iPad นั้นเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะอำนวยความสะดวกในการทำงานให้กับเรา และยังสามารถสร้างสรรค์ผลงานสวยๆ ได้ไม่แพ้คอมพิวเตอร์เลยทีเดียว จึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจที่นักสร้างสรรค์หลายๆ ท่านเลือกใช้ในการผลิตผลงาน

from:https://www.iphonemod.net/why-draw-ipad-pro-apple-pencil.html

คำแนะนำในการเลือกซื้อ iPad รุ่นไหนเหมาะกับใครบ้าง? อัปเดต พ.ย. 2561

Cover Whocanuse

เปิดขายไปแล้วกับ iPad Pro 2018 เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2561 ที่ผ่านมา วันนี้เรามาดูกันว่า iPad ที่เปิดขายแต่ละรุ่นที่ผ่านมานั้น เหมาะกับการใช้งานแบบไหนและใครควรจะมีไว้ใช้งานบ้าง

คำแนะนำในการเลือกซื้อ iPad รุ่นไหนเหมาะกับใครบ้าง? อัปเดต พ.ย. 2561

โดยทั่วไปแล้ว iPad จะแบ่งออกเป็น 3 ระดับตามประสิทธิภาพและกลุ่มของผู้ใช้งานอีกกันค่อนข้างที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบ, ประสิทธิภาพภายในอุปกรณ์พร้อมทั้งราคา สามารถแบ่งกลุ่มได้ดังนี้

  1. iPad mini – เป็น iPad ระดับเริ่มต้น จุดเด่นคือมีขนาดเล็กพกพาง่าย
  2. iPad – เป็น iPad ระดับกลาง ประสิทธิภาพดีขึ้น หน้าจอใหญ่ขึ้นและมีรุ่นที่รองรับ Apple Pencil (เวอร์ชัน 1)
  3. iPad Pro – เป็น iPad ระดับสูง ประสิทธิภาพดีสุด เทคโนโลยีใหม่สุด จอใหญ่ที่สุดและทุกรุ่นรองรับ Apple Pencil (เวอร์ชัน 1 และ 2)

01

 

ทราบการแบ่งกลุ่มของ iPad กันไปแล้วต่อไปเรามาลงรายละเอียดของแต่ละรุ่นกันว่าเหมาะกับใคร, เหมาะกับการนำไปใช้งานด้านไหน, ราคาเป็นอย่างไร ฯลฯ

1. iPad mini

เป็น iPad รุ่นที่มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบาที่สุด มีขนาด 7.9 นิ้ว ความบาง 6.1 มม. และน้ำหนักเพียง 298.8 กรัมเท่านั้น มีความจุเริ่มต้นถึง 128 GB ในราคา 14,000 บาท และยังสามารถรองรับ iOS ล่าสุด (iOS12) ได้ คุณสมบัตินั้นแรงพอตัว สามารถทำงานด้านตัดต่อวีดีโอพื้นฐานได้, ถ่ายภาพหรือปรับแต่งรูปภาพด้วยซอฟต์แวร์ที่มาพร้อมกับ iOS ได้และดูหนังฟังเพลงเล่นเกมได้อย่างสบายๆ

 

02

iPad mini 4 เหมาะกับใคร?

สำหรับผู้ที่ใช้งานไม่หนักไปทางกราฟิกที่ต้องการพลังการประมวลผลมาก, อ่านอีเมล, อ่านข่าว, แก้เอกสาร ฯลฯ เนื่องจากมีขนาดที่เล็ก จึงเหมาะกับคนที่เดินทางบ่อยๆ พกพาเดินทางไปไหนได้ง่ายๆ ท่องเที่ยวหรือทำงาน ไม่เปลืองพื้นที่ในการจัดเก็บ พร้อมจะตอบโจทย์ความบันเทิงให้เราได้ทุกที่ทุกเวลา

03

 

2. iPad

iPad ที่จัดอยู่ในระดับกลางนั้นถือว่าเป็นนาดมาตรฐานที่มีมาตั้งแต่สมัย iPad Original ด้วยขนาดที่ไม่เล็กและไม่ใหญ่เกินไปทำงาน Apple ยังคงรักษาขนาดมาตรฐานนี้เอาไว้ไล่มาตั้งแต่ iPad, iPad 2, iPad 3, iPad 4, iPad Air และเรื่อยมาปัจจุบันปรับชื่อให้เหลือเพียง iPad เท่านั้น แล้วตามด้วยการระบุขนาดหน้าจอ เช่น iPad 9.7 นิ้ว เป็นต้น

iPad ขนาด 9.7 นิ้วที่เปิดตัวในเดือน มีนาคม 2561 ถือว่าเป็น iPad รุ่นธรรมดารุ่นแรกที่รองรับ Apple Pencil (เวอร์ชัน 1) จุดเด่นอยู่ที่ราคาไม่แพงจนเกินไป โดยเริ่มต้นที่ความจุ 32 GB ในราคา 11,500 บาท มาพร้อมชิพ A10 ที่มีประสิทธิภาพมากพอที่จะตัดวีดีโอ 4K ระดับเบื้องต้นได้สบายๆ หรือเล่นเกมส์กราฟิกหนักๆ ก็ยังไหว

04

 

iPad เหมาะกับใคร?

  1. เนื่องจากราคาย่อมเยาว์เหมาะกับนักเรียนนักศึกษาที่จะใช้พกพาไปเข้าห้องเรียน ใช้ Apple Pencial ในการจดโน้ต, การทำเครื่องหมายต่างๆ ลงบน eBook, ศึกษาหาความรู้ค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมจากอินเทอร์เน็ต, ติดตั้งแแอปพลิเคชันที่เกี่ยวกับการเรียนการสอนหรือที่เด่นๆ อีกอันก็คือ ใช้วาดภาพกราฟิกต่างๆ  ถือว่าเป็นสื่อด้านการเรียนการสอนได้เป็นอย่างดีและเหมาะสมที่สุด ณ เวลานี้ ในแง่ของตัวฮาร์ดแวร์ที่ดี, ซอฟต์แวร์พร้อมแอปพลิเคชันต่างๆ ที่พร้อม ระบบ iOS ที่ดีและการพกพาที่สะดวกสบาย ทำให้ iPad รุ่นนี้ถือเป็นอุปกรณ์ยอดฮิตของเหล่านักเรียน นักศึกษาพร้อมทั้งบุคลากรในหลายสายขาอาชีพ
  2. ผู้ใช้งานทั่วไป ที่ใช้งานในด้านดูหนัง ฟังเพลง  และความบันเทิงอื่นๆ โดยใช้ประสบการณ์ใหม่ๆ ที่สามารถใช้กับ Apple Pencil ได้ 
  3. ผู้ที่ชอบเล่นเกมส์ เนื่องจากมีสเปกที่แรง สามารถเล่นเกมส์หนักๆ ได้อย่างสบายๆ

05

3. iPad Pro

iPad Pro ถูกเปิดตัวออกมาตั้งแต่ปี 201x โดยทาง Apple ต้องการจับกลุ่มผู้ใช้งานขั้นสูงที่ต้องการพลังงานประมวลผลสูงโดย iPad Pro ถือเป็น iPad รุ่นแรกที่มีการออกแบบให้รองรับการใช้งานคู่กับ Apple Pencil ซึ่งประโยชน์ที่ได้จาก Apple Pencil นั้นช่วยให้งานวาดกราฟิกทำได้ง่ายขึ้นโดยที่ผู้ใช้ได้ใช้อุปกรณ์วาดเส้นที่มีความแม่นยำสูง สามารถวางมือบนจอขณะวาดภาพได้ถือว่าเป็นฟีเจอร์เด่นที่ทำให้ iPad Pro กับ Apple Pencil เป็นของที่ต้องมีคู่กันอย่างขาดไม่ได้

iPad Pro รุ่นล่าสุดเปิดตัวไปเมื่อ 30 ต.ค. 2561 ที่ผ่านมาและเปิดขายอย่างเป็นทางการไปแล้วในกลุ่มประเทศแรกเมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2561 และต่อมาอีกเพียง 5 วันซึ่งตรงกับวันที่ 12 พ.ย. 2561 รุ่นนี้ก็เปิดให้ซื้อล่วงหน้าในประเทศไทยได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

iPad Pro รุ่นปี 20178 เป็น iPad ตัวล่าสุดของทาง Apple ที่มีประสิทธิภาพแรงด้วยชิพ A12X Bionic หน้าจอขนาดใหญ่และปรับการดีไซน์ใหม่หมด เป็น iPad รุ่นแรกที่มาพร้อม Face ID มีจอภาพ Liquid Retina ขนาด 11 นิ้วและ 12.9 นิ้ว มีความจุสูงสุดถึง 1 TB นอกจากนี้ยังรองรับ Apple Pencil 2 ที่ Apple พัฒนาออกมาใหม่เพื่อใช้กับ iPad Pro 2018 โดยเฉพาะ 

06

 iPad Pro เหมาะกับใคร?

ด้วยประสิทธิภาพในการประมวลผลด้านต่างๆ เร็วและแรงที่สุดถือว่าเป็น iPad ที่แรงสุดเท่าที่ Apple เคยผลิตมา , หน้าจอ Liquid Retina รุ่นใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมความถี่แบบ 120Hz ทำให้การแสดงผลด้านกราฟฟิกนั้นมีความลื่นไหลเป็นพิเศษ ทั้งนี้เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานขั้นสูงดังนั้นรุ่นนี้จึงเหมาะสำหรับ

  1. นักออกแบบ วาดรูป เพราะด้วยสเปกที่แรงสามารถรองรับงานกราฟิกโหดๆ เช่น การตัดต่อวิดีโอความละเอียดสูงที่ต้องมีหลายเลเยอร์มารวมกันหรือการถ่ายภาพ ตกแต่งภาพขนาดใหญ่หลายๆ เลเยอร์อย่างเช่นใน Photoshop และผู้ที่ต้องการดูรายลเอียดของงานที่ซับซ้อนในสื่อกราฟฟิก เป็นต้น
  2. โปรแกรมเมอร์ที่ต้องทำงานควบคู่กับ AR
  3. ศิลปิน ครีเอทีฟ ที่ใช้โปรแกรมหนักๆ และต้องใช้พ่วงต่อกับอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ใน iPad Pro 2018 มีพอร์ต USB-C มาพร้อมความสามารถในการเชื่อมต่อประสิทธิภาพสูงกับอุปกรณ์เสริมอย่างจอภาพภายนอก หรือกล้องเพื่อถ่ายโอนข้อมูลได้โดยไม่ต้องเสียเวลานำไปเชื่อมต่อผ่านคอมพิวเตอร์
  4. บุคคลทั่วไปหรือเกมเมอร์ ที่ต้องการความแรงของสเปกที่มาพร้อมในตัวเครื่อง ด้วยเทคโนโลยีสมจริงและหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 11 นิ้ว และ 12.9 นิ้ว ทำให้สามารถเล่นเกมได้อย่างตื่นตาตื่นใจและเต็มอิ่มสมจริง
  5. เหมาะกับผู้ใช้งานที่ต้องเก็บข้อมูลขนาดเยอะไม่ว่าจะเป็นไฟล์รูปภาพ, วิดีโอและไฟล์งานกราฟิกต่างๆ ซึ่ง iPad Pro รุ่นปี 2018 นั้นมีความจุให้เลือกสูงสุดถึง 1TB กันเลยทีเดียว

07

สรุป

iPad ทุกรุ่นถูกออกแบบมาเพื่อกลุ่มของผู้ใช้ที่แบ่งแยกกันค่อนค้างที่จะชัดเจนดังนั้นผู้ใช้งานสามารถเลือกใช้ iPad ที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์และการใช้งานของตัวเอง เพื่อให้เกิดประโยชน์และประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งเลือกซื้อหรือดูข้อมูลของรุ่นต่างๆ ได้ที่ Apple รับรองว่า iPad นี้สามารถตอบโจทย์การใช้งานต่างๆ ของแต่ละท่านได้อย่างแน่นอน

และที่ขาดไม่ได้เมื่อคุณได้ซื้อ iPad ไปครอบครองแล้วอย่าลืมเรียนรู้เพิ่มเติมทั้งเทคนิคการใช้งานพื้นฐาน,​ แอปพลิเคชันที่เหมาะสมกับการใช้งานซึ่งสามารถหาชมได้โดยการเข้าไปเรียนรู้ที่ Today at Apple ซึ่งทาง Apple Iconsiam ได้จัดไว้คอยให้บริการฟรีอยู่แล้ว หรือสามารถชมข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บ iMoD ได้เช่นกัน

from:https://www.iphonemod.net/which-ipad-model-should-buy.html

วิธีเพิ่มส่วนควบคุมเพลงระหว่างนำทางใน Google Maps ใน iOS (Apple Music หรือ Spotify)

How To Add Music Player On Google Maps

สำหรับใครที่ใช้ Google Maps เป็นแอปช่วยนำทางพร้อมกับฟังเพลงใน Apple Music หรือ Spotify วันนี้ทีมงานมีวิธีเพิ่มส่วนควบคุมเพลงให้แสดงระหว่างนำทางใน Google Maps มาฝากกันค่ะ

วิธีเพิ่มส่วนควบคุมเพลงระหว่างนำทางใน Google Maps ใน iOS

ไปที่แอป Google Maps > แตะไอคอน 3 ขีดด้านบนขวา > แตะไอคอนการตั้งค่า > แตะการนำทาง (Navigation)

How To Add Music Player On Google Maps 1

แตะ การควบคุมการเล่นเพลง (Show Media Playback Controls) > แตะแอปที่ต้องการให้ส่วนควบคุมเพลงแสดงใน Google Maps ระหว่างนำทาง

How To Add Music Player On Google Maps 2

หลังจากตั้งค่าเรียบร้อยแล้ว เวลาที่เราเปิดแผนที่เพื่อเริ่มนำทางไปยังสถานที่ต่างๆ หน้าจอการเล่นเพลงของ Apple Music หรือ Spotify ก็จะแสดงอยู่บน Google Maps ด้วย เราก็สามารถควบคุมเพลงด้วยการ ข้ามเพลง หยุดเล่น หรือเล่นต่อ บนหน้าจอนี้ได้เลย

How To Add Music Player On Google Maps 3

การตั้งค่าให้ส่วนควบคุมการเล่นเพลงอยู่ในหน้าการนำทางของ Google Maps เหมาะสำหรับคนที่ต้องใช้งานการนำทางบ่อยๆ และชอบฟังเพลงไปด้วย ทำให้สามารถจัดการเพลงได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องออกจากแอป Google Maps ส่วนแอป Joox หรือแอปฟังเพลงอื่นๆ ยังไม่รองรับนะคะ

ขอบคุณ 9to5mac

from:https://www.iphonemod.net/how-to-use-over-app-on-ipad.html

iPhone 3 รุ่น กับ iPad อีก 4 รุ่น จะถูกห้ามขายในเกาหลีใต้ แต่ Samsung อาจช่วย Apple ในเรื่องนี้ได้

กระทรวงการค้า อุตสาหกรรม และพลังงานเกาหลีใต้ กำลังตรวจสอบกรณี Apple ละเมิดสิทธิบัตรเกี่ยวกับเทคโนโลยี FinFET ของสถาบันชั้นสูงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกาหลี หรือ KAIST ส่งผลให้ iPhone 8, iPhone 8 Plus, iPhone X, iPad 9.7 นิ้ว รุ่นที่ 5 และ 6, iPad Pro 10.5 นิ้ว และ 12.9 นิ้ว อาจถูกห้ามขายในเกาหลีใต้

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวรายงานว่า Samsung อาจช่วยเหลือ Apple ในเรื่องนี้ได้ จากอีกคดีที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา โดย Samsung ได้ยื่นฟ้อง KAIST พร้อมส่งหลักฐานบางอย่างไปให้ศาลพิจารณา เพื่อทำให้สิทธิบัตรของ KAIST กลายเป็นโมฆะ

ถ้าหาก Samsung ชนะคดี KAIST ในสหรัฐอเมริกา ก็อาจช่วยให้ iPhone และ iPad รวม 7 รุ่นข้างต้น สามารถวางขายในเกาหลีใต้ได้ แต่ถ้าไม่ Apple จะต้องจ่ายค่าเสียหายให้กับ KAIST และจะถูกแบนอุปกรณ์ iOS ทั้ง 7 รุ่น

ที่มา – Business Korea

from:http://www.flashfly.net/wp/228968

เปรียบเทียบ Microsoft Surface Go vs Apple iPad

Microsoft เปิดตัวสมาชิกใหม่ Surface Go แท็บเล็ตที่มีราคาถูกที่สุดในครอบครัว Surface มาพร้อมจอสัมผัส 10 นิ้ว รองรับปากกา Surface Pen บานพับที่ปรับองศาได้อย่างประณีต และสามารถแปลงร่างเป็นแล็ปท็อปได้ ซึ่งยากที่จะหลีกเลี่ยงการนำไปเปรียบเทียบกับ iPad ของ Apple

เมื่อเทียบกับ iPad ของ Apple ดูเหมือน Surface Go จะเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ iPad 9.7 นิ้ว (รุ่นที่ 6) ซึ่งมีราคาถูกกว่า โดยวางจำหน่ายอยู่ที่ 329 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 10,900 บาท (ในประเทศไทยมีราคาเริ่มต้น 11,500 บาท) ส่วน Surface Go แขวนป้ายราคาเริ่มต้นไว้ที่ 399 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 13,220 บาท และต่อไปนี้ความแตกต่างระหว่าง Surface Go กับ iPad 9.7 นิ้ว (รุ่นที่ 6)

เริ่มกันที่จอแสดงผล Surface Go ใช้จอแสดงผล PixelSense ขนาด 10 นิ้ว ระบบสัมผัสมัลติทัช ความละเอียด 1800 x 1200 พิกเซล อัตราส่วนภาพ 3:2 ขณะที่ iPad 9.7 นิ้ว (รุ่นที่ 6) ใช้จอแสดงผล Retina ขนาด 9.7 นิ้ว ระบบสัมผัสมัลติทัช ความละเอียด 2048 x 1536 พิกเซล อัตราส่วนภาพ 4:3 จอแสดงผลของทั้งสองรุ่นให้ความคมชัดทั้งคู่ แต่ iPad จะให้ความคมชัดที่ดีกว่าเล็กน้อย

Surface Go รองรับการใช้งานร่วมกับปากกา Surface Pen ซึ่งรองรับแรงกด 4096 ระดับ ขณะที่ iPad 9.7 นิ้ว (รุ่นที่ 6) ก็รองรับ Apple Pencil เช่นเดียวกัน โดยทั้ง Surface Pen และ Apple Pencil เป็นอุปกรณ์เสริมที่ต้องซื้อแยกต่างหาก ไม่ได้แถมมาให้ในกล่อง

Surface Go ชั่งน้ำหนักได้ 522 กรัม ขณะที่ iPad 9.7 นิ้ว (รุ่นที่ 6) น้ำหนัก 469 – 478 กรัม ขึ้นกับรุ่น Wi-Fi หรือ Wi-Fi + Cellular ชัดเจนว่า Surface Go หนักกว่าเล็กน้อย แต่ก็ยังเบากว่า Surface Pro

ภายใน Surface Go มาพร้อมโปรเซสเซอร์ 7th-Generation Intel Pentium Gold ซึ่งเรายังไม่เห็นประสิทธิภาพว่าจะตอบสนองการใช้งานได้ดีขนาดไหนเมื่อรันแอพต่างๆ ของ Windows 10 ขณะที่ iPad 9.7 นิ้ว (รุ่นที่ 6) ใช้ชิปประมวลผล Apple A10 Fusion

ความจุในตัวของ Surface Go เริ่มต้นที่ 64GB (eMMC) และยังมีให้เลือกอีก 2 รุ่น คือ 128GB (SSD) กับ 256GB (SSD) ส่วน iPad 9.7 นิ้ว (รุ่นที่ 6) มีให้เลือก 2 รุ่น 32GB กับ 128GB

สำหรับประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ Surface Go ให้อายุการใช้งานนานสูงสุด 9 ชั่วโมง ส่วน iPad 9.7 นิ้ว (รุ่นที่ 6) ให้อายุการใช้งานนานสูงสุด 10 ชั่วโมง

ด้านประสบการณ์การใช้งาน Surface Go ทำงานบน Windows 10 ใน S mode ซึ่งรองรับเฉพาะแอพพลิเคชั่นที่อยู่ใน Microsoft Store เช่นเดียวกับ iPad 9.7 นิ้ว (รุ่นที่ 6) ที่ทำงานบน iOS เวอร์ชั่นล่าสุด และรองรับเฉพาะแอพพลิเคชั่นที่อยู่ใน App Store อย่างไรก็ตาม Surface Go สามารถอัพเกรดไปใช้ Windows 10 เวอร์ชั่นอื่น ที่สามารถติดตั้งแอพพลิเคชั่นจากภายนอกได้ แต่ถ้าหากออกจาก S mode ไปแล้ว จะไม่สามารถกลับมาใช้ S mode ได้อีก

แอพพลิเคชั่นส่วนใหญ่ใน App Store ออกแบบมาให้ใช้งานบนอุปกรณ์จอสัมผัส ถึงแม้ในเวอร์ชั่นใหม่ จะสนับสนุนให้ iPad ทำงานในระบบ Multitasking ได้มากขึ้น แต่เมื่อเทียบกับ Surface Go จะเห็นว่าแท็บเล็ตของ Microsoft สามารถเชื่อมต่อกับคีย์บอร์ดและเม้าส์ได้ จึงสามารถใช้งานในโหมดแล็ปท็อปได้เต็มรูปแบบ ส่วน iPad รองรับอุปกรณ์เสริมที่เป็นแผงคีย์บอร์ดเท่านั้น ไม่รองรับ Magic Mouse

นอกจากนี้ Surface Go ยังสนับสนุนพอร์ด USB-C 3.1 ทำให้การถ่ายโอนข้อมูลเป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็ว และยังรองรับการ์ด microSD โดยรวมแล้ว Surface Go ตอบสนองการทำงานได้เต็มรูปแบบมากกว่า ขณะที่ iPad ใช้งานได้ดีในเรื่องของความบันเทิง

ที่มา – Phonearena

from:http://www.flashfly.net/wp/223060

dtac พร้อมวางจำหน่าย iPad 9.7 นิ้ว รุ่นใหม่ที่รองรับ Apple Pencil แล้ววันนี้

ดีแทคประกาศวางจำหน่าย iPad 9.7 นิ้วรุ่นใหม่ รองรับ Apple Pencil และมาพร้อมประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นในราคาที่จับต้องได้ iPad รุ่นใหม่มีความอเนกประสงค์และมากความสามารถกว่าที่เคย โดยมาพร้อมจอภาพ Retina ขนาดใหญ่ ชิพ A10 Fusion และเซ็นเซอร์ล้ำหน้าที่ช่วยมอบประสบการณ์เทคโนโลยีความจริงเสมือนที่เต็มอิ่ม รวมถึงให้ความคล่องตัวที่เหนือกว่าใคร การใช้งานที่ง่าย และแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานทั้งวัน ผู้ที่สนใจสามารถสั่งซื้อ iPad 9.7 นิ้วรุ่นใหม่ได้ตั้งแต่ วันที่15 พฤษภาคม 2560  ผ่านทางเว็บไซต์  www.dtac.co.th และ ศูนย์บริการดีแทคที่ร่วมรายการ

จอภาพ Retina ขนาด 9.7 นิ้วของ iPad ให้ภาพที่ละเอียดจนต้องทึ่งพร้อมสีสันที่สดใส และยังมีเซ็นเซอร์ระบบสัมผัสความละเอียดสูงที่ช่วยให้รองรับ Apple Pencil ซึ่งสามารถซื้อแยกได้ โดย Apple Pencil ให้ประสบการณ์วาดเขียนที่ลื่นไหลและเป็นธรรมชาติอันน่าทึ่ง เซ็นเซอร์อันล้ำสมัยจะวัดทั้งแรงกดและการเอียง ทำให้มีความแม่นยำในระดับพิกเซลและความหน่วงต่ำ นอกจากนี้ เทคโนโลยีตัดการรับสัญญาณจากมือ ยังทำให้สามารถพักมือบนหน้าจอ iPad ได้ในขณะที่ใช้ Apple Pencil

iPad รุ่นใหม่มาพร้อมชิพ A10 Fusion ที่ออกแบบโดย Apple พร้อมสถาปัตยกรรม 64 บิต ระดับเดสก์ท็อป โดยให้ประสิทธิภาพ CPU ที่เร็วขึ้น 40% และประสิทธิภาพกราฟิกที่เร็วขึ้น 50%** สำหรับการทำงานมัลติทาสก์ที่ราบรื่นและแอพที่ต้องใช้กราฟิกหนัก กล้องหน้าและหลังมีประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมในสภาวะที่แสงน้อย รวมถึงมีการบันทึกวิดีโอระดับ HD เพื่อการสแกนเอกสาร การถ่ายทำภาพยนตร์ และการโทร  FaceTime กับครอบครัว เพื่อน และเพื่อนร่วมงาน

iPad รุ่นใหม่มีช่องมองภาพขนาดใหญ่อันน่าทึ่งสำหรับประสบการณ์ AR แบบเต็มอิ่ม จอภาพ Retina, ชิพอันทรงพลัง กล้องที่ดียิ่งขึ้น และเซ็นเซอร์อันล้ำสมัย รวมถึงไจโรสโคปและอุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหวสำหรับการติดตามการเคลื่อนที่อย่างแม่นยำซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับแอพ AR รุ่นใหม่
iPad 9.7 นิ้วรุ่นใหม่มาพร้อมระบบไร้สายความเร็วสูงที่ช่วยให้การเชื่อมต่อข้อมูลเซลลูลาร์เร็วขึ้นสองเท่า** ทำให้คุณต่อติดสื่อสารได้ง่ายยิ่งขึ้นในทุกที่

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับราคาได้ที่ www.dtac.co.th
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ iPad ได้ที่ www.apple.com/th/ipad
** เมื่อเปรียบเทียบกับ iPad 9.7 นิ้วรุ่นก่อน

from:http://www.flashfly.net/wp/218104

ดีแทค พร้อมวางจำหน่าย iPad 9.7 นิ้ว รุ่นใหม่ที่รองรับ Apple Pencil

ดีแทคประกาศวางจำหน่าย iPad 9.7 นิ้วรุ่นใหม่ รองรับ Apple Pencil และมาพร้อมประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นในราคาที่จับต้องได้ iPad รุ่นใหม่มีความอเนกประสงค์และมากความสามารถกว่าที่เคย โดยมาพร้อมจอภาพ Retina ขนาดใหญ่ ชิพ A10 Fusion และเซ็นเซอร์ล้ำหน้าที่ช่วยมอบประสบการณ์เทคโนโลยีความจริงเสมือนที่เต็มอิ่ม 

รวมถึงให้ความคล่องตัวที่เหนือกว่าใคร การใช้งานที่ง่าย และแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานทั้งวัน ผู้ที่สนใจสามารถสั่งซื้อ iPad 9.7 นิ้วรุ่นใหม่ได้ตั้งแต่ วันที่ 15 พฤษภาคม 2560  ผ่านทางเว็บไซต์  www.dtac.co.th และ ศูนย์บริการดีแทคที่ร่วมรายการ

จอภาพ Retina ขนาด 9.7 นิ้วของ iPad ให้ภาพที่ละเอียดจนต้องทึ่งพร้อมสีสันที่สดใส และยังมีเซ็นเซอร์ระบบสัมผัสความละเอียดสูงที่ช่วยให้รองรับ Apple Pencil ซึ่งสามารถซื้อแยกได้ โดย Apple Pencil ให้ประสบการณ์วาดเขียนที่ลื่นไหลและเป็นธรรมชาติอันน่าทึ่ง เซ็นเซอร์อันล้ำสมัยจะวัดทั้งแรงกดและการเอียง ทำให้มีความแม่นยำในระดับพิกเซลและความหน่วงต่ำ นอกจากนี้ เทคโนโลยีตัดการรับสัญญาณจากมือ ยังทำให้สามารถพักมือบนหน้าจอ iPad ได้ในขณะที่ใช้ Apple Pencil

iPad รุ่นใหม่มาพร้อมชิพ A10 Fusion ที่ออกแบบโดย Apple พร้อมสถาปัตยกรรม 64 บิต ระดับเดสก์ท็อป โดยให้ประสิทธิภาพ CPU ที่เร็วขึ้น 40% และประสิทธิภาพกราฟิกที่เร็วขึ้น 50%** สำหรับการทำงานมัลติทาสก์ที่ราบรื่นและแอพที่ต้องใช้กราฟิกหนัก กล้องหน้าและหลังมีประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมในสภาวะที่แสงน้อย รวมถึงมีการบันทึกวิดีโอระดับ HD เพื่อการสแกนเอกสาร การถ่ายทำภาพยนตร์ และการโทร  FaceTime กับครอบครัว เพื่อน และเพื่อนร่วมงาน

iPad รุ่นใหม่มีช่องมองภาพขนาดใหญ่อันน่าทึ่งสำหรับประสบการณ์ AR แบบเต็มอิ่ม จอภาพ Retina, ชิพอันทรงพลัง กล้องที่ดียิ่งขึ้น และเซ็นเซอร์อันล้ำสมัย รวมถึงไจโรสโคปและอุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหวสำหรับการติดตามการเคลื่อนที่อย่างแม่นยำซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับแอพ AR รุ่นใหม่

iPad 9.7 นิ้วรุ่นใหม่มาพร้อมระบบไร้สายความเร็วสูงที่ช่วยให้การเชื่อมต่อข้อมูลเซลลูลาร์เร็วขึ้นสองเท่า** ทำให้คุณต่อติดสื่อสารได้ง่ายยิ่งขึ้นในทุกที่

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับราคาได้ที่ www.dtac.co.th

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ iPad ได้ที่ www.apple.com/th/ipad

** เมื่อเปรียบเทียบกับ iPad 9.7 นิ้วรุ่นก่อน

from:http://mobileocta.com/dtac-launches-new-9-7-inch-ipad-with-apple-pencil/

Apple ปล่อยโฆษณา iPad รุ่น 9.7 นิ้ว เน้นการทำงานร่วมกับ Apple Pencil

Apple ปล่อยโฆษณา iPad รุ่น 9.7 นิ้ว (iPad 6th generation) ออกมา 4 ตัว เผยแพร่บน YouTube ผ่านช่อง Apple United Kingdom ดังนั้น ผู้ที่กดติดตามเฉพาะช่อง Apple อาจจะยังไม่เคยเห็น

โฆษณา iPad รุ่น 9.7 นิ้ว ทั้ง 4 ตัว เป็นคลิปวีดีโอสั้นๆ ไม่กี่วินาที แต่ละตัวนำเสนอการใช้งานร่วมกับปากกา Apple Pencil ไม่ว่าจะเป็น Keynote หรือ Markup รวมไปถึงการใช้งาน กับแอพพลิเคชั่นของบุคคลที่สามอย่างแอพ Tayasui Sketches Pro และ Notability

iPad รุ่น 9.7 นิ้ว มีวางจำหน่ายแล้วทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ราคาเริ่มต้นเพียง 11,500 บาท ส่วนปากกา Apple Pencil ต้องซื้อแยกในราคา 3,400 บาท

ที่มา – Apple

from:http://www.flashfly.net/wp/216230