คลังเก็บป้ายกำกับ: GALAXY_J7_PLUS

Samsung Galaxy J8 Plus อาจใช้ชิป Snapdragon 625 แรม 4GB อ้างอิงจากแอพ Geekbench

พบข้อมูลสมาร์ทโฟน Samsung รหัสรุ่น SM-J805G ผ่านการทดสอบด้วยแอพพลิเคชั่น Geekbench เมื่อวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา ได้รับ 749 คะแนนสำหรับ Single-Core และ 3708 คะแนน สำหรับ Multi-Core โดยเว็บไซต์ Slashleaks เชื่อว่า SM-J805G จะใช้ชื่อว่า Galaxy J8 Plus ในการทำตลาด

ข้อมูลจาก Geekbench ระบุว่า Samsung SM-J805G ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 8.0 Oreo ใช้ชิปประมวลผล Qualcomm MSM8953 Octa Core 1.80GHz ความจำ RAM 4GB

คาดว่านี่เป็นสเปกของ Samsung Galaxy J8 Plus สำหรับทำตลาดในสหรัฐอเมริกา โดยจะมีเวอร์ชั่นที่ใช้ชิปประมวลผลของตัวเองหรือ Exynos สำหรับทำตลาดในประเทศอื่นๆ และถ้ายังจำกันได้ Galaxy J7 Plus ที่ออกมาในปีที่แล้ว มาพร้อมกล้องคู่หลัง ซึ่งเราหวังว่า Samsung จะนำมาใช้กับ Galaxy J8 Plus ด้วย พร้อมอัพเกรดคุณภาพกล้องให้ดีขึ้นกว่าเดิม

Samsung Galaxy J7 Plus

ที่มา – Geekbench

from:http://www.flashfly.net/wp/211697

เปิดตัวแล้ว!! Samsung Galaxy C8 สมาร์ทโฟนกล้องคู่ พร้อมกล้องเซลฟี่ 16 ล้านพิกเซล

samsung-galaxy-c8

Samsung เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ Galaxy C8 มาพร้อมกล้องคู่ ตัวหลัก 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.7 กล้องตัวรอง 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.9 พร้อมกล้องเซลฟี่ 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.9 ติดตั้งแฟลช LED ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง

galaxy-c8

Samsung Galaxy C8 ใช้จอแสดงผล Super AMOLED (1920 x 1080 พิกเซล) ขนาด 5.5 นิ้ว ความจำ RAM 4GB จับคู่กับ ROM 64GB หรือ RAM 3GB จับคู่กับ ROM 32GB แบตเตอรี่ 3,000mAh

Samsung Galaxy C8 มีแผนวางจำหน่ายเฉพาะในประเทศจีน แต่ก็ไม่ต้องเสียดายไป เพราะดูแล้วเป็นรุ่นเดียวกับ Galaxy J7+ ที่กำลังเปิดให้ลูกค้าชาวไทยจับจองในเวลานี้

galaxy-c8-black

galaxy-c8-gold

galaxy-c8-rose-gold

samsung-galaxy-c8-black

samsung-galaxy-c8-gold

samsung-galaxy-c8-rose-pink

samsung-galaxy-c8-rose-gold

ที่มา – Samsung

from:http://www.flashfly.net/wp/?p=192794

รีวิว Samsung Galaxy J7 Plus คุณภาพกล้องคู่ที่เกินราคา

Samsung Galaxy J7 Plus สมาร์ทโฟนอีกหนึ่งรุ่นของซีรี่ย์ Galaxy J7 ที่นับเป็นตัวใหม่ล่าสุดในขณะนี้ครับ จุดเด่นที่ถูกเพิ่มเข้ามาในเครื่องรุ่นนี้เป็นพิเศษ ก็คือโมดูลกล้องคู่จากทาง Samsung ที่ผมยกให้ว่า ประสิทธิภาพกล้องของมันไม่แพ้กล้องคู่เครื่องไหนในตลาดเลยทีเดียวครับ

Samsung Galaxy J7 Plus เปิดราคาออกมาในไทยที่ 12,900 บาท แม้จะยังไม่จำหน่ายอย่างเป็นทางการ แต่ก็เปิดให้ลงทะเบียนจองเครื่องกันได้ตั้งแต่วันนี้จนถึง 17 กันยายน และสำหรับคนที่สั่งจอง ก็สามารถรับของแถมพิเศษจากทาง Samsung นั้นก็คือหูฟังไร้สาย U Flex มูลค่า 2,490 บาท (หน้ารายละเอียดการสั่งจอง) และรับเครื่องกันได้ตั้งแต่วันที่ 22-24 กันยาเป็นต้นไปครับ

ตัวเครื่องภายนอก

Samsung Galaxy J7 Plus หน้าตาการออกแบบไม่ได้แตกต่างไปจากเครื่อง Galaxy J7 ในรุ่นอื่นๆ มากนัก แต่จะพิเศษตรงด้านหลังจะมาพร้อมกับกล้องถ่ายภาพเลนส์คู่

ตัวเครื่องที่ออกมาจำหน่ายในประเทศไทยมีทั้งหมดสามสีด้วยกันครับ นั้นคือสีทอง สีชมพู และสีดำซึ่งเป็นเครื่องที่ผมได้มารีวิวในบทความนี้นั้นเองครับ




หน้าจอแสดงผลขนาด 5.5 ตามสมัยนิยม มีที่สแกนลายนิ้วมืออยู่ตรงกลางด้านล่าง ข้างๆ เป็นปุ่มควบคุมการใช้งานย้อนกลับ และ Recent App ซึ่งมั้งสองปุ่มของ Galaxy J7 Plus ไม่มีแสงไฟครับ ลำโพงเครื่องถูกย้ายมาไว้ด้านข้างเครื่องบริเวณปุ่มพาวเวอร์ด้านขวา ข้อดีก็คือไม่ว่าจะหงายหรือวางคว่ำก็ไม่จะไม่บังเสียงลำโพงครับ ซึ่งเสียงลำโพงของ Galaxy J7 Plus มีความดังของเสียงพอประมาณครับ คุณภาพลำโพงก็ระดับทั่วๆ ไป

Galaxy J7 ยังคงใช้พอร์ตใต้เครื่องเป็น Micro USB แต่รองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ OTG ครับ




ความรู้สึกของผิวสัมผัสตัวเครื่องเนียนมือครับ รับรู้ได้ถึงวัสดุโลหะและการประกอบที่แน่นหนา ตัวเครื่อง Galaxy J7 Plus รองรับสองซิมการ์ดแบบ Dual Active เชื่อมต่อสัญญาณ 4G และ 3G ได้ในซิมที่สองพร้อมกัน โดยสล็อตใส่ซิมที่สองเป็นแบบไฮปริด คือมันสามารถใส่ Micro SD card เข้าไปได้แทนซิมที่สองถ้าต้องการเพิ่มหน่วยความจำในเครื่องครับ รองรับการโทรสนทนาทั้งแบบ VoLTE และ VoWIFI ครับ

ตัวเครื่องสีดำดูสวยงามดี เป็นสีที่ผมชอบที่สุดในเครื่อง Galaxy J7+ ครับ เท่าที่ผมทดสอบใช้งานมาประมาณสิบวัน ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง ตัวเครื่องไม่เป็นรอยให้เห็นเลย

การใช้งานภายใน

Galaxy J7 Plus ถ้านับตามสเปค ก็เป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางของ Samsung ครับ มาพร้อมกับฟังก์ชั่นและบริการของ Samsung หลายตัวเช่น

  • ใช้ Samsung UI ตัวใหม่
  • สามารถใช้การตรวจจับใบหน้าเพื่อปลดล็อกเครื่องได้
  • ระบบแยกแอพสำหรับแชตเป็นสองไอดี Dual Messenger
  • ระบบพื้นที่ความปลอดภัยพิเศษ Secure Folder
  • รองรับการทำงานแบบสองหน้าจอมัลติวินโดว์
  • ระบบ Game Launcher โหมดที่ออกแบบมาเพื่อการเล่นเกม ป้องกันการแจ้งเตือนและการไปโดนปุ่มบนเครื่องโดยไม่ตั้งใจ และยังสามารถใช้การบันทึกภาพหน้าจอเป็นภาพวีดีโอเคลื่อนไหวในขณะเล่นเกมได้ด้วย
  • และมีหน้าการแจ้งเตือน Alway On display

Galaxy J7 Plus จะไม่รองรับ Samsung Pay แบบเครื่อง Galaxy J7 Pro นะครับ ก็คงจะเป็นฟีเจอร์ใหญ่ของ Samsung ตัวเดียวที่ Galaxy J7 Plus ทำให้ไม่ได้ แต่สำหรับบริการเสริมอย่าง Galaxy Gift หรือ Galaxy Apps พวกนี้ ยังคงมีให้อยู่ครบครันครับ










และแม้ Galaxy J7+ จะไม่มีปุ่ม Bixby ด้านข้างเครื่องเหมือน Galaxy S8 แต่มันก็มาพร้อมกับ UI รุ่นล่าสุดที่เราสามารถสไลด์หน้าจอเข้าสู่หน้า Bixby ได้ด้วยเช่นกันครับ






มีธิีมสโตร์สำหรับการดาวน์โหลดธีมและวอลเปเปอร์ของทาง Samsung มาใช้งานได้ ซึ่งมีทั้งฟรีและเสียเงินครับ



ประสิทธิภาพการใช้งานของ Galaxy J7 Plus ไม่ขี้เหร่ครับ หน่วยประมวลผล Helio 2.39 GHz แรมขนาด 4GB ส่งผลให้การใช้งานบนหน้าโฮมลื่นไหลดี เปิดเรียกใช้งานแอพต่างๆ ได้ไว เล่นเกมกราฟิกใหญ่ๆ ก็เล่นได้ครับ ทดสอบกับ ROV และ Dragon Project ไม่ปรู๊ดปร๊าด 100% เหมือนเครื่องรุ่นใหญ่ จะมีอาการหน่วงให้รู้สึกนิดหน่อยครับ อยู่ในระดับกลางๆ เพียงพอต่อการใช้งานรอบตัว และก็พอจะใช้เล่นเกมระดับสูงได้ครับ





หน้าจอแสดงผลคมชัดมุมมองกว้างครับ แสงสว่างมากพอจะเห็นได้ชัดเจนในยามกลางวัน สามารถปรับโหมดสีที่แสดงได้สี่ระดับความสด และมีโหมดถนอมสายตาเพื่อใช้งานในยามกลางคืนมาให้ด้วยครับ


โดยรวมในด้านการใช้งานของ Galaxy J7 Plus ก็ไม่มีอะไรขาดตกพร่องไปครับ แถมได้บริการเสริมพิเศษๆ จาก Samsung มาค่อนข้างเยอะ สิ่งเดียวที่หายไปก็ดูจะเป็นแค่ระบบ Samsung Pay เท่านั้น

ผลทดสอบต่างๆ

แบตเตอรี่ขนาด 3,000 mAh ของมัน ถือว่าอึดกว่าที่คิดนะครับ ใช้งานได้นานเช้าถึงเย็นแบบสบายๆ เปิดหน้าจอใช้งานแบตลดชั่วโมงละประมาณ 10% เท่านั้นเอง จัดสรรพลังงานได้ดีครับ จับสัญญาณ GPS ได้ไวแม้ไม่เปิดอินเตอร์เน็ตช่วย






กล้องถ่ายภาพ

กล้องคู่ของ Samsung Galaxy J7+ นั้น จะไม่เหมือนกับกล้องคู่ของ Galaxy Note 8 ที่ออกมาพร้อมๆ กันกับมันนะครับ มีความแตกต่างกันทั้งตัวซอฟท์แวร์และฮาร์ดแวร์ของกล้องเลยทีเดียว แต่ผมบอกได้เลยว่า จากที่ทดสอบมากล้องคู่ของ Galaxy J7 Plus ไม่ด้อยไปกว่าใครหน้าไหนในตลาด ไม่ว่าจะแพงกว่ามันสักแค่ไหน เรื่องประสิทธิภาพของกล้องคู่สู้ได้ครับ

กล้องสองตัวของเจ้า Galaxy  J7+ มีความละเอียด 13 ล้านพิกเซล f1.7  + 5 ล้านพิกเซล f1.9 ควบคุมความชัดลึกชัดตื้นได้จากฟังก์ชั่น Live Focus ที่มีเหมือนใน Galaxy Note 8 และยังสามารถเลือกจุดโฟกัสพร้อมปรับระยะชัดลึกได้ในภายหลังการถ่ายภาพได้ครับ


คุุณภาพของการถ่ายภาพที่ทดสอบมา อยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจมากๆ กับความชัดและความฉลาดของมัน จับวัตถุแม่น เก็บภาพไว ละลายหลังคมกริบ มาดูตัวอย่างภาพถ่าย ที่ได้จาก Samsung Galaxy J7 Plus กันครับ










ไม่ใช่แค่กล้องหลังเท่านั้นที่ Galaxy J7 Puls สามารถถ่ายภาพแบบละลายฉากหลังได้ เพราะกล้องหน้ามันก็ทำได้ครับ ด้วยฟังก์ชั่น “โฟกัสเซลฟี่” ที่เป็นตัวช่วยปรับหน้าใสหน้าเนียน และยังเพิ่มความแปลกตาบนภาพ ด้วยซอฟท์แวร์กล้องหน้าที่สามารถแยกใบหน้าเราออกจากฉากหลังได้ในตัว

คุณภาพกล้องหน้าก็ไม่ธรรมดาเช่นกันนะครับ ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล f1.9 มาดูตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าของ Galaxy J7 Puls กันครับ





สรุปท้ายรีวิว

Galaxy J7 Puls เป็นเครื่องสมาร์ทโฟนราคาตลาดกลางๆ ของ Samsung ที่เด่นมากในเรื่องของการถ่ายภาพ เป็นเครื่องที่กล้องดีที่สุดในราคาไม่เกินสองหมื่นบาทตอนนี้ของ Samsung ด้วยกล้องคู่ที่ผมนับว่า มันให้ผลลัพท์ที่มีประสิทธิภาพไม่เป็นรองใครในตลาดตอนนี้เลยแม้จะมีราคาจำหน่ายแพงกว่ามันก็ตาม ยอดเยี่ยมทั้งกล้องหลังและกล้องหน้า

ประสิทธิภาพการทำงานต่างๆ อยู่ในระดับปานกลางทั่วไป แต่ได้ฟังก์ชั่นและบริการเสริมของทาง Samsung เข้ามาหนุนเป็นจุดน่าสนใจสำคัญ เป็นหนึ่งเครื่องในราคาหมื่นต้นๆ ที่คุ้มครับ แค่เอามาไว้ถ่ายภาพก็สนุกคุ้มราคาค่าตัวมันแล้วครับ

 

 

 

 

from:https://www.appdisqus.com/2017/09/07/reivew-samsung-galaxy-j7-plus.html

รีวิว Samsung U Flex หูฟังบลูทูธสบายคอ มาพร้อมแอพพลิเคชั่นปรับแต่งเสียงได้เองตามอายุผู้ใช้

Samsung U Flex เป็นหูฟังไร้สายราคา 2,490 บาท ของดีที่แถมฟรีให้กับทุกคนที่สั่งจอง Galaxy J7 Plus ในช่วงนี้ ซึ่งผมนำมาแนะนำและทดสอบใช้งานให้เพื่อนๆ ได้รู้ถึงประสิทธิภาพ และความน่าใช้ของเจ้าหูฟังบลูทูธไร้สายตัวนี้กันครับ

รูปทรงของ Samsung U Flex อาจจะแปลกตาสักหน่อยสำหรับบางคนที่ไม่เคยใช้งานหูฟังประเภท Neckband หรือหูฟังแบบคล้องคอ ข้อดีก็คือมันจะเบาสบายศีรษะ และเบาสบายรูหูเรามากๆ ครับ ด้วยความที่เจ้า U Flex มีน้ำหนักที่โคตรเบา (51 กรัม) และยังออกแบบให้ตัวมันทั้งหมดถูกพักไว้ที่คอ หูฟังที่เสียบใส่หูเรา (In-Ear) จึงไม่มีแรงดึงรั้งใดๆ หลุดยากกว่าการใช้หูฟัง In-Ear แบบปกติ และไม่บีบรัดหัวแบบหูฟังครอบศีรษะ

 

ตัววัสดุที่นำมาคล้องคอของ U Flex มีความละมุนผิว ไม่เหนียว ไม่แข็ง ตัวมันอ่อนนุ่มบิดงอได้ 360 องศาครับ ฉะนั้นด้านความสบายในการสวมใส่ ผมยกให้หูฟังประเภทคล้องคอนี้แบบเต็มร้อย และ U Flex ก็เป็นหูฟังคล้องคอที่ใช้วัสดุที่รู้สึกดีต่อผิวมนุษย์อย่างเราด้วยครับ ^^

ราคาอาจจะไม่แพง แต่คุณภาพของงานประกอบแรกเห็นรู้สึกแพงนะครับ ^^ เทียบกับหูฟังมีแบรนด์ในราคาเท่าๆ กัน U Flex ดูมีอะไรให้เล่นมากกว่าชัดเจน แม้ U Flex จะไม่ใช่เป็นหูฟังที่มีคุณสมบัติกันน้ำ แต่ตัวหูฟังถูกออกแบบมาให้รองรับการเคลื่อนไหวหรือการสั่นของร่างกายแบบรุนแรงได้ ทำให้ใช้งานได้ในระหว่างเดินทาง, ทำงาน หรือออกกำลังกายครับ




ตัวมันใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ภายใน (ชาร์จไฟได้ ผ่านพอร์ต Micro USB) ซึ่งทดสอบใช้งานจริงสามารถใช้ได้นานต่อเนื่องกันมากกว่า 8 ชั่วโมง สำหรับการสนทนา ฟังเพลง และเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนอยู่ตลอดเวลา

มีปุ่มควบคุมการเปิดปิดด้วยสวิทช์ที่ซ่อนอยู่ด้านใน และเป็นปุ่มที่ใช้ในการเปิดสัญญาณบลูทูธเพื่อเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ด้วยครับ

ด้านนอก จะมีปุ่มควบคุมการทำงานด้านการฟังเพลงต่างๆ ไว้ครบครับ ปุ่มเล่นเพลง/หยุดเพลง ปุ่มเพิ่มเสียง/ลดเสียง และปุ่ม Activate Key ซึ่งเจ้าปุ่มนี้สารพัดประโยชน์เลยครับ ซึ่งผมจะอธิบายให้ทราบในส่วนบทความด้านล่างว่ามันมีดีอย่างไร



เมื่อนำมาวางพาดคอ ปุ่มต่างๆ ก็จะอยู่ในตำแหน่งที่กดง่ายไม่ได้อยู่บนสายให้เกะกะ และตัวหูฟังทั้งสองข้างเป็นแม่เหล็กความแรงบางๆ สำหรับประกบกันไว้ได้ในเวลาเราไม่ได้ใช้งานครับ

ปุ่มควบคุมต่างๆ รองรับการกดแบบกดค้างไว้ และกดสั้นเพียงครั้งเดียว เพื่อการสั่งงานที่แตกต่างกัน เช่นปุ่มลดเสียงและเพิ่มเสียงอาจจะนำไปใช้กดค้างไว้เพื่อข้ามเพลงที่ต้องการเล่นได้ในการเชื่อมต่อกับเครื่องเล่นบางรุ่น ซึ่งความสามารถของแต่ละปุ่มนี้จะแตกต่างกันไปตามระบบและเครื่องเล่นที่นำมาเชื่อมต่อครับ


แต่สำหรับการใช้งานกับสมาร์ทโฟนระบบ Android อย่างเช่น Samsung Galaxy เราจะสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น Samsung Level ซึ่งเป็นแอพควบคุมการสั่งงานของ U Flex ได้จากใน Play Store ครับ นอกจากจะเอาไว้ใช้ควบคุมการทำงานของ U Flex ได้แล้ว แอพพลิเคชั่น Samsung Level ยังเอาไว้ใช้ปรับรูปแบบเสียง จูนเสียง ปรับแต่งแนวเสียงของหูฟังให้เข้ากับรสนิยมของผู้ใช้ภายในแอพ หรือจะใช้ฟังก์ชั่น Adapt เสียง ให้เหมาะสมตามอายุของเราก็ได้นะครับ ^^ จะบอกว่า ดัน Adapt เสียงออกมาถูกใจผมด้วยซะงั้น 555

แอพ  Samsung Level ยังเป็นแอพพลิเคชั่นสำหรับกำหนดการแจ้งเตือนที่เราอนุญาตให้ดังเข้าหูฟังได้ และใช้อัพเดทเฟิร์มแวร์ของหูฟังได้ในตัวด้วยครับ






ปุ่ม Activate Key ที่ผมว่ามันสารพัดประโยชน์ ก็เนื่องด้วยมันสามารถกำหนดให้เป็นปุ่มลัดเรียกใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ ได้ตามใจเราหลายคุณสมบัติเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นปุ่มที่สำหรับการเรียกใช้งานคำสั่งเสียง, S-Voice, Bixby หรือ Google Now ก็สามารถทำได้ หรือจะเป็นปุ่มลัดสำหรับเริ่มการบันทึกเสียงในทันที ก็ทำได้เช่นกัน เราสามารถตั้งค่ากำหนดเข้าปุ่ม Activate Key ปุ่มนี้ได้ตามใจ ในแอพพลิเคชั่น Samsung Level ครับ

คุณภาพเสียงของ Samsung U Flex ให้แนวเสียงที่ชัด ใส เสียงมีมิติบนซาวด์สเตจระดับกลางครับ เหมือนเรานั่งอยู่แถวกลางๆ ฮอลล์คอนเสิร์ต เหมาะกับแนวเพลง Pop และ R&B ที่มีจังหวะชัดๆ มากที่สุด แนวเสียงแบบหูฟังตัวนี้เป็นแบบที่ฟังง่ายที่สุดครับ ไม่ต้องเบิร์นไม่ต้องคัสตอมอะไรมาก แค่ใช้เวลาในการปรับแนวเสียงในแอพ Samsung Level สักสองสามนาที ก็เพียงพอต่อความพึงพอใจในการใช้งานได้แล้วครับ

อุปกรณ์ภายในกล่อง นอกจากตัวหูฟัง ก็จะมีสายชาร์จ คู่มือ และจุดหูฟังสำรองในสามขนาด S,M,L การใช้งานครั้งแรกก็ไม่มีอะไรมาก เปิดหูฟังจากสวิตช์เปิดปิดที่อยู่ด้านหลังสายคล้องคอโดยดันขึ้นให้สุดเพื่อเปิดสัญญาณบลูทูธ แล้วนำสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์ที่ต้องการเชื่อมต่อมาจับคู่ตามปกติ ส่วนแอพพลิเคชั่น Samsung Level จะติดตั้งภายหลังการเชื่อมต่อไปแล้วก็ไม่มีปัญหาครับ

Samsung U Flex ถือว่าเป็นของแถมที่น่าซื้อใช้ แม้ใครจะไม่ได้เป็นของแถม แต่ในราคา 2,490 บาท ก็มีคุณสมบัติและความสามารถที่น่าเป็นเจ้าของมาก ได้มาใช้คู่กับ Galaxy J7 + ก็ถือว่าไม่เลวเลยครับ ^^

from:https://www.appdisqus.com/2017/09/05/review-samsung-u-flex.html

พรีวิว Samsung Galaxy J7+ พร้อมภาพถ่ายชุดใหญ่ กล้องมันเจ๋งแค่ไหนมาดูกัน!

ก็เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทยกันไปหยกๆ Samsung Galaxy J7+ (J7 Plus) ก็พร้อมเปิดให้ทุกคนได้จองเครื่องกันแบบยังสดๆ ร้อนๆ เลยครับ ตั้งแต่วันนี้จนถึง 17 กันยายน เพื่อรับของแถมพิเศษจากทาง Samsung นั้นก็คือหูฟังไร้สาย U Flex สวยๆ หรูๆ มูลค่า 2,490 บาท

จะแอบบอกว่า ถ้าไปจองที่ Samsung แบรนด์ช้อป ก็รับเพิ่มเคสใสราคา 390 บาท ไปอีกอันด้วยนะ ^^

ซึ่งความน่าสนใจของ Samsung Galaxy J7+ ก็คือ มันเป็นสมาร์ทโฟนราคากลางๆ ของ Samsung ที่มาพร้อมกับกล้องถ่ายภาพแบบคู่ โดยมีความสามารถในการบันทึกภาพแบบ “ละลายฉากหลัง” ได้ทั้งกล้องหลังและกล้องหน้าของมันเลยครับ จึงขอขึ้นพรีวิว Galaxy J7+ นี้ ด้วยการโชว์คุณภาพจากกล้องคู่ของมันก่อนเลย ^^


สิ่งแรกที่ต้องบอกให้เพื่อนๆ ได้รู้ก่อนก็คือกล้องคู่ของ Samsung Galaxy J7+ จะไม่เหมือนกับกล้องคู่ของ Galaxy Note 8 ที่เป็นรุ่นพี่ของมันนะครับ มีความแตกต่างกันทั้งตัวซอฟท์แวร์และฮาร์ดแวร์ ซึ่งผมบอกได้เลยว่า ไม่ต้องกลัวน้อยหน้ารุ่นใหญ่เลยครับทั้งในด้านคุณภาพและลูกเล่น

กล้องสองตัวความละเอียด 13 ล้านพิกเซล + ล้านพิกเซล ของเจ้า Galaxy J7+ มีความสามารถในการควบคุมความชัดลึกชัดตื้นของภาพได้อย่างเยี่ยมยอด มันสามารถดูผลแบบเรียลไทม์ก่อนถ่ายได้จากฟังก์ชั่น Live Focus เหมือน Galaxy Note 8 และสามารถมาเลือกจุดโฟกัส และระยะชัดลึกในภายหลังการถ่ายภาพไปแล้วได้ด้วยเช่นกัน จะเลือกลายหน้าหรือละลายหลังได้หมดครับ


 

คุุณภาพของการถ่ายภาพที่ทดสอบมา อยู่ในระดับที่ตกใจกับความชัดและความฉลาดของมันเลยครับ จับวัตถุแม่น เก็บภาพไว ละลายหลังคมกริบ ถ่ายก่อน แล้วมาเลือกจุดโฟกัสและระยะชัดลึกได้ภายหลัง พร้อมเซฟเป็นไฟล์ภาพใหม่ได้ทันทีจากคำสั่ง “จัดเก็บเป็นไฟล์ใหม่” ด้านขวาบน


มาดูอาณุภาพทำลายล้างฉากหลัง/ฉากหน้า และความคมของภาพ จากกล้องหลัง Galaxy J7+ กันซะก่อนครับ












ไม่ใช่แค่กล้องหลังเท่านั้นที่น่าสนใจ เพราะ Galaxy J7+ ยังละลายฉากหลังด้วยการถ่ายเซลฟี่จากกล้องหน้าได้ด้วยครับ ตามคำโฆษณา

แต่ว่ากล้องหน้าไม่ได้ใช้ความสามารถจากกล้องแบบคู่นะครับ กล้องหน้าของ J7+ มันเป็นเพียงกล้องเดี่ยวธรรมดา แต่บังเอิญว่ามันมาพร้อมระบบซอฟท์แวร์ใหม่ ที่ชื่อว่า “โฟกัสเซลฟี่” ที่ทำให้ต่อไปนี้การเซลฟี่จะไม่ใช่แค่หน้าใสเนียนกันเพียงอย่างเดียว แต่ยังเพิ่มความแปลกตาด้วยกล้องหน้าที่สามารถแยกใบหน้าเราออกจากฉากหลังได้ในตัวด้วย

ละลายหลังเก๋ๆ พร้อมปรับระดับความเนียน, ความสว่าง, ความเรียวของใบหน้า ได้ตามใจหลายระดับครับ จะเอาขนาดไหนก็เอาตามแต่ต้องการ ถ่ายได้ทั้งเปิดโหมด โฟกัสเซลฟี่ และปิดโหมด โฟกัสเซลฟี่



คุณภาพกล้องหน้า ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ก็ไม่ธรรมดาเลยครับ มาดูภาพตัวอย่างจากกล้องหน้าด้านล่างกัน







ที่ว่ามาด้านบน คือความสามารถในการถ่ายถาพของเครื่อง Galaxy J7+ ที่นับเป็นจุดขายของเครื่องในรุ่นนี้อย่างแท้จริง

ส่วนในด้านอื่นๆ Galaxy J7+ ก็เป็นสมาร์ทโฟนระดับตลาดกลางของ Samsung ครับ ก็ย่อมต้องมาพร้อมกับฟังก์ชั่นและบริการของแบรนด์ใหญ่แบรนด์นี้เป็นจุดขายด้วยเช่นกัน แม้ Galaxy J7+ จะไม่มีปุ่ม Bixby ด้านข้างเครื่อง แต่มันก็มาพร้อมกับ UI รุ่นล่าสุด ที่เราสไลด์หน้าจอเข้าสู่หน้า Bixby ได้ด้วยเช่นกัน






ตัวเครื่องเป็นโลหะ มาตรฐานงานประกอบและการออกแบบคล้ายกับ J7 ในรุ่นอื่นๆ รองรับสองซิมการ์ดแบบไฮปริด (สล็อตซิมการ์ดที่สองสามารถเปลี่ยนใส่ Micro sd card ได้) เชื่อมต่อสัญญาณ 4G และ 3G ได้พร้อมกันในซิมที่สองครับ

รองรับการสแกนนิ้วและการตรวจจับใบหน้าเพื่อปลดล็อกเครื่อง โดยรวมแล้วตัวเครื่องได้มาตรฐานงานประกอบเครื่องที่ดูดีครับ (โดยเฉพาะสีดำ ^^ เพราะผมยังไม่เห็นเครื่องสีชมพู)

เบื้่องต้นชอบในหลายๆ จุดของเครื่อง รวมทั้งความสามารถด้านการถ่ายภาพ มีจุดให้ติแค่เพียงสองเรื่องคือปุ่มย้อนกลับกับปุ่ม Recent App ของเครื่องไม่มีแสงไฟ และพอร์ตใต้เครื่องยังใช้เป็น Micro USB อยู่ ไม่ได้เปลี่ยนเป็น USB Type-C เท่านั้นครับ




เดาไว้ก่อนเลยว่า เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่น่าจะขายดีมากๆ ของ Samsung ครับ เพราะทำออกมาได้น่าใช้ครับ กล้องดี มีประสิทธิภาพการใช้งานที่ผมทดสอบเบื้องต้นก็ถือว่าลื่นไหล ใช้หน่วยประมวลผล Helio Octa-Core 2.39 และแรม 4GB ชุดนี้แรงใช้ได้

คนที่สนใจ ก็สามารถเข้าไปสั่งจองสินค้าได้ตั้งแต่วันนี้ผ่านทางออนไลน์ S-estore และออฟไลน์ตามร้านค้าจำหน่ายทั่วไปรวมถึง Samsung Brand Shop ในวันนี่ถึงวันที่ 17 กันยายนนะครับ รับเครื่องจริงได้ตั้งแต่วันที่ 22 กันยาเป็นต้นไป

อ่านต่อ สเปคและรายละเอียดของ Samsung Galaxy J7+

สำหรับการทดสอบใช้งานอย่างละเอียด และความสามารถในด้านอื่นๆ ของ Galaxy J7+ ก็ติดตามกันต่อได้ในรีวิวเต็มๆ จาก Appdisqus ได้ในเร็วๆ นี้นะครับ

 

 

from:https://www.appdisqus.com/2017/09/01/preview-samsung-galaxy-j7-plus.html

ราคาอย่างเป็นทางการ และสเปคแบบละเอียดของ Samsung Galaxy J7+ (J7 Plus) สมาร์ทโฟนกล้องคู่รุ่นเล็กจากแบรนด์พี่ใหญ่

หลังจากที่ Samsung เปิดตัว Galaxy Note 8 มาพร้อมกล้องถ่ายภาพแบบคู่ออกมาอย่างเป็นทางการ ก๋็ไม่ต้องแปลกใจถ้าเขาจะตัดสินใจปล่อยสมาร์ทโฟนกล้องคู่ในรุ่นราคาประหยัดตามออกมาด้วยเช่นกัน

Samsung Galaxy J7+ คือสมาร์ทโฟนตัวล่าสุดที่ทาง Samsung ได้เปิดตัวและพร้อมจำหน่ายในประเทศไทยครับ โดยมีจุดเด่นในเรื่องของกล้องถ่ายภาพด้านหลังแบบสองตัวพร้อมระบบ Live Focus แบบ Note 8 และกล้องหน้าที่มีซอฟท์แวร์ละลายฉากหลังได้เช่นเดียวกัน

โดยล่าสุดมีการเปิดเผยราคาอย่างเป็นทางการ พร้อมโปรโมชั่นของมันออกมาแล้วครับ Samsung Galaxy J7+ เปิดจำหน่ายในราคา 12,900 บาท เปิดจองวันที่ 1-17 กันยายน พร้อมรับของแถมเป็นหูฟังไร้สาย Samsung U Flex ราคา 2,490 บาทไปฟรีทันทีครับ

โดยเราเอาสเปคเครื่องของ Samsung Galaxy J7+ แบบละเอียดยิบๆ มาฝากกันในตารางด้านล่างด้วยครับ

ถือว่าสีเครื่องน่าใช้นะครับ ราคาไม่สูงมากไปและได้สเปคเครื่องรอบตัวในระดับกำลังดี ซึ่งเพื่อนๆ สามารถติดตามรีวิว Samsung Galaxy J7+ ได้จากทาง Appdisqus ในเร็วๆ นี้นะครับ

from:https://www.appdisqus.com/2017/08/29/samsung-galaxy-j7-plus-launch-price.html

Samsung Galaxy J7+ สมาร์ทโฟนกล้องคู่ เปิดราคาแล้ว 12,900 บาท รับจอง 1 กันยายนนี้

samsung-galaxy-j7-plus-promotion

Samsung เสริมทัพสมาร์ทโฟนกล้องคู่พร้อมกัน 2 รุ่น หลังจากเปิดตัวเรือธง Galaxy Note 8 ไปก่อนหน้านี้ ล่าสุดรุ่นเล็ก Galaxy J7+ ก็เคาะราคาเปิดตัวออกมาแล้วที่ 12,900 บาท โดยจะเปิดรับจองในวันเดียวกับ Galaxy Note 8 คือระหว่างวันที่ 1 – 17 กันยายนนี้ และจะเริ่มส่งมอบเครื่องได้ตั้งแต่วันที่ 22 กันยายน 2560 เป็นต้นไป

21082869_10155898903557590_2361193872138202308_o

สำหรับลูกค้าที่สั่งจอง Samsung Galaxy J7+ ในช่วงวันที่ 1 – 17 กันยายน จะได้รับหูฟังไร้สาย Samsung U Flex มูลค่า 2,490 บาท เป็นของแถม และพิเศษ!! สำหรับลูกค้าที่สั่งจองสินค้าผ่าน Samsung Brand Shop จะได้รับ Soft Cover สี Clear มูลค่า 390 บาท

21014138_10155898903547590_6439663403192697162_o

Samsung Galaxy J7+ ชูจุดเด่นที่กล้องคู่ด้านหลัง ตัวหลัก 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง F1.7 จับคู่กับกล้องตัวรอง 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง F1.9 รองรับการถ่ายภาพในสไตล์หน้าชัดหลังเบลอด้วยฟีเจอร์ Live Focus เหมือนที่พบใน Galaxy Note 8 ส่วนกล้องเซลฟี่ก็ให้มาไม่น้อย 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง F1.9

samsung-galaxy-j7-plus-black

Samsung Galaxy J7+ มากับชิปประมวลผล 2.39GHz Octa Core ความจำ RAM 4GB จับคู่กับ ROM 32GB สนับสนุนการ์ด microSD สูงสุด 256GB รองรับฟีเจอร์ Bixby, Multi Window, Dual Messenger, Secure Folder และยังมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ กับเทคโนโลยีจดจำใบหน้า ผลิตออกมาให้เลือก 3 สี คือ สีดำ, สีทอง และ สีชมพู

from:http://www.flashfly.net/wp/?p=191860

ชมวีดีโอพรีวิว Samsung Galaxy J7+ สมาร์ทโฟนกล้องคู่ ที่กำลังจะเข้าไทยในเร็วๆ นี้

review-samsung-galaxy-j7-plus-09

Samsung เตรียมวางจำหน่าย Galaxy J7+ ในประเทศไทยในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่งจะเป็นสมาร์ทโฟนกล้องคู่ที่สาวก Samsung ส่วนใหญ่จะสามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายกว่า Galaxy Note 8 อย่างแน่นอน และนอกจากประเทศไทยแล้ว Galaxy J7+ ก็จะถูกส่งไปทำตลาดในประเทศเพื่อนบ้านของเราด้วย โดยพบว่า YouTuber ชาวกัมพูชา ได้ทำวีดีโอรีวิวให้ชมกันแล้วตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา

Samsung Galaxy J7+ ใช้กล้องคู่ 13 + 5 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายภาพในสไตล์หน้าชัดหลังเบลอด้วยฟีเจอร์ Live Focus เหมือนที่พบใน Galaxy Note 8 ส่วนกล้องเซลฟี่ 16 ล้านพิกเซล ทำงานบน Android 7.1.1 Nougat ประมวลผลด้วยชิป 2.39GHz Quad Core + 1.69GHz Quad Core ความจำ RAM 4GB จับคู่กับ ROM 32GB สนับสนุนการ์ด microSD สูงสุด 256GB แบตเตอรี่ 3,000mAh รองรับฟีเจอร์ Bixby, Multi Window, Dual Messenger, Secure Folder และยังมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือกับเทคโนโลยีจดจำใบหน้า

review-samsung-galaxy-j7-plus-02

review-samsung-galaxy-j7-plus

review-samsung-galaxy-j7-plus-05

review-samsung-galaxy-j7-plus-06

review-samsung-galaxy-j7-plus-03

samsung-galaxy-j7-plus-review

review-samsung-galaxy-j7-plus-live-focus

review-samsung-galaxy-j7-plus-07

review-samsung-galaxy-j7-plus-08

ที่มา – Cambo Report

from:http://www.flashfly.net/wp/?p=191822

มาแล้ว Samsung Galaxy J7+ สมาร์ทโฟนกล้องคู่ ในราคาที่เป็นเจ้าของได้ไม่ยาก

samsung-galaxy-j7-plus

หลังจากเปิดตัว Samsung Galaxy Note 8 สมาร์ทโฟนกล้องคู่รุ่นแรกของค่ายไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีราคาเปิดตัว 33,900 บาท แต่เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทครอบคลุมลูกค้าทุกระดับ Samsung จึงได้ออกสมาร์ทโฟนกล้องคู่เอาใจตลาดล่าง Samsung Galaxy J7+ ซึ่งมีแผนวางจำหน่ายในประเทศไทยเร็วๆ นี้ ราคายังไม่เปิดเผยแต่อย่างที่ทราบกันดีว่า Galaxy J Series มีราคาไม่ไกลเกินเอื้อมอย่างแน่นอน

samsung-galaxy-j7-plus-black

Samsung Galaxy J7+ ชูจุดเด่นที่กล้องคู่ด้านหลัง ตัวหลัก 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง F1.7 จับคู่กับกล้องตัวรอง 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง F1.9 รองรับการถ่ายภาพในสไตล์หน้าชัดหลังเบลอด้วยฟีเจอร์ Live Focus เหมือนที่พบใน Galaxy Note 8 ส่วนกล้องเซลฟี่ก็ให้มาไม่น้อย 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง F1.9

Samsung Galaxy J7+ มากับชิปประมวลผล 2.39GHz Octa Core ความจำ RAM 4GB จับคู่กับ ROM 32GB สนับสนุนการ์ด microSD สูงสุด 256GB รองรับฟีเจอร์ Bixby, Multi Window, Dual Messenger, Secure Folder และยังมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ กับเทคโนโลยีจดจำใบหน้า ผลิตออกมาให้เลือก 3 สี คือ สีดำ, สีทอง และ สีชมพู

21082869_10155898903557590_2361193872138202308_o

21014138_10155898903547590_6439663403192697162_o

from:http://www.flashfly.net/wp/?p=191754