คลังเก็บป้ายกำกับ: FUJITSU_UVANCE

Fujitsu Hybrid IT โครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล เพื่อสร้างความยืดหยุ่น สามารถรองรับทุกความต้องการเชิงธุรกิจ

เทคโนโลยีดิจิทัล เป็นหัวใจสำคัญ ที่ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจและการดำเนินชีวิต การมีเทคโนโลยีที่เชื่อถือและวางใจได้ ถือเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาโซลูชันของฟูจิตสึ ตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา และอีกหนึ่งแนวคิดสำคัญที่ฟูจิตสึนำเสนอในฐานะของผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและโซลูชันดิจิทัลระดับโลก คือ Fujitsu Uvance ชุดโซลูชันด้านทรานส์ฟอร์เมชันเพื่อสร้างโลกที่ยั่งยืน โดยมีโซลูชันที่ทำหน้าที่เป็น “โครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล” ได้แก่ Hybrid IT

Hybrid IT จาก ฟูจิตสึ ถูกออกแบบมาเพื่อ ช่วยสร้างองค์กรยุคดิจิทัลที่มีความยืดหยุ่น สามารถรองรับทุกความเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีโครงสร้างดิจิทัลพื้นฐาน ที่สามารถเชื่อมโยงองค์ประกอบทางเทคโนโลยีต่างๆ ถึงกัน อย่างไร้รอยต่อ มีความปลอดภัย วางใจและเชื่อถือได้ ไม่ว่าจะเป็นระบบซึ่งติดตั้งที่องค์กรเอง หรือระบบที่อยู่บนคลาวด์ก็ตาม

ความท้าทายของระบบไอทีแบบไฮบริด

การเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินงานด้านไอที ไปสู่ระบบแบบไฮบริด ไม่ใช่เพียงแค่การขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีเดิมไปสู่คลาวด์เท่านั้น แต่จากผลสำรวจ CIO จาก 300 องค์กรใน 14 ประเทศ พบว่า การนำ Hybrid IT มาประยุกต์ใช้ยังมี สิ่งที่องค์กรต้องคำนึงถึงหลายประการไม่ว่าจะเป็น

  • จะวางกลยุทธ์ไอทีแบบไฮบริดและการขยายไปสู่คลาวด์ ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจอย่างเหมาะสมได้อย่างไร
  • จะบริหารจัดการให้ระบบไอทีแบบไฮบริด สนับสนุนการเติบโต โดยปราศจากความเสี่ยงได้อย่างไร
  • จะพัฒนาศักยภาพของบุคลากร เพื่อให้สามารถใช้งานระบบไอทีแบบไฮบริดอย่างเต็มประสิทธิภาพได้อย่างไร
  • จะทำให้เทคโนโลยีต่างๆ ที่นำมาใช้ สามารถทำงานร่วมกันอย่างราบรื่น และมีความยืดหยุ่นในการปรับขยายได้อย่างไร

ฟูจิตสึ มีบุคคลากรมืออาชีพ ช่วยปรับเปลี่ยนสู่ระบบไอทีแบบไฮบริด ได้อย่างราบรื่นและคุ้มค่าการลงทุน

จาก 4 ประเด็นความท้าทายข้างต้น ยังมีความซับซ้อนอีกมากมาย ดังนั้นการวางแผน เพื่อขับเคลื่อนไปสู่ระบบไอทีแบบไฮบริด เป็นโครงสร้างพื้นฐาน ในการทำงานร่วมกันระหว่างระบบไอทีที่มีอยู่เดิม และระบบใหม่ที่ทำงานอยู่บนคลาวด์ ให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ตอบสนองความต้องการเชิงธุรกิจได้อย่างสมบูรณ์แบบ จำเป็นต้องมีมืออาชีพที่ไม่เพียงเข้าใจกระบวนการทำงานของเทคโนโลยีต่างๆ เท่านั้น แต่ต้องมีความเข้าใจกระบวนการเชิงธุรกิจอย่างแท้จริง เพื่อให้สามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุด และนั่นคือ เหตุผลว่าทำไมองค์กรชั้นนำจึงเลือกใช้บริการ Hybrid IT จาก ฟูจิตสึ

Hybird IT จาก ฟูจิตสึ

ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษา ออกแบบ จัดหาและติดตั้งเทคโนโลยีด้าน Hybrid IT ให้แก่องค์กรต่างๆ ทั่วโลก ฟูจิตสึ มีความเข้าใจและได้พัฒนาโซลูชันมากมาย ภายใต้บริการ Hybrid IT เพื่อให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับรูปแบบการดำเนินธุรกิจและความต้องการที่แตกต่างกันขององค์กรได้อย่างลงตัว โดยเลือกใช้โซลูชันจากผู้ผลิตชั้นแนวหน้า และเป็นที่ยอมรับในระดับโลก

ศูนย์บริการด้านไอทีของฟูจิตสึ สามารถครอบคลุมระบบได้ทั้งโซลูชันที่ลูกค้ามีการติดตั้งทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น Data Center Service, Relocation, Local Cloud, Managed Service, EMS, DRaas, Baas, Public Cloud Migration, Modern Workplace และ Cloud Application

กรณีศึกษาขององค์กรณ์ที่ประสบความสำเร็จจากระบบไอทีแบบไฮบริด

จากผลสำรวจเดียวกัน บริหารไอทีเห็นตรงกันว่า Hybrid IT จะช่วยลดภาระการปฏิบัติงานด้านระบบไอทีได้ 20-30% ลดต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของลง 20-30% และลดระยะเวลาในการส่งมอบบริการใหม่ๆ ทางธุรกิจได้ถึง 30-40%

สำหรับในประเทศไทยเอง ฟูจิตสึ ได้ทำงานร่วมกับธุรกิจชั้นนำมากมาย เพื่อให้คำปรึกษา ออกแบบ จัดหา ติดตั้ง ทดสอบการทำงาน เพื่อสร้างระบบไอทีแบบไฮบริดให้เกิดขึ้น และใช้ประโยชน์ได้จริงในเชิงธุรกิจ ตัวอย่างเช่น

ธุรกิจจัดจำหน่ายรถยนต์ : ย้ายระบบที่เป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจ ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการบริหารจัดการงานขายรถยนต์ การทำงานร่วมกัน และการให้บริการลูกค้าของศูนย์บริการ โดยจะมีตัวแทนขยายจากทั่วประเทศเข้ามาใช้งานทุกวัน จากเดิมทำงานอยู่ในดาต้าเซ็นเตอร์ขององค์กรขึ้นไปสู่ระบบคลาวด์ ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดูแลดาต้าเซ็นเตอร์ การลงทุนด้านไอที ช่วยให้สามารถขยายประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างยืดหยุ่นตามบริมาณการใช้งานจริง

โดยฟูจิตสึเข้าไปสำรวจการทำงานของระบบเดิม ทำการออกแบบ เลือกใช้โซลูชันคลาวด์ที่เหมาะสม ย้ายระบบและทดสอบ เพื่อให้แน่ใจว่าระบบใหม่ที่ย้ายไปสู่คลาวด์สามารถทำงานร่วมกับระบบบางส่วนที่อยู่ในดาต้าเซ็นเตอร์ได้อย่างราบรื่นไร้รอยต่อ รวมถึงการเตรียมบริการใหม่บนคลาวด์ ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดค่าใช้จ่ายการดำเนินงาน และเสริมศักยภาพของธุรกิจให้สูงขึ้น

ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม : นำระบบ ERP ขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญครอบคลุมทุกกระบวนการทำงานของธุรกิจ อย่างระบบ SAP ขึ้นไปทำงานบนระบบคลาวด์ โดยระบบที่ทำงานอยู่บนคลาวด์สามารถปรับขยายตัวได้ตามการเติบโตขององค์กร มีกระบวนการทำงานที่เป็นมาตรฐานสากล

ฟูจิตสึ ได้ส่งทีมเข้าไปศึกษากระบวนการทำงานและรูปแบบธุรกิจของลูกค้า ศึกษาความต้องการ ออกแบบ จัดหา
โซลูชัน และติดตั้งเสร็จ ภายในระยะเวลาที่กำหนด นอกจากนี้ยังเสริมด้วยบริการ Managed Services ที่ช่วยดูแลระบบ ที่อยู่บนคลาวด์ ให้สามารถทำงานได้อย่างราบรื่น ทำให้ฝ่ายไอทีของลูกค้าสามารถทุ่มเทกับการพัฒนาธรุกิจได้อย่างเต็มที่

นี่เป็นเพียงบางส่วนขององค์กรที่ประสบความสำเร็จกับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ระบบไอทีแบบไฮบริด ภายใต้บริการ Hybrid IT จาก ฟูจิตสึ ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ ช่วยเสริมศักยภาพ ลดค่าใช้จ่าย และสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ กับองค์กรในทุกอุตสาหกรรม

อยากรู้ว่า Hybrid IT ช่วยองค์กรของท่านได้อย่างไรบ้าง สามารถติดต่อได้ที่

บริษัท ฟูจิตสึ (ประเทศไทย) จำกัด

อาคาร เอ็กเชน ทาวเวอร์ ชั้น 22-23

เลขที่ 388 ถนนสุขุมวิท เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110

โทร. + 66 (0) 2302 1500 แฟ็กซ์ + 66 (0) 2302 1555

http://th.fujitsu.com

facebook.com/FujitsuThailand

หรือ

คลิกที่นี่เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม

from:https://www.techtalkthai.com/fujitsu-hybrid-it-for-every-organization/

Fujitsu ตั้งเป้า สร้างโลกที่ยั่งยืน มุ่งแก้ปัญหาสังคม ในฐานะ DX Partner

การเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจและเป้าหมายของหลายประเทศเริ่มเปลี่ยนไป เห็นได้ชัดจากนโยบายต่อสิ่งแวดล้อมจากประเทศต่างๆ เพราะตระหนักดีแล้วว่าปรากฏการณ์ภัยธรรมชาติ และโรคระบาดเริ่มปรากฏชัดเจนบ่อยครั้งมากขึ้น ด้วยเหตุนี้เองระยะหลังมานี้ประเทศต่างๆจึงได้ตั้งเป้าใหม่เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงต่อโลกแทนที่จะเป็นเป้าจากตัวเลขทางเศรษฐกิจเหมือนในอดีต

เช่นกัน Fujitsu ในฐานะผู้ให้บริการทางเทคโนโลยีและเป็นส่วนหนึ่งในโลกใบใหญ่นี้ ที่งาน FujitsuActiveNow 2021 ที่เพิ่งจบลง บริษัทจึงได้ประกาศเป้าหมายเพื่อสร้างโลกที่ยั่งยืน ด้วยการมุ่งแก้ปัญหาสังคมในภูมิภาคเอเชียเพราะถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของเศรษฐกิจโลกและรากฐานของ Fujitsu

โควิด19 ทำให้โลกของเราเปลี่ยนไปมากนัก เพราะเมื่อการแพร่ระบาดเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน องค์กรจึงโดนบังคับให้เร่งทำ Digital Transformation (DX) อย่างเร็วที่สุด ให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตแบบ New Normal โดยสิ่งที่เห็นได้ชัดคือ ช่องทางการสื่อสารจากเดิมที่เจอหน้ากันกลายเป็นออนไลน์ผ่านหน้าจอ การทำธุรกิจจากช่องทางแบบเห็นหน้าลงสู่โลกออนไลน์ นอกจากเรื่องโรคระบาดแล้ว ปัญหาที่เรื้อรังอย่างความไม่เท่าเทียมก็เริ่มรุนแรงขึ้นอย่างชัดเจน

คุณโคจิ มาสุดะ รองประธานอาวุโสประจำภูมิภาคเอเชียของฟูจิตสึ

ที่งานสัมมนา Fujitsu ActiveNow2021 ซึ่งเป็นงานสัมมนาใหญ่ประจำปี คุณโคจิ มาสุดะ รองประธานอาวุโสประจำภูมิภาคเอเชียของฟูจิตสึ  จึงได้นำเสนอแนวทางและวิสัยทัศน์การเป็น DX Partner นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยแก้ปัญหาทางสังคม  ซึ่งคุณโคจิได้หยิบยกเอาผลคาดการณ์ของลักษณะธุรกิจในยุค New Normal มานำเสนอดังนี้

1.) Sustainability – องค์กรหลายแห่งมีแผนที่จะสร้างประโยชน์ให้แก่สังคม หลังเผชิญปัญหาโรคระบาด เช่น โรคร้อน สังคมสูงอายุ ความไม่เท่าเทียม การขาดแคลนอาหาร และขยะ ไปจนถึงปัญหาขยะพลาสติกในทะเล โดยองค์กรเหล่านี้ต่างตระหนักว่าตนอยู่ในส่วนหนึ่งของภาพปัญหาที่จะต้องถูกแก้

2.) ฺBorderless – ภาพการทำงานขององค์กรได้ถูกปฏิวัติไปอย่างสิ้นเชิง ในรูปแบบที่เราเรียกว่า Work From Home ก่อนหน้ามีพนักงานราว 1 ใน 4 เท่านั้นที่ปฏิบัติในลักษณะนี้ได้ แต่พอโควิด มาถึงพนักงานอย่างน้อย 2 ใน 3 ต้องทำงานจากที่บ้านทันที และเมื่อโลกคุ้นชินแล้วคาดว่าในอีก 3-4 ปีข้างหน้าจะยิ่งมีการเพิ่มขึ้นของพนักงานในรูปแบบนี้

3.) Business is Ecosystem – ในอดีตธุรกิจมุ่งแต่การผลิตสินค้าและบริการตามมาตรฐานเป็นหลัก แต่เทรนด์ในสมัยปัจจุบันธุรกิจต้องมองความต้องการจากผู้คน เพื่อนำมาสร้างนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์

4.) Resilience – ความยืดหยุ่นคือปัจจัยที่ทำให้องค์กรสามารถรับมือกับโควิด19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  โดยผลสำรวจพบว่าองค์กรที่รับมือกับการแพร่ระบาดได้ดีกว่า 49% นั้นก็เพราะความสามารถในการปรับตัว รองลงมา 44% มาคือได้มีการเตรียมตัวทำ DX มาบ้างแล้วหรือเร่งกระบวนการเปลี่ยนแปลงได้เร็วพอ และสุดท้าย 40% มองเรื่องของชีวิตความเป็นอยู่ของพนักงานเป็นเรื่องหลัก

5.) Trust Automation – จากความคิดเห็นของผู้บริหารราว 83% เชื่อในการใช้ข้อมูลเพื่อขับเคลื่อนทิศทางการตัดสินใจขององค์กร โดย 82% วางแผนที่จะทำเรื่อง Automation และเกือบครึ่งหนึ่งหรือ 44% เชื่อว่าภายในปี 2025 กระบวนการทางธุรกิจกว่าครึ่งจะทำงานได้อย่างอัตโนมัติ นั่นแสดงให้เห็นถึงว่าธุรกิจมีความเชื่อมั่นในพลังแห่ง Automation

มุมมองของปัญหาทางสังคมและโอกาสทางธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน

ทุกภูมิภาคย่อมมีปัญหาที่สะท้อนบริบททางสังคมในแถบนั้น อย่างไรก็ดีปัญหาทางสังคมยังมีเอกลักษณ์แตกต่างกันออกไปในแต่ละประเทศด้วย เช่น บางประเทศก็มีปัญหาขยะล้น รถติด น้ำท่วม คุณภาพอากาศ ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีความท้าทายอยู่ในทุกมุมมอง

ถึงกระนั้นเองภูมิภาคเอเซียก็ยังมีนัยสำคัญต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของโลก โดยจากข้อมูลพบว่าแม้ช่วงหลายปีหลังมานี้ อัตราการการเติบโตของตัวเลข GDP ในเอเชียจะหดตัวลง ยิ่งในปีก่อนถ้านับแค่ภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ตัวเลขถือได้ว่าติดลบถึง 4% สอดคล้องกับเอเชียตะวันออกหดตัวเหลือแค่ 1.8% แต่เมื่อย้อนกลับมาดูตัวเลข GDP ที่เอเชียมีต่อเศรษฐกิจโลกนั้นกลับยังสูงขึ้น ที่ดูเหมือนจะไม่กี่ % ก็ตาม แต่คาดการณ์ว่าเมื่อโรคระบาดหายไป ภูมิภาคเอเซียนี้จะมีโอกาสเติบโตกลับมาเพิ่มสูง อย่างน้อยก็ถึงปี 2026 หรืออีก 5 ปีข้างหน้า

นั่นสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของภูมิภาคที่ Fujitsu เองเล็งเห็นถึงโอกาสนี้ อย่างไรก็ดีเพื่อแก้ปัญหาทางสังคมนี้ Fujitsu ที่มองตัวเองเป็น DX Partner ให้กับลูกค้า จึงได้ทุ่มเทบุคคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ และเทคโนโลยีจากพันธมิตร สอดแทรกเข้าไปเป็นรากฐานทางธุรกิจที่สามารถใช้แก้ปัญหาทางสังคม

บทบาทของ Fujitsu กับการแก้ปัญหาทางสังคม

Fujitsu ได้แบ่งโจทย์ในการแก้ปัญหาทางสังคมออกเป็น 7 ด้านคือ

1.) Sustainability Manufacturing

มุ่งหน้าสร้าง Ecosystem ของภาคการผลิตอย่างต่อเนื่องและยืดหยุ่น ในหลายอุตสาหกรรมและประเทศต่างๆ ซึ่งด้วยความเชี่ยวชาญของ Fujitsu ทั้งด้าน AI และ HPC เชื่อแน่ว่าจะช่วยสร้างระบบ Supply Chain และเศรษฐศาสตร์แบบหมุนเวียน ที่สามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้

2.) Consumer Experience

ผู้บริโภคแต่ละคนย่อมมีความต้องการที่ไม่เหมือนกัน ด้วยเหตุนี้เองการใช้งานข้อมูลเพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ถูกทางจึงเป็นเรื่องจำเป็น โดย Fujitsu เองเชื่อว่าโอกาสเป็นของกลุ่มอุตสาหกรรมค้าปลีก ซึ่งต้องมีการปรับปรุงระบบ Supply Chain และวิธีการสร้าง Consumer Experience ที่สามารถใช้เทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนได้ ทั้งนี้ได้นำเสนอโซลูชัน Retail-as-a-Service เพื่อตอบสนองประสบการณ์ในการซื้อขายใหม่ๆ

3.) Healthy Living

สร้าง Infrastructure และนวัตกรรมที่สามารถเชื่อมโยงให้มนุษย์สามารถเข้าถึงบริการทางสุขภาพในชีวิตประจำวัน โดยเทคโนโลยีคือฐานที่รวบรวมบริการของ การให้บริการทางสุขภาพ บริษัท รัฐบาล และผู้คนให้เชื่อมต่อกัน ทั้งหมดนี้เพื่อสร้างสังคมที่ยึดเอาผู้คนเป็นศูนย์กลางอย่างเท่าเทียมโดยไม่มีความแตกต่าง

4.) Trusted Society

ผู้คนในส้งคมต้องสามารถรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินได้ เช่น ภัยพิบัติจากธรรมชาติ ซึ่งก็ต้องมีมาตรการอย่างยืดหยุ่นมากพอ โดยต้องเกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วนทั้งรัฐ ประชาชนและพันธมิตรของ Fujitsu เพื่อแก้ปัญหาทางสังคม โดย Fujitsu เองคำนึงถึงเรื่องสภาพแวดล้อมเป็นอันดับหนึ่ง เพื่อให้ผู้คนได้อยู่ที่โลกที่สันติและรุ่งเรืองสืบไป

5.) Digital Shifts

ผู้คนคือผู้สร้างคุณค่าให้แก่องค์กร แต่การที่จะนำข้อมูลและเทคโนโลยีมาใช้อย่างเกิดประโยชน์ได้นั้น องค์กรจำต้องมีกระบวนการที่รวดเร็วและยืดหยุ่น ซึ่ง Fujitsu ได้นำเสนอโซลูชัน Digital Shifts ที่จะเป็นรากฐานให้องค์กรได้มาซึ่งปัจจัยนั้น ต่อยอดไปเป็นความสร้างสรรค์และใช้ประโยชน์จากข้อมูลได้อย่างสูงสุด

6.) Business Application

โลกปัจจุบันบริการและการปฏิบัติงานขององค์กรต้องสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างต่อเนื่อง รวดเร็ว และต้องทำอย่างชาญฉลาด ถึงจะสามารถสร้างอนาคตที่ยั่งยืนได้ Fujitsu ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะนำเอาทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญร่วมกับพาร์ทเนอร์ เข้ามาช่วยเหลือลูกค้าในการทำ Digitization ตั้งแต่การ Migrate, Modernizing, Developing, Deploy และการรันแอปบนคลาวด์หรือ Hybrid

7.) Hybrid IT

Fujitsu เล็งเห็นว่า Digital Touch Point คือจุดที่เชื่อมโยงบริการและข้อมูลทุกสิ่งในระบบเอาไว้ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่ตนจะต้องสร้าง Infrastructure ที่น่าเชื่อถือและมั่นคงปลอดภัยให้ลูกค้ามีความมั่นใจได้ว่า ผู้คน สินค้า และทรัพย์สินดิจิทัลของท่านอยู่ในสถานะที่ปลอดภัย

credit : Fujitsu

นอกจากนี้ Fujitsu ยังได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ที่ตนได้ปฏิวัติองค์กรภายในเพื่อตอบโจทย์ใน DX 4 ด้านคือ การยุบรวมแอปทางธุรกิจ การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงออฟฟิศ ใส่ใจกับการใช้ชีวิตและงานได้อย่างลงตัว และการจัดอีเวนต์ออนไลน์ ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นแนวทางให้องค์กรที่สนใจสามารถนำกลับไปประยุกต์ใช้กับตัวเองได้

และสุดท้ายคุณโคจิจึงได้กล่าวถึงการจัดตั้งแบรนด์ธุรกิจใหม่ที่ชื่อ Fujitsu Uvance เพื่อตอบสนองเป้าหมายที่ Fujitsu วางไว้ข้างต้นอย่างจริงจังนับแต่นี้ โดยวางตัวเองเป็น DX Partner ที่มาพร้อมกับ Ecosystem ทางเทคโนโลยี พร้อมนำส่งนวัตกรรมความก้าวหน้าใหม่ๆ เพื่อเข้าไปแก้ปัญหาทางสังคม และนำรอยยิ้มมาสู่เอเชียของเรา

from:https://www.techtalkthai.com/sustainable-future-plans-by-fujitsu-in-activenow2021/

[Guest Post] ฟูจิตสึเปิดตัวแบรนด์ธุรกิจใหม่ Fujitsu Uvance มุ่งแก้ปัญหาสังคม ด้วยนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อสร้างโลกที่ยั่งยืน

โตเกียว, –  ฟูจิตสึได้เปิดตัวแบรนด์ธุรกิจระดับโลกใหม่ล่าสุด Fujitsu Uvance ซึ่งจะนำเสนอโซลูชั่นด้านทรานส์ฟอร์เมชั่นเพื่อสร้างโลกที่ยั่งยืน  Fujitsu Uvance จะใช้ประโยชน์จากความสามารถด้านเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญด้านการแก้ไขปัญหาของฟูจิตสึใน 7 ด้านที่สำคัญ เพื่อมอบคุณประโยชน์ที่เหนือกว่าให้แก่ลูกค้า ควบคู่ไปกับการดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายสูงสุด นั่นคือ “การทำให้โลกมีความยั่งยืนมากขึ้นด้วยการสร้างความเชื่อมั่นต่อสังคมโดยอาศัยนวัตกรรม”

นายโทชิโร มิอุระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟูจิตสึ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวย้ำว่า “เป้าหมายสำคัญของฟูจิตสึคือการตอกย้ำวิสัยทัศน์ที่มุ่งไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน ด้วยความสามารถในการนำเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมาทำงานสอดประสานกัน เพื่อช่วยสนับสนุนความสำเร็จของลูกค้า มีส่วนร่วมในการสร้างโลกที่ยั่งยืน ด้วยการผสานรวมเทคโนโลยีและบริการที่หลากหลายของฟูจิตสึเข้ากับเครือข่ายพาร์ทเนอร์ระดับสากลที่เติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง ส่งผลให้ฟูจิตสึสามารถนำเสนอโซลูชันที่ตอบทุกโจทย์ความต้องการของลูกค้าในอุตสาหกรรมที่หลากหลายได้อย่างลงตัว”

คำว่า “Uvance” สื่อถึงแนวคิดของการทำให้ทุกสิ่ง (Universal) ก้าวไปข้างหน้า (Advance) ในทิศทางที่ยั่งยืน ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของฟูจิตสึใน “เป็นการสร้างความเป็นไปได้ใหม่ๆ ด้วยการเชื่อมโยงผู้คน เทคโนโลยี และแนวคิดต่างๆ เข้าด้วยกัน เพื่อสร้างโลกที่ยั่งยืนและเปิดโอกาสให้ทุกคนก้าวตามความฝันได้มากขึ้น”

Fujitsu Uvance จะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตให้กับธุรกิจหลักของฟูจิตสึ ซึ่งครอบคลุมโฟกัส 7 ด้านที่สำคัญ โดย 4 ด้านนั้นเกี่ยวข้องกับธุรกิจสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมเฉพาะ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างโลกที่น่าอยู่และแก้ไขปัญหาสังคมที่ต้องเผชิญทั้งในปัจจุบันและอนาคต โฟกัส 4 ด้านที่ว่านี้ได้แก่ การผลิตที่ยั่งยืน (Sustainable Manufacturing), ประสบการณ์สำหรับผู้บริโภค (Consumer Experience), การใช้ชีวิตที่มีสุขภาพดี (Healthy Living) และสังคมที่เชื่อถือได้ (Trusted Society) ส่วนอีก 3 ด้านเพื่อที่เข้ามารองรับการดำเนินงานข้างต้นและทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการเก็บรวบรวมข้อมูล การผสานรวมแอพพลิเคชั่น และการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การปรับเปลี่ยนสู่ดิจิทัล (Digital Shifts), แอพพลิเคชั่นทางธุรกิจ (Business Applications) และระบบไอทีแบบไฮบริด (Hybrid IT)

ฟูจิตสึจะนำเสนอแนวทางการดำเนินงานของ Fujitsu Uvance ซึ่งมุ่งเน้นการขับเคลื่อนนวัตกรรมภายใต้วิสัยทัศน์ระดับโลกสำหรับการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน

ภายในงาน “Fujitsu ActivateNow 2021” ซึ่งเป็นกิจกรรมระดับโลกที่จัดขึ้นผ่านระบบออนไลน์ในวันอังคารที่ 12 ตุลาคม นั้น จะมีสาส์นจากผู้บริหารของฟูจิตสึ วิทยากรรับเชิญ และลูกค้า เพื่อส่งมอบแนวคิดให้กับผู้เข้าร่วมรับฟัง

ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ความท้าทายที่เพิ่มขึ้นและทิศทางที่เปลี่ยนไปของประชากรโลกมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมาก ก่อให้เกิดโอกาสที่มากมาย รวมถึงปัญหาท้าทายที่ซับซ้อน จนทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมที่เพิ่มมากขึ้น ขณะที่ความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศนำไปสู่ภัยธรรมชาติที่รุนแรงอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ในช่วงปีที่ผ่านมาเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วทุกมุมโลก ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวเผยให้เห็นถึงปัญหาความแตกแยกและความไม่เท่าเทียมกันที่เกิดขึ้นในประเทศต่างๆ ทั่วโลก จนนำไปสู่การตั้งคำถามเกี่ยวกับค่านิยมและรูปแบบการใช้ชีวิตของประชาชน รวมไปถึงปัญหาท้าทายใหม่ๆ ที่เราไม่คาดคิดมาก่อน ซึ่งนับเป็นภัยคุกคามต่ออนาคตของมนุษยชาติและโลก การแก้ไขปัญหาเหล่านี้จำเป็นที่จะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ขณะที่ผู้บริหารจำเป็นที่จะต้องฉีกกฎเกณฑ์เดิมๆ และกล้าที่จะก้าวเดินไปในทิศทางใหม่เพื่อมุ่งไปสู่อนาคตที่สดใส โดยใช้นวัตกรรมเป็นแสงนำทาง

ด้วยตระหนักถึงความสำคัญของช่วงเวลาที่เป็นจุดเปลี่ยนนี้ ฟูจิตสึจึงได้กำหนดวัตถุประสงค์ขึ้นใหม่ในปี 2563 โดยปรับใช้แนวทางใหม่ในการพลิกโฉมองค์กรไปสู่ธุรกิจที่มุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืนเพื่อทำให้โลกของน่าอยู่มากขึ้น ตลอดจนเพื่อรับมือกับปัญหาต่างๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2573 ฟูจิตสึ ได้ระบุโฟกัส

หลัก 7 ด้านที่เป็นพื้นฐานสำหรับ Fujitsu Uvance  อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโฟกัสหลัก 7 ด้านของ Fujitsu Uvance  ตามภาพด้านล่างนี้  หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ Fujitsu Uvance Global

แผนการสำหรับอนาคต

เพื่อฉลองการเปิดตัวในครั้งนี้ ฟูจิตสึได้เปลี่ยนชื่ออาคาร “Fujitsu Kawasaki Tower” ในประเทศญี่ปุ่นเป็น “Fujitsu Uvance Kawasaki Tower” และใช้เป็นห้องปฏิบัติการที่จัดแสดงศักยภาพการใช้งานจริงของเทคโนโลยีต่างๆ เช่น ไบโอเมตริก การวิเคราะห์ภาพ ฯลฯ ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้จะมีบทบาทต่อฟูจิตสึในธุรกิจที่สำคัญ 7 ด้าน

นอกจากนี้ ฟูจิตสึเตรียมเปิดตัวโลโก้รูปโฉมใหม่ พร้อมกับการเริ่มต้นดำเนินงานของ Fujitsu Uvance ตรงกับลูกค้า โดยโลโก้ใหม่นี้สื่อถึงการพัฒนาเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องและการมีส่วนร่วมทำให้โลกมีความ

ยั่งยืนมากขึ้น โดยมีการจัดวางโลโก้เครื่องหมายอินฟินิตี้ (Infinity Mark) ไว้ที่ด้านหน้า พร้อมด้วยลายเส้นโค้งมนที่ลื่นไหลในรูปแบบไดนามิก แสดงถึงความมุ่งมั่นของฟูจิตสึในการเสริมสร้างพลังเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงและยังสื่อความหมายถึงวงจรการพัฒนาที่ยั่งยืนซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ลูกค้า สังคม และโลกของเรา

ฟูจิตสึมุ่งมั่นดำเนินการตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 

สหประชาชาติได้กำหนดเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals – SDGs) เมื่อปี 2558 โดยตั้งเป้าที่จะดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวทั่วโลกภายในปี 2570 ขณะที่ฟูจิตสึมีจุดมุ่งหมายที่จะ “ทำให้โลกมีความยั่งยืนมากขึ้นด้วยการสร้างความเชื่อมั่นต่อสังคมโดยอาศัยนวัตกรรม” และนั่นคือคำมั่นสัญญาสำหรับการสร้างอนาคตที่ดีกว่าตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ

เกี่ยวกับฟูจิตสึ

ฟูจิตสึเป็นบริษัทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ชั้นนำของญี่ปุ่นที่นำเสนอผลิตภัณฑ์ โซลูชัน และบริการด้านเทคโนโลยีอย่างเต็มรูปแบบ พนักงานฟูจิตสึมีจำนวนประมาณ 126,000 คน สนับสนุนลูกค้าในกว่า 100 ประเทศ เราใช้ประสบการณ์และพลังของ ICT เพื่อกำหนดอนาคตของสังคมร่วมกับลูกค้าของเรา Fujitsu Limited (TSE:6702) รายงานรายรับรวม 3.6 ล้านล้านเยน (34 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) สำหรับปีงบการเงินสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2564 สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม, กรุณาเยี่ยมชมที่ http://www.fujitsu.com/th

 

from:https://www.techtalkthai.com/fujitsu-announces-new-brand-focus-on-sustainable-future-uvance/