คลังเก็บป้ายกำกับ: เดลิเวอรี่

แม็คโคร ตีตลาดเดลิเวอรี่ส่งวัตถุดิบ-อาหารสดพร้อมปรุงให้ถึงบ้าน

ไม่ใช่ร้านอาหารก็ส่งได้ แม็คโคร ตีตลาดฟู้ดเดลิเวอรี่ ส่งของสด-วัตถุดิบพร้อมปรุงให้ลูกค้ารับกระแส New Normal อยู่บ้านทำอาหารเอง ไม่เสี่ยงโควิด

แม็คโคร Happy Food @ Home
แคมเปญ แม็คโคร Happy Food @ Home

แม็คโครตีตลาดเดลิเวอรี่หลังบริการฟู้ดเดลิเวอรี่ไทยเติบโต 4.1 หมื่นล้านบาท เปิดตัวแคมเปญ “Happy Food@Home” สร้างทางเลือกใหม่ให้ผู้บริโภคด้วยการส่งอาหารสด ผัก เนื้อสัตว์ เครื่องปรุง วัตถุดิบ และชุดอาหารพร้อมปรุง เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า Work from Home ต้องการทำหารอยู่ที่บ้าน

ศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ระบุว่า หลังการระบาดและล็อคดาวน์รอบแรกคนต้องเปลี่ยนมาทำงานที่บ้าน แม็คโครมองเห็นแนวโน้มความต้องการอาหารสดเพื่อนำมาปรุงอาหารสำหรับทานเองที่บ้าน แคมเปญ Happy Food @ Home จะช่วยตอบโจทย์และสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้บริโภค เพราะเราไม่ได้เสิร์ฟเมนูอาหารจานสำเร็จแต่ทำหน้าที่ส่งวัตถุดิบให้ลูกค้าได้ทำอาหารรับประทานร่วมกันที่บ้านแทน

สำหรับแคมเปญ Happy Food@Home ถือเป็นการปรับตัวและปรับเปลี่ยนวิธีการนำเสนอขายสินค้าตามความต้องการและพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค สร้างประสบการณ์ใหม่ให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตภายใต้เงื่อนไขการระบาดของโควิด-19

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post แม็คโคร ตีตลาดเดลิเวอรี่ส่งวัตถุดิบ-อาหารสดพร้อมปรุงให้ถึงบ้าน first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/makro-happy-food-at-home/

สายการบินสิงคโปร์หารายได้ฟื้นฟูธุรกิจ เปลี่ยนแอร์บัสเป็นร้านอาหาร ทำทัวร์ และเดลิเวอรี่

ก่อนหน้านี้ Singapore Airlines ผุดแนวคิด Flights to nowhere ที่เตรียมจะให้ผู้โดยสารขึ้นเครื่องเพื่อนั่งชมทิวทัศน์ราว 3 ชั่วโมง โดยบินไปและกลับสนามบินชางงี (Changi) แต่สุดท้ายก็ต้องยกเลิกเพราะมีเสียงค้านจากกลุ่มรณรงค์สิ่งแวดล้อม

ด้วยเหตุผลว่าการบินแบบ Flights to nowhere ทำให้ก๊าซคาร์บอนฯ หนาแน่น และยังไม่สอดคล้องกับนโยบายที่พยายามลดวิกฤตจากการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ แม้จะมีเสียงผู้ใช้บริการโต้กลับเช่นกันว่ามันไม่ได้สร้างก๊าซคาร์บอนมากมายขนาดนั้น 

ภาพจาก Singapore Airlines

จากนั้น สายการบินสิงคโปร์จึงเปลี่ยนมาใช้แผนใหม่คือ วันที่ 24-25 ตุลาคมนี้ จะใช้เครื่องบินแอร์บัส A380 superjumbo มาทำเป็นร้านอาหารที่ลูกค้าสามารถทานอาหารของสายการบินสิงคโปร์และรับชมภาพยนต์ในเครื่องไปด้วยได้ โดยสนนราคาให้จองอยู่ที่ 50 เหรียญสิงคโปร์หรือประมาณ 1,157 บาทในชั้นประหยัด และ 300 เหรียญสิงคโปร์หรือประมาณ 6,942 บาทสำหรับชั้นธุรกิจ และ 600 เหรียญสิงคโปร์หรือประมาณ 13,885 บาทสำหรับห้องส่วนตัวสุดหรู 

นอกจากนี้ ยังมีแคมเปญสำหรับลูกค้าที่สวมใส่ชุดประจำชาติ อาทิ ชุด Sarong Kebeya ของสิงคโปร์, ชุดกี่เพ้า, ชุดส่าหรี หรือชุดผ้าบาติก ฯลฯ เหล่านี้จะได้รับของขวัญพิเศษสุดพิเศษจากสายการบินด้วย สามารถเริ่มจองได้วันที่ 12 ตุลาคมนี้ที่ KrisShop.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของสายการบิน และสมาชิก KrisFlyer สามารถใช้ไมล์สะสมเพื่อซื้อได้

ภาพจาก Singapore Airlines

นอกจากทำแอร์บัสให้กลายเป็นห้องอาหารแล้วยังทำทัวร์ศูนย์ฝึกอบรมของสายการบินสิงคโปร์ หรือ SIA Training Centre (Singapore Airlines: SIA) ที่มีทั้งการจำลองฝึกบินเสมือนจริง กิจกรรมลูกเรือสำหรับเด็ก และเวิร์กชอปในการดูแลพนักงานต้อนรับ ทัวร์นี้เริ่มเปิดให้จองวันที่ 1 พฤศจิกายนผ่าน KrisShop.com และจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-22, 28-29 พฤศจิกายนนี้ 

ยังไม่หมด ไอเดียที่สามที่สายการบินสิงคโปร์เลือกคือ ลูกค้าไม่จำเป็นต้องออกจากบ้านมา แต่สามารถเรียกใช้บริการ SIA@Home ที่ลูกค้าสามารถรับบริการอาหารที่เดลิเวอรีทั้งในระดับเฟิร์สคลาสและบิสสิเนสคลาสส่งตรงถึงบ้านได้เลย มื้ออาหารที่เดลิเวอรี่นี้รวมถึงมื้ออาหารสุดหรูที่เคยเสิร์ฟบนเครื่องบินมาก่อนด้วย แค่นั้นยังไม่พอ ยังมีบริการให้จองเชฟส่วนตัวไปปรุงอาหารพร้อมเสิร์ฟให้ถึงบ้านด้วย

ที่มา – CNBC, Insider, Singapore Air 

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/singapore-airlines-cancel-flights-to-nowhere-and-create-3-new-ideas/

Burger King หลังโควิด: เน้นเดลิเวอรี่, เน้น drive-thru, บริการ pick-up และ Go Mobile

โควิด-19 น่าจะระบาดยาวนาน จนธุรกิจต่างๆ ต้องปรับกลยุทธ์รับมือกับวิกฤตที่ถาโถม ล่าสุด Burger King ก็ปรับธุรกิจรับมือโรคระบาดที่จะยังอยู่กับเราไปยาวๆ หรือจนกว่าจะมีวัคซีน 

สิ่งที่ Burger King เตรียมทำและเพิ่งเผยให้เห็นคือการออกแบบร้านใหม่ โดยเตรียมสร้างเป็นต้นแบบในปีหน้าในไมอามี ลาตินอเมริกา และแคริบเบียน ทั้งนี้ Josh Kobza COO (Chief Operating Officer: กรรมการผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ) ระบุว่า เริ่มมองไปถึงปี 2021 แล้ว และเตรียมแผนพัฒนา Burger King ทั่วโลก

แผนเด่นๆ ที่ Burger King เริ่มทำ คือการทำเลนสำหรับ drive-thru 2 เลน สามารถรับอาหาร (pick up) ข้างทางได้ และยังจัดทำเมนูแบบดิจิทัลด้วย โดยรูปแบบใหม่ที่จะให้บริการลูกค้านี้ ลูกค้าสามารถขับรถเข้าไปยังจุดที่ออกแบบไว้ให้ สามารถสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชัน และยังให้บริการเดลิเวอรี่อาหารให้ถึงรถได้ด้วย พวกเขาจะเห็นเลน drive-thru ถึง 3 เลน เลนหนึ่งจะไว้สำหรับคนขับเพื่อส่งอาหาร อีกสองเลนก็ไว้สำหรับบริการลูกค้า   

เมื่อลูกค้ามาถึง สามารถสั่งผ่านหน้าต่างได้ ร้านอาหารก็อาจจะทำให้ขนาดเล็กลงกว่าเดิมด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีรูปแบบให้บริการที่ไม่ต้องมีห้องอาหาร ให้ขับรถเข้ามาสั่งอาหารและก็ไป ทั้งนี้ Burger King เพิ่งจะออกแบบร้านอาหารและทดลองให้บริการไม่กี่ปีนี้เอง แต่โรคระบาดโควิดถือเป็นตัวเร่งสำคัญที่ทำให้เทรนด์การเปลี่ยนแปลงนี้กลายเป็นเรื่องที่แบรนด์ต้องเร่งทำจริงจัง 

การขับรถเข้ามาสั่งอาหารและไป รวมทั้งการเดลิเวอรี่เพิ่งจะมีความสำคัญกับ Burger King มากขึ้นก็ช่วงที่มีโควิดระบาดอย่างหนัก หลังจากที่การอนุญาตให้เข้าไปทานในร้านอาหารถูกแบนและถูกจำกัดมากขึ้นเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ 

ไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมา ยอดขายผ่าน drive-thru นี้เพิ่มขึ้นมากถึง 85% จากยอดขายทั้งหมดในสหรัฐ เปรียบเทียบกับยอดขายจากร้านอาหารปีก่อนหน้ามีเพียง 67% เท่านั้น Burger King ในสหรัฐฯ ทั้งหมดมีราวๆ 7,300 สาขา มีกว่า 6,500 สาขาที่มี drive-thru แล้ว

นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมา Burger King เพิ่งจะเพิ่มการให้บริการบบ Delivery เข้าไปในร้านอาหารกว่า 2,000 แห่ง ตอนนี้กว่า 6,100 สาขาจำเป็นต้องมีบริการ Delivery แล้ว 

Burger King ทำธุรกิจอยู่ทั่วโลกราว 18,800 แห่ง แนวคิดที่จะพัฒนาเทรนด์ร้านอาหารจากนี้ไป คือเน้นโหมด Delivery ให้บริการแบบ pick-up สั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชันได้ และ Go Mobile มากขึ้น 

ที่มา – CNN 

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/burger-king-in-the-future/

Drive-thru ตัวเลือกเก่าของร้านอาหาร ที่กลับมานิยมอีกครั้งในสหรัฐฯ ช่วงยุคโควิดระบาด

ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กระแสการปรับตัวของร้านอาหารเพื่อเอาตัวรอดในวิกฤต คือการให้บริการเดลิเวอรีผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้า และหาทางสร้างยอดขายในวันที่หน้าร้านมีลูกค้าลดลง

ภาพจาก Shutterstock

แต่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ไม่ได้มีเพียงบริการเดลิเวอรีเท่านั้นที่ได้รับความนิยมมากขึ้น แต่ยังมีบริการในอีกรูปแบบหนึ่งที่เคยได้รับความนิยมมาตั้งแต่ยุคปี 1970 ก่อนจะค่อยๆ เสื่อมความนิยมลงไป นั่นคือ Drive-thru แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ในสหรัฐฯ ทำให้ร้านอาหารต่างๆ เริ่มกลับมาพิจารณาสร้างสาขาที่มีบริการ Drive-thru มากขึ้นอีกครั้ง

เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ต้องการใช้บริการร้านอาหาร โดยหลีกเลี่ยงการสัมผัสให้ได้มากที่สุด Drive-thru จึงกลายเป็นทางออกสำคัญให้กับร้านอาหารที่มียอดขายลดลงในช่วงนี้ โดย Aaron Allen ผู้ก่อตั้งบริษัทให้คำปรึกษาแก่ร้านอาหาร เล่าว่า ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ยอดขายของร้านอาหารผ่านบริการ Drive-thru เพิ่มสูงขึ้นหลายสิบเปอร์เซ็นต์

ร้านอาหารบางแห่งในสหรัฐฯ กำลังพิจารณาสร้างสาขาใหม่ๆ ที่มีบริการ Drive-thru มากขึ้น ทั้งการขับรถยนต์เข้ามาสั่ง และรับอาหารโดยไม่ต้องลงจากรถ ไม่ต้องใกล้ชิดพนักงาน และการสั่งอาหารมาจากที่บ้านผ่านช่องทางอื่นๆ เช่น ทางโทรศัพท์ หรืออินเตอร์เน็ต และขับรถยนต์มารับอาหารที่สั่งไว้ ร้านอาหารบางแห่งถึงกับขนาดจะสร้างสาขาใหม่ ที่มีแค่บริการ Drive-thru เพียงอย่างเดียว ไม่มีการขายอาหารผ่านช่องทางอื่นๆ ในร้านเลย

Randy Garutti CEO ของ Shake Shake ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดในสหรัฐฯ เล่าว่า แม้ Drive-thru จะเป็นบริการแบบเก่าๆ ที่มีมานานแล้ว แต่ก็ได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นบริการที่ใช้ได้ผล ในช่วงนี้

ส่วนร้าน Chipotle ร้านฟาสต์ฟู้ดอาหารแมกซิกัน ก็เคยวางแผนที่จะให้บริการ Drive-thru เพื่อรับอาหารที่สั่งล่วงหน้าผ่านอินเตอร์เน็ตเพียงอย่างเดียว เพื่อลดเวลารอคิว จากจำนวนลูกค้าภายในร้านที่น้อยลง ตั้งแต่ปี 2018 แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 จำนวนร้านที่ให้บริการ Drive-thru จึงเพิ่มขึ้นอย่างมาก จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ว่าจะมีสาขา Drive-thru คิดเป็น 50% เพิ่มขึ้นเป็น 70% ภายในปี 2021

การปรับตัวของร้านอาหารในสหรัฐฯ เพื่อปรับรูปแบบการให้บริการนับว่าเป็นสิ่งที่มีความท้าทายอย่างมาก เพื่อสู้กับยอดขายที่ลดลง เพราะคนสหรัฐฯ บางส่วนยังคงทำงานที่บ้าน ไม่ได้ออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านเช่นเดิม ดังนั้น Drive-thru จึงกลายเป็นทางออกสำคัญ ที่จะช่วยดึงลูกค้าให้กลับเข้ามาใช้บริการได้อย่างสะดวก และปลอดภัย เช่นเดียวกับกระแสเดลิเวอรีที่ได้รับความนิยม

ที่มา – cnbc

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/drive-thru-popular-again-in-covid-19-era/

HappyFresh เปิดรับสมัครงานจำนวนมากเสริมทัพ Delivery ใครว่างงานมาสมัครได้

ใครที่ว่างงาน ตกงาน ฟังทางนี้ HappyFresh ซูเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์ จากประเทศอินโดนีเซีย เปิดรับสมัครพนักงานไทยจำนวนมาก หวังช่วยเหลือผู้ว่างงาน ท่ามกลางวิกฤติโควิด-19

เกียม ซาการ์ร่า ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแฮปปี้เฟรช บอกว่า HappyFresh เห็นถึงความจำเป็น จึงเตรียมขยายทัพทีมเดลิเวอรี เพื่อช่วยเหลือแรงงานไทยที่ขาดรายได้ และทำให้ผู้บริโภคได้รับบริการได้ครอบคลุมทั่วถึงมากขึ้น การเปิดรับสมัครพนักงาน เพื่อเสริมทัพทีมเดลิเวอรี ทั้งพนักงานเลือกสินค้า และพนักงานขนส่งสินค้าจำนวนมาก

ยิ่งไปกว่านั้น HappyFresh ยังพร้อมรับพนักงานจากบริษัท และร้านค้าต่างๆ ที่ต้องหยุดธุรกิจชั่วคราว เพื่อเป็นตัวช่วยในการคงรายได้ และยังเป็นโอกาสที่ทุกคนจะได้ช่วยเหลือชุมชนของตนท่ามกลางวิกฤตการณ์เช่นนี้ พร้อมย้ำว่ามีมาตรการด้านความสะอาดโดยมีการแจกหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือให้กับพนักงาน เพื่อช่วยให้พนักงานและลูกค้าทุกคนปลอดภัย

สำหรับผู้ที่สนใจร่วมงานกับ HappyFresh หรือบริษัท และร้านค้าที่ต้องการติดต่อเรื่องความช่วยเหลือพนักงาน หากต้องการสอบถามข้อมูลตำแหน่งเพื่มเติม สามารถลงทะเบียนสมัครและดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.happyfresh.com/thdeliverwithus/

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/happyfresh-delivery-want/

Kerry ออกจดหมายคำชี้แจงเหตุการณ์พนักงาน ติดเชื้อไวรัส COVID-19 จากบุคคลในครอบครัว

บริษัทฯ ขอแจ้งให้ทราบว่าได้มีพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ ณ เคอรี่ เอ็กซ์เพรส สาขานิคมลำพูน ตั้งอยู่บนถนนศรีบุญยืน-หนองเป็ด  ซึ่งเป็นสาขาขนาดเล็ก (1 คูหา จำนวน 2 เคาน์เตอร์) ได้เข้ารับการตรวจและยืนยันจากแพทย์ว่าได้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 จำนวน 1 ราย โดยเป็นการได้รับเชื้อจากบุคคลใกล้ชิดในครอบครัว

ทางบริษัทฯ ได้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันและควบคุมไวรัส COVID-19 โดยประสานงานกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และส่งตัวพนักงานดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการดูแลรักษาและควบคุมโรคจากสถานพยาบาลโดยทันที

ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยของพนักงานและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน บริษัทฯ ได้ให้พนักงานทุกภาคส่วนที่ได้ปฏิบัติงาน ณ เคอรี่ เอ็กซ์เพรส สาขานิคมลำพูน หยุดงานเป็นเวลา 14 วัน เพื่อเฝ้าระวังอาการ พร้อมทั้งได้มีการติดตามและรายงานสุขภาพอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ยังไม่พบว่าผู้ที่ทำงานติดต่อใกล้ชิดกับพนักงานดังกล่าวมีการติดเชื้อไวรัส COVID-19 เพิ่มเติม

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการอย่างเคร่งครัด โดยจัดให้มีการปิดสาขาและบริเวณโดยรอบที่พนักงานดังกล่าวได้เข้าไปปฏิบัติงาน เป็นเวลา 3 วัน  เพื่อทำการฆ่าเชื้อโรคและทำความสะอาดทันที บริษัทฯ ขอยืนยันในการดำเนินงานโดยคำนึงถึงสวัสดิภาพและความปลอดภัยของลูกค้าและพนักงานมาเป็นอันดับหนึ่ง

 นอกจากนี้ บริษัทยังได้มีการจัดทำรายงานเสนอเพื่ออัพเดทสถานการณ์จำนวนผู้ติดเชื้อภายในประเทศ และภายในบริษัทฯ ทุกวันเพื่อความโปร่งใส และตรงไปตรงมา สามารถติดตามได้ผ่านช่องทางการสื่อสารของทางบริษัท ขอให้ลูกค้าทุกท่านมั่นใจ ในความปลอดภัยเมื่อใช้บริการจากเคอรี่ เอ็กซ์เพรส

 

มาตรการในการป้องกันไวรัส COVID-19 ของเคอรี่ เอ็กซ์เพรส

  1. ทางบริษัทฯ มีการตั้งจุดตรวจคัดกรองและวัดอุณหภูมิร่างกายพนักงานก่อนเข้าสถานที่ปฏิบัติงานทุกครั้ง
    หากพบพนักงานมีอุณหภูมิร่างกายสูง หรือมีอาการเข้าข่ายเป็นโรคหวัด ให้ไปพบแพทย์ทันที และให้หยุดปฏิบัติงานทันที 14 วันเพื่อความปลอดภัย
  2. มีจุดตั้งเจลล้างมือและหน้ากากอนามัย พร้อมทั้งทำความสะอาดในสถานที่ปฏิบัติงานอย่างสม่ำเสมอ
  3. มีการฉีดพ่นแอลกฮอลล์ และน้ำยาฆ่าเชื้อบนกล่องสินค้าและในศูนย์กระจายสินค้า
  4. พนักงานคัดแยกสินค้าทุกคนจะต้องสวมหน้ากากอนามัยและใส่ถุงมือขณะทำงาน
  5. มีการฉีดพ่นฆ่าเชื้อในบริเวณคลังสินค้าอย่างต่อเนื่อง
  6. ไม่อนุมัติหรืออนุญาตให้พนักงานลาเพื่อเดินทางหรือแวะผ่าน (Transit) ประเทศกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มเฝ้าระวัง
    รวมทั้งขอความร่วมมืองดเดินทางทุกชนิด
  7. พนักงานที่เดินทางกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มเฝ้าระวังให้พนักงานแจ้งผู้บังคับบัญชา
    เพื่อปฏิบัติงานที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน ระหว่างการปฏิบัติงานที่บ้าน หากมีอาการป่วยให้รีบพบแพทย์และแจ้งผู้บังคับบัญชาทราบ
  8. ยกเลิกการประชุมและกิจกรรมทางสังคมทุกชนิด

ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถใช้บริการได้ที่สาขาใกล้เคียง ดังนี้

  1. สาขา บ้านกลางโทร 092-387-4217
  2. ศูนย์บริการลำพูน   โทร 063-012-1217
  3. สาขา จตุจักร ลำพูนโทร 062-995-1217
  4. สาขา ตลาดอินทรโทร 093-186-4217
  5. คลังกระจายสินค้า ลำพูนโทร 064-930-7217

สอบถามข้อมูลและตรวจสอบจุดให้บริการเคอรี่ได้ที่ https://announce.th.kerryexpress.com/

from:https://www.thumbsup.in.th/kerry-statement-covid-19

เอาใจคน Work From Home ออฟฟิศเมทส่งโปรฟรีเดลิเวอรี่ ไม่มีขั้นต่ำ สนับสนุนให้ทำงานจากบ้าน

OfficeMate

ตอบโจทย์ Work From Home ส่งฟรี ไม่มีขั้นต่ำ

OfficeMate เปิดโปรโมชั่นใหม่สู้ COVID-19 ด้วย “OfficeMateDelivery” โดยจะส่งสินค้าฟรีถึงบ้านแบบไม่มีขั้นต่ำการสั่งซื้อในระหว่างวันที่ 23 มีนาคม จนถึง 12 เมษายนนี้

วัตถุประสงค์คือต้องการให้ทุกคน Work From Home ได้อย่างสบายใจ โดยทางบริษัทพร้อมส่งสินค้าที่จำเป็นสำหรับการทำงานและการอยู่ติดบ้านอย่างปลอดภัย ลูกค้าไม่ต้องเสี่ยงเดินทาง

OfficeMate มีหน้าเว็บไซต์ที่รวบรวมสินค้าสำหรับ Work From Home มาให้ด้วย ดูได้ที่นี่

OfficeMate

OfficeMate

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/officemate-freee-delivery-covid-19/

ส่งของสดถึงหน้าบ้านมาแรง Instacart เตรียมจ้างพนักงานประจำอีก 3 แสนตำแหน่ง

Instacart
Photo: Instacart

ยอดสั่งซื้อพุ่ง 150% เตรียมจ้างงานเพิ่ม 3 แสนตำแหน่ง

หลังเกิดวิกฤต COVID-19 ทำให้ผู้คนต้องกักตัวอยู่ในบ้าน ไม่สะดวกในการเดินทางออกไปซื้อของนอกบ้าน ข้อมูลของ Instacart แอพพลิเคชั่นบริการสั่งซื้อสินค้าจากซุปเปอร์มาร์เก็ตและส่งถึงหน้าบ้านของลูกค้า เปิดเผยว่า สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ยอดการสั่งซื้อของสดออนไลน์พุ่งขึ้นจากเดิมถึง 150%

ล่าสุด Instacart ประกาศจ้างงานเพิ่ม 3 แสนตำแหน่งทั่วสหรัฐอเมริกาและแคนาดา โดยทุกตำแหน่งจะเป็นสัญญาจ้างแบบประจำ (ฟูลไทม์) รวมถึงหากมีพนักงานที่ตรวจพบเชื้อโรค COVID-19 สามารถลาพักป่วยแบบได้เงิน (paid sick leave)

นอกจากนั้น Instacart ยังระบุว่า ตอนนี้มีบริการส่งของเดลิเวอรี่แบบไม่สัมผัสร่างกายของผู้ส่งและลูกค้า (contactless delivery) ด้วยแล้ว

ที่มา – Engadget

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/instacart-grocery-delivery-jobs-covid-19/

เซเว่น อีเลฟเว่น ประกาศรับสมัครพนักงานเดลิเวอรี่ 20,000 รายทั่วประเทศ ส่งของในช่วงวิกฤต COVID-19

จากสถานการณ์ COVID-19 ในปัจจุบัน บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้ก่อตั้งร้านเซเว่น อีเลฟเว่นในประเทศไทย จึงประกาศรับสมัครทีมงานเพื่อให้บริการขนส่งสินค้า Delivery จาก ร้านเซเว่นฯ ถึงมือประชาชนที่บ้านพักอาศัย จำนวน 20,000 อัตราทั่วประเทศ

การรับพนักงานเดลิเวอรี่หลักหมื่นรายในครั้งนี้ เซเว่นฯ บอกว่า จะทยอยรับอย่างต่อเนื่อง เพราะต้องการขยายบริการเดลิเวอรี่ จากเดิมที่มีอยู่ 1,500 สาขา เพิ่มให้เป็นทุกสาขาทั่วประเทศไทยในอนาคต

เซเว่น อีเลฟเว่น ระบุว่า การเปิดรับสมัครพนักงานเดลิเวอรี่ในครั้งนี้ บริษัทต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการอำนวยความสะดวกด้านการบริการส่งสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวันผ่านแอพลิเคชั่น 7-Eleven Delivery โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของทั้งพนักงานและผู้บริโภคเป็นสำคัญ รวมทั้งเพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนที่ไม่มีงานทำ และผู้ประสบปัญหาการว่างงานจากภาวะวิกฤตครั้งนี้ด้วย

คุณสมบัติที่ต้องการ

  • อายุ 18 ปีขึ้นไป
  • วุฒิ ม.3 – ปริญญาตรี
  • สามารถทำงานเป็นกะได้
  • มีใบขับขี่รถจักรยานยนต์
  • มีรถจักรยานยนต์ (จะพิจารณาเป็นพิเศษ)

ติดต่อได้ดังนี้

  • กทม.ปริมณฑล : 091-004-9909, 091-004-9681
  • ภาคกลาง : 091-004-7615/ ภาคเหนือ : 091-004-7610
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : 091-004-7607, 091-004-7609
  • ภาคตะวันออก : 091-004-7604, 091-004-7605
  • ภาคใต้ : 091-004-7611 – 14

ที่มา – CP ALL

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/cp-all-hires-20k-delivery-covid-19/

สวนกระแส Amazon ประกาศจ้างงานเพิ่มอีกแสนตำแหน่ง เอามาทำเดลิเวอรี่โดยเฉพาะ สู้ COVID-19

เพราะ “เดลิเวอรี่” คือคำตอบในโลกยุคแห่งโรคระบากที่ผู้คนออกจากบ้านไปไหนไม่ได้

Amazon
Photo: Shutterstock

จ้างงานเพิ่ม บวกเงินเพิ่มให้ด้วยในช่วงวิกฤต

ในยุคแห่งโรคระบาดที่ผู้คนจำเป็นต้อง Social Distancing ไม่ได้เดินทางออกไปไหน หนึ่งในอาชีพสำคัญคือคนส่งของเดลิเวอรี่

ล่าสุด Amazon ประกาศจ้างงานในส่วนโลจิสติกส์เพิ่มกว่า 100,000 ตำแหน่ง (ในสหรัฐอเมริกา) ทั้งฟูลไทม์และพาร์ทไทม์ เพื่อมาทำงานในโกดังสินค้า จัดการด้านโลจิสติกส์ และงานเดลิเวอรี่สินค้า

ในประกาศของ Amazon ระบุชัดว่า ในวิฤตโรคระบาด COVID-19 รอบนี้มีแรงงานที่ถูกสั่งพักงานในหลายอุตสาหกรรม เช่น การบิน ท่องเที่ยว และการบริการ ดังนั้น Amazon บอกว่าตำแหน่งงานเหล่านี้ยินดีเปิดรับแรงงานเหล่านี้ทั้งหมดและสามารถทำไปจนกว่างานเดิมที่เคยทำจะกลับมาเป็นปกติ

อย่างไรก็ตาม Amazon ยังได้ประกาศเพิ่มค่าแรงรายชั่วโมงให้อีกด้วยถึง 2 ดอลลาร์ จากปกติที่จ่ายชั่วโมงละ 15 ดอลลาร์ ในช่วงวิกฤตนี้จึงขยับเป็น 17 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 550 บาทต่อชั่วโมง)

ที่มา – Amazon

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/amazon-fights-covid-19/