3 เหตุผลที่ทำให้ HP ENVY x360 เป็น 2-in-1 Notebook บางเบา ชิป AMD Ryzen ที่น่าซื้อสุด ๆ เริ่ม 24,990 บาท

HP ENVY x360 นั้นถือเป็น 2-in-1 Notebook ที่ได้ความบางเบาหรูหรา รองรับการใช้งานพื้นฐานได้ลื่นไหลสุดๆ ในราคาคุ้มค่าเริ่มเพียง 21,900 บาท อีกทั้งยังบันเดิลปากกา Stylus ใช้วาดรูปมาให้ในกล่องอีกด้วย ซึ่งบอกเลยว่าเป็น 2-in-1 Notebook ที่น่าซื้อสุดๆ จากดีไซน์ที่สวยงามหรูหรา พกพาสะดวก พร้อมสเปกและฟีเจอร์ที่เกินราคากว่า 2-in-1 Notebook ทั่วไป ในราคาเริ่มต้นเพียง 24,990 บาท (จากปกติ 25,990 บาท) สำหรับชิปประมวลผล AMD Ryzen 5 3500U (2.1 – 3.7GHz) + VEGA 8 + RAM 8GB + SSD 512GB พร้อมกับ Windows 10 แท้ในตัว

ส่วนอีกสเปคจะเป็นชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 3700U ที่เป็นสถาปัตยกรรมเดียวกัน ด้วยเทคโนโลยีการผลิต 12 นาโนเมตร มาพร้อมความเร็ว 2.3 – 4.0 GHz ทำงานแบบ 4 คอร์ 8 เธร์ด โดยมีค่าการกินไฟ TDP ที่ 15 Watt เท่านั้น การ์ดจอออนบอร์ดเป็น Radeon VEGA 10 ประสิทธิภาพใช้ได้ดี ควบคู่กับแรมขนาด 8 GB และ SSD m.2 512 GB PCIe NVMe  มีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 27,990 บาท (จากปกติ 28,990 บาท)ประกัน 2 ปี On-Site ตามมาตรฐาน HP พร้อมบริการหลังการขายอื่นๆ

พอร์ตการเชื่อมต่อมีมาตามนี้คือ 2 x USB 3.1 Type-A, USB 3.1 Type-C, Kensington Lock, Micro SD Card Reader และ Headset 3.5 mm พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 4.2 และ Wi-Fi 5 AC เทคโนโลยีเสารับสัญญาณ 2×2 โดดเด่นด้วยหน้าจอเป็นแบบจอกระจก Corning Gorilla Glass รองรับการสัมผัสขนาด 13.3″ รองรับสัมผัสมัลติทัชและปากกา Stylus รองรับแรงกดได้หลายระดับ พาเนลจอเป็น IPS ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล 120Hz

  • AMD Ryzen 5 3500U / VEGA 8 / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 13.3″ IPS 120Hz ราคา 24,990 บาท
  • AMD Ryzen 7 3700U / VEGA 10 / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 13.3″ IPS 120Hz ราคา 27,990 บาท

บทความนี้เราจะมาสรุป 3 เหตุผลที่ทำให้ HP ENVY x360 เป็น 2-in-1 Notebook บางเบา ชิป AMD Ryzen ที่น่าซื้อสุดๆ กัน เพื่อให้หลายๆ คนตัดสินใจซื้อมาใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้น

1. สวยหรูบางเบา ฟีเจอร์จัดเต็มสุดในรุ่น ทั้งสแกนนิ้ว ปิดกล้องได้แค่เลื่อน

HP ENVY x360  มาพร้อมกับดีไซน์พรีเมียม หรูหรา มองเผินๆ เหมือนโน้ตบุ๊คระดับไฮเอนด์ที่มีราคาหลายหมื่นบาท ซึ่ง HP ตั้งใจที่จะออกมาให้เป็นแบบนั้นจริงๆ สังเกตได้จากโลโก้ HP ที่เป็นตัวอักษรแบบใหม่เหมือนตัว Spectre ที่เป็นรุ่นท็อป งานประกอบก็ถือว่าแข็งแรงสอบผ่านได้สบายๆ เรียกได้ว่าสาวๆ หนุ่มๆ หลายคนเห็นแล้วคงชอบอยากได้เครื่องนี้ไว้ทำงานแน่นอน มีความบางเพียง 14.7 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักเพียง 1.3 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งโดยรวมแล้วสำหรับดีไซน์การออกแบบของเรียกได้ว่า HP ได้ก้าวไปอีกขั้นกับโน้ตบุ๊คราคานี้สเปคแบบนี้

วัสดุที่ทาง HP เลือกใช้บอดี้จะเป็น Aluminum ทั้งหมด สี Nightfall Black ดีไซน์แบบมินิมอลและพื้นผิวขัดลายเพิ่มความหรูหราอย่างมีระดับ พร้อมกับโลโก้ HP ที่เป็นสีเงินเงางามบริเวณกลางฝาหลัง ส่วนด้านในเครื่องบริเวณหน้าจอกระจกขอบบางเฉียบที่เป็น Corning Gorilla Glass ทั้งบาน ซึ่งเล่นสีกับขอบจอด้านในเป็นสีดำดูเข้ากันดี  ตัวคีย์บอร์ดยังมีไฟ LED Backlit สีขาวมาให้ด้วย ที่สำคัญตัวเครื่องยังบางเฉียบ พกพาได้สะดวก พร้อมพับปรับได้ 360 องศา เพื่อใช้งานมัลติโหมด และขาดไม่ได้เลยสำหรับสแกนลายนิ้วมือผ่านทาง Windows Hello

ปุ่ม Power (Wake Up / Sleep)จะถูกออกแบบให้อยู่ที่ด้านซ้ายตัวเครื่อง พร้องช่องระบายความร้อนหนึ่งช่อง ส่วนด้านขวาจะมีปุ่มเพิ่มเสียงลดเสียงปกติ ทำให้สะดวกและคล่องตัวมากๆ รวมถึงตัวเครื่องสามารถพับได้ 360 องศา ซึ่งดูแล้วอาจจะไม่คุ้นตาเหมือนกับโน้ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ แต่เมื่อใช้งานจริงแล้วพบว่าสามารถใช้งานได้คล่องตัวและสะดวกมากๆ จากการที่มันเป็น 2-in-1 Notebook พับได้ 360 องศานั่นเอง รวมไปถึงอีกด้านยังมีสวิตช์ Webcam Kill ปุ่มเลื่อนไปมาสำหรับเปิดปิดการใช้งานกล้องเว็บแคม ที่ช่วยเราให้เรื่องของความปลอดภัย ไม่ต้องหากระดาษมาแปะที่กล้องเว็บแคมโดยตรงอีกต่อไปเหมือนโน้ตบุ๊คปกติ

2. จอสีตรง ลื่นไหล 120Hz ปิดเปิดมุมมองได้ ติดตั้งลำโพง 4 ตัว

จอภาพแสดงผลของ HP ENVY x360 ถือเป็นอีกจุดเด่นก็ว่าได้ด้วยจอภาพขนาด 13.3″ ที่มีขอบบางมากถึง 3 ด้านด้วยกัน ซึ่งเป็นแบบจอกระจก Corning Gorilla Glass  อาจจะมีการสะท้อนภาพบ้างเวลาใช้งานกลางแจ้งหรือที่มีแสงจัดๆ โดยตัวจอรองรับการทัชสกรีนจำนวน 10 จุด ทั้งการใช้งานทั้งนิ้วมือแบบมัลติทัชและปากกา HP Active Pen ไม่แค่นั้นตัวเรื่องยังสามารถรองรับแรงกดได้หลายระดับ อีกทั้งยังสามารถพับปรับจอได้ 360 องศาอีกด้วย ตัวจอเป็นพาเนล IPS ทำให้สีสันคมชัดสมจริงไม่ว่ามองมุมไหน ความละเอียด 1920 x 1080 (Full HD) ซึ่งถือได้ว่าคมชัดเป็นอย่างมาก โดดเด่นด้วย Refresh Rate ที่ 120Hz ที่แสดงผลได้ลื่นไหลกว่า 60Hz แบบจอทั่วไป

ทดสอบจริงๆ ออกมาแล้ว ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite ให้สีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 88% และ AdobeRGB ที่ 69% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันในระดับที่เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปรวมไปถึงมืออาชีพ ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 300 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความสว่างที่ดีมากๆ ของหน้าจอในโน้ตบุ๊กราคาระดับนี้ คือรองรับการใช้งานที่กลางแจ้งได้สบายๆ โดยในส่วนของ Display Analysis ดูประสิทธิภาพการแสดงผลแบบละเอียดทั้งหมดรอบด้านด้วยคะแนน 4.0 (เต็ม 5 คะแนน)

ที่สำคัญคือ HP ENVY x360รองรับ HP Sure View ฟังก์ชันกันคนแอบมอง โดยกดปุ่ม F1 ซึ่งปกติจะมีเฉพาะรุ่นท็อปๆ เท่านั้น สำหรับฟีเจอร์ Privacy Screen นี้กับคุณสมบัติลดมุมมองหน้าจอลง เพื่อไม่ให้คนอื่นมาส่องมาเผือกได้เวลาที่ใช้งานนอกสถานที่  ที่ไม่ต้องเสียเวลาไปซื้อฟิล์มมาติดเพิ่ม ไม่ต้องลอกออกไปมา เพราะเราสามารถกดปุ่มปิดเปิดได้ตามความต้องการ ที่ปุ่ม F1 เรียกได้ว่าตอบโจทย์การทำงานสายมืออาชีพที่ต้องการความปลอดภัยขั้นสุดอีกด้วย

ระบบเสียงเลือกใช้ของ Bang & Olufsen พร้อมฟีเจอร์ HP Audio Boost ซึ่งวางส่วนของลำโพงไว้ด้านบนตัวเครื่อง 2 ตัว และด้านล่างอีก 2 ตัว รวมเป็น 4 ตัว แบบ Quad Speakers ทำให้เสียงที่ออกมากระจายกว้างไม่มีอะไรปิดกั้น ซึ่งให้เสียงที่ดีและดังพอสมควร จนไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องใช้งานในที่เสียงดัง สามารถตอบสนองเรื่องความบันเทิง การฟังเพลงสำหรับคนที่ชอบทำงานได้โอเคเลย ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ได้มีเสียงเบสมาก และเสียงจะค่อนไปทางเสียงกลาง เสียงแหลมมากกว่าก็ตาม แต่ก็จัดว่าดีกว่าโน้ตบุ๊คทั่วไปๆ ที่เป็น 2 ลำโพงแบบรู้สึกได้

3. ประสบการณ์ใช้งานเยี่ยมยอด พับได้ 360 องศา มีปากกาขีดเขียน

HP ENVY x360 ตอบสนองได้อย่างหลากหลายด้วยชิปประมวลผล AMD Ryzen 3000 รหัส U อย่าง AMD Ryzen 5 3500U และ AMD Ryzen 7 3700U พร้อมสเปกอื่นๆ ก็จัดเต็มด้วยแรมขนาด 8GB และได้ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ที่รองรับการใช้งานอย่างดูหนังฟังเพลง ทำงานเอกสาร ใช้งานอินเตอร์เน็ตเล่น Facebook / Youtube ได้ลื่นไหลสุดๆ (หรือเล่นเกมเบาๆ ก็พอได้) จากการที่เป็น 2-in-1 Notebook ที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี อีกทั้งด้วยการพับใช้งานถึง 4 รูปแบบด้วยกันไม่ว่าจะเป็น Notebook / Stand / Tent / Tablet ซึ่งแบ่งประเภทการทำงานดังนี้

Notebook Mode เป็นรูปแบบธรรมดาทั่วไปเหมือนกับโน้ตบุ๊คปกติ เน้นสำหรับการใช้งานทั่วไป เล่นอินเตอร์เน็ต รวมไปถึงงานเอกสารต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้คีย์บอร์ดและทัชแพดในการควบคุมเหมือนโน้ตบุ๊คปกติ

Stand Mode เน้นใช้งานที่ระบบจอสัมผัสของตัวเครื่องอย่างเดียวและวางไว้บนพื้นที่ราบ โดยรูปแบบการใช้งานนี้จะเน้นไปทางการใช้งานแอพพลิเคชั่นของ Windows เอง หรือเน้นไปทางการดู YouTube หรือชมภาพยนตร์เป็นหลัก พร้อมรองรับการทำงานแบบมัลติทัชได้พร้อมกันมากสุดที่ 10 จุดพร้อมกัน

Tent Mode ค่อนข้างจะคล้ายกับ Stand Mode ก่อนหน้านี้ แต่จะอยู่ในรูปทรงตั้งเครื่องเอาไว้เป็นลักษณะสามเหลี่ยม ใช้ในการวิวดูข้อมูลการแสดงผลหน้าจอเป็นหลัก อีกทั้งยังสามารถจับพาดหรือเกาะกับสิ่งของรอบๆ ได้

Tablet Mode ด้วยการพับหน้าจอกลับแบบ 360 องศา จนฝาหลังและฐานใต้เครื่องมาติดกัน เราก็จะได้แท็บเล็ตที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows ซึ่งเรามีความคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เหมาะสำหรับการเอาไว้เล่นเกมหรือดู E-Book อย่างที่แท็บเล็ตอื่นๆ ทั่วไปในตลาดสามารถทำได้

อย่างไรก็ตามสำหรับ HP ENVY x360 ก็ต้องบอกว่าวางใจได้เลยเรื่องความทนทาน เพราะมีการออกแบบบานพับที่สามารถเปิดปิดหรือปรับระดับได้อย่างลื่นไหลได้เหมือนใหม่ทุกครั้ง แข็งแรงสามารถหมุนเปิดปิดได้เป็นพันๆ หมื่นๆ ครั้ง อย่างไม่มีปัญหาแน่นอน ที่สำคัญปากกาสไตลัส HP Active Pen นี้ยังรองรับระดับแรงกดได้มากถึง 2,048 ระดับเลยทีเดียวอันนี้การันตีได้จากผู้ใช้งานนักวาดการ์ตูนหลายคนทีเดียว หรือจะใช้ไว้จดงานเขียนหนังสือก็สามารถทำได้สบายๆ เรียกได้ว่าจะลืมการใช้ปากกาและกระดาษแบบเดิมๆ ไปเลย

ซึ่งบอกได้เลยว่าสำหรับใครที่กำลังมองหาโน้ตบุ๊คบางเบาซักตัวที่พกพาสะดวกในราคาไม่แพง และมีความสามารถครบครันทั้งในเรื่องของการทำงานทั่วไปหรือแท็บเล็ตที่ทำงานร่วมกับโปรแกรมบนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ส่วนสเปคก็ถือว่าสนับสนุนการทำงานได้สบายๆ ให้ประสบการณ์ใช้งานเยี่ยมยอด ปิดท้ายด้วยแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานเกือบ 10 ชั่วโมง !!! ที่สำคัญคือ HP ENVY x360 ราคาได้ไม่แพง ส่งผลให้ผู้ใช้งานอย่างเราๆ ตัดสินใจซื้อกันได้ง่ายยิ่งขึ้นด้วย

 

 

 

from:https://notebookspec.com/3-hilight-hp-envy-x360-amd-2-in-1-notebook/511994/