[พรีวิว] Microsoft Lumia 950 และ Lumia 950 XL นี่แหละเรือธงที่แฟนๆรอคอย

หลังจากที่ปล่อยให้แฟนๆชาวไทยนั่งรอว่า เมื่อไหร่หนอที่ทาง Microsoft จะเปิดตัวเจ้าเรือธงรุ่นล่าสุดอย่าง Microsoft Lumia 950 และ Lumia 950 XL กันเสียที หลังจากที่ทั้ง 2 รุ่นนี้วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการไปในหลายๆประเทศแล้ว

วันนี้ ผมเองได้มีโอกาสเข้าร่วมในงาน Sneak Preview ของเจ้ามือถือทั้ง 2 รุ่นนี้ และอุปกรณ์เสริมที่น่าสนใจมากๆอีกตัวอย่าง Display Dock โดย Microsoft ประเทศไทย จึงถือโอกาสนี้เขียนเป็นบทความพรีวิวมือถือทั้ง 2 รุ่น เพื่อให้แฟนๆที่รออยู่ ได้อ่านกัน ก่อนเตรียมตัวพบกับของจริงกันเร็วๆนี้ครับ

 

มือถือสเปคจัดเต็ม ที่จะมาทำงานแทนพีซีของคุณ

นี่ดูจะเป็นสโลแกนของเจ้า Lumia 950 และ 950 XL ครับ เพราะมันคือเรือธงที่เป็นครั้งแรกๆเหมือนกันที่ Microsoft อัดสเปคของมือถือตัวเองมาได้เคียงบ่าเคียงไหล่กับมือถือในระบบปฏิบัติการอื่น ไม่ว่าจะเป็น

ชิปเซ็ท Snapdragon 810 ใน Lumia 950 XL และ Snapdragon 808 ใน Lumia 950

หน้าจอความละเอียดระดับ 2K ความหนาแน่นของพิกเซลต่อตารางนิ้ว 500 กว่า PPI ขึ้นไปทั้งคู่ ต่างกันที่ Lumia 950 มาพร้อมหน้าจอขนาด 5.2 นิ้วและใช้กระจก Gorilla Glass 3 แต่ Lumia 950 XL มาพร้อมหน้าจอขนาด 5.7 นิ้วและใช้กระจก Gorilla Glass 4

และพกมาด้วยเทคโนโลยีหน้าจอเดิม ของ Nokia อย่าง ClearBlack และ Super Sensitive Touch
แรม 3 GB
หน่วยความจำภายในที่ให้มา 32 GB ขยายเพิ่มด้วยการ์ด Micro-SD สูงสุด 2TB!!!
กล้องความละเอียด 20 MP f/1.9 พร้อมไฟแฟลชแบบ Triple LED ที่ให้ภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยแฟลชออกมาดูดีกว่าเดิม
กล้องหน้าความละเอียด 5 MP f/2.4 แบบมุมมองกว้าง
รองรับ 4G LTE Cat 6 (ความเร็วเชื่อมต่อสูงสุด 300 Mbps)  ใช้กับเครือข่ายบ้านเราได้ทั้งหมด และระบบ VoLTE (Voice Over LTE) หรือการโทรหากันผ่าน 4G ที่อยู่ระหว่างการคุยกับโอเปอร์เรเตอร์บ้านเราแล้วและจะประกาศอย่างเป็นทางการเร็วๆนี้
แบตเตอร์รี่ 3,000 mAh (ใน Lumia 950) และ 3340 mAh (ใน Lumia 950 XL) แบบถอดเปลี่ยนได้พร้อมระบบ fast charging ชาร์จแบต 0-50% ได้ใน 30 นาที ผ่านสาย USB 3.1 ที่เป็นมาตรฐานใหม่ของการเชื่อมต่อด้วย

รองรับการชาร์จไร้สาย (Wireless charging) ทั้ง 2 มาตรฐานในโลกปัจจุบัน ทั้ง Qi และ PMA

ระบบรักษาความปลอดภัยที่ผู้ใช้ระดับองค์กรไว้วางใจได้ และระบบยืนยันตัวตนอย่าง Windows Hello ที่สำหรับทั้ง 2 รุ่นนั้น Microsoft ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนม่านตา (Iris scanner) มาให้
เทคโนโลยีแบบจัดเต็มที่ Microsoft ขนมาใส่ให้ในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นระบบ Continuum, Digital call recorder หรือการบันทึกเสียงสนทนาแบบดิจิทัลที่อีกฝ่ายจะไม่รู้สึกตัว หรือว่าการรองรับ USB OTG ก็มีมาให้แล้ว แถมเสียบได้แม้กระทั่ง External HDD ด้วย
และแน่นอน ชูโรงด้วยความเป็น Windows 10 ที่เป็นระบบปฏิบัติการเดียวของ Microsoft ที่ใช้งานได้ข้ามอุปกรณ์และ Universal apps ที่ใช้งานบน store เดียวกันกับทุกอุปกรณ์

** สเปคเต็มๆของมือถือทั้ง 2 รุ่นนั้น เพื่อนๆอ่านได้จากที่นี่ครับ

*** สำหรับ Lumia 950 และ 950 XL รุ่นที่จะขายในไทยนั้น Microsoft ระบุว่าจะนำเข้าเฉพาะรุ่นซิมเดียวที่รองรับ 4G เท่านั้นนะครับ ไม่มีรุ่น Dual-sim วางจำหน่าย

 

แรกสัมผัส ดูดีกว่าที่เห็นในภาพจากสื่อต่างๆ

ความเห็นส่วนตัว บอกเลยแบบไม่อวยครับว่า มันดูดีกว่าที่เราเห็นจากภาพนิ่งจริงๆ (ก่อนหน้านี้ผมเองก็มีประเด็นเรื่องการออกแบบมือถือทั้ง 2 รุ่นนี้พอสมควร) การออกแบบจะไม่ได้เปลี่ยนไปจากแนวทางก่อนหน้านี้มากนัก ซึ่งก็เป็นทั้งข้อดีและข้อเสียในตัวเหมือนกัน เพราะหากจะมองว่ายึดถือแนวทางการออกแบบของตัวเองให้เป็นเอกลักษณ์ของมือถือตระกูล Lumia ก็ได้เหมือนกัน แต่จะให้มองว่าการออกแบบมันซ้ำๆ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง มันก็ได้เช่นกัน

ส่วนถ้าจะให้บอกว่ามันสวยหรือไม่ อันนี้ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนแล้วครับ

สำหรับในแง่งานประกอบและคุณภาพ เมื่อได้จับมันจริงๆก็รู้สึกว่า คุณภาพงานประกอบต่างๆก็ทำออกมาได้ตามมาตรฐานของ Nokia เดิมและ Microsoft

งานประกอบไม่มีอะไรให้ติ โลโก้ Microsoft ตรงกลางเครื่องเป็นโลหะเซาะร่องลงไปด้วย

สำหรับ Microsoft Lumia 950 และ 950 XL นั้นจะมีวางจำหน่ายทั้งหมด 2 สีครับ คือสีขาวและสีดำ โดยฝาหลังของทั้ง 2 สีทำจากวัสดุโพลีคาร์บอเนต (หรือก็คือพลาสติกนั่นแหละ) ผิวด้าน (Matt) ทั้งคู่ซึ่งข้อดีคือมันทำให้เราสามารถจับมือถือขนาดใหญ่อย่างทั้ง 2 รุ่นนี้ได้อย่างถนัดมือทีเดียวครับ ส่วนด้านหน้าเป็นสีดำทั้งหมดเหมือนกันทั้ง 2 สี

ในเรื่องของขนาด ต้องบอกว่า Microsoft ทำการบ้านมาได้ดีสำหรับ Lumia 950 XL เพราะด้วยหน้าจอที่ต่างกับเจ้า Lumia 950 ถึง 0.5 นิ้ว แต่ว่าขนาดเครื่องของทั้ง 2 รุ่นกลับไม่ต่างกันมากนัก ก็ขึ้นกับความชอบแล้วครับว่าใครชอบมือถือหน้าจอขนาดไหน

แต่ถ้าจะให้เทียบกับการออกแบบของมือถือรุ่นเด่นๆของยุคนี้แล้ว ก็ถือว่าทั้ง 2 รุ่นยังมีขอบเครื่องที่เหลืออยู่มากเกินไปนิดนึง

สำหรับปุ่มชัตเตอร์ที่เป็นเอกลักษณ์ของมือถือที่เน้นกล้องของ Microsoft ก็ยังมีอยู่ในทั้ง 2 รุ่นนี้ โดยจุดเด่นอย่างหนึ่งของปุ่มด้านข้างของทั้ง 2 รุ่นคือ การใช้วัสดุเป็นอลูมิเนียมที่อย่างน้อยก็ให้ความรู้สึกพรีเมียมในส่วนของปุ่มกดล่ะครับ (ถึงแม้ฝาหลังจะใช้วัสดุเป็นโพลีคาร์บอเนตก็ตาม)

องค์ประกอบภายนอกที่ต่างกันของทั้ง 2 รุ่นอีกหนึ่งจุดก็คือโมดูลกล้องด้านหลังเครื่องนั่นเอง โดยเจ้า Lumia 950 จะมีวงแหวนเงินขนาดใหญ่ล้อมรอบโมดูลกล้องอยู่แบบเห็นเด่นเป็นสง่า ส่วน Lumia 950 XL นั้นวงแหวนเงินจะเล็กกว่า และตำแหน่งลำโพงจะอยู่กันคนละที่เท่านั้นเอง

โมดูลกล้องของ Lumia 950 XL

โมดูลกล้องของ Lumia 950

 

ถ้าของเดิมๆไม่หรู เรามีทางเลือกให้

อย่างที่บอกไปครับว่าฝาหลังของทั้ง 2 รุ่นเป็นวัสดุแบบโพลีคาร์บอเนต เรื่องความหรูหราของวัสดุสำหรับความเป็นเรือธงอาจจะลดไปบ้าง แต่ว่า Microsoft ก็จับมือกับพันธมิตรอย่าง Mozo ผู้ผลิตอุปกรณ์เสริมสัญชาติฟินแลนด์ สำหรับผลิตอุปกรณ์เสริมอย่างฝาหลังที่ใช้วัสดุพิเศษ อย่างหนัง เป็นต้น ซึ่งมีทั้งฝาหลังอย่างเดียว หรือว่า flip case ก็มีให้เลือก ซึ่งเมื่อทดลองแต่งหล่อให้กับทั้ง 2 รุ่นแล้ว บอกได้คำเดียวว่าหล่อขึ้นมาทันตาครับ หรูขึ้นมาเยอะเลยทีเดียว และที่สำคัญฝาหลังยังคงรองรับคุณสมบัติ Wireless charging เหมือนเดิม

ใส่แล้ว….หล่อขึ้นมาทันที เพราะขอบฝาหลังก็เป็นอลูมิเนียม และตรงฝาหลังก็เป็นหนังด้วย โดยการเปลี่ยนฝาหลังทำได้แนบสนิทกับตัวเครื่องเหมือนฝาหลังดั้งเดิมเลยทีเดียว

ที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือ Microsoft ประเทศไทยเอง ก็มีแผนที่จะนำฝาหลังของ Mozo ของทั้ง 2 รุ่นเข้ามาจำหน่ายในบ้านเราด้วย และราคาที่จะวางจำหน่ายในบ้านเราจะเป็นราคาที่เหมาะสำหรับตลาดและกำลังซื้อของบ้านเรา เพราะปกติแล้วฝาหลังของ Mozo นั้นจะมีราคาเริ่มต้นที่ 48.50 ยูโร หรือราว 1,900 บาท ซึ่งถ้าเรื่องนี้เป็นจริงแฟนๆบ้านเราก็น่าจะได้ราคาถูกกว่านี้ครับ

หรืออาจจะมีข่าวดีที่เป็นโปรโมชั่นสำหรับการทำตลาดด้วยก็ได้…อันนี้ต้องรอติดตามกันต่อไป

 

หน้าจอ 2K สีสันจัดจ้าน ดูอะไรก็สวย

ตามหัวข้อครับ เพราะทั้ง 2 รุ่นใช้หน้าจอ AMOLED ความละเอียดระดับ 2K (WQHD: 2560 x 1440 พิกเซล) แถมด้วยเทคโนโลยี ClearBlack และมีความหนาแน่นต่อพิกเซลสูงเกิน 500 PPI ขึ้นไปทั้งคู่ เพราะฉะนั้นในเรื่องของคุณภาพหน้าจอหายห่วงครับ เพียงแต่สำหรับคนที่ไม่ชอบสีจัดเกินไป ก็อาจจะไม่ชอบได้เหมือนกัน แต่ก็สามารถเลือกปรับโทนสีของหน้าจอให้เหมาะกับความต้องการของตัวเองได้จากส่วนการตั้งค่าเหมือนเดิม

นี่คือภาพหน้าจอแบบสดๆตอนจะถ่ายรูปเลยครับ

 

กล้อง นี่คือพัฒนาการของกล้องจากทีมงาน Nokia เดิม ดีขึ้นทุกด้าน

ปัญหาถ่ายรูปติดโทนอมม่วง และ White balance เพี้ยนจากมือถือรุ่นก่อนหน้านั้น Microsoft แจ้งว่าได้รับการปรับปรุงแล้วใน Lumia 950 และ 950 XL และจากที่ผมได้ทดสอบราวชั่วโมงกว่าๆนั้นก็พบว่า กล้องทำได้ดีสมราคาคุยครับ ด้วยเซ็นเซอร์ขนาด 1/2.5” และความละเอียดระดับ 20 MP พร้อมซอฟท์แวร์ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ทำให้ภาพที่ถ่ายได้จากทั้ง 2 รุ่นออกมาน่าประทับใจ ซึ่งภาพที่ทีมงาน Microsoft ไปถ่ายมาและเอามาโชว์นั้น ก็น่าประทับใจทีเดียวครับ โดยเฉพาะรายละเอียดของภาพเมื่อซูมดูใกล้ๆ

น่าเสียดายที่ผมไม่ได้รับอนุญาตให้เอาภาพที่ทดสอบถ่ายไว้ออกมาได้ทั้งหมด แต่ก็ขอเอาออกมาได้ 2-3 รูปด้วยการส่งอีเมลออกมาจากเครื่องทดสอบ (ซึ่งขอบอกว่าเลือกรูปได้ผิดมากเพราะรีบ เลยได้ภาพที่อาจจะไม่สมบูรณ์เท่าไหร่มานะครับ) ภาพเหล่านี้ถ่ายในสภาวะแสงสลัวๆด้วยไฟในห้องสีโทนร้อน แต่ผลที่ได้ (สำหรับภาพอื่นๆที่ผมเห็น) บอกได้ว่าน่าประทับใจครับ เอาไว้ขอแก้ตัวตอนที่ได้รีวิวเครื่องจริงแทนก็แล้วกันครับ

โดยภาพถ่ายแต่ละภาพของ Lumia 950 ทั้ง 2 รุ่นนั้น มีขนาดไฟล์ละ 7 MB กว่าๆเลยทีเดียว

สำหรับการถ่ายภาพในสภาะแสงน้อยนั้น Microsoft ระบุว่าทำได้ดีขึ้นและจากภาพที่เอามาโชว์ก็ทำให้เชื่ออย่างนั้นเช่นกัน แต่ก็เช่นเคยครับ ต้องรอทดสอบของจริงตอนรีวิวอีกครั้ง

มีเทียบกับคู่แข่งด้วย โดยสิ่งที่เทียบคือการถ่ายภาพแสงน้อยแบบ HDR ที่จะเห็นรายละเอียดของส่วนสว่างได้ชัดเจน ครบถ้วนกว่า

สำหรับแฟลช Triple LED นั้น Microsoft อ้างว่าจะให้สีสันของภาพที่เป็นธรรมชาติกว่าแฟลชในมือถือรุ่นอื่นๆ คนจะออกมาเป็นคน ไม่ออกมาเป็นผีหน้าขาวหรือว่าหน้ามัน แต่จะออกมาในมุมมองสีธรรมชาติกว่า

และเช่นเคย มีภาพเปรียบเทียบครับ

สำหรับสิ่งที่เพิ่มเข้ามาด้านการถ่ายวิดีโอของ Lumia 950 และ 950 XL คือรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Slow-mo แล้ว โดยสามารถเลือกได้ 2 รูปแบบคือที่ความเร็ว 85 fps สำหรับความละเอียด 1080p และ 120 fps สำหรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียด 1080p ถึงจะยังไม่ได้เท่ากับคู่แข่ง แต่ก็มีให้ใช้กันแล้วนะ

และฟังก์ชั่นขายอีกอย่างคือ Lumia 950 ทั้ง 2 รุ่นยังคงมาพร้อมกับไมโครโฟนแบบ HAAC หรือ High Amplitude Audio Capture ถึง 4 ตัว ที่จะทำให้การบันทึกเสียงของวิดีโอนั้น ตัดเสียงรบกวนและได้คุณภาพเสียงที่ดีเยี่ยมเหมือนกับที่เรือธงรุ่นก่อนๆของ Nokia และ Microsoft ทำเอาไว้

 

ส่วนลูกเล่นอีกอันที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดคือ Living image หรือการบันทึกภาพเคลื่อนไหวก่อนการถ่ายภาพนิ่ง ซึ่ง Microsoft ก็ย้ำว่าคุณสมบัตินี้เราทำมาก่อนนะ 🙂 และตอนนี้มันก็ได้รับการปรับปรุงขึ้นมาแล้วคือ

ระบบจะฉลาดพอที่จะรู้ว่าในภาพที่เรากำลังถ่ายมีวัตถุที่เคลื่อนไหวหรือไม่ ถ้าไม่มีระบบจะไม่บันทึกภาพแบบ living image เพื่อประหยัดพื้นที่หน่วยความจำ
ภาพ living […]

from:https://www.appdisqus.com/2015/12/25/sneak-preview-microsoft-lumia-950-and-950-xl-this-is-the-real-flagship-for-windows-fans.html