เปิดตัว Asus ZenFone 3 Deluxe สมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ใช้ชิป Snapdragon 821

เมื่อวานนี้ Qualcomm ได้มีการแนะนำชิปประมวลผล Snapdragon 821 อย่างทางการ ค่ายมือถือจากไต้หวัน Asus ก็ประกาศทันทีว่า จะนำชิปประมวลผลดังกล่าวมาฝังไว้ในสมาร์ทโฟน Asus ZenFone 3 Deluxe รุ่นไฮเอนด์ ซึ่งเดิมทีได้ประกาศไว้ว่าจะใช้ชิป Snapdragon 820 อย่างไรก็ตามชิปรุ่นใหม่ของ Qualcomm ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ พื้นฐานการผลิตยังใช้เทคโนโลยี 14 นาโนเมตรเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือแรงขึ้น 10%

Snapdragon 820 มากับความเร็ว 2.2 GHz Dual Core + 1.6 GHz Dual Core จีพียู 624 MHz ส่วนชิปตัวใหม่ Snapdragon 821 มากับความเร็ว 2.4 GHz Dual Core + 2.0 GHz Dual Core จีพียู 650 MHz

Asus ZenFone 3 Deluxe เวอร์ชั่น Snapdragon 821 จะมาพร้อม RAM 6 GB ความจำภายในแบบ UFS 2.0 ความจุ 256 GB ราคา 780 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 27,410 บาท นอกจากนี้ยังมีอีก 2 เวอร์ชั่นที่ใช้ชิปรุ่นก่อน Snapdragon 820 โดยรุ่นที่ใช้ RAM 6 GB + ROM 64 GB จะมีราคา 560 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 19,680 บาท และรุ่นที่ใช้ RAM 4 GB + ROM 32 GB มีค่าตัวอยู่ที่ 500 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 17,570 บาท

Asus ZenFone 3 Deluxe เวอร์ชั่น Snapdragon 820 จะเริ่มวางจำหน่ายก่อนในไต้หวันและฮ่องกงภายในเดือนสิงหาคมนี้ ส่วนเวอร์ชั่น Snapdragon 821 จะทำตลาดในช่วงปลายปี 2016

ที่มา –  engadget 

from:http://www.flashfly.net/wp/?p=151654

Asus Zenfone 3 เปิดตัวพร้อมกัน 3 รุ่น สเปกอย่างโหด แรม 6GB กล้อง 23 ล้านพิกเซล และรุ่นจอใหญ่ 6.8 นิ้ว

Asus เผยโฉมสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ในงาน Computex 2016 ซึ่งจัดขึ้นบนเกาะไต้หวัน โดยเปิดตัวพร้อมกัน 3 รุ่น ได้แก่ ZenFone 3, ZenFone 3 Deluxe และ ZenFone 3 Ultra ทั้งหมดมีการออกแบบใหม่หมด ดูสวยหรูกว่าตะกูล Zenfone 2 แผงด้านหน้าและด้านหลัง ครอบทับด้วยกระจก 2.5D Gorilla Glass และขอบตัวเครื่องใช้วัสดุโลหะที่ถูกพ่นทราย ให้ความรู้สึกดีเมื่อได้สัมผัส

Asus ZenFone 3 มากับชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 625 พร้อมจีพียู Adreno 506 หน่วยความจำ RAM 3 GB จับคู่กับ ROM 32 GB ขยายพื้นที่ได้อีกผ่าน microSD card จอแสดงผล IPS ความละเอียด Full HD 1080p กว้าง 5.5 นิ้ว รองรับเครือข่าย 4G LTE Cat.6 สนับสนุน 2 ซิมการ์ด (MicroSIM+NanoSIM) การเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11ac MU-MIMO, Bluetooth 4.2, USB Type-C แบตเตอรี่ 3,000 mAh และติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาให้ด้วย

Asus ZenFone 3 ได้รับการอัพเกรดระบบเสียงใหม่ ลำโพงย้ายไปไว้ด้านล่าง มากับแม่เหล็ก 5 ชั้น ขับเสียงผ่าน NXP smart amp และรองรับระบบเสียง Hi-Res Audio เมื่อเชื่อมต่อกับชุดหูฟัง

กล้องด้านหลังใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX298 ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ขนาดรูรับแสง f/2.0 โฟกัสภาพในระบบ PDAF พร้อมแสงเลเซอร์ช่วยโฟกัส ระบบกันสั่นแบบออปติคอล 4 แกน และ 3 แกนสำหรับบันทึกวีดีโอ อีกทั้งยังทีโหมด Low Light เพิ่มประสิทธิภาพในที่แสงน้อย โหมด Super Resolution ถ่ายภาพความละเอียดสูง 64 ล้านพิกเซล และในโหมด Manual สามารถเปิดรับแสงได้นานสูงสุด 32 วินาที นอกจากนี้ยังมีกล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล ให้มุมกว้าง 85 องศา เหมาะสำหรับการถ่ายเซลฟี่

Asus ZenFone 3 Deluxe มีดีไซน์ที่ไม่แตกต่างไปจากรุ่น ZenFone 3 เท่าไรนัก แต่เปลี่ยนแผงหลังมาใช้วัสดุโลหะ Unibody แทนกระจก มาพร้อมจอแสดงผล Super AMOLED ความละเอียด Full HD 1080p ขนาด 5.7 นิ้ว แสดงภาพได้ 100% ในช่วงสี NTSC และยังแสดงผลการแจ้งเตือนแบบ always-on

Asus ZenFone 3 Deluxe ตอบสนองการทำงานด้วยขุมพลัง Qualcomm Snapdragon 820 หน่วยความจำ RAM 6 GB ความจำภายใน 64 GB (UFS 2.0 ) และจะมีรุ่น 256 GB ตามออกมาในภายหลัง ZenFone 3 Deluxe ยังเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ใช้กล้อง Sony IMX318 ความละเอียด 23 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายภาพความละเอียดสูงสุด 92 ล้านพิกเซล ด้วยโหมด Super Resolution บันทึกวีดีโอในระดับ 4K รองรับเครือข่าย 4G LTE Cat.13 การเชื่อมต่อ USB 3.0 และ Quick Charge 3.0

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด (เพราะจะมี ZenFone 3 Series ตามออกมาอีกในอนาคต) Asus ZenFone 3 Ultra มากับจอแสดงผล Full HD 1080p ขนาด 6.8 นิ้ว แสดงภาพได้ 95% ในช่วงสี NTSC สนับสนุนการเล่นวีดีโอระดับ 4K ด้วย PixelWorks iris2+ ให้ลำโพงมา 2 ตัวติดตั้งไว้ที่ด้านล่าง พร้อมระบบเสียงรอบทิศทาง DTS Headphone:X 7.1

Asus ZenFone 3 Ultra ใช้หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 652 หน่วยความจำ RAM 4 GB ความจำภายใน 64 GB ความจุแบตเตอรี่ 4,600 mAh รองรับเครือข่าย 4G LTE Cat.6 การเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.1ac, USB 3.0 และ Quick Charge 3.0

Asus ยังไม่เผยกำหนดการวางจำหน่าย แต่เผยค่าตัวออกมาแล้ว ZenFone 3 ราคาเริ่มต้น 249 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 8,900 บาท ZenFone 3 Deluxe ราคาเริ่มต้น 499 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 17,900 บาท และ ZenFone 3 Ultra ราคาเริ่มต้น 479 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 17,200 บาท

ที่มา –  engadget 

from:http://www.flashfly.net/wp/?p=147167